inputs
stringlengths
30
4.09k
targets
stringlengths
1
2.05k
language
stringclasses
1 value
split
stringclasses
3 values
template
stringclasses
36 values
dataset
stringclasses
4 values
config
stringclasses
2 values
I wonder การทัพนอร์เวย์ หรือปฏิบัติการเวแซร์รืบุง ก่อตั้งโดยใคร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทัพนอร์เวย์ Article: การทัพนอร์เวย์ หรือปฏิบัติการเวแซร์รืบุง (9 เมษายน - 10 มิถุนายน ค.ศ. 1940) นั้นเป็นการเผชิญหน้ากันอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับนาซีเยอรมนี เยอรมนีนั้นต้องการที่จะครอบครองนอร์เวย์เพื่อเหล็กและโลหะจากสวีเดนอีกต่อหนึ่ง ซึ่งขนส่งทางเรือจากเมืองท่านาร์วิก ด้วยการยึดครองเมืองท่าอย่างสมบูรณ์ ก็จะทำให้การขนส่งทรัพยากรดังกล่าวเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม แม้ว่าจะถูกขัดขวางด้วยการปิดล้อมทางทะเลจากอังกฤษ นอกจากนั้นแล้ว มันยังทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรและเยอรมนีสามารถรบกันได้ด้วยการรบแบบสนามเพลาะซึ่งทั้งสองฝ่ายหวาดกลัว ต่อมาเมื่อยุทธนาวีมหาสมุทรแอตแลนติกขยายออกไป สนามบินของนอร์เวย์ เช่น สนามบินโซลา ในเมืองสตาวังเงร์ ซึ่งเครื่องบินสำรวจเยอรมันใช้เพื่อออกปฏิบัติการในภาคพื้นมหาสมุทรแอตแลนติก ภูมิหลัง ความสำคัญของนอร์เวย์ ทั้งสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสต่างก็ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือทางทหารกับโปแลนด์ และอีกสองวันหลังจากการรุกรานโปแลนด์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 ทั้งสองประเทศก็ได้ประกาศสงครามกับเยอรมนี แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็มิได้เปิดแนวรบด้านตะวันตก และมิได้เกิดการรบกันครั้งสำคัญใด ๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลายเดือนที่เรียกกันว่า สงครามลวง ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายกำลังมองหาแนวรบที่สอง สำหรับฝ่ายสัมพันธมิตร ฝรั่งเศสนั้นมีความต้องการที่จะหลีกเลี่ยงมิให้เกิดการรบแบบสนามเพลาะอีกครั้งแบบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งได้เกิดขึ้นตามแนวรบด้านตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สำหรับฝ่ายเยอรมนี นายทหารระดับสูงนั้นมีความเห็นว่าเยอรมนีนั้นยังมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะทำการรบกับฝ่ายสัมพันธมิตรในขณะนี้ ดังนั้นจึงควรโจมตีนอร์เวย์ก่อนจึงจะสามารถแผ่อิทธิพลออกไปในภายหลัง นอร์เวย์ซึ่งยังคงวางตัวเป็นกลาง นั้นเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของทั้งสองฝ่ายโดยมีสองสาเหตุ อย่างแรกคือความสำคัญของเมืองท่านาร์วิก ซึ่งสามารถขนส่งเหล็กและโลหะจากสวีเดน ซึ่งเยอรมนีต้องการมาก เส้นทางเดินเรือดังกล่าวยังเป็นเส้นทางสำคัญมากเป็นพิเศษในช่วงที่ทะเลบอลติกนั้นได้กลายเป็นน้ำแข็ง นาร์วิกยังได้มีความสำคัญมากขึ้นต่ออังกฤษ เมื่ออังกฤษทราบว่าโครงการแคทเธอรีนของอังกฤษที่จะครอบครองทะเลบอลติกนั้นไม่สามารถนำมาใช้ได้ อย่างที่สอง เมืองท่าของนอร์เวย์ยังเป็นช่องว่างของการปิดล้อมเยอรมนี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทารุณทางเพศกับเด้กเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทารุณเด็กทางเพศ Article: การทารุณเด็กทางเพศ[1] (English: Child sexual abuse ตัวย่อ CSA, English: child molestation) หรือ การกระทำทารุณต่อเด็กทางเพศ[2] หรือ การทำร้ายเด็กทางเพศ[3] เป็นรูปแบบการกระทำทารุณต่อเด็กที่ผู้ใหญ่, หรือเยาวชนหรือวัยรุ่นที่มีอายุมากกว่าและต่างระดับพัฒนา[4] ใช้เด็กกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ[5][6] มีรูปแบบตั้งแต่การขอหรือบังคับให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศ (ไม่ว่าจะได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่), การแสดงสิ่งลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเพศ หัวนมหญิง เป็นต้น เพื่อสนองความต้องการทางเพศของตน เพื่อขู่ขวัญเด็ก หรือเพื่อปะเหลาะประเล้าประโลมเตรียมเด็กเพื่อทารุณกรรม, การสัมผัสเด็กทางเพศ, หรือการใช้เด็กเพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร[5][7][8] ทารุณกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายที่หลายสถาน รวมทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือสำนักงานที่มีเด็กทำงานเป็นปกติ การจับเด็กแต่งงานเป็นรูปแบบการทารุณหลักอย่างหนึ่ง ที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ได้กล่าวไว้ว่า "อาจเป็นรูปแบบการทารุณและฉวยผลประโยชน์จากเด็กหญิงทางเพศที่แพร่หลายที่สุด"[9] ทารุณกรรมต่อเด็กส่งผลทางจิตใจ ให้เกิดความซึมเศร้า[10] ความวิตกกังวล[11] ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ[12] ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจแบบซับซ้อน (complex post-traumatic stress disorder)[13] ความโน้มเอียงที่จะตกเป็นเหยื่อทารุณกรรมอีกในวัยผู้ใหญ่[14] รวมทั้งการบาดเจ็บทางกาย และเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาทั้งหมด[15] ทารุณกรรมโดยสมาชิกครอบครัวซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการร่วมประเวณีกับญาติสนิท จะก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงยิ่งกว่าต่อเด็ก ส่งผลกระทบต่อจิตใจในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ทำโดยผู้ปกครอง[16] ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม ความแพร่หลายทั่วโลกของทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กประเมินอยู่ที่ 19.7% ในหญิง และ 7.9% ในชาย[17] ผู้กระทำผิดส่วนมากรู้จักเหยื่อ ราว 30% เป็นญาติ บ่อยที่สุดเป็นพี่ชาย พ่อ ลุง หรือลูกพี่ลูกน้อง ราว 60% เป็นคนรู้จักอื่นอย่างเช่น "เพื่อน"ของคนในครอบครัว พี่เลี้ยงเด็ก หรือเพื่อนบ้าน และราว 10% เป็นคนแปลกหน้า[18] ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นชาย จากการศึกษาพบว่า หญิงทำผิดต่อ 14-40% ของเหยื่อเด็กชาย และ 6% ของเหยื่อเด็กหญิง[18][19][20](โดยที่เหลือของเหยื่อทำโดยผู้ทำผิดเพศชาย) ส่วนคำภาษาอังกฤษว่า pedophile (คนใคร่เด็ก) มักจะใช้อย่างไม่เลือกกับทุก ๆ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทารุณเด็กทางเพศต่อเด็กผู้กระทำผิดส่วนมากรู้จักเหยื่อ ราวกี่เปอร์เซ็นต์?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทารุณเด็กทางเพศ Article: การทารุณเด็กทางเพศ[1] (English: Child sexual abuse ตัวย่อ CSA, English: child molestation) หรือ การกระทำทารุณต่อเด็กทางเพศ[2] หรือ การทำร้ายเด็กทางเพศ[3] เป็นรูปแบบการกระทำทารุณต่อเด็กที่ผู้ใหญ่, หรือเยาวชนหรือวัยรุ่นที่มีอายุมากกว่าและต่างระดับพัฒนา[4] ใช้เด็กกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ[5][6] มีรูปแบบตั้งแต่การขอหรือบังคับให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศ (ไม่ว่าจะได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่), การแสดงสิ่งลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเพศ หัวนมหญิง เป็นต้น เพื่อสนองความต้องการทางเพศของตน เพื่อขู่ขวัญเด็ก หรือเพื่อปะเหลาะประเล้าประโลมเตรียมเด็กเพื่อทารุณกรรม, การสัมผัสเด็กทางเพศ, หรือการใช้เด็กเพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร[5][7][8] ทารุณกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายที่หลายสถาน รวมทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือสำนักงานที่มีเด็กทำงานเป็นปกติ การจับเด็กแต่งงานเป็นรูปแบบการทารุณหลักอย่างหนึ่ง ที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ได้กล่าวไว้ว่า "อาจเป็นรูปแบบการทารุณและฉวยผลประโยชน์จากเด็กหญิงทางเพศที่แพร่หลายที่สุด"[9] ทารุณกรรมต่อเด็กส่งผลทางจิตใจ ให้เกิดความซึมเศร้า[10] ความวิตกกังวล[11] ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ[12] ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจแบบซับซ้อน (complex post-traumatic stress disorder)[13] ความโน้มเอียงที่จะตกเป็นเหยื่อทารุณกรรมอีกในวัยผู้ใหญ่[14] รวมทั้งการบาดเจ็บทางกาย และเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาทั้งหมด[15] ทารุณกรรมโดยสมาชิกครอบครัวซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการร่วมประเวณีกับญาติสนิท จะก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงยิ่งกว่าต่อเด็ก ส่งผลกระทบต่อจิตใจในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ทำโดยผู้ปกครอง[16] ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม ความแพร่หลายทั่วโลกของทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กประเมินอยู่ที่ 19.7% ในหญิง และ 7.9% ในชาย[17] ผู้กระทำผิดส่วนมากรู้จักเหยื่อ ราว 30% เป็นญาติ บ่อยที่สุดเป็นพี่ชาย พ่อ ลุง หรือลูกพี่ลูกน้อง ราว 60% เป็นคนรู้จักอื่นอย่างเช่น "เพื่อน"ของคนในครอบครัว พี่เลี้ยงเด็ก หรือเพื่อนบ้าน และราว 10% เป็นคนแปลกหน้า[18] ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นชาย จากการศึกษาพบว่า หญิงทำผิดต่อ 14-40% ของเหยื่อเด็กชาย และ 6% ของเหยื่อเด็กหญิง[18][19][20](โดยที่เหลือของเหยื่อทำโดยผู้ทำผิดเพศชาย) ส่วนคำภาษาอังกฤษว่า pedophile (คนใคร่เด็ก) มักจะใช้อย่างไม่เลือกกับทุก ๆ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทารุณเด็กทางเพศต่อเด็กผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นชายใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทารุณเด็กทางเพศ Article: การทารุณเด็กทางเพศ[1] (English: Child sexual abuse ตัวย่อ CSA, English: child molestation) หรือ การกระทำทารุณต่อเด็กทางเพศ[2] หรือ การทำร้ายเด็กทางเพศ[3] เป็นรูปแบบการกระทำทารุณต่อเด็กที่ผู้ใหญ่, หรือเยาวชนหรือวัยรุ่นที่มีอายุมากกว่าและต่างระดับพัฒนา[4] ใช้เด็กกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ[5][6] มีรูปแบบตั้งแต่การขอหรือบังคับให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศ (ไม่ว่าจะได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่), การแสดงสิ่งลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเพศ หัวนมหญิง เป็นต้น เพื่อสนองความต้องการทางเพศของตน เพื่อขู่ขวัญเด็ก หรือเพื่อปะเหลาะประเล้าประโลมเตรียมเด็กเพื่อทารุณกรรม, การสัมผัสเด็กทางเพศ, หรือการใช้เด็กเพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร[5][7][8] ทารุณกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายที่หลายสถาน รวมทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือสำนักงานที่มีเด็กทำงานเป็นปกติ การจับเด็กแต่งงานเป็นรูปแบบการทารุณหลักอย่างหนึ่ง ที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ได้กล่าวไว้ว่า "อาจเป็นรูปแบบการทารุณและฉวยผลประโยชน์จากเด็กหญิงทางเพศที่แพร่หลายที่สุด"[9] ทารุณกรรมต่อเด็กส่งผลทางจิตใจ ให้เกิดความซึมเศร้า[10] ความวิตกกังวล[11] ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ[12] ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจแบบซับซ้อน (complex post-traumatic stress disorder)[13] ความโน้มเอียงที่จะตกเป็นเหยื่อทารุณกรรมอีกในวัยผู้ใหญ่[14] รวมทั้งการบาดเจ็บทางกาย และเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาทั้งหมด[15] ทารุณกรรมโดยสมาชิกครอบครัวซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการร่วมประเวณีกับญาติสนิท จะก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงยิ่งกว่าต่อเด็ก ส่งผลกระทบต่อจิตใจในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ทำโดยผู้ปกครอง[16] ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม ความแพร่หลายทั่วโลกของทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กประเมินอยู่ที่ 19.7% ในหญิง และ 7.9% ในชาย[17] ผู้กระทำผิดส่วนมากรู้จักเหยื่อ ราว 30% เป็นญาติ บ่อยที่สุดเป็นพี่ชาย พ่อ ลุง หรือลูกพี่ลูกน้อง ราว 60% เป็นคนรู้จักอื่นอย่างเช่น "เพื่อน"ของคนในครอบครัว พี่เลี้ยงเด็ก หรือเพื่อนบ้าน และราว 10% เป็นคนแปลกหน้า[18] ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นชาย จากการศึกษาพบว่า หญิงทำผิดต่อ 14-40% ของเหยื่อเด็กชาย และ 6% ของเหยื่อเด็กหญิง[18][19][20](โดยที่เหลือของเหยื่อทำโดยผู้ทำผิดเพศชาย) ส่วนคำภาษาอังกฤษว่า pedophile (คนใคร่เด็ก) มักจะใช้อย่างไม่เลือกกับทุก ๆ...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทารุณเด็กในประเทศไทยถือว่ามีความผิดตามกฎหมายหรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การฆ่าคน Article: การฆ่าคน (murder) เป็นการกระทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตาย จัดเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง ทางนิติศาสตร์แบ่งเป็นสองประเภท คือ การทำให้คนตายโดยเจตนา (homicide) และการทำให้คนตายโดยไม่เจตนา (manslaughter) การฆ่าคนทั้งสองประเภท ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักหรือเบาตามกฎหมายแล้วแต่กรณี "การฆ่าคน" และ "ฆาตกรรม" คำว่า "การฆ่าคน" เป็นศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน ให้ใช้แทนคำภาษาอังกฤษว่า "murder"[1] ส่วน "ฆาตกรรม" มีความหมายตามพจนานุกรมมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ว่า "การฆ่าคน" แต่มิใช่ศัพท์บัญญัติที่ทางราชการมุ่งหมายให้ใช้อย่างเป็นทางการ[2] ทั้งนี้ "ฆาตกรรม" เป็นคำสมาสระหว่างคำ "ฆาต" (บาลี. ตี, ฟาด, ฟัน, ฆ่า, ทำลาย) + "กรรม" มีความหมายตามอักษรว่า การตี, การฟาด, การฟัน, การฆ่า, การทำลาย ผู้กระทำฆาตกรรมเรียกว่า "ฆาตกร" ปัจจุบันมีการใช้คำ "ฆาตกรรม" คละไปกับคำ "การฆ่าคน" ทั้งนี้ คำทั้งสองมีความหมายเดียวกันดังข้างต้น ภูมิหลังเกี่ยวกับการฆ่าคน การถือว่าการฆ่าคนเป็นความผิดอาญา ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดในประมวลกฎหมายพระเจ้าเออร์-นัมมู (Ur-Nammu) กษัตริย์ชาวสุเมเรียน โดยประมวลกฎหมายดังกล่าวตราขึ้นในระหว่างประมาณ 2100 ปีถึง 2050 ปีก่อน ค.ศ. มาตราหนึ่งบัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดกระทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วไซร้ ผู้นั้นต้องระวางโทษประหารชีวิต" ในศาสนาอับราฮัม การฆ่าคนถือเป็นสิ่งต้องห้าม โดยปรากฏอยู่ในบัญญัติ 10 ประการที่พระเจ้ามอบแก่โมเสสบนยอดเขาเซนาย[3] [4] ตามกฎหมายจารีตประเพณีของอังกฤษ การฆ่าคนถือเป็นความผิดสาธารณะ (public wrong) [5] นิยามทางนิติศาสตร์ นิยามของ "การฆ่าคน" นั้น ประเทศที่ใช้กฎหมายจารีตประเพณีเช่นประเทศอังกฤษเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเขียนเอาไว้ตายตัว เพียงรับรู้กันว่าเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ก็เพียงพอแล้ว และในกรณีเช่นนี้ คำตัดสินก่อน ๆ ของศาลมักใช้เป็นที่พิจารณาว่าการฆ่าคนตามกฎหมายจารีตประเพณีนั้นถือเอาการกระทำเช่นไรบ้าง ส่วนประเทศที่ใช้ประมวลกฎหมายเช่นประเทศไทยมักมีการบัญญัตินิยามของ "การฆ่าคน" เอาไว้อย่างตายตัว และนิยามอาจแก้ไขได้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่เป็นไป องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของการฆ่าคน การฆ่าคนพิจารณาจากองค์ประกอบขั้นพื้นฐานสองประการดังต่อไปนี้ การฆ่าคนนั้นเป็นการกระทำอันจะเป็นความผิดอาญา (actus reus) การฆ่าคนนั้นเป็นไปเพราะมีเจตนาร้าย (mens rea) พิจารณาจากวัตถุประสงค์ ความจงใจ ความหวังผลร้าย การไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทำดาบเกิดขึ้นในยุคใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ยุคโลหะ Article: ยุคโลหะ (English: Metal Age) เป็นยุคที่อยู่ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5,000-900 ปีก่อนพุทธศักราช ยุคที่มนุษย์รู้จักนำเอาแร่โลหะมาจากธรรมชาตินำมาใช้เพื่อประโยชน์ เช่น ทองแดง, สำริด และเหล็ก นำมาหล่อหรือขึ้นเป็นมีด, หอก และดาบ เพื่อใช้ในการล่าสัตว์ หรือมาประกอบเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ และเครื่องประดับ มนุษย์สมัยนี้พัฒนาการเป็นอยู่อาศัยและการเกษตรกรรมให้ดียิ่งขึ้น เช่น การสร้างบ้านให้ใต้ถุนบ้านสูง[1][2] มีความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์[3] โดยยุคโลหะ แบ่งออกเป็น 3 ยุคย่อยคือ ยุคทองแดงปนหิน ยุคสำริด และยุคเหล็ก จุดเริ่มต้นของยุคโลหะ ยุคโลหะเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5,000 - 6,000 ปีก่อนพุทธศักราช แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์เท่าที่พบในขณะนี้ ยังไม่สามารถนำมายืนยันแน่ชัดว่ายุคโลหะเริ่มที่ใด แต่สันนิษฐานว่า ยุคโลหะเริ่มในเอเชียตอนกลาง บริเวณประเทศอียิปต์ มนุษย์ได้เริ่มเรียนรู้เรื่องของโลหะวิทยาเกี่ยวกับการถลุง, การหล่อ และการขึ้นรูปโลหะ โดยส่วนมากจะเป็น ทองแดง ต่อมาประมาณ 3,500 ปีก่อนพุทธศักราช มนุษย์หันมาใช้สำริด โดยใช้ทำอาวุธ, เสื้อเกราะ, ภาชนะต่าง ๆ, ของใช้ และเครื่องประดับ แม้ในยุคต่อมาได้มีการใช้เหล็กเป็นโลหะหลักก็ตาม แต่สำริดยังเป็นโลหะที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมจนถึงปัจจุบัน[4] และต่อมาประมาณ 900 ปีก่อนพุทธศักราช ชาวฮิตไทต์ ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่มีอำนาจในเอเชียไมเนอร์ บริเวณตอนใต้ของทะเลดำ ได้พบวิธีถลุงเหล็กจากแร่เหล็ก หลังจากนั้นความรู้เกี่ยวกับการถลุงเหล็กได้กระจายไป ยังประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป จนเกิดอุตสาหกรรมการถลุงเหล็กขึ้น เนื่องจากเหล็กมีคุณสมบัติหลายอย่างดีกว่าสำริด เช่น แข็งกว่า ใช้ทำอาวุธทุกชนิดที่มีอำนาจการทำลายเหนือกว่า มนุษยจึงหันมาใช้เหล็กทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยเฉพาะเครื่องมือในงานช่าง และที่นิยมมากที่สุดคือ ใช้ทำอาวุธ เช่น ดาบ หอก อุตสาหกรรมเหล็กได้พัฒนาไปถึงการทำเหล็กกล้า ซึ่งมีคุณสมบัติดีกว่าเหล็กธรรมดา เพราะนอกจากจะแข็งและเหนียวกว่าแล้ว ยังสามารถเพิ่มความแข็งโดยการอบชุบได้ดี[4] ยุคโลหะในประเทศไทย ยุคโลหะในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,000-5,000 ปีที่ผ่านมา โดยมนุษย์ในสมัยนั้นมีการนำโลหะสำริด ทองคำ และเหล็ก มาหล่อและตีขึ้นรูปเป็นเครื่องใช้ต่างๆ ได้เท่าหรือดีกว่ามนุษย์ยุคเดียวกันในส่วนอื่นของโลก ซึ่งมีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายที่ เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทำลายปะการังผดกฏหมายในประเทศไทยใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ปะการังเทียม Article: ปะการังเทียม (English: Artificial reef) เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ อย่างมีแบบแผน เพื่อดัดแปลงสภาพของพื้นท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ให้เหมือนสมัยก่อน โดยปะการังตามธรรมชาติมีการถูกทำลายและเหลือจำนวนน้อยลง โดยการจัดทำสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยหรือเรียกง่าย ๆ ว่า บ้านปลา เลียนแบบบริเวณที่มีกองหินใต้น้ำ ซากเรืออัปปาง หรือแนวปะการังธรรมชาติ โดยการใช้วัสดุที่แข็งแรง ทนทาน มีน้ำหนัก สามารถต้านทานกระแสน้ำได้ ราคาไม่แพง มีรูปแบบที่มีช่องเงาให้สัตว์น้ำกำบังหรือหลบซ่อนตัวได้ และนำไปวางรวมกลุ่มกันในบริเวณต่างๆ ตามแนวชายฝั่งที่เหมาะสม วัสดุที่ใช้ก่อสร้างนั้นเป็นคอนกรีตล้วน เรียกว่า มาลีนไทด์ ซึ่งเป็นคอนกรีตที่ไม่ถูกกัดเซาะจากน้ำเค็ม โดยดำเนินการในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดเพชรบุรี, ชุมพร, พังงา, ปัตตานี, นราธิวาส, ตราด, สุราษฎร์ธานี และในปี 2549 นี้ จะมีการดำเนินการจัดสร้างปะการังเทียมในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชลบุรี แต่ในบางท้องถิ่นไม่ได้มีสิ่งของดังกล่าวเสมอไป จึงต้องหาวัสดุอื่นมาทดแทน เช่น ยางรถยนต์ที่ไม่ใช้แล้ว เนื่องจากมีปริมาณเหลือใช้ค่อนข้างมาก จึงมีการนำมามัดรวมกันเป็นชุดๆ ชาวประมงท้องถิ่นสามารถทำได้เองในราคาที่ค่อนข้างถูก ประโยชน์ของการจัดสร้างปะการังเทียม ช่วยตอบสนองการขยายตัวทางธุรกิจดำน้ำและมีประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว ป้องกันการกัดเซาะและพังทลายของชายฝั่ง และยังป้องกันการทำการประมงที่ผิดกฎหมายด้วย การแก้ปัญหาด้านทรัพยากรทางทะเล สร้างสมดุลในธรรมชาติ ซึ่งสามารถใช้ปะการังเทียมมาเป็นมาตรการจัดการประมงชายฝั่ง ป้องกันเรืออวนลากอวนรุนเข้ามาแย่งพื้นที่ของชาวประมง เพื่อดึงดูดสัตว์น้ำให้เข้ามาอยู่อาศัย ช่วยให้สัตว์น้ำมีแหล่งอาหาร-แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำทะเล ปะการังเทียมเป็นการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำโดยรวม มีสัตว์น้ำนานาชนิดอาศัยอยู่รวมกัน ทั้งกุ้ง,หอย, ปู และปลาหลายชนิดที่เป็นปลาประจำถิ่น เช่น กลุ่มปลากะพงหลายชนิด, ปลาเก๋า และปลาในแนวปะการังทั่วไป ปะการังเทียมจะให้ประโยชน์กับชาวประมงพื้นบ้านในแนวน้ำตื้นค่อนข้างมากในด้านที่ช่วยเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ ในบริเวณที่มีปลาอาศัยอยู่น้อย หรือไม่เคยมีปลามาก่อน ประวัติการก่อตั้งโครงการปะการังเทียม นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่งกล่าวว่า กรมฯ ได้จัด “โครงการจัดสร้างปะการังเทียม”...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทำอุปรากร คืออะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: โรงอุปรากรซิดนีย์ Article: โรงอุปรากรซิดนีย์ (English: Sydney Opera House) เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ที่รู้จักกันดีทั่วโลก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก ยอร์น อุตซอน (Jørn Utzon) ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวซิดนีย์ นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย และเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2550 องค์การยูเนสโกได้รับลงทะเบียนให้โรงอุปรากรซิดนีย์เป็นมรดกโลก แนวคิด มีแนวคิดมาจากเปลือกส้มของพระเจ้าที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ขนาด โรงโอเปร่าเองมีขนาดประมาณ 1.8 เฮกเตอร์ (4.5 เอเคอร์) ภายในประกอบไปด้วยห้องต่างๆดังนี้ โรงแสดงคอนเสิร์ต 2,679 ที่นั่ง ซึ่งมีไปป์ออร์แกนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โรงโอเปร่า 1,547 ที่นั่ง โรงละคร 544 ที่นั่ง เพลเฮาส์ 398 ที่นั่ง โรงภาพยนตร์ 364 ที่นั่ง และ อื่น ๆ ประกอบด้วยสตูดิโอสำหรับซ้อม 5 ห้อง ภัตตาคาร 4 ร้าน บาร์ 6 แห่ง ฯลฯ ตัวโรงละครมีความสูง 65 เมตร ด้านยาว 183 เมตร จุดที่กว้างที่สุดมีความยาว 120 เมตร และเสาเข็มฝังเข้าไปในดินมีความลึกถึง 25 เมตร แหล่งข้อมูลอื่น Coordinates: หมวดหมู่:มรดกโลกในประเทศออสเตรเลีย หมวดหมู่:มรดกโลกทางวัฒนธรรม หมวดหมู่:โรงละครในประเทศออสเตรเลีย
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทำแท้งด้วยยาคือการทำแท้งที่ไม่ใช้ศัลยกรรมแต่ใช้ยาที่เรียกว่าอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การคุมกำเนิด Article: การคุมกำเนิด (English: birth control) คือเทคนิคและวิธีการที่ใช้ในการป้องกันการปฏิสนธิหรือขัดขวางการตั้งครรภ์[1] การคุมกำเนิดถูกใช้มาแต่โบราณ ทว่าวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีพึ่งมีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20[2] การวางแผน เตรียมการ และการใช้การคุมกำเนิดถูกเรียกว่าเป็นการวางแผนครอบครัว[3][4] บางวัฒนธรรมไม่สนับสนุนและจำกัดการเข้าถึงวิธีการคุมกำเนิดเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่ต้องการทางศีลธรรม ศาสนา หรือการเมือง[2] วิธีที่ซึ่งให้ประสิทธิผลสูงสุดคือการทำหมัน โดยการตัดหลอดนำอสุจิ (vasectomy)ในเพศชายและการผูกท่อรังไข่ในเพศหญิง การใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด (IUD) และการใช้ยาฝังคุมกำเนิด[5] ตามมาด้วยการใช้ฮอร์โมน เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดชนิดแผ่นแปะผิวหนัง วงแหวนช่องคลอด และการฉีดฮอร์โมน วิธีที่ได้ผลรองลงมาได้แก่วิธีการนับระยะปลอดภัยและวิธีการที่ใช้สิ่งกีดขวาง เช่น ถุงยางอนามัย หมวกครอบปากมดลูก และฟองน้ำคุมกำเนิด[5] วิธีที่ได้ผลน้อยที่สุดได้แก่การใช้สารฆ่าเชื้ออสุจิ (spermicide) และการหลั่งนอกช่องคลอด[5] การทำหมันให้ประสิทธิผลสูงแต่มักเป็นการคุมกำเนิดที่ถาวร ต่างกับวิธีอื่นซึ่งเป็นการคุมแบบชั่วคราวและสามารถย้อนกลับได้เมื่อหยุดใช้[5] การปฏิบัติทางเพศที่ปลอดภัย เช่นการใช้ถุงยางอนามัยชายหรือหญิงยังสามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์[6] ส่วนวิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์[7] เทคนิคการคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ใช้ภายใน 72 ถึง 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน[8][9] บางคนเชื่อว่าการไม่มีเพศสัมพันธ์เป็นการคุมกำเนิดแบบหนึ่ง ทว่าเพศศึกษาแบบที่สอนให้งดเว้นอย่างเดียวอาจเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นหากไม่สอนควบคู่ไปกับการใช้การคุมกำเนิด เพราะการไม่ยอมทำตาม[10][11] ในประเทศไทย พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ให้ผู้มีอายุระหว่าง 10 ถึง 20 ปี เข้ารับการฝังยาคุมกำเนิดชนิดฝังใต้ผิวหนังได้ฟรีในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ[12] การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีความเสี่ยงที่จะส่งผลเสียมากกว่า[13] เพศศึกษาที่มีเนื้อหาครอบคลุมและการเข้าถึงการคุมกำเนิดลดอัตราการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในวัยรุ่น[13][14] แม้ผู้เยาว์สามารถใช้การคุมกำเนิดทุกแบบ[15] วิธีคุมกำเนิดชั่วคราวที่ออกฤทธิ์นาน เช่น ยาฝังคุมกำเนิด ห่วงอนามัยคุมกำเนิด หรือ วงแหวนช่องคลอด...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การที่ผมของคนเราตั้งขึ้นโดยสัมผัสอากาศเกิดจากไฟฟ้าสถิตใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ไฟฟ้าสถิต Article: ไฟฟ้าสถิต (English: Static electricity) คือความไม่สมดุลของประจุไฟฟ้าภายในหรือบนพื้นผิวของวัสดุหนึ่ง ประจุยังคงอยู่กับที่จนกระทั่งมันสามารถจะเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของอิเล็กตรอน (กระแสไฟฟ้า) หรือมีการปลดปล่อยประจุ (English: electrical discharge) ไฟฟ้าสถิตมีชื่อที่ขัดกับไฟฟ้ากระแสที่ไหลผ่านเส้นลวดหรือตัวนำอื่นและนำส่งพลังงาน[1] ประจุไฟฟ้าสถิตสามารถสร้างขึ้นได้เมื่อไรก็ตามที่สองพื้นผิวสัมผัสกันและแยกจากกัน และอย่างน้อยหนึ่งในพื้นผิวนั้นมีความต้านทานสูงต่อกระแสไฟฟ้า (และดังนั้นมันจึงเป็นฉนวนไฟฟ้า) ผลกระทบทั้งหลายจากไฟฟ้าสถิตจะคุ้นเคยกับคนส่วนใหญ่เพราะผู้คนสามารถรู้สึก, ได้ยิน, และแม้แต่ได้เห็นประกายไฟเมื่อประจุส่วนเกินจะถูกทำให้เป็นกลางเมื่อถูกนำเข้ามาใกล้กับตัวนำไฟฟ้าขนาดใหญ่ (เช่นเส้นทางที่ไปลงดิน) หรือภูมิภาคที่มีประจุส่วนเกินที่มีขั้วตรงข้าม (บวกหรือลบ) ปรากฏการณ์ที่คุ้นเคยของช็อกจากไฟฟ้าสถิต หรือที่เจาะจงมากขึ้นคือการปลดปล่อยไฟฟ้าสถิต (English: electrostatic discharge) จะเกิดจากการเป็นกลางของประจุ ประจุไฟฟ้าเป็นปริมาณทางไฟฟ้าปริมาณหนึ่งที่กำหนดขึ้นธรรมชาติ ของสสารจะประกอบด้วยหน่วยย่อยๆ  ที่มีลักษณะและ มีสมบัติเหมือนกันที่เรียกว่า อะตอม(atom)ภายในอะตอม จะประกอบด้วยอนุภาคมูลฐาน3ชนิดได้แก่  โปรตอน (proton)  นิวตรอน (neutron) และ อิเล็กตรอน (electron)โดยที่โปรตอนมีประจุไฟฟ้าบวกกับนิวตรอนที่เป็นกลางทางไฟฟ้ารวมกันอยู่เป็นแกนกลางเรียกว่านิวเคลียส (nucleus) ส่วนอิเล็กตรอน มี ประจุ ไฟฟ้าลบ จะอยู่รอบๆนิวเคลียส สาเหตุของการเกิดไฟฟ้าสถิต วัสดุทั้งหลายประกอบขึ้นจากอะตอมที่ปกติแล้วจะเป็นกลางทางไฟฟ้าเพราะพวกมันมีจำนวนของประจุบวก (โปรตอนในนิวเคลียส) และจำนวนของประจุลบ (อิเล็กตรอนใน "วงรอบนิวเคลียส") เท่ากัน ปรากฏการณ์ของไฟฟ้าสถิตจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการแยกประจุบวกและลบออกจากกัน เมื่อวัตถุสองชนิดเสียดสี หรือ สัมผัสกัน อิเล็กตรอนอาจย้ายจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่ง ทำให้วัตถุหนึ่งมีประจุบวกเกิน และอีกวัตถุหนึ่งมีประจุลบเกินในจำนวนที่เท่ากัน เมื่อแยกวัตถุทั้งสองออกจากกัน จึงเกิดการไม่สมดุลของประจุขึ้นในวัตถุแต่ละตัว วัตถุที่มีประจุลบเกิน ก็ถือว่าเกิดไฟฟ้าสถิตประจุลบ วัตถุที่ประจุบวกเกิน ก็เรียกว่าเกิดไฟฟ้าสถิตประจุบวก การแยกประจุที่เหนี่ยวนำจากการสัมผัส อิเล็กตรอนสามารถแลกเปลี่ยนกันระหว่างวัสดุโดยการสัมผัส...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การที่มนุษย์ตัดไม้ทำลายป่าการแบ่งป่าเป็นผืนเล็กผืนน้อย และทำให้ป่าเสื่อมสภาพลงใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทำลายป่า Article: การทำลายป่า คือ สภาวะของป่าตามธรรมชาติที่ถูกทำลายโดยการตัดไม้และการเผาป่า เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การนำต้นไม้และถ่านไม้มาใช้หรือจำหน่ายเป็นโภคภัณฑ์ ในระหว่างที่ทำการเลี้ยงสัตว์ เพาะปลูก และตั้งถิ่นฐาน บนพื้นที่ว่าง การตัดไม้โดยไม่ปลูกทดแทนด้วยจำนวนที่เพียงพอ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย ต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และปัญหาความแห้งแล้ง ซึ่งส่งผลเสียต่อการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศโดยพืช พื้นที่ป่าที่ถูกทำลายโดยมากจะเกิดความเสียหายจากการพังทลายของหน้าดิน และพื้นที่มักด้อยคุณภาพลงจนกลายเป็นที่ดินที่ทำประโยชน์มิได้ สาเหตุ สาเหตุที่เป็นต้นกำเนิดของการทำลายป่าที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีมากมาย รวมถึงการทุจริตของหน่วยงานรัฐบาล การกระจายความมั่งคงและอำนาจอย่างไม่เสมอภาค การเพิ่มขึ้นของประชากร และการพัฒนาเป็นเมือง รูปแบบการทำลายป่าที่สำคัญ การทำไร่เลื่อนลอย - ชาวเขาแผ้วถางป่าเพื่อปลูกพืชไร่อยู่ตามภูเขาสูง โดยเฉพาะป่าดงดิบเขาบริเวณต้นน้ำลำธาร การบุกรุกป่าเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ –พบได้ทั่วไปในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีการเปลี่ยนพื้นที่ป่าไม้อันอุดมมาเป็นไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือปอ เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่รุนแรงและมีอยู่กว้างขวางมากทั้งในสามภาคของประเทศไทย การบุกรุกป่าเพื่อเข้าไปตั้งถิ่นฐานใหม่ – การทำลายป่าในรูปลักษณะนี้มองได้ชัดเจนจากการจัดที่ดินทำกินของนิคมต่างๆ เช่นนิคมสหกรณ์ที่ดิน นิคมชาวเขา ฯลฯ นอกจากนี้ ในภาคเหนือ มีพื้นที่ราบค่อนข้างจำกัด เมื่อประชากรเพิ่มขึ้น จึงมีการขยายพื้นที่ทำมาหากินจากที่ราบขึ้นไปบนเขา ไฟป่า – มีผลทำลายเศษไม้ ใบไม้ ลูกไม้ เมล็ดไม้ สัตว์และแมลง กระทั่งต้นไม้ในป่าไปพร้อมกัน ทำให้ผิวดินในป่าที่ถูกไฟไหม้แข็ง ขาดคุณภาพในการดูดซึมและซับน้ำ จึงทำให้เกิดน้ำไหลบ่าหน้าดิน (surface runoff) มากเมื่อฝนตก เมื่อน้ำไหลบ่าหน้าดินมาก น้ำฝนที่ตกลงมาจะท่วมท้นฝั่งลำห้วย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการกัดเซาะตามลำน้ำ ทำให้น้ำขุ่น ผิวหน้าดินบริเวณเดิมก็จะขาดความโอชะไป น้ำพัดพาเอาตะกอนไปท่วมไร่นา พืชผลเสียหาย ป็นการเพิ่มความเสียหายแก่ทรัพย์สินและพืชผลเป็นทวีคูณ การทำไม้ออกเกินกำลังของป่า การทำเหมืองเปิด (Strip Mining) – การทำลายป่ารูปแบบนี้นับว่าร้ายแรงมาก มีการเปิดหน้าดินออกเพื่อขุดหาแร่ เมื่อพื้นดินปราศจากสิ่งปกคลุม ฝนตกลงมากระทบกับพื้นดินโดยตรง...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การทุจริตทางการเมืองหมายถึงอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การทุจริตทางการเมือง Article: การทุจริตทางการเมือง (English: political corruption, ภาษาปากในภาษาไทยเรียกทับศัพท์ว่า "คอร์รัปชัน") คือการใช้ตำแหน่งหรืออำนาจทางราชการและการเมือง หรือในองค์กรของเอกชน เพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ หรือการฉ้อโกงเอาเงินสาธารณะมาเป็นของตนและพรรคพวก หรือหาประโยชน์อื่นๆ ซึ่งการทุจริตนี้อาจมิใช่เป็นตัวเงิน วิธีการที่ใช้อาจจะผิดกฎหมายหรือไม่ผิดก็ได้ แต่เป็นพฤติกรรมซึ่งสาธารณชนจะไม่พอใจหรือผิดจากจารีตประเพณีนิยม เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดกับความคาดหวังของสาธารณชน เรื่องมาตรฐานจริยธรรมและพฤติกรรมที่ดีของบุคคลสาธารณะ (ข้าราชการและนักการเมืองหรือองค์กรเอกชน) คำจำกัดความส่วนหลังนี้ เขียนไว้เพื่อเปิดช่องให้มีการตีความพฤติกรรมการทุจริตที่อาจจะแตกต่างกันในแต่ละสังคม หรือแม้แต่ในสังคมเดียวกัน ตัวอย่างกิจกรรมแห่งการทุจริต การละเมิดระบบ (abuse of the system) การฮั้วประมูล (bid rigging) การให้สินบน (bribery) การรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจ (cartel) การสมรู้ร่วมคิด (collusion) การเล่นพรรคเล่นพวก (cronyism) การโกงการเลือกตั้ง (electoral fraud) การยักยอก (embezzlement) การใช้อิทธิพลมืด (influence peddling) การกรรโชก, การรีดไถ (extortion) องค์กรอาชญากรรม (organized crime) คติเห็นแก่ญาติ (nepotism) การอุปถัมภ์ (patronage) การรวมหัวกันกำหนดราคา (price fixing) ตัวอย่างการทุจริตทางการเมือง บุคคลในทางการเมืองระดับประเทศของไทยที่ถูกกล่าวหา และถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงค์ตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้มีความผิดและรับโทษจำคุกคนแรกคือ นายรักเกียรติ สุขธนะ และยังมีนักการเมืองในระดับประเทศอีกหลายคนที่ถูกกล่าวหาและถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยที่ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ นายวัฒนา อัศวเหม ต่างก็อยู่ระหว่างการหลบหนีโทษจำคุก การทุจริตทางการเมือง หมวดหมู่:การละเมิด
