id
stringlengths 24
24
| context
stringlengths 154
2.89k
| question
stringlengths 11
161
| answers
sequence |
---|---|---|---|
57275409708984140094dc36 | ในปีท้ายๆ ของยุคแห่งนโยบายการแบ่งแยกสีผิว ผู้ปกครองของนักเรียนผิวขาวในโรงเรียนรัฐบาลได้มีสิทธิ์เลือกที่จะเปลี่ยนไปเป็นระบบ “กึ่งเอกชน” ที่เรียกว่า โมเดล ซี โรงเรียนชนิดนี้หลายแห่งเปลี่ยนนโยบายรับเข้าให้ยอมรับเด็กนักเรียนเชื้อชาติอื่น หลังจากที่เปลี่ยนไปเป็นระบอบประชาธิปไตย ระบบ “โมเดล ซี” ตามกฎหมายก็ได้ถูกยกเลิก แต่คำเรียกนี้ก็ยังใช้อยู่ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อใช้เรียกโรงเรียนรัฐบาลที่เคยเป็นโรงเรียนของเด็กผิวขาว โรงเรียนเหล่านี้มักได้ผลการเรียนที่ ดีกว่าโรงเรียนรัฐบาลที่เคยเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กเชื้อชาติอื่น โรงเรียน “โมเดล ซี” เก่าไม่ใช่โรงเรียนเอกชนเพราะได้รับการควบคุมจากรัฐบาล โรงเรียนในแอฟริกาใต้ทั้งหมด (รวมทั้งโรงเรียนอิสระและโรงเรียนรัฐบาล) มีสิทธิ์ที่จะตั้งค่าเล่าเรียนแบบบังคับ และโรงเรียน โมเดล ซี เก่าก็มักจะตั้งค่าเล่าเรียน สูงกว่าเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับโรงเรียนรัฐบาลอื่น | ผลการเรียนของโรงเรียนที่เคยเป็นโรงเรียน โมเดล ซี แตกต่างจากโรงเรียนอื่นอย่างไร | {
"text": [
"ดีกว่า"
],
"answer_start": [
448
]
} |
57275409708984140094dc37 | ในปีท้ายๆ ของยุคแห่งนโยบายการแบ่งแยกสีผิว ผู้ปกครองของนักเรียนผิวขาวในโรงเรียนรัฐบาลได้มีสิทธิ์เลือกที่จะเปลี่ยนไปเป็นระบบ “กึ่งเอกชน” ที่เรียกว่า โมเดล ซี โรงเรียนชนิดนี้หลายแห่งเปลี่ยนนโยบายรับเข้าให้ยอมรับเด็กนักเรียนเชื้อชาติอื่น หลังจากที่เปลี่ยนไปเป็นระบอบประชาธิปไตย ระบบ “โมเดล ซี” ตามกฎหมายก็ได้ถูกยกเลิก แต่คำเรียกนี้ก็ยังใช้อยู่ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อใช้เรียกโรงเรียนรัฐบาลที่เคยเป็นโรงเรียนของเด็กผิวขาว โรงเรียนเหล่านี้มักได้ผลการเรียนที่ ดีกว่าโรงเรียนรัฐบาลที่เคยเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กเชื้อชาติอื่น โรงเรียน “โมเดล ซี” เก่าไม่ใช่โรงเรียนเอกชนเพราะได้รับการควบคุมจากรัฐบาล โรงเรียนในแอฟริกาใต้ทั้งหมด (รวมทั้งโรงเรียนอิสระและโรงเรียนรัฐบาล) มีสิทธิ์ที่จะตั้งค่าเล่าเรียนแบบบังคับ และโรงเรียน โมเดล ซี เก่าก็มักจะตั้งค่าเล่าเรียน สูงกว่าเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับโรงเรียนรัฐบาลอื่น | ค่าเล่าเรียนของโรงเรียน โมเดล ซี เก่าแตกต่างจากโรงเรียนอื่นอย่างไร | {
"text": [
"สูงกว่าเป็นอย่างมาก"
],
"answer_start": [
739
]
} |
572757bef1498d1400e8f690 | ในหลายๆ แห่งในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ศาลตัดสินคดี บราวน์ v. คณะกรรมการการศึกษาเมืองโทพีกา ในปี 1954 บังคับให้โรงเรียนในสหรัฐอเมริกาขจัดการแบ่งแยกสีผิว “อย่างรวดเร็วด้วยความตั้งใจ” หลายๆ ครอบครัวในท้องถิ่นก็ได้จัดตั้ง “โรงเรียนคริสเตียน”แบบเอกชนหลายที่ ในหลายๆ พื้นที่ในภาคใต้"ของสหรัฐอเมริกา นักเรียน ผิวขาวหลายคนได้ย้ายไปที่โรงเรียนเหล่านี้ในขณะที่โรงเรียนรัฐบาลเริ่มมีนักเรียน อเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน รวมตัวกันมากขึ้น (จงดูรายชื่อโรงเรียนเอกชนในรัฐมิสซิสซิปปี) หลักสูตรการเรียนของโรงเรียนคริสเตียนเหล่านี้มักเป็นการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ จากช่วงปี 1970 หลายๆ "โรงเรียนแบ่งแยกสีผิว"เหล่านี้ได้ถูกปิดลงถึงแม้ว่าจะยังมีบางแห่งที่ยังคงดำเนินการอยู่ [จำเป็นต้องมีการอ้างอิง] | คดีศาลไหนที่ขจัดการแบ่งแยกสีผิวในโรงเรียนของสหรัฐอเมริกา | {
"text": [
"บราวน์ v. คณะกรรมการการศึกษาเมืองโทพีกา"
],
"answer_start": [
51
]
} |
572757bef1498d1400e8f691 | ในหลายๆ แห่งในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ศาลตัดสินคดี บราวน์ v. คณะกรรมการการศึกษาเมืองโทพีกา ในปี 1954 บังคับให้โรงเรียนในสหรัฐอเมริกาขจัดการแบ่งแยกสีผิว “อย่างรวดเร็วด้วยความตั้งใจ” หลายๆ ครอบครัวในท้องถิ่นก็ได้จัดตั้ง “โรงเรียนคริสเตียน”แบบเอกชนหลายที่ ในหลายๆ พื้นที่ในภาคใต้"ของสหรัฐอเมริกา นักเรียน ผิวขาวหลายคนได้ย้ายไปที่โรงเรียนเหล่านี้ในขณะที่โรงเรียนรัฐบาลเริ่มมีนักเรียน อเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน รวมตัวกันมากขึ้น (จงดูรายชื่อโรงเรียนเอกชนในรัฐมิสซิสซิปปี) หลักสูตรการเรียนของโรงเรียนคริสเตียนเหล่านี้มักเป็นการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ จากช่วงปี 1970 หลายๆ "โรงเรียนแบ่งแยกสีผิว"เหล่านี้ได้ถูกปิดลงถึงแม้ว่าจะยังมีบางแห่งที่ยังคงดำเนินการอยู่ [จำเป็นต้องมีการอ้างอิง] | คำเหยียดหยามไหนที่ใช้เรียกโรงเรียนคริสเตียนที่ถูกก่อตั้งขึ้นหลังจากที่มีการกำจัดการแบ่งแยกสีผิวในโรงเเรียน | {
"text": [
"โรงเรียนแบ่งแยกสีผิว"
],
"answer_start": [
576
]
} |
572757bef1498d1400e8f692 | ในหลายๆ แห่งในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ศาลตัดสินคดี บราวน์ v. คณะกรรมการการศึกษาเมืองโทพีกา ในปี 1954 บังคับให้โรงเรียนในสหรัฐอเมริกาขจัดการแบ่งแยกสีผิว “อย่างรวดเร็วด้วยความตั้งใจ” หลายๆ ครอบครัวในท้องถิ่นก็ได้จัดตั้ง “โรงเรียนคริสเตียน”แบบเอกชนหลายที่ ในหลายๆ พื้นที่ในภาคใต้"ของสหรัฐอเมริกา นักเรียน ผิวขาวหลายคนได้ย้ายไปที่โรงเรียนเหล่านี้ในขณะที่โรงเรียนรัฐบาลเริ่มมีนักเรียน อเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน รวมตัวกันมากขึ้น (จงดูรายชื่อโรงเรียนเอกชนในรัฐมิสซิสซิปปี) หลักสูตรการเรียนของโรงเรียนคริสเตียนเหล่านี้มักเป็นการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ จากช่วงปี 1970 หลายๆ "โรงเรียนแบ่งแยกสีผิว"เหล่านี้ได้ถูกปิดลงถึงแม้ว่าจะยังมีบางแห่งที่ยังคงดำเนินการอยู่ [จำเป็นต้องมีการอ้างอิง] | นักเรียนหลายคนในส่วนไหนของสหรัฐอเมริกาที่ย้ายไปโรงเรียนคริสเตียนในช่วงที่ยกเลิการแบ่งแยกสีผิว | {
"text": [
"ภาคใต้"
],
"answer_start": [
270
]
} |
572757bef1498d1400e8f693 | ในหลายๆ แห่งในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ศาลตัดสินคดี บราวน์ v. คณะกรรมการการศึกษาเมืองโทพีกา ในปี 1954 บังคับให้โรงเรียนในสหรัฐอเมริกาขจัดการแบ่งแยกสีผิว “อย่างรวดเร็วด้วยความตั้งใจ” หลายๆ ครอบครัวในท้องถิ่นก็ได้จัดตั้ง “โรงเรียนคริสเตียน”แบบเอกชนหลายที่ ในหลายๆ พื้นที่ในภาคใต้"ของสหรัฐอเมริกา นักเรียน ผิวขาวหลายคนได้ย้ายไปที่โรงเรียนเหล่านี้ในขณะที่โรงเรียนรัฐบาลเริ่มมีนักเรียน อเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน รวมตัวกันมากขึ้น (จงดูรายชื่อโรงเรียนเอกชนในรัฐมิสซิสซิปปี) หลักสูตรการเรียนของโรงเรียนคริสเตียนเหล่านี้มักเป็นการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ จากช่วงปี 1970 หลายๆ "โรงเรียนแบ่งแยกสีผิว"เหล่านี้ได้ถูกปิดลงถึงแม้ว่าจะยังมีบางแห่งที่ยังคงดำเนินการอยู่ [จำเป็นต้องมีการอ้างอิง] | นักเรียนเชื้อชาติไหนเป็นส่วนใหญ่ที่เข้าเรียนที่โรงเรียนคริสเตียนหลังจากคำตัดสินของศาลในคดีบารวน์ | {
"text": [
"ผิวขาว"
],
"answer_start": [
302
]
} |
572757bef1498d1400e8f694 | ในหลายๆ แห่งในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ศาลตัดสินคดี บราวน์ v. คณะกรรมการการศึกษาเมืองโทพีกา ในปี 1954 บังคับให้โรงเรียนในสหรัฐอเมริกาขจัดการแบ่งแยกสีผิว “อย่างรวดเร็วด้วยความตั้งใจ” หลายๆ ครอบครัวในท้องถิ่นก็ได้จัดตั้ง “โรงเรียนคริสเตียน”แบบเอกชนหลายที่ ในหลายๆ พื้นที่ในภาคใต้"ของสหรัฐอเมริกา นักเรียน ผิวขาวหลายคนได้ย้ายไปที่โรงเรียนเหล่านี้ในขณะที่โรงเรียนรัฐบาลเริ่มมีนักเรียน อเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน รวมตัวกันมากขึ้น (จงดูรายชื่อโรงเรียนเอกชนในรัฐมิสซิสซิปปี) หลักสูตรการเรียนของโรงเรียนคริสเตียนเหล่านี้มักเป็นการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ จากช่วงปี 1970 หลายๆ "โรงเรียนแบ่งแยกสีผิว"เหล่านี้ได้ถูกปิดลงถึงแม้ว่าจะยังมีบางแห่งที่ยังคงดำเนินการอยู่ [จำเป็นต้องมีการอ้างอิง] | การยกเลิกการแบ่งแยกสีผิวในโรงเรียนของสหรัฐอเมริกาทำให้จำนวนของนักเรียนเชื้อชาติใดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในโรงเรียรัฐบาล | {
"text": [
"อเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน"
],
"answer_start": [
380
]
} |
5727aec03acd2414000de991 | มหาวิทยาลัยได้ถูกแบ่งหน่วยการศึกษาออกเป็น สิบเอ็ดหน่วย—คือสิบคณะและสถาบันการศึกษาขั้นสูงแรดคลิฟ—โดยมีวิทยาเขตทั่วเขตมหานครบอสตัน วิทยาเขตหลักมีพื้นที่ 209 เอเคอร์ (85 เฮกตาร์) และตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางที่ ฮาร์วาร์ด ยาร์ดในเคมบริดจ์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของบอสตันประมาณ 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร) วิทยาลัยธุรกิจและอาคารกีฬา รวมถึงสนามกีฬาฮาร์วาร์ด ตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำชาร์ลสในย่านออลสตันของบอสตัน และวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสาธารณสุขตั้งอยู่ในเขตการแพทย์ลองวูด ทุนบริจาคของฮาร์วาร์ดในมูลค่า37.6 พันล้านดอลล่าร์เป็นจำนวนที่มากกว่าสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทั้งหมด | มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในเมืองใหญ่เมืองไหนของสหรัฐอเมริกา | {
"text": [
"บอสตัน"
],
"answer_start": [
122
]
} |
5727aec03acd2414000de992 | มหาวิทยาลัยได้ถูกแบ่งหน่วยการศึกษาออกเป็น สิบเอ็ดหน่วย—คือสิบคณะและสถาบันการศึกษาขั้นสูงแรดคลิฟ—โดยมีวิทยาเขตทั่วเขตมหานครบอสตัน วิทยาเขตหลักมีพื้นที่ 209 เอเคอร์ (85 เฮกตาร์) และตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางที่ ฮาร์วาร์ด ยาร์ดในเคมบริดจ์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของบอสตันประมาณ 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร) วิทยาลัยธุรกิจและอาคารกีฬา รวมถึงสนามกีฬาฮาร์วาร์ด ตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำชาร์ลสในย่านออลสตันของบอสตัน และวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสาธารณสุขตั้งอยู่ในเขตการแพทย์ลองวูด ทุนบริจาคของฮาร์วาร์ดในมูลค่า37.6 พันล้านดอลล่าร์เป็นจำนวนที่มากกว่าสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทั้งหมด | เงินทุนบริจาคของมหาวิทยาลัยเป็นจำนวนเท่าไหร่ | {
"text": [
"37.6 พันล้าน"
],
"answer_start": [
508
]
} |
5727aec03acd2414000de993 | มหาวิทยาลัยได้ถูกแบ่งหน่วยการศึกษาออกเป็น สิบเอ็ดหน่วย—คือสิบคณะและสถาบันการศึกษาขั้นสูงแรดคลิฟ—โดยมีวิทยาเขตทั่วเขตมหานครบอสตัน วิทยาเขตหลักมีพื้นที่ 209 เอเคอร์ (85 เฮกตาร์) และตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางที่ ฮาร์วาร์ด ยาร์ดในเคมบริดจ์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของบอสตันประมาณ 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร) วิทยาลัยธุรกิจและอาคารกีฬา รวมถึงสนามกีฬาฮาร์วาร์ด ตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำชาร์ลสในย่านออลสตันของบอสตัน และวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสาธารณสุขตั้งอยู่ในเขตการแพทย์ลองวูด ทุนบริจาคของฮาร์วาร์ดในมูลค่า37.6 พันล้านดอลล่าร์เป็นจำนวนที่มากกว่าสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทั้งหมด | แม่น้ำอะไรที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับโรงเรียน | {
"text": [
"ชาร์ลส"
],
"answer_start": [
373
]
} |
5727aec03acd2414000de994 | มหาวิทยาลัยได้ถูกแบ่งหน่วยการศึกษาออกเป็น สิบเอ็ดหน่วย—คือสิบคณะและสถาบันการศึกษาขั้นสูงแรดคลิฟ—โดยมีวิทยาเขตทั่วเขตมหานครบอสตัน วิทยาเขตหลักมีพื้นที่ 209 เอเคอร์ (85 เฮกตาร์) และตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางที่ ฮาร์วาร์ด ยาร์ดในเคมบริดจ์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของบอสตันประมาณ 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร) วิทยาลัยธุรกิจและอาคารกีฬา รวมถึงสนามกีฬาฮาร์วาร์ด ตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำชาร์ลสในย่านออลสตันของบอสตัน และวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสาธารณสุขตั้งอยู่ในเขตการแพทย์ลองวูด ทุนบริจาคของฮาร์วาร์ดในมูลค่า37.6 พันล้านดอลล่าร์เป็นจำนวนที่มากกว่าสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทั้งหมด | โรงเรียนนี้มีหน่วยการศึกษากี่หน่วย | {
"text": [
"สิบเอ็ด"
],
"answer_start": [
42
]
} |
5727aec03acd2414000de995 | มหาวิทยาลัยได้ถูกแบ่งหน่วยการศึกษาออกเป็น สิบเอ็ดหน่วย—คือสิบคณะและสถาบันการศึกษาขั้นสูงแรดคลิฟ—โดยมีวิทยาเขตทั่วเขตมหานครบอสตัน วิทยาเขตหลักมีพื้นที่ 209 เอเคอร์ (85 เฮกตาร์) และตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางที่ ฮาร์วาร์ด ยาร์ดในเคมบริดจ์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของบอสตันประมาณ 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร) วิทยาลัยธุรกิจและอาคารกีฬา รวมถึงสนามกีฬาฮาร์วาร์ด ตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำชาร์ลสในย่านออลสตันของบอสตัน และวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสาธารณสุขตั้งอยู่ในเขตการแพทย์ลองวูด ทุนบริจาคของฮาร์วาร์ดในมูลค่า37.6 พันล้านดอลล่าร์เป็นจำนวนที่มากกว่าสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทั้งหมด | วิทยาเขตหลักที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของเคมบริดจ์อยู่ในเขตที่ชื่อว่าอะไร | {
