title
stringlengths
1
182
text
stringlengths
1
45.8M
source
stringclasses
5 values
__index_level_0__
int64
0
197k
กลุ่มดาวคนคู่
กลุ่มดาวคนคู่ หรือ กลุ่มดาวมิถุน/เมถุน (♊) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี อยู่ระหว่างกลุ่มดาววัวทางทิศตะวันตก กับกลุ่มดาวปูทางทิศตะวันออก ทางทิศเหนือ คือ กลุ่มดาวสารถีและกลุ่มดาวแมวป่าที่แทบจะมองไม่เห็น ทางทิศใต้ คือ กลุ่มดาวยูนิคอร์นและกลุ่มดาวหมาเล็ก โครงการเจมินีขององค์การนาซา ตั้งชื่อตามกลุ่มดาวนี้ จุดเด่นของกลุ่มดาวคนคู่ คือ ดาวฤกษ์สองดวงอยู่ใกล้กัน ดาวที่อยู่สูงกว่าเรียกว่าดาวคัสตอร์ (α Gem) ดวงล่างเรียกว่าดาวพอลลักซ์ (β Gem) == ประวัติ == กลุ่มดาวคนคู่เป็นกลุ่มดาวจักรราศีลำดับที่สาม (นับจากราศีเมษ) เห็นได้ชัดตั้งแต่เดือนธันวาคม ถึง พฤษภาคม เป็นดาวสำคัญของนักเดินเรือ เพราะเมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนสู่ราศีมิถุน นับเป็นเครื่องหมายของการสิ้นสุดพายุฤดูหนาว เรือออกทะเลได้ บนเรือมักจะมีรูปปั้นและหิ้งบูชาเทพสององค์นี้ เพื่ออธิษฐานให้เดินทางได้ราบรื่น ปราศจากอุปสรรคทั้งปวง ในท่าเรือต่างๆ สมัยโบราณ ก็ยังมีรูปปั้นของเทพทั้งสองนี้ ที่สองฝั่งปากทางออกสู่ทะเล เมื่อ 6,000-4,000 ปีก่อนคริสตกาล ดวงอาทิตย์เคลื่อนสู่ราศีมิถุนในช่วงวสันตวิษุวัต (21 มีนาคม) ราศีนี้จึงมีความสำคัญทั้งทางปฏิทินและทางลัทธิบูชา และในยุคดังกล่าวยังเป็นจุดเริ่มต้นการเกษตร ที่ต้องการปฏิทินที่แม่นยำสูง ในคัมภีร์โบราณอันเก่าแก่ มักวาดรูปเด็กทารกสองคน เป็นสัญลักษณ์ของราศีนี้ ดาวคัสตอร์นั้นเป็นดาวสีขาว ส่วนพอลลุกซ์เป็นดาวสีเหลือง ดาวสองดวงนี้อยู่ห่างกันประมาณ 4.5 องศา นอกจากนี้ในกลุ่มดาวคนคู่ ยังมีดาวความสว่างน้อยอีกหลายดวง เช่น "ดาวอัลเฮนา" (γ Gem), "ดาวอาซาบ" (δ Gem) เป็นต้น และใกล้ๆ นั้นมีดาราจักรชื่อ M35 ชาวอาหรับเรียกดาวเด่นทั้งสองดวงนี้ว่าดาวฝาแฝดเช่นกัน และยังเรียกว่าดาวนกยูงสองตัวด้วย ส่วนชาวอียิปต์ถือว่าดวงสองดวงนี้คือเทพโฮรุส เป็นเทพเจ้าแห่งดวงตะวัน นับเป็นความเชื่อเก่าแก่มาก ขณะที่ชาวเอสกิโมถือว่าดาวสองดวงนี้เป็นเสาหลักของกระท่อมอิกลูของตน ที่ทำด้วยก้อนน้ำแข็ง ในตำราดาราศาสตร์ของอินเดีย ระบุถึงนักษัตรที่ห้า ว่า "ปุนรวรสุ" หรือผู้ประเสริฐทั้งสอง ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของนางอทิติ เทพีแห่งห้องฟ้า ซึ่งนางเป็นมารดาของอาทิตย์ทั้ง 12 องค์ที่เวียนกันมาปรากฏในแต่ละเดือน (แต่ละองค์มีชื่อต่างๆกัน) กำหนดของตำนานนี้ อาจเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อราศีมิถุนเริ่มเป็นเครื่องหมายของวสันตวิษุวัต == ดาวในกลุ่มดาวนี้ == ดาวที่สำคัญที่สุดในกลุ่มดาวนี้คือดาวพอลลุกซ์และดาวคัสตอร์ซึ่งเป็นส่วนหัวของฝาแฝด โดยดาวคัสตอร์มีความสว่างปรากฏ 1.93 อยู่ห่างจากระบบสุริยะของเราออกไป 52 ปีแสง เป็นดาวขนาดไม่ใหญ่นัก ราวสองเท่าของดวงอาทิตย์ ส่วนดาวพอลลุกซ์ นั้นสว่างกว่า คือ 1.16 และอยู่ห่างออกไปจากระบบสุริยะของเรา 33.7 ปีแสง มีขนาดค่อนข้างใหญ่ คือราว 