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การท่องเที่ยวหมายถึงการเดินทาง โดยระยะทางมากกว่า 40 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อจุดประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การท่องเที่ยว Article: การท่องเที่ยว หมายถึงการเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจหรือเพื่อความสนุกสนานตื่นเต้นหรือเพื่อหาความรู้ องค์กรการท่องเที่ยวของสหประชาชาติ (English: World Tourism Organization) กำหนดไว้ว่า การท่องเที่ยวหมายถึงการเดินทาง โดยระยะทางมากกว่า 40 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อจุดประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจ การท่องเที่ยวในประเทศไทยได้มีพัฒนาการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2467 สมัยพระเจาบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ซึ่งในครั้งนั้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ยังเป็นการท่องเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติและสถานที่ราชการ หรือสถานที่สำคัญที่ทางชาวต่างประเทศที่เขามาในประเทศไทยสร้างขึ้น แต่เมื่อประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมาทางองค์การท่องเที่ยวโลก (www.unwto.org) ได้มีการกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวได้ 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1) รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ (natural based tourism) 2) รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม (cultural based tourism) 3) รูปแบบการท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษ (special interest tourism) ประเภท 1. รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ (natural based tourism) ประกอบด้วย 1.1 การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (ecotourism) หมายถึงการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นและแหล่งวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศ โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวของภายใต้การจัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่นเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน 1.2 การท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล (marine ecotourism) หมายถึงการท่อง เที่ยว อย่างมีความรับผิดชอบในแหล่งธรรมชาติทางทะเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศทางทะเล โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวของภายใต ้ การจัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เพื่อมุ่งให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอยางยั้งยืน 1.3   การท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา (geo-tourism) หมายถึงการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่เป็น   หินผา ลานหินทราย อุโมงค์โพรง ถ้ำน้ำลอด ถ้ำหินงอกหินย้อย เพื่อดูความงามของภูมิทัศน์ที่มีความแปลกของการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่โลก  ศึกษาธรรมชาติของหิน ดิน แร่ต่างๆ และฟอสซิล ได้ความรู้ได้มีประสบการณ์ใหม่ บนพื้นฐานการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อม...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การท่องเที่ยวในประเทศไทยได้มีพัฒนาการมาตั้งแต่ พ.ศ.ใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การท่องเที่ยวในประเทศไทย Article: การท่องเที่ยว เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศไทย มีส่วนทำให้ค่าจีดีพีของไทยอยู่ที่ประมาณ 17.7% ใน พ.ศ. 2559[1] ไก่ สาเหตุที่การท่องเที่ยวไทยได้รับการสนับสนุนมากขึ้นใน พ.ศ. 2503 นั้น เพราะมีความมั่นคงทางการเมือง และมีการพัฒนากรุงเทพมหานครในเรื่องของการคมนาคมทางอากาศ ทำให้ธุรกิจโรงแรมและการค้าปลีกขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะมีความต้องการจากนักท่องเที่ยว และยังได้รับการส่งเสริมจากทหารอเมริกันที่เข้ามาพักผ่อนในช่วงสงครามเวียดนามอีกด้วย[2] พร้อมกันนั้นการท่องเที่ยวระหว่างประเทศก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการดำรงชีวิตของผู้คนที่มีเวลาว่างมากขึ้น และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้สามารถเดินทางได้เร็วกว่า, ราคาถูกกว่า และดีกว่า ด้วยโบอิง 747 ซึ่งให้บริการเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2513[3] ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศในทวีปเอเชียที่ได้รับผลประโยชน์จากกรณีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดิมที่มีชาวต่างชาติ 336,000 ราย และทหารที่เข้ามาพัก 54,000 นายใน พ.ศ. 2510[2] กลายเป็นชาวต่างชาติมากกว่า 14 ล้านคนใน พ.ศ. 2550 โดยระยะเวลาเฉลี่ยที่อยู่ในประเทศไทยใน พ.ศ. 2550 อยู่ที่ประมาณ 9.19 วัน ทำให้มีรายได้เข้าประเทศมากถึง 547,782 ล้านบาท[4] ใน พ.ศ. 2550 ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้ไปท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 18 ของโลก ด้วยจำนวน 14.5 ล้านคน ขณะที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก โดยมีมากถึง 82 ล้านคน[5] การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่า[6] 55% ของนักท่องเที่ยวใน พ.ศ. 2550 มาจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย เป็นส่วนใหญ่ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกส่วนใหญ่มาจากสหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, เยอรมนี, สหรัฐอเมริกา และสแกนดิเนเวีย ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและรัสเซียก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน[7] ประมาณ 55% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นผู้ที่กลับมาเพื่อเยี่ยมบ้านเกิด ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสต์ถึงปีใหม่ เมื่อนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกหนีสภาพหนาวเย็น โดยในปี พ.ศ. 2558 นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน มีจำนวนมากที่สุด [8][9]คิดเป็น 27 % ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด[10] การท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เติบโตขึ้นอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศได้เพิ่มขึ้นจาก 187,898 ล้านบาทใน พ.ศ. 2541 เป็น 380,417 ล้านบาทใน พ.ศ. 2550[4]...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ หรือ ซีพีอาร์ ต้องทำดดยผู้ที่ความชำนาญเท่านั้นใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา Article: สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (English: American Heart Association; อักษรย่อ: AHA) เป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐ ที่ส่งเสริมการดูแลหัวใจที่เหมาะสมในความพยายามที่จะลดความพิการและการเสียชีวิตที่เกิดจากโรคระบบหัวใจหลอดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง โดยก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในนครนิวยอร์กในปี ค.ศ. 1924 ในฐานะ<b data-parsoid='{"dsr":[1008,1056,3,3]}'>สมาคมเพื่อการป้องกันและบรรเทาอาการโรคหัวใจ[1] ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่แดลลัส รัฐเท็กซัส ซึ่งสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นหน่วยงานสาธารณสุขอาสาแห่งชาติ สมาคมเป็นที่รู้จักสำหรับมาตรฐานการเผยแพร่เกี่ยวกับการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการช่วยชีวิตหัวใจขั้นสูง (ACLS) และในปี ค.ศ. 2014 ได้มีคำแนะนำเบื้องต้นในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในสตรี[2] สมาคมเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการดำเนินการจำนวนมากของแคมเปญบริการสาธารณะที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งเริ่มต้นในคริสต์ทศวรรษ 1970 และยังดำเนินงานการระดมทุนจำนวนหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1994 นิตยสารเดอะโครนิเคิลออฟฟิแลนโธรฟี ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ ได้เผยแพร่การศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับ 5 ของ "องค์การการกุศล/ไม่หวังผลกำไร ที่เป็นที่นิยมที่สุดในอเมริกา"[3] และจอห์น วาร์เนอร์, พ.บ., บธ.ม. เป็นประธานสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาในปีงบประมาณ ค.ศ. 2017–18[4] ประวัติ ค.ศ. 1915–คริสต์ทศวรรษ 1980: การก่อตั้งและช่วงปีแรก สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกาเติบโตขึ้นจากกลุ่มผู้นำกลุ่มเล็ก ๆ ผู้นำหลักคือสมาคมเพื่อการป้องกันและบรรเทาอาการโรคหัวใจ ที่ก่อตั้งขึ้นในนครนิวยอร์กในปี ค.ศ. 1915 เพื่อศึกษาว่าผู้ป่วยโรคหัวใจสามารถกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ องค์กรที่คล้ายกันหลายแห่งได้รับการก่อตัวหรือพัฒนาขึ้นในบอสตัน, ฟิลาเดลเฟีย และชิคาโกในคริสต์ทศวรรษ 1920 โดยตระหนักถึงความต้องการขององค์กรระดับชาติในการแบ่งปันการวิจัยและการส่งเสริมผลการวิจัย สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกาก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1924 โดยมีผู้ชำนาญโรคหัวใจ 6 คนซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้นำหลายกลุ่ม[1] สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกายังคงมีขนาดเล็กจนถึงคริสต์ทศวรรษ 1940 เมื่อได้รับเลือกสำหรับการสนับสนุนโดยพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ผ่านทางธุรกิจของพวกเขา จากรายชื่อองค์กรการกุศลที่แจ้งความจำนง พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ให้เงิน 1.5 ล้านดอลลาร์จากรายการวิทยุทรูธออร์คอนซีเควนส์...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ หรือ ซีพีอาร์ มีโอกาสทำให้ผู้ป่วยกระดุกซีโครงหักได้หรือไม่ถ้ากดหนักมากไป?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: รายชื่อตอนในเป็นต่อ Article: รายชื่อตอนในเป็นต่อ ละครแนวซิตคอม (Situation Comedy) ออกอากาศครั้งแรกทาง ช่อง 3 ทุกวันพฤหัสบดี เวลาประมาณ 23:15 น. - 00:15 น. (ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2547 - 9 กุมภาพันธ์ 2555) และกลับมาฉายอีกครั้งทางช่อง GMM ONE โดยมีเนื้อเรื่องต่อจากตอนเดิมในชื่อเรื่อง เป็นต่อ ขั้นเทพ ออกอากาศวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น. - 23.00 น. รีรันทุกวันศุกร์ เวลา 09.00 น. , 16.00 น. และทุกวันเสาร์ เวลา 11.00 น. (ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2555 - 13 มิถุนายน 2556) และกลับมาออกอากาศตอนแรกของซีซั่นใหม่ทาง ช่องวัน 31 ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2557 จนถึงปัจจุบัน นี่คือ รายชื่อตอนในเป็นต่อ เรียงตามลำดับการออกอากาศ เป็นต่อ พ.ศ. 2547 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี พ.ศ. 2547 ทั้งหมด 12 ตอน พ.ศ. 2548 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี พ.ศ. 2548 ทั้งหมด 51 ตอน พ.ศ. 2549 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี พ.ศ. 2549 ทั้งหมด 51 ตอน พ.ศ. 2550 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี พ.ศ. 2550 ทั้งหมด 52 ตอน ตอนที่: 125 - 128 มินิซีรีส์ซิทคอม เป็นต่อ 4 ตอนจบ ซึ่งได้รวมเรื่องเป็น 4 ตอนเข้าด้วยกัน ปีนี้ไม่มีการฉลองปีใหม่ (เอาเบื้องหลังการทำงานมาออกอากาศ) พ.ศ. 2551 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี พ.ศ. 2551 ทั้งหมด 50 ตอน ตอนที่ 195 - 199 นับเป็นมินิซีรีส์ซิทคอม เป็นต่อ 5 ตอนจบ ซึ่งได้รวมเรื่องเป็น 5 ตอนเข้าด้วยกัน พ.ศ. 2552 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี พ.ศ. 2552 ทั้งหมด 53 ตอน พ.ศ. 2553 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี 2553 ทั้งหมด 50 ตอน พ.ศ. 2554 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี 2554 ทั้งหมด 51 ตอน พ.ศ. 2555 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศทางช่อง 3 ในปี 2555 ทั้งหมด 6 ตอน ออกอากาศซ้ำจากการออกอากาศทั้งหมด 1 ตอน เนื้อหาที่ออกอากาศทางช่อง 3 ทั้งหมด 376 ตอน เป็นต่อ ขั้นเทพ พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2556 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศทาง GMM ONE ในเป็นต่อขั้นเทพ ปี 2555 ทั้งหมด 2 ตอน เนื้อหาที่ออกอากาศทาง GMM ONE ในเป็นต่อขั้นเทพ ปี 2556 ทั้งหมด 24 ตอน เนื้อหาที่ออกอากาศทาง GMM ONE ในเป็นต่อขั้นเทพ (ปี 2555 - 2556) ทั้งหมด 26 ตอน เป็นต่อ New Season พ.ศ. 2557 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี 2557 มีทั้งหมด 13 ตอน พ.ศ. 2558 หมายเหตุ เนื้อหาที่ออกอากาศในปี 2558 มีทั้งหมด 51 ตอน พ.ศ. 2559 หมายเหตุ คำทำนายของหมอหมาจาก ตอน 92 พี่ยม ถูกหมอหมาทักว่า ถ้าง้อเจ๊มิ้นท์ไม่สำเร็จภายในปีนี้...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ หรือ ซีพีอาร์ เป็นทางเลือกสุดท้ายของการช่วยชีวิตช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ Article: การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ[1] (English: Cardiopulmonary resuscitation) หรือ ซีพีอาร์ เป็นหัตถการฉุกเฉินทางการแพทย์สำหรับผู้ที่หัวใจหยุดเต้น หรือหยุดหายใจในบางกรณี[2] อาจทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือโดยคนทั่วไปที่ได้รับการฝึกก็ได้[3] ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพนั้นประกอบด้วยการจำลองการไหลเวียนโลหิต (เช่น การนวดหัวใจ) และการจำลองการหายใจ (เช่น การผายปอด) [2][4] อย่างไรก็ดี ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) และสภาการกู้ชีพยุโรป (European Resuscitation Council) เสนอให้เห็นถึงผลดีของการนวดหัวใจเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องผายปอดสำหรับผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นผู้ใหญ่[5][6] ส่วนการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพนั้นยังคงทำอยู่เป็นส่วนหนึ่งของการกู้ชีวิตระดับสูงจนกว่าหัวใจของผู้ป่วยจะกลับมาเต้นตามปกติ หรือเสียชีวิต หลักการของการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพไม่ใช่การทำให้หัวใจเต้นขึ้นใหม่ แต่เป็นเพื่อรักษาให้มีการไหลเวียนของเลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและหัวใจ เป็นการชะลอการตายของเนื้อเยื่อและเพิ่มโอกาสที่ผู้ป่วยจะฟื้นกลับขึ้นมาโดยไม่มีความเสียหายถาวรเกิดขึ้นกับสมอง ปกติแล้วการกระตุ้นให้หัวใจเต้นขึ้นใหม่จะต้องใช้การกู้ชีพขั้นสูง เช่น การช็อตไฟฟ้าหัวใจ ข้อบ่งชี้ ข้อบ่งชี้ของการเริ่มการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพนั้นใช้สำหรับบุคคลที่ไม่ตอบสนอง (unresponsive) และไม่หายใจหรือหายใจเฮือก มีโอกาสมากที่จะอยู่ในภาวะหัวใจหยุด[7]:S643 ถ้ายังมีชีพจรอยู่แต่ไม่หายใจ (ภาวะหายใจหยุด) ควรเริ่มการช่วยหายใจมากกว่า อย่างไรก็ดีผู้ช่วยชีวิตหลายคนอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการจับชีพจร คำแนะนำใหม่จึงกำหนดให้ผู้ช่วยชีวิตที่เป็นคนทั่วไปไม่ต้องพยายามจับชีพจร และให้เริ่มการช่วยชีวิตไปเลย ส่วนผู้ช่วยชีวิตที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์สามารถพิจารณาจับชีพจรก่อนเริ่มการช่วยชีวิตได้ตามเห็นสมควร[8] วิธีการ พ.ศ. 2553 สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาและคณะกรรมการประสานงานนานาชาติว่าด้วยการกู้ชีพได้ปรับปรุงแนงทางปฏิบัติการกู้ชีพขึ้นใหม่[7]:S640[9] มีการให้ความสัมพันธ์กับคุณภาพของการกู้ชีพ โดยเฉพาะอัตราเร็วและความลึกของการกดหน้าอกร่วมกับการไม่ทำให้เกิดภาวะหายใจเกิน[7]:S640 มีการเปลี่ยนแปลงลำดับขั้นตอนการช่วยชีวิตสำหรับทุกช่วงอายุยกเว้นทารก โดยเปลี่ยนจาก ABC (ทางเดินหายใจ การหายใจ การไหลเวียน) เป็น CAB...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การนวดหัวใจผายปอดสามารถใช้กับคนจมน้ำได้หรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ Article: การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ[1] (English: Cardiopulmonary resuscitation) หรือ ซีพีอาร์ เป็นหัตถการฉุกเฉินทางการแพทย์สำหรับผู้ที่หัวใจหยุดเต้น หรือหยุดหายใจในบางกรณี[2] อาจทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือโดยคนทั่วไปที่ได้รับการฝึกก็ได้[3] ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพนั้นประกอบด้วยการจำลองการไหลเวียนโลหิต (เช่น การนวดหัวใจ) และการจำลองการหายใจ (เช่น การผายปอด) [2][4] อย่างไรก็ดี ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) และสภาการกู้ชีพยุโรป (European Resuscitation Council) เสนอให้เห็นถึงผลดีของการนวดหัวใจเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องผายปอดสำหรับผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นผู้ใหญ่[5][6] ส่วนการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพนั้นยังคงทำอยู่เป็นส่วนหนึ่งของการกู้ชีวิตระดับสูงจนกว่าหัวใจของผู้ป่วยจะกลับมาเต้นตามปกติ หรือเสียชีวิต หลักการของการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพไม่ใช่การทำให้หัวใจเต้นขึ้นใหม่ แต่เป็นเพื่อรักษาให้มีการไหลเวียนของเลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและหัวใจ เป็นการชะลอการตายของเนื้อเยื่อและเพิ่มโอกาสที่ผู้ป่วยจะฟื้นกลับขึ้นมาโดยไม่มีความเสียหายถาวรเกิดขึ้นกับสมอง ปกติแล้วการกระตุ้นให้หัวใจเต้นขึ้นใหม่จะต้องใช้การกู้ชีพขั้นสูง เช่น การช็อตไฟฟ้าหัวใจ ข้อบ่งชี้ ข้อบ่งชี้ของการเริ่มการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพนั้นใช้สำหรับบุคคลที่ไม่ตอบสนอง (unresponsive) และไม่หายใจหรือหายใจเฮือก มีโอกาสมากที่จะอยู่ในภาวะหัวใจหยุด[7]:S643 ถ้ายังมีชีพจรอยู่แต่ไม่หายใจ (ภาวะหายใจหยุด) ควรเริ่มการช่วยหายใจมากกว่า อย่างไรก็ดีผู้ช่วยชีวิตหลายคนอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการจับชีพจร คำแนะนำใหม่จึงกำหนดให้ผู้ช่วยชีวิตที่เป็นคนทั่วไปไม่ต้องพยายามจับชีพจร และให้เริ่มการช่วยชีวิตไปเลย ส่วนผู้ช่วยชีวิตที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์สามารถพิจารณาจับชีพจรก่อนเริ่มการช่วยชีวิตได้ตามเห็นสมควร[8] วิธีการ พ.ศ. 2553 สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาและคณะกรรมการประสานงานนานาชาติว่าด้วยการกู้ชีพได้ปรับปรุงแนงทางปฏิบัติการกู้ชีพขึ้นใหม่[7]:S640[9] มีการให้ความสัมพันธ์กับคุณภาพของการกู้ชีพ โดยเฉพาะอัตราเร็วและความลึกของการกดหน้าอกร่วมกับการไม่ทำให้เกิดภาวะหายใจเกิน[7]:S640 มีการเปลี่ยนแปลงลำดับขั้นตอนการช่วยชีวิตสำหรับทุกช่วงอายุยกเว้นทารก โดยเปลี่ยนจาก ABC (ทางเดินหายใจ การหายใจ การไหลเวียน) เป็น CAB...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การนวดหัวใจผายปอดสามารถใช้กับคนจมน้ำได้หรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ภาวะตัวเย็นเกิน Article: ภาวะตัวเย็นเกิน</b>หรือ<b data-parsoid='{"dsr":[579,606,3,3]}'>อุณหภูมิกายต่ำผิดปกติ (English: hypothermia) นิยามว่ามีอุณหภูมิแกนของร่างกายต่ำกว่า 35.0 °C อาการขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ในภาวะตัวเย็นเกินอย่างอ่อน จะมีสั่นและสับสน ในภาวะตัวเย็นเกินปานกลาง การสั่นจะหยุดและมีความสับสนเพิ่มขึ้น ในภาวะตัวเย็นเกินรุนแรงอาจมีการเปลื้องปฏิทรรศน์ (paradoxical undressing) คือ บุคคลถอดเสื้อผ้าของตัว ตลอดจนมีความเสี่ยงหัวใจหยุดเต้นเพิ่มขึ้น[1] ภาวะตัวเย็นเกินมีสองสาเหตุหลัก สาเหตุตรงต้นแบบเกิดจากการได้รับความเย็นสุดขีด[2] อาจเกิดจากภาวะใด ๆ ซึ่งลดการผลิตความร้อนหรือเพิ่มการเสียความร้อน[2] โดยทั่วไปมีภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ แต่ยังมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะเบื่ออาหาร และสูงอายุ เป็นต้น[2][1] ปกติร่างกายรักษาอุณหภูมิกายไว้ใกล้ระดับคงที่ 36.5–37.5 °C โดยอาศัยการปรับอุณหภูมิกาย[1] หากอุณหภูมิกายต่ำลง จะมีความพยายามเพื่อเพิ่มอุณหภูมิกาย เช่น สั่น มีกิจกรรมใต้อำนาจจิตใจที่เพิ่มขึ้นและสวมเครื่องนุ่งห่มอบอุ่น[1][3] อาจวินิจฉัยภาวะตัวเย็นเกินได้จากอาการของบุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือโดยการวัดอุณหภูมิกายของบุคคล[1] การรักษาภาวะตัวเย็นเกินอย่างอ่อนมีเครื่องดื่มอุ่น เครื่องนุ่งห่มอุ่นและกิจกรรมทางกาย ในผู้ป่วยภาวะตัวเย็นเกินปานกลาง แนะนำให้ผ้าห่มความร้อนและสารน้ำเข้าหลอดเลือดดำอุ่น ผู้ป่วยที่มีภาวะตัวเย็นเกินปานกลางหรือรุนแรงควรเคลื่อนย้ายอย่างนุ่มนวล ในภาวะตัวเย็นเกินรุนแรง เครื่องพยุงการทำงานของหัวใจและปอด (ECMO) หรือเครื่องปอด-หัวใจเทียมอาจมีประโยชน์ ในผู้ป่วยที่ไม่มีชีพจร การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR) มีข้อบ่งชี้ร่วมกับมาตรการข้างต้น ตรงแบบให้ความอบอุ่นแก่ผู้ป่วยจนอุณหภูมิสูงกว่า 32 °C หากอาการ ณ จุดนี้ไม่ดีขึ้นหรือระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงกว่า 12 มิลลิโมลต่อลิตรครั้งหนึ่งแล้ว อาจยุติการกู้ชีพ[1] ภาวะตัวเย็นเกินเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,500 คนต่อปีในสหรัฐ[1] พบมากกว่าในผู้สูงอายุและเพศชาย[4] อุณหภูมิกายต่ำสุดครั้งหนึ่งของผู้ที่มีภาวะตัวเย็นเกินโดยอุบัติเหตุแต่รอดชีวิตเท่าที่มีบันทึกคือ 13 °C ในเด็กหญิงวัย 7 ขวบที่ใกล้จมน้ำในประเทศสวีเดน[5] มีการอธิบายการรอดชีวิตหลัง CPR เกินหกชั่วโมง[1] ในผู้ที่ใช้ ECMO หรือเครื่องปอด-หัวใจเทียมมีการรอดชีวิตประมาณ 50% การเสียชีวิตเนื่องจากภาวะตัวเย็นเกินมีบทบาทสำคัญในสงครามหลายครั้ง[2]...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบริโภควิตามินเอ ช่วยในเรื่องสายตาใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: วิตามินเอ Article: วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน[1] มีส่วนประกอบสำคัญของคอร์เนีย และยังมีผลต่อการเจริญเติบโต การสร้างกระดูก และระบบสืบพันธุ์ นอกจากนี้ ยังป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ ทำให้ผิวและผมแข็งแรง ค้นพบโดย ดร. อี.วี. แมคคอลลัม (E.V. McCollum) นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน วิตามินเอ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม อยู่ในรูปแบบวิตามินอยู่แล้ว (Proformed Vitamin A) หรือเรียกว่า Retinol ซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์ เช่น น้ำมันตับปลา กำลังจะเป็นวิตามินเอ (Provitamin A) หรือเรียกว่า Carotene เป็นสารที่เมื่อเข้าสู่รางกายจึงได้รับการเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ พบมากในผักสีต่างๆ เช่น แครอท ผักโขม ประโยชน์ ช่วยในการมองเห็นในที่มืดและป้องกันการแพ้แสงต่างๆที่เป็นผลเสียต่อสายตาอีกด้วย แหล่งวิตามินเอ ผักผลไม้ที่ให้วิตามินเอส่วนใหญ่จะมีสีเหลือง ส้ม แดง และเขียวเข้ม เพราะมีเบต้าแคโรทีนและแคโรนอยด์ที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอต่อไป เนื่องด้วยวิตามินเอในผักผลไม้มีความไวต่อออกซิเจนมาก ดังนั้นวิธีการต้มที่ป้องกันการสูญเสียวิตามินได้ดีทีสุดคือ ควรปิดฝาภาชนะขณะต้มและใส่น้ำน้อยๆ ร่ายกายต้องการวิตามินเอในแต่ละวันอยู่ที่วันละ 4,000-5,000 IU แหล่งวิตามินในธรรมชาติจำนวนปริมาณสารอาหารที่ได้รับผักตำลึงน้ำหนัก 100 กรัม18,608 IUยอดชะอมน้ำหนัก 100 กรัม10,066 IUคะน้าน้ำหนัก 100 กรัม9,300 IUแครอทน้ำหนัก 100 กรัม9,000 IUยอดกระถินน้ำหนัก 100 กรัม7,883 IUผักโขมน้ำหนัก 100 กรัม7,200 IUฟักทองน้ำหนัก 100 กรัม6,300 IUมะม่วงสุก1 ผล(โดยเฉลี่ย)4,000 IUบรอกโคลี1 หัว(โดยเฉลี่ย)3,150 IUแคนตาลูบน้ำหนัก 100 กรัม3,060 IUแตงกวา1 กิโลกรัม1,750 IUผักกาดขาวน้ำหนัก 100 กรัม1,700 IUมะละกอสุก1 ชิ้นยาว(โดยเฉลี่ย)1,500 IUหน่อไม้ฝรั่งน้ำหนัก 100 กรัม810 IUมะเขือเทศน้ำหนัก 100 กรัม800 IUพริกหวาน1 เม็ด(โดยเฉลี่ย)500-700 IUแตงโม1 ชิ้นใหญ่700-1,000 IUกระเจี๊ยบเขียวน้ำหนัก 100 กรัม470 IU อันตรายจากการขาดวิตามินเอ โรคผิวหนัง เนื่องจากวิตามินเอมีส่วนสำคัญในการรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง ขาดวิตามินเอทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้น หยาบกร้าน แห้งแตก โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณข้อศอก ตาตุ่มและข้อต่อต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคผิวหนัง เช่น สิวและโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้ ตาฟาง หน้าที่ของวิตามินเอคือช่วยในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็น...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดด้วยการจับยึดนิวตรอนทให้ผุ้ป่วยเจ็บปวดน้อยที่สุดใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ภัยพิบัติเชียร์โนบีล Article: ภัยพิบัติเชียร์โนบีล[1] ([Чорнобильська катастрофа, Čornobyľśka katastrofa]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help); English: Chernobyl disaster) เป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขั้นร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ตั้งอยู่ที่นิคมเชียร์โนบีล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองพริเพียต แคว้นเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ใกล้ชายแดนเบลารุส (ในขณะนั้นยูเครนและเบลารุสยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนดจนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,431 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นหนึ่งในสองครั้งที่ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ อีกครั้งหนึ่งเป็นของภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิในปี 2011[2] สงครามเพื่อต่อสู้กับการปนเปื้อนและป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียมากไปกว่านี้เกี่ยวข้องกับคนงานทั้งทหารและพลเรือนกว่า 500,000 คนและค่าใช้จ่ายประมาณ 18 พันล้านรูเบิ้ล[3] ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีผู้เสียชีวิตทันที่ 31 ราย และผลกระทบระยะยาวเช่นมะเร็งอยู่ระหว่างการสืบสวน มีการประมาณการว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดโดยตรงมากกว่า 600,000 คน แต่ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีอาจสูงถึง 4,000 คน [4] ภาพรวม ภัยพิบัติเริ่มในช่วงการทดสอบระบบในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 1986 ที่เครื่องปฏิกรณ์หมายเลขสี่ของโรงไฟฟ้าเชียร์โนบีล มีพลังงานกระชาก (English: power surge) ที่ฉับพลันและไม่คาดคิด และเมื่อมีความพยายามที่จะปิดแบบฉุกเฉิน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดด้วยการจับยึดนิวตรอนมีกี่ขั้นตอน?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การบำบัดด้วยการจับยึดนิวตรอน Article: การบำบัดด้วยการจับยึดนิวตรอน (English: Neutron capture therapy (NCT)) เป็นการรักษาโรคแบบไม่รุกล้ำ(เข้าในร่างกาย)เพื่อรักษาเนื้องอกร้ายแรงแบบแพร่กระจายเป็นที่ เช่นเนื้องอกในสมองหลักและมะเร็งที่หัวและลำคอกำเริบ มีสองขั้นตอนได้แก่: ขั้นตอนแรก ผู้ป่วยจะถูกฉีดด้วยยาที่ใช้กำหนดตำแหน่งเนื้องอก ยานี้จะประกอบด้วยไอซโทปไม่มีกัมมันตภาพรังสีที่มีความโน้มเอียงหรือภาคตัดขวาง (ฟิสิกส์) (σ) สูงต่อการจับยึดนิวตรอนช้า ตัวแทนการจับยึด (English: capture agent) จะมีภาคตัดขวางมากกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับขององค์ประกอบอื่น ๆ ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่นไฮโดรเจน ออกซิเจน และไนโตรเจน ในขั้นตอนที่สอง ผู้ป่วยจะปล่อยรังสีนิวตรอนเอพิเทอร์มัล ซึ่งหลังจากการสูญเสียพลังงานเมื่อพวกมันเจาะข้าไปในเนื้อเยื่อ รังสีเอพิเทอร์มัลจะถูกดูดซึมโดยตัวแทนการจับยึดซึ่งภายหลังก็ปลดปล่อยอนุภาคพลังงานสูงที่มีประจุออกมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แบบทำลายล้างทางชีวภาพ (รูปที่ 1 ) ทั้งหมดของประสบการณ์ทางคลินิกกับ NCT จนถึงวันนี้จะทำกับไอโซโทปของโบรอน-10ที่ไม่มีกัมมันตรังสี และถูกเรียกว่า<b data-parsoid='{"dsr":[2059,2105,3,3]}'>การบำบัดด้วยการจับยึดนิวตรอนจากธาตุโบรอน (BNCT)[2] ในเวลานี้ การใช้ไอโซโทปที่ไม่มีกัมมันตรังสีอื่น ๆ เช่น gadolinium ได้ถูกจำกัด และจนถึงปัจจุบัน มันก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ในทางคลินิก. BNCT ได้รับการประเมินทางคลินิกในฐานะที่เป็นทางเลือกในการรักษาด้วยรังสีธรรมดาสำหรับการรักษาเนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรง (gliomas) และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ถูกใช้ในการรักษาโรคมะเร็งหัวและลำคอที่ระบาดเฉพาะที่และกำเริบ[3] หลักการพื้นฐาน การบำบัดด้วยการจับยึดนิวตรอนเป็นระบบเลขฐานสองที่ใช้สององค์ประกอบที่แยกจากกันเพื่อให้บรรลุผลการรักษา แต่ละส่วนประกอบในตัวของมันเองเป็นแบบไม่เกี่ยวกับการทำลายเซลล์มะเร็ง (English: non-tumoricidal) แต่เมื่อพวกมันถูกนำมารวมเข้าด้วยกันพวกมันจะมีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งอย่างรุนแรง การบำบัดด้วยจับยึดนิวตรอนจากธาตุโบรอน (English: Boron neutron capture therapy (BNCT)) จะมีพื้นฐานมาจากการจับยึดจากนิวเคลียสและปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันที่เกิดขึ้นเมื่อโบรอน 10ที่ไม่มีกัมมันตภาพรังสี(ที่เกิดขึ้นจากประมาณ 20% ของธาตุโบรอนธรรมชาติ) ถูกทำให้มีการฉายรังสีที่มีนิวตรอนพลังงานที่เหมาะสมเพื่อให้ได้โบรอน-11 (11B*)ที่ตื่นตัว...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดด้วยการจับยึดนิวตรอนเป็นการรักษาที่ค่าใช้จ่ายแพงที่สุดใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: นาซีเยอรมนี Article: นาซีเยอรมนี (English: Nazi Germany) หรือ ไรช์ที่สาม (German: Drittes Reich) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ไรช์เยอรมัน (German: Deutsches Reich) เป็นชื่อเรียกยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์เยอรมนีระหว่างปี 1933 ถึง 1945 เมื่อประเทศเยอรมนีอยู่ภายใต้การควบคุมระบอบเผด็จการของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซี ในการปกครองของฮิตเลอร์ ประเทศเยอรมนีกลายเป็นรัฐฟาสซิสต์ซึ่งควบคุมแทบทุกแง่มุมของชีวิต นาซีเยอรมนีล่มสลายหลังฝ่ายสัมพันธมิตรพิชิตเยอรมนีในเดือนพฤษภาคม 1945 ซึ่งยุติสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐไวมาร์ เพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์คแต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มกราคม 1933 จากนั้น พรรคนาซีเริ่มกำจัดคู่แข่งทางการเมืองและรวบอำนาจ ฮินเดินบวร์คถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1934 และฮิตเลอร์เป็นผู้เผด็จการแห่งเยอรมนีโดยการรวมอำนาจและตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดี มีการจัดการลงประชามติทั่วประเทศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 1934 ทำให้ฮิตเลอร์เป็นฟือเรอร์ (ผู้นำ) เยอรมนีเพียงผู้เดียว อำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหมดรวมอยู่ในมือของฮิตเลอร์ และคำของเขาอยู่เหนือกฎหมายทั้งปวง รัฐบาลมิได้เป็นหน่วยที่ร่วมมือประสานกัน หากแต่เป็นหมู่กลุ่มแยกต่าง ๆ ที่แก่งแย่งอำนาจและความนิยมจากฮิตเลอร์ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ นาซีฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและยุติการว่างงานขนานใหญ่โดยใช้รายจ่ายทางทหารอย่างหนักและเศรษฐกิจแบบผสม[1] มีการดำเนินการโยธาสาธารณะอย่างกว้างขวาง รวมการก่อสร้างเอาโทบาน การคืนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจส่งเสริมความนิยมของรัฐบาลให้เพิ่มพูนขึ้น คตินิยมเชื้อชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อต้านยิว เป็นลักษณะหัวใจของนาซีเยอรมนี โดยถือว่ากลุ่มชนเจอร์แมนิกหรือเชื้อชาตินอร์ดิก (Nordic race) เป็นเชื้อชาติอารยันซึ่งบริสุทธิ์ที่สุด ฉะนั้นจึงเป็นชนชาติปกครอง (master race) ชาวยิวและชนกลุ่มอื่นที่ถือว่าไม่พึงปรารถนาถูกเบียดเบียนหรือฆ่า และการค้านการปกครองของฮิตเลอร์ถูกปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม สมาชิกฝ่ายค้านเสรีนิยม สังคมนิยมและคอมมิวนิสต์ถูกฆ่า จำคุกหรือเนรเทศ โบสถ์คริสต์ก็ถูกกดขี่เช่นกัน โดยผู้นำหลายคนถูกจำคุก การศึกษามุ่งเน้นชีววิทยาเชื้อชาติ นโยบายประชากร และสมรรถภาพทางกายสำหรับราชการทหาร โอกาสในอาชีพและการศึกษาของสตรีถูกตัดทอน มีการจัดนันทนาการและการท่องเที่ยวผ่านโครงการความแข็งแรงผ่านความรื่นเริง (Strength Through...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม ควบคุมโดยตำแหน่งใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรม Article: การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม ครอบคลุมกลไกและกระบวนการที่ใช้ในการรักษาน้ำที่ได้รับการปนเปื้อนโดยมนุษย์ในการการประกอบอุตสาหกรรมหรือการค้า ก่อนที่จะปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือการนำไปใช้งานอีกครั้ง อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ผลิตขยะเปียก แม้ว่าแนวโน้มล่าสุดโลกได้รับการพัฒนาเพื่อลดการผลิตดังกล่าวหรือรีไซเคิลของเสียดังกล่าวในขั้นตอนการผลิต อย่างไรก็ตามหลายอุตสาหกรรมยังคงขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตน้ำเสีย แหล่งที่มาของน้ำเสียอุตสาหกรรม เหล็กและอุตสาหกรรมเหล็ก การผลิตเหล็กจากแร่ เกี่ยวข้องกับการลดประสิทธิภาพการเกิดปฏิกิริยาในเตาหลอมระเบิด น้ำหล่อเย็นที่มีการปนเปื้อนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์แอมโมเนียและไซยาไนด์ การผลิตโค้กจากถ่านหินในพืช ยังต้องใช้น้ำเย็นและการใช้น้ำในการคัดแยกผลิตภัณฑ์ โดยการปนเปื้อนของน้ำเสียรวมถึงผลิตภัณฑ์ก๊าซเช่นเบนซีน, แนฟทาลีน, แอนทราซีน, ไซยาไนด์, แอมโมเนีย, ฟีนอล, ครีโซล พร้อมกับช่วงที่ซับซ้อนมากขึ้นของสารประกอบอินทรีย์ที่เรียกว่าไฮโดรคาร์บอน (PAH) การแปลงสภาพของเหล็กหรือเหล็กกล้าที่เป็นแผ่นลวดหรือแท่งต้องใช้ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงกลร้อนและกลเย็น ยังมีการใช้น้ำในขั้นตอนน้ำมันหล่อลื่นและน้ำหล่อเย็น สารปนเปื้อนรวมถึงน้ำมันไฮโดรลิค, ไขมันและอนุภาคของแข็ง การรักษาขั้นสุดท้ายของธาตุเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กก่อนที่จะขายต่อไปในการผลิตรวมถึงการดองในกรดแร่ที่แข็งแกร่งในการลบสนิมและเตรียมผิวสำหรับดีบุกหรือโครเมียมชุบหรือสำหรับการรักษาพื้นผิวอื่น ๆ เช่นการเคลือบผิว หรือตกแต่ง สองกรดที่ใช้กันทั่วไปมีกรดไฮโดรคลอริกและกรดซัลฟูริก น้ำเสียรวมถึงน้ำล้างที่เป็นกรดร่วมกับกรดของเสีย แม้ว่าพืชหลายชนิดมีการกู้คืนกรด (โดยเฉพาะผู้ที่ใช้กรดไฮโดรคลอริก) ซึ่งการต้มแร่กรดจากเกลือของเหล็กยังคงมีปริมาณของกรดเหล็กซัลเฟตหรือคลอไรด์เหล็กสูงมากที่จะถูกกำจัด น้ำเสียจากอุตสาหกรรมเหล็กจำนวนมากมีการปนเปื้อนด้วยน้ำมันไฮโดรลิคที่เรียกว่าเป็นน้ำมันที่ละลายน้ำได้ เหมืองแร่และเหมืองหิน น้ำเสียที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่และเหมืองหินเป็น เป็นสารละลายข้นของอนุภาคหินในน้ำเหล่านี้เกิดขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่ชะล้างพื้นผิวสัมผัสและชะล้างถนนและนอกจากการล้างหินและกระบวนการคัดแยก ปริมาณของน้ำจะสูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสารในกระบวนการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีการดำเนินการแยกเฉพาะบางอย่าง เช่นถ่านหิน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรม Article: การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม ครอบคลุมกลไกและกระบวนการที่ใช้ในการรักษาน้ำที่ได้รับการปนเปื้อนโดยมนุษย์ในการการประกอบอุตสาหกรรมหรือการค้า ก่อนที่จะปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือการนำไปใช้งานอีกครั้ง อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ผลิตขยะเปียก แม้ว่าแนวโน้มล่าสุดโลกได้รับการพัฒนาเพื่อลดการผลิตดังกล่าวหรือรีไซเคิลของเสียดังกล่าวในขั้นตอนการผลิต อย่างไรก็ตามหลายอุตสาหกรรมยังคงขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตน้ำเสีย แหล่งที่มาของน้ำเสียอุตสาหกรรม เหล็กและอุตสาหกรรมเหล็ก การผลิตเหล็กจากแร่ เกี่ยวข้องกับการลดประสิทธิภาพการเกิดปฏิกิริยาในเตาหลอมระเบิด น้ำหล่อเย็นที่มีการปนเปื้อนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์แอมโมเนียและไซยาไนด์ การผลิตโค้กจากถ่านหินในพืช ยังต้องใช้น้ำเย็นและการใช้น้ำในการคัดแยกผลิตภัณฑ์ โดยการปนเปื้อนของน้ำเสียรวมถึงผลิตภัณฑ์ก๊าซเช่นเบนซีน, แนฟทาลีน, แอนทราซีน, ไซยาไนด์, แอมโมเนีย, ฟีนอล, ครีโซล พร้อมกับช่วงที่ซับซ้อนมากขึ้นของสารประกอบอินทรีย์ที่เรียกว่าไฮโดรคาร์บอน (PAH) การแปลงสภาพของเหล็กหรือเหล็กกล้าที่เป็นแผ่นลวดหรือแท่งต้องใช้ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงกลร้อนและกลเย็น ยังมีการใช้น้ำในขั้นตอนน้ำมันหล่อลื่นและน้ำหล่อเย็น สารปนเปื้อนรวมถึงน้ำมันไฮโดรลิค, ไขมันและอนุภาคของแข็ง การรักษาขั้นสุดท้ายของธาตุเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กก่อนที่จะขายต่อไปในการผลิตรวมถึงการดองในกรดแร่ที่แข็งแกร่งในการลบสนิมและเตรียมผิวสำหรับดีบุกหรือโครเมียมชุบหรือสำหรับการรักษาพื้นผิวอื่น ๆ เช่นการเคลือบผิว หรือตกแต่ง สองกรดที่ใช้กันทั่วไปมีกรดไฮโดรคลอริกและกรดซัลฟูริก น้ำเสียรวมถึงน้ำล้างที่เป็นกรดร่วมกับกรดของเสีย แม้ว่าพืชหลายชนิดมีการกู้คืนกรด (โดยเฉพาะผู้ที่ใช้กรดไฮโดรคลอริก) ซึ่งการต้มแร่กรดจากเกลือของเหล็กยังคงมีปริมาณของกรดเหล็กซัลเฟตหรือคลอไรด์เหล็กสูงมากที่จะถูกกำจัด น้ำเสียจากอุตสาหกรรมเหล็กจำนวนมากมีการปนเปื้อนด้วยน้ำมันไฮโดรลิคที่เรียกว่าเป็นน้ำมันที่ละลายน้ำได้ เหมืองแร่และเหมืองหิน น้ำเสียที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่และเหมืองหินเป็น เป็นสารละลายข้นของอนุภาคหินในน้ำเหล่านี้เกิดขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่ชะล้างพื้นผิวสัมผัสและชะล้างถนนและนอกจากการล้างหินและกระบวนการคัดแยก ปริมาณของน้ำจะสูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสารในกระบวนการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีการดำเนินการแยกเฉพาะบางอย่าง เช่นถ่านหิน...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม ทำให้น้ำไม่เสียใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรม Article: การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม ครอบคลุมกลไกและกระบวนการที่ใช้ในการรักษาน้ำที่ได้รับการปนเปื้อนโดยมนุษย์ในการการประกอบอุตสาหกรรมหรือการค้า ก่อนที่จะปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือการนำไปใช้งานอีกครั้ง อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ผลิตขยะเปียก แม้ว่าแนวโน้มล่าสุดโลกได้รับการพัฒนาเพื่อลดการผลิตดังกล่าวหรือรีไซเคิลของเสียดังกล่าวในขั้นตอนการผลิต อย่างไรก็ตามหลายอุตสาหกรรมยังคงขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตน้ำเสีย แหล่งที่มาของน้ำเสียอุตสาหกรรม เหล็กและอุตสาหกรรมเหล็ก การผลิตเหล็กจากแร่ เกี่ยวข้องกับการลดประสิทธิภาพการเกิดปฏิกิริยาในเตาหลอมระเบิด น้ำหล่อเย็นที่มีการปนเปื้อนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์แอมโมเนียและไซยาไนด์ การผลิตโค้กจากถ่านหินในพืช ยังต้องใช้น้ำเย็นและการใช้น้ำในการคัดแยกผลิตภัณฑ์ โดยการปนเปื้อนของน้ำเสียรวมถึงผลิตภัณฑ์ก๊าซเช่นเบนซีน, แนฟทาลีน, แอนทราซีน, ไซยาไนด์, แอมโมเนีย, ฟีนอล, ครีโซล พร้อมกับช่วงที่ซับซ้อนมากขึ้นของสารประกอบอินทรีย์ที่เรียกว่าไฮโดรคาร์บอน (PAH) การแปลงสภาพของเหล็กหรือเหล็กกล้าที่เป็นแผ่นลวดหรือแท่งต้องใช้ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงกลร้อนและกลเย็น ยังมีการใช้น้ำในขั้นตอนน้ำมันหล่อลื่นและน้ำหล่อเย็น สารปนเปื้อนรวมถึงน้ำมันไฮโดรลิค, ไขมันและอนุภาคของแข็ง การรักษาขั้นสุดท้ายของธาตุเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กก่อนที่จะขายต่อไปในการผลิตรวมถึงการดองในกรดแร่ที่แข็งแกร่งในการลบสนิมและเตรียมผิวสำหรับดีบุกหรือโครเมียมชุบหรือสำหรับการรักษาพื้นผิวอื่น ๆ เช่นการเคลือบผิว หรือตกแต่ง สองกรดที่ใช้กันทั่วไปมีกรดไฮโดรคลอริกและกรดซัลฟูริก น้ำเสียรวมถึงน้ำล้างที่เป็นกรดร่วมกับกรดของเสีย แม้ว่าพืชหลายชนิดมีการกู้คืนกรด (โดยเฉพาะผู้ที่ใช้กรดไฮโดรคลอริก) ซึ่งการต้มแร่กรดจากเกลือของเหล็กยังคงมีปริมาณของกรดเหล็กซัลเฟตหรือคลอไรด์เหล็กสูงมากที่จะถูกกำจัด น้ำเสียจากอุตสาหกรรมเหล็กจำนวนมากมีการปนเปื้อนด้วยน้ำมันไฮโดรลิคที่เรียกว่าเป็นน้ำมันที่ละลายน้ำได้ เหมืองแร่และเหมืองหิน น้ำเสียที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่และเหมืองหินเป็น เป็นสารละลายข้นของอนุภาคหินในน้ำเหล่านี้เกิดขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่ชะล้างพื้นผิวสัมผัสและชะล้างถนนและนอกจากการล้างหินและกระบวนการคัดแยก ปริมาณของน้ำจะสูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสารในกระบวนการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีการดำเนินการแยกเฉพาะบางอย่าง เช่นถ่านหิน...