"text": [
"ฮาร์วาร์ด ยาร์ด"
],
"answer_start": [
204
]
} |
5727cc15ff5b5019007d9576 | โรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ดและอาคารศูนย์กีฬา รวมถึงสนามกีฬาฮาร์วาร์ด ตั้งอยู่ในวิทยาเขตขนาด 358 เอเคอร์ (145 เฮกตาร์) ที่อยู่ตรงข้ามกับวิทยาเขตเคมบริดจ์ในออลสตัน สะพานจอห์น ดับเบิลยู วีคส์ บริดจ์เป็นสะพานทางเท้าข้ามแม่น้ำชาร์ลสที่เชื่อมสองวิทยาเขตเข้าด้วยกัน โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด โรงเรียนทันตแพทย์ฮาร์วาร์ด และโรงเรียนสาธารณสุขฮาร์วาร์ดตั้งอยู่ในวิทยาเขตขนาด 21 เอเคอร์ (8.5 เฮกตาร์) ในเขตการแพทย์และการศึกษาลองวูด ประมาณ 3.3 ไมล์ (5.3 กิโลเมตร) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกลางเมืองบอสตัน และ 3.3 ไมล์ (5.3 กิโลเมตร) ทางทิศใต้ของวิทยาเขตเคมบริดจ์ | สนามกีฬาฮาร์วาร์ดตั้งอยู่ที่ไหน | {
"text": [
"ออลสตัน"
],
"answer_start": [
150
]
} |
5727cc15ff5b5019007d9577 | โรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ดและอาคารศูนย์กีฬา รวมถึงสนามกีฬาฮาร์วาร์ด ตั้งอยู่ในวิทยาเขตขนาด 358 เอเคอร์ (145 เฮกตาร์) ที่อยู่ตรงข้ามกับวิทยาเขตเคมบริดจ์ในออลสตัน สะพานจอห์น ดับเบิลยู วีคส์ บริดจ์เป็นสะพานทางเท้าข้ามแม่น้ำชาร์ลสที่เชื่อมสองวิทยาเขตเข้าด้วยกัน โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด โรงเรียนทันตแพทย์ฮาร์วาร์ด และโรงเรียนสาธารณสุขฮาร์วาร์ดตั้งอยู่ในวิทยาเขตขนาด 21 เอเคอร์ (8.5 เฮกตาร์) ในเขตการแพทย์และการศึกษาลองวูด ประมาณ 3.3 ไมล์ (5.3 กิโลเมตร) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกลางเมืองบอสตัน และ 3.3 ไมล์ (5.3 กิโลเมตร) ทางทิศใต้ของวิทยาเขตเคมบริดจ์ | สะพานที่เชื่อมบางส่วนของวิทยาเขตข้ามแม่น้ำชาร์ลสมีชื่อว่าอะไร | {
"text": [
"จอห์น ดับเบิลยู วีคส์ บริดจ์"
],
"answer_start": [
163
]
} |
5727cc15ff5b5019007d9578 | โรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ดและอาคารศูนย์กีฬา รวมถึงสนามกีฬาฮาร์วาร์ด ตั้งอยู่ในวิทยาเขตขนาด 358 เอเคอร์ (145 เฮกตาร์) ที่อยู่ตรงข้ามกับวิทยาเขตเคมบริดจ์ในออลสตัน สะพานจอห์น ดับเบิลยู วีคส์ บริดจ์เป็นสะพานทางเท้าข้ามแม่น้ำชาร์ลสที่เชื่อมสองวิทยาเขตเข้าด้วยกัน โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด โรงเรียนทันตแพทย์ฮาร์วาร์ด และโรงเรียนสาธารณสุขฮาร์วาร์ดตั้งอยู่ในวิทยาเขตขนาด 21 เอเคอร์ (8.5 เฮกตาร์) ในเขตการแพทย์และการศึกษาลองวูด ประมาณ 3.3 ไมล์ (5.3 กิโลเมตร) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกลางเมืองบอสตัน และ 3.3 ไมล์ (5.3 กิโลเมตร) ทางทิศใต้ของวิทยาเขตเคมบริดจ์ | โรงเรียนแพทย์ ทันตแพทย์ และสาธารณสุขฮาร์วาร์ดตั้งอยู่ที่ไหน | {
"text": [
"เขตการแพทย์และการศึกษาลองวูด"
],
"answer_start": [
384
]
} |
5727d0f73acd2414000ded13 | ช่วงขบวนการการขายเงินลงทุนออกจากแอฟริกาใต้ในยุคปลาย 1980นักเคลื่อนไหวที่เป็นนักศึกษาได้สร้าง “ชุมชนกระต๊อบ” เป็นสัญญลักษณ์บนฮาร์วาร์ด ยาร์ด และได้กีดกั้นคำปราศัยโดยรองกงสุลดยุค เคนท์-บราวน์ บริษัทฮาร์วาร์ดแมเนจเมนท์ได้ปฎิเสธที่จะขายเงินลงทุนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต้องไม่ขึ้นอยู่กับการจำกัดด้านการเงินที่ไม่สมจริง หรือการจ้องจับผิดโดยผู้ที่หูป่าตาเถื่อน หรือโดยกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ” ทว่า มหาวิทยาลัยก็ได้ลดสินทรัพย์ในแอฟริกาใต้ไป230 ล้านดอลล่าร์ (จาก 400 ล้านดอลล่าร์)ในที่สุดจากการถูกกดดัน | ขบวนการขายเงินลงทุนออกจากแอฟริกาใต้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ | {
"text": [
"ปลาย 1980"
],
"answer_start": [
47
]
} |
5727d0f73acd2414000ded14 | ช่วงขบวนการการขายเงินลงทุนออกจากแอฟริกาใต้ในยุคปลาย 1980นักเคลื่อนไหวที่เป็นนักศึกษาได้สร้าง “ชุมชนกระต๊อบ” เป็นสัญญลักษณ์บนฮาร์วาร์ด ยาร์ด และได้กีดกั้นคำปราศัยโดยรองกงสุลดยุค เคนท์-บราวน์ บริษัทฮาร์วาร์ดแมเนจเมนท์ได้ปฎิเสธที่จะขายเงินลงทุนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต้องไม่ขึ้นอยู่กับการจำกัดด้านการเงินที่ไม่สมจริง หรือการจ้องจับผิดโดยผู้ที่หูป่าตาเถื่อน หรือโดยกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ” ทว่า มหาวิทยาลัยก็ได้ลดสินทรัพย์ในแอฟริกาใต้ไป230 ล้านดอลล่าร์ (จาก 400 ล้านดอลล่าร์)ในที่สุดจากการถูกกดดัน | นักศึกษาฮาร์วาร์ดได้กีดกั้นคำปราศัยจากรองกงสุลของแอฟริกาใต้ท่านใด | {
"text": [
"ดยุค เคนท์-บราวน์"
],
"answer_start": [
172
]
} |
5727d0f73acd2414000ded15 | ช่วงขบวนการการขายเงินลงทุนออกจากแอฟริกาใต้ในยุคปลาย 1980นักเคลื่อนไหวที่เป็นนักศึกษาได้สร้าง “ชุมชนกระต๊อบ” เป็นสัญญลักษณ์บนฮาร์วาร์ด ยาร์ด และได้กีดกั้นคำปราศัยโดยรองกงสุลดยุค เคนท์-บราวน์ บริษัทฮาร์วาร์ดแมเนจเมนท์ได้ปฎิเสธที่จะขายเงินลงทุนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต้องไม่ขึ้นอยู่กับการจำกัดด้านการเงินที่ไม่สมจริง หรือการจ้องจับผิดโดยผู้ที่หูป่าตาเถื่อน หรือโดยกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ” ทว่า มหาวิทยาลัยก็ได้ลดสินทรัพย์ในแอฟริกาใต้ไป230 ล้านดอลล่าร์ (จาก 400 ล้านดอลล่าร์)ในที่สุดจากการถูกกดดัน | ฮาร์วาร์ดแมเนจเมนท์ได้ลดสินทรัพย์ในแอฟริกาใต้จากการถูกกดดันไปเท่าไหร่ | {
"text": [
"230 ล้านดอลล่าร์"
],
"answer_start": [
463
]
} |
5727d1c93acd2414000ded3f | การรับเข้านักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกเรียกโดยมูลนิธิคาร์เนกีว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ “เข้มงวดกับการคัดเลือกมากกว่าและมีการโอนเข้าน้อยกว่า” ที่อื่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับ5.3% ของผู้เข้าสมัครในชั้นปี 2019 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเป็นอัตราการรับเข้าที่ต่ำเป็นอันดับสองของมหาวิทยาลัยของรัฐทั้งหมด มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ยกเลิกโปรแกรมสมัครก่อนเวลาในปี 2007 เพราะเชื่อกันว่าโปรแกรมนี้ทำให้ผู้สมัครเข้าเรียนที่มีรายได้ขั้นต่ำและชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสเสียเปรียบ แต่โปรแกรมปฎิบัติก่อนเวลาก็ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่สำหรับชั้นปี2016 | อัตราการรับเข้าผู้สมัครของชั้นปี 2019 คืออะไร | {
"text": [
"5.3%"
],
"answer_start": [
174
]
} |
5727d1c93acd2414000ded40 | การรับเข้านักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกเรียกโดยมูลนิธิคาร์เนกีว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ “เข้มงวดกับการคัดเลือกมากกว่าและมีการโอนเข้าน้อยกว่า” ที่อื่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับ5.3% ของผู้เข้าสมัครในชั้นปี 2019 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเป็นอัตราการรับเข้าที่ต่ำเป็นอันดับสองของมหาวิทยาลัยของรัฐทั้งหมด มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ยกเลิกโปรแกรมสมัครก่อนเวลาในปี 2007 เพราะเชื่อกันว่าโปรแกรมนี้ทำให้ผู้สมัครเข้าเรียนที่มีรายได้ขั้นต่ำและชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสเสียเปรียบ แต่โปรแกรมปฎิบัติก่อนเวลาก็ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่สำหรับชั้นปี2016 | ฮาร์วาร์ดได้ยกเลิกโปรแกรมสมัครก่อนเวลาในปีอะไร | {
"text": [
"2007"
],
"answer_start": [
371
]
} |
5727d1c93acd2414000ded41 | การรับเข้านักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกเรียกโดยมูลนิธิคาร์เนกีว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ “เข้มงวดกับการคัดเลือกมากกว่าและมีการโอนเข้าน้อยกว่า” ที่อื่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับ5.3% ของผู้เข้าสมัครในชั้นปี 2019 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเป็นอัตราการรับเข้าที่ต่ำเป็นอันดับสองของมหาวิทยาลัยของรัฐทั้งหมด มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ยกเลิกโปรแกรมสมัครก่อนเวลาในปี 2007 เพราะเชื่อกันว่าโปรแกรมนี้ทำให้ผู้สมัครเข้าเรียนที่มีรายได้ขั้นต่ำและชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสเสียเปรียบ แต่โปรแกรมปฎิบัติก่อนเวลาก็ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่สำหรับชั้นปี2016 | ทำไมฮาร์วาร์ดถึงได้ยกเลิกโปรแกรมสมัครก่อนเวลา | {
"text": [
"เชื่อกันว่าโปรแกรมนี้ทำให้ผู้สมัครเข้าเรียนที่มีรายได้ขั้นต่ำและชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสเสียเปรียบ"
],
"answer_start": [
381
]
} |
5727d1c93acd2414000ded42 | การรับเข้านักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกเรียกโดยมูลนิธิคาร์เนกีว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ “เข้มงวดกับการคัดเลือกมากกว่าและมีการโอนเข้าน้อยกว่า” ที่อื่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับ5.3% ของผู้เข้าสมัครในชั้นปี 2019 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเป็นอัตราการรับเข้าที่ต่ำเป็นอันดับสองของมหาวิทยาลัยของรัฐทั้งหมด มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ยกเลิกโปรแกรมสมัครก่อนเวลาในปี 2007 เพราะเชื่อกันว่าโปรแกรมนี้ทำให้ผู้สมัครเข้าเรียนที่มีรายได้ขั้นต่ำและชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสเสียเปรียบ แต่โปรแกรมปฎิบัติก่อนเวลาก็ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่สำหรับชั้นปี2016 | โปรแกรมสมัครก่อนเวลาได้ถูกนำกลับมาใช้อีกในปีอะไร | {
"text": [
"2016"
],
"answer_start": [
539
]
} |
5727de862ca10214002d9860 | การเมือง: เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มุน ผู้นำการเมืองชาวอเมริกัน จอห์น แฮนค็อค, จอห์น อดัมส์, จอห์น ควินซี่ อดัมส์, รัทเธอร์ฟอร์ด บี เฮส์, ธีโอดอร์ รูสเวลท์, แฟรงคลิน ดี รูสเวล,ท์ จอห์น เอฟ เคนเนดี, แอล กอร์, จอร์จ ดับเบิลยู บุช, และ บารัค โอบามา; ประธานาธิบดีของชิลี เซบาสเตียน พิเนร่า; ประธานาธิบดีของโคลัมเบีย ฮวน แมนูเอล ซานโตส; ประธานาธิบดีของคอสตา ริก้า โอเซ มาเรีย ฟีเกเรส; ประธานาธิบดีของเม๊กซิโก เฟลิเป้ คาลเดรอง, คาร์โลส ซาลินาส เด กอร์ตาริ และ มิกุเอล เด ลา มาดริด; ประธานาธิบดีของมองโกเลีย ทซากิอากิอิน เอลเบกดอร์จ; ประธานาธิบดีของเปรู อะเลฮานโดร โทเลโด; ประธานาธิบดีของไต้หวัน มา ยิง-เจียว; ผู้ว่าการรัฐของแคนาดา นายพล เดวิด ลอยด์ จอห์นสตัน; สมาชิกรัฐสภาของอินเดีย จายันต์ ซินหา; นายกรัฐมนตรีของอัลบาเนีย ฟาน เอซ โนลี; นายกรัฐมนตรีของแคนาดา แมคเคนซี คิง และ ปิแอร์ ทรูโด; นายกรัฐมนตรีจากกรีซ อันโทนิส ซามาราส; นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู; นายกรัฐมนตรีคนก่อนของปากีสถาน เบนาเซอร์ บุตโต; เลขานุการการเคหะและพัฒนาเมืองของสหรัฐอเมริกา ณอณ โดโนแวน; ผู้นำการเมืองของแคนาดา ไมเคิล อิกนาทิฟ; สมาชิกสภาจังหวัดของปากีสถาน เมอร์ทาซา บุตโต และ ซานาม บุตโต; รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของบังคลาเทศ อบูล มาอัล อับดุล มูฮิท; ประธานาธิบดีของพันท์แลนด์ อับดิเวลี โมฮัมมัด อาลี; เอกอัคราชทูตสหภายยุโรป อันโทนี่ ลัซซัตโต การ์ดเนอร์ | เลขาธิการสหประชาชาติท่านใดจบจากฮาร์วาร์ด | {
"text": [
"บาน คี-มุน"
],
"answer_start": [
31
]
} |
5727de862ca10214002d9861 | การเมือง: เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มุน ผู้นำการเมืองชาวอเมริกัน จอห์น แฮนค็อค, จอห์น อดัมส์, จอห์น ควินซี่ อดัมส์, รัทเธอร์ฟอร์ด บี เฮส์, ธีโอดอร์ รูสเวลท์, แฟรงคลิน ดี รูสเวล,ท์ จอห์น เอฟ เคนเนดี, แอล กอร์, จอร์จ ดับเบิลยู บุช, และ บารัค โอบามา; ประธานาธิบดีของชิลี เซบาสเตียน พิเนร่า; ประธานาธิบดีของโคลัมเบีย ฮวน แมนูเอล ซานโตส; ประธานาธิบดีของคอสตา ริก้า โอเซ มาเรีย ฟีเกเรส; ประธานาธิบดีของเม๊กซิโก เฟลิเป้ คาลเดรอง, คาร์โลส ซาลินาส เด กอร์ตาริ และ มิกุเอล เด ลา มาดริด; ประธานาธิบดีของมองโกเลีย ทซากิอากิอิน เอลเบกดอร์จ; ประธานาธิบดีของเปรู อะเลฮานโดร โทเลโด; ประธานาธิบดีของไต้หวัน มา ยิง-เจียว; ผู้ว่าการรัฐของแคนาดา นายพล เดวิด ลอยด์ จอห์นสตัน; สมาชิกรัฐสภาของอินเดีย จายันต์ ซินหา; นายกรัฐมนตรีของอัลบาเนีย ฟาน เอซ โนลี; นายกรัฐมนตรีของแคนาดา แมคเคนซี คิง และ ปิแอร์ ทรูโด; นายกรัฐมนตรีจากกรีซ อันโทนิส ซามาราส; นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู; นายกรัฐมนตรีคนก่อนของปากีสถาน เบนาเซอร์ บุตโต; เลขานุการการเคหะและพัฒนาเมืองของสหรัฐอเมริกา ณอณ โดโนแวน; ผู้นำการเมืองของแคนาดา ไมเคิล อิกนาทิฟ; สมาชิกสภาจังหวัดของปากีสถาน เมอร์ทาซา บุตโต และ ซานาม บุตโต; รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของบังคลาเทศ อบูล มาอัล อับดุล มูฮิท; ประธานาธิบดีของพันท์แลนด์ อับดิเวลี โมฮัมมัด อาลี; เอกอัคราชทูตสหภายยุโรป อันโทนี่ ลัซซัตโต การ์ดเนอร์ | ประธานาธิบดีของโคลัมเบียท่านใดจบจากฮาร์วาร์ด | {