10 เท่าของดวงอาทิตย์ ดาวทั้งสองมีระยะห่างจากกัน 4.5 องศา ซึ่งช่วยให้ผู้สังเกตประมาณระยะห่างระหว่างดาวอื่นๆ ได้ สำหรับดาวอิออตา (ι Gem) นั้นเป็นดาวยักษ์ใหญ่ มีขนาดราว 30 เท่าของดวงอาทิตย์ อยู่ไกลจากเราถึง 950 ปีแสง แต่ค่ารวมของความสว่างปรากฏ บ่งบอกว่าอยู่ใกล้กว่านั้นมาก คือราว 190 ปีแสงเท่านั้น อีกดวงหนึ่ง คือ ดาวเซตา(ζ Gem) เป็นดาวที่ไกลที่สุดในบรรดาดาวสว่างของกลุ่มดาวนี้ คือห่างออกไปกว่า 1,200 ปีแสง นับเป็นดาวแปรแสงชนิดหนึ่ง ขณะที่ ดาวเอตา (η Gem) เป็นดาวยักษ์แดง มีขนาดราว 50 เท่าของดวงอาทิตย์ อยู่ห่างออกไป 280 ปีแสง ซึ่งมีลักษณะเป็นดาวคู่และดาวแปรแสงด้วย == วัตถุอื่นๆ == วัตถุน่าสนใจในกลุ่มดาวนี้ ได้แก่ M35 (NGC 2168) เป็นกระจุกดาวเปิด ที่สังเกตได้ง่ายจากกล้องขนาดเล็ก อยู่ห่างจากดาวเอตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 2.5 องศา กระจุกดาวนี้น่าสนใจมาก มีดาวสว่างเป็นแนวโค้งนับร้อยๆ ดวง อยู่ห่างออกไปราว 2,500 ปีแสง นอกจากนี้ยังมีเนบิวลาชื่อ "เอสกิโม" (NGC 2392) เป็นเนบิวลาที่ไกลกว่า คือประมาณ 10,000 ปีแสง ดาวตรงกลางมีความสว่าง 10 หากมีกล้องที่ใหญ่พอจะสังเกตได้ดี โดยเริ่มจากกล้องขนาดเล็ก จับวัตถุสีฟ้าเขียว แล้วใช้กล้องขนาดใหญ่มากสังเกตด้านหน้าของเนบิวลา ดวงตา จมูก และปาก และคอ ที่ดูคล้ายเอสกิโม กลุ่มดาว กลุ่มดาวคนคู่
thaiwikipedia
902
ทฤษฎีการคำนวณ
การศึกษาเกี่ยวกับ ทฤษฎีการคำนวณ เริ่มขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ยี่สิบ ก่อนจะมีการคิดค้นคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้น ในช่วงเวลาดังกล่าว นักคณิตศาสตร์ได้เริ่มศึกษาว่า ปัญหาทางคณิตศาสตร์ใดบ้างที่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีพื้นฐาน และปัญหาใดที่ไม่สามารถแก้ได้ ขั้นตอนแรกก็คือการนิยามให้ได้ว่าวิธีพื้นฐานในการแก้ปัญหานั้นคืออะไรบ้าง นั่นคือ พวกเขาต้องการโมเดลอย่างเป็นทางการของการคำนวณ (formal model of computation) ได้มีการสร้างโมเดลในรูปแบบต่างๆ มากมาย โมเดลเครื่องจักรทัวริงมองการคำนวณเป็นการทำงานของเครื่องจักรที่ทำงานบนเทปเก็บตัวอักษรที่มีความยาวไม่จำกัด โดยมีหัวอ่าน/เขียนที่จะทำงานกับช่องบนเทปทีละช่อง อีกโมเดลหนึ่งพิจารณาการคำนวณผ่านทางฟังก์ชันเวียนบังเกิด ซึ่งใช้ฟังก์ชันและการประกอบกัน (composition) ของฟังก์ชันที่ทำงานบนตัวเลข โมเดลแลมดาแคลคูลัสใช้วิธีคล้ายๆกัน นอกจากนี้ยังมีโมเดลอื่นๆ เช่น ขั้นตอนวิธีของมาคอฟและระบบของโพสต์ที่ใช้ไวยากรณ์บนสตริง โมเดลทางการต่างๆเหล่านี้ได้รับการแสดงว่ามีความสามารถเทียบเท่ากัน นั่นคือ การคำนวณใดๆที่กระทำได้โดยโมเดลหนึ่งจะสามารถทำได้ในอีกโมเดลด้วยเช่นกัน โมเดลเหล่านี้ยังมีความสามารถเท่ากันกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่เราใช้อยู่ ถ้าเราสมมติว่าเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นมีหน่วยความจำไม่รู้จบ นอกจากนี้ ยังเป็นที่เชื่อกันอีกว่า ทุกๆ โมเดลการคำนวณที่ "สมเหตุสมผล" จะมีความสามารถเทียบเท่ากับเครื่องจักรทัวริ่ง