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม มีผลบังคับตามกฎหมายในไทยหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การสุขาภิบาล Article: การสุขาภิบาล เป็นวิธีการทางสุขอนามัยของการส่งเสริมสุขภาพโดยผ่านการป้องกันมนุษย์มิให้สัมผัสกับภัยจากปฏิกูล เช่นเดียวกับการบำบัดและการกำจัดที่เหมาะสมของของเสียและน้ำเสีย. ภัยนั้นอาจเป็นทั้งตัวการของโรคทางกายภาพ, ทางจุลินทรีย์ชีวภาพ, ทางชีววิทยาหรือทางเคมี. ปฏิกูลที่สามารถก่อปัญหาสุขภาพได้ได้แก่ อุจจาระของมนุษย์หรือมูลของสัตว์, ปฏิกูลของแข็ง, น้ำทิ้งจากครัวเรือน(น้ำเสีย, สิ่งโสโครก, ปฏิกูลอุตสาหกรรมและปฏิกูลเกษตรกรรม. วิธีการทางสุขอนามัยในการป้องกันอาจเป็นการใช้วิธีการทางวิศวกรรม (เช่น การบำบัดน้ำเสีย, การบำบัดสิ่งปฏิกูล, การระบายน้ำท่วมจากพายุ, การจัดการปฏิกูลของแข็ง, การจัดการอุจจาระ), เทคโนโลยีเรียบง่าย (เช่น ส้วมหลุม, ส้วมแห้ง, UDDT, และถังเกรอะ) หรือแม้แต่การปฏิบัติสุขลักษณะส่วนตัวง่ายๆ (เช่นการล้างมือด้วยสบู่, การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม). องค์การอนามัยโลกระบุว่า "การสุขาภิบาลโดยทั่วไปหมายถึงการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการสำหรับการกำจัดที่ปลอดภัยของปัสสาวะและอุจจาระของมนุษย์. การสุขาภิบาลที่ไม่เพียงพอเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคทั่วโลกและการปรับปรุงการสุขาภิบาลเป็นที่รู้จักกันว่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งในครัวเรือนและในทั้งชุมชน. คำว่า 'การสุขาภิบาล' ยังหมายถึงการบำรุงรักษาของสภาพทางสุขอนามัย, ผ่านการบริการเช่นการเก็บขยะและการกำจัดน้ำเสีย[1]. การสุขาภิบาลประกอบด้วยสี่รายการวิศวกรรมโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ (แม้ว่าอันแรกเท่านั้นที่มักจะมีการเชื่อมโยงอย่างมากกับคำว่า "สุขา+อภิบาล"): ระบบการจัดการของเสีย ระบบการจัดการน้ำเสีย ระบบการจัดการปฏิกูลของแข็ง ระบบระบายน้ำสำหรับน้ำฝน, ที่มักถูกเรียกว่าการระบายน้ำจากพายุฝน แม้จะมีความจริงที่ว่าการสุขาภิบาลรวมถึงการบำบัดน้ำเสีย, ทั้งสองคำนี้มักจะถูกใช้เคียงข้างกัน: คนมีแนวโน้มที่จะพูดถึงเรื่องการสุขาภิบาลและการจัดการน้ำเสียซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจะต้องมีการแบ่งแยกในหัวข้อย่อยในบทความนี้. คำว่าการสุขาภิบาลได้รับการเชื่อมต่อกับหลายตัวอธิบายเพื่อให้คำว่าการสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน, การสุขาภิบาลที่ปรับปรุงแล้ว, การสุขาภิบาลที่ยังไม่ปรับปรุง, การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม, การสุขาภิบาลนสถานที่ทำงาน, การสุขาภิบาลนิเวศวิทยา, การสุขาภิบาลแห้ง ทั้งหมดนี้ถูกใช้ในปัจจุบัน. การสุขาภิบาลควรได้รับพูดถึงว่าเป็นวิธีการที่เป็นระบบซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม/การบรรจุ,...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม มีผลบังคับตามกฎหมายในไทยหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: น้ำเสีย Article: น้ำเสีย คือน้ำที่ได้รับผลกระทบในด้านคุณภาพจากอิทธิพลของมนุษย์ ระบบบำบัดน้ำเสียของเมืองระบายลงในในท่อหรือคลองระบายน้ำเพื่อส่งไปบำบัดที่โรงงานบำบัดน้ำเสียหรือลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติโดยตรง น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดมีการปล่อยลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติต่อไปหรืออาจนำไปใช้ประโยชน์ทางใดทางหนึ่ง น้ำโสโครกเป็นส่วนย่อยของน้ำเสียที่ถูกปนเปื้อนกับอุจจาระหรือปัสสาวะ แต่มักจะใช้รวมถึงน้ำเสียโดยทั่วไป น้ำเสียจึงหมายรวมถึงผลิตผลที่เป็นของเหลวที่เสียแล้วจากท้องถิ่นหรือในเขตเทศบาลหรือในเมืองอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องถูกกำจัดผ่านทางท่อระบายน้ำหรือท่อต่างหากหรือถูกกำจัดในบ่อกำจัดเฉพาะ ท่อน้ำทิ้งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพประกอบด้วยท่อ ปั๊ม ตะแกรง ประตู และอื่น ๆ เพื่อใช้ในการระบายน้ำเสียจากแหล่งกำเนิดไปยังจุดของการรักษาสุดท้ายหรือการกำจัดทิ้ง ท่อน้ำทิ้งมีหลายประเภทในระบบบำบัดน้ำเสีย ยกเว้นระบบบำบัดน้ำเสียสิ่งปฏิกูลที่บำบัด ณ จุดผลิต แหล่งกำเนิด น้ำเสียทั้งน้ำทิ้งและน้ำโสโครกเกิดจาก (ข้อความในวงเล็บหมายถึงแนวโน้มส่วนผสมหรือสิ่งปนเปื้อน): ของเสียจากมนุษย์ (อุจจาระ ปัสสาวะ กระดาษชำระที่ใช้แล้ว ผ้าอนามัย ของเหลวจากร่างกาย ) มักจะมาจากส้วม; สิ่งที่รั่วจากพักของเสีย; สิ่งที่ระบายออกมาจากถังปุ๋ยหมัก; สิ่งที่ระบายมาจากโรงบำบัดน้ำเสีย; น้ำซักล้าง (เสื้อผ้า ของส่วนบุคคล, จานชาม ฯลฯ ) น้ำฝนที่ค้างบนหลังคา, สนามหญ้า ฯลฯ น้ำบาดาลซึมลงไปในน้ำเสีย; ส่วนเกินจากการผลิตของเหลว (เครื่องดื่ม, น้ำมันปรุงอาหาร, สารกำจัดศัตรูพืช, น้ำมันหล่อลื่น, สี, ของเหลวทำความสะอาด ฯลฯ ); น้ำฝนที่ไหลบ่ามาจากถนนในเมือง, ลานจอดรถ, หลังคา, ทางเท้า (มีน้ำมัน, อุจจาระสัตว์, เบนซิน, ดีเซล, ยางตกค้​​าง, ขี้สบู่, โลหะจากไอเสียรถยนต์ ฯลฯ ); การซึมเข้าของน้ำทะเล (เกลือและจุลินทรีย์ปริมาณสูง); การซึมเข้าโดยตรงจากน้ำในแม่น้ำ (จุลินทรีย์ปริมาณสูง); การซึมเข้าโดยตรงของของเหลวที่มนุษย์สร้างขึ้น (การกำจัดที่ผิดกฎหมายของสารกำจัดศัตรูพืชและน้ำมันใช้แล้ว ฯลฯ ); การระบายน้ำทางหลวง (น้ำมัน, สารละลายน้ำแข็ง, ยางตกค้าง); ระบายน้ำที่เกิดจากพายุ (เกือบทุกอย่างรวมทั้งรถยนต์, รถเข็นช้อปปิ้ง, ต้นไม้, วัว ฯลฯ ); น้ำผิวดินปนเปื้อนด้วยน้ำเน่า; ของเสียจากอุตสาหกรรม การระบายน้ำอุตสาหกรรม ณ จุดผลิต (ตะกอนทราย, น้ำมันอัลคาไล, สารเคมีตกค้าง); น้ำหล่อเย็นอุตสาหกรรม (ยากำจัดพืช, ความร้อน,น้ำเมือกที่หลั่งจากสัตว์,...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบำบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม มีผลบังคับตามกฎหมายในไทยหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม Article: วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม (English: Environmental Engineering) เป็นการบูรณาการของหลักการทางวิทยาศาสตร์และทางวิศวกรรมเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ, เพื่อให้มีน้ำ, อากาศ, และที่ดินที่มีสุขภาพดีสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ, และเพื่อทำความสะอาดสถานที่มลพิษ. นอกจากนี้วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมยังสามารถถูกอธิบายว่าเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประยุกต์ที่พูดถึงประเด็นของการอนุรักษ์พลังงาน, สินทรัพย์และการควบคุมการผลิตของเสียจากกิจกรรมของมนุษย์และสัตว์. นอกจากนี้ มันยังเกี่ยวข้องกับการหาโซลูชั่นที่เป็นไปได้ในด้านสุขภาพของประชาชน, เช่นโรคที่เกิดจากน้ำ (English: waterborne diseases), การดำเนินการตามกฎหมายที่ส่งเสริมสุขอนามัยที่เพียงพอในเขตเมือง, ชนบทและพื้นที่การพักผ่อนหย่อนใจ. มันเกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำเสียและการควบคุมมลพิษทางอากาศ, การรีไซเคิล, การกำจัดของเสีย, การป้องกันรังสี, สุขศาสตร์อุตสาหกรรม, ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม, และปัญหาสุขภาพของประชาชนรวมทั้งความรู้เกี่ยวกับกฎหมายวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม. นอกจากนี้มันยังรวมถึงการศึกษาทั้งหลายเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการก่อสร้างที่มีการนำเสนอ. วิศวกรสิ่งแวดล้อมจะศึกษาผลกระทบจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีต่อสิ่งแวดล้อม. เพื่อทำเช่นนั้น, เขาดำเนินการศึกษาการจัดการขยะอันตรายเพื่อประเมินความสำคัญของอันตรายดังกล่าว, เขาจะให้ให้คำแนะนำในการบำบัดและการเก็บกัก, และพัฒนากฎระเบียบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ. วิศวกรสิ่งแวดล้อมยังออกแบบน้ำประปาเทศบาลและระบบบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรม[1][2] เช่นเดียวกับการพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นและทั่วโลกเช่นผลกระทบของฝนกรด, ภาวะโลกร้อน, การสูญเสียโอโซน, มลพิษทางน้ำและมลพิษทางอากาศจากไอเสียรถยนต์และ แหล่งอุตสาหกรรม[3][4][5][6]. ที่มหาวิทยาลัยหลายแห่ง, วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจะอยู่ในภาควิชาวิศวกรรมโยธาหรือภาควิชาวิศวกรรมเคมีของคณะวิศวกรรมศาสตร์. วิศวกร "โยธา" สิ่งแวดล้อมมุ่งเน้นไปที่อุทกวิทยา, การจัดการทรัพยากรน้ำ, การบำบัดทางชีวภาพ, และการออกแบบโรงงานบำบัดน้ำเสีย. วิศวกร "เคมี" สิ่งแวดล้อม, ในทางตรงกันข้าม, มุ่งเน้นไปที่คุณสมบัติทางเคมีของสิ่งแวดล้อม, เทคโนโลยีและกระบวนการแยกอากาศและการบำบัดน้ำเสียที่ทันสมัย. นอกจากนี้วิศวกรมีบ่อยครั้งมากที่ได้รับการฝึกอบรมเฉพาะด้านกฎหมาย (Juris Doctor (JD) )...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบินไทย เที่ยวบินที่ 261 จากกรุงเทพไปสุราษฎร์ธานี ตกสาเหตุเนื่องจากฝนตกหนัก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดกี่ราย?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การบินไทย เที่ยวบินที่ 261 Article: การบินไทย เที่ยวบินที่ 261 (TG261) นำผู้โดยสารบินจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2541 เที่ยวบินนี้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 310-300 ทะเบียน HS-TIA เที่ยวบิน 261 มีผู้โดยสาร 146 คน ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เวลา 11:40 ตามเวลามาตรฐาน ตรงสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง เมื่อเครื่องบินเริ่มลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี สภาพอากาศมีฝนตกหนักและทัศนวิสัยไม่ดี เนื่องจากพายุดีเปรสชัน "จิล" นักบินพยายามนำเครื่องลงจอดถึง 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ ในครั้งที่ 3 เครื่องยนต์เกิดชะงัก ทำให้เครื่องบินตกกระแทกพื้น เครื่องเสียหลัก หางเครื่องฟาดหอบังคับการบินบางส่วน เครื่องเสียการทรงตัวพุ่งตกลงไปในป่ายาง ห่างออกไป 2 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของท่าอากาศยาน มีผู้เสียชีวิต 101 คน และได้รับบาดเจ็บ 45 คน สาเหตุของการตกครั้งนี้ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดสู่สาธารณะมากนัก มีเพียงความพยายามระบุว่าสาเหตุการตกน่าจะมาจากการหลงสภาพการบินในการลงจอดเวลากลางคืนในสภาพอากาศที่มีลมแรง ซึ่งสร้างความคลางแคลงใจต่อสังคมเป็นอย่างมาก ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตที่มีชื่อเสียง คือ ดร.ธวัช วิชัยดิษฐ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภริยา, น.พ. โกวิท วรพงษ์สิทธิกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ฉวาง และ แพทย์ชนบทดีเด่น ประจำปี 2541, นางศิริรัตน์ ศรีเทพ น้องสาวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และมีผู้รอดชีวิต คือ เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ นักร้องค่ายอาร์เอส ภายหลังการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ การบินไทยได้ออกระเบียบห้ามการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ตลอดเที่ยวบิน อ้างอิง กองบรรณาธิการมติชน, 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน, 2549, ISBN 974-323-889-1 แหล่งข้อมูลอื่น หมวดหมู่:อุบัติเหตุทางการบินในประเทศไทย หมวดหมู่:การบินไทย หมวดหมู่:พ.ศ. 2541
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบุกครองโปแลนด์ของสหภาพโซเวียต ใครชนะ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การบุกครองโปแลนด์ Article: การบุกครองโปแลนด์ หรือเรียก<b data-parsoid='{"dsr":[3948,3967,3,3]}'>การทัพกันยายน (Polish: Kampania wrześniowa) หรือ<b data-parsoid='{"dsr":[4006,4032,3,3]}'>สงครามตั้งรับปี 1939 (Polish: Wojna obronna 1939 roku) ในโปแลนด์ และ การทัพโปแลนด์ (German: Polenfeldzug) หรือ ฟัลล์ไวสส์ (German: Fall Weiss) ในเยอรมนี เป็นการบุกครองโปแลนด์ร่วมโดยเยอรมนี สหภาพโซเวียตและสโลวาเกียซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป การบุกครองของเยอรมนีเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1939 หนึ่งสัปดาห์ให้หลังการลงนามสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพ ขณะที่การบุกครองของโซเวียตเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน 1939 หลังความตกลงโมโลตอฟ-โตโก ซึ่งยุติความเป็นปรปักษ์ระหว่างสหภาพโซเวียตและญี่ปุ่นในภาคตะวันออกเมื่อวันที่ 16 กันยายน[1] การทัพดังกล่าวสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมด้วยเยอรมนีและสหภาพโซเวียตแบ่งแยกและผนวกโปแลนด์ทั้งประเทศตามเงื่อนไขของสนธิสัญญาเขตแดนเยอรมนี–โซเวียต กำลังเยอรมนีบุกครองโปแลนด์จากทิศเหนือ ใต้ และตะวันตกในเช้าหลังเกิดกรณีกลิวิซ ขณะที่เวร์มัคท์รุกคืบ กำลังโปแลนด์ถอนจากฐานปฏิบัติการส่วนหน้าติดกับพรมแดนโปแลนด์–เยอรมนีไปแนวป้องกันที่จัดตั้งดีกว่าทางตะวันออก หลังโปแลนด์แพ้ยุทธการที่บึซราเมื่อกลางเดือนกันยายน ทำให้เยอรมนีได้เปรียบแน่นอน จากนั้นกำลังโปแลนด์ถอนตัวไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ที่ซึ่งพวกเขาเตรียมการป้องกันระยะยาวที่หัวสะพานโรมาเนียและคอยการสนับสนุนและการช่วยเหลือที่คาดจากฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร[2] ทั้งสองประเทศมีสนธิสัญญากับโปแลนด์และประกาศสงครามกับเยอรมนีเมื่อวันที่ 3 กันยายน แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองช่วยเหลือโปแลนด์แต่เพียงเล็กน้อย การบุกครองโปแลนด์ตะวันออกของกองทัพแดงโซเวียตเมื่อวันที่ 17 กันยายนตามพิธีสารลับในสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพ ทำให้แผนการตั้งรับของโปแลนด์ต้องเลิกไป[3] เมื่อเผชิญกับแนวรบที่สอง รัฐบาลโปแลนด์สรุปว่าการป้องกันหัวสะพานโรมาเนียเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปและสั่งอพยพกำลังพลฉุกเฉินทั้งหมดไปยังประเทศโรมาเนียที่เป็นกลาง วันที่ 6 ตุลาคม หลังโปแลนด์ปราชัยที่ยุทธการที่ค็อก (Kock) กำลังเยอรมนีและโซเวียตก็ควบคุมโปแลนด์อย่างสมบูรณ์ ความสำเร็จของการบุกครองนี้เป็นจุดสิ้นสุดของสาธารณรัฐโปแลนด์ที่สอง แม้โปแลนด์จะไม่เคยยอมจำนนอย่างเป็นทางการก็ตาม วันที่ 8 ตุลาคม หลังสมัยการบริหารทหารทหารช่วงต้น...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบุกยึดท่าอากาศยานในประเทศไทย พ.ศ. 2551 เกิดขึ้นโดยใคร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การบุกยึดท่าอากาศยานในประเทศไทย พ.ศ. 2551 Article: การบุกยึดท่าอากาศยานในประเทศไทย พ.ศ. 2551 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยในวันที่ 24 พฤศจิกายน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้บุกเข้ายึดท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้สำเร็จ ทำให้ในวันที่ 27 พฤศจิกายน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในทั้งสองพื้นที่ โดยมี พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็น ผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พลตำรวจโท ฉลอง สนใจ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง แต่ก็มิได้มีการดำเนินการตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่อย่างใด และกลุ่มพันธมิตรฯก็ได้ประกาศยุติการชุมนุมไปในที่สุดในวันที่ 3 ธันวาคม หลังจากที่นายสมชายพ้นจากตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ปัจจุบันคดีนี้ยังไม่แล้วเสร็จโดยอัยการได้ทำการเลื่อนฟ้อง 18 ครั้ง[1]ก่อนที่จะส่งฟ้องในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556[2]สำนวนคดีมี 8 สำนวนได้แก่ อ.973/2556 , อ.1087/2556[3] , อ.1204/2556 , อ.1279 /2556 , อ.1361/2556[4] , อ.1406/2556 , อ.1522/2556 และ อ.1559/2556[5] ลำดับเหตุการณ์ 24 พฤศจิกายน 06.30 น. กลุ่มพันธมิตรฯปฏิบัติการดาวกระจาย เคลื่อนขบวนจากทำเนียบรัฐบาลไปปิดล้อมรัฐสภา เพื่อขัดขวางการประชุมรัฐสภา และทยอยเดินทางไปปิดกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกระทรวงการคลัง[6] 09.40 น. นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา โทรศัพท์แถลงข่าวผ่านโทรศัพท์มือถือของนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้งดการประชุมรัฐสภาจนกว่าเหตุการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ 12.30 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศให้ผู้ชุมนุมเดินทางไปท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อไม่ให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี 14.20 น. กลุ่มพันธมิตรฯประกาศจะมีมาตรการสูงสุดกดดันรัฐบาลให้ลาออกภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน 17.45 น. กลุ่มพันธมิตรฯยึดท่าอากาศยานดอนเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประกาศจะต้องให้รัฐบาลนายสมชายออกไปให้ได้ และมอบหมายให้นายสมศักดิ์รับผิดชอบนำการชุมนุมที่ดอนเมือง 25 พฤศจิกายน 10.45 น. กลุ่มพันธมิตรฯเดินทางไปสมทบที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และเคลื่อนขบวนบุกกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อขัดขวางไม่ให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี 15.00 น....
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบูชาองค์พระบรมสารีริกธาตุโดยประการต่าง ๆ เช่น การสร้างเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระธาตุไว้สักการะ ใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: พระบรมสารีริกธาตุ Article: พระบรมสารีริกธาตุ (Sanskrit: शरीर; Śarīra) เรียกโดยย่อว่า<b data-parsoid='{"dsr":[216,232,3,3]}'>พระบรมธาตุ คือ พระอัฐิของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ทรงอธิษฐานไว้ก่อนปรินิพพาน ให้คงเหลือไว้หลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธบริษัท[1] พระบรมธาตุมีสองลักษณะคือ พระบรมธาตุที่ไม่แตกกระจาย และที่แตกกระจาย มีขนาดเล็กสุดประมาณเมล็ดพันธุ์ผักกาด[2] ชาวพุทธเชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุเป็นวัตถุแทนองค์พระบรมศาสดาที่ทรงคุณค่าสูงสุดในศาสนาพุทธ จึงนิยมกระทำการบูชาองค์พระบรมสารีริกธาตุโดยประการต่าง ๆ เช่น การสร้างเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระธาตุไว้สักการะ โดยเชื่อว่ามีอานิสงส์ประดุจได้กระทำการบูชาแด่พระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่[3] ทั้งนี้ คำว่า "พระบรมสารีริกธาตุ" เป็นศัพท์เฉพาะใช้เรียกเฉพาะพระธาตุของพระพุทธเจ้า หากเป็นของพระอรหันตสาวกจะเรียกว่า "พระธาตุ" เท่านั้น[4] การเกิดพระบรมสารีริกธาตุ ประวัติ นับแต่พระโคตมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และเผยแผ่พระธรรมวินัยแก่ชาวชมพูทวีป เป็นเวลากว่า 45 ปี ทำให้พระพุทธศาสนาตั้งหลักฐานอย่างมั่นคง ณ ชมพูทวีปกว่าพันปี และพระพุทธศาสนาได้ขยายออกไปทั่วทวีปเอเชียนับแต่นั้นมา จวบจนพระพุทธองค์มีพระชนมายุใกล้ 80 พรรษา มีพระวรกายชราภาพลงเสมือนคนทั่วไป[5] และหลังจากวันที่ทรงทำการปลงพระชนมายุสังขารได้ 3 เดือน จึงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ระหว่างใต้ต้นสาละคู่ ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ในปัจฉิมยามแห่งราตรีวิสาขปรุณมีเพ็ญเดือน 6 ขณะมีพระชนมายุ 80 พรรษา สถานที่ปรินิพพาน สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์ อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุสินารา ชื่อว่า "อุปวตฺตนสาลวนํ" หรือ อุปวัตตนะสาลวัน ซึ่งในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สาลวโนทยาน แปลว่า สวนป่าไม้สาละ ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญญวดี เป็นป่าไม้สาละร่มรื่น ซึ่งหลังการปรินิพพานของพระพุทธองค์แล้ว กษัตริย์แห่งมัลละก็ได้ประดิษฐานพระพุทธสรีระไว้ ณ เมืองกุสินาราเป็นเวลากว่า 7 วัน ก่อนที่จะประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ อันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองกุสินารา ในวันที่ 8 แห่งพุทธปรินิพพาน[6] การถวายพระเพลิง โดยการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ คัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทกล่าวว่า เหล่ามัลลกษัตริย์แห่งแคว้นวัชชี...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การบูรณาการคืออะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สมบูรณาญาสิทธิราชย์ Article: สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (English: absolute monarchy) คือ ระบอบการปกครองที่มีกษัตริย์เป็นผู้ปกครองและมีสิทธิ์ขาดในการบริหารประเทศ ในระบอบการปกครองนี้ กษัตริย์ก็คือกฎหมาย กล่าวคือ ที่มาของกฎหมายทั้งปวงอยู่ที่กษัตริย์ คำสั่ง ความต้องการต่าง ๆ ล้วนมีผลเป็นกฎหมาย[1] กษัตริย์มีอำนาจในการปกครองแผ่นดินและพลเมืองโดยอิสระ โดยไม่มีกฎหมายหรือองค์กรตามกฎหมายใด ๆ จะห้ามปรามได้ แม้องค์กรทางศาสนาอาจทัดทานกษัตริย์จากการกระทำบางอย่างและองค์รัฏฐาธิปัตย์ (กษัตริย์) นั้นจะถูกคาดหวังว่าจะปฏิบัติตามธรรมเนียม แต่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น ไม่มีรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใด ๆ ที่จะอยู่เหนือกว่าคำชี้ขาดของรัฏฐาธิปัตย์ ตามทฤษฎีพลเมืองนั้น ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับพระเจ้าแผ่นดินที่ดีพร้อมทางสายเลือดและได้รับการเลี้ยงดูฝึกฝนมาอย่างดีตั้งแต่เกิด ในทางทฤษฎี กษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะมีอำนาจทั้งหมดเหนือประชาชนและแผ่นดิน รวมทั้งเหนืออภิชนและบางครั้งก็เหนือคณะสงฆ์ด้วย ส่วนในทางปฏิบัติ กษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มักจะถูกจำกัดอำนาจ โดยทั่วไปโดยกลุ่มที่กล่าวมาหรือกลุ่มอื่น กษัตริย์บางพระองค์ (เช่นจักรวรรดิเยอรมนี ค.ศ. 1871–1918) มีรัฐสภาที่ไม่มีอำนาจหรือเป็นเพียงสัญลักษณ์ และมีองค์กรบริหารอื่น ๆ ที่กษัตริย์สามารถเปลี่ยนแปลงหรือยุบเลิกได้ตามต้องการ แม้จะมีผลเท่ากับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่โดยทางเทคนิคที่เป็นไปได้แล้ว นี่คือราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (constitutional monarchy) เนื่องจากการมีอยู่ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายพื้นฐานของประเทศ ประเทศที่ใช้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปัจจุบันคือ ซาอุดีอาระเบีย บรูไน โอมาน สวาซิแลนด์ กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้ง นครรัฐวาติกัน ด้วย ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทย ประเทศไทยเคยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์มีอำนาจสิทธิ์เด็ดขาดในการปกครองแผ่นดิน ดังคำกล่าวที่ว่า "พระบรมราชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดินกรุงสยามนี้ ไม่ได้ปรากฏในกฎหมายอันหนึ่งอันใด ด้วยเหตุที่ถือว่าเป็นที่ล้นพ้น ไม่มีข้อสั่งอันใดจะเป็นผู้บังคับขัดขวางได้"[1] ในทัศนะของ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าระบอบสมบูรณาสิทธิราชย์ของไทยนั้น ไม่ได้เป็นระบอบที่มีมาแต่สมัยโบราณ แต่เพิ่งมีมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากในรัชกาลนี้ พระองค์ทรงรวบอำนาจจากเหล่าขุนนาง...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปกครองของเดนส์ เริ่มต้นเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว Article: พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  (20 กันยายน พ.ศ. 2396 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453) เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอังคาร เดือน 10 แรม 3 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระองค์ที่ 1 ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เสวยราชสมบัติเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. 2411 [3] เสด็จสวรรคต เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ปีจอ ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ด้วยโรคพระวักกะ พระราชประวัติ left|190px สมเด็จจุฬาลงกรณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ (ในรัชกาลที่ 6 ได้มีการสถาปนาพระบรมอัฐิเป็น สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี) ได้รับพระราชทานนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงศบริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร ซึ่งคำว่า "จุฬาลงกรณ์" นั้นแปลว่า เครื่องประดับผม อันหมายถึง "พระเกี้ยว" ที่มีรูปเป็นส่วนยอดของพระมหามงกุฎหรือยอดชฎา พระองค์มีพระขนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระมารดารวม 3 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ และสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช การศึกษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่หัวทรงได้รับการศึกษาเบื้องต้นในสำนักพระเจ้าอัยยิกาเธอ กรมหลวงวรเสรฐสุดา ทรงได้รับการศึกษาด้านอักษรศาสตร์ ภาษาเขมรจากหลวงราชาภิรมย์ ทรงได้การศึกษาการยิงปืนไฟจากพระยาอภัยเพลิงศร วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2404 สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมที่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ[4] และเมื่อ พ.ศ. 2409 พระองค์ผนวชตามราชประเพณี ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ภายหลังจากการผนวช พระองค์ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ เมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยทรงกำกับราชการกรมมหาดเล็ก กรมพระคลังมหาสมบัติ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิบัติวิปัสสนา ทำได้เฉพาะพระสงฆ์หรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ธุดงค์ Article: ธุดงค์ (Pali: ธุตงฺค, English: Dhutanga) เป็นวัตรปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ ไม่มีการบังคับ แล้วแต่ผู้ใดจะสมัครใจปฏิบัติ[1] เป็นอุบายวิธีกำจัดขัดเกลากิเลส ทำให้เกิดความมักน้อยสันโดษยิ่งขึ้น ไม่สะสม เพื่อให้เบาสบายไปมาได้สะดวกด้วยไม่มีภาระมาก เหมือนนกที่มีเพียงปีกก็บินไป มิใช่เพื่อสะสมหรือเพื่อลาภสักการะและชื่อเสียง ถ้าทำเพื่อลาภ เพื่อชื่อเสียง ต้องอาบัติทุกกฎ[2] โดยรูปศัพท์ ธุดงค์ แปลว่า องค์คุณเป็นเครื่องกำจัดกิเลส, องค์คุณของผู้กำจัดกิเลส หรือ การสมาทานเพื่อเป็นเครื่องกำจัดกิเลสอันอันตรายต่อสัมมาปฏิบัติ[3] ธุดงค์นั้น เป็นศัพท์เฉพาะที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเถรวาท โดยพระพุทธเจ้าตรัสแสดงธุดงค์ลักษณะต่าง ๆ ไว้หลายพระสูตร เมื่อรวมแล้วจึงได้ทั้งหมด 13 ข้อ[1][4][5] ธุดงค์ในปัจจุบันยังคงเป็นแนวการปฏิบัติที่เป็นที่นิยมของชาวพุทธเถรวาททั่วไปในหลายประเทศ โดยไม่จำกัดเฉพาะพระสงฆ์เท่านั้น คฤหัสถ์ทั่วไปก็ถือปฏิบัติได้บางข้อเช่นกัน[6] ปัจจุบัน คำว่า ธุดงค์ ในประเทศไทยถูกใช้ในความหมายว่าเป็นการเดินจาริกของพระสงฆ์ไปยังที่ต่าง ๆ หรือเรียกว่า การเดินธุดงค์ ซึ่งความหมายนี้แตกต่างจากความหมายเดิมในพระไตรปิฎก ความหมาย ธุดงค์ คือวัตร หรือแนวทางการปฏิบัติจำนวน 13 ข้อ ที่พระพุทธเจ้าอนุญาตไว้ให้แก่พระสงฆ์สำหรับเลือกนำไปปฏิบัติ เพื่อมุ่งให้เป็นแนวปฏิบัติเพิ่มเติมของพระสงฆ์ที่ตั้งใจสมาทานความเพียรเพื่อมุ่งขัดเกลาทางจิตเพื่อกำจัดกิเลส โดยธุดงค์นี้เป็นเพียงวัตร หรือแนวทางการประพฤติ ที่ไม่ใช่ศีลของพระสงฆ์ พระสงฆ์จึงเลือกปฏิบัติหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ[1] และการปฏิบัติธุดงค์ ธุดงค์ ในภาษาไทย ใช้เรียกพระภิกษุแบกกลดเดินไปตามทางหรือเข้าป่าไปว่า เดินธุดงค์ หรือ ออกธุดงค์ เรียกภิกษุที่ปฏิบัติเช่นนั้นว่า พระธุดงค์ ธุดงค์ ในภาษาไทย ใช้เรียกพระภิกษุแบกกลดเดินไปตามทางหรือเข้าป่าไปว่า เดินธุดงค์ หรือ ออกธุดงค์โดยการปฏิบัติที่ว่าด้วยการออกเดินทางนั้น เป็นข้อวัตรปฏิบัติพิเศษที่ชื่อว่า โมเนยยปฏิบัติ คือการอย่าเที่ยวภิกขาจารในที่เดิมซ้ำ อย่านอนในที่เดิมซ้ำ เพื่อไม่ตัดสินว่าใครดีชั่ว เพื่อไม่พิจารณาว่าสิ่งใดที่ไหนหยาบปราณีต เรียกภิกษุที่ปฏิบัติเช่นนั้นว่า พระธุดงค์ ธุดงค์ในภาษาไทยนี้จึงมีความหมายเฉพาะตัวตามประเพณีของพระวัดป่าของประเทศไทย[7] ธุดงควัตร ธุดงควัตร หมายถึงกิจวัตรของการธุดงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตมี 13 วิธีจัดเป็นข้อสมาทานละเว้น...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติคิวบา ทำเพื่ออะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เช เกบารา Article: เอร์เนสโต เกบารา (Spanish: Ernesto Guevara, pronounced[eɾˈnesto ɣ̞eˈβ̞aɾa])[# 1] หรือที่รู้จักกันในชื่อ เช (Spanish: Che, pronounced[t͡ʃe]; 14 มิถุนายน[1] ค.ศ. 1928 – 9 ตุลาคม ค.ศ. 1967) เป็นนักปฏิวัติลัทธิมากซ์ นายแพทย์ นักเขียน ผู้นำนักรบกองโจร นักการทูต และนักทฤษฎีการทหารชาวอาร์เจนตินา ในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งจากการปฏิวัติคิวบา ภาพใบหน้าของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ที่พบทั่วไปของวัฒนธรรมต่อต้านและการกบฏ และเป็นตราต้นแบบที่รู้จักกันเป็นสากลภายในวัฒนธรรมสมัยนิยม[4] ครั้งยังเป็นนักศึกษาแพทย์หนุ่ม เกบาราเดินทางไปทั่วทวีปอเมริกาใต้และรู้สึกสะเทือนใจกับความยากจนข้นแค้น ความหิวโหย และโรคภัยที่เขาพบระหว่างทาง[5] ความปรารถนาทำลายล้างสิ่งที่เขามองว่าเป็นการขูดรีดของทุนนิยมในลาตินอเมริกาผลักดันให้เขาเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิรูปสังคมกัวเตมาลาภายใต้รัฐบาลฮาโกโบ กุซมัน แต่สุดท้ายประธานาธิบดีผู้นี้ก็พ้นจากตำแหน่งหลังถูกรัฐประหารซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากซีไอเอ ตามคำร้องขอของบริษัทยูไนเต็ดฟรูต นั่นทำให้อุดมการณ์ทางการเมืองของเกบาราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น[5] ต่อมา ขณะอาศัยอยู่ในกรุงเม็กซิโกซิตี เขาพบกับราอุลและฟีเดล กัสโตร เข้าร่วมขบวนการ 26 กรกฎาคม และออกเดินทางสู่คิวบาโดยใช้เรือยนต์ขนาดเล็กชื่อ กรันมา ด้วยจุดประสงค์ขับไล่ผู้เผด็จการฟุลเคนเซียว บาติสตาซึ่งสหรัฐอเมริกาหนุนหลังอยู่[6] ไม่ช้าเกบาราก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในกองกำลังกบฏดังกล่าว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บัญชาการ และมีบทบาทสำคัญยิ่งในการทัพกองโจรซึ่งสามารถล้มระบอบบาติสตาได้สำเร็จภายในเวลาสองปี[7] หลังการปฏิวัติคิวบา เกบารามีบทบาทสำคัญหลายอย่างในรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมพิจารณาคดีในศาลปฏิวัติ และพิพากษาให้ผู้ต้องโทษอาชญากรสงครามถูกยิงเป้าโดยชุดยิง[8] ริเริ่มการปฏิรูปที่ดินการเกษตรในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรม เป็นหัวหอกการรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือทั่วประเทศซึ่งประสบผลสำเร็จ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติและผู้อำนวยการฝึกสอนให้แก่กองทัพคิวบา และเดินทางไปทั่วโลกในฐานะผู้แทนทางทูตจากสังคมนิยมคิวบา ตำแหน่งต่าง ๆ ดังกล่าวยังทำให้เขามีหน้าที่หลักในการฝึกสอนกองกำลังอาสาสมัครซึ่งสามารถขับไล่ผู้บุกครองอ่าวพิกส์ออกไปได้[9] และชักนำให้สหภาพโซเวียตเข้ามาติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ในคิวบาซึ่งกระตุ้นให้เกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธใน ค.ศ. 1962[10] นอกจากนี้...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติคิวบามีผู้เสียชีวิตกี่ราย?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เช เกบารา Article: เอร์เนสโต เกบารา (Spanish: Ernesto Guevara, pronounced[eɾˈnesto ɣ̞eˈβ̞aɾa])[# 1] หรือที่รู้จักกันในชื่อ เช (Spanish: Che, pronounced[t͡ʃe]; 14 มิถุนายน[1] ค.ศ. 1928 – 9 ตุลาคม ค.ศ. 1967) เป็นนักปฏิวัติลัทธิมากซ์ นายแพทย์ นักเขียน ผู้นำนักรบกองโจร นักการทูต และนักทฤษฎีการทหารชาวอาร์เจนตินา ในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งจากการปฏิวัติคิวบา ภาพใบหน้าของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ที่พบทั่วไปของวัฒนธรรมต่อต้านและการกบฏ และเป็นตราต้นแบบที่รู้จักกันเป็นสากลภายในวัฒนธรรมสมัยนิยม[4] ครั้งยังเป็นนักศึกษาแพทย์หนุ่ม เกบาราเดินทางไปทั่วทวีปอเมริกาใต้และรู้สึกสะเทือนใจกับความยากจนข้นแค้น ความหิวโหย และโรคภัยที่เขาพบระหว่างทาง[5] ความปรารถนาทำลายล้างสิ่งที่เขามองว่าเป็นการขูดรีดของทุนนิยมในลาตินอเมริกาผลักดันให้เขาเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิรูปสังคมกัวเตมาลาภายใต้รัฐบาลฮาโกโบ กุซมัน แต่สุดท้ายประธานาธิบดีผู้นี้ก็พ้นจากตำแหน่งหลังถูกรัฐประหารซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากซีไอเอ ตามคำร้องขอของบริษัทยูไนเต็ดฟรูต นั่นทำให้อุดมการณ์ทางการเมืองของเกบาราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น[5] ต่อมา ขณะอาศัยอยู่ในกรุงเม็กซิโกซิตี เขาพบกับราอุลและฟีเดล กัสโตร เข้าร่วมขบวนการ 26 กรกฎาคม และออกเดินทางสู่คิวบาโดยใช้เรือยนต์ขนาดเล็กชื่อ กรันมา ด้วยจุดประสงค์ขับไล่ผู้เผด็จการฟุลเคนเซียว บาติสตาซึ่งสหรัฐอเมริกาหนุนหลังอยู่[6] ไม่ช้าเกบาราก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในกองกำลังกบฏดังกล่าว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บัญชาการ และมีบทบาทสำคัญยิ่งในการทัพกองโจรซึ่งสามารถล้มระบอบบาติสตาได้สำเร็จภายในเวลาสองปี[7] หลังการปฏิวัติคิวบา เกบารามีบทบาทสำคัญหลายอย่างในรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมพิจารณาคดีในศาลปฏิวัติ และพิพากษาให้ผู้ต้องโทษอาชญากรสงครามถูกยิงเป้าโดยชุดยิง[8] ริเริ่มการปฏิรูปที่ดินการเกษตรในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรม เป็นหัวหอกการรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือทั่วประเทศซึ่งประสบผลสำเร็จ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติและผู้อำนวยการฝึกสอนให้แก่กองทัพคิวบา และเดินทางไปทั่วโลกในฐานะผู้แทนทางทูตจากสังคมนิยมคิวบา ตำแหน่งต่าง ๆ ดังกล่าวยังทำให้เขามีหน้าที่หลักในการฝึกสอนกองกำลังอาสาสมัครซึ่งสามารถขับไล่ผู้บุกครองอ่าวพิกส์ออกไปได้[9] และชักนำให้สหภาพโซเวียตเข้ามาติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ในคิวบาซึ่งกระตุ้นให้เกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธใน ค.ศ. 1962[10] นอกจากนี้...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติซินไฮ่ ฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912–1949) Article: สาธารณรัฐจีน (English: Republic of China; Chinese:中華民國; pinyin:Zhōnghuá Mínguó; Wade–Giles:Chung1-hua2 Min2-kuo2) เป็นรัฐในเอเชียตะวันออกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1912 ถึงปี ค.ศ. 1949 ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1912 หลังจากที่สามารถโค้นล้มราชวงศ์ชิง (การปฏิวัติซินไฮ่ 辛亥革命) ได้สำเร็จ และสิ้นสุดลงหลังสงครามกลางเมืองจีน ด้วยความพ่ายแพ้ของพรรคก๊กมินตั๋งหรือจีนคณะชาติ ซึ่งได้ลี้ภัยไปยังเกาะไต้หวันและก่อตั้งสาธารณรัฐจีนขึ้นมาใหม่ ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เป็นฝ่ายได้ชัยชนะได้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนบนแผ่นดินใหญ่จีนในปัจจุบัน สาธารณรัฐจีนมีประธานาธิบดีคนแรกคือ ซุน ยัตเซ็น ดำรงตำแหน่งหน้าที่เพียงระยะเวลาอันสั้น พรรคของซุนต่อมาได้นำโดย ซ่ง เจี่ยวเริน ซึ่งชนะการเลือกตั้งรัฐสภาที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1912 อย่างไรก็ตามกองทัพนำโดยประธานาธิบดียฺเหวียน ชื่อไข่ยังคงควบคุมรัฐบาลแห่งชาติในปักกิ่งต่อไป ตั้งแต่ปลายปี 1915 ถึงต้นปี 1916 หยวนได้รื้อฟื้นระบอบจักรพรรดิจีนที่เรียกว่าจักรวรรดิจีนขึ้นมาใหม่ และสถาปนาตนเองเป็น "จักรพรรดิหงเซียน (洪憲皇帝)" แต่จักรวรรดิใหม่ของหยวนกลับดำรงอยู่ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ หลังหยวนได้เสียชีวิตลง ผู้นำกองกำลังท้องถิ่นตามแคว้นต่างๆซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นเหล่าขุนศึก และได้ประกาศตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลางหรือรัฐบาลแห่งชาติอีกต่อไป ทำให้จีนเข้าสู่ยุคขุนศึกในเวลาต่อมา ในปี ค.