"text": [
"ฮวน แมนูเอล ซานโตส"
],
"answer_start": [
315
]
} |
5727de862ca10214002d9862 | การเมือง: เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มุน ผู้นำการเมืองชาวอเมริกัน จอห์น แฮนค็อค, จอห์น อดัมส์, จอห์น ควินซี่ อดัมส์, รัทเธอร์ฟอร์ด บี เฮส์, ธีโอดอร์ รูสเวลท์, แฟรงคลิน ดี รูสเวล,ท์ จอห์น เอฟ เคนเนดี, แอล กอร์, จอร์จ ดับเบิลยู บุช, และ บารัค โอบามา; ประธานาธิบดีของชิลี เซบาสเตียน พิเนร่า; ประธานาธิบดีของโคลัมเบีย ฮวน แมนูเอล ซานโตส; ประธานาธิบดีของคอสตา ริก้า โอเซ มาเรีย ฟีเกเรส; ประธานาธิบดีของเม๊กซิโก เฟลิเป้ คาลเดรอง, คาร์โลส ซาลินาส เด กอร์ตาริ และ มิกุเอล เด ลา มาดริด; ประธานาธิบดีของมองโกเลีย ทซากิอากิอิน เอลเบกดอร์จ; ประธานาธิบดีของเปรู อะเลฮานโดร โทเลโด; ประธานาธิบดีของไต้หวัน มา ยิง-เจียว; ผู้ว่าการรัฐของแคนาดา นายพล เดวิด ลอยด์ จอห์นสตัน; สมาชิกรัฐสภาของอินเดีย จายันต์ ซินหา; นายกรัฐมนตรีของอัลบาเนีย ฟาน เอซ โนลี; นายกรัฐมนตรีของแคนาดา แมคเคนซี คิง และ ปิแอร์ ทรูโด; นายกรัฐมนตรีจากกรีซ อันโทนิส ซามาราส; นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู; นายกรัฐมนตรีคนก่อนของปากีสถาน เบนาเซอร์ บุตโต; เลขานุการการเคหะและพัฒนาเมืองของสหรัฐอเมริกา ณอณ โดโนแวน; ผู้นำการเมืองของแคนาดา ไมเคิล อิกนาทิฟ; สมาชิกสภาจังหวัดของปากีสถาน เมอร์ทาซา บุตโต และ ซานาม บุตโต; รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของบังคลาเทศ อบูล มาอัล อับดุล มูฮิท; ประธานาธิบดีของพันท์แลนด์ อับดิเวลี โมฮัมมัด อาลี; เอกอัคราชทูตสหภายยุโรป อันโทนี่ ลัซซัตโต การ์ดเนอร์ | ประธานาธิบดีของคอสตา ริก้า ที่จบจากฮาร์วาร์ดคือใคร | {
"text": [
"โอเซ มาเรีย ฟีเกเรส"
],
"answer_start": [
362
]
} |
5727de862ca10214002d9863 | การเมือง: เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มุน ผู้นำการเมืองชาวอเมริกัน จอห์น แฮนค็อค, จอห์น อดัมส์, จอห์น ควินซี่ อดัมส์, รัทเธอร์ฟอร์ด บี เฮส์, ธีโอดอร์ รูสเวลท์, แฟรงคลิน ดี รูสเวล,ท์ จอห์น เอฟ เคนเนดี, แอล กอร์, จอร์จ ดับเบิลยู บุช, และ บารัค โอบามา; ประธานาธิบดีของชิลี เซบาสเตียน พิเนร่า; ประธานาธิบดีของโคลัมเบีย ฮวน แมนูเอล ซานโตส; ประธานาธิบดีของคอสตา ริก้า โอเซ มาเรีย ฟีเกเรส; ประธานาธิบดีของเม๊กซิโก เฟลิเป้ คาลเดรอง, คาร์โลส ซาลินาส เด กอร์ตาริ และ มิกุเอล เด ลา มาดริด; ประธานาธิบดีของมองโกเลีย ทซากิอากิอิน เอลเบกดอร์จ; ประธานาธิบดีของเปรู อะเลฮานโดร โทเลโด; ประธานาธิบดีของไต้หวัน มา ยิง-เจียว; ผู้ว่าการรัฐของแคนาดา นายพล เดวิด ลอยด์ จอห์นสตัน; สมาชิกรัฐสภาของอินเดีย จายันต์ ซินหา; นายกรัฐมนตรีของอัลบาเนีย ฟาน เอซ โนลี; นายกรัฐมนตรีของแคนาดา แมคเคนซี คิง และ ปิแอร์ ทรูโด; นายกรัฐมนตรีจากกรีซ อันโทนิส ซามาราส; นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู; นายกรัฐมนตรีคนก่อนของปากีสถาน เบนาเซอร์ บุตโต; เลขานุการการเคหะและพัฒนาเมืองของสหรัฐอเมริกา ณอณ โดโนแวน; ผู้นำการเมืองของแคนาดา ไมเคิล อิกนาทิฟ; สมาชิกสภาจังหวัดของปากีสถาน เมอร์ทาซา บุตโต และ ซานาม บุตโต; รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของบังคลาเทศ อบูล มาอัล อับดุล มูฮิท; ประธานาธิบดีของพันท์แลนด์ อับดิเวลี โมฮัมมัด อาลี; เอกอัคราชทูตสหภายยุโรป อันโทนี่ ลัซซัตโต การ์ดเนอร์ | ศิทย์เก่าจากฮาร์วาร์ดท่านใดคือนายกรัฐมนตรีของปาเลสไตน์ | {
"text": [
"เบนจามิน เนทันยาฮู"
],
"answer_start": [
849
]
} |
5727c94bff5b5019007d954a | แจ็กสันวิลล์เป็นเมืองที่มีประชากรสูงที่สุดในรัฐฟลอริด้าของสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดตามพื้นที่ในสหรัฐอเมริกาที่มีพื้นที่เชื่อมติดกัน เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของ มณฑลดูวัล ที่ซึ่งเป็นที่รวมตัวของรัฐบาลปกครองนครในปี 1968 การรวมตัวกันนี้ทำให้แจ็คสันวิลล์มีขนาดที่ใหญ่และทำให้จำนวนประชากรของนครบาลส่วนใหญ่ตกอยู่ในเขตเมือง จำนวนประชากรโดยประมาณในปี 2014 อยู่ที่ 853,382 ซึ่งทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในฟลอริด้าและในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของสหรัฐอเมริกา แจ็คสันวิลล์เป็นเมืองหลักในเขตนครหลวงแจ็คสันวิลล์ และมีจำนวนประชากร 1,345,596 คนในปี 2010 | เมืองไหนของรัฐฟลอริด้าที่มีประชากรมากที่สุด | {
"text": [
"แจ็กสันวิลล์"
],
"answer_start": [
0
]
} |
5727c94bff5b5019007d954b | แจ็กสันวิลล์เป็นเมืองที่มีประชากรสูงที่สุดในรัฐฟลอริด้าของสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดตามพื้นที่ในสหรัฐอเมริกาที่มีพื้นที่เชื่อมติดกัน เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของ มณฑลดูวัล ที่ซึ่งเป็นที่รวมตัวของรัฐบาลปกครองนครในปี 1968 การรวมตัวกันนี้ทำให้แจ็คสันวิลล์มีขนาดที่ใหญ่และทำให้จำนวนประชากรของนครบาลส่วนใหญ่ตกอยู่ในเขตเมือง จำนวนประชากรโดยประมาณในปี 2014 อยู่ที่ 853,382 ซึ่งทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในฟลอริด้าและในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของสหรัฐอเมริกา แจ็คสันวิลล์เป็นเมืองหลักในเขตนครหลวงแจ็คสันวิลล์ และมีจำนวนประชากร 1,345,596 คนในปี 2010 | จำนวนประชากรของเมืองแจ็คสันวิลล์มีเท่าไหร่ในปี 2010 | {
"text": [
"1,345,596"
],
"answer_start": [
585
]
} |
5727c94bff5b5019007d954c | แจ็กสันวิลล์เป็นเมืองที่มีประชากรสูงที่สุดในรัฐฟลอริด้าของสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดตามพื้นที่ในสหรัฐอเมริกาที่มีพื้นที่เชื่อมติดกัน เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของ มณฑลดูวัล ที่ซึ่งเป็นที่รวมตัวของรัฐบาลปกครองนครในปี 1968 การรวมตัวกันนี้ทำให้แจ็คสันวิลล์มีขนาดที่ใหญ่และทำให้จำนวนประชากรของนครบาลส่วนใหญ่ตกอยู่ในเขตเมือง จำนวนประชากรโดยประมาณในปี 2014 อยู่ที่ 853,382 ซึ่งทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในฟลอริด้าและในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของสหรัฐอเมริกา แจ็คสันวิลล์เป็นเมืองหลักในเขตนครหลวงแจ็คสันวิลล์ และมีจำนวนประชากร 1,345,596 คนในปี 2010 | เมื่อวัดจากจำนวนประชากรเพียงอย่างเดียว แจ็คสันวิลล์อยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ของสหรัฐอเมริกา | {
"text": [
"12"
],
"answer_start": [
498
]
} |
5727c94bff5b5019007d954d | แจ็กสันวิลล์เป็นเมืองที่มีประชากรสูงที่สุดในรัฐฟลอริด้าของสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดตามพื้นที่ในสหรัฐอเมริกาที่มีพื้นที่เชื่อมติดกัน เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของ มณฑลดูวัล ที่ซึ่งเป็นที่รวมตัวของรัฐบาลปกครองนครในปี 1968 การรวมตัวกันนี้ทำให้แจ็คสันวิลล์มีขนาดที่ใหญ่และทำให้จำนวนประชากรของนครบาลส่วนใหญ่ตกอยู่ในเขตเมือง จำนวนประชากรโดยประมาณในปี 2014 อยู่ที่ 853,382 ซึ่งทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในฟลอริด้าและในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของสหรัฐอเมริกา แจ็คสันวิลล์เป็นเมืองหลักในเขตนครหลวงแจ็คสันวิลล์ และมีจำนวนประชากร 1,345,596 คนในปี 2010 | แจ็คสันวิลล์ตั้งอยู่ในมณฑลอะไร | {
"text": [
"มณฑลดูวัล"
],
"answer_start": [
170
]
} |
5727c94bff5b5019007d954e | แจ็กสันวิลล์เป็นเมืองที่มีประชากรสูงที่สุดในรัฐฟลอริด้าของสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดตามพื้นที่ในสหรัฐอเมริกาที่มีพื้นที่เชื่อมติดกัน เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของ มณฑลดูวัล ที่ซึ่งเป็นที่รวมตัวของรัฐบาลปกครองนครในปี 1968 การรวมตัวกันนี้ทำให้แจ็คสันวิลล์มีขนาดที่ใหญ่และทำให้จำนวนประชากรของนครบาลส่วนใหญ่ตกอยู่ในเขตเมือง จำนวนประชากรโดยประมาณในปี 2014 อยู่ที่ 853,382 ซึ่งทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในฟลอริด้าและในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของสหรัฐอเมริกา แจ็คสันวิลล์เป็นเมืองหลักในเขตนครหลวงแจ็คสันวิลล์ และมีจำนวนประชากร 1,345,596 คนในปี 2010 | การรวมตัวกันของรัฐบาลเมืองทำให้แจ็คสันวิลล์มาเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลดูวัลในปีอะไร | {
"text": [
"1968"
],
"answer_start": [
223
]
} |
5727cb4b2ca10214002d9676 | แจ็คสันวิลล์ตั้งอยู่ภูมิภาคที่ติดชายฝั่งแรกทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฟลอริด้า และอยู่เป็นศูนย์กลางของฝั่งแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ประมาณ 25 ไมล์ (40 กิโลเมตร) ใต้จากเส้นชายแดนรัฐจอร์เจีย และประมาณ340 ไมล์เหนือจากไมอามี่ ชุมชนชายหาดของแจ็คสันวิลล์นั้นมีอยู่ตลอดฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พื้นที่แห่งนี้เดิมทีเป็นที่อยู่ของชนเผ่า ทีมูควา และในปี 1564 ก็เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของฝรั่งเศสที่เรียกว่า ฟอร์ต แคโรไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในถิ่นฐานแรกๆ ของชาวยุโรปที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกาในทุกวันนี้ ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ถิ่นฐานแห่งนี้ได้เติบโตขึ้นจากจุดแคบของแม่น้ำตรงที่ฝูงโคข้าม เรียกกันว่า วัคค่า พิลัตก้า โดยชาวเซมิโนล และเรียกกันว่า คาว ฟอร์ด โดยชาวอังกฤษ เมืองเล็กๆ ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1822 ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ฟลอริด้ามาจากสเปน เมืองนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของ แอนดรู แจ็คสัน ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลทหารคนแรกของอาณาเขตฟลอริด้า และเป็นประธานาธิบดีคนที่เจ็ดของสหรัฐอเมริกา | แม่น้ำอะไรที่ไหลอยู่ข้างแจ็คสันวิลล์ | {
"text": [
"เซนต์ จอห์นส์"
],
"answer_start": [
115
]
} |
5727cb4b2ca10214002d9677 | แจ็คสันวิลล์ตั้งอยู่ภูมิภาคที่ติดชายฝั่งแรกทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฟลอริด้า และอยู่เป็นศูนย์กลางของฝั่งแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ประมาณ 25 ไมล์ (40 กิโลเมตร) ใต้จากเส้นชายแดนรัฐจอร์เจีย และประมาณ340 ไมล์เหนือจากไมอามี่ ชุมชนชายหาดของแจ็คสันวิลล์นั้นมีอยู่ตลอดฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พื้นที่แห่งนี้เดิมทีเป็นที่อยู่ของชนเผ่า ทีมูควา และในปี 1564 ก็เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของฝรั่งเศสที่เรียกว่า ฟอร์ต แคโรไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในถิ่นฐานแรกๆ ของชาวยุโรปที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกาในทุกวันนี้ ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ถิ่นฐานแห่งนี้ได้เติบโตขึ้นจากจุดแคบของแม่น้ำตรงที่ฝูงโคข้าม เรียกกันว่า วัคค่า พิลัตก้า โดยชาวเซมิโนล และเรียกกันว่า คาว ฟอร์ด โดยชาวอังกฤษ เมืองเล็กๆ ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1822 ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ฟลอริด้ามาจากสเปน เมืองนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของ แอนดรู แจ็คสัน ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลทหารคนแรกของอาณาเขตฟลอริด้า และเป็นประธานาธิบดีคนที่เจ็ดของสหรัฐอเมริกา | แจ็คสันวิลล์อยู่ห่างจากไมอามี่เท่าไหร่ | {
"text": [
"340 ไมล์"
],
"answer_start": [
195
]
} |
5727cb4b2ca10214002d9678 | แจ็คสันวิลล์ตั้งอยู่ภูมิภาคที่ติดชายฝั่งแรกทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฟลอริด้า และอยู่เป็นศูนย์กลางของฝั่งแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ประมาณ 25 ไมล์ (40 กิโลเมตร) ใต้จากเส้นชายแดนรัฐจอร์เจีย และประมาณ340 ไมล์เหนือจากไมอามี่ ชุมชนชายหาดของแจ็คสันวิลล์นั้นมีอยู่ตลอดฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พื้นที่แห่งนี้เดิมทีเป็นที่อยู่ของชนเผ่า ทีมูควา และในปี 1564 ก็เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของฝรั่งเศสที่เรียกว่า ฟอร์ต แคโรไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในถิ่นฐานแรกๆ ของชาวยุโรปที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกาในทุกวันนี้ ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ถิ่นฐานแห่งนี้ได้เติบโตขึ้นจากจุดแคบของแม่น้ำตรงที่ฝูงโคข้าม เรียกกันว่า วัคค่า พิลัตก้า โดยชาวเซมิโนล และเรียกกันว่า คาว ฟอร์ด โดยชาวอังกฤษ เมืองเล็กๆ ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1822 ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ฟลอริด้ามาจากสเปน เมืองนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของ แอนดรู แจ็คสัน ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลทหารคนแรกของอาณาเขตฟลอริด้า และเป็นประธานาธิบดีคนที่เจ็ดของสหรัฐอเมริกา | อาณานิคมของฝรั่งเศสที่ตั้งขึ้นในปี 1564 มีชื่อว่าอะไร | {
"text": [
"ฟอร์ต แคโรไลน์"
],
"answer_start": [
390
]
} |