ซึ่งความเชื่อนี้เรียกว่า ข้อปัญหาของเชิร์ช-ทัวริง (Church-Turing thesis) ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับขอบเขตของปัญหาที่คำนวณได้ด้วยโมเดลของเครื่องจักรแบบต่างๆนั้นคือ ทฤษฎีการคำนวณได้ ทฤษฎีการคำนวณศึกษาโมเดลการคำนวณ พร้อมๆกับขีดจำกัดของการคำนวณ เช่น ปัญหาใดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่สามารถแก้ได้ด้วยคอมพิวเตอร์? (ดู ปัญหาการยุติการทำงาน หรือ ปัญหาความสัมพันธ์ของโพสต์) ปัญหาใดบ้างที่สามารถแก้ไขได้ด้วยคอมพิวเตอร์ แต่ต้องการเวลามหาศาลจนทำให้การหาคำตอบนั้นเป็นไปไม่ได้ (ดู Presburger arithmetic) การหาคำตอบยากกว่าการตรวจคำตอบของปัญหาหรือไม่ (ดู กลุ่มความซับซ้อน พี และ เอ็นพี) ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเวลาและเนื้อที่ที่ต้องการสำหรับปัญหาต่างๆ คือ ทฤษฎีความซับซ้อนในการคำนวณ นอกจากโมเดลในการคำนวณทั่วไปแล้ว ยังมีรูปแบบในการคำนวณอื่นๆ ที่ง่ายกว่านั้น เช่น โมเดลของนิพจน์ปรกติ ที่เป็นวิธีที่ใช้กำหนดรูปแบบของสตริงในยูนิกซ์ และในบางภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น ภาษาเพิร์ล โดยมีโมเดล เช่น เครื่องจักรสถานะจำกัดที่มีความสามารถเทียบเท่ากัน โมเดลที่มีความสามารถกว่าโมเดลนิพจน์ regular เช่น โมเดลที่อธิบายการคำนวณผ่านทางไวยากรณ์ไม่พึ่งบริบท (context-free grammar) ใช้สำหรับระบุไวยากรณ์ของภาษาโปรแกรม โดยที่มีเครื่องจักรกดลง (pushdown automata) เป็นอีกรูปแบบที่เทียบเท่ากัน ฟังก์ชันเวียนบังเกิดพื้นฐานก็เป็นโมเดลย่อยของฟังก์ชันเวียนบังเกิด โมเดลที่แตกต่างกันอาจมีความสามารถที่แตกต่างกันได้ อีกวิธีหนึ่งที่จะวัดความสามารถของโมเดลต่างๆ ก็คือการศึกษากลุ่มของภาษาทางการ (formal language) ที่โมเดลเหล่านั้นสามารถสร้างได้ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องจักรสถานะจำกัดสามารถสร้างได้เพียงภาษาที่เทียบเท่ากับนิพจน์ regular ส่วนเครื่องจักรกดลงนั้นสามารถสร้างภาษาที่ระบุด้วยไวยากรณ์ไม่พึ่งบริบทได้ด้วย ระดับความสามารถทางภาษาทางการของโมเดลเหล่านี้เป็นที่มาของระดับชั้นของ Chomsky ตารางด้านล่างแสดงกลุ่มของปัญหา (หรือภาษา หรือไวยากรณ์) ที่พิจารณาในทฤษฎีการคำนวณได้. ถ้ากลุ่ม X เป็นซับเซ็ตแท้ของ Y เราจะแสดง X ด้านล่าง Y และมีเส้นทึบเชื่อมระหว่างสองกลุ่ม. ถ้า X เป็นซับเซ็ตแต่ไม่ทราบแน่นอนว่าจะเท่ากันหรือไม่ เราจะเชื่อมด้วยเส้นที่บางกว่าและเป็นเส้นประ. ปัญหาการตัดสินใจ solidLine.png solidLine.png Type 0 (Recursively enumerable) Undecidable solidLine.png Decidable solidLine.png EXPSPACE dottedLine.png EXPTIME dottedLine.png พีสเปซ solidLine.png solidLine.png dottedLine.png dottedLine.png dottedLine.png dottedLine.png Type 1 (Context Sensitive) solidLine.png dottedLine.png dottedLine.png dottedLine.png พีสเปซบริบูรณ์ solidLine.png solidLine.png dottedLine.png dottedLine.png dottedLine.png solidLine.png solidLine.png โค-เอ็นพี