ศ. 1925 พรรคก๊กมินตั๋งได้เริ่มก่อตั้ง รัฐบาลคู่แข่งในบริเวณตอนใต้ของเมืองกวางโจว ในขณะที่เศรษฐกิจของภาคเหนือมีการขูดรีดเพื่อสนับสนุนเหล่าขุนศึก ซึ่งต่อมาเหล่าขุนศึกได้ถูกยุบในปี 1928 โดยนายพลเจียง ไคเช็ค ผู้ได้ขึ้นเป็นผู้นำพรรคก๊กมินตั๋ง หลังการเสียชีวิตของซุน ยัตเซ็น เจียงได้นำกองทัพปฏิบัติการทางเหนือ ซึ่งเป็นการรบเพื่อล้มล้างรัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่ง ต่อมารัฐบาลกลางได้ถูกล้มในปี 1928 และเจียงได้สถาปนารัฐบาลจีนคณะชาติขึ้นที่นานกิง หลังจากนั้นเขาก็ตัดความสัมพันธ์ของเขากับพรรคคอมมิวนิสต์และขับไล่ผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ออกจากพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่สงครามกลางเมืองจีน สาธารณรัฐจีนได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัย แต่ก็ยังมีความปัญหาขัดแย้งระหว่างรัฐบาลคณะชาติในนานกิง อาทิเช่น พรรคคอมมิวนิสต์จีน, ขุนศึกที่เหลือและ จักรวรรดิญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่อง สาธารณรัฐจีนได้มีการเร่งพัฒนาประเทศอย่างจริงจังเมื่อเกิดสงครามกับญี่ปุ่น...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติตูนิเซีย ยุติลงเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปฏิวัติเยเมน พ.ศ. 2554–2555 Article: การก่อการกำเริบในเยเมน พ.ศ. 2554-2555 หรือเรียกว่า การปฏิวัติเยเมน เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติตูนิเซียขั้นเริ่มต้นและเกิดขึ้นพร้อมกับการปฏิวัติอียิปต์ และการประท้วงใหญ่อื่นในตะวันออกกลางเมื่อต้น พ.ศ. 2554 ในระยะแรกของการก่อการกำเริบ การประท้วงในเยเมนเดิมทีต่อต้านภาวว่างงาน สภาพทางเศรษฐกิจและการฉ้อราษฎร์บังหลวง[1] เช่นเดียวกับข้อเสนอของรัฐบาลที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญของเยเมน ข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงจากนั้นได้บานปลายขึ้นเป็นเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเยเมน อะลี อับดุลลอฮ์ ศอเลียะห์ ลาออกจากตำแหน่ง มีการแปรพักตร์หมู่จากกองทัพ เช่นเดียวกับจากรัฐบาลของศอเลียะห์ ซึ่งเป็นผลให้ส่วนมากของประเทศอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลอย่างชะงัด และผู้ประท้วงสาบานว่าจะขัดขืนอำนาจของรัฐบาล การเดินขบวนหลักที่มีผู้ประท้วงกว่า 16,000 คน มีขึ้นในกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน เมื่อวันที่ 27 มกราคม วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ศอเลียะห์ประกาศว่าเขาจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกใน พ.ศ. 2556 และว่า เขาจะไม่ส่งต่ออำนาจให้บุตรชาย วันที่ 3 กุมภาพันธ์ มีผู้ประท้วง 20,000 คน ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงซานา[2][3] ขณะที่ยังมีการปะท้วงในเอเดน[4] นครเมืองท่าทางใต้ของเยเมน ฝ่ายทหาร สมาชิกติดอาวุธของสภาประชาชนทั่วไป และผู้ประท้วงจำนวนมากจัดการชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลในกรุงซานา[5] ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ชาวเยเมนนับหลายหมื่นคนมีส่วนในการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลในเทียซ ซานาและเอเดน ในวันที่ 11 มีนาคม ผู้ประท้วงเรียกร้องการถอดศอเลียะห์ออกจากตแหน่งในกรุงซานา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ ยังมีการจัดการประท้วงขึ้นอีกในนครอื่น รวมทั้งอัลมุกัลลา ที่ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 ศพ วันที่ 18 มีนาม ผู้ประท้วงในกรุงซานาถูกยิงใส่ เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 52 ศพ และสุดท้ายลงเอยด้วยการแปรพักตร์และลาออกหมู่[6] เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ศอเลียะห์ตกลงต่อข้อตกลงที่มีสภาความร่วมมืออ่าว (Gulf Co-operation Council) เป็นนายหน้า แต่กลับหลีกเลี่ยงก่อนการลงนามตามกำหนดถึงสามครั้ง หลังการหลีกเลี่ยงครั้งที่สาม สภาความร่วมมืออ่าวจึงยุติความพยายามในการไกล่เกลี่ยในเยเมน[7] วันที่ 23 พฤษภาคม หนึ่งวันหลังศอเลียะห์ปฏิเสธจะลงนามในความตกลงเปลี่ยนผ่าน ซาเดค อัล-อาห์มาร์ หัวหน้าสหพันธ์ชนเผ่าฮาชิด หนึ่งในชนเผ่าที่ทรงอำนาจที่สุดในประเทศ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติฝรั่งเศสตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบันเกิดขึ้นกี่ครั้ง ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปฏิวัติฝรั่งเศส Article: การปฏิวัติฝรั่งเศส (French: Révolution française) ระหว่าง ค.ศ. 1789-1799 เป็นยุคสมัยแห่งกลียุค (upheaval) ทางสังคมและการเมืองที่เปลี่ยนถึงรากฐานในฝรั่งเศสซึ่งมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อฝรั่งเศสและยุโรปที่เหลือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ปกครองฝรั่งเศสมาหลายศตวรรษล่มสลายลงใน 3 ปี สังคมฝรั่งเศสผ่านการปฏิรูปขนาดใหญ่ โดยเอกสิทธิ์ในระบบเจ้าขุนมูลนาย ของอภิชนและของนักบวชถูกกำจัดหมดสิ้นไปภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มการเมืองฝ่ายสาธารณรัฐมูลวิวัติ (radical republicanism) ฝูงชนบนท้องถนน และชาวนาในชนบท.[1] แนวคิดดั้งเดิมที่เกี่ยวกับจารีตประเพณีและลำดับชั้นบังคับบัญชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจและฐานันดรของพระมหากษัตริย์ อภิสิทธิชน และนักบวชในศาสนา ถูกโค่นล้มอย่างฉับพลัน และถูกแทนที่โดยอุดมคติของความเสมอภาค ความเป็นพลเมือง และสิทธิที่ไม่อาจถูกพรากได้ (inalienable rights) อันเป็นหลักการใหม่แห่งยุคเรืองปัญญา การปฏิวัติฝรั่งเศสก่อให้เกิดผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทิศทางของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ นำไปสู่ความเสื่อมของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทั่วโลก นักประวัติศาสตร์ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า การปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ การปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มต้นใน ค.ศ. 1789 ด้วยการเรียกประชุมสภาฐานันดรในเดือนพฤษภาคม ในเดือนมิถุนายนปีแรกของการปฏิวัติ เกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อสมาชิกฐานันดรที่สามประกาศคำปฏิญาณสนามเทนนิส ว่าจะไม่ยอมถอนตัวจนกว่าจะไม่ยอมสลายตัวจนกว่ามอบรัฐธรรมนูญให้แก่ประเทศได้ การทลายคุกบัสตีย์เกิดขึ้นตามมาในเดือนกรกฎาคม คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองในเดือนสิงหาคม และการเดินขบวนสู่แวร์ซายซึ่งบังคับให้ราชสำนักกลับไปยังกรุงปารีสในเดือนตุลาคม เหตุการณ์ในปีถัด ๆ มาแสดงถึงความตึงเครียดระหว่างสมัชชาเสรีนิยมต่าง ๆ และพระมหากษัตริย์ทางฝ่ายขวาซึ่งแสดงเจตนาขัดขวางการปฏิรูปใหญ่ ต่อมามีการประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐในเดือนกันยายน ค.ศ. 1792 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกประหารชีวิตในปีถัดมา นอกจากนี้ภัยคุกคามจากนอกประเทศในระหว่างนั้น ยังมีบทบาทครอบงำในพัฒนาการของการปฏิวัติ สงครามปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1792 และสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของฝรั่งเศสที่สามารถการพิชิตคาบสมุทรอิตาลี กลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำและดินแดนส่วนใหญ่ทางตะวันตกของแม่น้ำไรน์...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2231 มีใครเป็นแกนนำ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประเทศไทย Article: Coordinates: ประเทศไทย มีชื่ออย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย เป็นรัฐชาติอันตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดิมมีชื่อว่า "สยาม" รัฐบาลประกาศเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2482 ประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก มีเนื้อที่ 513,120 ตารางกิโลเมตร[1] และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก คือ ประมาณ 68 ล้านคน กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินและนครใหญ่สุดของประเทศ และการปกครองส่วนภูมิภาค จัดระเบียบเป็น 76 จังหวัด[2] แม้จะมีการสถาปนาระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยระบบรัฐสภาในปี 2475 แต่กองทัพยังมีบทบาทในการเมืองไทยสูง ล่าสุด เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และมีการปกครองแบบเผด็จการทหารนับแต่นั้น พบหลักฐานการอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในอาณาเขตประเทศไทยปัจจุบันตั้งแต่ 20,000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวไทเริ่มอพยพเข้าสู่บริเวณนี้ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 แล้วเข้ามาตั้งแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่สำคัญได้แก่ อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรล้านนาและอาณาจักรอยุธยา นักประวัติศาสตร์มักถือว่าอาณาจักรสุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทย ต่อมาอาณาจักรอยุธยาค่อย ๆ เรืองอำนาจมากขึ้นจนเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 การติดต่อกับชาติตะวันตกเริ่มด้วยผู้แทนทางทูตชาวโปรตุเกสในปี 2054 อาณาจักรรุ่งเรืองอย่างมากในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์ปี 2199–2231) แต่หลังจากนั้นค่อย ๆ เสื่อมอำนาจโดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการผลัดแผ่นดินที่มีการนองเลือดหลายรัชกาล จนสุดท้ายกรุงศรีอยุธยาถูกทำลายสิ้นเชิงในปี 2310 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงรวบรวมแผ่นดินที่แตกออกเป็นก๊กต่าง ๆ และสถาปนาอาณาจักรธนบุรีที่มีอายุ 15 ปี ความวุ่นวายในช่วงปลายอาณาจักรนำไปสู่การสำเร็จโทษพระองค์โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศเผชิญภัยคุกคามจากชาติใกล้เคียง แต่หลังรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา ชาติตะวันตกเริ่มมีอิทธิพลในภูมิภาคเป็นอย่างมาก นำไปสู่การเข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมหลายฉบับ กระนั้น สยามไม่ตกเป็นอาณานิคมของตะวันตกชาติใด มีการปรับให้สยามทันสมัยและรวมอำนาจปกครองในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ปี 2411–53) สยามเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี 2460;...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2231 มีใครเป็นแกนนำ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 Article: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475[1] เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่า "คณะราษฎร" โดยเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก เบื้องหลัง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายด้าน แต่การปฏิรูปรัฐธรรมนูญกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่พวกหัวก้าวหน้าและเสรีนิยม[2] ในปี พ.ศ. 2454 ได้เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งดำเนินการโดยคณะนายทหารหนุ่ม เป้าหมายของคณะคือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองและล้มล้างระบอบเก่าและแทนที่ด้วยระบบรัฐธรรมนูญตะวันตกที่ทันสมัย และอาจต้องการยกพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นเป็นพระมหากษัตริย์แทนด้วย[3] อาจกล่าวได้ว่ากบฏ ร.ศ. 130 เป็นแรงขับดันให้คณะราษฎรปฏิวัติ โดยภายหลังยึดอำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้นำการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า "พวกผมถือว่าการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการกระทำเมื่อ ร.ศ. 130"[4] การปฏิวัติดังกล่าวล้มเหลวและผู้ก่อการถูกจำคุก นับแต่นั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลิกความพยายามส่วนใหญ่ในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและทรงปกครองประเทศต่อไปภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีข้อยกเว้นบ้างที่โปรดฯ แต่งตั้งสามัญชนบางคนสู่สภาองคมนตรีและรัฐบาล[5] ต่อมาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ทรงสืบราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐาเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงสืบช่วงปกครองประเทศในวิกฤตการณ์ พระเชษฐาของพระองค์ทรงได้ทำให้สถานะของประเทศเกือบจะล้มละลาย เพราะทรงมักจะใช้เงินจากกองคลังมาปกปิดการขาดดุลของท้องพระคลังข้างที่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 นำโดยใคร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 Article: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475[1] เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่า "คณะราษฎร" โดยเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก เบื้องหลัง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายด้าน แต่การปฏิรูปรัฐธรรมนูญกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่พวกหัวก้าวหน้าและเสรีนิยม[2] ในปี พ.ศ. 2454 ได้เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งดำเนินการโดยคณะนายทหารหนุ่ม เป้าหมายของคณะคือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองและล้มล้างระบอบเก่าและแทนที่ด้วยระบบรัฐธรรมนูญตะวันตกที่ทันสมัย และอาจต้องการยกพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นเป็นพระมหากษัตริย์แทนด้วย[3] อาจกล่าวได้ว่ากบฏ ร.ศ. 130 เป็นแรงขับดันให้คณะราษฎรปฏิวัติ โดยภายหลังยึดอำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้นำการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า "พวกผมถือว่าการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการกระทำเมื่อ ร.ศ. 130"[4] การปฏิวัติดังกล่าวล้มเหลวและผู้ก่อการถูกจำคุก นับแต่นั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลิกความพยายามส่วนใหญ่ในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและทรงปกครองประเทศต่อไปภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีข้อยกเว้นบ้างที่โปรดฯ แต่งตั้งสามัญชนบางคนสู่สภาองคมนตรีและรัฐบาล[5] ต่อมาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ทรงสืบราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐาเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงสืบช่วงปกครองประเทศในวิกฤตการณ์ พระเชษฐาของพระองค์ทรงได้ทำให้สถานะของประเทศเกือบจะล้มละลาย เพราะทรงมักจะใช้เงินจากกองคลังมาปกปิดการขาดดุลของท้องพระคลังข้างที่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ารปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก ใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 Article: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475[1] เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่า "คณะราษฎร" โดยเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก เบื้องหลัง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายด้าน แต่การปฏิรูปรัฐธรรมนูญกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่พวกหัวก้าวหน้าและเสรีนิยม[2] ในปี พ.ศ. 2454 ได้เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งดำเนินการโดยคณะนายทหารหนุ่ม เป้าหมายของคณะคือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองและล้มล้างระบอบเก่าและแทนที่ด้วยระบบรัฐธรรมนูญตะวันตกที่ทันสมัย และอาจต้องการยกพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นเป็นพระมหากษัตริย์แทนด้วย[3] อาจกล่าวได้ว่ากบฏ ร.ศ. 130 เป็นแรงขับดันให้คณะราษฎรปฏิวัติ โดยภายหลังยึดอำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้นำการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า "พวกผมถือว่าการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการกระทำเมื่อ ร.ศ. 130"[4] การปฏิวัติดังกล่าวล้มเหลวและผู้ก่อการถูกจำคุก นับแต่นั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลิกความพยายามส่วนใหญ่ในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและทรงปกครองประเทศต่อไปภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีข้อยกเว้นบ้างที่โปรดฯ แต่งตั้งสามัญชนบางคนสู่สภาองคมนตรีและรัฐบาล[5] ต่อมาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ทรงสืบราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐาเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงสืบช่วงปกครองประเทศในวิกฤตการณ์ พระเชษฐาของพระองค์ทรงได้ทำให้สถานะของประเทศเกือบจะล้มละลาย เพราะทรงมักจะใช้เงินจากกองคลังมาปกปิดการขาดดุลของท้องพระคลังข้างที่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เกิดในสมัยกษัตริย์องค์ใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 Article: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475[1] เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่า "คณะราษฎร" โดยเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก เบื้องหลัง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายด้าน แต่การปฏิรูปรัฐธรรมนูญกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่พวกหัวก้าวหน้าและเสรีนิยม[2] ในปี พ.ศ. 2454 ได้เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งดำเนินการโดยคณะนายทหารหนุ่ม เป้าหมายของคณะคือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองและล้มล้างระบอบเก่าและแทนที่ด้วยระบบรัฐธรรมนูญตะวันตกที่ทันสมัย และอาจต้องการยกพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นเป็นพระมหากษัตริย์แทนด้วย[3] อาจกล่าวได้ว่ากบฏ ร.ศ. 130 เป็นแรงขับดันให้คณะราษฎรปฏิวัติ โดยภายหลังยึดอำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้นำการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า "พวกผมถือว่าการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการกระทำเมื่อ ร.ศ. 130"[4] การปฏิวัติดังกล่าวล้มเหลวและผู้ก่อการถูกจำคุก นับแต่นั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลิกความพยายามส่วนใหญ่ในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและทรงปกครองประเทศต่อไปภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีข้อยกเว้นบ้างที่โปรดฯ แต่งตั้งสามัญชนบางคนสู่สภาองคมนตรีและรัฐบาล[5] ต่อมาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ทรงสืบราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐาเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงสืบช่วงปกครองประเทศในวิกฤตการณ์ พระเชษฐาของพระองค์ทรงได้ทำให้สถานะของประเทศเกือบจะล้มละลาย เพราะทรงมักจะใช้เงินจากกองคลังมาปกปิดการขาดดุลของท้องพระคลังข้างที่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เพื่อเรียกร้องอะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 Article: การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475[1] เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่า "คณะราษฎร" โดยเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก เบื้องหลัง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายด้าน แต่การปฏิรูปรัฐธรรมนูญกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่พวกหัวก้าวหน้าและเสรีนิยม[2] ในปี พ.ศ. 2454 ได้เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งดำเนินการโดยคณะนายทหารหนุ่ม เป้าหมายของคณะคือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองและล้มล้างระบอบเก่าและแทนที่ด้วยระบบรัฐธรรมนูญตะวันตกที่ทันสมัย และอาจต้องการยกพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นเป็นพระมหากษัตริย์แทนด้วย[3] อาจกล่าวได้ว่ากบฏ ร.ศ. 130 เป็นแรงขับดันให้คณะราษฎรปฏิวัติ โดยภายหลังยึดอำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้นำการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า "พวกผมถือว่าการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการกระทำเมื่อ ร.ศ. 130"[4] การปฏิวัติดังกล่าวล้มเหลวและผู้ก่อการถูกจำคุก นับแต่นั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลิกความพยายามส่วนใหญ่ในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและทรงปกครองประเทศต่อไปภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีข้อยกเว้นบ้างที่โปรดฯ แต่งตั้งสามัญชนบางคนสู่สภาองคมนตรีและรัฐบาล[5] ต่อมาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ทรงสืบราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐาเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงสืบช่วงปกครองประเทศในวิกฤตการณ์ พระเชษฐาของพระองค์ทรงได้ทำให้สถานะของประเทศเกือบจะล้มละลาย เพราะทรงมักจะใช้เงินจากกองคลังมาปกปิดการขาดดุลของท้องพระคลังข้างที่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประชุมสุดยอด BRIC ครั้งที่ 1จัดขึ้นที่เมืองใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: BRICS Article: BRICS เป็นอักษรย่อใช้เรียกกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วอันประกอบด้วย บราซิล (B</b>razil) รัสเซีย (R</b>ussia) อินเดีย (I</b>ndia) จีน (C</b>hina) และแอฟริกาใต้ (S</b>outh Africa) ศัพท์คำนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดย จิม โอนีลล์ ในบทวิจัยในปี 2544 ชื่อ "The World Needs Better Economic BRICs"[1][2][3] ชื่อ BRICS ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการย้ายอำนาจเศรษฐกิจโลกจากกลุ่มพัฒนาแล้วอย่าง G7 มาสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2548 กล่าวถึงประเทศเม็กซิโกและเกาหลีใต้ว่าเป็นประเทศที่เทียบเท่าได้กับ BRICS แต่ถูกตัดออกจากกลุ่มตั้งแต่ต้น เพราะถือว่าเป็นประเทศมีการพัฒนามากกว่า เนื่องจากเป็นสมาชิกของกลุ่ม OECD[4] โกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า กลุ่ม BRICS พัฒนาอย่างรวดเร็วมากจนประมาณปี พ.ศ. 2593 เศรษฐกิจของกลุ่ม BRICS รวมกันสามารถบดบังกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยในขณะนี้ได้ ปัจจุบัน ประเทศทั้งสี่รวมกันมีพื้นที่มากกว่าหนึ่งในสี่ของแผ่นดินโลก และมากกว่าร้อยละ 40 ของประชากรโลก[5][6] โกลด์แมน แซคส์ ไม่ได้กล่าวว่ากลุ่ม BRICS จะรวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มเศรษฐกิจหรือสมาคมการค้าอย่างเป็นทางการเหมือนสหภาพยุโรป[7] แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อบ่งชี้บางอย่างว่า “ประเทศกลุ่ม BRICS ทั้งสี่ได้พยายามที่จะสร้าง สมาคมหรือพันธมิตรทางการเมือง” และพยายามเปลี่ยน “อำนาจทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตให้เป็นอำนาจการเมืองทางภูมิภาค” [8][9] ในวันที่ 16 มิถุนายน 2552 ผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS เข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่เมืองเยคาเทอรินเบิร์ก และประกาศเรียกร้องให้ระเบียบโลกใหม่มีหลายขั้วอำนาจ[10] ต่อมา เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554 กลุ่มดังกล่าวได้รับเอาแอฟริกาใต้เข้ากลุ่มด้วย[11][12][13] ผู้นำประเทศในBRICS มีแชล เตเมร์, ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน, ประธานาธิบดี นเรนทระ โมที, นายกรัฐมนตรี สี จิ้นผิง, ประธานาธิบดี ไซริล รามาโฟซา, ประธานาธิบดี ดูเพิ่ม องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ อ้างอิง หมวดหมู่:BRICS B
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประท้วงของเกษตรกรมิลเลนเซ่เกิดขึ้นในรัชบาลใดของเมืองมิลเลนเซ่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ภัยพิบัติเชียร์โนบีล Article: ภัยพิบัติเชียร์โนบีล[1] ([Чорнобильська катастрофа, Čornobyľśka katastrofa]error: {{lang-xx}}: text has italic markup (help); English: Chernobyl disaster) เป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขั้นร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ตั้งอยู่ที่นิคมเชียร์โนบีล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองพริเพียต แคว้นเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ใกล้ชายแดนเบลารุส (ในขณะนั้นยูเครนและเบลารุสยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนดจนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,431 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นหนึ่งในสองครั้งที่ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ อีกครั้งหนึ่งเป็นของภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิในปี 2011[2] สงครามเพื่อต่อสู้กับการปนเปื้อนและป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียมากไปกว่านี้เกี่ยวข้องกับคนงานทั้งทหารและพลเรือนกว่า 500,000 คนและค่าใช้จ่ายประมาณ 18 พันล้านรูเบิ้ล[3] ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีผู้เสียชีวิตทันที่ 31 ราย และผลกระทบระยะยาวเช่นมะเร็งอยู่ระหว่างการสืบสวน มีการประมาณการว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดโดยตรงมากกว่า 600,000 คน แต่ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีอาจสูงถึง 4,000 คน [4] ภาพรวม ภัยพิบัติเริ่มในช่วงการทดสอบระบบในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 1986 ที่เครื่องปฏิกรณ์หมายเลขสี่ของโรงไฟฟ้าเชียร์โนบีล มีพลังงานกระชาก (English: power surge) ที่ฉับพลันและไม่คาดคิด และเมื่อมีความพยายามที่จะปิดแบบฉุกเฉิน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า เกิดจากความไม่พอใจอะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์ Article: การประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า คือการประท้วงที่นำโดยคณะพระภิกษุสงฆ์ แม่ชี นักศึกษาและประชาชน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550 จากการไม่พอใจของประชาชนต่อการประกาศขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเกือบเท่าตัว และขึ้นราคาก๊าซหุงต้มถึง 5 เท่าอย่างฉับพลันโดยมิได้ประกาศแจ้งบอกของรัฐบาลทหารพม่า[1] การประท้วงเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยมา จนถึงวันที่ 5 กันยายน มีการชุมนุมประท้วงที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองปะโคะกู ทางตอนกลางของประเทศ เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งพระสงฆ์จำนวน 3 รูป สื่อมวลชนบางแห่งเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า Saffron Revolution หรือ "การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์"[2][3] คณะพระภิกษุ ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับความเคารพอย่างสูงจากชาวพม่า ประกาศ "ปฐม นิคหกรรม" ไม่รับบิณฑบาตจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารพม่า ทหาร และครอบครัว และเรียกร้องให้ทางการพม่า ขอโทษองค์กรสงฆ์อย่างเป็นทางการภายในวันที่ 17 กันยายน แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ภิกษุสงฆ์จึงเริ่มเข้าร่วมการประท้วงด้วย ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน เมื่อรวมผู้ประท้วงแล้วมากกว่า 1 แสนคน การประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการครั้งนี้จึงนับว่าเป็นการประท้วงต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การประท้วงเมื่อปี พ.ศ. 2531 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คน ในการใช้กำลังทหารเข้าสลายการประท้วง [4] เมื่อวันเสาร์ที่ 22 กันยายน คณะสงฆ์และประชาชนได้เดินทางไปยังบ้านพักนางออง ซาน ซูจี ผู้นำประชาธิปไตยในพม่า ซึ่งนางอองซานได้ออกมาปรากฏตัวเป็นเวลา 15 นาที โดยการเปิดประตูเล็กของประตูบ้าน พร้อมกับพนมมือไหว้พระสงฆ์ที่กำลังให้พร การปรากฏตัวครั้งนี้นับเป็นการปรากฏตั้วต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2546 [5] จนถึงวันที่ 27 กันยายน รัฐบาลพม่าได้แถลงการณ์ออกมาแล้วว่ามีผู้เสียชึวิตจากเหตุการณ์แล้ว 9 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่ทำงานให้กับสำนักข่าวเอพีเอฟ นายเคนจิ นะงะอิ (長井 健司) [6] [7] พร้อมกันนั้นรัฐบาลพม่าได้จับกลุ่มผู้ชุมนุมและพระสงฆ์ไปเป็นอีกจำนวนมาก เมื่อวันที่ 29 กันยายน ทูตพิเศษของสหประชาชาติ นายอิบราฮิม กัมบารี ได้เดินทางถึงพม่าแล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายคือเจรจากับรัฐบาลพม่าเรื่องดังกล่าว และนำสารจากเลขาธิการสหประชาชาติมาให้ นอกจากนั้นนายอิบราฮิมยังกล่าวว่าเขาหวังที่จะเข้าพบกับบุคคลที่สมควรพบทุกคนอีกด้วย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าจบลงเมื่อใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การก่อการกำเริบ 8888 Article: การก่อการกำเริบ 8888 (English: 8888 Uprising[6]; พม่า: ၈၄လုံး หรือ ရ္ဟစ္‌လေးလုံး) เป็นการกำเริบระดับชาติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศพม่า เมื่อ ค.ศ. 1988 การก่อการกำเริบนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1988 และจากวันที่นี้ (8-8-88) ทำให้เหตุการณ์นี้มักเป็นที่รู้จักในชื่อ "การก่อการกำเริบ 8888" ประเทศพม่าปกครองด้วยพรรคโครงการสังคมนิยมพม่าในฐานะรัฐที่มีพรรคการเมืองเดียวมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 การปกครองเน้นชาตินิยมและรัฐเข้าควบคุมการวางแผนทุกประการ การลุกฮือครั้งนี้เริ่มจากนักศึกษาในย่างกุ้งเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2531 การประท้วงของนักศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ[3] ต่อมามีคนเรือนแสนที่เป็นพระภิกษุ เยาวชน นักศึกษา แม่บ้านและหมอ ออกมาประท้วงต่อต้านระบอบการปกครอง[7] การประท้วงสิ้นสุดลงในวันที่ 18 กันยายน หลังจากเกิดรัฐประหารที่นองเลือดของสภาฟื้นฟูกฎหมายและกฎระเบียบแห่งรัฐซึ่งเป็นองค์กรที่เปลี่ยนรูปมาจากพรรคโครงการสังคมนิยมพม่า มีผู้เสียชีวิตนับพันคนจากปฏิบัติการทางทหารระหว่างการก่อการกำเริบ[3][4][5] ในขณะที่ในพม่ารายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 350 คน[8][9] ในระหว่างวิกฤติการณ์ อองซาน ซูจีได้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะสัญลักษณ์ของชาติ เมื่อทางกองทัพจัดการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2533 พรรคของเธอคือสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยได้ 80% ของที่นั่งทั้งหมดในสภา แต่กองทัพปฏิเสธผลการเลือกตั้งและกักตัวอองซาน ซูจีไว้ในบ้านพัก การกักตัวสิ้นสุดลงประมาณ พ.ศ. 2553 ภูมิหลัง ปัญหาทางเศรษฐกิจ ก่อนเข้าสู่วิกฤติ พม่าปกครองด้วยระบบที่โดดเดี่ยวตัวเองของเนวินตั้งแต่ พ.ศ. 2505 ประเทศมีหนี้สิน 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีเงินสดสำรองระหว่าง 20 – 35 ล้านเหรียญ อัตราหนี้สินภาคบริการเป็นครึ่งหนึ่งของงบประมาณของประเทศ[10] ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2528 มีนักศึกษาออกมาประท้วงคว่ำบาตรรัฐบาลที่ประกาศยกเลิกธนบัตรที่ใช้ในตลาด[11] ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2530 เนวินได้ประกาศยกเลิกธนบัตรราคา 100 75 35 และ 25 จ๊าดที่เพิ่งออกใช้ใหม่ และให้ใช้ธนบัตรเพียง 45 และ 90 จ๊าด เนื่องจากเป็นธนบัตรที่ตัวเลขหารด้วยเก้าลงตัว ซึ่งถือเป็นเลขนำโชคของเนวิน[12] นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีย่างกุ้งได้เริ่มประท้วงที่ย่างกุ้ง[13] ทำให้มหาวิทยาลัยในย่างกุ้งปิดเพื่อให้นักศึกษากลับบ้าน ต่อมา มีการประท้วงครั้งใหญ่ในมัณฑะเลย์โดยพระสงฆ์และกรรมกร มีการเผาอาคารของรัฐและธุรกิจของรัฐ[14]...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประมง ที่มีอายุยาวนานที่สุดคือที่ไหน?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การประมง Article: การประมง หมายถึงการจัดการของมนุษย์ด้านการจับปลาหรือสัตว์น้ำอื่นๆ การดูแลรักษาปลาสวยงามและการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ประมงเช่น น้ำมันปลา กิจกรรมการทำประมงจัดแบ่งได้ทั้งตามชนิดสัตว์น้ำและตามเขตเศรษฐกิจ เช่น การทำประมงปลาแซลมอนในอลาสก้า การทำประมงปลาคอดในเกาะลอโฟเทน ประเทศนอร์เวย์หรือการทำประมงปลาทูน่าในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก และยังรวมถึงการเพาะปลูกในน้ำ (Aquaculture) ซึ่งหมายถึงการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์บางชนิดในน้ำ เพื่อใช้เป็นอาหารคนหรือสัตว์ เช่นเดียวกับเกษตรกรรมที่ทำบนพื้นดิน การทำฟาร์มในน้ำ เช่นฟาร์มปลา ฟาร์มกุ้ง ฟาร์มหอย ฟาร์มหอยมุก การเพาะปลูกในน้ำในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมไว้ การเพาะปลูกในน้ำจืด น้ำกร่อย ในทะเล การเพาะปลูกสาหร่าย ต่อมาได้มีการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการประมงเป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขาหนึ่งเรียกว่าวิทยาศาสตร์การประมง มีพื้นฐานจากวิชาชีววิทยา นิเวศวิทยา สมุทรศาสตร์ เศรษฐศาสตร์และการจัดการ มีการจัดศึกษาด้านการประมงในแง่มุมต่างๆ ทั้งระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก และการประมงมีบทบาทสำคัญในเชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ จึงมีคำอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่น “ธุรกิจการประมง” อุตสาหกรรมประมง” เกิดขึ้น ซึ้นเราสามารถเรียนรู้ได้ต่อนี้ พัฒนาการการประมง ของการประมงที่ยาวนานที่สุดคือการจับปลาคอดและแปรรูปเป็นปลาคอดแห้งจากเกาะลอโฟเทน ประเทศนอร์เวย์ ส่งไปค้าขายยังภาคใต้ของยุโรป อิตาลี สเปน โปรตุเกส ซึ่งเกิดขึ้นในยุคไวกิ้งหรือก่อนหน้านั้น เป็นเวลานับพันปี การประมงหอยมุกในอินเดียเกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษแรกก่อนคริสตกาล เป็นการประมงทะเลลึกบริเวณท่าเรือของอาณาจักรดราวิเดียนทมิฬ เกิดชุมชนหนาแน่นจากการค้ามุก ส่วนการเพาะปลูกในน้ำเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคโบราณ มีการเพาะปลูกในน้ำหลายชนิด ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดขึ้นพันปีก่อนคริสตกาล [1] [2] การเพาะเลี้ยงปลาในตระกูลปลาไนที่อยู่ในบ่อน้ำ หรือบึง ด้วยตัวอ่อนของแมลงและหนอนไหม เพื่อเป็นแหล่งโปรตีน ในฮาวาย เริ่มเพาะเลี้ยงปลาโดยการสร้างบ่อปลามาอย่างน้อย 1000 ปีที่แล้ว ในญี่ปุ่น เพาะปลูกสาหร่ายทะเลด้วยไม้ไผ่ หรือตาข่าย เพาะเลี้ยงหอยนางรมด้วยทุ่นในทะเล ในอียิปต์ และโรมัน มีการเลี้ยงปลาในตระกูลปลาไนในบ่อในคริสต์ศตวรรษที่ 1-4 โดยนำปลาในตระกูลปลาไนมาจากจีนทางแม่น้ำดานูบ บาดหลวงในยุโรปปรับปรุงเทคนิคการเลี้ยงปลาในศตวรรษที่ 14-16 ในเยอรมันมีการเพาะพันธุ์ปลาเทราต์ เมื่อ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประมวลผลข้อมูลความจำ แบ่งออกเป็นที่ระยะ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การประมวลผลให้เป็นความกลัวในสมอง Article: การประมวลผลให้เป็นความกลัวในสมอง (English: Fear processing in the brain) เป็นกระบวนการที่สมองแปลผลจากสิ่งเร้า ไปเป็นพฤติกรรมในสัตว์โดยเป็น "การตอบสนองประกอบด้วยความกลัว (fear response)" มีการทดลองที่ได้ทำแล้วหลายอย่างเพื่อจะสืบหาว่า สมองแปลผลจากสิ่งเร้าได้อย่างไร และสัตว์มี การตอบสนองประกอบด้วยความกลัว</i>ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร จริง ๆ แล้ว ความรู้สึกหวาดกลัว เป็นสิ่งที่กำหนดไว้กระทั่งในยีนของมนุษย์ เพราะความกลัวนั้นจำเป็นต่อการมีชีวิตรอดอยู่ได้ของแต่ละคน นอกจากนั้นแล้ว นักวิจัยยังพบว่า ความกลัวก่อร่างสร้างตัวอย่างไม่ได้อยู่ใต้อำนาจจิตใจ และเขตสมองชื่อว่า อะมิกดะลา มีบทบาทในการปรับสภาวะให้เกิดความกลัว (fear conditioning) ถ้าเข้าใจว่า ความหวาดกลัวเกิดขึ้นได้อย่างไรในบุคคลหนึ่ง ๆ ก็อาจสามารถที่จะรักษาความผิดปกติทางจิตประเภทต่าง ๆ เช่น ความวิตกกังวล โรคกลัว และความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจได้ วิถีประสาทแห่งความกลัว ในกระบวนการปรับสภาวะให้เกิดความกลัว (fear conditioning) วงจรประสาทที่เกี่ยวข้องก็คือ เขตรับความรู้สึกต่าง ๆ ที่แปลผลของตัวกระตุ้นทั้งมีเงื่อนไข (conditioned stimuli[1]) และทั้งไม่มีเงื่อนไข (unconditioned stimuli[1]) บางส่วนของอะมิกดะลาที่มีความเปลี่ยนแปลงเมื่อผ่านการเรียนรู้ และ เขตที่ให้เกิดการแสดงออกในการตอบสนองแบบมีเงื่อนไขบางอย่าง เนื่องจากว่า วิถีประสาทเหล่านี้ ไปรวมตัวลงที่อะมิกดะลาด้านข้าง และเพราะว่า กระบวน<b data-parsoid='{"dsr":[2224,2264,3,3]}'>การเสริมกำลังการส่งสัญญาณในระยะยาว (long-term potentiation, ตัวย่อ LTP[2]) และสภาพพลาสติกของไซแนปส์ที่เพิ่มระดับการตอบสนองของนิวรอนที่อะมิกดะลาด้านข้างต่อตัวกระตุ้นมีเงื่อนไข เกิดขึ้นที่อะมิกดะลาด้านข้าง ดังนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับตัวกระตุ้นมีเงื่อนไขจึงสามารถจะเดินทางไปจากอะมิกดะลาด้านข้าง ไปถึงนิวเคลียสกลางของอะมิกดะลา คือ ส่วนฐาน (basal) และ Intercalated cells[3] ของอะมิกดะลาเชื่อมอะมิกดะลาส่วนข้างไปยังนิวเคลียสกลางทั้งโดยตรงและโดยอ้อม วิถีประสาทจากนิวเคลียสกลางของอะมิกดะลาที่ดำเนินไปยังเขตต่อไปนั่นแหละ เป็นส่วนในสมองที่ควบคุมพฤติกรรมเพื่อป้องกันตน (เช่นการมีตัวแข็ง) ควบคุมการตอบสนองของระบบประสาทอัตโนวัติ (autonomic nervous system) และควบคุมการตอบสนองของระบบต่อมไร้ท่อ ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประมวลผลสัญญาณ หมายถึงอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การประมวลผลสัญญาณ Article: การประมวลผลสัญญาณ หมายถึงการประมวลผล การขยาย และการแปลสัญญาณ รวมทั้งการวิเคราะห์และเปลี่ยนแปลงสัญญาณ ประเภทของการประมวลผลสัญญาณ การประมวลผลสัญญาณอาจแบ่งได้ตามประเภทสัญญาณ เช่น การประมวลผลสัญญาณดิจิทัล - สำหรับสัญญาณที่ถูกดิจิไทซ์ (ทำให้เป็นดิจิทัล) แล้ว การประมวลผลจะถูกทำโดยวงจรดิจิทัล ไมโครโพรเซสเซอร์ หรือคอมพิวเตอร์ การประมวลผลสัญญาณอนาล็อก - สำหรับสัญญาณที่ยังไม่ถูกดิจิไทซ์ การประมวลผลสัญญาณเสียง - สำหรับสัญญาณไฟฟ้าที่ใช้แทนเสียง การประมวลผลสัญญาณคำพูด - สำหรับการตีความคำพูด การประมวลผลสัญญาณวิดีโอ - สำหรับการตีความภาพเคลื่อนไหว การประมวลผลอาร์เรย์ วิธีการทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการประมวลผลสัญญาณ หมวดหมู่:การประมวลผลสัญญาณ