5727cb4b2ca10214002d9679 | แจ็คสันวิลล์ตั้งอยู่ภูมิภาคที่ติดชายฝั่งแรกทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฟลอริด้า และอยู่เป็นศูนย์กลางของฝั่งแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ประมาณ 25 ไมล์ (40 กิโลเมตร) ใต้จากเส้นชายแดนรัฐจอร์เจีย และประมาณ340 ไมล์เหนือจากไมอามี่ ชุมชนชายหาดของแจ็คสันวิลล์นั้นมีอยู่ตลอดฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พื้นที่แห่งนี้เดิมทีเป็นที่อยู่ของชนเผ่า ทีมูควา และในปี 1564 ก็เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของฝรั่งเศสที่เรียกว่า ฟอร์ต แคโรไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในถิ่นฐานแรกๆ ของชาวยุโรปที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกาในทุกวันนี้ ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ถิ่นฐานแห่งนี้ได้เติบโตขึ้นจากจุดแคบของแม่น้ำตรงที่ฝูงโคข้าม เรียกกันว่า วัคค่า พิลัตก้า โดยชาวเซมิโนล และเรียกกันว่า คาว ฟอร์ด โดยชาวอังกฤษ เมืองเล็กๆ ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1822 ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ฟลอริด้ามาจากสเปน เมืองนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของ แอนดรู แจ็คสัน ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลทหารคนแรกของอาณาเขตฟลอริด้า และเป็นประธานาธิบดีคนที่เจ็ดของสหรัฐอเมริกา | ก่อนที่ชาวฝรั่งเศสจะมาถึง พื้นที่ที่รู้จักกันว่าแจ็คสันวิลล์ในสมัยนี้เคยเป็นที่อยู่ของชาวเผ่าที่มีชื่อว่าอะไร | {
"text": [
"ทีมูควา"
],
"answer_start": [
322
]
} |
5727cb4b2ca10214002d967a | แจ็คสันวิลล์ตั้งอยู่ภูมิภาคที่ติดชายฝั่งแรกทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฟลอริด้า และอยู่เป็นศูนย์กลางของฝั่งแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ประมาณ 25 ไมล์ (40 กิโลเมตร) ใต้จากเส้นชายแดนรัฐจอร์เจีย และประมาณ340 ไมล์เหนือจากไมอามี่ ชุมชนชายหาดของแจ็คสันวิลล์นั้นมีอยู่ตลอดฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พื้นที่แห่งนี้เดิมทีเป็นที่อยู่ของชนเผ่า ทีมูควา และในปี 1564 ก็เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของฝรั่งเศสที่เรียกว่า ฟอร์ต แคโรไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในถิ่นฐานแรกๆ ของชาวยุโรปที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกาในทุกวันนี้ ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ถิ่นฐานแห่งนี้ได้เติบโตขึ้นจากจุดแคบของแม่น้ำตรงที่ฝูงโคข้าม เรียกกันว่า วัคค่า พิลัตก้า โดยชาวเซมิโนล และเรียกกันว่า คาว ฟอร์ด โดยชาวอังกฤษ เมืองเล็กๆ ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1822 ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ฟลอริด้ามาจากสเปน เมืองนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของ แอนดรู แจ็คสัน ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลทหารคนแรกของอาณาเขตฟลอริด้า และเป็นประธานาธิบดีคนที่เจ็ดของสหรัฐอเมริกา | แจ็คสันวิลล์ได้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของคนในประวัติศาสตร์คนใด | {
"text": [
"แอนดรู แจ็คสัน"
],
"answer_start": [
772
]
} |
57280fd3ff5b5019007d9c26 | นักสำรวจฮิวโกนอตชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อว่าชอง ริบอล์ตเป็นคนทำแผนที่ของแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1562 โดยที่เรียกชื่อแม่น้ำนั้นว่า ริเวอร์ ออฟ เมย์ เพราะเขาได้ค้นพบมันในเดือนพฤษภาคม ริบอล์ตได้ตั้งเสาหินใกล้กับแจ็คสันวิลล์ในทุกวันนี้ และอ้างสิทธิ์ที่พื้นที่ถูกค้นพบใหม่ว่าเป็นของฝรั่งเศสในปี 1564 เรเน กูเลน เด ลอดองนิแอร์ ได้ตั้งนิคมยุโรปแห่งแรก ซึ่งก็คือฟอร์ด แคโรไลน์ บนเซนต์ จอห์น ใกล้ๆ กับหมู่บ้านหลักที่มีชื่อว่า ซาตูริวา พระราชาฟิลิปที่สองของสเปนได้ทรงสั่งให้ เปโดร เมเนนเดส เด อะวิเลส ปกป้องผลประโยชน์ของสเปนโดยการโจมตีพวกฝรั่งเศสที่ฟอร์ด แคโรไลน์ และในวันที่ 20 กันยายน ปี 1565 กองกำลังของฝั่งสเปนจากนิคมชาวสเปนระแวกนั้นที่มีชื่อว่า เซนต์ ออกัสติน ก็ได้โจมตีฟอร์ต แคโรไลน์ และได้ฆ่าทหารฝรั่งเศสที่ทำการปกป้องอยู่เกือบทั้งหมด ชาวสเปนได้ตั้งชื่อป้อมนั้นใหม่ว่า ซาน มาเทโอ และหลังจากที่ชาวฝรั่งเศสได้ถูกขับไล่ออกไป ตำแหน่งการเป็นนิคมสำคัญในฟลอริด้าของเซนต์ ออกัสติน ก็มีความมั่นคงยิ่งขึ้น สถานที่ตั้งแท้จริงของฟอร์ต แคโรไลน์นั้นยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ แต่ก็มีการสร้างป้อมนั้นขึ้นมาใหม่ติดแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1964 | ใครเป็นคนทำแผนที่แม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ในปี 1562 | {
"text": [
"ชอง ริบอล์ต"
],
"answer_start": [
39
]
} |
57280fd3ff5b5019007d9c27 | นักสำรวจฮิวโกนอตชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อว่าชอง ริบอล์ตเป็นคนทำแผนที่ของแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1562 โดยที่เรียกชื่อแม่น้ำนั้นว่า ริเวอร์ ออฟ เมย์ เพราะเขาได้ค้นพบมันในเดือนพฤษภาคม ริบอล์ตได้ตั้งเสาหินใกล้กับแจ็คสันวิลล์ในทุกวันนี้ และอ้างสิทธิ์ที่พื้นที่ถูกค้นพบใหม่ว่าเป็นของฝรั่งเศสในปี 1564 เรเน กูเลน เด ลอดองนิแอร์ ได้ตั้งนิคมยุโรปแห่งแรก ซึ่งก็คือฟอร์ด แคโรไลน์ บนเซนต์ จอห์น ใกล้ๆ กับหมู่บ้านหลักที่มีชื่อว่า ซาตูริวา พระราชาฟิลิปที่สองของสเปนได้ทรงสั่งให้ เปโดร เมเนนเดส เด อะวิเลส ปกป้องผลประโยชน์ของสเปนโดยการโจมตีพวกฝรั่งเศสที่ฟอร์ด แคโรไลน์ และในวันที่ 20 กันยายน ปี 1565 กองกำลังของฝั่งสเปนจากนิคมชาวสเปนระแวกนั้นที่มีชื่อว่า เซนต์ ออกัสติน ก็ได้โจมตีฟอร์ต แคโรไลน์ และได้ฆ่าทหารฝรั่งเศสที่ทำการปกป้องอยู่เกือบทั้งหมด ชาวสเปนได้ตั้งชื่อป้อมนั้นใหม่ว่า ซาน มาเทโอ และหลังจากที่ชาวฝรั่งเศสได้ถูกขับไล่ออกไป ตำแหน่งการเป็นนิคมสำคัญในฟลอริด้าของเซนต์ ออกัสติน ก็มีความมั่นคงยิ่งขึ้น สถานที่ตั้งแท้จริงของฟอร์ต แคโรไลน์นั้นยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ แต่ก็มีการสร้างป้อมนั้นขึ้นมาใหม่ติดแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1964 | ริบอล์ตได้อ้างสิทธิ์ส่วนที่เป็นแจ็คสันวิลล์ในทุกวันนี้ให้กับประเทศอะไร | {
"text": [
"ฝรั่งเศส"
],
"answer_start": [
273
]
} |
57280fd3ff5b5019007d9c28 | นักสำรวจฮิวโกนอตชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อว่าชอง ริบอล์ตเป็นคนทำแผนที่ของแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1562 โดยที่เรียกชื่อแม่น้ำนั้นว่า ริเวอร์ ออฟ เมย์ เพราะเขาได้ค้นพบมันในเดือนพฤษภาคม ริบอล์ตได้ตั้งเสาหินใกล้กับแจ็คสันวิลล์ในทุกวันนี้ และอ้างสิทธิ์ที่พื้นที่ถูกค้นพบใหม่ว่าเป็นของฝรั่งเศสในปี 1564 เรเน กูเลน เด ลอดองนิแอร์ ได้ตั้งนิคมยุโรปแห่งแรก ซึ่งก็คือฟอร์ด แคโรไลน์ บนเซนต์ จอห์น ใกล้ๆ กับหมู่บ้านหลักที่มีชื่อว่า ซาตูริวา พระราชาฟิลิปที่สองของสเปนได้ทรงสั่งให้ เปโดร เมเนนเดส เด อะวิเลส ปกป้องผลประโยชน์ของสเปนโดยการโจมตีพวกฝรั่งเศสที่ฟอร์ด แคโรไลน์ และในวันที่ 20 กันยายน ปี 1565 กองกำลังของฝั่งสเปนจากนิคมชาวสเปนระแวกนั้นที่มีชื่อว่า เซนต์ ออกัสติน ก็ได้โจมตีฟอร์ต แคโรไลน์ และได้ฆ่าทหารฝรั่งเศสที่ทำการปกป้องอยู่เกือบทั้งหมด ชาวสเปนได้ตั้งชื่อป้อมนั้นใหม่ว่า ซาน มาเทโอ และหลังจากที่ชาวฝรั่งเศสได้ถูกขับไล่ออกไป ตำแหน่งการเป็นนิคมสำคัญในฟลอริด้าของเซนต์ ออกัสติน ก็มีความมั่นคงยิ่งขึ้น สถานที่ตั้งแท้จริงของฟอร์ต แคโรไลน์นั้นยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ แต่ก็มีการสร้างป้อมนั้นขึ้นมาใหม่ติดแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1964 | ใครเป็นผู้นำการโจมตีอาณานิคมของฝรั่งเศสในปี 1565 | {
"text": [
"เปโดร เมเนนเดส เด อะวิเลส"
],
"answer_start": [
461
]
} |
57280fd3ff5b5019007d9c29 | นักสำรวจฮิวโกนอตชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อว่าชอง ริบอล์ตเป็นคนทำแผนที่ของแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1562 โดยที่เรียกชื่อแม่น้ำนั้นว่า ริเวอร์ ออฟ เมย์ เพราะเขาได้ค้นพบมันในเดือนพฤษภาคม ริบอล์ตได้ตั้งเสาหินใกล้กับแจ็คสันวิลล์ในทุกวันนี้ และอ้างสิทธิ์ที่พื้นที่ถูกค้นพบใหม่ว่าเป็นของฝรั่งเศสในปี 1564 เรเน กูเลน เด ลอดองนิแอร์ ได้ตั้งนิคมยุโรปแห่งแรก ซึ่งก็คือฟอร์ด แคโรไลน์ บนเซนต์ จอห์น ใกล้ๆ กับหมู่บ้านหลักที่มีชื่อว่า ซาตูริวา พระราชาฟิลิปที่สองของสเปนได้ทรงสั่งให้ เปโดร เมเนนเดส เด อะวิเลส ปกป้องผลประโยชน์ของสเปนโดยการโจมตีพวกฝรั่งเศสที่ฟอร์ด แคโรไลน์ และในวันที่ 20 กันยายน ปี 1565 กองกำลังของฝั่งสเปนจากนิคมชาวสเปนระแวกนั้นที่มีชื่อว่า เซนต์ ออกัสติน ก็ได้โจมตีฟอร์ต แคโรไลน์ และได้ฆ่าทหารฝรั่งเศสที่ทำการปกป้องอยู่เกือบทั้งหมด ชาวสเปนได้ตั้งชื่อป้อมนั้นใหม่ว่า ซาน มาเทโอ และหลังจากที่ชาวฝรั่งเศสได้ถูกขับไล่ออกไป ตำแหน่งการเป็นนิคมสำคัญในฟลอริด้าของเซนต์ ออกัสติน ก็มีความมั่นคงยิ่งขึ้น สถานที่ตั้งแท้จริงของฟอร์ต แคโรไลน์นั้นยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ แต่ก็มีการสร้างป้อมนั้นขึ้นมาใหม่ติดแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1964 | ฟอร์ต แคโรไลน์ ได้เปลี่ยนชื้อเป็นอะไรหลังจากการโจมตีของชาวสเปน | {
"text": [
"ซาน มาเทโอ"
],
"answer_start": [
762
]
} |
57280fd3ff5b5019007d9c2a | นักสำรวจฮิวโกนอตชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อว่าชอง ริบอล์ตเป็นคนทำแผนที่ของแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1562 โดยที่เรียกชื่อแม่น้ำนั้นว่า ริเวอร์ ออฟ เมย์ เพราะเขาได้ค้นพบมันในเดือนพฤษภาคม ริบอล์ตได้ตั้งเสาหินใกล้กับแจ็คสันวิลล์ในทุกวันนี้ และอ้างสิทธิ์ที่พื้นที่ถูกค้นพบใหม่ว่าเป็นของฝรั่งเศสในปี 1564 เรเน กูเลน เด ลอดองนิแอร์ ได้ตั้งนิคมยุโรปแห่งแรก ซึ่งก็คือฟอร์ด แคโรไลน์ บนเซนต์ จอห์น ใกล้ๆ กับหมู่บ้านหลักที่มีชื่อว่า ซาตูริวา พระราชาฟิลิปที่สองของสเปนได้ทรงสั่งให้ เปโดร เมเนนเดส เด อะวิเลส ปกป้องผลประโยชน์ของสเปนโดยการโจมตีพวกฝรั่งเศสที่ฟอร์ด แคโรไลน์ และในวันที่ 20 กันยายน ปี 1565 กองกำลังของฝั่งสเปนจากนิคมชาวสเปนระแวกนั้นที่มีชื่อว่า เซนต์ ออกัสติน ก็ได้โจมตีฟอร์ต แคโรไลน์ และได้ฆ่าทหารฝรั่งเศสที่ทำการปกป้องอยู่เกือบทั้งหมด ชาวสเปนได้ตั้งชื่อป้อมนั้นใหม่ว่า ซาน มาเทโอ และหลังจากที่ชาวฝรั่งเศสได้ถูกขับไล่ออกไป ตำแหน่งการเป็นนิคมสำคัญในฟลอริด้าของเซนต์ ออกัสติน ก็มีความมั่นคงยิ่งขึ้น สถานที่ตั้งแท้จริงของฟอร์ต แคโรไลน์นั้นยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ แต่ก็มีการสร้างป้อมนั้นขึ้นมาใหม่ติดแม่น้ำเซนต์ จอห์นส์ ในปี 1964 | ป้อมอะไรได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1964 | {
"text": [
"ฟอร์ต แคโรไลน์"
],
"answer_start": [
910
]
} |
57281ab63acd2414000df493 | แจ็คสันวิลล์รับผลกระทบเชิงลบจากการแผ่ขยายของเมืองอย่างรวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา การก่อสร้างทางหลวงทำให้ชาวเมืองย้ายไปอยู่ที่ใหม่ตามชานเมือง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลของเมืองแจ็คสันวิลล์ได้เริ่มเพิ่มการใช้จ่ายสำหรับโครงการสร้างอาคารสาธารณะในยุคที่เศรษฐกิจเฟื่องหลังสงคราม เรื่องราวของแจ๊กสันวิลล์ของนายกเทศมนตรี ดับเบิลยู เฮย์ดอน เบิร์นส์ ส่งผลให้มีการก่อสร้างศาลากลางจังหวัด หอประชุมเทศบาล ห้องสมุดสาธารณะ และโครงการอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นพลเมือง ทว่า ความเจริญของชานเมืองและคลื่นของชนชั้นกลางที่ตามมา ทำให้มี "ไวท์ ไฟล์ท"" คือการที่ชาวผิวขาวหนีออกจากตัวเมือง ทำให้มีประชากรที่ยากจนกว่าแต่ก่อน อัตราของชาวผิวขาวที่ไม่ใช่คนฮิสแปนิก ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่มีมากที่สุดในเมืองนี้ ได้ลดลงจาก 75.8% ในปี 1970 เป็น 55.1% ในปี 2010 | อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวเมืองย้ายไปอยู่ชานเมืองที่มีความเงียบสงบกว่า | {
"text": [
"ทางหลวง"
],
"answer_start": [
139
]
} |
57281ab63acd2414000df494 | แจ็คสันวิลล์รับผลกระทบเชิงลบจากการแผ่ขยายของเมืองอย่างรวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา การก่อสร้างทางหลวงทำให้ชาวเมืองย้ายไปอยู่ที่ใหม่ตามชานเมือง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลของเมืองแจ็คสันวิลล์ได้เริ่มเพิ่มการใช้จ่ายสำหรับโครงการสร้างอาคารสาธารณะในยุคที่เศรษฐกิจเฟื่องหลังสงคราม เรื่องราวของแจ๊กสันวิลล์ของนายกเทศมนตรี ดับเบิลยู เฮย์ดอน เบิร์นส์ ส่งผลให้มีการก่อสร้างศาลากลางจังหวัด หอประชุมเทศบาล ห้องสมุดสาธารณะ และโครงการอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นพลเมือง ทว่า ความเจริญของชานเมืองและคลื่นของชนชั้นกลางที่ตามมา ทำให้มี "ไวท์ ไฟล์ท"" คือการที่ชาวผิวขาวหนีออกจากตัวเมือง ทำให้มีประชากรที่ยากจนกว่าแต่ก่อน อัตราของชาวผิวขาวที่ไม่ใช่คนฮิสแปนิก ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่มีมากที่สุดในเมืองนี้ ได้ลดลงจาก 75.8% ในปี 1970 เป็น 55.1% ในปี 2010 | ประชากรชาวผิวขาวในแจ็คสันวิลล์มีเท่าไหร่ในปี 2010 | {
"text": [
"55.1%"
],
"answer_start": [
789