dottedLine.png เอ็นพี solidLine.png solidLine.png dottedLine.png dottedLine.png dottedLine.png dottedLine.png solidLine.png solidLine.png dottedLine.png BPP BQP เอ็นพีบริบูรณ์ solidLine.png solidLine.png dottedLine.png dottedLine.png dottedLine.png solidLine.png solidLine.png พี solidLine.png solidLine.png dottedLine.png dottedLine.png solidLine.png NC พีบริบูรณ์ solidLine.png solidLine.png Type 2 (Context Free) solidLine.png Type 3 (Regular) == อ้างอิง == Garey, Michael R., and David S. Johnson: Computers and Intractability: A Guide to the Theory of NP-Completeness. New York: W. H. Freeman & Co., 1979. The standard reference on NP-Complete problems - an important category of problems whose solutions appear to require an impractically long time to compute. Hein, James L: Theory of Computation. Sudbury, MA: Jones & Bartlett, 1996. A gentle introduction to the field, appropriate for second-year undergraduate computer science students. Hopcroft, John E., and Jeffrey D. Ullman: Introduction to Automata Theory, Languages, and Computation. Reading, MA: Addison-Wesley, 1979. One of the standard references in the field. Taylor, R. Gregory: Models of Computation. New York: Oxford University Press, 1998. An unusually readable textbook, appropriate for upper-level undergraduates or beginning graduate students. The Complexity Zoo : A huge list of complexity classes, as reference for experts. Computability Logic : A theory of interactive computation. The main web source on this new subject. == ดูเพิ่ม == Computability logic Interactive computation Important publications in computability Open problems in computability Calculation ทฤษฎีการคำนวณ
thaiwikipedia
903
ทฤษฎีการคำนวณได้
ทฤษฎีการคำนวณได้ คือส่วนหนึ่งของการศึกษาในทฤษฎีการคำนวณที่สนใจกับปัญหาที่ว่า ปัญหาใดที่สามารถหาคำตอบได้ด้วยขั้นตอนวิธี (หรือ—ในความหมายที่เหมือนกัน—โดยเครื่องจักรทัวริง) ภายใต้ข้อจำกัดและข้อเพิ่มเติมหลายๆ แบบ ทฤษฎีการคำนวณได้ศึกษาปัญหาหลักๆ สี่ปัญหาดังต่อไปนี้ ปัญหาใดที่เครื่องจักรทัวริงสามารถแก้ได้? ระบบในการคำนวณใดที่มีความสามารถเท่าเทียมกับเครื่องจักรทัวริง? ปัญหาใดที่ต้องการเครื่องจักรที่มีความสามารถมากกว่าเครื่องจักรทัวริง? ปัญหาใดที่สามารถแก้ได้โดยเครื่องจักรที่มีความสามารถน้อยกว่าเครื่องจักรทัวริง? ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มของปัญหา สามารถดูได้ในบทความเกี่ยวกับทฤษฎีการคำนวณ คณิตตรรกศาสตร์ ทฤษฎีการคำนวณ ทฤษฎีการคำนวณได้
thaiwikipedia
904
เครื่องทัวริง