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประยุกต์ใช้งานตรรกศาสตร์คลุมเครือโดยทั่วไป จะใช้ในการจำลองความรู้ หรือประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ โดยการใช้เหตุผล ใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ตรรกศาสตร์คลุมเครือ Article: Artificial intelligence Major goals Knowledge reasoning Planning Machine learning Natural language processing Computer vision Robotics Artificial general intelligence Approaches Symbolic Deep learning Bayesian networks Evolutionary algorithms Philosophy Ethics Existential risk Turing test Chinese room Control problem Friendly AI History Timeline Progress AI winter Technology Applications Projects Programming languages Glossary Glossaryvt ตรรกศาสตร์คลุมเครือ หรือ ฟัซซี่ลอจิก (fuzzy logic) พัฒนาจาก ทฤษฎีเซตวิภัชนัย โดยเป็นการใช้เหตุผลแบบประมาณ ซึ่งแตกต่างจากการใช้เหตุผลแบบเด็ดขาดในลักษณะ ถูก/ผิด ใช่/ไม่ใช่ ของ ตรรกศาสตร์แบบฉบับ (classical logic) ตรรกศาสตร์คลุมเครือนั้นสามารถถือเป็นการประยุกต์ใช้งานเซตวิภัชนัย เพื่อจำลองการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญ ต่อปัญหาที่ซับซ้อน ค่าระดับความจริง ในตรรกศาสตร์คลุมเครือนั้นมักจะสับสนกับ ค่าความน่าจะเป็น ซึ่งมีแนวความคิดที่แตกต่างกัน ค่าระดับความจริงคลุมเครือนั้นใช้ในการระบุ ค่าความเป็นสมาชิก ของเซต แต่ค่าความน่าจะเป็นนั้นระบุความเป็นไปได้ของสภาพการณ์แต่ละรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น สมมติว่า นาย ก กำลังเดินเข้าบ้าน สถานะของนาย ก ตามตรรกศาสตร์แบบฉบับ คือ "อยู่ในบ้าน" หรือ "อยู่นอกบ้าน" แต่หากเขากำลังยืนอยู่ระหว่างช่องประตู เราอาจพิจารณาได้ว่าเขา "อยู่ในบ้านบางส่วน" ระดับของสถานะกึ่งนี้ จะระบุด้วยค่าความเป็นสมาชิกของเซตวิภัชนัย สมมุติเขาเพิ่งจะก้าวปลายนิ้วเท้าผ่านข้ามธรณีประตูเข้าบ้าน เราอาจกล่าวว่า นาย ก นั้น 0.99 "อยู่นอกบ้าน" ซึ่งต่างจากความน่าจะเป็นของเหตุการณ์สุ่ม (เช่น ความน่าจะเป็นระบุผลลัพธ์ของการโยนเหรียญ แต่ผลลัพธ์จะออก หัว หรือ ก้อย) หากพิจารณาความน่าจะเป็นที่นาย ก "อยู่นอกบ้าน" และ "อยู่ในบ้าน" จะออกผลลัพธ์เป็น นาย ก อยู่นอกบ้าน หรือ ในบ้าน ไม่ได้จำลองสถานะกึ่ง คือ กำลังยืนอยู่ที่ประตู เซตวิภัชนัยนั้นมีหลักการพื้นฐานจากเซตที่มีขอบเขตคลุมเครือไม่ชัดเจน ไม่ได้มีพื้นฐานจากการสุ่ม ตรรกศาสตร์คลุมเครือนั้น สามารถระบุค่าความเป็นสมาชิกของเซต (set membership values) ด้วยค่าระหว่าง 0 และ 1 ทำให้เกิดระดับกึ่งในลักษณะของ สีเทา นอกจาก ขาว และ ดำ ซึ่งมีประโยชน์ในการจำลองระดับซึ่งสามารถระบุด้วยคำพูด "เล็กน้อย" "ค่อนข้าง" "มาก" โดยใช้ค่าความเป็นสมาชิกของเซตบางส่วน...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประสูติของพระเยซู เกิดขึ้นที่เมืองใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: พระเยซู Article: พระเยซู (English: Jesus) หรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ (English: Jesus of Nazareth; 4-2 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 30-33[10]) เป็นชาวยิวผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนเรียกพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ เพราะถือว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ นอกจากนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังบันทึกว่าพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ทรงรักษาคนตาบอดให้หายขาด รักษาคนพิการ โดยตรัสว่า บาปของเจ้าได้รับการให้อภัยแล้ว หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายหลังสิ้นพระชนม์ได้เพียง 3 วัน และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูเช่นกัน แต่เชื่อต่างจากชาวคริสต์ โดยชาวมุสลิมเรียกพระเยซูว่านบีอีซา คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าพระเยซูไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า[11] แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า[12] และเป็นเราะซูลที่พระเจ้าส่งมาเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมให้แก่ชาวอิสราเอล[13]เช่นเดียวกับเราะซูลอื่น ๆ นอกจากนี้กุรอานยังอ้างว่าพระเยซูได้ทำนายถึงเราะซูลอีกท่านหนึ่งที่จะมาในอนาคตด้วยว่าชื่ออะหมัด[14] คำว่า "เยซู" มาจากคำในภาษากรีกคือ "เยซุส" Ιησους [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาแอราเมอิกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตามภาษาซีรีแอก ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า "อีซา" ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้รอด" เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา ภาษาละตินแผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้ ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า "คริสตอส" Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม" ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น พระมหากษัตริย์ ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ เป็นต้น เมื่อราชอาณาจักรยูดาห์เสียแก่บาบิโลน ก็สิ้นกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม ต่อจากนั้นชาวยิวก็โหยหาพระเมสสิยาห์ที่จะมาสร้างอาณาจักรใหม่ของพระเจ้า "พระคริสต์" จึงเป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัวบุคคล ผู้นิพนธ์พระวรสารสี่ท่านมักเรียกพระองค์ว่า "พระเยซู" และเพื่อให้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่ชื่อเหมือนกัน ก็เรียกเป็น "พระเยซูชาวนาซาเรธ" หรือ "พระเยซูบุตรของโยเซฟ" แต่นักบุญเปาโลหรือเปาโลอัครทูตมักเรียกพระองค์ว่า...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การประสูติของพระเยซู มีใครเป็นผู้ให้กำเนิด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: พระเยซู Article: พระเยซู (English: Jesus) หรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ (English: Jesus of Nazareth; 4-2 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 30-33[10]) เป็นชาวยิวผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนเรียกพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ เพราะถือว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ นอกจากนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังบันทึกว่าพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ทรงรักษาคนตาบอดให้หายขาด รักษาคนพิการ โดยตรัสว่า บาปของเจ้าได้รับการให้อภัยแล้ว หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายหลังสิ้นพระชนม์ได้เพียง 3 วัน และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูเช่นกัน แต่เชื่อต่างจากชาวคริสต์ โดยชาวมุสลิมเรียกพระเยซูว่านบีอีซา คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าพระเยซูไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า[11] แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า[12] และเป็นเราะซูลที่พระเจ้าส่งมาเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมให้แก่ชาวอิสราเอล[13]เช่นเดียวกับเราะซูลอื่น ๆ นอกจากนี้กุรอานยังอ้างว่าพระเยซูได้ทำนายถึงเราะซูลอีกท่านหนึ่งที่จะมาในอนาคตด้วยว่าชื่ออะหมัด[14] คำว่า "เยซู" มาจากคำในภาษากรีกคือ "เยซุส" Ιησους [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาแอราเมอิกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตามภาษาซีรีแอก ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า "อีซา" ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้รอด" เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา ภาษาละตินแผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้ ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า "คริสตอส" Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม" ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น พระมหากษัตริย์ ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ เป็นต้น เมื่อราชอาณาจักรยูดาห์เสียแก่บาบิโลน ก็สิ้นกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม ต่อจากนั้นชาวยิวก็โหยหาพระเมสสิยาห์ที่จะมาสร้างอาณาจักรใหม่ของพระเจ้า "พระคริสต์" จึงเป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัวบุคคล ผู้นิพนธ์พระวรสารสี่ท่านมักเรียกพระองค์ว่า "พระเยซู" และเพื่อให้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่ชื่อเหมือนกัน ก็เรียกเป็น "พระเยซูชาวนาซาเรธ" หรือ "พระเยซูบุตรของโยเซฟ" แต่นักบุญเปาโลหรือเปาโลอัครทูตมักเรียกพระองค์ว่า...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปลูกถ่ายอวัยวะที่สำเร็จครั้งแรกเมื่อใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การปลูกถ่ายอวัยวะ Article: (Organ transplantation) เป็นการย้ายอวัยวะจากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง หรือ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในผู้ป่วยคนเดียวกัน เพื่อแทนที่อวัยวะที่เสียหายหรือขาดไป การอุบัติขึ้นของ regenerative medicine ทำให้นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรสามารถสร้างหรือปลูกอวัยวะจากเซลล์ของคนไข้เอง (เซลล์ต้นกำเนิด หรือเซลล์ที่แยกมาจากอวัยวะที่เสื่อม) การปลูกถ่ายอวัยวะและ/หรือเนื้อเยื่อที่ถูกปลูกถ่ายลงในตัวของเจ้าของเองเรียกว่า การปลูกถ่ายด้วยออโทกราฟท์ (autotranplantation) การเปลี่ยนถ่ายที่กระทำจากคนสู่คนหรือสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันเรียกว่า การปลูกถ่ายด้วยแอลโลกราฟท์ (allotranplantation) การปลูกถ่ายด้วยอวัยวะจากสัตว์ชนิดอื่นเรียกว่า การปลูกถ่ายด้วยซีโนกราฟท์ (xenotransplantation) ในปัจจุบันอวัยวะที่สามารถปลูกถ่ายได้ ได้แก่ หัวใจ ไต ตา ตับ ปอด ตับอ่อน ลำไส้เล็ก และ ต่อมไทมัส เนื้อเยื่อที่ปลูกถ่ายได้ ได้แก่ กระดูก เอ็น กระจกตา ผิวหนัง ลิ้นหัวใจ และหลอดเลือดดำ ทั่วโลกมีการปลูกถ่ายไตมากที่สุด ตามมาด้วยตับและหัวใจ ส่วนเนื้อเยื่อ ได้แก่ กระจกตาและเนื้อเยื่อกระดูกและเอ็น อวัยวะบางอย่างเช่นสมองไม่สามารถปลูกถ่ายได้ ผู้บริจาคอวัยวะอาจมีชีวิตอยู่หรือสมองตายแล้ว เนื้อเยื่ออาจทำให้กลับคืนเหมือนเดิมได้ เช่นจากผู้บริจาคที่หัวใจตายมากว่า 24 ชั่วโมงนับจากหัวใจหยุดเต้น อวัยวะนั้นไม่เหมือนเนื้อเยื่อที่ส่วนใหญ่ (ยกเว้นกระจกตา) สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานสุดถึง 5 ปี นั่นหมายความว่าสามารถทำเป็นธนาคารอวัยวะได้ การปลูกถ่ายนำไปสู่ประเด็นทางจริยธรรมมากมายซึ่งรวมถึง การนิยามการตาย การอนุญาตให้ใช้อวัยวะเพื่อการปลูกถ่ายเมื่อไรและอย่างไร และการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับอวัยวะสำหรับปลูกถ่าย [1][2] ยังมีประเด็นทางจริยธรรมอื่นๆอีกเช่น การทัวร์ปลูกถ่ายและประเด็นสังคมธุรกิจการค้าอวัยวะ ปัญหาเด่นๆได้แก่ การลักลอบค้าขายอวัยวะ [3] การปลูกถ่ายอวัยวะหรือเนื้อเยื่อเป็นหนึ่งในสาขาวิชาการแพทย์สมัยใหม่ที่ซับซ้อนและท้าทาย กุญแจสำคัญคือปัญหาการปฏิเสธการปลูกถ่ายอวัยวะนั้นเนื่อจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันซึ่งอาจนำไปสู่การปลูกถ่ายที่ล้มเหลวและจำเป็นต้องนำอวัยวะนั้นออกจากผู้รับโดยทันที การปฏิเสธการปลูกถ่ายอวัยวะนั้นสามารถลดได้โดยการจัดกลุ่มสายเชื้อ (serotyping) เพื่อหาผู้บริจาคและผู้รับที่เหมาะสมที่สุดและโดยการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressant...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การปล้นธนาคารในติฟลิส ค.ศ. 1907 เหตุปล้นดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ เท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: จักรวรรดินิยมในเอเชีย Article: จักรวรรดินิยมในเอเชีย</b>ซึ่งนำเสนอในบทความนี้ว่าด้วยการเข้ามายังบริเวณที่เดิมเรียก หมู่เกาะอินเดียตะวันออก ของชาติยุโรปตะวันตก จักรวรรดินิยมในเอเชียเริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยการค้นเส้นทางการค้ากับประเทศจีนซึ่งนำไปสู่ยุคแห่งการสำรวจโดยตรง และนำการสงครามสมัยใหม่ตอนต้นมาสู่บริเวณซึ่งขณะนั้นเรียก ตะวันออกไกล เมื่อถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ยุคแห่งการเดินเรือขยายอิทธิพลของยุโรปตะวันตกและพัฒนาการค้าเครื่องเทศภายใต้ลัทธิอาณานิคมอย่างมาก มีจักรวรรดิอาณานิคมยุโรปตะวันตกและจักรวรรดินิยมในเอเชียตลอดหกศตวรรษแห่งลัทธิอาณานิคม จนสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อติมอร์-เลสเต ซึ่งเป็นอาณานิคมสุดท้ายของจักรวรรดิโปรตุเกส ได้รับเอกราชใน ค.ศ. 2002 จักรวรรดินำมาซึ่งมโนทัศน์ชาติและรัฐพหุชาติแบบตะวันตก บทความนี้พยายามสรุปพัฒนาการของมโนทัศน์รัฐชาติของตะวันตก แรงผลักของอำนาจทางการเมือง พาณิชย์และวัฒนธรรมของยุโรปในเอเชียทำให้มีการค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ซึ่งเป็นพัฒนาการสำคัญจนนำมาซึ่งเศรษฐกิจตลาดเสรีสมัยใหม่ในปัจจุบัน ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 โปรตุเกสทำลายการผูกขาดการค้าทางบกระหว่างทวีปเอเชียและยุโรปของชาวอาหรับและอิตาลี โดยการค้นพบเส้นทางทางทะเลสู่อินเดียอ้อมแหลมกู๊ดโฮป อิทธิพลของบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์คู่แข่งซึ่งตามติดมา ทำให้อิทธิพลของโปรตุเกสในทวีปเอเชียค่อย ๆ หมดไป กองทัพดัตช์เป็นชาติแรกที่สถาปนาฐานทัพอิสระทางตะวันออก (ที่สำคัญที่สุด คือ ปัตตาเวีย ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่บริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์อันมีป้อมค่ายแน่นหนา) แล้วจากนั้น ระหว่าง ค.ศ. 1640 ถึง 1660 ดัตช์แย่งชิงการค้ากับมะละกา ซีลอน ท่าอินเดียใต้บางแห่ง และญี่ปุ่นที่มีกำไรมากจากโปรตุเกส ต่อมา อังกฤษและฝรั่งเศสสถาปนานิคมในอินเดียและสถาปนาการค้ากับจีนและการได้มาของอังกฤษและฝรั่งเศสนี้จะค่อย ๆ แซงหน้าเนเธอร์แลนด์ หลังสงครามเจ็ดปีใน ค.ศ. 1763 อังกฤษกำจัดอิทธิพลของฝรั่งเศสในอินเดียและสถาปนาบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษเป็นอำนาจการเมืองที่สำคัญที่สุดในอนุทวีปอินเดีย ก่อนหน้าการปฏิวัติอุตสาหกรรมในกลางถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 อุปสงค์ของสินค้าตะวันออกอย่างเครื่องถ้วยเปลือกไข่ ไหม เครื่องเทศและชา ยังเป็นแรงผลักเบื้องหลังจักรวรรดินิยมของยุโรป และเดิมพันของยุโรปในทวีปเอเชียส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่กับสถานีการค้าและกองรักษาด่านทางยุทธศาสตร์ซึ่งจำเป็นต่อการคุ้มครองการค้า...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การผันเสียงในภาษาไทยมีกี่เสียง ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: อักษรไทย Article: อักษรไทย เป็นอักษรที่ใช้เขียนภาษาไทย และภาษากลุ่มน้อยอื่น ๆ ในประเทศไทย มีพยัญชนะ 44 รูป สระ 21 รูป วรรณยุกต์ 4 รูป และเครื่องหมายอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง พยัญชนะไทยจะเรียงตัวไปตามแนวนอน จากซ้ายไปขวา ส่วนสระจะอยู่หน้า บน ล่าง และหลังพยัญชนะประกอบคำแล้วแต่ชนิดของสระ อักษรไทยไม่มีการแยกอักษรตัวใหญ่หรืออักษรตัวเล็กอย่างอักษรโรมัน และไม่มีการเว้นวรรคระหว่างคำ เมื่อจบหนึ่งประโยคจะลงท้ายด้วยการเว้นวรรค กับมีเครื่องหมายวรรคตอนจำนวนหนึ่ง ภาษาไทยมีตัวเลขเป็นของตัวเอง แต่นิยมใช้เลขอารบิกเป็นส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน ประวัติและวิวัฒนาการ ราว พ.ศ. 400 ไทยได้อพยพจากถิ่นเดิมมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ใกล้อาณาเขตมอญ ซึ่งกำลังเป็นชาติที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้น เริ่มแรกคงเริ่มเลียนแบบตัวอักษรมาจากมอญ ต่อมาราว พ.ศ. 1500 เมื่อขอมขยายอำนาจเข้ามาในดินแดนของคนไทยซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำยม และได้ปกครองเมืองเชรียงและเมืองสุโขทัย ไทยก็เริ่มดัดแปลงอักษรที่มีอยู่เดิมให้คล้ายกับอักษรขอมหวัด อักษรมอญและอักษรขอมที่ไทยนำมาดัดแปลงใช้นั้นล้วนเป็นอักษรที่รับและแปลงรูปมาจากอักษรพราหมี ของพวกพราหมณ์ซึ่งแพร่หลายในอินเดียตอนเหนือ และอักษรสันสกฤตในสมัยราชวงศ์ปัลลวะ ซึ่งแพร่หลายบริเวณอินเดียตอนใต้ อักษรอินเดียทั้งคู่นี้ต่างก็รับแบบมาจากอักษรฟินิเชียนอีกชั้นหนึ่ง อักษรเฟนีเซียนับได้ว่าเป็นอักษรที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นแม่แบบตัวอักษรของชาติต่างๆ ทั้งในเอเชียและยุโรป ราว พ.ศ. 1826 พ่อขุนรามคำแหงทรงประดิษฐ์อักษรไทยที่เรียกกันว่า "ลายสือไทย" ขึ้น ซึ่งได้เค้ารูปมาจากอักษรมอญและอักษรเขมรที่มีอยู่เดิม ทำให้อักษรไทยมีลักษณะคล้ายคลึงกับอักษรทั้งสอง แม้บางตัวจะไม่คล้ายกัน แต่ก็สามารถรู้ได้ว่าดัดแปลงมาจากอักษรตัวไหน อักษรไทยมีการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ ในสมัยพญาฦๅไทราว พ.ศ. 1900 มีการแก้ไขตัวอักษรให้ผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะการเพิ่มเชิงที่ตัว ญ ซึ่งใช้ติดต่อเรื่อยมาจนทุกวันนี้ คาดว่าน่าจะเอาอย่างมาจากเขมร ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราว พ.ศ. 2223 ตัวอักษรเริ่มมีทรวดทรงดีขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งเค้าเดิม มีบางตัวเท่านั้นที่แก้ไขผิดไปจากเดิม คือตัว ฎ และ ธ ซึ่งเหมือนกับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นักวิชาการจำนวนหนึ่งเชื่อว่าในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตัวอักษรและการใช้งานมีความคล้ายคลึงกับในปัจจุบันมากที่สุด อักษรไทย พยัญชนะ พยัญชนะไทยมี 44 รูป แต่ละตัวมีชื่อเรียกโดยเฉพาะ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การผ่าตัดศพครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประวัติวิชากายวิภาคศาสตร์ Article: ประวัติการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ เป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาตั้งแต่การผ่าร่างกายของเหยื่อจากการสังเวยในสมัยโบราณ ไปจนถึงการวิเคราะห์อย่างละเอียดซับซ้อนถึงการทำงานของร่างกายโดยนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ การศึกษาวิชานี้มีลักษณะเฉพาะมาเป็นเวลานาน และมีการพัฒนาถึงการทำความเข้าใจในหน้าที่และโครงสร้างของอวัยวะในร่างกายอย่างต่อเนื่อง การศึกษากายวิภาคศาสตร์มนุษย์มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่มีเกียรติและนับว่าเป็นสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่มีความโดดเด่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 วิธีการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ก็มีการพัฒนาอย่างมากมายตั้งแต่การศึกษาในสัตว์ไปจนถึงการศึกษาในศพของมนุษย์ และการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การศึกษาในยุคโบราณ อียิปต์โบราณ การศึกษากายวิภาคศาสตร์เริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุดเมื่อราว 1600 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในยุคอียิปต์โบราณบน กระดาษปาปิรุส เอ็ดวิน สมิธ (Edwin Smith papyrus) บทความในกระดาษนั้นกล่าวถึงหัวใจ, หลอดเลือดของหัวใจ, ตับ, ม้าม, ไต, มดลูก, และกระเพาะปัสสาวะ และทราบว่าหลอดเลือดออกมาจากหัวใจ มีการกล่าวถึงหลอดเลือดหลอดอื่นๆ ว่าบางเส้นขนส่งอากาศ เมือก และหลอดเลือด 2 เส้นที่ไปทางหูข้างขวาเชื่อกันว่าขนส่ง ลมหายใจแห่งชีวิต (breath of life) ในขณะที่หลอดเลือด 2 เส้นที่ไปทางหูซ้ายขนส่ง ลมหายใจแห่งความตาย (breath of death) ใน<i data-parsoid='{"dsr":[1414,1436,2,2]}'>กระดาษปาปิรุสเอแบส (Ebers papyrus, ประมาณ 1550 ปีก่อนคริสต์ศักราช) กล่าวถึง บทความเกี่ยวกับหัวใจ โดยกล่าวว่าหัวใจเป็นศูนย์กลางในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงตามหลอดเลือดที่เลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ชาวอียิปต์โบราณไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ของไต และเชื่อว่าหัวใจเป็นจุดรวมของหลอดเลือดที่ทำหน้าที่ขนส่งของเหลวทุกชนิดในร่างกายไม่ว่าจะเป็นเลือด, น้ำตา, ปัสสาวะ, และน้ำอสุจิ[1] กรีกโบราณ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยก่อนซึ่งงานของท่านยังคงมีประโยชน์อย่างมากในปัจจุบันคือ ฮิปโปกราเตส (Hippocrates) แพทย์ชาวกรีกที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลถึงต้นศตวรรษที่ 4 ก่อรคริสตกาล (460 - 377 ปีก่อนคริสต์ศักราช) งานของเขาแสดงถึงความเข้าใจพื้นฐานของโครงสร้างของกล้ามเนื้อและกระดูก และการเริ่มต้นความเข้าใจของการทำงานของอวัยวะบางชนิด เช่น ไต แม้ว่างานของเขาส่วนใหญ่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังมีครั้งแรกที่ใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประวัติวิชากายวิภาคศาสตร์ Article: ประวัติการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ เป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาตั้งแต่การผ่าร่างกายของเหยื่อจากการสังเวยในสมัยโบราณ ไปจนถึงการวิเคราะห์อย่างละเอียดซับซ้อนถึงการทำงานของร่างกายโดยนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ การศึกษาวิชานี้มีลักษณะเฉพาะมาเป็นเวลานาน และมีการพัฒนาถึงการทำความเข้าใจในหน้าที่และโครงสร้างของอวัยวะในร่างกายอย่างต่อเนื่อง การศึกษากายวิภาคศาสตร์มนุษย์มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่มีเกียรติและนับว่าเป็นสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่มีความโดดเด่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 วิธีการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ก็มีการพัฒนาอย่างมากมายตั้งแต่การศึกษาในสัตว์ไปจนถึงการศึกษาในศพของมนุษย์ และการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การศึกษาในยุคโบราณ อียิปต์โบราณ การศึกษากายวิภาคศาสตร์เริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุดเมื่อราว 1600 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในยุคอียิปต์โบราณบน กระดาษปาปิรุส เอ็ดวิน สมิธ (Edwin Smith papyrus) บทความในกระดาษนั้นกล่าวถึงหัวใจ, หลอดเลือดของหัวใจ, ตับ, ม้าม, ไต, มดลูก, และกระเพาะปัสสาวะ และทราบว่าหลอดเลือดออกมาจากหัวใจ มีการกล่าวถึงหลอดเลือดหลอดอื่นๆ ว่าบางเส้นขนส่งอากาศ เมือก และหลอดเลือด 2 เส้นที่ไปทางหูข้างขวาเชื่อกันว่าขนส่ง ลมหายใจแห่งชีวิต (breath of life) ในขณะที่หลอดเลือด 2 เส้นที่ไปทางหูซ้ายขนส่ง ลมหายใจแห่งความตาย (breath of death) ใน<i data-parsoid='{"dsr":[1414,1436,2,2]}'>กระดาษปาปิรุสเอแบส (Ebers papyrus, ประมาณ 1550 ปีก่อนคริสต์ศักราช) กล่าวถึง บทความเกี่ยวกับหัวใจ โดยกล่าวว่าหัวใจเป็นศูนย์กลางในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงตามหลอดเลือดที่เลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ชาวอียิปต์โบราณไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ของไต และเชื่อว่าหัวใจเป็นจุดรวมของหลอดเลือดที่ทำหน้าที่ขนส่งของเหลวทุกชนิดในร่างกายไม่ว่าจะเป็นเลือด, น้ำตา, ปัสสาวะ, และน้ำอสุจิ[1] กรีกโบราณ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยก่อนซึ่งงานของท่านยังคงมีประโยชน์อย่างมากในปัจจุบันคือ ฮิปโปกราเตส (Hippocrates) แพทย์ชาวกรีกที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลถึงต้นศตวรรษที่ 4 ก่อรคริสตกาล (460 - 377 ปีก่อนคริสต์ศักราช) งานของเขาแสดงถึงความเข้าใจพื้นฐานของโครงสร้างของกล้ามเนื้อและกระดูก และการเริ่มต้นความเข้าใจของการทำงานของอวัยวะบางชนิด เช่น ไต แม้ว่างานของเขาส่วนใหญ่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังมีค่าใช้จ่ายที่แพงมากใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง Article: การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง (English: Spinal fusion, spondylodesis, spondylosyndesis)[1][2] เป็นเทคนิคทางศัลยศาสตร์ออร์โทพีดิกส์เพื่อเชื่อมข้อกระดูกสันหลังสองข้อหรือมากกว่านั้น ซึ่งสามารถทำได้ที่กระดูกสันหลังส่วนคอ ส่วนอก และส่วนเอว เพื่อกันข้อกระดูกที่เชื่อมกันไม่ให้เคลื่อนไหว มีวิธีการเชื่อมกระดูกหลายอย่าง แต่ละอย่างจะมีการปลูกถ่ายกระดูก (bone grafting) ไม่ว่าจะมาจากคนไข้เอง (autograft) ได้จากผู้บริจาค (allograft) หรือจากกระดูกเทียม เพื่อช่วยเชื่อมกระดูกที่เกี่ยวข้อง[3] และบ่อยครั้งจะต้องใช้อุปกรณ์อื่น ๆ (รวมทั้งสกรู แผ่นวัสดุ หรือกรง) เพื่อยึดกระดูกให้อยู่กับที่ในขณะที่กระดูกปลูกถ่ายเชื่อมข้อกระดูกเข้าด้วยกัน การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังทำมากที่สุดเพื่อบรรเทาความปวดและแรงกดต่อไขสันหลัง ที่เกิดเมื่อหมอนกระดูกสันหลัง (กระดูกอ่อนระหว่างข้อกระดูก) เสื่อม (degenerative disc disease)[4] อาการทางแพทย์อื่น ๆ ที่รักษาด้วยวิธีนี้รวมทั้งช่องไขสันหลังตีบ กระดูกสันหลังเคลื่อน กระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกสันหลังหัก กระดูกสันหลังคด และหลังโกง[4] เหมือนกับการผ่าตัดอื่น ๆ ภาวะแทรกซ้อนอาจรวมทั้งการติดเชื้อ การเสียเลือด และความเสียหายต่อประสาท[5] การเชื่อมยังเปลี่ยนการเคลื่อนไหวปกติของกระดูกสันหลัง ซึ่งสร้างภาระมากขึ้นกับข้อกระดูกเหนือและใต้ข้อที่เชื่อมเข้าด้วยกัน ดังนั้น ภาวะแทรกซ้อนระยะยาวก็คือกระดูกที่มีภาระมากขึ้นจะเสื่อม[3] ในการแพทย์ การเชื่อมกระดูกสันหลังสามารถใช้รักษาอาการต่าง ๆ ที่มีผลต่อสันหลังระดับคอ อก และเอว ซึ่งโดยทั่วไปใช้ลดแรงกดอัดต่อและสร้างเสถียรภาพให้กระดูก[5] เหตุสามัญที่สุดของแรงอัดที่ไขสันหลังหรือเส้นประสาท ก็คือหมอนกระดูกสันหลังเสื่อม (degenerative disc disease)[6] เหตุสามัญอื่น ๆ รวมทั้งหมอนกระดูกสันหลังเคลื่อน ช่องไขสันหลังตีบ การบาดเจ็บ และเนื้องอกที่ไขสันหลัง[5] ช่องไขสันหลังตีบอาจเป็นผลของปุ่มกระดูกงอก (osteophytes) หรือเอ็นที่หนาขึ้น ซึ่งในระยะยาวมีผลเป็นช่องไขสันหลังตีบ[5] แล้วทำให้ปวดขาเมื่อทำกิจกรรม เป็นอาการที่เรียกว่า อาการปวดขาเหตุประสาท (neurogenic claudication)[5] ส่วนการกดเส้นประสาทตรงที่ออกจากไขสันหลังซึ่งเรียกว่า โรครากประสาท (radiculopathy) จะทำให้ปวดอวัยวะส่วนที่เส้นประสาทวิ่งไปถึง (เช่น ขาสำหรับปัญหาส่วนเอว แขนสำหรับปัญหาส่วนคอ)[5] ในกรณีที่รุนแรง...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังรักษาโรคใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง Article: การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง (English: Spinal fusion, spondylodesis, spondylosyndesis)[1][2] เป็นเทคนิคทางศัลยศาสตร์ออร์โทพีดิกส์เพื่อเชื่อมข้อกระดูกสันหลังสองข้อหรือมากกว่านั้น ซึ่งสามารถทำได้ที่กระดูกสันหลังส่วนคอ ส่วนอก และส่วนเอว เพื่อกันข้อกระดูกที่เชื่อมกันไม่ให้เคลื่อนไหว มีวิธีการเชื่อมกระดูกหลายอย่าง แต่ละอย่างจะมีการปลูกถ่ายกระดูก (bone grafting) ไม่ว่าจะมาจากคนไข้เอง (autograft) ได้จากผู้บริจาค (allograft) หรือจากกระดูกเทียม เพื่อช่วยเชื่อมกระดูกที่เกี่ยวข้อง[3] และบ่อยครั้งจะต้องใช้อุปกรณ์อื่น ๆ (รวมทั้งสกรู แผ่นวัสดุ หรือกรง) เพื่อยึดกระดูกให้อยู่กับที่ในขณะที่กระดูกปลูกถ่ายเชื่อมข้อกระดูกเข้าด้วยกัน การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังทำมากที่สุดเพื่อบรรเทาความปวดและแรงกดต่อไขสันหลัง ที่เกิดเมื่อหมอนกระดูกสันหลัง (กระดูกอ่อนระหว่างข้อกระดูก) เสื่อม (degenerative disc disease)[4] อาการทางแพทย์อื่น ๆ ที่รักษาด้วยวิธีนี้รวมทั้งช่องไขสันหลังตีบ กระดูกสันหลังเคลื่อน กระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกสันหลังหัก กระดูกสันหลังคด และหลังโกง[4] เหมือนกับการผ่าตัดอื่น ๆ ภาวะแทรกซ้อนอาจรวมทั้งการติดเชื้อ การเสียเลือด และความเสียหายต่อประสาท[5] การเชื่อมยังเปลี่ยนการเคลื่อนไหวปกติของกระดูกสันหลัง ซึ่งสร้างภาระมากขึ้นกับข้อกระดูกเหนือและใต้ข้อที่เชื่อมเข้าด้วยกัน ดังนั้น ภาวะแทรกซ้อนระยะยาวก็คือกระดูกที่มีภาระมากขึ้นจะเสื่อม[3] ในการแพทย์ การเชื่อมกระดูกสันหลังสามารถใช้รักษาอาการต่าง ๆ ที่มีผลต่อสันหลังระดับคอ อก และเอว ซึ่งโดยทั่วไปใช้ลดแรงกดอัดต่อและสร้างเสถียรภาพให้กระดูก[5] เหตุสามัญที่สุดของแรงอัดที่ไขสันหลังหรือเส้นประสาท ก็คือหมอนกระดูกสันหลังเสื่อม (degenerative disc disease)[6] เหตุสามัญอื่น ๆ รวมทั้งหมอนกระดูกสันหลังเคลื่อน ช่องไขสันหลังตีบ การบาดเจ็บ และเนื้องอกที่ไขสันหลัง[5] ช่องไขสันหลังตีบอาจเป็นผลของปุ่มกระดูกงอก (osteophytes) หรือเอ็นที่หนาขึ้น ซึ่งในระยะยาวมีผลเป็นช่องไขสันหลังตีบ[5] แล้วทำให้ปวดขาเมื่อทำกิจกรรม เป็นอาการที่เรียกว่า อาการปวดขาเหตุประสาท (neurogenic claudication)[5] ส่วนการกดเส้นประสาทตรงที่ออกจากไขสันหลังซึ่งเรียกว่า โรครากประสาท (radiculopathy) จะทำให้ปวดอวัยวะส่วนที่เส้นประสาทวิ่งไปถึง (เช่น ขาสำหรับปัญหาส่วนเอว แขนสำหรับปัญหาส่วนคอ)[5] ในกรณีที่รุนแรง...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การพินิจ คืออะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ช่วง มูลพินิจ Article: ช่วง มูลพินิจ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ. 2556 เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงชาวไทย มีผลงานปรากฏทั้งในด้านจิตรกรรมและประติมากรรมตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา งานของช่วงในระยะแรกเริ่มเป็นภาพลายเส้นประยุกต์ลายไทย ต่อมาจึงใช้เทคนิคสีน้ำ และสีน้ำมัน ผลงานส่วนใหญ่แสดงถึงเรื่องราวของดอกไม้ แมลง สัตว์ มนุษย์ ผนึกเรื่องราวทางอุดมคติกับธรรมชาติ ประวัติและงานศิลปะ ช่วง มูลพินิจ เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงชาวไทย เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2483 ที่อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ปัจจุบัน ช่วง มูลพินิจ พำนักอยู่ที่ย่านบางกะปิ ชีวิตครอบครัวสมรสกับ จินดารัตน์ ผู้เป็นภริยา มีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมดหนึ่งคน และมีหอศิลป์ที่แสดงผลงานเป็นของตนเองชื่อ "หอศิลป์ช่วง มูลพินิจ" ที่บ้านของตนเอง [1] การศึกษา จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดบางน้อย ชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดกลางเหนือ สากลวิสุทธิ์ ด้วยความที่เป็นเด็กโรงเรียนวัด จึงทำให้มีความชื่นชอบในศิลปะแนวประติมากรรม จึงเข้ามาศึกษาด้านศิลปะที่กรุงเทพมหานคร ที่โรงเรียนศิลปศึกษา และเข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ขณะเรียนก็ทำงานรับจ้างทำฉากภาพยนตร์ เขียนภาพฝาผนัง และงานศิลป์ต่างๆ จนจบอนุปริญญา [2] งานศิลปะ งานของช่วงในระยะแรกเริ่มเป็นภาพลายเส้น ที่ประยุกต์ความอ่อนช้อยของลายไทย เข้ากับรูปทรงแบบเหมือนจริงได้อย่างกลมกลืน ต่อมาจึงได้พัฒนามาใช้เทคนิคสีน้ำและสีน้ำมัน ส่วนใหญ่แสดงถึงเรื่องราวของดอกไม้ แมลง สัตว์ มนุษย์ ทั้งในแง่อีโรติก จนกระทั่งถึงนัยการมองเห็นในวัฏสงสารของชีวิต เป็นการผนึกเรื่องราวทางอุดมคติกับธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม แนบเนียน ลงตัว นอกจากนั้น ยังมีผลงานออกแบบและปั้นเกี่ยวกับศาสนาอีกหลายชิ้น เช่น ออกแบบและปั้นพระพุทธรูปยืนลีลาห้ามญาติ "พระพุทธอภัยมงคลสมังคี" ที่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ทรงสร้างถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำไปพระราชทานแก่ทุกจังหวัดในวโรกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ได้ออกแบบ และควบคุมการตกแต่งพระมหาเจดีย์ วัดธรรมมงคล ที่ซอยสุขุมวิท 101 และวาดภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ 8 ภาพเป็นภาพปริศนาธรรมภายในวัด เป็นต้น[3] ผลงานที่รู้จักกันดีอีกอย่างหนึ่งคือ การออกแบบตัวหนังสือชื่อเรื่องและโปสเตอร์ภาพยนตร์ไทยในแนววรรณคดีหรือนิทานพื้นบ้านของไทย เช่น แผลเก่า, เลือดสุพรรณ, เพื่อน-แพง, ไกรทอง, กากี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การฟื้นเห็นเป็น 3 มิติถูกคิดค้นโดยใคร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลี Article: จิตรกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี (English: Italian Renaissance painting) คือสมัยประวัติศาสตร์ของจิตรกรรมที่เริ่มตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 ไปจนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่เกิดขึ้นในบริเวณของประเทศอิตาลีในปัจจุบัน ซึ่งในขณะนั้นแบ่งการปกครองเป็นอาณาบริเวณต่างๆ จิตรกรในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของอิตาลีแม้ว่าจะขึ้นอยู่กับราชสำนักหรือสำนัก หรือเมือง แต่ก็มีโอกาสได้ท่องเที่ยวอย่างกว้างไกลไปทั่วอิตาลี และมักจะได้รับฐานะเป็นทูตในการเผยแพร่อิทธิพลความคิดทั้งทางศิลปะและปรัชญา[1] เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและโดยเฉพาะในสาขาจิตรกรรมก็คือเมืองฟลอเรนซ์ที่อ่านประกอบได้ในบทความ “ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา”, ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี และ “สถาปัตยกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา” จิตรกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีแบ่งเป็นสี่สมัย: ยุคก่อนยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Proto-Renaissance; ค.ศ. 1290–ค.ศ. 1400) ยุคนี้เริ่มต้นด้วยจิตรกรจอตโต ดี บอนโดเน และรวมจิตรกรอื่นๆ เช่น ทัดดิโอ กัดดี, ออร์ชานยา และ อัลติเชียโร ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้น (Early Renaissance; ค.ศ. 1400–ค.ศ. 1475) ยุคนี้ก็มีจิตรกรเช่น มาซาชิโอ, ฟราอันเจลิโค, เปาโล อูเชลโล, เปียโร เดลลา ฟรานเชสกา และ อันดรีย เดล เวอร์โรชชิโอ ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนสูง (High Renaissance; ค.ศ. 1475–ค.ศ. 1525) ยุคนี้ก็รวมทั้งเช่น เลโอนาร์โด ดา วินชี, ไมเคิล แอนเจโล และ ราฟาเอล ลัทธิแมนเนอริสม์ ค.ศ. 1525–ค.ศ. 1600 ยุคนี้ก็มีจิตรกรเช่น อันเดรอา เดล ซาร์โต, จาโคโป ปอนตอร์โม และ ทินโทเรตโต รายละเอียดการวิวัฒนาการของสมัยดังกล่าวอยู่ในบทความที่แยกจากบทความนี้ อิทธิพล อิทธิพลที่ก่อให้เกิดการวิวัฒนาการของจิตรกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีเป็นปัจจัยที่มีผลต่อปรัชญาความคิด, วรรณคดี, เทววิทยา, วิทยาศาสตร์, การปกครอง และด้านอื่นๆ ของสังคม รายการข้างล่างเป็นการสรุปโดยย่อ: ตำราคลาสสิกที่หายไปจากบรรดาผู้คงแก่เรียนเป็นเวลาหลายร้อยปีถูกนำกลับมาเผยแพร่ ซึ่งเป็นตำราที่มีเนื้อหาครอบคลุม ปรัชญา, กวีนิพนธ์, บทละคร, วรรณคดี, วิทยาศาสตร์ และบทเขียนเกี่ยวกับศิลปะและศาสนวิทยาของสมัยคริสเตียนตอนต้น ในขณะเดียวกันยุโรปก็ได้รับความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ที่มาจากผู้คงแก่เรียนอิสลาม การวิวัฒนาการทางการพิมพ์โดยโยฮันน์ กูเทนแบร์กในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ทำให้การเผยแพร่ความคิดเป็นไปได้อย่างง่ายขึ้น...