]
} |
57281ab63acd2414000df495 | แจ็คสันวิลล์รับผลกระทบเชิงลบจากการแผ่ขยายของเมืองอย่างรวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา การก่อสร้างทางหลวงทำให้ชาวเมืองย้ายไปอยู่ที่ใหม่ตามชานเมือง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลของเมืองแจ็คสันวิลล์ได้เริ่มเพิ่มการใช้จ่ายสำหรับโครงการสร้างอาคารสาธารณะในยุคที่เศรษฐกิจเฟื่องหลังสงคราม เรื่องราวของแจ๊กสันวิลล์ของนายกเทศมนตรี ดับเบิลยู เฮย์ดอน เบิร์นส์ ส่งผลให้มีการก่อสร้างศาลากลางจังหวัด หอประชุมเทศบาล ห้องสมุดสาธารณะ และโครงการอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นพลเมือง ทว่า ความเจริญของชานเมืองและคลื่นของชนชั้นกลางที่ตามมา ทำให้มี "ไวท์ ไฟล์ท"" คือการที่ชาวผิวขาวหนีออกจากตัวเมือง ทำให้มีประชากรที่ยากจนกว่าแต่ก่อน อัตราของชาวผิวขาวที่ไม่ใช่คนฮิสแปนิก ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่มีมากที่สุดในเมืองนี้ ได้ลดลงจาก 75.8% ในปี 1970 เป็น 55.1% ในปี 2010 | คำที่ใช้เรียกเหล่าพลเมืองชนชั้นกลางที่ย้ายไปอยู่ชานเมืองคืออะไร | {
"text": [
"\"ไวท์ ไฟล์ท\""
],
"answer_start": [
589
]
} |
57281ab63acd2414000df496 | แจ็คสันวิลล์รับผลกระทบเชิงลบจากการแผ่ขยายของเมืองอย่างรวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา การก่อสร้างทางหลวงทำให้ชาวเมืองย้ายไปอยู่ที่ใหม่ตามชานเมือง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลของเมืองแจ็คสันวิลล์ได้เริ่มเพิ่มการใช้จ่ายสำหรับโครงการสร้างอาคารสาธารณะในยุคที่เศรษฐกิจเฟื่องหลังสงคราม เรื่องราวของแจ๊กสันวิลล์ของนายกเทศมนตรี ดับเบิลยู เฮย์ดอน เบิร์นส์ ส่งผลให้มีการก่อสร้างศาลากลางจังหวัด หอประชุมเทศบาล ห้องสมุดสาธารณะ และโครงการอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นพลเมือง ทว่า ความเจริญของชานเมืองและคลื่นของชนชั้นกลางที่ตามมา ทำให้มี "ไวท์ ไฟล์ท"" คือการที่ชาวผิวขาวหนีออกจากตัวเมือง ทำให้มีประชากรที่ยากจนกว่าแต่ก่อน อัตราของชาวผิวขาวที่ไม่ใช่คนฮิสแปนิก ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่มีมากที่สุดในเมืองนี้ ได้ลดลงจาก 75.8% ในปี 1970 เป็น 55.1% ในปี 2010 | ใครเป็นผู้ที่ริเริ่มโครงการสร้างอาคารใหม่ในแจ็คสันวิลล์ | {
"text": [
"นายกเทศมนตรี ดับเบิลยู เฮย์ดอน เบิร์นส์"
],
"answer_start": [
352
]
} |
57281ab63acd2414000df497 | แจ็คสันวิลล์รับผลกระทบเชิงลบจากการแผ่ขยายของเมืองอย่างรวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา การก่อสร้างทางหลวงทำให้ชาวเมืองย้ายไปอยู่ที่ใหม่ตามชานเมือง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลของเมืองแจ็คสันวิลล์ได้เริ่มเพิ่มการใช้จ่ายสำหรับโครงการสร้างอาคารสาธารณะในยุคที่เศรษฐกิจเฟื่องหลังสงคราม เรื่องราวของแจ๊กสันวิลล์ของนายกเทศมนตรี ดับเบิลยู เฮย์ดอน เบิร์นส์ ส่งผลให้มีการก่อสร้างศาลากลางจังหวัด หอประชุมเทศบาล ห้องสมุดสาธารณะ และโครงการอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นพลเมือง ทว่า ความเจริญของชานเมืองและคลื่นของชนชั้นกลางที่ตามมา ทำให้มี "ไวท์ ไฟล์ท"" คือการที่ชาวผิวขาวหนีออกจากตัวเมือง ทำให้มีประชากรที่ยากจนกว่าแต่ก่อน อัตราของชาวผิวขาวที่ไม่ใช่คนฮิสแปนิก ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่มีมากที่สุดในเมืองนี้ ได้ลดลงจาก 75.8% ในปี 1970 เป็น 55.1% ในปี 2010 | แจ็คสันวิลล์ได้รับผลกระทบในเชิงลบและทรุดโทรมลงหลังจากเหตุการณ์อะไรที่เป็นเหตุการณ์ใหญ่ของโลก | {
"text": [
"สงครามโลกครั้งที่สอง"
],
"answer_start": [
65
]
} |
572824f13acd2414000df58f | แจ็คสันวิลล์ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอริเคนน้อยกว่าเมืองอื่นที่อยู่ตามชายฝั่งด้านตะวันออก ถึงแม้ว่ายังมีความน่าเป็นห่วงหากพายุใหญ่จะเข้ากระทบโดยตรง เมืองนี้เคยโดนพายุเฮอริเคนเข้ากระทบโดยตรงเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1871 ทว่า แจ็คสันวิลล์ก็ยังเคยประสบพายุเฮอริเคนหรือสภาวการณ์ที่ใกล้เคียงกับเฮอริเคนมามากกว่าสิบสองครั้ง สาเหตุจากพายุที่ข้ามรัฐจากอ่าวเม็กซิโกมายังมหาสมุทรแอตแลนติก หรือการที่พายุพัดผ่านบริเวณไปยังทางเหนือจากทางใต้ในแอตแลนติก ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดในแจ็คสันวิลล์เกิดขึ้นจากพายุเฮอริเคน ดอร่าในปี 1964 ซึ่งเป็นพายุครั้งเดียวที่เคยมีบันทึกว่าโจมตีแถบนั้นด้วยความแรงของลมระดับเฮอริเคน ตาของเฮอริเคนข้ามผ่านเซนต์ ออกัสติน ด้วยแรงลมที่เพิ่งลดระดับลงเป็น110 ไมล์ต่อชั่วโมง (180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) นั่นทำให้พายุเทียบเท่าระดับสองในมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน แจ็คสันวิลล์ยังเคยได้รับความเสียหายจากพายุเขตร้อนเฟย์ในปี2008 ซึ่งเคลื่อนที่สลับไปมาในรัฐ และทำให้บางส่วนของแจ็คสันวิลล์ตกอยู่ในความมืดถึงสี่วัน ในทำนองเดียวกันนี้ แจ็คสันวิลล์ก็เคยเกิดน้ำท่วมจากเฮอริเคน ฟรานซิส กับเฮอริเคน จีนน์ ที่มาขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของบริเวณเมื่อสี่ปีก่อนหน้านี้ พายุหมุนเขตร้อนเหล่านี้เป็นพายุที่ทำความเสียหายแก่แจ็คสันวิลล์เป็นเงินจำนวนมากที่สุดในจำพวกพายุที่กระทบโดยอ้อม พายุเฮอริเคนฟลอยด์ที่กระทบในปี 1999 ก่อความเสียหายกับแจ็คสันวิลล์ บีช เป็นส่วนใหญ่ ในระหว่างพายุฟลอยด์ สะพานท่าเรือของแจ็คสันวิลล์ บีช ได้รับความเสียหายรุนแรงและถูกรื้อถอนไปในภายหลัฃ สะพานท่าเรือที่ถูกสร้างมาใหม่ได้รับความเสียหายจากพายุเฟย์ในตอนหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ได้ถูกทำลาย พายุเขตร้อนบอนนี่ทำความเสียหายเล็กน้อยอีกในปี 2004 และระหว่างนั้นก็กำเนิดพายุทอร์นาโดเล็กๆ ในวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 2012 แจ็คสันวิลล์โดนกระทบโดยพายุเขตร้อนเบริวล์ ซึ่งมีแรงลมสูงถึง 70 ไมล์ต่อชั่วโมง (113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งขึ้นฝั่งใกล้ฟ แจ็คสันวิลล์ บีช | พายุอะไรที่มีผลกระทบกับแจ็คสันวิลล์มากที่สุด | {
"text": [
"เฮอริเคน ดอร่า"
],
"answer_start": [
490
]
} |
572824f13acd2414000df590 | แจ็คสันวิลล์ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอริเคนน้อยกว่าเมืองอื่นที่อยู่ตามชายฝั่งด้านตะวันออก ถึงแม้ว่ายังมีความน่าเป็นห่วงหากพายุใหญ่จะเข้ากระทบโดยตรง เมืองนี้เคยโดนพายุเฮอริเคนเข้ากระทบโดยตรงเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1871 ทว่า แจ็คสันวิลล์ก็ยังเคยประสบพายุเฮอริเคนหรือสภาวการณ์ที่ใกล้เคียงกับเฮอริเคนมามากกว่าสิบสองครั้ง สาเหตุจากพายุที่ข้ามรัฐจากอ่าวเม็กซิโกมายังมหาสมุทรแอตแลนติก หรือการที่พายุพัดผ่านบริเวณไปยังทางเหนือจากทางใต้ในแอตแลนติก ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดในแจ็คสันวิลล์เกิดขึ้นจากพายุเฮอริเคน ดอร่าในปี 1964 ซึ่งเป็นพายุครั้งเดียวที่เคยมีบันทึกว่าโจมตีแถบนั้นด้วยความแรงของลมระดับเฮอริเคน ตาของเฮอริเคนข้ามผ่านเซนต์ ออกัสติน ด้วยแรงลมที่เพิ่งลดระดับลงเป็น110 ไมล์ต่อชั่วโมง (180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) นั่นทำให้พายุเทียบเท่าระดับสองในมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน แจ็คสันวิลล์ยังเคยได้รับความเสียหายจากพายุเขตร้อนเฟย์ในปี2008 ซึ่งเคลื่อนที่สลับไปมาในรัฐ และทำให้บางส่วนของแจ็คสันวิลล์ตกอยู่ในความมืดถึงสี่วัน ในทำนองเดียวกันนี้ แจ็คสันวิลล์ก็เคยเกิดน้ำท่วมจากเฮอริเคน ฟรานซิส กับเฮอริเคน จีนน์ ที่มาขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของบริเวณเมื่อสี่ปีก่อนหน้านี้ พายุหมุนเขตร้อนเหล่านี้เป็นพายุที่ทำความเสียหายแก่แจ็คสันวิลล์เป็นเงินจำนวนมากที่สุดในจำพวกพายุที่กระทบโดยอ้อม พายุเฮอริเคนฟลอยด์ที่กระทบในปี 1999 ก่อความเสียหายกับแจ็คสันวิลล์ บีช เป็นส่วนใหญ่ ในระหว่างพายุฟลอยด์ สะพานท่าเรือของแจ็คสันวิลล์ บีช ได้รับความเสียหายรุนแรงและถูกรื้อถอนไปในภายหลัฃ สะพานท่าเรือที่ถูกสร้างมาใหม่ได้รับความเสียหายจากพายุเฟย์ในตอนหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ได้ถูกทำลาย พายุเขตร้อนบอนนี่ทำความเสียหายเล็กน้อยอีกในปี 2004 และระหว่างนั้นก็กำเนิดพายุทอร์นาโดเล็กๆ ในวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 2012 แจ็คสันวิลล์โดนกระทบโดยพายุเขตร้อนเบริวล์ ซึ่งมีแรงลมสูงถึง 70 ไมล์ต่อชั่วโมง (113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งขึ้นฝั่งใกล้ฟ แจ็คสันวิลล์ บีช | แรงลมของเฮอริเคนแถวเซนต์ ออกัสติน ในปี 1964 มีความเร็วเท่าไหร่ | {
"text": [
"110 ไมล์ต่อชั่วโมง"
],
"answer_start": [
661
]
} |
572824f13acd2414000df591 | แจ็คสันวิลล์ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอริเคนน้อยกว่าเมืองอื่นที่อยู่ตามชายฝั่งด้านตะวันออก ถึงแม้ว่ายังมีความน่าเป็นห่วงหากพายุใหญ่จะเข้ากระทบโดยตรง เมืองนี้เคยโดนพายุเฮอริเคนเข้ากระทบโดยตรงเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1871 ทว่า แจ็คสันวิลล์ก็ยังเคยประสบพายุเฮอริเคนหรือสภาวการณ์ที่ใกล้เคียงกับเฮอริเคนมามากกว่าสิบสองครั้ง สาเหตุจากพายุที่ข้ามรัฐจากอ่าวเม็กซิโกมายังมหาสมุทรแอตแลนติก หรือการที่พายุพัดผ่านบริเวณไปยังทางเหนือจากทางใต้ในแอตแลนติก ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดในแจ็คสันวิลล์เกิดขึ้นจากพายุเฮอริเคน ดอร่าในปี 1964 ซึ่งเป็นพายุครั้งเดียวที่เคยมีบันทึกว่าโจมตีแถบนั้นด้วยความแรงของลมระดับเฮอริเคน ตาของเฮอริเคนข้ามผ่านเซนต์ ออกัสติน ด้วยแรงลมที่เพิ่งลดระดับลงเป็น110 ไมล์ต่อชั่วโมง (180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) นั่นทำให้พายุเทียบเท่าระดับสองในมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน แจ็คสันวิลล์ยังเคยได้รับความเสียหายจากพายุเขตร้อนเฟย์ในปี2008 ซึ่งเคลื่อนที่สลับไปมาในรัฐ และทำให้บางส่วนของแจ็คสันวิลล์ตกอยู่ในความมืดถึงสี่วัน ในทำนองเดียวกันนี้ แจ็คสันวิลล์ก็เคยเกิดน้ำท่วมจากเฮอริเคน ฟรานซิส กับเฮอริเคน จีนน์ ที่มาขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของบริเวณเมื่อสี่ปีก่อนหน้านี้ พายุหมุนเขตร้อนเหล่านี้เป็นพายุที่ทำความเสียหายแก่แจ็คสันวิลล์เป็นเงินจำนวนมากที่สุดในจำพวกพายุที่กระทบโดยอ้อม พายุเฮอริเคนฟลอยด์ที่กระทบในปี 1999 ก่อความเสียหายกับแจ็คสันวิลล์ บีช เป็นส่วนใหญ่ ในระหว่างพายุฟลอยด์ สะพานท่าเรือของแจ็คสันวิลล์ บีช ได้รับความเสียหายรุนแรงและถูกรื้อถอนไปในภายหลัฃ สะพานท่าเรือที่ถูกสร้างมาใหม่ได้รับความเสียหายจากพายุเฟย์ในตอนหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ได้ถูกทำลาย พายุเขตร้อนบอนนี่ทำความเสียหายเล็กน้อยอีกในปี 2004 และระหว่างนั้นก็กำเนิดพายุทอร์นาโดเล็กๆ ในวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 2012 แจ็คสันวิลล์โดนกระทบโดยพายุเขตร้อนเบริวล์ ซึ่งมีแรงลมสูงถึง 70 ไมล์ต่อชั่วโมง (113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งขึ้นฝั่งใกล้ฟ แจ็คสันวิลล์ บีช | พายุที่กระทบแจ็คสันวิลล์ในเดือนพฤษภาคมของปี 2012 มีชื่อว่าอะไร | {
"text": [
"พายุเขตร้อนเบริวล์"
],
"answer_start": [
1573
]
} |
572824f13acd2414000df592 | แจ็คสันวิลล์ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอริเคนน้อยกว่าเมืองอื่นที่อยู่ตามชายฝั่งด้านตะวันออก ถึงแม้ว่ายังมีความน่าเป็นห่วงหากพายุใหญ่จะเข้ากระทบโดยตรง เมืองนี้เคยโดนพายุเฮอริเคนเข้ากระทบโดยตรงเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1871 ทว่า แจ็คสันวิลล์ก็ยังเคยประสบพายุเฮอริเคนหรือสภาวการณ์ที่ใกล้เคียงกับเฮอริเคนมามากกว่าสิบสองครั้ง สาเหตุจากพายุที่ข้ามรัฐจากอ่าวเม็กซิโกมายังมหาสมุทรแอตแลนติก หรือการที่พายุพัดผ่านบริเวณไปยังทางเหนือจากทางใต้ในแอตแลนติก ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดในแจ็คสันวิลล์เกิดขึ้นจากพายุเฮอริเคน ดอร่าในปี 1964 ซึ่งเป็นพายุครั้งเดียวที่เคยมีบันทึกว่าโจมตีแถบนั้นด้วยความแรงของลมระดับเฮอริเคน ตาของเฮอริเคนข้ามผ่านเซนต์ ออกัสติน ด้วยแรงลมที่เพิ่งลดระดับลงเป็น110 ไมล์ต่อชั่วโมง (180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) นั่นทำให้พายุเทียบเท่าระดับสองในมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน แจ็คสันวิลล์ยังเคยได้รับความเสียหายจากพายุเขตร้อนเฟย์ในปี2008 ซึ่งเคลื่อนที่สลับไปมาในรัฐ และทำให้บางส่วนของแจ็คสันวิลล์ตกอยู่ในความมืดถึงสี่วัน ในทำนองเดียวกันนี้ แจ็คสันวิลล์ก็เคยเกิดน้ำท่วมจากเฮอริเคน ฟรานซิส กับเฮอริเคน จีนน์ ที่มาขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของบริเวณเมื่อสี่ปีก่อนหน้านี้ พายุหมุนเขตร้อนเหล่านี้เป็นพายุที่ทำความเสียหายแก่แจ็คสันวิลล์เป็นเงินจำนวนมากที่สุดในจำพวกพายุที่กระทบโดยอ้อม พายุเฮอริเคนฟลอยด์ที่กระทบในปี 1999 ก่อความเสียหายกับแจ็คสันวิลล์ บีช เป็นส่วนใหญ่ ในระหว่างพายุฟลอยด์ สะพานท่าเรือของแจ็คสันวิลล์ บีช ได้รับความเสียหายรุนแรงและถูกรื้อถอนไปในภายหลัฃ สะพานท่าเรือที่ถูกสร้างมาใหม่ได้รับความเสียหายจากพายุเฟย์ในตอนหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ได้ถูกทำลาย พายุเขตร้อนบอนนี่ทำความเสียหายเล็กน้อยอีกในปี 2004 และระหว่างนั้นก็กำเนิดพายุทอร์นาโดเล็กๆ ในวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 2012 แจ็คสันวิลล์โดนกระทบโดยพายุเขตร้อนเบริวล์ ซึ่งมีแรงลมสูงถึง 70 ไมล์ต่อชั่วโมง (113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งขึ้นฝั่งใกล้ฟ แจ็คสันวิลล์ บีช | มาตราที่ใช้วัดระดับความรุนแรงของเฮอริเคนเเรียกว่าอะไร | {