เครื่องจักรทัวริง (Turing machine) คือเครื่องจักรนามธรรมที่แอลัน ทัวริงได้คิดค้นขึ้นใน ค.ศ. 1936 (พ.ศ. 2479) เพื่อการนิยามขั้นตอนวิธีหรือ 'กระบวนการเชิงกล' อย่างชัดเจนแบบคณิตศาสตร์ เครื่องจักรทัวริงได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์เชิงทฤษฎี โดยเฉพาะในทฤษฎีความซับซ้อนในการคำนวณและทฤษฎีการคำนวณ ข้อปัญหา (thesis) ที่ว่าโมเดลของเครื่องจักรทัวริงนั้นครอบคลุมกระบวนการเชิงกลทั้งหมด ในการคำนวณทางตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อข้อปัญหาของเชิร์ช-ทัวริง แนวคิดของเครื่องจักรทัวริงนั้นต้องการจะอธิบายการทำงานของคนที่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระบุไว้อย่างชัดเจน เพื่อแก้ไขข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในกระดาษที่เรียงต่อกันความยาวไม่จำกัด โดยที่กระดาษแผ่นหนึ่งจะสามารถเก็บสัญลักษณ์ได้หนึ่งตัวจากสัญลักษณ์ที่เป็นไปได้จำนวนจำกัด ผู้ปฏิบัติงานนั้นจะต้องจดจำสถานะหนึ่งจากสถานะที่เป็นไปได้ที่มีจำนวนจำกัด และขั้นตอนที่ระบุให้เขาทำงานนั้นจะอยู่ในลักษณะเช่น "ถ้าสถานะของคุณคือ 42 และสัญลักษณ์บนกระดาษที่คุณเห็นคือ '0', ให้เปลี่ยนสัญลักษณ์นี้เป็น '1', จดจำว่าสถานะใหม่เป็น 17 และไปทำงานต่อกับกระดาษแผ่นถัดไป" เครื่องจักรทัวริงนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการทดสอบของทัวริง ซึ่งถูกใช้เพื่ออธิบายความหมายของปัญญาประดิษฐ์โดยทัวริง เครื่องจักรทัวริงที่สามารถจำลองการทำงานของเครื่องจักรทัวริงเครื่องใด ๆ ก็ได้เรียกว่า เครื่องจักรทัวริงสากล (universal Turing machine) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เครื่องจักรสากล ทัวริงอธิบายไว้ใน ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) ว่า ''สามารถแสดงได้ว่ามีเครื่องจักรพิเศษในรูปแบบนี้ ที่สามารถทำงานของเครื่องจักรอื่น ๆ ในรูปแบบดังกล่าวได้ทั้งหมด นอกจากนี้เครื่องจักรนี้ยังสามารถใช้เป็นโมเดลสำหรับเครื่องจักรในแบบอื่น ๆ เครื่องจักรพิเศษนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นเครื่องจักรสากล คเรื่องจักรทัวริง คเรื่องจักรทัวริง วิทยาการคอมพิวเตอร์เชิงทฤษฎี
thaiwikipedia
905
ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์
ฮันเตอร์ × ฮันเตอร์ (Hunter × Hunter - อ่านว่า ฮันเตอร์ ฮันเตอร์) เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น ที่แต่งและวาดภาพประกอบโดย โยชิฮิโร โตกาชิ มุ่งเน้นไปที่เรื่องราวของ กอร์น ฟรีคส์ เด็กชายอายุ 12 ปี ที่ออกผจญภัยเพื่อสืบหาพ่อ จิน ฟรีคส์ ซึ่งเป็นฮันเตอร์มืออาชีพ จินออกเดินทางเพื่อตามหาความฝันโดยทิ้งลูกชายไว้เบื้องหลัง ดังนั้นกอร์นจึงพยายามที่จะเดินตามรอยพ่อของเขาคือ เป็นฮันเตอร์ให้ได้ แรงบันดาลใจในการแต่งการ์ตูนเรื่องนี้มาจากงานอดิเรกในการเก็บสะสมสิ่งของของผู้แต่ง ฮันเตอร์ได้รับความนิยมอย่างสูงจน ปี 2011 ฮันเตอร์ฉบับอนิเมะทีวีมีคะแนนเรตติ้งเฉลี่ย 3-4.5%, นอกจากนี้หนังสือการ์ตูน ฮันเตอร์xฮันเตอร์ มีทั้งหมด 35 เล่ม, ทำยอดขายรวมเล่มทั่วโลกไปมากกว่า 70 ล้านเล่มเป็นการ์ตูนที่ขายดีเป็นอันดับ 8 ของนิตย์สารจัมพ์ และอันดับที่ 20 ในบรรดามังงะญี่ปุ่น == ฮันเตอร์ == ฮันเตอร์ในการ์ตูนเรื่องนี้ หมายถึง กลุ่มคนที่สอบผ่านการคัดเลือกทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยการสอบในแต่ละปีจะเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับทางกรรมการผู้คุมสอบ เมื่อสอบผ่านแล้วจะมีการมอบการ์ดฮันเตอร์ เพื่อแสดงตัวว่าเป็นฮันเตอร์ที่แท้จริง สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ใช้เป็นบัตรผ่านสำหรับเข้าประเทศหรือสถานที่ที่ห้ามคนทั่วไปเข้า หรือแม้แต่ใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงินเป็นจำนวนมาก ๆ ได้ และมีการจัดระดับตามความสามารถในการสร้างชื่อเสียงและช่วยเหลือสังคมได้ ฮันเตอร์แต่ละคนจะมีลักษณะนิสัย และหน้าที่การงานต่างกัน โดยมีตั้งแต่ ฮันเตอร์นักอนุรักษ์ จนถึง ฮันเตอร์นักฆ่า โดยจัดความสามารถเป็นระดับดาว 1-3 และมีขั้นพิเศษเป็นผู้บริหารองค์กรฮันเตอร์ บัญญัติ 10 ประการของฮันเตอร์ 1. ฮันเตอร์ต้องล่า หรือ ค้นหาบางสิ่งบางอย่าง 2. ฮันเตอร์ต้องชำนาญศิลปะการต่อสู้ การใช้เน็นเป็นคือความต้องการขั้นต่ำสุด 3. ไม่ว่ากรณีใด ๆ คนที่เป็นฮันเตอร์แล้วจะไม่ถูกเพิกถอนคุณสมบัติการเป็นฮันเตอร์ แต่ว่าบัตรฮันเตอร์จะไม่มีการออกให้ใหม่เป็นครั้งที่ 2 4. ฮันเตอร์ห้ามตามล่าฮันเตอร์ด้วยกันเอง ยกเว้นแต่ฮันเตอร์นั้นจะทำกระทำผิดขั้นรุนแรง 5. ฮันเตอร์ที่ค้นพบหรือมีผลงานเป็นที่ยอมรับจะถูกแต่งตั้งเป็นซิงเกิลฮันเตอร์ 6. ฮันเตอร์ดาวเดียวจะถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง และถ้ามีลูกศิษย์ที่ได้รับดาวก็จะถูกแต่งตั้งเป็นดับเบิ้ลฮันเตอร์ 7. ฮันเตอร์สองดาวที่มีผลงานยอดเยี่ยมหลาย ๆ ครั้งจะถูกแต่งตั้งเป็นทริปเปิ้ลฮันเตอร์ 8. หากเหล่าฮันเตอร์ไม่ได้รับการสนับสนุนขั้นต่ำจากสมาคม สามารถรวบรวมรายชื่อเพื่อเพิกถอนประธานได้หากได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมาก เมื่อตำแหน่งประธานว่างลง การเลือกตั้งประธานจะเกิดขึ้นทันทีโดยมีรองประธานรักษาการชั่วคราวแทนจนกว่าจะได้ตัวประธานคนใหม่ 9. ประธานเป็นคำกำหนดวิธีการสอบคัดเลือกฮันเตอร์ และเพื่อยืนยันว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม จะต้องได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมาก 10. เรื่องอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ในนี้จะถูกกำหนดโดยประธาน รองประธาน และเหล่าที่ปรึกษา โดยประธานจะเป็นผู้แต่งตั้งรองประธานและที่ปรึกษาเอง == เนื้อเรื่อง == ฮันเตอร์ ชื่อเรียกของเหล่ามนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษในการใช้อานุภาพของเน็นและเอ็น เทียบเคียงกับโลกความจริงนั้นสามารถแปลงความสามารถในความคิดให้กลายมาเป็นอำนาจจริงในรูปแบบนามธรรมและจิตใจ ความนึกคิดให้กลายเป็นของจริงขึ้นมาได้ โลกแห่งนี้มีสมาคมลับที่เรียกกันว่า ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ เพื่อปกครองเหล่า นักรบฮันเตอร์ และมอบหมายภารกิจในการกำจัดหัวขโมยและอาชญากรรมต่างๆ และจัดการคัดเลือกเหล่า ฮันเตอร์หน้าใหม่ทุกปี โดย กอร์น เด็กหนุ่ม 10 ขวบ อาศัยอยู่กับ น้าสาวชื่อ มิโตะ และคุณยาย