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การมองเห็นเป็นส่วนหนึ่ง ประสาทสัมผัสใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ประสาทสัมผัส Article: ประสาทสัมผัส (English: Sense)[1] เป็นสมรรถภาพในสรีระของสิ่งมีชีวิตที่ให้ข้อมูลเพื่อให้เกิดการรับรู้ (perception) มีการศึกษาประเด็นเกี่ยวกับการทำงาน การจำแนกประเภท และทฤษฎีของประสาทสัมผัส ในวิชาหลายสาขา โดยเฉพาะในวิทยาศาสตร์ประสาท จิตวิทยาปริชาน (หรือประชานศาสตร์) และปรัชญาแห่งการรับรู้ (philosophy of perception) ระบบประสาทของสัตว์นั้นมีระบบรับความรู้สึกหรืออวัยวะรับความรู้สึก สำหรับความรู้สึกแต่ละอย่าง มนุษย์เองก็มีประสาทสัมผัสหลายอย่าง การเห็น การได้ยิน การลิ้มรส การได้กลิ่น การถูกต้องสัมผัส เป็นประสาทสัมผัสห้าทางที่รู้จักกันมาตั้งแต่โบราณ แต่ว่า ความสามารถในการตรวจจับตัวกระตุ้นอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีอยู่ รวมทั้ง อุณหภูมิ ความรู้สึกเกี่ยวกับเคลื่อนไหว (proprioception) ความเจ็บปวด (nociception) ความรู้สึกเกี่ยวกับการทรงตัว และความรู้สึกเกี่ยวกับตัวกระตุ้นภายในต่าง ๆ (เช่นมีเซลล์รับความรู้สึกเชิงเคมี คือ chemoreceptor ที่ตรวจจับระดับความเข้มข้นของเกลือและคาร์บอนไดออกไซด์ ที่อยู่ในเลือด) และความสามารถต่าง ๆ เหล่านี้สามารถเรียกว่าเป็นประสาทสัมผัสโดยต่างหากได้เพียงไม่กี่อย่าง เพราะว่า ประเด็นว่า อะไรเรียกว่า ประสาทสัมผัส (sense) ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ทำให้ยากที่จะนิยามความหมายของคำว่า ประสาทสัมผัส อย่างแม่นยำ สัตว์ต่าง ๆ มีตัวรับความรู้สึกเพื่อที่จะสัมผัสโลกรอบ ๆ ตัว มีระดับความสามารถที่ต่าง ๆ กันไปแล้วแต่สปีชีส์ เมื่อเทียบกันแล้ว มนุษย์มีประสาทสัมผัสทางจมูกที่ไม่ดี และสัตว์เหล่าอื่นก็อาจจะไม่มีประสาทสัมผัส 5 ทางที่กล่าวถึงไปแล้วอย่างใดอย่างหนึ่ง สัตว์บางอย่างอาจจะรับข้อมูลเกี่ยวกับตัวกระตุ้นและแปลผลข้อมูลเหล่านั้นต่างไปจากมนุษย์ และสัตว์บางชนิดก็สามารถสัมผัสโลกโดยวิธีที่มนุษย์ไม่สามารถ เช่นมีสัตว์บางชนิดสามารถสัมผัสสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก สามารถสัมผัสแรงดันน้ำและกระแสน้ำ นิยาม คำนิยามแบบกว้าง ๆ ของประสาทสัมผัสที่เป็นที่ยอมรับก็คือ "ระบบที่ประกอบด้วยเซลล์รับความรู้สึกประเภทต่าง ๆ แต่ละอย่างทำการตอบสนองต่อปรากฏการณ์ทางกายภาพเฉพาะอย่าง และเขตในสมองที่รับและแปลสัญญาณของปรากฏการณ์ทางกายภาพนั้น" ไม่มีการตกลงที่ชัดเจนว่า มีประสาทสัมผัสกี่ทาง เนื่องจากมีนิยามต่าง ๆ กันว่า อะไรเรียกว่าประสาทสัมผัส สัตว์อื่นนอกจากมนุษย์อาจจะมีประสาทสัมผัสอื่น ๆ ที่มนุษย์ไม่มี ...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การมอบรางวัลศิลปินแห่งชาติจัดขึ้นปีละกี่ครั้ง ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ศิลปินแห่งชาติ Article: ศิลปินแห่งชาติ ของประเทศไทย หมายถึงศิลปินผู้มีความสามารถ มีผลงานสร้างสรรค์และพัฒนาเป็นที่ยอมรับของวงการ และมีผลงานเป็นประโยชน์ต่อสังคม ศิลปินแห่งชาติ นับเป็นทรัพยากรบุคคลสำคัญทางด้านศิลปะ ที่ได้สืบสานงานศิลปะของชาติจากอดีตถึงปัจจุบันและดำรงสืบไปในอนาคต นับตั้งแต่เริ่มโครงการศิลปินแห่งชาติ (พ.ศ. 2528) ถึงสิ้นปี พ.ศ. 2560 มีการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติรวมแล้ว 295 ท่าน เสียชีวิตแล้ว 128 ท่าน และมีชีวิตอยู่ 167 ท่าน[1] ประวัติ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้เริ่มจัดทำโครงการศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2527 เพื่อสรรหา เชิดชูเกียรติ ส่งเสริมสนับสนุน และช่วยเหลือศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีคุณค่าของแผ่นดินไทย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติจากผลงาน มีการประกาศรางวัลศิลปินแห่งชาติ ครั้งแรก พ.ศ. 2528 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น "วันศิลปินแห่งชาติ" คุณสมบัติและหลักเกณฑ์การคัดเลือก คุณสมบัติของศิลปินแห่งชาติ ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่อการพิจารณาเชิดชูเกียรติบุคคลด้านศิลปะ 7 ประการ ได้แก่[2] เป็นผู้ที่มีสัญชาติไทยและยังมีชีวิตอยู่ในวันตัดสินเลือก เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานดีเด่น เป็นที่ยอมรับของวงการศิลปินแขนงนั้น เป็นผู้สร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะแขนงนั้นจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้เผยแพร่ศิลปะแขนงนั้นต่อไปในอนาคต เป็นผู้ผดุงและถ่ายทอดศิลปะแขนงนั้น เป็นผู้ปฏิบัติงานศิลปะแขนงนั้นอยู่ในปัจจุบัน อันสัมพันธ์กับหลักเกณฑ์ในประการก่อนหน้า เป็นผู้มีคุณธรรมและมีความรักในวิชาชีพของตน และประวัติชื่อเสียงที่ไม่เหมาะสมที่ไม่คู่ควรจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ และบุคคลผู้ที่ได้รับคัดเลือกควรประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งต่อประชาชนและเยาวชน รวมไปถึงจะไม่กระทำความผิดอันอาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้มอบรางวัลให้ไว้เพื่อเชิดชูเกียรติ เป็นผู้มีผลงานที่ยังประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติ หลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นคุณสมบัติที่ศิลปินแห่งชาติพึงระลึกและปฏิบัติ ไว้เสมอว่า ท่านข้อหนึ่งข้อใดตามหลักเกณฑ์ จนได้รับคัดเลือก หลักของความดี ความงาม ความถูกต้อง ซึ่งจะแสดงออกมาโดยการกระทำ ทางกาย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การมีกรดยูริกในเลือดสูงอาจทำให้เกิดโรคอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ภาวะกรดยูริกเกินในเลือด Article: ภาวะกรดยูริกเกินในเลือด[1] (English: Hyperuricemia) เป็นภาวะที่กรดยูริกสูงเกินในเลือด ในระดับ pH ปกติของน้ำในร่างกาย กรดยูริกโดยมากจะอยู่ในรูปแบบของยูเรตซึ่งเป็นไอออน[2][3] ปริมาณของยูเรตในร่างกายจะขึ้นอยู่กับความสมดุลระหว่างปริมาณพิวรีนที่ได้จากอาหาร ปริมาณยูเรตที่สังเคราะห์ภายในร่างกาย (เช่น ในการผันเวียนของเซลล์) และปริมาณของยูเรตที่ถ่ายออกทางปัสสาวะหรือผ่านทางเดินอาหาร[3] ในมนุษย์ พิสัยด้านสูงปกติอยู่ที่ 360µmol/L (6mg/dL) สำหรับหญิงและ 400µmol/L (6.8mg/dL) สำหรับชาย[4] เหตุ ปัจจัยต่าง ๆ มีผลต่อภาวะกรดยูริกเกินในเลือด รวมทั้งกรรมพันธุ์ ความดื้ออินซูลิน ภาวะเหล็กเกิน ความดันโลหิตสูง โรคไทรอยด์ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน ไตวาย โรคอ้วน อาหาร การใช้ยาขับปัสสาวะ (เช่น thiazide, loop diuretic) และการบริโภคแอลกอฮอล์มากเกิน[5] ในบรรดาปัจจัยเหล่านี้ การบริโภคแอลกอฮอล์จะสำคัญที่สุด[6] เหตุของภาวะสามารถจัดเป็น 3 กลุ่ม คือ[7] การผลิตกรดยูริกเพิ่ม การถ่ายกรดยูริกออกน้อยลง และแบบผสม เหตุของการผลิตเพิ่มรวมทั้งการได้พิวรีนจากอาหารสูงและการเพิ่มเมแทบอลิซึมของพิวรีน เหตุของการถ่ายกรดออกน้อยลงรวมทั้งโรคไต ยาบางชนิดและโมเลกุลอื่น ๆ ที่แย่งกันในการขับถ่าย เหตุผสมรวมทั้งการทานแอลกอฮอล์หรือฟรักโทสมาก และการขาดอาหาร การผลิตกรดยูริกเพิ่ม แม้อาหารที่สมบูรณ์ด้วยพิวรีนจะเป็นเหตุสามัญ แต่ก็ยังเป็นเหตุรอง เพราะอาหารเพียงอย่างเดียวไม่พอเป็นเหตุให้กรดยูริกเกินในเลือด ปริมาณพิวรีนในอาหารจะต่าง ๆ กัน และอาหารที่สูงไปด้วยพิวรีนแบบ adenine และ hypoxanthine ก็อาจทำภาวะกรดยูริกเกินในเลือดให้แย่ลงได้มากกว่า[8] กรดยูริกในเลือดสูงแบบนี้ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่สามัญของการปลูกถ่ายอวัยวะ[9] นอกจากความต่าง ๆ กันที่เป็นปกติเนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม กลุ่มอาการอาการเนื้องอกสลาย (Tumor lysis syndrome) จะทำให้กรดยูริกสูงมากจนกระทั่งไตอาจวาย กลุ่มอาการ Lesch-Nyhan syndrome ก็ยังสัมพันธ์กับกรดยูริกในระดับสูงมากด้วย การขับถ่ายกรดยูริกลดลง ยาหลัก ๆ ที่มีบทบาทให้เกิดกรดยูริกเกินในเลือดโดยลดการขับถ่าย ก็คือยากลุ่ม antiuricosuric (เป็นยาเพิ่มกรดยูริกในเลือดและลดกรดยูริกในปัสสาวะ) ยาและสารกัมมันต์อื่น ๆ รวมทั้งยาขับปัสสาวะ, salicylate, pyrazinamide, ethambutol, กรดนิโคตินิก, ciclosporin, 2-ethylamino-1,3,4-thiadiazole, และสารกัมมันต์ที่เป็นพิษต่อเซลล์...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การยึดกรุงไซ่ง่อน ใครเป็นฝ่ายชนะ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: สงครามเวียดนาม Article: สงครามเวียดนาม หรือ สงครามอินโดจีนครั้งที่สอง หรือที่ชาวเวียดนามรู้จักกันในชื่อ สงครามอเมริกา เป็นสงครามตัวแทนสมัยสงครามเย็นที่เกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ลาวและกัมพูชาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2498[A 1] กระทั่งกรุงไซ่ง่อนแตกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2518 สงครามเวียดนามนี้เกิดขึ้นหลังสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง และมีเวียดนามเหนือซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีน สหภาพโซเวียตและพันธมิตรคอมมิวนิสต์อื่นเป็นคู่สงครามฝ่ายหนึ่ง กับรัฐบาลเวียดนามใต้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและประเทศที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์อื่นเป็นคู่สงครามอีกฝ่ายหนึ่ง[5] เวียดกง (หรือ แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ) เป็นแนวร่วมประชาชนคอมมิวนิสต์เวียดนามใต้ที่ติดอาวุธเบาซึ่งมีเวียดนามเหนือสั่งการ สู้รบในสงครามกองโจรต่อกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค กองทัพประชาชนเวียดนาม (กองทัพเวียดนามเหนือ) ต่อสู้ในสงครามตามแบบมากกว่า และบางครั้งส่งหน่วยขนาดใหญ่เข้าสู่ยุทธการ เมื่อสงครามดำเนินไป ส่วนการต่อสู้ของเวียดกงลดลงขณะที่บทบาทของกองทัพประชาชนเวียดนามเพิ่มขึ้น กำลังสหรัฐและเวียดนามใต้อาศัยความเป็นเจ้าเวหาและอำนาจการยิงที่เหนือกว่าเพื่อดำเนินปฏิบัติการค้นหาและทำลาย ซึ่งรวมถึงกำลังภาคพื้นดิน ปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ ตลอดห้วงสงคราม สหรัฐดำเนินการทัพทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ขนานใหญ่ต่อเวียดนามเหนือ และต่อมาน่านฟ้าเวียดนามเหนือกลายเป็นน่านฟ้าที่มีการป้องกันหนาแน่นที่สุดในโลก รัฐบาลสหรัฐมองว่าการเข้ามามีส่วนในสงครามของตนเป็นหนทางป้องกันการยึดเวียดนามใต้ของคอมมิวนิสต์อันเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การจำกัดการขยายตัวของลัทธิที่ไม่พึงปรารถนาที่ใหญ่กว่า โดยมีเป้าหมายที่แถลงไว้เพื่อหยุดการแพร่ของคอมมิวนิสต์ ตามทฤษฎีโดมิโนของสหรัฐ หากรัฐหนึ่งกลายเป็นคอมมิวนิสต์ รัฐอื่นในภูมิภาคก็จะเป็นไปด้วย ฉะนั้น นโยบายของสหรัฐจึงถือว่าการผ่อนปรนการแพร่ของคอมมิวนิสต์ทั่วประเทศเวียดนามนั้นยอมรับไม่ได้ รัฐบาลเวียดนามเหนือและเวียดกงต่อสู้เพื่อรวมเวียดนามอยู่ในการปกครองคอมมิวนิสต์ ทั้งสองมองข้อพิพาทนี้เป็นสงครามอาณานิคม ซึ่งเริ่มแรกสู้กับฝรั่งเศส โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ แล้วต่อมาสู้กับเวียดนามใต้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นรัฐหุ่นเชิดของสหรัฐ[6] ที่ปรึกษาทางทหารชาวอเมริกันมาถึงอินโดจีนขณะนั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2493 การเข้ามามีส่วนของสหรัฐเพิ่มขึ้นในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 โดยมีระดับทหารเพิ่มเป็นสามเท่าในปี 2494...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การย้ายเมืองหลวงจากฝั่งกรุงธนบุรี มายังกรุงเทพมหานครเกิดขึ้นปีใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์) Article: ราชอาณาจักรรัตนโกสินทร์ เป็นราชอาณาจักรที่สี่ในยุคประวัติศาสตร์ของไทย เริ่มตั้งแต่การย้ายเมืองหลวงจากฝั่งกรุงธนบุรี มายังกรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ครึ่งแรกของสมัยนี้เป็นการเพิ่มพูนอำนาจของอาณาจักร ถูกขัดจังหวะด้วยความขัดแย้งเป็นระยะกับพม่า เวียดนามและลาว ส่วนครึ่งหลังนั้นเป็นการเผชิญกับประเทศเจ้าอาณานิคม อังกฤษและฝรั่งเศส จนทำให้ไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่ตกเป็นอาณานิคมของตะวันตก ผลกระทบจากภัยคุกคามนั้น นำให้อาณาจักรพัฒนาไปสู่รัฐชาติสมัยใหม่ที่รวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง โดยมีพรมแดนที่กำหนดร่วมกับชาติตะวันตก สมัยนี้มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ ด้วยการเพิ่มการค้ากับต่างประเทศ การเลิกทาส และการขยายการศึกษาแก่ชนชั้นกลางที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีการปฏิรูปทางการเมืองอย่างแท้จริงกระทั่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชถูกแทนที่ด้วยระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ในการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ชื่อ "รัตนโกสินทร์" ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน แต่บทความนี้จะกล่าวถึงเหตุการณ์จนถึง พ.ศ. 2475 เท่านั้น การก่อตั้ง รัชกาลที่ 1 ทรงฟื้นฟูระบบสังคมและการเมืองของราชอาณาจักรอยุธยา ทรงออกกฎหมายตราสามดวงประมวลกฎหมายใหม่ทรงฟื้นฟูพิธีในราชสำนัก และทรงบัญญัติวินัยสงฆ์ การปกครองแบ่งเป็นหกกรม โดยในจำนวนนี้สี่กรมมีหน้าทีปกครองดินแดนโดยเฉพาะ กรมกลาโหมปกครองทางใต้ กรมมหาดไทยปกครองทางเหนือและตะวันออก กรมพระคลังปกครองดินแดนที่อยู่ทางใต้ของพระนคร และกรมเมืองปกครองพื้นที่รอบกรุงเทพมหานคร ส่วนอีกสองกรมนั้นคือ กรมนาและกรมวัง กองทัพอยู่ภายใต้การควบคุมของอุปราชซึ่งเป็นพระอนุชาในพระมหากษัตริย์ พม่าซึ่งเห็นความวุ่นวาย ประกอบกับการโค่นล้มสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รุกรานสยามอีกใน พ.ศ. 2328 ฝ่ายสยามแบ่งกำลังออกเป็นทางตะวันตกได้บดขยี้ทัพพม่าใกล้จังหวัดกาญจนบุรี นี่เป็นการรุกรานสยามใหญ่ครั้งสุดท้ายของพม่า พ.ศ. 2345 พม่าถูกขับออกจากล้านนา พ.ศ. 2335 สยามยึดครองหลวงพระบาง และนำดินแดนลาวส่วนใหญ่มาอยู่ใต้การปกครองโดยอ้อมของสยาม กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของสยามอย่างเต็มที่ และกระทั่งสวรรคตใน พ.ศ. 2352...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การย้ำคิดทางเพศรวมทั้งความคิดแทรกซอนหรือจินตภาพเพื่อ "จูบ จับ ลูบไล้เคล้าคลึงเป็นความคิดทางเพศใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ความคิดแทรกซอน Article: ความคิดแทรกซอน (English: Intrusive thought) เป็นความคิดแบบไม่ได้ตั้งใจและไม่พึงประสงค์ เป็นความคิดที่ไม่น่าพอใจซึ่งอาจกลายเป็นเรื่องย้ำคิด ทำให้ว้าวุ่นหรือทุกข์ใจ และรู้สึกว่าจัดการหรือหยุดได้ยาก[1] เมื่อความคิดสัมพันธ์กับโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) โรคซึมเศร้า (MDD) โรคคิดว่าตนเองมีรูปร่างหรืออวัยวะผิดปกติ (BDD) และบางครั้ง โรคสมาธิสั้น (ADHD) ก็อาจทำให้ทำอะไรไม่ได้ วิตกกังวล หรืออาจคงยืน ความคิดอาจสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งความจำอาศัยเหตุการณ์, ความวิตกกังวลหรือความจำที่ไม่ต้องการเพราะ OCD[2], ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD), โรควิตกกังวลอื่น ๆ, โรคเกี่ยวกับการรับประทาน (eating disorder), หรือโรคจิต (psychosis)[3] อาการต่าง ๆ รวมทั้งความคิด แรงกระตุ้นให้ทำ และจินตภาพแทรกซอน จะเป็นไปในเรื่องที่ไม่เหมาะสม เกิดในเวลาที่ไม่เหมาะสม และทั่วไปจะเป็นไปในทางก้าวร้าว เกี่ยวกับทางเพศ หรือดูหมิ่นศาสนา[4] ลักษณะ คนจำนวนมากประสบกับความคิดไม่ดีหรือที่ไม่พึงประสงค์ คล้ายกับความคิดแทรกซอนที่สร้างปัญหา แต่โดยมากสามารถเลิกคิดได้[1] คือ สำหรับคนโดยมาก ความคิดเช่นนี้ เป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญประเดี๋ยวเดียว[5] นักจิตวิทยาชาวแคนาดาคนหนึ่ง (Stanley Rachman) ใช้แบบสอบถามกับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ปกติแล้วพบว่า เกือบทุกคนกล่าวว่า คิดเช่นนี้เป็นครั้งคราว รวมทั้งความคิดเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศ, การลงโทษทางเพศ, กิจกรรมทางเพศ "ที่ไม่เป็นธรรมชาติ", ปฏิบัติการทางเพศที่ทำให้เจ็บปวด, จินตภาพที่ดูหมิ่นศาสนาหรือลามก, ความคิดทำร้ายคนแก่หรือบุคคลใกล้ ๆ ตัว, ความรุนแรงต่อสัตว์หรือเด็ก ๆ, และการระเบิดพูดคำหยาบคายหรือคำมุทะลุ[6] ความคิดไม่ดีเช่นนี้เป็นเรื่องทั่วไปในมนุษย์ และ "แทบแน่นอนว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์มาตลอดกาล"[7] แต่เมื่อความคิดแทรกซอนเกิดร่วมกับโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) คนไข้สามารถไม่สนใจในความคิดที่ไม่น่าพอใจน้อยกว่า และอาจสนใจพวกมันอย่างไม่ควร เป็นเหตุให้เกิดความคิดบ่อยขึ้นและทำให้ทุกข์มากขึ้น[1] ความคิดอาจจะเกิดย้ำ ๆ เป็นเหตุให้ทำอะไรไม่ได้ เกิดรุนแรง และมีอยู่ตลอด โดยอาจเป็นความคิดเกี่ยวกับความรุนแรงหรือทางเพศ จนถึงความดูหมิ่นศาสนา[5] สิ่งที่ไม่เหมือนกับคนปกติก็คือ ความคิดแทรกซอนพร้อมกับ OCD จะสร้างความวิตกกังวล ระงับไม่ได้ และคงยืน[8] การตอบสนองอาจเป็นตัวกำหนดว่าเมื่อไรความคิดจะกลายเป็นเรื่องรุนแรง เกิดย้ำ ๆ...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรณรงค์งดสูบบุหรี่ในนาซีเยอรมนียังรวมไปถึง การห้ามสูบบุหรี่ในรถราง รถโดยสารประจำทางและรถไฟประจำเมืองใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรณรงค์งดสูบบุหรี่ในนาซีเยอรมนี Article: การรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ในนาซีเยอรมนี นับว่าเป็นการรณรงค์งดสูบบุหรี่ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 จนถึงช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1940[1] นาซีเยอรมนีเป็นชาติแรก ๆ ที่มีการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่[2][3] การรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ได้เจริญขึ้นอย่างมากในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20[4][5] แต่ว่าประสบความสำเร็จน้อยมาก ยกเว้นในนาซีเยอรมนีซึ่งได้มีการรณรงค์อย่างแข็งขันที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคนาซี[4] ผู้นำชาติสังคมนิยมได้คัดค้านการสูบบุหรี่[6] และวิพากษ์วิจารณ์ผลกระทบจากการสูบบุหรี่อย่างเปิดเผย[1] การวิจัยถึงบุหรี่และผลของการสูบบุหรี่ได้รับการสนับสนุนในยุคสมัยของพรรคนาซี[7] และกลายเป็นงานวิจัยที่มีความสำคัญมากในสมัยนั้น[8] ส่วนตัวของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์เองแล้ว เขาเป็นคนเกลียดบุหรี่[9] และมีนโยบายในการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ และนโยบายดังกล่าวต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากลัทธิต่อต้านยิวและคตินิยมเชื้อชาติ[10] การรณรงค์งดสูบบุหรี่ในนาซีเยอรมนียังรวมไปถึง การห้ามสูบบุหรี่ในรถราง รถโดยสารประจำทางและรถไฟประจำเมือง[1] การสนับสนุนวิชาสุขศึกษา[11] การกำหนดการปันส่วนบุหรี่ในกองทัพบก การจัดการบรรยายเรื่องยาให้แก่ทหาร และการเพิ่มภาษีบุหรี่[1] พวกชาติสังคมนิยมยังกำหนดให้มีการจำกัดการโฆษณาบุหรี่และการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ รวมไปถึงการวางระเบียบร้านอาหารและบ้านกาแฟ[1] การรณรงค์งดสูบบุหรี่ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนักในช่วงต้นของยุคนาซี และปริมาณการบริโภคบุหรี่ก็เพิ่มมากขึ้นในช่วง ค.ศ. 1933 ถึง ค.ศ. 1939[12] แต่การสูบบุหรี่โดยทหารลดลงในช่วงปี ค.ศ. 1939 ถึงปี ค.ศ. 1945[13] จนกระทั่งถึงตอนปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 20 การรณรงค์งดสูบบุหรี่ในเยอรมนีหลังสงครามก็ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่ากับการรณรงค์ของนาซี อารัมภกถา ความรู้สึกในการต่อต้านบุหรี่เริ่มเกิดขึ้นในประเทศเยอรมนีในช่วงตอนต้นของคริสต์ทศวรรษ 1900 กลุ่มผู้วิจารณ์การสูบบุหรี่ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มต่อต้านบุหรี่แห่งแรกของประเทศ ชื่อว่า "สมาคมผู้ต่อต้านการสูบบุหรี่เพื่อปกป้องผู้ไม่สูบบุหรี่แห่งเยอรมนี" (German: Deutscher Tabakgegnerverein zum Schutze der Nichtraucher) ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1904 แต่ได้มีการดำเนินการเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น องค์การต่อต้านบุหรี่ถัดมา คือ สหพันธ์ผู้ต่อต้านบุหรี่ชาวเยอรมัน (German: Bund Deutscher...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ได้เจริญขึ้นอย่างมากในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ เท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ Article: อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (German: Adolf Hitler) เป็นนักการเมืองเยอรมันเชื้อชาติออสเตรีย หัวหน้าพรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมันหรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ พรรคนาซี ฮิตเลอร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระหว่าง ค.ศ. 1933–1945 และเป็นฟือเรอร์ของเยอรมนี ตั้งแต่ ค.ศ. 1934–1945 ฮิตเลอร์เป็นผู้นำสูงสุดของไรช์เยอรมัน ผู้จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป และเป็นผู้เห็นชอบการฮอโลคอสต์ ฮิตเลอร์เป็นทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่หนึ่งผู้ได้รับเหรียญกางเขนเหล็ก ต่อมา ฮิตเลอร์ได้เข้าร่วมพรรคกรรมกรเยอรมันใน ค.ศ. 1919 ซึ่งเป็นพรรคการเมืองก่อนหน้าพรรคนาซี ก่อนจะได้เป็นหัวหน้าพรรคนาซีใน ค.ศ. 1921 เขาพยายามก่อรัฐประหารซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ กบฏโรงเบียร์ ในเมืองมิวนิก เมื่อวันที่ 8–9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1923 แต่ล้มเหลว ฮิตเลอร์ถูกจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งในระหว่างนั้นเองที่เขาเขียนบันทึกความทรงจำ ไมน์คัมพฟ์ ("การต่อสู้ของข้าพเจ้า") หลังได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1924 เขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนโดยการโจมตีสนธิสัญญาแวร์ซาย และการเสนออุดมการณ์รวมกลุ่มเยอรมัน การต่อต้านยิว และการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ด้วยวาทศิลป์อันมีเสน่ห์ดึงดูดและการโฆษณาชวนเชื่อนาซี หลังได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1933 เขาเปลี่ยนสาธารณรัฐไวมาร์เป็นไรช์ที่สาม รัฐเผด็จการพรรคการเมืองเดียว ภายใต้อุดมการณ์นาซีอันมีลักษณะเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและอัตตาธิปไตย เป้าหมายของเขาคือ ระเบียบโลกใหม่ ที่ให้นาซีเยอรมนีครอบงำยุโรปภาคพื้นทวีปอย่างสมบูรณ์ นโยบายต่างประเทศและในประเทศของฮิตเลอร์มีความมุ่งหมายเพื่อยึดเลเบินส์เราม์ ("พื้นที่อยู่อาศัย") เป็นของชาวเยอรมัน เขานำการสร้างเสริมกำลังอาวุธขึ้นใหม่และการบุกครองโปแลนด์ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 อันนำไปสู่การปะทุของสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป[1] ภายในสามปีใต้การนำของฮิตเลอร์ กองทัพเยอรมันและพันธมิตรในยุโรปยึดครองดินแดนยุโรปและแอฟริกาเหนือส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ค่อยพลิกผันหลัง ค.ศ. 1941 กระทั่งกองทัพสัมพันธมิตรเอาชนะกองทัพเยอรมันใน ค.ศ. 1945 นโยบายความสูงสุดและที่กระตุ้นด้วยการถือชาติพันธุ์ของฮิตเลอร์ลงเอยด้วยการฆาตกรรมผู้คนนับ 17 ล้านคนอย่างเป็นระบบ[2] ในจำนวนนี้เป็นชาวยิวเกือบหกล้านคน ปลายสงคราม ระหว่างยุทธการเบอร์ลินใน ค.ศ. 1945 ฮิตเลอร์แต่งงานกับเอฟา เบราน์...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ในนาซีเยอรมนีนำโดยใคร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรณรงค์งดสูบบุหรี่ในนาซีเยอรมนี Article: การรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ในนาซีเยอรมนี นับว่าเป็นการรณรงค์งดสูบบุหรี่ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 จนถึงช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1940[1] นาซีเยอรมนีเป็นชาติแรก ๆ ที่มีการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่[2][3] การรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ได้เจริญขึ้นอย่างมากในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20[4][5] แต่ว่าประสบความสำเร็จน้อยมาก ยกเว้นในนาซีเยอรมนีซึ่งได้มีการรณรงค์อย่างแข็งขันที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคนาซี[4] ผู้นำชาติสังคมนิยมได้คัดค้านการสูบบุหรี่[6] และวิพากษ์วิจารณ์ผลกระทบจากการสูบบุหรี่อย่างเปิดเผย[1] การวิจัยถึงบุหรี่และผลของการสูบบุหรี่ได้รับการสนับสนุนในยุคสมัยของพรรคนาซี[7] และกลายเป็นงานวิจัยที่มีความสำคัญมากในสมัยนั้น[8] ส่วนตัวของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์เองแล้ว เขาเป็นคนเกลียดบุหรี่[9] และมีนโยบายในการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ และนโยบายดังกล่าวต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากลัทธิต่อต้านยิวและคตินิยมเชื้อชาติ[10] การรณรงค์งดสูบบุหรี่ในนาซีเยอรมนียังรวมไปถึง การห้ามสูบบุหรี่ในรถราง รถโดยสารประจำทางและรถไฟประจำเมือง[1] การสนับสนุนวิชาสุขศึกษา[11] การกำหนดการปันส่วนบุหรี่ในกองทัพบก การจัดการบรรยายเรื่องยาให้แก่ทหาร และการเพิ่มภาษีบุหรี่[1] พวกชาติสังคมนิยมยังกำหนดให้มีการจำกัดการโฆษณาบุหรี่และการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ รวมไปถึงการวางระเบียบร้านอาหารและบ้านกาแฟ[1] การรณรงค์งดสูบบุหรี่ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนักในช่วงต้นของยุคนาซี และปริมาณการบริโภคบุหรี่ก็เพิ่มมากขึ้นในช่วง ค.ศ. 1933 ถึง ค.ศ. 1939[12] แต่การสูบบุหรี่โดยทหารลดลงในช่วงปี ค.ศ. 1939 ถึงปี ค.ศ. 1945[13] จนกระทั่งถึงตอนปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 20 การรณรงค์งดสูบบุหรี่ในเยอรมนีหลังสงครามก็ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่ากับการรณรงค์ของนาซี อารัมภกถา ความรู้สึกในการต่อต้านบุหรี่เริ่มเกิดขึ้นในประเทศเยอรมนีในช่วงตอนต้นของคริสต์ทศวรรษ 1900 กลุ่มผู้วิจารณ์การสูบบุหรี่ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มต่อต้านบุหรี่แห่งแรกของประเทศ ชื่อว่า "สมาคมผู้ต่อต้านการสูบบุหรี่เพื่อปกป้องผู้ไม่สูบบุหรี่แห่งเยอรมนี" (German: Deutscher Tabakgegnerverein zum Schutze der Nichtraucher) ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1904 แต่ได้มีการดำเนินการเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น องค์การต่อต้านบุหรี่ถัดมา คือ สหพันธ์ผู้ต่อต้านบุหรี่ชาวเยอรมัน (German: Bund Deutscher...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรวมราชบัลลังก์ครั้งแรกเกิดขึ้นในสมัยใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรวมราชบัลลังก์ Article: การรวมราชบัลลังก์ (English: Union of the Crowns; Scottish Gaelic: Aonadh nan Crùintean; Scots: Union o the Crouns) คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2146 เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ เสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ และรวมการปกครองแผ่นดินของทั้งสามราชอาณาจักรไว้ภายใต้พระมหากษัตริย์พระองค์เดียว ภายหลังจากที่พระญาติของพระเจ้าเจมส์ พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ทิวดอร์[1]) เสด็จสวรรคตโดยปราศจากรัชทายาท การรวมราชบัลลังก์ทำให้เกิดการรวมราชวงศ์และรัฐร่วมประมุขขึ้นใหม่ โดยราชบัลลังก์แห่งสกอตแลนด์ยังคงแยกต่างหากออกมาจากราชบัลลังก์แห่งอังกฤษ แม้ว่าพระเจ้าเจมส์จะทรงพยายามอย่างมากในการสถาปนา ราชบัลลังก์แห่งบริเตนใหญ่ ขึ้นมาใหม่ก็ตาม ทำให้อังกฤษและสกอตแลนด์ยังคงดำรงสถานะเป็นรัฐอธิปไตยต่อไป รวมทั้งมีพระประมุขร่วมกับราชอาณาจักรไอร์แลนด์ (ทั้งสามอาณาจักรมีสมัยไร้กษัตริย์ร่วมกันระหว่างปี พ.ศ. 2192 - 2203 หรือในสมัยเครือจักรภพแห่งอังกฤษและสมัยรัฐในอารักขา) ไปจนกระทั่งการผ่านร่างพระราชบัญญัติสหภาพ พ.ศ. 2250 โดยรัฐสภาอังกฤษและรัฐสภาสกอตแลนด์ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระราชินีนาถแอนน์ พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์สจวต[2] ช่วงต้น ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2046 พระเจ้าเจมส์ที่ 4 แห่งสกอตแลนด์ อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ทิวดอร์ พระธิดาองค์โตในพระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ อันนับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ดังที่ปรากฏในบทกลอน เดอะทริสซิลแอนด์เดอะรอยซ์ โดยวิลเลียม ดันบาร์[3] การอภิเษกสมรสดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากสนธิสัญญาสันติสุขตลอดกาล พ.ศ. 2045 (Treaty of Perpetual Peace (1502)) ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วเป็นเครื่องมือยุติความขัดแย้งระหว่างอังกฤษและสกอตแลนด์ที่ดำเนินมานามร่วมศตวรรษ ทั้งยังรวมลำดับการสืบราชสมบัติสายราชวงศ์สจวตเข้ากับสายราชวงศ์ทิวดอร์แห่งอังกฤษ แม้ว่าในขณะนั้นการเสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งอังกฤษโดยเจ้าชายสกอตแลนด์แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ขุนนางฝ่ายอังกฤษจำนวนมากต่างวิตกกังวลถึงผลที่ตามมาจากการรวมราชวงศ์ผ่านการเสกสมรสในครั้งนี้ รวมถึงสมาชิกสภาองคมนตรีแห่งอังกฤษบางคนด้วยเช่นกัน และเพื่อเป็นการตอบโต้ความหวาดระแวงนี้ พระเจ้าเฮนรีที่ 7 จึงมีพระราชดำรัสตอบอันโด่งดังว่า “อาณาจักรของเราจะมิได้รับภยันตรายใด เนื่องจากในการนี้...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรวมราชบัลลังก์ทำห้เกิดความแตกแยกในประเทศใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรวมราชบัลลังก์ Article: การรวมราชบัลลังก์ (English: Union of the Crowns; Scottish Gaelic: Aonadh nan Crùintean; Scots: Union o the Crouns) คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2146 เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ เสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ และรวมการปกครองแผ่นดินของทั้งสามราชอาณาจักรไว้ภายใต้พระมหากษัตริย์พระองค์เดียว ภายหลังจากที่พระญาติของพระเจ้าเจมส์ พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ทิวดอร์[1]) เสด็จสวรรคตโดยปราศจากรัชทายาท การรวมราชบัลลังก์ทำให้เกิดการรวมราชวงศ์และรัฐร่วมประมุขขึ้นใหม่ โดยราชบัลลังก์แห่งสกอตแลนด์ยังคงแยกต่างหากออกมาจากราชบัลลังก์แห่งอังกฤษ แม้ว่าพระเจ้าเจมส์จะทรงพยายามอย่างมากในการสถาปนา ราชบัลลังก์แห่งบริเตนใหญ่ ขึ้นมาใหม่ก็ตาม ทำให้อังกฤษและสกอตแลนด์ยังคงดำรงสถานะเป็นรัฐอธิปไตยต่อไป รวมทั้งมีพระประมุขร่วมกับราชอาณาจักรไอร์แลนด์ (ทั้งสามอาณาจักรมีสมัยไร้กษัตริย์ร่วมกันระหว่างปี พ.ศ. 2192 - 2203 หรือในสมัยเครือจักรภพแห่งอังกฤษและสมัยรัฐในอารักขา) ไปจนกระทั่งการผ่านร่างพระราชบัญญัติสหภาพ พ.ศ. 2250 โดยรัฐสภาอังกฤษและรัฐสภาสกอตแลนด์ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระราชินีนาถแอนน์ พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์สจวต[2] ช่วงต้น ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2046 พระเจ้าเจมส์ที่ 4 แห่งสกอตแลนด์ อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ทิวดอร์ พระธิดาองค์โตในพระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ อันนับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ดังที่ปรากฏในบทกลอน เดอะทริสซิลแอนด์เดอะรอยซ์ โดยวิลเลียม ดันบาร์[3] การอภิเษกสมรสดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากสนธิสัญญาสันติสุขตลอดกาล พ.ศ. 2045 (Treaty of Perpetual Peace (1502)) ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วเป็นเครื่องมือยุติความขัดแย้งระหว่างอังกฤษและสกอตแลนด์ที่ดำเนินมานามร่วมศตวรรษ ทั้งยังรวมลำดับการสืบราชสมบัติสายราชวงศ์สจวตเข้ากับสายราชวงศ์ทิวดอร์แห่งอังกฤษ แม้ว่าในขณะนั้นการเสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งอังกฤษโดยเจ้าชายสกอตแลนด์แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ขุนนางฝ่ายอังกฤษจำนวนมากต่างวิตกกังวลถึงผลที่ตามมาจากการรวมราชวงศ์ผ่านการเสกสมรสในครั้งนี้ รวมถึงสมาชิกสภาองคมนตรีแห่งอังกฤษบางคนด้วยเช่นกัน และเพื่อเป็นการตอบโต้ความหวาดระแวงนี้ พระเจ้าเฮนรีที่ 7 จึงมีพระราชดำรัสตอบอันโด่งดังว่า “อาณาจักรของเราจะมิได้รับภยันตรายใด เนื่องจากในการนี้...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรวมราชบัลลังก์ทำให้กษัตริย์มีอำนาจมากใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การเลิกล้มราชาธิปไตย Article: ในประวัติศาสตร์โลก มี<b data-parsoid='{"dsr":[44,84,3,3]}'>การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลายประเทศทั่วโลก สาเหตุการล่มสลายของราชวงศ์อาจเป็นผลมาจากการปฏิวัติ, การตั้งสาธารณรัฐ, การลงประชามติของประชาชน, การรัฐประหาร หรือจากสงคราม ปัจจุบัน ประเทศที่ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น เกาหลี, จักรวรรดิจีน และจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เป็นต้น บางประเทศ แม้จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไปแล้วแต่ก็ได้มีการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ เช่น สเปน, สหราชอาณาจักร และกัมพูชา ซึ่งประเทศเหล่านี้เคยมีประวัติศาสตร์ในช่วงที่ไร้กษัตริย์หรือช่วงสาธารณรัฐ จนมีการฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ในภายหลัง และพระมหากษัตริย์ก็ทรงกลับมาเป็นประมุขแห่งรัฐเช่นเดิมมาจนถึงปัจจุบัน บางประเทศถึงมีการฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ก็ถูกล้มล้างอีก ทำให้การฟื้นฟูไม่เป็นผลสำเร็จ เช่น กรีซและฝรั่งเศส เป็นต้น พระบรมวงศานุวงศ์ที่เหลือรอดมาจากการล้มล้างก็ยังคงใช้คำนำหน้าพระนามเป็นพระอิสริยยศที่เคยดำรงอยู่ เช่น เจ้าหญิงเฮวอนแห่งเกาหลี ก็ยังคงใช้คำนำหน้าพระนามหรือพระอิสริยศว่า "จักรพรรดินีแห่งเกาหลี" ยังรอการหวนคืนสู่ราชบัลลังก์ และบางประเทศในปัจจุบันก็มีเสียงเรียกร้องให้ฟื้นฟูราชวงศ์ขึ้นมาใหม่ เช่นที่ สาธารณรัฐเกาหลี, สาธารณรัฐออสเตรีย และสาธารณรัฐฮังการี เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีการสิ้นสุดลงของพระราชวงศ์ที่ไม่ได้เกิดจากรัฐประหารหรือสาเหตุอื่น ๆ แต่เนื่องจากพระมหากษัตริย์ของประเทศนั้นไม่มีองค์รัชทายาทหรือผู้สืบทอดราชบัลลังก์ เช่น ซามัว ประวัติศาสตร์ ตัวอย่างของการล้มล้างพระราชวงศ์เช่น ในปี ค.ศ. 1649 พระราชวงศ์อังกฤษ โดยรัฐสภาแห่งอังกฤษภายใต้การนำของ โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ แต่ก็ได้มีการฟื้นฟูภายหลังในปี ค.ศ. 1660 อีกแห่งที่ฝรั่งเศส พระราชวงศ์ฝรั่งเศสถูกล้มล้างในปี ค.ศ. 1792 ในระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส และก็ได้มีการฟื้นฟูในภายหลังหลายครั้งแต่สุดท้ายฝรั่งเศสก็ได้กลายเป็นสาธารณรัฐ , ในปี ค.ศ. 1871 ราชวงศ์จีนอันเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานก็ถูกล้มล้างและพระจักรพรรดิก็ถูกถอดถอน ซึ่งพระจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีนก็คือ จักรพรรดิผู่อี๋ โดยการปฏิวัติของ ซุน ยัตเซ็น, สมเด็พระจักรพรรดิโกจงแห่งเกาหลี พระจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งจักรวรรดิเกาหลีก็สูญเสียราชบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1910 เมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลีและให้พระราชวงศ์ญี่ปุ่นดำรงเป็นพระประมุขแห่งเกาหลีสืบต่อแทน...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรวมราชบัลลังก์ทำให้เกิดการรวมราชวงศ์และรัฐร่วมประมุขขึ้นใหม่ใช่หรือไม่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรวมราชบัลลังก์ Article: การรวมราชบัลลังก์ (English: Union of the Crowns; Scottish Gaelic: Aonadh nan Crùintean; Scots: Union o the Crouns) คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2146 เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ เสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ และรวมการปกครองแผ่นดินของทั้งสามราชอาณาจักรไว้ภายใต้พระมหากษัตริย์พระองค์เดียว ภายหลังจากที่พระญาติของพระเจ้าเจมส์ พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ทิวดอร์[1]) เสด็จสวรรคตโดยปราศจากรัชทายาท การรวมราชบัลลังก์ทำให้เกิดการรวมราชวงศ์และรัฐร่วมประมุขขึ้นใหม่ โดยราชบัลลังก์แห่งสกอตแลนด์ยังคงแยกต่างหากออกมาจากราชบัลลังก์แห่งอังกฤษ แม้ว่าพระเจ้าเจมส์จะทรงพยายามอย่างมากในการสถาปนา ราชบัลลังก์แห่งบริเตนใหญ่ ขึ้นมาใหม่ก็ตาม ทำให้อังกฤษและสกอตแลนด์ยังคงดำรงสถานะเป็นรัฐอธิปไตยต่อไป รวมทั้งมีพระประมุขร่วมกับราชอาณาจักรไอร์แลนด์ (ทั้งสามอาณาจักรมีสมัยไร้กษัตริย์ร่วมกันระหว่างปี พ.ศ. 2192 - 2203 หรือในสมัยเครือจักรภพแห่งอังกฤษและสมัยรัฐในอารักขา) ไปจนกระทั่งการผ่านร่างพระราชบัญญัติสหภาพ พ.ศ. 2250 โดยรัฐสภาอังกฤษและรัฐสภาสกอตแลนด์ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระราชินีนาถแอนน์ พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์สจวต[2] ช่วงต้น ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2046 พระเจ้าเจมส์ที่ 4 แห่งสกอตแลนด์ อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ทิวดอร์ พระธิดาองค์โตในพระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ อันนับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ดังที่ปรากฏในบทกลอน เดอะทริสซิลแอนด์เดอะรอยซ์ โดยวิลเลียม ดันบาร์[3] การอภิเษกสมรสดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากสนธิสัญญาสันติสุขตลอดกาล พ.ศ. 2045 (Treaty of Perpetual Peace (1502)) ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วเป็นเครื่องมือยุติความขัดแย้งระหว่างอังกฤษและสกอตแลนด์ที่ดำเนินมานามร่วมศตวรรษ ทั้งยังรวมลำดับการสืบราชสมบัติสายราชวงศ์สจวตเข้ากับสายราชวงศ์ทิวดอร์แห่งอังกฤษ แม้ว่าในขณะนั้นการเสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งอังกฤษโดยเจ้าชายสกอตแลนด์แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ขุนนางฝ่ายอังกฤษจำนวนมากต่างวิตกกังวลถึงผลที่ตามมาจากการรวมราชวงศ์ผ่านการเสกสมรสในครั้งนี้ รวมถึงสมาชิกสภาองคมนตรีแห่งอังกฤษบางคนด้วยเช่นกัน และเพื่อเป็นการตอบโต้ความหวาดระแวงนี้ พระเจ้าเฮนรีที่ 7 จึงมีพระราชดำรัสตอบอันโด่งดังว่า “อาณาจักรของเราจะมิได้รับภยันตรายใด เนื่องจากในการนี้...