"text": [
"มาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน"
],
"answer_start": [
737
]
} |
572824f13acd2414000df593 | แจ็คสันวิลล์ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอริเคนน้อยกว่าเมืองอื่นที่อยู่ตามชายฝั่งด้านตะวันออก ถึงแม้ว่ายังมีความน่าเป็นห่วงหากพายุใหญ่จะเข้ากระทบโดยตรง เมืองนี้เคยโดนพายุเฮอริเคนเข้ากระทบโดยตรงเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1871 ทว่า แจ็คสันวิลล์ก็ยังเคยประสบพายุเฮอริเคนหรือสภาวการณ์ที่ใกล้เคียงกับเฮอริเคนมามากกว่าสิบสองครั้ง สาเหตุจากพายุที่ข้ามรัฐจากอ่าวเม็กซิโกมายังมหาสมุทรแอตแลนติก หรือการที่พายุพัดผ่านบริเวณไปยังทางเหนือจากทางใต้ในแอตแลนติก ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดในแจ็คสันวิลล์เกิดขึ้นจากพายุเฮอริเคน ดอร่าในปี 1964 ซึ่งเป็นพายุครั้งเดียวที่เคยมีบันทึกว่าโจมตีแถบนั้นด้วยความแรงของลมระดับเฮอริเคน ตาของเฮอริเคนข้ามผ่านเซนต์ ออกัสติน ด้วยแรงลมที่เพิ่งลดระดับลงเป็น110 ไมล์ต่อชั่วโมง (180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) นั่นทำให้พายุเทียบเท่าระดับสองในมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน แจ็คสันวิลล์ยังเคยได้รับความเสียหายจากพายุเขตร้อนเฟย์ในปี2008 ซึ่งเคลื่อนที่สลับไปมาในรัฐ และทำให้บางส่วนของแจ็คสันวิลล์ตกอยู่ในความมืดถึงสี่วัน ในทำนองเดียวกันนี้ แจ็คสันวิลล์ก็เคยเกิดน้ำท่วมจากเฮอริเคน ฟรานซิส กับเฮอริเคน จีนน์ ที่มาขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของบริเวณเมื่อสี่ปีก่อนหน้านี้ พายุหมุนเขตร้อนเหล่านี้เป็นพายุที่ทำความเสียหายแก่แจ็คสันวิลล์เป็นเงินจำนวนมากที่สุดในจำพวกพายุที่กระทบโดยอ้อม พายุเฮอริเคนฟลอยด์ที่กระทบในปี 1999 ก่อความเสียหายกับแจ็คสันวิลล์ บีช เป็นส่วนใหญ่ ในระหว่างพายุฟลอยด์ สะพานท่าเรือของแจ็คสันวิลล์ บีช ได้รับความเสียหายรุนแรงและถูกรื้อถอนไปในภายหลัฃ สะพานท่าเรือที่ถูกสร้างมาใหม่ได้รับความเสียหายจากพายุเฟย์ในตอนหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ได้ถูกทำลาย พายุเขตร้อนบอนนี่ทำความเสียหายเล็กน้อยอีกในปี 2004 และระหว่างนั้นก็กำเนิดพายุทอร์นาโดเล็กๆ ในวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 2012 แจ็คสันวิลล์โดนกระทบโดยพายุเขตร้อนเบริวล์ ซึ่งมีแรงลมสูงถึง 70 ไมล์ต่อชั่วโมง (113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งขึ้นฝั่งใกล้ฟ แจ็คสันวิลล์ บีช | พายุเขตร้อนที่ทำให้แจ็คสันวิลล์เกิดไฟดับและตกอยู่ในความมืดถึงสี่วันเกิดขึ้นในปีอะไร | {
"text": [
"2008"
],
"answer_start": [
817
]
} |
572a1046af94a219006aa78d | นักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อว่าโจเซฟ สติกลิตซ์ ได้เสนอหลักฐานในปี 2009 ที่แสดงว่าทั้งความไม่เท่าเทียมกันระดับโลกและความไม่เท่าเทียมกันภายในประเทศ คือสิ่งที่ขัดขวางการเจริญเติบโตโดยการจำกัดอุปสงค์มวลรวม นักเศรษฐศาสตร์ชื่อบรังโก มิลาโนวิค เขียนไว้ในปี 2001 ว่า “มุมมองที่ว่าความไม่เท่าเทียมกันของรายได้เป็นสิ่งที่ทำร้ายความเจริญเติบโต หรือความเท่าเทียมที่ดีขึ้นจะช่วยรักษาระดับความเจริญเติบโตนั้น ได้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักในความเปลี่ยนแปลงนี้คือการให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนามากขึ้น เวลาที่ทุนทางกายภาพได้รับความสำคัญที่สุด เงินเก็บและเงินลงทุนเป็นกุญแจสำคัญ ในตอนนั้น การมีกลุ่มคนร่ำรวยกลุ่มใหญ่ที่จะเก็บเงินในสัดส่วนใหญ่ของรายได้ที่มากกว่าคนจน และนำเงินนั้นมาลงทุนกับทุนทางกายภาพคือสิ่งที่สำคัญ แต่ในตอนนี้ที่ทรัพยากรมนุษย์หายากกว่าเครื่องยนต์กลไก การศีกษาที่แพร่หลายกลายเป็นเคล็ดลับของการเจริญและพัฒนา | สติกลิตซ์ได้เสนออะไรเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันระดับโลกในปี 2009 | {
"text": [
"หลักฐาน"
],
"answer_start": [
49
]
} |
572a1046af94a219006aa78e | นักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อว่าโจเซฟ สติกลิตซ์ ได้เสนอหลักฐานในปี 2009 ที่แสดงว่าทั้งความไม่เท่าเทียมกันระดับโลกและความไม่เท่าเทียมกันภายในประเทศ คือสิ่งที่ขัดขวางการเจริญเติบโตโดยการจำกัดอุปสงค์มวลรวม นักเศรษฐศาสตร์ชื่อบรังโก มิลาโนวิค เขียนไว้ในปี 2001 ว่า “มุมมองที่ว่าความไม่เท่าเทียมกันของรายได้เป็นสิ่งที่ทำร้ายความเจริญเติบโต หรือความเท่าเทียมที่ดีขึ้นจะช่วยรักษาระดับความเจริญเติบโตนั้น ได้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักในความเปลี่ยนแปลงนี้คือการให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนามากขึ้น เวลาที่ทุนทางกายภาพได้รับความสำคัญที่สุด เงินเก็บและเงินลงทุนเป็นกุญแจสำคัญ ในตอนนั้น การมีกลุ่มคนร่ำรวยกลุ่มใหญ่ที่จะเก็บเงินในสัดส่วนใหญ่ของรายได้ที่มากกว่าคนจน และนำเงินนั้นมาลงทุนกับทุนทางกายภาพคือสิ่งที่สำคัญ แต่ในตอนนี้ที่ทรัพยากรมนุษย์หายากกว่าเครื่องยนต์กลไก การศีกษาที่แพร่หลายกลายเป็นเคล็ดลับของการเจริญและพัฒนา | ความไม่เท่าเทียมกันขัดขวางการเจริญเติบโตได้อย่างไร | {
"text": [
"จำกัดอุปสงค์มวลรวม"
],
"answer_start": [
178
]
} |
572a1046af94a219006aa78f | นักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อว่าโจเซฟ สติกลิตซ์ ได้เสนอหลักฐานในปี 2009 ที่แสดงว่าทั้งความไม่เท่าเทียมกันระดับโลกและความไม่เท่าเทียมกันภายในประเทศ คือสิ่งที่ขัดขวางการเจริญเติบโตโดยการจำกัดอุปสงค์มวลรวม นักเศรษฐศาสตร์ชื่อบรังโก มิลาโนวิค เขียนไว้ในปี 2001 ว่า “มุมมองที่ว่าความไม่เท่าเทียมกันของรายได้เป็นสิ่งที่ทำร้ายความเจริญเติบโต หรือความเท่าเทียมที่ดีขึ้นจะช่วยรักษาระดับความเจริญเติบโตนั้น ได้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักในความเปลี่ยนแปลงนี้คือการให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนามากขึ้น เวลาที่ทุนทางกายภาพได้รับความสำคัญที่สุด เงินเก็บและเงินลงทุนเป็นกุญแจสำคัญ ในตอนนั้น การมีกลุ่มคนร่ำรวยกลุ่มใหญ่ที่จะเก็บเงินในสัดส่วนใหญ่ของรายได้ที่มากกว่าคนจน และนำเงินนั้นมาลงทุนกับทุนทางกายภาพคือสิ่งที่สำคัญ แต่ในตอนนี้ที่ทรัพยากรมนุษย์หายากกว่าเครื่องยนต์กลไก การศีกษาที่แพร่หลายกลายเป็นเคล็ดลับของการเจริญและพัฒนา | ทั้งบรังโก มิลาโนวิค และโจเซฟ สติกลิตซ์ คือใคร | {
"text": [
"นักเศรษฐศาสตร์"
],
"answer_start": [
197
]
} |
572a1046af94a219006aa790 | นักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อว่าโจเซฟ สติกลิตซ์ ได้เสนอหลักฐานในปี 2009 ที่แสดงว่าทั้งความไม่เท่าเทียมกันระดับโลกและความไม่เท่าเทียมกันภายในประเทศ คือสิ่งที่ขัดขวางการเจริญเติบโตโดยการจำกัดอุปสงค์มวลรวม นักเศรษฐศาสตร์ชื่อบรังโก มิลาโนวิค เขียนไว้ในปี 2001 ว่า “มุมมองที่ว่าความไม่เท่าเทียมกันของรายได้เป็นสิ่งที่ทำร้ายความเจริญเติบโต หรือความเท่าเทียมที่ดีขึ้นจะช่วยรักษาระดับความเจริญเติบโตนั้น ได้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักในความเปลี่ยนแปลงนี้คือการให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนามากขึ้น เวลาที่ทุนทางกายภาพได้รับความสำคัญที่สุด เงินเก็บและเงินลงทุนเป็นกุญแจสำคัญ ในตอนนั้น การมีกลุ่มคนร่ำรวยกลุ่มใหญ่ที่จะเก็บเงินในสัดส่วนใหญ่ของรายได้ที่มากกว่าคนจน และนำเงินนั้นมาลงทุนกับทุนทางกายภาพคือสิ่งที่สำคัญ แต่ในตอนนี้ที่ทรัพยากรมนุษย์หายากกว่าเครื่องยนต์กลไก การศีกษาที่แพร่หลายกลายเป็นเคล็ดลับของการเจริญและพัฒนา | อะไรคือเหตุผลหลักที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในมุมมองที่ว่าความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ทำร้ายการเจริญเติบโตและพัฒนา | {
"text": [
"การให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนามากขึ้น"
],
"answer_start": [
476
]
} |
572a1046af94a219006aa791 | นักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อว่าโจเซฟ สติกลิตซ์ ได้เสนอหลักฐานในปี 2009 ที่แสดงว่าทั้งความไม่เท่าเทียมกันระดับโลกและความไม่เท่าเทียมกันภายในประเทศ คือสิ่งที่ขัดขวางการเจริญเติบโตโดยการจำกัดอุปสงค์มวลรวม นักเศรษฐศาสตร์ชื่อบรังโก มิลาโนวิค เขียนไว้ในปี 2001 ว่า “มุมมองที่ว่าความไม่เท่าเทียมกันของรายได้เป็นสิ่งที่ทำร้ายความเจริญเติบโต หรือความเท่าเทียมที่ดีขึ้นจะช่วยรักษาระดับความเจริญเติบโตนั้น ได้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักในความเปลี่ยนแปลงนี้คือการให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนามากขึ้น เวลาที่ทุนทางกายภาพได้รับความสำคัญที่สุด เงินเก็บและเงินลงทุนเป็นกุญแจสำคัญ ในตอนนั้น การมีกลุ่มคนร่ำรวยกลุ่มใหญ่ที่จะเก็บเงินในสัดส่วนใหญ่ของรายได้ที่มากกว่าคนจน และนำเงินนั้นมาลงทุนกับทุนทางกายภาพคือสิ่งที่สำคัญ แต่ในตอนนี้ที่ทรัพยากรมนุษย์หายากกว่าเครื่องยนต์กลไก การศีกษาที่แพร่หลายกลายเป็นเคล็ดลับของการเจริญและพัฒนา | อะไรได้กลายมาเป็นเคล็ดลับสำหรับควาามเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ | {
"text": [
"การศีกษาที่แพร่หลาย"
],
"answer_start": [
793
]
} |
572a11663f37b31900478693 | ในปี 1993 เกเลอร์ และ เซร่าได้แสดงให้เห็นว่า ความไม่เท่าเทียมกันในความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อ มีผลกระทบที่เป็นภัยอย่างยาวนานต่อการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในงานค้นคว้าของปี 1996 โดย เปรอตตี้ มีการพิจารณาช่องทางที่ความไม่เท่าเทียมกันอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เขาแสดงให้เห็นว่าตามแนวความคิดเรื่องความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อนั้น ความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์ในระดับที่ต่ำลง (การศึกษา, ประสบการณ์, และการฝึกงาน) และอัตราการเกิดของประชากรในระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ความเจริญและพัฒนามีระดับที่ต่ำลง เขาพบว่าความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการกระจายการเก็บภาษีใหม่ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับความเจริญเติบโตในระดับที่ต่ำลงเนื่องจากเงินออมส่วนตัวและการลงทุนที่ลดลง เปรอตตี้สรุปว่า “สังคมที่มีความเท่าเทียมกันมากกว่ามีอัตราการเกิดของประชากรที่ต่ำกว่า และมีอัตราการลงทุนด้านการศึกษาที่สูงกว่า ทั้งคู่สะท้อนออกมาให้เห็นได้ในอัตราความเจริญเติบโตที่สูงขึ้น อีกทั้งสังคมที่มีความเท่าเทียมกันน้อยมากนั้นมักจะมีความไม่มั่นคงทางด้านการเมืองและสังคม ซึ่งนี่ก็สะท้อนออกมาให้เห็นในอัตราการลงทุนและความเจริญเติบโตที่ต่ำลง | เกเลอร์และเซเรียแสดงข้อมูลใหม่เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันเมื่อไหร่ | {
"text": [
"1993"
],
"answer_start": [
5
]
} |
572a11663f37b31900478694 | ในปี 1993 เกเลอร์ และ เซร่าได้แสดงให้เห็นว่า ความไม่เท่าเทียมกันในความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อ มีผลกระทบที่เป็นภัยอย่างยาวนานต่อการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในงานค้นคว้าของปี 1996 โดย เปรอตตี้ มีการพิจารณาช่องทางที่ความไม่เท่าเทียมกันอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เขาแสดงให้เห็นว่าตามแนวความคิดเรื่องความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อนั้น ความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์ในระดับที่ต่ำลง (การศึกษา, ประสบการณ์, และการฝึกงาน) และอัตราการเกิดของประชากรในระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ความเจริญและพัฒนามีระดับที่ต่ำลง เขาพบว่าความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการกระจายการเก็บภาษีใหม่ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับความเจริญเติบโตในระดับที่ต่ำลงเนื่องจากเงินออมส่วนตัวและการลงทุนที่ลดลง เปรอตตี้สรุปว่า “สังคมที่มีความเท่าเทียมกันมากกว่ามีอัตราการเกิดของประชากรที่ต่ำกว่า และมีอัตราการลงทุนด้านการศึกษาที่สูงกว่า ทั้งคู่สะท้อนออกมาให้เห็นได้ในอัตราความเจริญเติบโตที่สูงขึ้น อีกทั้งสังคมที่มีความเท่าเทียมกันน้อยมากนั้นมักจะมีความไม่มั่นคงทางด้านการเมืองและสังคม ซึ่งนี่ก็สะท้อนออกมาให้เห็นในอัตราการลงทุนและความเจริญเติบโตที่ต่ำลง | ความไม่เท่าเทียมกันในเวลาที่มีความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อ มีผลอย่างไรต่อการก่อรูปของทรัพยาการมนุษย์ | {
"text": [
"เป็นภัย"
],
"answer_start": [
111
]
} |
572a11663f37b31900478695 | ในปี 1993 เกเลอร์ และ เซร่าได้แสดงให้เห็นว่า ความไม่เท่าเทียมกันในความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อ มีผลกระทบที่เป็นภัยอย่างยาวนานต่อการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในงานค้นคว้าของปี 1996 โดย เปรอตตี้ มีการพิจารณาช่องทางที่ความไม่เท่าเทียมกันอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เขาแสดงให้เห็นว่าตามแนวความคิดเรื่องความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อนั้น ความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์ในระดับที่ต่ำลง (การศึกษา, ประสบการณ์, และการฝึกงาน) และอัตราการเกิดของประชากรในระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ความเจริญและพัฒนามีระดับที่ต่ำลง เขาพบว่าความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการกระจายการเก็บภาษีใหม่ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับความเจริญเติบโตในระดับที่ต่ำลงเนื่องจากเงินออมส่วนตัวและการลงทุนที่ลดลง เปรอตตี้สรุปว่า “สังคมที่มีความเท่าเทียมกันมากกว่ามีอัตราการเกิดของประชากรที่ต่ำกว่า และมีอัตราการลงทุนด้านการศึกษาที่สูงกว่า ทั้งคู่สะท้อนออกมาให้เห็นได้ในอัตราความเจริญเติบโตที่สูงขึ้น อีกทั้งสังคมที่มีความเท่าเทียมกันน้อยมากนั้นมักจะมีความไม่มั่นคงทางด้านการเมืองและสังคม ซึ่งนี่ก็สะท้อนออกมาให้เห็นในอัตราการลงทุนและความเจริญเติบโตที่ต่ำลง | การค้นคว้าโดย เปรอตตี้ ในปี 1996 ได้พิจารณาสำรวจเกี่ยวกับอะไร | {
"text": [
"ช่องทางที่ความไม่เท่าเทียมกันอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ"
],
"answer_start": [
229
]
} |
572a11663f37b31900478696 | ในปี 1993 เกเลอร์ และ เซร่าได้แสดงให้เห็นว่า ความไม่เท่าเทียมกันในความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อ มีผลกระทบที่เป็นภัยอย่างยาวนานต่อการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในงานค้นคว้าของปี 1996 โดย เปรอตตี้ มีการพิจารณาช่องทางที่ความไม่เท่าเทียมกันอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เขาแสดงให้เห็นว่าตามแนวความคิดเรื่องความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อนั้น ความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์ในระดับที่ต่ำลง (การศึกษา, ประสบการณ์, และการฝึกงาน) และอัตราการเกิดของประชากรในระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ความเจริญและพัฒนามีระดับที่ต่ำลง เขาพบว่าความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการกระจายการเก็บภาษีใหม่ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับความเจริญเติบโตในระดับที่ต่ำลงเนื่องจากเงินออมส่วนตัวและการลงทุนที่ลดลง เปรอตตี้สรุปว่า “สังคมที่มีความเท่าเทียมกันมากกว่ามีอัตราการเกิดของประชากรที่ต่ำกว่า และมีอัตราการลงทุนด้านการศึกษาที่สูงกว่า ทั้งคู่สะท้อนออกมาให้เห็นได้ในอัตราความเจริญเติบโตที่สูงขึ้น อีกทั้งสังคมที่มีความเท่าเทียมกันน้อยมากนั้นมักจะมีความไม่มั่นคงทางด้านการเมืองและสังคม ซึ่งนี่ก็สะท้อนออกมาให้เห็นในอัตราการลงทุนและความเจริญเติบโตที่ต่ำลง | ความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับระดับที่สูงขึ้นของอะไร | {
"text": [
"อัตราการเกิดของประชากร"
],
"answer_start": [
493
]
} |
572a11663f37b31900478697 | ในปี 1993 เกเลอร์ และ เซร่าได้แสดงให้เห็นว่า ความไม่เท่าเทียมกันในความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อ มีผลกระทบที่เป็นภัยอย่างยาวนานต่อการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในงานค้นคว้าของปี 1996 โดย เปรอตตี้ มีการพิจารณาช่องทางที่ความไม่เท่าเทียมกันอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เขาแสดงให้เห็นว่าตามแนวความคิดเรื่องความไม่สมบูรณ์แบบของตลาดสินเชื่อนั้น ความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการก่อรูปของทรัพยากรมนุษย์ในระดับที่ต่ำลง (การศึกษา, ประสบการณ์, และการฝึกงาน) และอัตราการเกิดของประชากรในระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ความเจริญและพัฒนามีระดับที่ต่ำลง เขาพบว่าความไม่เท่าเทียมกันมีความเกี่ยวข้องกับการกระจายการเก็บภาษีใหม่ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับความเจริญเติบโตในระดับที่ต่ำลงเนื่องจากเงินออมส่วนตัวและการลงทุนที่ลดลง เปรอตตี้สรุปว่า “สังคมที่มีความเท่าเทียมกันมากกว่ามีอัตราการเกิดของประชากรที่ต่ำกว่า และมีอัตราการลงทุนด้านการศึกษาที่สูงกว่า ทั้งคู่สะท้อนออกมาให้เห็นได้ในอัตราความเจริญเติบโตที่สูงขึ้น อีกทั้งสังคมที่มีความเท่าเทียมกันน้อยมากนั้นมักจะมีความไม่มั่นคงทางด้านการเมืองและสังคม ซึ่งนี่ก็สะท้อนออกมาให้เห็นในอัตราการลงทุนและความเจริญเติบโตที่ต่ำลง | สังคมที่มีความไม่เท่าเทียมกันสูงมากมักจะเป็นเช่นไร | {
"text": [
"ความไม่มั่นคงทางด้านการเมืองและสังคม"
],
"answer_start": [
1003
]
} |
572a13841d0469140077973b | งานค้นคว้าเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของรายได้และความเจริญเติบโต ได้ค้นพบหลักฐานในบางครั้งที่จะยืนยัน สมมุติฐานคุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ ซึ่งกล่าวว่าเมื่อมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิน ความไม่เท่าเทียมจะเพิ่มขึ้นก่อน แล้วจึงจะลดลง นักเศรษฐศาสตร์ที่ชื่อว่า โทมัส พิเก็ตตี้ ได้ท้าทายแนวคิดนี้ โดยอ้างว่าจากปี 1941 ถึงปี 1945 สงครามและ “วิกฤติรุนแรงด้านเศรษฐกิจและการเมือง" ได้ลดความไม่เท่าเทียมลง นอกจากนั้นพิเก็ตตี้ยังโต้เถียงว่าสมมุติฐาน คุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ อัน “น่าอัศจรรย์”ที่เน้นการคงความสมดุลย์ของการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น ไม่สามารถอธิบายการที่ความไม่เท่าเทียมด้านเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วหลังยุคปี 1970 เพิ่มขึ้นอย่างมากมายได้ | งานค้นคว้าเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมของรายได้ค้นพบหลักฐานที่จะยืนยันอะไรได้ในบางครั้ง | {
"text": [
"สมมุติฐานคุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ"
],
"answer_start": [
103
]
} |
572a13841d0469140077973c | งานค้นคว้าเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของรายได้และความเจริญเติบโต ได้ค้นพบหลักฐานในบางครั้งที่จะยืนยัน สมมุติฐานคุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ ซึ่งกล่าวว่าเมื่อมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิน ความไม่เท่าเทียมจะเพิ่มขึ้นก่อน แล้วจึงจะลดลง นักเศรษฐศาสตร์ที่ชื่อว่า โทมัส พิเก็ตตี้ ได้ท้าทายแนวคิดนี้ โดยอ้างว่าจากปี 1941 ถึงปี 1945 สงครามและ “วิกฤติรุนแรงด้านเศรษฐกิจและการเมือง" ได้ลดความไม่เท่าเทียมลง นอกจากนั้นพิเก็ตตี้ยังโต้เถียงว่าสมมุติฐาน คุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ อัน “น่าอัศจรรย์”ที่เน้นการคงความสมดุลย์ของการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น ไม่สามารถอธิบายการที่ความไม่เท่าเทียมด้านเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วหลังยุคปี 1970 เพิ่มขึ้นอย่างมากมายได้ | คุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ กล่าวว่า พร้อมกับความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิน ความไม่เท่าเทียมจะลดลงหลังจากอะไร | {
"text": [
"เพิ่มขึ้นก่อน"
],
"answer_start": [
187
]
} |
572a13841d0469140077973d | งานค้นคว้าเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของรายได้และความเจริญเติบโต ได้ค้นพบหลักฐานในบางครั้งที่จะยืนยัน สมมุติฐานคุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ ซึ่งกล่าวว่าเมื่อมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิน ความไม่เท่าเทียมจะเพิ่มขึ้นก่อน แล้วจึงจะลดลง นักเศรษฐศาสตร์ที่ชื่อว่า โทมัส พิเก็ตตี้ ได้ท้าทายแนวคิดนี้ โดยอ้างว่าจากปี 1941 ถึงปี 1945 สงครามและ “วิกฤติรุนแรงด้านเศรษฐกิจและการเมือง" ได้ลดความไม่เท่าเทียมลง นอกจากนั้นพิเก็ตตี้ยังโต้เถียงว่าสมมุติฐาน คุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ อัน “น่าอัศจรรย์”ที่เน้นการคงความสมดุลย์ของการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น ไม่สามารถอธิบายการที่ความไม่เท่าเทียมด้านเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วหลังยุคปี 1970 เพิ่มขึ้นอย่างมากมายได้ | ใครเป็นผู้ท้าทายแนวคิดของสมมุติฐาน คุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ | {
"text": [
"โทมัส พิเก็ตตี้"
],
"answer_start": [
240
]
} |
572a13841d0469140077973e | งานค้นคว้าเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของรายได้และความเจริญเติบโต ได้ค้นพบหลักฐานในบางครั้งที่จะยืนยัน สมมุติฐานคุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ ซึ่งกล่าวว่าเมื่อมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิน ความไม่เท่าเทียมจะเพิ่มขึ้นก่อน แล้วจึงจะลดลง นักเศรษฐศาสตร์ที่ชื่อว่า โทมัส พิเก็ตตี้ ได้ท้าทายแนวคิดนี้ โดยอ้างว่าจากปี 1941 ถึงปี 1945 สงครามและ “วิกฤติรุนแรงด้านเศรษฐกิจและการเมือง" ได้ลดความไม่เท่าเทียมลง นอกจากนั้นพิเก็ตตี้ยังโต้เถียงว่าสมมุติฐาน คุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ อัน “น่าอัศจรรย์”ที่เน้นการคงความสมดุลย์ของการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น ไม่สามารถอธิบายการที่ความไม่เท่าเทียมด้านเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วหลังยุคปี 1970 เพิ่มขึ้นอย่างมากมายได้ | โทมัส พิเก็ตตี้มีอาชีพอะไร | {
"text": [
"นักเศรษฐศาสตร์"
],
"answer_start": [
215
]
} |
572a13841d0469140077973f | งานค้นคว้าเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของรายได้และความเจริญเติบโต ได้ค้นพบหลักฐานในบางครั้งที่จะยืนยัน สมมุติฐานคุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ ซึ่งกล่าวว่าเมื่อมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิน ความไม่เท่าเทียมจะเพิ่มขึ้นก่อน แล้วจึงจะลดลง นักเศรษฐศาสตร์ที่ชื่อว่า โทมัส พิเก็ตตี้ ได้ท้าทายแนวคิดนี้ โดยอ้างว่าจากปี 1941 ถึงปี 1945 สงครามและ “วิกฤติรุนแรงด้านเศรษฐกิจและการเมือง" ได้ลดความไม่เท่าเทียมลง นอกจากนั้นพิเก็ตตี้ยังโต้เถียงว่าสมมุติฐาน คุซเน็ตซ์ เคิร์ฟ อัน “น่าอัศจรรย์”ที่เน้นการคงความสมดุลย์ของการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น ไม่สามารถอธิบายการที่ความไม่เท่าเทียมด้านเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วหลังยุคปี 1970 เพิ่มขึ้นอย่างมากมายได้ | พิเก็ตตี้รู้สึกว่าอะไรคือปัจจัยหลักในการลดความไม่เท่าเทียมในช่วงระหว่างปี 1941 ถึง 1945 | {
"text": [
"สงครามและ “วิกฤติรุนแรงด้านเศรษฐกิจและการเมือง\""
],
"answer_start": [
307
]
} |
572a18a4af94a219006aa7df | บางทฤษฎีที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1970 ได้กำหนดลู่ทางที่มีความเป็นไปได้ว่า ความไม่เท่าเทียมอาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ตามรายงานในปี 1955 เงินออมของหมู่คนที่ร่ำรวยอาจช่วยชดเชยอุปสงค์ผู้บริโภคที่ลดลงได้ หากเงินออมเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามความไม่เท่าเทียม รายงานเกี่ยวกับไนจีเรียจากปี 2013 เสนอแนะว่าความเจริญเติบโตได้ เพิ่มขึ้นพร้อมกับความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่เพิ่มขึ้น บางทฤษฎีที่ได้รับความนิยมจากช่วงปี 1950 ถึง 2011 ได้กล่าวไว้อย่างผิดๆ ว่า ความไม่เท่าเทียมมีผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การวิเคราะห์จากการเปรียบเทียบตัวเลขวัดความเท่าเทียมรายปีกับอัตราความเติบโตรายปี มีผลทำให้เข้าใจผิดได้เพราะผลลัพท์ต้องใช้เวลา หลายปีก่อนที่จะปรากฎเป็นการเปลี่ยนแปลงของความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ค้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างสูงระหว่างความไม่เท่าเทียมในระดับต่ำ กับความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจที่มีระยะเวลาที่ยาวยั่งยืน ประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีความไม่เท่าเทียมสูงได้ “ประสบความสำเร็จในการริเริ่มการพัฒนาในอัตราที่สูงในระยะเวลาไม่กี่ปี” แต่ว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืนยาวนานมีความเกี่ยวข้องอย่างสูงกับการมีความเท่าเทียมที่มากกว่าของการกระจายรายได้ | ทฤษฎีที่เสนอแนะว่าความไม่เท่าเทียมอาจมีผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ | {
"text": [
"1970"
],
"answer_start": [
32
]
} |
572a18a4af94a219006aa7e0 | บางทฤษฎีที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1970 ได้กำหนดลู่ทางที่มีความเป็นไปได้ว่า ความไม่เท่าเทียมอาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ตามรายงานในปี 1955 เงินออมของหมู่คนที่ร่ำรวยอาจช่วยชดเชยอุปสงค์ผู้บริโภคที่ลดลงได้ หากเงินออมเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามความไม่เท่าเทียม รายงานเกี่ยวกับไนจีเรียจากปี 2013 เสนอแนะว่าความเจริญเติบโตได้ เพิ่มขึ้นพร้อมกับความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่เพิ่มขึ้น บางทฤษฎีที่ได้รับความนิยมจากช่วงปี 1950 ถึง 2011 ได้กล่าวไว้อย่างผิดๆ ว่า ความไม่เท่าเทียมมีผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การวิเคราะห์จากการเปรียบเทียบตัวเลขวัดความเท่าเทียมรายปีกับอัตราความเติบโตรายปี มีผลทำให้เข้าใจผิดได้เพราะผลลัพท์ต้องใช้เวลา หลายปีก่อนที่จะปรากฎเป็นการเปลี่ยนแปลงของความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ค้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างสูงระหว่างความไม่เท่าเทียมในระดับต่ำ กับความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจที่มีระยะเวลาที่ยาวยั่งยืน ประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีความไม่เท่าเทียมสูงได้ “ประสบความสำเร็จในการริเริ่มการพัฒนาในอัตราที่สูงในระยะเวลาไม่กี่ปี” แต่ว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืนยาวนานมีความเกี่ยวข้องอย่างสูงกับการมีความเท่าเทียมที่มากกว่าของการกระจายรายได้ | ตามรายงานในปี 1955 มีความคิดว่าเงินออมของหมู่คนที่ร่ำรวยจะช่วยชดเชยอะไร | {