Yes
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การระบุความภูมิใจในตนโดยเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาเชื่อว่าเริ่มจากงานของ ใคร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ความภูมิใจแห่งตน Article: ในสังคมวิทยาและจิตวิทยา ความภูมิใจในตน หรือ ความภูมิใจแห่งตน[1] หรือ การเคารพตนเอง[2] หรือ การเห็นคุณค่าในตัวเอง (English: self-esteem) เป็นการประเมินคุณค่าตนเองโดยทั่วไปที่เป็นอัตวิสัยและอยู่ในใจ เป็นทั้งการตัดสินและทัศนคติต่อตนเอง ความภูมิใจในตนอาจรวมความเชื่อ (เช่น ฉันเก่ง ฉันมีคุณค่า) และอารมณ์ความรู้สึก เช่น การได้ชัยชนะ ความซึมเศร้า ความภูมิใจ และความอับอาย[3] หนังสือปี 2550 ให้คำนิยามว่า "ความภูมิใจในตนเป็นการประเมินในเชิงบวกหรือเชิงลบเกี่ยวกับตัวเอง คือ เรารู้สึกกับตัวเองอย่างไร"[4]:107 เป็นแนวคิดทางจิตวิทยา (psychological construct) ที่น่าสนใจเพราะว่านักวิจัยเชื่อว่ามันเป็นตัวพยากรณ์ที่ทรงอิทธิพลต่อผลบางอย่าง เช่น การเรียนเก่ง[5][6] ความสุข[7] ความพึงพอใจในชีวิตแต่งงานและในความสัมพันธ์กับผู้อื่น[8] และพฤติกรรมอาชญากรรม[8] ความภูมิใจอาจจะเป็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ (เช่น ฉันเชื่อว่าฉันเป็นนักเขียนที่ดีและมีความสุขเพราะเหตุนั้น) หรืออาจเป็นการประเมินรวม (เช่น ฉันเชื่อว่าฉันเป็นคนไม่ดี และรู้สึกไม่ดีกับตนเองโดยทั่วไป) นักจิตวิทยามักจะพิจารณาความภูมิใจในตนว่าเป็นลักษณะบุคลิกภาพที่คงยืน (คือเป็น trait) แม้ว่า สภาวะที่ชั่วคราวและเป็นเรื่องปกติ (คือเป็น state) ก็มีด้วยเหมือนกัน ไวพจน์ของคำภาษาอังกฤษว่า self-esteem รวมทั้ง self-worth (การเห็นคุณค่าของตน)[9] self-regard (การนับถือตน)[10] และ self-respect (ความเคารพในตน)[11] ประวัติ การระบุความภูมิใจในตนโดยเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาเชื่อว่าเริ่มจากงานของ นพ. วิลเลียม เจมส์[12] คือคุณหมอเจมส์ได้ระบุด้านต่าง ๆ ของอัตตา (self) โดยมีลำดับชั้นสองชั้น คือ กระบวนการรู้ (เรียกว่า 'I-self') และความรู้เกี่ยวกับตนที่เป็นผล (เรียกว่า 'Me-self' ) สังเกตการณ์และการเก็บข้อมูลของ I-self สร้างความรู้ 3 ประเภท ซึ่งรวมกันเป็น Me-self 3 ประเภทคือ ความรู้เรื่องตนทางกาย ตนทางสังคม และตนทางจิตวิญญาณ ตนทางสังคมเป็นสิ่งที่ใกล้ที่สุดกับความภูมิใจในตนเอง ซึ่งประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ ที่คนอื่นเห็น ส่วนตนทางกายเป็นตัวแทน (representation) ของร่างกายและทรัพย์สมบัติ ตนทางจิตวิญญาณเป็นตัวแทนแบบพรรณนา (descriptive representations) และเป็นลักษณะที่ได้ประเมิน (evaluative dispositions) เกี่ยวกับตน และมุมมองว่าความภูมิใจในตนเป็นทัศนคติเกี่ยวกับตนโดยรวม ๆ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การระบุสับเซต คิดค้นโดยใคร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: เซต (คณิตศาสตร์) Article: เซต (English: set) ในทางคณิตศาสตร์นั้น อาจมองได้ว่าเป็นการรวบรวมกลุ่มวัตถุต่างๆ ไว้รวมกันทั้งชุด แม้ว่าความคิดนี้จะดูง่ายๆ แต่เซตเป็นแนวคิดที่เป็นรากฐานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของคณิตศาสตร์สมัยใหม่ การศึกษาโครงสร้างเซตที่เป็นไปได้ ทฤษฎีเซตมีความสำคัญและได้รับความสนใจอย่างมากและกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มันถูกสร้างขึ้นมาตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ตอนนี้ทฤษฎีเซตเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ในการศึกษาคณิตศาสตร์ และถูกจัดไว้ในระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาในหลายประเทศ ทฤษฎีเซตเป็นรากฐานของคณิตศาสตร์เกือบทุกแขนงซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ นิยาม ตอนเริ่มแรกของ Beiträge zur Begründung der transfiniten Mengenlehre โดย เกออร์ก คันทอร์ (Georg Cantor) ผู้สร้างทฤษฎีเซตคนสำคัญ ให้นิยามของเซตเซตหนึ่งดังต่อไปนี้:[1] ดังนั้นสมาชิกของเซตเซตหนึ่งจึงสามารถเป็นอะไรก็ได้ เช่น ตัวเลข ผู้คน ตัวอักษร หรือเป็นเซตของเซตอื่น เป็นต้น เซตนิยมเขียนแทนด้วยอักษรตัวใหญ่ เช่น A, B, C ฯลฯ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ในประโยคที่ว่า เซต A และ B เท่ากัน หมายความว่า ทั้งเซต A และเซต B มีสมาชิกทั้งหมดเหมือนกัน (ตัวอย่างเช่น สมาชิกทุกตัวที่อยู่ในเซต A ก็ต้องเป็นสมาชิกของเซต B ด้วย เขียนแทนด้วย A = B และในทางกลับกันก็เป็นเช่นเดียวกัน เขียนแทนด้วย B = A) สมาชิกทุกตัวของเซตเซตหนึ่งต้องไม่ซ้ำกัน และจะไม่มีสมาชิกสองตัวใดในเซตเดียวกันที่เหมือนกันทุกประการ ซึ่งไม่เหมือนกับมัลทิเซต (multiset) ที่อาจมีสมาชิกซ้ำกันก็ได้ การดำเนินการของเซตทั้งหมดยังรักษาคุณสมบัติที่ว่าสมาชิกแต่ละตัวของเซตต้องไม่ซ้ำกัน ส่วนการเรียงลำดับของสมาชิกของเซตนั้นไม่มีความสำคัญ ซึ่งต่างจากลำดับอนุกรมหรือคู่อันดับ ถึงอย่างไรก็ตามเซตถือว่าเป็น อนิยาม ไม่มีนิยามที่ชัดเจนและครอบคลุม การเขียนอธิบายเซต มีสองวิธีในการเขียนอธิบาย หรือระบุถึงสมาชิกของเซตเซตหนึ่ง วิธีที่หนึ่งคือโดยการกำหนดนิยามอย่างตั้งใจด้วยการใช้กฎหรือการอธิบายด้วย ภาษาทางคณิตศาสตร์ ดูตัวอย่างนี้: A เป็นเซตซึ่งสมาชิกของมันเป็น เลขจำนวนเต็มบวกสี่ตัวแรก B เป็นเซตของสีของ ธงชาติฝรั่งเศส วิธีที่สองคือโดย การแจกแจงนั่นคือ การแจกแจกสมาชิกแต่ละตัวของเซต การนิยามเซตด้วยการแจกแจงสมาชิกถูกเขียนแทนด้วยการแจกแจงสมาชิกของเซตภายใน วงเล็บปีกกา: C = {4, 2, 1, 3} D = {น้ำเงิน, ขาว, แดง} ลำดับที่สมาชิกของเซตถูกเรียงในการนิยามแบบแจกแจกสมาชิกไม่มีความสำคัญ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรักษาความปลอดภัย คืออะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรักษาความปลอดภัยทางข้อมูล Article: การรักษาความปลอดภัยทางข้อมูล (English: Information Security) แยกออกเป็นสองคำ ได้แก่ Information หรือสารสนเทศ คือข้อมูลในรูปแบบของตัวเลข ข้อความ หรือภาพกราฟิก ที่ได้นำมารวบรวม จัดเป็นระบบ และนำเสนอในรูปแบบที่ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้อย่างแจ่มชัด ไม่ว่าจะเป็นรายงาน ตาราง หรือแผนภูมิต่างๆ และ Security หรือความปลอดภัย คือสภาพที่เกิดขึ้นจากการจัดตั้งและดำรงไว้ซึ่งมาตรการการป้องกันที่ทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ที่ไม่หวังดีจะบุกรุกเข้ามาได้ เมื่อรวมสองคำก็จะได้ "Information Security" จึงหมายถึง การศึกษาถึงความไม่ปลอดภัยในการใช้งานสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ การวางแผนและการจัดระบบความปลอดภัยในคอมพิวเตอร์ โดยศึกษาถึงสิ่งต่างๆ ดังนี้ การรักษาความปลอดภัยในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล การรักษาความปลอดภัยในระบบฐานข้อมูล การรักษาความปลอดภัยในเครือข่ายการสื่อสารข้อมูล การป้องกันทางกายภาพ การวิเคราะห์ความเสี่ยง ประเด็นในแง่กฎหมาย จรรยาบรรณในเรื่อง "ความปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์" ดูเพิ่ม การจัดการความเสี่ยง การระบุความเสี่ยง หมวดหมู่:การป้องกันอาชญากรรม หมวดหมู่:ความมั่นคงแห่งชาติ หมวดหมู่:ความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์ หมวดหมู่:การรักษาความปลอดภัย
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรักษาตาเหล่โดยการผ่าตัดใช้ระยะเวลาผ่าตัดนานเท่าไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การผ่าตัดกล้ามเนื้อตา Article: การผ่าตัดกล้ามเนื้อตา (English: Strabismus surgery, extraocular muscle surgery, eye muscle surgery, eye alignment surgery) เป็นศัลยกรรมที่กล้ามเนื้อตา (extraocular muscle) เพื่อแก้ปัญหาตาที่ไม่มองไปในทางเดียวกัน ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการผ่าตัดเช่นนี้ 1.2 ล้านครั้งต่อปี จึงเป็นการผ่าตัดตามากที่สุดเป็นอันดับ 3[1] การผ่าตัดแก้ตาเหล่สำเร็จเป็นครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2382 โดยนายแพทย์ชาวเยอรมันและทำแก่เด็กตาเหล่เข้าอายุ 7 ขวบ แม้จะมีแพทย์ชาวอเมริกันที่ได้พยายามทำหลายครั้งมาก่อนในปี พ.ศ. 2361[2] ส่วนจักษุแพทย์ชาวอเมริกันเป็นผู้ตีพิมพ์ไอเดียการรักษาตาเหล่ด้วยการตัดใยกล้ามเนื้อตาเป็นครั้งแรกในปี 2380[3] ประเภท การผ่าตัดกล้ามเนื้อปกติจะใช้รักษาตาเหล่และรวมวิธีการดังต่อนี้คือ[4][5] การทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง การร่น (Recession) เป็นการย้ายถอยจุดดึงของกล้ามเนื้อ (insertion) ไปยังอีกด้านหนึ่ง Myotomy เป็นการตัดกล้ามเนื้อ Tenectomy เป็นการนำเส้นเอ็นออกจากลูกตาแล้วปล่อยให้หด เส้นเอ็นจะกลับประกอบกับลูกตาในจุดหลัง (posterior) จากที่นำออก แม้จะกำหนดตำแหน่งโดยเฉพาะไม่ได้ Tenotomy เป็นการนำเส้นเอ็นออกจากลูกตา ตัดเส้นเอ็นออกส่วนหนึ่ง แล้วปล่อยให้หด เส้นเอ็นที่เหลือจะกลับประกอบกับลูกตาในจุดหลัง (posterior) จากที่นำออก แม้จะกำหนดตำแหน่งโดยเฉพาะไม่ได้ การทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น การตัดออก (Resection) เป็นการเอากล้ามเนื้อออกจากตา ตัดปลายออกส่วนหนึ่ง แล้วเย็บเข้ากับตาใหม่[6] การหดเข้า (Tucking) Advancement เป็นการย้ายกล้ามเนื้อตาจากจุดยึดเดิมขึ้นไปด้านหน้า การย้ายข้าง (Transposition) / การย้ายตำแหน่ง (repositioning) การผ่าตัดแบบปรับการเย็บได้ (Adjustable suture surgery) เป็นวิธีต่อกล้ามเนื้อเข้าโดยรอยเย็บที่สามารถทำให้สั้นหรือยาวภายในวันหนึ่งหลังผ่าตัด เพื่อปรับแนวตาให้ตรงขึ้น[7] การผ่าตัดรักษาตาเหล่เป็นวิธีการที่ทำในวันเดียว คนไข้ต้องอยู่ใน รพ. เพียงแค่ 2-3 ชม. ก่อนผ่าตัดเพื่อเตรียมตัว ส่วนระยะเวลาที่ใช้ผ่าตัดโดยเฉลี่ยจะต่าง ๆ กัน หลังจากผ่าตัด คนไข้จะเจ็บและบวมบ้าง ในกรณีที่ต้องผ่าตัดอีก จะเจ็บเพิ่มขึ้น การตัดกล้ามเนื้อออก (Resection) จะเจ็บหลังผ่ามากกว่าการร่น (recession) และจะบวมนานกว่าและอาจทำให้อาเจียนในระยะต้น ๆ หลังผ่าตัด แพทย์จะให้ปิดตาด้วยผ้าไม่ให้แสงเข้า ซึ่งคนไข้ควรจะใส่...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรักษาอาการทางจิตเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: จิตวิทยา Article: จิตวิทยา (English: psychology) คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ (กระบวนการของจิต), กระบวนความคิด, และพฤติกรรม ของมนุษย์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เนื้อหาที่นักจิตวิทยาศึกษาเช่น การรับรู้ (กระบวนการรับข้อมูลของมนุษย์), อารมณ์, บุคลิกภาพ, พฤติกรรม, และรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล จิตวิทยายังมีความหมายรวมไปถึงการประยุกต์ใช้ความรู้กับกิจกรรมในด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน (เช่นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในครอบครัว, ระบบการศึกษา, การจ้างงานเป็นต้น) และยังรวมถึงการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาสำหรับการรักษาปัญหาสุขภาพจิต นักจิตวิทยามีความพยายามที่จะศึกษาทำความเข้าใจถึงหน้าที่หรือจุดประสงค์ต่าง ๆ ของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากตัวบุคคลและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในสังคม ขณะเดียวกันก็ทำการศึกษาขั้นตอนของระบบประสาทซึ่งมีผลต่อการควบคุมและแสดงออกของพฤติกรรม บทนำ จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้าเพื่อนำข้อมูลความรู้มาเสนอ อธิบาย และเพื่อควบคุมและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์ จิตวิทยามุ่งศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการของร่างกายกับจิตใจ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นระเบียบแบบแผน เพราะร่างกายและจิตใจมักมีการแสดงออกร่วมกัน อีกทั้งยังแสดงออกในแนวทางที่สามารถทำนายได้ ภาษาทางจิตวิทยา จิตวิทยาก็มีการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเพื่อใช้ในการศึกษาเช่นเดียวกับศาสตร์อื่น ๆ คำศัพท์บางส่วนประกอบด้วยคำศัพท์ที่คนทั่วไปใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน คำศัพท์บางคำก็เป็นคำศัพท์ทางวิชาการที่คุ้นเคย ถึงแม้ศัพท์บางคำจะเป็นที่เข้าใจ และคุ้นเคยของคนทั่วไป แต่นักจิตวิทยาก็ได้ให้ความหมายเฉพาะเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการศึกษาจิตวิทยา ปัญหาและการเลือกปัญหาของนักจิตวิทยา เหมือนกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั่วไป กระบวนการทางจิตวิทยา เริ่มจากการเลือกปัญหาที่สนใจ แล้วจึง สังเกต ศึกษา หรือทดลอง อย่างเป็นระบบ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหา แล้วทำการรวบรวม เรียบเรียง และตีความข้อเท็จจริงที่ได้ หากนักจิตวิทยาพบแนวทางที่จะแก้ปัญหาหรือตอบคำถามที่กำหนด และสามารถนำมาสัมพันธ์ เกี่ยวข้องเป็นคำตอบของคำถามกว้าง ๆ ได้ นักจิตวิทยาก็จะสนใจ และลงมือศึกษาทันที แต่บางครั้งปัญหาก็เกิดขึ้นจากการสังเกตสิ่งรอบๆ ตัว นักจิตวิทยาได้แบ่งความคิดเห็นเกี่ยวกับการศึกษาทางจิตวิทยาออกเป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ กลุ่มแรกเห็นว่า การเลือกปัญหานั้น...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรักษาโดยใช้สารก่อกระด้าง ถูกค้นพบเมื่อไหร่?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรักษาโดยใช้สารก่อกระด้าง Article: การรักษาโดยใช้สารก่อกระด้าง[1] (English: Sclerotherapy, จากคำภาษากรีกว่า skleros ซึ่งแปลว่า "แข็ง"[2][3]) เป็นวิธีการรักษาหลอดเลือดหรือสภาพวิรูปของหลอดเลือด (vascular malformation) หรือของหลอดน้ำเหลือง แพทย์จะฉีดยาเข้าไปในหลอดเลือดซึ่งทำหลอดให้หดลง ซึ่งใช้ในเด็กและเยาวชนที่มีสภาวะวิรูปของหลอดเลือดหรือหลอดน้ำเหลือง ในผู้ใหญ่ วิธีนี้บ่อยครั้งจะใช้รักษาภาวะหลอดเลือดพอง (Telangiectasia) หลอดเลือดดำขอดที่ยังเป็นน้อย ริดสีดวงทวาร[4] และน้ำขังเฉพาะที่ (hydrocele)[5] วิธีนี้เป็นวิธีหนึ่งในหลายวิธี (รวมการผ่าตัด การยิงเลเซอร์ และการยิงคลื่นวิทยุ) เพื่อรักษาภาวะหลอดเลือดพอง เพื่อรักษาหลอดเลือดดำขอดเป็นบางครั้ง และสภาวะวิรูปของหลอดเลือดดำ ในการรักษาโดยใช้สารก่อกระด้างนำทางโดยคลื่นเสียงความถี่สูง แพทย์จะใชัอัลตราซาวนด์เพื่อแสดงรูปของหลอดเลือดที่เป็นปัญหา แล้วจึงฉีดยาใส่ได้อย่างแม่นยำ การรักษาบ่อยครั้งจะทำนำโดยคลื่นเสียงความถี่สูงถ้าได้พบความผิดปกติของหลอดเลือดที่วินิจฉัยด้วย duplex ultrasound การรักษานำโดยคลื่นเสียงความถี่สูงบวกการใช้สารก่อกระด้างแบบ microfoam ได้พบว่า ได้ผลในการควบคุมการไหลกลับ (reflux) จาก sapheno-femoral junction และ sapheno-popliteal junction[6][7] แต่ก็มีนักวิชาการบางท่านที่เชื่อว่า วิธีรักษานี้ไม่ควรกับหลอดเลือดดำที่สามารถมีการไหลกลับจาก greater saphenous junction หรือ lesser saphenous junction หรือที่มี axial reflux[4] ประวัติ การรักษาโดยใช้สารก่อกระด้างได้ใช้เพื่อรักษาภาวะหลอดเลือดพอง และหลอดเลือดดำขอดในบางกรณี มามากกว่า 150 ปีแล้ว โดยได้พัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ เทคนิคปัจจุบันอาจใช้การนำทางด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และการรักษาด้วยโฟม ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ล่าสุด มีรายงาน การรักษาโดยใช้สารก่อกระด้างเป็นครั้งแรกในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (โดย D Zollikofer) ปี 2225 ที่ฉีดกรดเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อสร้างลิ่มเลือด[8] การรักษาหลอดเลือดดำขอดที่สำเร็จผลโดยฉีด iron perchlorate ในปี 2396 (โดย Debout and Cassaignaic)[9] การรักษาหลอดเลือดดำขอดโดยฉีดไอโอดีนและแทนนินเข้าในหลอดเลือดในปี 2397 (โดย Desgranges)[8] ซึ่งเกิดประมาณ 12 ปีหลังจากประดิษฐ์เทคนิคการผ่าตัดแบบ great saphenous vein stripping ในปี 2387 (โดย Madelung)[9] แต่เนื่องจากมีอัตราผลข้างเคียงจากยาที่ใช้ในเวลานั้นสูง การรักษาโดยวิธีนี้จึงได้เลิกใช้โดยปี...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรักษาโรคตับแข็งให้หายสามารถรักษาได้โดยวิธีใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ตับอักเสบ Article: ตับอักเสบ (English: Hepatitis) เป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีการอักเสบของตับและเกิดการทำลายของเซลล์ตับ ทำให้การทำหน้าที่ต่าง ๆ ของตับผิดปกติ ร่างกายอาจแสดงอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการเลยแต่มักจะนำไปสู่อาการดีซ่าน (English: jaundice) (การเปลี่ยนเป็นสีเหลืองของผิวหนัง, เยื่อบุผิวในช่องจมูกและปากที่สร้างน้ำเมือกหล่อลื่น และเยื่อตา) อาการเบื่ออาหาร และอาการไข้ พบผู้ป่วยด้วยโรคนี้ได้ในทุกวัย ทั้งชายและหญิง ส่วนใหญ่เป็นโรคตับอักเสบเฉียบพลันถ้าเป็นโรคนี้น้อยกว่าหกเดือน ส่วนน้อยอาจเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังถ้าเป็นโรคนี้นานกว่านั้น ตับอักเสบเฉียบพลันสามารถจำกัดตนเองได้ (การรักษาของตัวเอง) สามารถพัฒนาไปสู่​​โรคตับอักเสบเรื้อรังหรืออาจทำให้เกิดตับวายเฉียบพลัน(แต่ค่อนข้างยาก)[1] โรคตับอักเสบเรื้อรังอาจไม่มีอาการหรืออาจจะพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไปเป็นพังผืด (รอยแผลเป็นของตับ) และโรคตับแข็ง (ตับวายเรื้อรัง)[2] โรคตับแข็งเพิ่มความเสี่ยงของการพัฒนาไปสู่โรค hepatocellular carcinoma (รูปแบบหนึ่งของโรคมะเร็งตับ)[3] ทั่วโลกตับอักเสบที่มีเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการอักเสบของตับ[4] สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ โรคแพ้ภูมิตัวเองและการบริโภคสารพิษ (แอลกอฮอล์), ยาบางชนิด (เช่นยาพาราเซตามอล), สารอินทรีย์ทำละลายสำหรับอุตสาหกรรมและพืชบางชนิด คำว่า Hepatitis มาจากภาษากรีก hepar (ἧπαρ) หมายถึง "ตับ" และคำต่อท้าย -itis (-ῖτις) หมายถึง "อักเสบ" (ราวปี 1727)แปลว่า ตับอักเสบ[5] สาเหตุของโรค ตับอักเสบที่เกิดจากไวรัสเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคตับอักเสบทั่วโลก[6] สาเหตุที่พบบ่อยอื่น ๆ ของโรคตับอักเสบที่ไม่ใช่ไวรัสได้แก่สาเหตุจากสารพิษและยา, แอลกอฮอล์, ภูมิต้านทาน ไขมันตับและความผิดปกติของระบบแทบอริซึม[7] สาเหตุที่พบน้อยกว่าได้แก่การติดเชื้อจากแบคทีเรีย, ปรสิต, เชื้อรา, เชื้อ mycobacteria และโปรโตซัวบางชนิด[8][9] นอกจากนี้ภาวะแทรกซ้อนบางอย่างของการตั้งครรภ์และการไหลเวียนของเลือดที่ไปที่ตับลดลงสามารถทำให้เกิดโรคตับอักเสบได้[8][10] Cholestasis (การอุดตันการไหลของน้ำดี) เนื่องจากความผิดปกติของตับที่เรียกว่า hepatocellular dysfunction, การอุดตันทางเดินน้ำดีหรือน้ำดีตีบตันก็ทำให้เกิดความเสียหายที่ตับและทำให้ตับอักเสบ[11][12] ตับอักเสบเนื่องจากไวรัส สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของตับอักเสบเนื่องจากไวรัสคือไวรัสตับเขตร้อน (English: hepatotropic viruses)...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรักษาโรคมะเร็งแบบทางเลือกคิดค้นโดยชาติใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การแพทย์ทางเลือก Article: การแพทย์ทางเลือก (English: alternative medicine) เป็นศาสตร์เพื่อการวินิจฉัย การรักษาและการป้องกันโรคที่นอกเหนือจากศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน เป็นการปฏิบัติใดๆที่ถูกหยิบยกว่ามีผลในการรักษาโรคอะไรก็ตามที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ"หลักฐาน"ที่มีการเก็บรวบรวมโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์[1] มันประกอบไปด้วยความหลากหลายของการดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์และการบำบัดรักษาต่างๆ[2] ตัวอย่างเช่นการปฏิบัติทางการแพทย์แบบใหม่และดั้งเดิมเช่น การรักษาโรคด้วยโรคเดียวกัน (English: homeopathy) ธรรมชาติบำบัด (English: naturopathy) การจัดกระดูก (English: chiropractic) การแพทย์พลังงาน (English: energy medicine) รูปแบบต่างๆของการฝังเข็ม แพทย์แผน​​จีน อายุรเวท และการรักษาตามความเชื่อของคริสเตียน และการรักษาโดยวิธีการที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการดูแลสุขภาพแผนปัจจุบันบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์[3][4] [5][6] และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ผสมผสาน (English: complementary medicine) เป็นการแพทย์ทางเลือกที่ใช้ร่วมกับการรักษาพยาบาลแผนปัจจุบันตาม"ความเชื่อ"ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ มันช่วย"เสริม"การรักษา[n 1][1][8] [9] CAM เป็นตัวย่อของการแพทย์ทางเลือกและเสริม (English: complementary alternative medicine)[10] [11] แพทย์บูรณาการ (หรือสุขภาพแบบบูรณาการ) (English: Integrative medicine หรือ integrative health) คือการรวมกันของการปฏิบัติและวิธีการของการแพทย์ทางเลือกกับการแพทย์แผนปัจจุบัน[12] การวินิจฉัยและการรักษาแบบการแพทย์ทางเลือกมักจะไม่ถูกรวมอยู่ในหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาของโรงเรียนแพทย์หรือถูกใช้ในการแพทย์แผนปัจจุบันที่การรักษาจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ การรักษาแบบทางเลือกขาดการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ดังกล่าวและประสิทธิภาพของมันก็ไม่ได้ผ่านการพิสูจน์หรือหักล้างแต่อย่างใด[13][14][15] การแพทย์ทางเลือกมักจะขึ้นอยู่กับลัทธิศาสนา ประเพณี ไสยศาสตร์ ความเชื่อในพลังเหนือธรรมชาติ วิทยาศาสตร์เทียม (English: pseudoscience) ข้อผิดพลาดในการให้เหตุผล โฆษณาชวนเชื่อ หรือการฉ้อโกง[13][16][17][18]...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัฐประหารครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: รัฐประหารในประเทศไทย มิถุนายน พ.ศ. 2476 Article: รัฐประหารในประเทศไทย มิถุนายน พ.ศ. 2476 เป็นรัฐประหารในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 นำโดย พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจการปกครองของนายกรัฐมนตรี พระยามโนปกรณ์นิติธาดา รัฐประหารครั้งนี้มีขึ้นหลังเกิดความตึงเครียดเมื่อพระยามโนปกรณ์นิติธาดาประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสภาฯ และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา หลังจากมีความขัดแย้งกันในหมู่รัฐบาลคณะราษฎร อันสืบเนื่องจากการยื่น "สมุดปกเหลือง" เสนอเค้าโครงเศรษฐกิจของศาสตราจารย์ ปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกหลายฝ่ายมองว่าเป็นคล้ายกับเค้าโครงเศรษฐกิจของคอมมิวนิสต์ จึงนำไปสู่การปิดหนังสือพิมพ์บางฉบับที่ให้การสนับสนุนคณะราษฎร และมีการบีบบังคับให้นายปรีดีเดินทางออกนอกประเทศ กลับไปยังประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 เมษายน ปีเดียวกัน เวลา 18.00 น. ที่ท่าเรือบีไอ[1] และถึงขั้นวิกฤตเมื่อ "4 ทหารเสือ" คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา, พระยาทรงสุรเดช, พระยาฤทธิอัคเนย์ และพระประศาสน์พิทยายุทธ ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ปีเดียวกัน โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อพักผ่อนหลังจากตรากตรำทำงานราชการจนสุขภาพเสื่อมโทรม จากนั้น ในเวลาหัวค่ำของคืนวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 คณะทหารบก, ทหารเรือ กองทัพอากาศ และพลเรือน นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา, หลวงพิบูลสงคราม และหลวงศุภชลาศัย ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา โดยให้เหตุผลว่า เมื่อรัฐบาลสิ้นสุด ผู้สนับสนุนรัฐบาลชุดที่แล้ว เช่น พระยาทรงสุรเดช ถูกกีดกันออกจากแวดวงการเมือง ด้านพระยามโนปกรณ์นิติธาดาต้องเดินทางไปที่ปีนัง พระยาพหลพลพยุหเสนามอบหมายให้เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วังไกลกังวล หัวหิน เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้เปิดประชุมสภาฯ พร้อมถวายรายงานเรื่องการยึดอำนาจ ซึ่งการรัฐประหารในครั้งนี้ มีบันทึกของพระยาพหลพลพยุหเสนาไว้ว่า ง่ายดายกว่าเมื่อครั้งปฏิวัติวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 มาก ในขณะที่เรื่องของการบีบบังคับนายปรีดีไปยังประเทศฝรั่งเศสนั้น มีบันทึกไว้ว่า หลวงพิบูลสงคราม และพระยาพหลพลพยุหเสนาได้กระซิบกับทางนายปรีดีโดยผ่านทางหลวงอดุลเดชจรัส ว่าให้เดินทางออกไปก่อน และ "เพื่อนฝูงจะแก้ไขให้กลับมาภายหลัง" ซึ่งการรัฐประหารครั้งนี้ ผู้ก่อการต้องกระทำ หาไม่แล้ว อาจจะถูกจัดการหมดทั้งคณะจากกลุ่มที่นิยมระบบการปกครองแบบเก่าก็ได้[2][3] ดูเพิ่ม รัฐประหารในประเทศไทย เมษายน พ.ศ....