"text": [
"อุปสงค์ผู้บริโภคที่ลดลง"
],
"answer_start": [
189
]
} |
572a18a4af94a219006aa7e1 | บางทฤษฎีที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1970 ได้กำหนดลู่ทางที่มีความเป็นไปได้ว่า ความไม่เท่าเทียมอาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ตามรายงานในปี 1955 เงินออมของหมู่คนที่ร่ำรวยอาจช่วยชดเชยอุปสงค์ผู้บริโภคที่ลดลงได้ หากเงินออมเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามความไม่เท่าเทียม รายงานเกี่ยวกับไนจีเรียจากปี 2013 เสนอแนะว่าความเจริญเติบโตได้ เพิ่มขึ้นพร้อมกับความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่เพิ่มขึ้น บางทฤษฎีที่ได้รับความนิยมจากช่วงปี 1950 ถึง 2011 ได้กล่าวไว้อย่างผิดๆ ว่า ความไม่เท่าเทียมมีผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การวิเคราะห์จากการเปรียบเทียบตัวเลขวัดความเท่าเทียมรายปีกับอัตราความเติบโตรายปี มีผลทำให้เข้าใจผิดได้เพราะผลลัพท์ต้องใช้เวลา หลายปีก่อนที่จะปรากฎเป็นการเปลี่ยนแปลงของความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ค้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างสูงระหว่างความไม่เท่าเทียมในระดับต่ำ กับความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจที่มีระยะเวลาที่ยาวยั่งยืน ประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีความไม่เท่าเทียมสูงได้ “ประสบความสำเร็จในการริเริ่มการพัฒนาในอัตราที่สูงในระยะเวลาไม่กี่ปี” แต่ว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืนยาวนานมีความเกี่ยวข้องอย่างสูงกับการมีความเท่าเทียมที่มากกว่าของการกระจายรายได้ | รายงานเกี่ยวกับไนจีเรียในปี 2013 เสนอแนะว่าการพัฒนาของประเทศได้ก่อให้เกิดอะไร | {
"text": [
"เพิ่มขึ้น"
],
"answer_start": [
328
]
} |
572a18a4af94a219006aa7e2 | บางทฤษฎีที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1970 ได้กำหนดลู่ทางที่มีความเป็นไปได้ว่า ความไม่เท่าเทียมอาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ตามรายงานในปี 1955 เงินออมของหมู่คนที่ร่ำรวยอาจช่วยชดเชยอุปสงค์ผู้บริโภคที่ลดลงได้ หากเงินออมเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามความไม่เท่าเทียม รายงานเกี่ยวกับไนจีเรียจากปี 2013 เสนอแนะว่าความเจริญเติบโตได้ เพิ่มขึ้นพร้อมกับความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่เพิ่มขึ้น บางทฤษฎีที่ได้รับความนิยมจากช่วงปี 1950 ถึง 2011 ได้กล่าวไว้อย่างผิดๆ ว่า ความไม่เท่าเทียมมีผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การวิเคราะห์จากการเปรียบเทียบตัวเลขวัดความเท่าเทียมรายปีกับอัตราความเติบโตรายปี มีผลทำให้เข้าใจผิดได้เพราะผลลัพท์ต้องใช้เวลา หลายปีก่อนที่จะปรากฎเป็นการเปลี่ยนแปลงของความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ค้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างสูงระหว่างความไม่เท่าเทียมในระดับต่ำ กับความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจที่มีระยะเวลาที่ยาวยั่งยืน ประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีความไม่เท่าเทียมสูงได้ “ประสบความสำเร็จในการริเริ่มการพัฒนาในอัตราที่สูงในระยะเวลาไม่กี่ปี” แต่ว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืนยาวนานมีความเกี่ยวข้องอย่างสูงกับการมีความเท่าเทียมที่มากกว่าของการกระจายรายได้ | ผลกระทบต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่ามันจะปรากฎเป็นการเปลี่ยนแปลงต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ | {
"text": [
"หลายปี"
],
"answer_start": [
638
]
} |
572a18a4af94a219006aa7e3 | บางทฤษฎีที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1970 ได้กำหนดลู่ทางที่มีความเป็นไปได้ว่า ความไม่เท่าเทียมอาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ตามรายงานในปี 1955 เงินออมของหมู่คนที่ร่ำรวยอาจช่วยชดเชยอุปสงค์ผู้บริโภคที่ลดลงได้ หากเงินออมเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามความไม่เท่าเทียม รายงานเกี่ยวกับไนจีเรียจากปี 2013 เสนอแนะว่าความเจริญเติบโตได้ เพิ่มขึ้นพร้อมกับความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่เพิ่มขึ้น บางทฤษฎีที่ได้รับความนิยมจากช่วงปี 1950 ถึง 2011 ได้กล่าวไว้อย่างผิดๆ ว่า ความไม่เท่าเทียมมีผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การวิเคราะห์จากการเปรียบเทียบตัวเลขวัดความเท่าเทียมรายปีกับอัตราความเติบโตรายปี มีผลทำให้เข้าใจผิดได้เพราะผลลัพท์ต้องใช้เวลา หลายปีก่อนที่จะปรากฎเป็นการเปลี่ยนแปลงของความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ค้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างสูงระหว่างความไม่เท่าเทียมในระดับต่ำ กับความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจที่มีระยะเวลาที่ยาวยั่งยืน ประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีความไม่เท่าเทียมสูงได้ “ประสบความสำเร็จในการริเริ่มการพัฒนาในอัตราที่สูงในระยะเวลาไม่กี่ปี” แต่ว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืนยาวนานมีความเกี่ยวข้องอย่างสูงกับการมีความเท่าเทียมที่มากกว่าของการกระจายรายได้ | การพัฒนาที่ยั่งยืนยาวนานมีส่วนเกี่ยวข้องกับอะไร | {
"text": [
"การมีความเท่าเทียมที่มากกว่าของการกระจายรายได้"
],
"answer_start": [
1027
]
} |
572a1a5c6aef051400155284 | ในขณะที่ต้องยอมรับว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจก็อาจมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์, การลดความยากจน และความสำเร็จของเป้าหมายพัฒนาสหัสวรรษ ก็เริ่มมีความเข้าใจอย่างกว้างขวางมากขึ้นในหมู่ชุมชนพัฒนาว่า จะต้องมีความพยายามเป็นพิเศษเพื่อที่จะรับรองว่า ส่วนที่ยากจนของสังคมจะสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจต่อการลดความยากจน – ความยืดหยุ่นในการเติบโตของความยากจน – อาจขึ้นอยู่กับ ความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่ในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศที่มีความไม่เท่าเทียมต่ำและมีอัตราการพัฒนา 2% ต่อคน และ 40% ของประชากรอยู่ในความยากจนนั้น สามารถลดความยากจนเป็นครึ่งได้ในเวลาสิบปี แต่ประเทศที่ไม่ความไม่เท่าเทียมสูงจะต้องใช้เวลาเกือบ 60 ปี ที่จะทำเช่นเดียวกันนั้นได้ อย่างที่เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มูน ได้กล่าวไว้: “ในขณะที่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจมีความจำเป็น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับความคืบหน้าในด้านการลดความยากจน" | อะไรคือสิ่งจำเป็นที่จะรับรองได้ว่าส่วนที่ยากจนของสังคมจะมีส่วนร่วมในการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ | {
"text": [
"ความพยายามเป็นพิเศษ"
],
"answer_start": [
198
]
} |
572a1a5c6aef051400155285 | ในขณะที่ต้องยอมรับว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจก็อาจมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์, การลดความยากจน และความสำเร็จของเป้าหมายพัฒนาสหัสวรรษ ก็เริ่มมีความเข้าใจอย่างกว้างขวางมากขึ้นในหมู่ชุมชนพัฒนาว่า จะต้องมีความพยายามเป็นพิเศษเพื่อที่จะรับรองว่า ส่วนที่ยากจนของสังคมจะสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจต่อการลดความยากจน – ความยืดหยุ่นในการเติบโตของความยากจน – อาจขึ้นอยู่กับ ความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่ในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศที่มีความไม่เท่าเทียมต่ำและมีอัตราการพัฒนา 2% ต่อคน และ 40% ของประชากรอยู่ในความยากจนนั้น สามารถลดความยากจนเป็นครึ่งได้ในเวลาสิบปี แต่ประเทศที่ไม่ความไม่เท่าเทียมสูงจะต้องใช้เวลาเกือบ 60 ปี ที่จะทำเช่นเดียวกันนั้นได้ อย่างที่เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มูน ได้กล่าวไว้: “ในขณะที่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจมีความจำเป็น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับความคืบหน้าในด้านการลดความยากจน" | ความยืดหยุ่นการเติบโตของความยากจนขึ้นอยู่กับอะไร | {
"text": [
"ความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่ในขณะนี้"
],
"answer_start": [
401
]
} |
572a1a5c6aef051400155286 | ในขณะที่ต้องยอมรับว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจก็อาจมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์, การลดความยากจน และความสำเร็จของเป้าหมายพัฒนาสหัสวรรษ ก็เริ่มมีความเข้าใจอย่างกว้างขวางมากขึ้นในหมู่ชุมชนพัฒนาว่า จะต้องมีความพยายามเป็นพิเศษเพื่อที่จะรับรองว่า ส่วนที่ยากจนของสังคมจะสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจต่อการลดความยากจน – ความยืดหยุ่นในการเติบโตของความยากจน – อาจขึ้นอยู่กับ ความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่ในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศที่มีความไม่เท่าเทียมต่ำและมีอัตราการพัฒนา 2% ต่อคน และ 40% ของประชากรอยู่ในความยากจนนั้น สามารถลดความยากจนเป็นครึ่งได้ในเวลาสิบปี แต่ประเทศที่ไม่ความไม่เท่าเทียมสูงจะต้องใช้เวลาเกือบ 60 ปี ที่จะทำเช่นเดียวกันนั้นได้ อย่างที่เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มูน ได้กล่าวไว้: “ในขณะที่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจมีความจำเป็น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับความคืบหน้าในด้านการลดความยากจน" | ประเทศที่มีความไม่เท่าเทียมสูงจะต้องใช้เวลานานกว่าในการที่จะทำอะไรได้สำเร็จ | {
"text": [
"ลดความยากจนเป็นครึ่ง"
],
"answer_start": [
554
]
} |
572a1a5c6aef051400155287 | ในขณะที่ต้องยอมรับว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจก็อาจมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์, การลดความยากจน และความสำเร็จของเป้าหมายพัฒนาสหัสวรรษ ก็เริ่มมีความเข้าใจอย่างกว้างขวางมากขึ้นในหมู่ชุมชนพัฒนาว่า จะต้องมีความพยายามเป็นพิเศษเพื่อที่จะรับรองว่า ส่วนที่ยากจนของสังคมจะสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจต่อการลดความยากจน – ความยืดหยุ่นในการเติบโตของความยากจน – อาจขึ้นอยู่กับ ความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่ในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศที่มีความไม่เท่าเทียมต่ำและมีอัตราการพัฒนา 2% ต่อคน และ 40% ของประชากรอยู่ในความยากจนนั้น สามารถลดความยากจนเป็นครึ่งได้ในเวลาสิบปี แต่ประเทศที่ไม่ความไม่เท่าเทียมสูงจะต้องใช้เวลาเกือบ 60 ปี ที่จะทำเช่นเดียวกันนั้นได้ อย่างที่เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มูน ได้กล่าวไว้: “ในขณะที่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจมีความจำเป็น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับความคืบหน้าในด้านการลดความยากจน" | บาน คี-มูน เป็นเลขาธิการของอะไร | {
"text": [
"สหประชาชาติ"
],
"answer_start": [
692
]
} |
572a1a5c6aef051400155288 | ในขณะที่ต้องยอมรับว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจก็อาจมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์, การลดความยากจน และความสำเร็จของเป้าหมายพัฒนาสหัสวรรษ ก็เริ่มมีความเข้าใจอย่างกว้างขวางมากขึ้นในหมู่ชุมชนพัฒนาว่า จะต้องมีความพยายามเป็นพิเศษเพื่อที่จะรับรองว่า ส่วนที่ยากจนของสังคมจะสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจต่อการลดความยากจน – ความยืดหยุ่นในการเติบโตของความยากจน – อาจขึ้นอยู่กับ ความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่ในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศที่มีความไม่เท่าเทียมต่ำและมีอัตราการพัฒนา 2% ต่อคน และ 40% ของประชากรอยู่ในความยากจนนั้น สามารถลดความยากจนเป็นครึ่งได้ในเวลาสิบปี แต่ประเทศที่ไม่ความไม่เท่าเทียมสูงจะต้องใช้เวลาเกือบ 60 ปี ที่จะทำเช่นเดียวกันนั้นได้ อย่างที่เลขาธิการสหประชาชาติ บาน คี-มูน ได้กล่าวไว้: “ในขณะที่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจมีความจำเป็น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับความคืบหน้าในด้านการลดความยากจน" | การพัฒนาด้านเศรษฐกิจไม่เพียงพอสำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับอะไร | {
"text": [
"การลดความยากจน"
],
"answer_start": [
814
]
} |