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัฐประหารครั้งแรกเกิดขึ้นโดยใคร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: รัฐประหารในประเทศไทย มิถุนายน พ.ศ. 2476 Article: รัฐประหารในประเทศไทย มิถุนายน พ.ศ. 2476 เป็นรัฐประหารในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 นำโดย พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจการปกครองของนายกรัฐมนตรี พระยามโนปกรณ์นิติธาดา รัฐประหารครั้งนี้มีขึ้นหลังเกิดความตึงเครียดเมื่อพระยามโนปกรณ์นิติธาดาประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสภาฯ และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา หลังจากมีความขัดแย้งกันในหมู่รัฐบาลคณะราษฎร อันสืบเนื่องจากการยื่น "สมุดปกเหลือง" เสนอเค้าโครงเศรษฐกิจของศาสตราจารย์ ปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกหลายฝ่ายมองว่าเป็นคล้ายกับเค้าโครงเศรษฐกิจของคอมมิวนิสต์ จึงนำไปสู่การปิดหนังสือพิมพ์บางฉบับที่ให้การสนับสนุนคณะราษฎร และมีการบีบบังคับให้นายปรีดีเดินทางออกนอกประเทศ กลับไปยังประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 เมษายน ปีเดียวกัน เวลา 18.00 น. ที่ท่าเรือบีไอ[1] และถึงขั้นวิกฤตเมื่อ "4 ทหารเสือ" คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา, พระยาทรงสุรเดช, พระยาฤทธิอัคเนย์ และพระประศาสน์พิทยายุทธ ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ปีเดียวกัน โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อพักผ่อนหลังจากตรากตรำทำงานราชการจนสุขภาพเสื่อมโทรม จากนั้น ในเวลาหัวค่ำของคืนวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 คณะทหารบก, ทหารเรือ กองทัพอากาศ และพลเรือน นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา, หลวงพิบูลสงคราม และหลวงศุภชลาศัย ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา โดยให้เหตุผลว่า เมื่อรัฐบาลสิ้นสุด ผู้สนับสนุนรัฐบาลชุดที่แล้ว เช่น พระยาทรงสุรเดช ถูกกีดกันออกจากแวดวงการเมือง ด้านพระยามโนปกรณ์นิติธาดาต้องเดินทางไปที่ปีนัง พระยาพหลพลพยุหเสนามอบหมายให้เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วังไกลกังวล หัวหิน เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้เปิดประชุมสภาฯ พร้อมถวายรายงานเรื่องการยึดอำนาจ ซึ่งการรัฐประหารในครั้งนี้ มีบันทึกของพระยาพหลพลพยุหเสนาไว้ว่า ง่ายดายกว่าเมื่อครั้งปฏิวัติวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 มาก ในขณะที่เรื่องของการบีบบังคับนายปรีดีไปยังประเทศฝรั่งเศสนั้น มีบันทึกไว้ว่า หลวงพิบูลสงคราม และพระยาพหลพลพยุหเสนาได้กระซิบกับทางนายปรีดีโดยผ่านทางหลวงอดุลเดชจรัส ว่าให้เดินทางออกไปก่อน และ "เพื่อนฝูงจะแก้ไขให้กลับมาภายหลัง" ซึ่งการรัฐประหารครั้งนี้ ผู้ก่อการต้องกระทำ หาไม่แล้ว อาจจะถูกจัดการหมดทั้งคณะจากกลุ่มที่นิยมระบบการปกครองแบบเก่าก็ได้[2][3] ดูเพิ่ม รัฐประหารในประเทศไทย เมษายน พ.ศ....
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัฐประหารในไทยเกิดขึ้นมาแล้วกี่ครั้ง?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: รัฐประหารในประเทศไทย Article: คณะรัฐประหารของไทยที่ก่อการสำเร็จ มักจะเรียกตนเองหลังก่อการว่า "คณะปฏิรูป" หรือ "คณะปฏิวัติ" เพื่อให้มีความหมายไปในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม มีผู้เสนอว่าการ "ปฏิวัติ" หรือ "อภิวัฒน์" (revolution) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองนั้น เกิดขึ้นกับประเทศไทยเพียงครั้งเดียว จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 แต่ความเห็นอีกด้านหนึ่งกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีลักษณะผสมผสาน ระหว่างการปฏิวัติกับการรัฐประหาร เนื่องจากมีการใช้กำลังทหาร ในการควบคุมบังคับ เพื่อระงับอำนาจของรัฐบาล ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว[1] ผู้ก่อการรัฐประหารในประเทศไทยเป็นผลสำเร็จ ส่วนใหญ่เกิดจากฝ่ายกองทัพบก[2] ส่วนทหารเรือเคยพยายามก่อรัฐประหารมาแล้ว ในกรณีกบฏวังหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2492 และกบฏแมนฮัตตัน เมื่อปี พ.ศ. 2494 แต่กระทำการไม่สำเร็จ แล้วหลังจากนั้น ทหารเรือก็เสียอำนาจในการเมืองไทยไป[3][4] รายชื่อรัฐประหารในประเทศไทย[5] รัฐประหาร 1 เมษายน พ.ศ. 2476 พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสภาผู้แทนราษฎร พร้อมงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา รัฐประหาร 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 นำโดยพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจรัฐบาล พระยามโนปกรณ์นิติธาดา รัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 นำโดย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ยึดอำนาจรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รัฐประหาร 6 เมษายน พ.ศ. 2491 คณะนายทหารกลุ่มที่ทำการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 จี้บังคับให้ นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมอบตำแหน่งต่อให้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม รัฐประหาร 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 นำโดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง รัฐประหาร 16 กันยายน พ.ศ. 2500 นำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจรัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม รัฐประหาร 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 นำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร (ตามที่ตกลงกันไว้) รัฐประหาร 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 นำโดย จอมพลถนอม กิตติขจร ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง รัฐประหาร 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช รัฐประหาร 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 นำโดย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัดเท้า ของหญิงสาวเพื่อกระตุ้นความต้องการทางเพศของผู้ชายจริงหรือไม่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การแข็งตัวขององคชาต Article: การแข็งตัวขององคชาต (English: erection, ศัพย์การแพทย์: penile erection, penile tumescence) เป็นปรากฏการณ์ทางสรีรภาพของอวัยวะเพศชายในสัตว์หลายสปีชีส์ ที่องคชาตแข็งตัวขึ้น คั่งไปด้วยเลือด และขยายใหญ่ขึ้น เป็นผลของปฏิกิริยาอันสลับซับซ้อนของจิตใจ ระบบประสาท ระบบหลอดเลือด และระบบต่อมไร้ท่อ มักจะ</i>เกิดขึ้นพร้อมกับอารมณ์ทางเพศ แต่จริง ๆ อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ รูปร่าง มุมตั้ง และทิศทางขององคชาตที่แข็งตัวมีความแตกต่างกันอย่างมากแม้ในหมู่มนุษย์ โดยสรีรภาพแล้ว กระบวนการแข็งตัวขององคชาตเริ่มจากระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (ส่วนหนึ่งของระบบประสาทอัตโนมัติ) ที่เป็นเหตุให้ระดับก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (เป็นสารขยายหลอดเลือด) สูงขึ้นในหลอดเลือด trabecular และในกล้ามเนื้อเรียบขององคชาต หลอดเลือดนั้นก็จะขยายใหญ่ขึ้นทำให้เนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำที่เรียกว่า corpora cavernosa (ดูรูป) (และ corpus spongiosum แม้ว่าจะน้อยกว่า) เต็มไปด้วยเลือด และในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้กล้ามเนื้อ ischiocavernosus และ bulbospongiosus เข้าไปกดหลอดเลือดดำของเนื้อเยื่อ จำกัดการไหลออกของเลือด (จากเนื้อเยื่อ) และการไหลเวียนของโลหิตที่ไหลเข้าไป (ในเนื้อเยื่อ) การแข็งตัวจะลดลงเมื่อการทำงานในระบบประสาทพาราซิมพาเทติกลดระดับลงไปเป็นปกติ เพราะว่าเป็นการตอบสนองอัตโนมัติ การแข็งตัวอาจเกิดขึ้นจากสิ่งเร้าหลายอย่างรวมทั้งการเร้าอารมณ์เพศ (sexual stimulation[1]) และอารมณ์ทางเพศ ดังนั้น จึงไม่ได้อยู่ใต้อำนาจจิตใจโดยสิ้นเชิง การแข็งตัวในระหว่างการนอนหลับหรือเมื่อตื่นนอนมีศัพท์ทางแพทย์ภาษาอังกฤษว่า nocturnal penile tumescence และความปราศจากการแข็งตัวในระหว่างการนอนหลับสามารถใช้ในการแยกแยะเหตุที่เป็นไปทางกายภาพหรือทางจิตใจของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศสาเหตุทางร่างกาย (ICD-10 N48.4) หรืออวัยวะเพศไม่ตอบสนอง (เหตุทางใจ ICD-10 F52.2) องคชาตที่ไม่แข็งตัวเต็มที่มีศัพท์การแพทย์ภาษาอังกฤษว่า partial tumescence กายภาพ การแข็งตัวเกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำเป็นลำยาวตลอดองคชาตที่เรียกว่า corpora cavernosa เริ่มเต็มไปด้วยเลือด ซึ่งอาจะเกิดขึ้นจากการเร้าอารมณ์เพศ (sexual stimulation[1]) หรืออารมณ์ทางเพศ ส่วน corpus spongiosum เป็นเนื้อเยื่อเดี่ยวมีรูปลำเป็นโพรง อยู่ใต้ corpora cavernosa ทั้งสอง และมีท่อปัสสาวะวิ่งผ่าน ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัดเท้า ถูกยกเลิกไปปีใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรัดเท้า Article: การรัดเท้า (Chinese:缠足; pinyin:chánzú; English: foot binding) เป็นจารีตที่ให้รัดเท้าของหญิงสาวให้คับแน่น เพื่อมิให้นิ้วเท้างอกขึ้นได้อีก เท้าที่ถูกบีบรัดนั้นจะได้มีสัณฐานเรียวเล็กคล้ายดอกบัว เรียกว่า "บัวทองสามนิ้ว" (Chinese:三寸金莲; pinyin:sān cùn jīnlián; "three-inch golden lotus") การประพฤติเช่นนี้เชื่อว่าเริ่มในหมู่ชนชั้นสูงที่เป็นนางระบำรำฟ้อนในราชสำนักจีนช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (คริสต์ศตวรรษที่ 10 หรือ 11) แล้วจึงเป็นที่นิยมขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ก่อนจะแพร่หลายทั่วไปในชาวจีนทุกชนชั้น ในฐานะที่เป็นเครื่องแสดงชั้นวรรณะ (เพราะสตรีที่ครอบครัวมีอันจะกินและไม่จำต้องใช้เท้าทำงานเท่านั้นจึงจะรัดเท้าได้) และเป็นเครื่องหมายแห่งความงามในวัฒนธรรมจีนโบราณ ทว่า ความนิยมและวิธีปฏิบัตินั้นผิดแผกกันไปในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศจีน ในปี 1664 พระเจ้าคังซีทรงพยายามจะห้ามมีการรัดเท้าอีกต่อไป แต่ไม่เป็นผล[1] ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวจีนนักปฏิรูปหลายคนท้าทายจารีตนี้แต่ก็ไร้ผล แม้ซูสีไทเฮามีพระเสาวนีย์ห้ามการรัดเท้าเป็นเด็ดขาด ก็ล้มเหลวเช่นกัน อย่างไรก็ดี กิจกรรมต่อต้านการรัดเท้าที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องสืบ ๆ มาช่วยให้การรัดเท้าสิ้นสูญไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 20[2] การรัดเท้าทำให้ผู้ถูกรัดต้องพิการชั่วชีวิต หญิงชราชาวจีนบางคนซึ่งเคยถูกรัดเท้าและมีชีวิตอยู่ในเวลานี้ต้องเผชิญความลำบากหลายประการเพราะความพิกลพิการอันเนื่องมาจากถูกรัดเท้า[2] ประวัติ ต้นกำเนิด มีข้อสันนิษฐานหลายประการเกี่ยวกับที่มาของการรัดเท้า[3] เล่ากันว่า ต๋าจี่ (妲己) พระสนมของพระเจ้าโจ้ว (紂) แห่งราชวงศ์ซาง มีเท้าแป (club foot) นางจึงขอให้พระเจ้าโจ้วรับสั่งให้สตรีทุกคนในราชสำนักผูกรัดเท้าจนมีรูปเหมือนเท้าของนาง เพื่อที่ว่าเท้าอันพิการของนางจะได้กลายเป็นมาตรฐานแห่งความงดงามและภูมิฐาน อีกเรื่องหนึ่งว่า พัน ยฺวี่หนู (潘玉奴) หญิงคณิกาคนโปรดของพระเจ้าเซียว เป่าเจฺวี้ยน (蕭寶卷) แห่งอาณาจักรฉีใต้ มีเท้าที่เล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ครั้นนางฟ้อนรำด้วยเท้าเปล่าไปบนพื้นอันประดับประดาด้วยดอกบัวทอง พระเจ้าแผ่นดินทรงพอพระทัยนักและตรัสว่า "ก้าวไหนมีบัวนั่น" (步步生蓮) เสมือนปัทมาวดี นางในตำนานซึ่งย่างก้าวไปที่ใดก็บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นใต้เท้านางเสมอ เชื่อกันว่า เรื่องหลังนี้เป็นที่มาของชื่อ "บัวบาท" (lotus feet) ที่ใช้เรียกเท้าที่ถูกรัดจนเล็กเรียว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานเรื่อง พัน ยฺวี่หนู...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัดเท้า เกิดขึ้นในยุคสมัยใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรัดเท้า Article: การรัดเท้า (Chinese:缠足; pinyin:chánzú; English: foot binding) เป็นจารีตที่ให้รัดเท้าของหญิงสาวให้คับแน่น เพื่อมิให้นิ้วเท้างอกขึ้นได้อีก เท้าที่ถูกบีบรัดนั้นจะได้มีสัณฐานเรียวเล็กคล้ายดอกบัว เรียกว่า "บัวทองสามนิ้ว" (Chinese:三寸金莲; pinyin:sān cùn jīnlián; "three-inch golden lotus") การประพฤติเช่นนี้เชื่อว่าเริ่มในหมู่ชนชั้นสูงที่เป็นนางระบำรำฟ้อนในราชสำนักจีนช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (คริสต์ศตวรรษที่ 10 หรือ 11) แล้วจึงเป็นที่นิยมขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ก่อนจะแพร่หลายทั่วไปในชาวจีนทุกชนชั้น ในฐานะที่เป็นเครื่องแสดงชั้นวรรณะ (เพราะสตรีที่ครอบครัวมีอันจะกินและไม่จำต้องใช้เท้าทำงานเท่านั้นจึงจะรัดเท้าได้) และเป็นเครื่องหมายแห่งความงามในวัฒนธรรมจีนโบราณ ทว่า ความนิยมและวิธีปฏิบัตินั้นผิดแผกกันไปในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศจีน ในปี 1664 พระเจ้าคังซีทรงพยายามจะห้ามมีการรัดเท้าอีกต่อไป แต่ไม่เป็นผล[1] ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวจีนนักปฏิรูปหลายคนท้าทายจารีตนี้แต่ก็ไร้ผล แม้ซูสีไทเฮามีพระเสาวนีย์ห้ามการรัดเท้าเป็นเด็ดขาด ก็ล้มเหลวเช่นกัน อย่างไรก็ดี กิจกรรมต่อต้านการรัดเท้าที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องสืบ ๆ มาช่วยให้การรัดเท้าสิ้นสูญไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 20[2] การรัดเท้าทำให้ผู้ถูกรัดต้องพิการชั่วชีวิต หญิงชราชาวจีนบางคนซึ่งเคยถูกรัดเท้าและมีชีวิตอยู่ในเวลานี้ต้องเผชิญความลำบากหลายประการเพราะความพิกลพิการอันเนื่องมาจากถูกรัดเท้า[2] ประวัติ ต้นกำเนิด มีข้อสันนิษฐานหลายประการเกี่ยวกับที่มาของการรัดเท้า[3] เล่ากันว่า ต๋าจี่ (妲己) พระสนมของพระเจ้าโจ้ว (紂) แห่งราชวงศ์ซาง มีเท้าแป (club foot) นางจึงขอให้พระเจ้าโจ้วรับสั่งให้สตรีทุกคนในราชสำนักผูกรัดเท้าจนมีรูปเหมือนเท้าของนาง เพื่อที่ว่าเท้าอันพิการของนางจะได้กลายเป็นมาตรฐานแห่งความงดงามและภูมิฐาน อีกเรื่องหนึ่งว่า พัน ยฺวี่หนู (潘玉奴) หญิงคณิกาคนโปรดของพระเจ้าเซียว เป่าเจฺวี้ยน (蕭寶卷) แห่งอาณาจักรฉีใต้ มีเท้าที่เล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ครั้นนางฟ้อนรำด้วยเท้าเปล่าไปบนพื้นอันประดับประดาด้วยดอกบัวทอง พระเจ้าแผ่นดินทรงพอพระทัยนักและตรัสว่า "ก้าวไหนมีบัวนั่น" (步步生蓮) เสมือนปัทมาวดี นางในตำนานซึ่งย่างก้าวไปที่ใดก็บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นใต้เท้านางเสมอ เชื่อกันว่า เรื่องหลังนี้เป็นที่มาของชื่อ "บัวบาท" (lotus feet) ที่ใช้เรียกเท้าที่ถูกรัดจนเล็กเรียว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานเรื่อง พัน ยฺวี่หนู...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัดเท้า เป็นค่านิยมของประเทศอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรัดเท้า Article: การรัดเท้า (Chinese:缠足; pinyin:chánzú; English: foot binding) เป็นจารีตที่ให้รัดเท้าของหญิงสาวให้คับแน่น เพื่อมิให้นิ้วเท้างอกขึ้นได้อีก เท้าที่ถูกบีบรัดนั้นจะได้มีสัณฐานเรียวเล็กคล้ายดอกบัว เรียกว่า "บัวทองสามนิ้ว" (Chinese:三寸金莲; pinyin:sān cùn jīnlián; "three-inch golden lotus") การประพฤติเช่นนี้เชื่อว่าเริ่มในหมู่ชนชั้นสูงที่เป็นนางระบำรำฟ้อนในราชสำนักจีนช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (คริสต์ศตวรรษที่ 10 หรือ 11) แล้วจึงเป็นที่นิยมขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ก่อนจะแพร่หลายทั่วไปในชาวจีนทุกชนชั้น ในฐานะที่เป็นเครื่องแสดงชั้นวรรณะ (เพราะสตรีที่ครอบครัวมีอันจะกินและไม่จำต้องใช้เท้าทำงานเท่านั้นจึงจะรัดเท้าได้) และเป็นเครื่องหมายแห่งความงามในวัฒนธรรมจีนโบราณ ทว่า ความนิยมและวิธีปฏิบัตินั้นผิดแผกกันไปในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศจีน ในปี 1664 พระเจ้าคังซีทรงพยายามจะห้ามมีการรัดเท้าอีกต่อไป แต่ไม่เป็นผล[1] ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวจีนนักปฏิรูปหลายคนท้าทายจารีตนี้แต่ก็ไร้ผล แม้ซูสีไทเฮามีพระเสาวนีย์ห้ามการรัดเท้าเป็นเด็ดขาด ก็ล้มเหลวเช่นกัน อย่างไรก็ดี กิจกรรมต่อต้านการรัดเท้าที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องสืบ ๆ มาช่วยให้การรัดเท้าสิ้นสูญไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 20[2] การรัดเท้าทำให้ผู้ถูกรัดต้องพิการชั่วชีวิต หญิงชราชาวจีนบางคนซึ่งเคยถูกรัดเท้าและมีชีวิตอยู่ในเวลานี้ต้องเผชิญความลำบากหลายประการเพราะความพิกลพิการอันเนื่องมาจากถูกรัดเท้า[2] ประวัติ ต้นกำเนิด มีข้อสันนิษฐานหลายประการเกี่ยวกับที่มาของการรัดเท้า[3] เล่ากันว่า ต๋าจี่ (妲己) พระสนมของพระเจ้าโจ้ว (紂) แห่งราชวงศ์ซาง มีเท้าแป (club foot) นางจึงขอให้พระเจ้าโจ้วรับสั่งให้สตรีทุกคนในราชสำนักผูกรัดเท้าจนมีรูปเหมือนเท้าของนาง เพื่อที่ว่าเท้าอันพิการของนางจะได้กลายเป็นมาตรฐานแห่งความงดงามและภูมิฐาน อีกเรื่องหนึ่งว่า พัน ยฺวี่หนู (潘玉奴) หญิงคณิกาคนโปรดของพระเจ้าเซียว เป่าเจฺวี้ยน (蕭寶卷) แห่งอาณาจักรฉีใต้ มีเท้าที่เล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ครั้นนางฟ้อนรำด้วยเท้าเปล่าไปบนพื้นอันประดับประดาด้วยดอกบัวทอง พระเจ้าแผ่นดินทรงพอพระทัยนักและตรัสว่า "ก้าวไหนมีบัวนั่น" (步步生蓮) เสมือนปัทมาวดี นางในตำนานซึ่งย่างก้าวไปที่ใดก็บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นใต้เท้านางเสมอ เชื่อกันว่า เรื่องหลังนี้เป็นที่มาของชื่อ "บัวบาท" (lotus feet) ที่ใช้เรียกเท้าที่ถูกรัดจนเล็กเรียว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานเรื่อง พัน ยฺวี่หนู...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัดเท้า เป็นค่านิยมของประเทศอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: ฟารัด Article: ฟารัด (มักออกเสียง ฟาหรัด) (สัญลักษณ์: F) เป็นหน่วยเอสไอของค่าความจุทางไฟฟ้า มักระบุเป็นค่าของตัวเก็บประจุ หรือคาปาซิเตอร์ ที่พบได้ทั่วไปในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ นิยาม ตัวเก็บประจุ ตัวหนึ่ง จะมีค่า 1 ฟารัด ก็ต่อเมื่อ ประจุไฟฟ้า 1 คูลอมบ์ ก่อให้เกิดความต่างศักย์ค่า 1 โวลต์ คร่อมขั้วทั้งสอง ค่าดังกล่าวเทียบตามหน่วยเอสไอ ได้ดังนี้ F = C ⋅ V − 1 = m − 2 ⋅ kg − 1 ⋅ s 4 ⋅ A 2 {\displaystyle {\mbox{F}}={\mbox{C}}\cdot {\mbox{V}}^{-1}={\mbox{m}}^{-2}\cdot {\mbox{kg}}^{-1}\cdot {\mbox{s}}^{4}\cdot {\mbox{A}}^{2}} อุปสรรคหน่วยเอสไอ คำอธิบาย เนื่องจากหน่วยฟารัดนั้นมีขนาดใหญ่มาก ค่าความจุของตัวเก็บประจุ จึงมักจะระบุเป็นหน่วย ไมโครฟารัด (μF) , นาโนฟารัด (nF) หรือ พิโคฟารัด (pF) ในทางปฏิบัติไม่ค่อยจะพบค่ามิลลิฟารัด ดังนั้น ตัวเก็บประจุที่มีค่า 4.7×10−3 ฟารัด จึงมักจะ เขียนเป็น 4,700 μF ค่าความจุที่น้อยมาก ๆ เช่นที่ใช้ในวงจรรวม อาจระบุเป็นหน่วยเฟมโตฟารัด ค่า 1 เฟมโตฟารัดนั้น เท่ากับ 1×10−15 F สำหรับในเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีการใช้ซูเปอร์คาปาซิเตอร์ ซึ่งให้ค่าความจุของอุปกรณ์ในระดับกิโลฟารัด (kilofarad) มีความสับสนอยู่บ้าง ระหว่างหน่วย ฟารัด กับหน่วย ฟาราเดย์ (ในอดีตนั้นมีหน่วย ฟาราเดย์ ซึ่งเป็นหน่วยบอกค่าประจุ ซึ่งปัจจุบันใช้หน่วย คูลอมบ์ แทน) ภาวะย้อนกลับของค่าความจุนั้น เรียกว่า อิลาสแตนซ์ทางไฟฟ้า (electrical elastance) หน่วยวัดซึ่งไม่ได้อยู่ในมาตรฐานหน่วยเอสไอ เรียกว่า "daraf" ตัวเก็บประจุนั้นประกอบด้วยพื้นผิวน้ำไฟฟ้า 2 ชิ้น มักจะเรียกว่า "เพลต" มีชั้นผิวฉนวนกั้น เรียกว่า ไดอิเล็กทริก ตัวเก็บประจุสมัยแรก ๆ เรียกว่า Leyden Jar พัฒนาขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นการสะสมประจุไว้บนเพลต ซึ่งส่งผลให้เกิดค่าความจุขึ้น สำหรับตัวเก็บประจุสมัยใหม่นั้น สร้างขึ้นโดยใช้เทคนิคการผลิตและวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้ได้ค่าความจุทางไฟฟ้าในช่วงที่กว้างเป็นพิเศษ สำหรับใช้ในงานอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับเฟมโตฟารัด จนถึงฟารัด และมีค่าทนแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ไม่กี่โวลต์ จนถึงหลายกิโลโวลต์ หมวดหมู่:หน่วยเอสไอ หมวดหมู่:หน่วยอนุพันธ์เอสไอ
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัดเท้าของหญิงสาว จะเริ่มรัดได้ตอนอายุเท่าไหร่ ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การแข็งตัวขององคชาต Article: การแข็งตัวขององคชาต (English: erection, ศัพย์การแพทย์: penile erection, penile tumescence) เป็นปรากฏการณ์ทางสรีรภาพของอวัยวะเพศชายในสัตว์หลายสปีชีส์ ที่องคชาตแข็งตัวขึ้น คั่งไปด้วยเลือด และขยายใหญ่ขึ้น เป็นผลของปฏิกิริยาอันสลับซับซ้อนของจิตใจ ระบบประสาท ระบบหลอดเลือด และระบบต่อมไร้ท่อ มักจะ</i>เกิดขึ้นพร้อมกับอารมณ์ทางเพศ แต่จริง ๆ อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ รูปร่าง มุมตั้ง และทิศทางขององคชาตที่แข็งตัวมีความแตกต่างกันอย่างมากแม้ในหมู่มนุษย์ โดยสรีรภาพแล้ว กระบวนการแข็งตัวขององคชาตเริ่มจากระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (ส่วนหนึ่งของระบบประสาทอัตโนมัติ) ที่เป็นเหตุให้ระดับก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (เป็นสารขยายหลอดเลือด) สูงขึ้นในหลอดเลือด trabecular และในกล้ามเนื้อเรียบขององคชาต หลอดเลือดนั้นก็จะขยายใหญ่ขึ้นทำให้เนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำที่เรียกว่า corpora cavernosa (ดูรูป) (และ corpus spongiosum แม้ว่าจะน้อยกว่า) เต็มไปด้วยเลือด และในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้กล้ามเนื้อ ischiocavernosus และ bulbospongiosus เข้าไปกดหลอดเลือดดำของเนื้อเยื่อ จำกัดการไหลออกของเลือด (จากเนื้อเยื่อ) และการไหลเวียนของโลหิตที่ไหลเข้าไป (ในเนื้อเยื่อ) การแข็งตัวจะลดลงเมื่อการทำงานในระบบประสาทพาราซิมพาเทติกลดระดับลงไปเป็นปกติ เพราะว่าเป็นการตอบสนองอัตโนมัติ การแข็งตัวอาจเกิดขึ้นจากสิ่งเร้าหลายอย่างรวมทั้งการเร้าอารมณ์เพศ (sexual stimulation[1]) และอารมณ์ทางเพศ ดังนั้น จึงไม่ได้อยู่ใต้อำนาจจิตใจโดยสิ้นเชิง การแข็งตัวในระหว่างการนอนหลับหรือเมื่อตื่นนอนมีศัพท์ทางแพทย์ภาษาอังกฤษว่า nocturnal penile tumescence และความปราศจากการแข็งตัวในระหว่างการนอนหลับสามารถใช้ในการแยกแยะเหตุที่เป็นไปทางกายภาพหรือทางจิตใจของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศสาเหตุทางร่างกาย (ICD-10 N48.4) หรืออวัยวะเพศไม่ตอบสนอง (เหตุทางใจ ICD-10 F52.2) องคชาตที่ไม่แข็งตัวเต็มที่มีศัพท์การแพทย์ภาษาอังกฤษว่า partial tumescence กายภาพ การแข็งตัวเกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำเป็นลำยาวตลอดองคชาตที่เรียกว่า corpora cavernosa เริ่มเต็มไปด้วยเลือด ซึ่งอาจะเกิดขึ้นจากการเร้าอารมณ์เพศ (sexual stimulation[1]) หรืออารมณ์ทางเพศ ส่วน corpus spongiosum เป็นเนื้อเยื่อเดี่ยวมีรูปลำเป็นโพรง อยู่ใต้ corpora cavernosa ทั้งสอง และมีท่อปัสสาวะวิ่งผ่าน ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรัดเท้าเพื่อมิให้นิ้วเท้างอกขึ้นได้อีก เท้าที่ถูกบีบรัดนั้นจะได้มีสัณฐานเรียวเล็กคล้ายดอกบัว มีจุดประสงค์หลักเพื่ออะไร ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรัดเท้า Article: การรัดเท้า (Chinese:缠足; pinyin:chánzú; English: foot binding) เป็นจารีตที่ให้รัดเท้าของหญิงสาวให้คับแน่น เพื่อมิให้นิ้วเท้างอกขึ้นได้อีก เท้าที่ถูกบีบรัดนั้นจะได้มีสัณฐานเรียวเล็กคล้ายดอกบัว เรียกว่า "บัวทองสามนิ้ว" (Chinese:三寸金莲; pinyin:sān cùn jīnlián; "three-inch golden lotus") การประพฤติเช่นนี้เชื่อว่าเริ่มในหมู่ชนชั้นสูงที่เป็นนางระบำรำฟ้อนในราชสำนักจีนช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (คริสต์ศตวรรษที่ 10 หรือ 11) แล้วจึงเป็นที่นิยมขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ก่อนจะแพร่หลายทั่วไปในชาวจีนทุกชนชั้น ในฐานะที่เป็นเครื่องแสดงชั้นวรรณะ (เพราะสตรีที่ครอบครัวมีอันจะกินและไม่จำต้องใช้เท้าทำงานเท่านั้นจึงจะรัดเท้าได้) และเป็นเครื่องหมายแห่งความงามในวัฒนธรรมจีนโบราณ ทว่า ความนิยมและวิธีปฏิบัตินั้นผิดแผกกันไปในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศจีน ในปี 1664 พระเจ้าคังซีทรงพยายามจะห้ามมีการรัดเท้าอีกต่อไป แต่ไม่เป็นผล[1] ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวจีนนักปฏิรูปหลายคนท้าทายจารีตนี้แต่ก็ไร้ผล แม้ซูสีไทเฮามีพระเสาวนีย์ห้ามการรัดเท้าเป็นเด็ดขาด ก็ล้มเหลวเช่นกัน อย่างไรก็ดี กิจกรรมต่อต้านการรัดเท้าที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องสืบ ๆ มาช่วยให้การรัดเท้าสิ้นสูญไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 20[2] การรัดเท้าทำให้ผู้ถูกรัดต้องพิการชั่วชีวิต หญิงชราชาวจีนบางคนซึ่งเคยถูกรัดเท้าและมีชีวิตอยู่ในเวลานี้ต้องเผชิญความลำบากหลายประการเพราะความพิกลพิการอันเนื่องมาจากถูกรัดเท้า[2] ประวัติ ต้นกำเนิด มีข้อสันนิษฐานหลายประการเกี่ยวกับที่มาของการรัดเท้า[3] เล่ากันว่า ต๋าจี่ (妲己) พระสนมของพระเจ้าโจ้ว (紂) แห่งราชวงศ์ซาง มีเท้าแป (club foot) นางจึงขอให้พระเจ้าโจ้วรับสั่งให้สตรีทุกคนในราชสำนักผูกรัดเท้าจนมีรูปเหมือนเท้าของนาง เพื่อที่ว่าเท้าอันพิการของนางจะได้กลายเป็นมาตรฐานแห่งความงดงามและภูมิฐาน อีกเรื่องหนึ่งว่า พัน ยฺวี่หนู (潘玉奴) หญิงคณิกาคนโปรดของพระเจ้าเซียว เป่าเจฺวี้ยน (蕭寶卷) แห่งอาณาจักรฉีใต้ มีเท้าที่เล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ครั้นนางฟ้อนรำด้วยเท้าเปล่าไปบนพื้นอันประดับประดาด้วยดอกบัวทอง พระเจ้าแผ่นดินทรงพอพระทัยนักและตรัสว่า "ก้าวไหนมีบัวนั่น" (步步生蓮) เสมือนปัทมาวดี นางในตำนานซึ่งย่างก้าวไปที่ใดก็บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นใต้เท้านางเสมอ เชื่อกันว่า เรื่องหลังนี้เป็นที่มาของชื่อ "บัวบาท" (lotus feet) ที่ใช้เรียกเท้าที่ถูกรัดจนเล็กเรียว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานเรื่อง พัน ยฺวี่หนู...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรับบุตรบุญธรรมต้องยื่นคำร้องที่ใด ?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: คนไร้ความสามารถ Article: อักษรย่อ ที่ใช้ในบทความนี้อักษรย่อคำเต็มฎ.คำพิพากษาศาลฎีกา ()ป.พ.พ.ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ของไทย ()พ.ร.บ.พระราชบัญญัติ ()ม.มาตรารก.ราชกิจจานุเบกษา ()ว.วรรคการใช้อักษรย่อในนี้เพื่อมิให้บทความเยิ่นเย้อเท่านั้น แต่โดยปรกติแล้วควรเขียนด้วยคำเต็มไม่ควรย่อ เช่น "พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544" ควรเขียนว่า "พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544" มากกว่า คนไร้ความสามารถ (English: incompetent person) คือ คนวิกลจริตถึงขนาดที่ไม่มีทางดูแลตัวเองหรือผลประโยชน์ของตัวเองได้เลย ซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถตามคำร้องขอของ คู่สมรส, บุพการี, ผู้สืบสันดาน, ผู้ปกครอง, ผู้พิทักษ์, ผู้ดูแลรักษาทั่วไป หรือพนักงานอัยการ ซึ่งการเป็นคนไร้ความสามารถจะมีผลนับแต่ศาลมีคำสั่งเป็นต้นไป การเป็นคนไร้ความสามารถ คนวิกลจริตถึงขนาดที่ไม่มีทางดูแลตัวเองหรือผลประโยชน์ของตัวเองได้เลย ซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถตามคำร้องขอของ คู่สมรส, บุพการี, ผู้สืบสันดาน, ผู้ปกครอง, ผู้พิทักษ์, ผู้ดูแลรักษาทั่วไป หรือพนักงานอัยการ ซึ่งการเป็นคนไร้ความสามารถจะมีผลนับแต่ศาลมีคำสั่งเป็นต้นไป คนไร้ความสามารถนั้นกฎหมายจำกัดสิทธิไว้มิให้ทำนิติกรรมได้โดยลำพังเลย นิติกรรมทั้งปวงที่คนไร้ความสามารถทำตกเป็นโมฆียะ ซึ่งรวมถึงพินัยกรรมด้วย หากคนไร้ความสามารถต้องการทำนิติกรรมแล้ว บุคคลที่เรียกว่า "ผู้อนุบาล" จะทำแทนเขาเอง นอกจากนี้ ตามกฎหมายไทยแล้ว คนไร้ความสามารถที่กระทำความผิดอาญาก็ให้พ้นจากความรับผิดในการกระทำนั้น แต่ความรับผิดทางแพ่งมิได้สิ้นสุดลงไปด้วย โดยในทางแพ่ง บิดา มารดา หรือผู้อนุบาลของคนไร้ความสามารถต้องร่วมรับผิดในการกระทำอันเป็นละเมิดของคนไร้ความสามารถไปด้วย เว้นแต่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ดูแลรักษาบุคคลนั้นอย่างระมัดระวังเต็มที่แล้ว บุคคลจะพ้นจากความเป็นคนไร้ความสามารถเมื่อศาลสั่งตามร้องขอของคู่สมรส, บุพการี, ผู้สืบสันดาน, ผู้ปกครอง, ผู้พิทักษ์, ผู้ดูแลรักษาทั่วไป, พนักงานอัยการ หรือตัวคนไร้ความสามารถเอง การพ้นจากความเป็นคนไร้ความสามารถจะมีผลนับแต่ศาลมีคำสั่งเป็นต้นไป คำสั่งให้บุคคลใดเป็นคนไร้ความสามารถหรือพ้นจากความเป็นคนไร้ความสามารถต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย ผู้อนุบาล ผู้อนุบาล (English: guardian) เป็นบุคคลที่ศาลแต่งตั้งให้ปกครองดูแลคนไร้ความสามารถ...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การรับรู้ของมนุษย์เกิดจากอะไร?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การรับรู้ Article: การรับรู้ หรือ สัญชาน[1] (English: Perception จากคำภาษาละตินว่า perceptio) เป็นการจัดระเบียบ ระบุ และแปลผลข้อมูลจากประสาทสัมผัสเพื่อใช้เป็นแบบจำลองและเข้าใจข้อมูลหรือโลกรอบ ๆ ตัว[2] การรับรู้ทุกอย่างจะต้องเกี่ยวกับสัญญาณประสาทที่ส่งไปยังระบบประสาท โดยสัญญาณก็จะเป็นผลของการเร้าระบบรับความรู้สึกทางกายภาพหรือทางเคมี[3] ยกตัวอย่างเช่น การเห็นจะเกี่ยวกับแสงที่มากระทบจอตา การได้กลิ่นจะอำนวยโดยโมเลกุลที่มีกลิ่น และการได้ยินจะเกี่ยวกับคลื่นเสียง การรับรู้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การรับสัญญาณทางประสาทสัมผัสเฉย ๆ แต่จะได้รับอิทธิพลจากการเรียนรู้ ความทรงจำ ความคาดหวัง และการใส่ใจของบุคคลนั้น ๆ[4][5] การรับรู้สามารถแบ่งเป็นสองส่วน คือ[5] การแปลผลข้อมูลทางประสาทสัมผัส ซึ่งแปลข้อมูลดิบเป็นข้อมูลระดับสูงขึ้น (เช่น การดึงรูปร่างจากสิ่งที่เห็นเพื่อรู้จำวัตถุ) การแปลผลที่เชื่อมกับทัศนคติ ความคาดหวัง และความรู้ของบุคคล โดยได้อิทธิพลจากกลไกการเลือกเฟ้น (คือการใส่ใจ) สิ่งที่รับรู้ การรับรู้จะอาศัยการทำงานที่ซับซ้อนในระบบประสาท แต่โดยอัตวิสัยจะรู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไร เพราะการแปลผลเช่นนี้เกิดขึ้นใต้จิตสำนึก[3] ตั้งแต่การเริ่มสาขาจิตวิทยาเชิงทดลองในคริสต์ทศวรรษที่ 19 ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับรู้ได้ก้าวหน้าโดยใช้วิธีการศึกษารวมกันหลายอย่าง[4] Psychophysics ได้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัติทางกายภาพของข้อมูลประสาทสัมผัสต่าง ๆ กับการรับรู้ในเชิงปริมาณ[6] ประสาทวิทยาศาสตร์เชิงรับความรู้สึก (Sensory neuroscience) ได้ศึกษากลไกทางสมองที่เป็นมูลฐานของการรับรู้ ระบบการรับรู้ยังสามารถศึกษาในเชิงคอมพิวเตอร์ คือโดยอาศัยข้อมูลที่ระบบแปลผล ส่วนปรัชญาในเรื่องการรับรู้ จะศึกษาขอบเขตที่ลักษณะทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่น เสียง กลิ่น และสี มีจริง ๆ โดยปรวิสัย ไม่ใช่มีแค่ในใจคือเป็นอัตวิสัยของคนที่รับรู้[4] แม้นักวิชาการจะได้มองประสาทสัมผัสว่าเป็นระบบรับข้อมูลเฉย ๆ แต่งานศึกษาเกี่ยวกับการแปลสิ่งเร้าผิดและภาพที่มองเห็นได้หลายแบบ ได้แสดงว่า ระบบการรับรู้ของสมองทำการอย่างแอคทีฟและภายใต้จิตสำนึกเพื่อเข้าใจสิ่งที่รับรู้[4] ยังเป็นเรื่องไม่ยุติว่า การรับรู้เป็นกระบวนการตรวจสอบสมมติฐานแบบต่าง ๆ มากแค่ไหน หรือว่าข้อมูลทางประสาทสัมผัสตามธรรมชาติสมบูรณ์พอที่จะไม่ต้องใช้กระบวนการนี้ในการรับรู้[4] ระบบการรับรู้ในสมองทำให้บุคคลสามารถเห็นโลกรอบ ๆ ตัวว่าเสถียร...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai
I wonder การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนแรกของไทยเกิดขึ้นเมื่อใด?. Help me answer this question with "Yes" or "No" or "None" if none of the first two answers apply. Here's what I found on the internet: Topic: การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทย Article: การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทย เป็นกระบวนการของรัฐสภาไทยในการเลือกนายกรัฐมนตรีไทย ส่วนใหญ่สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ในบางกรณีที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ก็จะใช้มติของสภาที่ทำหน้าที่รัฐสภาใน ณ ขณะนั้น ทำหน้าที่ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี อาทิเช่น คณะรัฐประหาร สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รายการ พ.ศ. 2475 มิถุนายน การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทยในเดือนมิถุนายน ปี 2475 เป็นการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เนื่องจากวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้น และพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก นายกรัฐมนตรีสถานะของผลการลงมติพระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎร ธันวาคม การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทยในเดือนธันวาคม ปี 2475 เป็นการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เนื่องจากวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 รัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายกรัฐมนตรีสถานะของผลการลงมติพระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้รับความไว้วางใจ และมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศลง ณ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475[1] พ.ศ. 2476 มิถุนายน การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทยในเดือนมิถุนายน ปี 2476 เป็นการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เนื่องจากวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 รัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ถูกยึดอำนาจ นายกรัฐมนตรีสถานะของผลการลงมติพระยาพหลพลพยุหเสนาได้รับความไว้วางใจ และมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศลง ณ วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2476 [2] ธันวาคม การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทยในเดือนธันวาคม ปี 2476 เป็นการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา ประกาศให้เลือกตั้งทั่วไป นายกรัฐมนตรีสถานะของผลการลงมติพระยาพหลพลพยุหเสนาได้รับความไว้วางใจเป็นเอกฉันท์ และมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศลง ณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2476[3] พ.ศ. 2477 การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทยในปี 2477 เป็นการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลง เนื่องจากวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2477 นายพระยาพหลพลพยุหเสนา...
None
tha_Thai
train
en_heres_what_I_found
khalidalt/tydiqa-primary
thai