ในเกาะปลาวาฬ ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ชาวประมงอาศัยอยู่ โดยกอร์น ได้รับรู้เพียงว่า พ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ โดยการปิดบังของน้าและคุณยาย แต่ทว่าวันหนึ่งกอร์นได้เข้าไปในป่าและถูกหมีจิ้งจอกแม่ลูกอ่อนทำร้าย ขณะที่เข้าตาจนนั้น ฮันเตอร์ ไคท์ ได้เข้ามาช่วยชีวิตไว้ และไคท์ได้เล่าให้กอร์นฟังว่า พ่อของกอร์นนั้นยังไม่ตาย แต่กลับกัน พ่อของกอร์นยังเป็นฮันเตอร์ระดับ 3 ดาวชั้นแนวหน้า และก็เป็นอาจารย์ของเขาด้วย เมื่อกอร์นได้ฟังและรู้ว่าพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจึงตัดสินใจที่จะออกตามหาพ่อ โดยสิ่งแรกที่เขาตัดสินใจจะทำคือ ต้องเข้าสอบฮันเตอร์ให้ได้ === การสอบฮันเตอร์ === เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อกอร์น ได้สมัครเข้าสอบฮันเตอร์ และร่วมผจญภัยกับผู้ที่มาเข้าสอบฮันเตอร์เช่นเดียวกันอีก 3 คนและกลายมาเป็นเพื่อนสนิทในภายหลัง คือ คิรัวร์ คุราปิก้า และ เลโอริโอ เรื่องราวดำเนินจากการสมัครสอบฮันเตอร์ การเดินทางไปยังสนามสอบ การสอบในรอบต่าง ๆ และได้เจอกับศัตรูผู้มีนิสัยแปลกประหลาด เช่น ฮิโซกะ ในสนามสอบ ในการสอบรอบสุดท้าย ทั้ง กอร์น คุราปิก้าและเลโอรีโอ สอบผ่าน ยกเว้นคิรัวร์ที่จงใจทำผิดกฎการสอบจึงสอบฮันเตอร์ไม่ผ่าน (ความเป็นจริงคือ คิรัวร์ถูกสะกดจิตจาก อิรูมิ ซึ่งเป็นพี่ชายของเขาเอง) หลังจากนั้นทั้งสามคนจึงเดินทางไปพบคิรัวร์ที่บ้านเกิดบนยอดเขาคูรูรู ทำให้รู้ว่าคิรัวร์ มาจากครอบครัวนักฆ่าซึ่งฝึกสอนให้คิรัวร์เป็นเครื่องมือสังหาร ไม่มีมิตรสหาย แต่ด้วยความตั้งใจจริงและมิตรภาพของพวกเค้าทั้ง 4 คน ทำให้สามารถพาคิรัวร์ออกมาได้สำเร็จ === การฝึกที่หอคอยกลางหาว === คุราปิก้าได้แยกตัวเพื่อตามหาเบาะแส เนตรสีเพลิงดวงตาของคนในเผ่าคูลท์ที่ถูกกลุ่มโจรเงามายา สังหารแล้วชิงดวงตาไป ส่วนเลโอลีโอก็เตรียมตัวเข้าสอบเป็นหมอ คิรัวร์ถามกอร์นว่าเอาไงต่อไปกอร์นบอกว่าจะเอาป้ายไปคืนให้ฮิโซกะแต่กอร์นฝีมือยังไม่ถึงขนาดเอาป้ายไปคืนให้ฮิโซกะได้ คิรัวร์จึงแนะนำให้ไปเข้าประลองที่หอคอยกลางหาว เพื่อฝึกฝีมือขณะเดียวกันก็สะสมเงิน โดยการประลองในหอคอยนี้ ผู้ชนะจะเลื่อนขึ้นไปประลองในชั้นที่สูงกว่าและได้รับเงินรางวัลจากทางหอคอยซึ่งจัดการประลองให้คนดูได้ชมและเล่นพนัน หลังจากที่กอร์นกับคิรัวร์ชนะจนเลื่อนขึ้นมาถึงชั้นที่ 200 ก็ได้มาเจอกับฮิโซกะอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งฮิโซกะได้ใช้วิชาเน็น จนทั้งคู่ไม่สามารถลงทะเบียนต่อสู้ในชั้นที่ 200 ได้ ทำให้ชายที่ชื่อ วิงก์ ที่กำลังสอนลูกศิษย์ชื่อ ซูชิ อยู่ ในหอคอยนี้ รับเป็นอาจารย์สอนพื้นฐานเน็น ให้กับกอร์นและคิรัวร์ ซึ่งเน็นของกอร์นเป็นสายเสริมพลัง ส่วนของคิรัวร์เป็นสายเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่ากอร์นจะแพ้ฮิโซกะตกรอบที่ชั้นนี้ แต่ทั้งคู่ก็พอใจและตัดสินใจออกจากหอคอย เพื่อเตรียมเข้าการประมูลเกมส์กรีดไอส์แลนด์ที่เมืองยอร์คชิน ในช่วงที่ กอร์นและคิรัวร์ อยู่ที่หอคอยกลางหาวนั้น (แต่ระหว่างที่กอร์นสู่กับฮิโซกะก็สามารถคืนป้ายให้ฮิโซกะได้ในที่สุด) คุราปิก้า ได้ฝึกฝนเน็นในป่ากับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเน็นของคุราปิก้าเป็นสายแปรสภาพ และได้สมัครเป็นบอดี้การ์ด ให้กับเศรษฐีตระกูลนอสตาร์ต เพื่อตามหาร่องรอยเนตรสีเพลิง === การประมูล และ กลุ่มโจรเงามายา === กอร์น คิรัวร์ คุราปิก้า และ เลโอรีโอ มาพบกันอีกครั้งที่เมืองยอร์คชิน โดย กอร์นและคิรัวร์ มีเป้าหมายที่จะมาประมูลเกมกรีดไอส์แลนด์ให้ได้ คุราปิก้ามาเป็นบอดี้การ์ดให้เนออน นอสตาร์ด ที่มาร่วมงานประมูลดวงตาของเพื่อนร่วมเผ่า ขณะเดียวกันโจรเงามายา วางแผนจะปล้นสินค้างานประมูลทั้งหมด แต่สามารถปล้นสินค้าไปได้เพียงส่วนหนึ่ง ทำให้ผู้จัดงานประมูลว่าจ้างนักฆ่าทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับโจรเงามายา โดยคุณปู่และคุณพ่อของคิรัวร์ได้เข้าร่วมในกลุ่มนักฆ่าด้วย คุราปิก้าสามารถสังหารกลุ่มโจรเงามายาได้สองคน คือ อุโบกินและปาคูโนด้า และสามารถจับตัวหัวหน้าโจรเงามายา คุโรโร่ ลูซิเฟอร์ ได้ แต่กอร์นและคิรัวร์ถูกจับตัวไป จึงเกิดข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกันกัน คุราปิก้าได้ใช้ความสามารถเน็นของตัวเองสะกดเน็นของคุโรโร่ และปาคุโนด้า ไว้ หลังการแลกเปลี่ยนคุโรโร่ปลอดภัยแต่ไม่สามารถใช้เน็นได้ จึงต้องออกตามหาผู้มีความสามารถขจัดเน็น ส่วนปาคุโนด้าที่ฝ่าฝืนข้อตกลงถูกโซ่เน็นของคุราปิก้าทำให้เสียชีวิต สมาชิกในกองโจรเงามายาเลิกล้มการตามล่าคุราปิก้าชั่วขณะ เนื่องจากไม่ต้องการให้โซ่เน็นที่ปักอยู่ที่หัวใจของคุโรโร่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตของคุโรโร่ได้ ในส่วนของการประมูลนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไป เกมกรีดไอส์แลนด์ได้ถูกประมูลโดยมหาเศรษฐี บัตเทลเลอร์ ไปทั้งหมด กอร์นและคิรัวร์จึงเปลี่ยนแผนการคือ ไปสมัครเป็นผู้เข้าร่วมเล่นเกมแทน เพราะกรีดไอส์แลนด์เป็นเกมส์ที่เล่นได้เฉพาะผู้ใช้เน็นเท่านั้น การคัดเลือกผู้ที่เข้าไปเล่นเกมส์จะให้ฮันเตอร์เทซเกเลอร์เป็นผู้คัดเลือกโดยการแสดงเน็นให้เค้ายอมรับ ทั้งสองคนจึงต้องทุ่มเทฝึกฝนฮัทสึอย่างเต็มที่ === เกมกรีดไอส์แลนด์ === เกมกรีดไอส์แลนด์ (GREED ISLAND) เป็นเกมที่จินและเพื่อนร่วมกันสร้าง โดยชื่อเกมมาจากชื่อคนสร้างทั้ง 11 คน เกมเป็นการดำเนินเรื่องตามการใช้งานบทเกม RPG และการรวมคนเพื่อเข้าสู่ อีเวนต์ต่าง ๆ โดยเกมถูกสร้างอยู่บนโลกจริง โดยมีทางเข้าออกทางเดียวคือ ใช้เครื่องเกม GREED ISLAND เข้าออกเท่านั้น หากบุกรุกสถานที่จริงโดยไม่ได้ผ่าน GREED ISLAND จะถูกกำจัดออกจากเกม ภายใน GREED ISLAND ถูกสร้างจากเอ็นและเน็น ทั้งสิ่งมีชีวิต ของใช้ ผู้คนบ้างส่วน และมีการตั้งอีเวนต์อยู่ในระบบของมันเอง ผู้เล่นจะได้รับสมุดเก็บสะสมการ์ด โดยการเปลี่ยนสิ่งของภายในเกมหรือสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นการ์ด สามารถใช้การ์ดคาถาได้ ผู้เล่นสามารถใช้เน็นต่อสู้กับสัตว์ประหลาดและผู้เล่นด้วยกันได้ ซึ่งทำให้ผู้เล่นบาดเจ็บและตายได้จริง ๆ เกมจะเคลียร์ได้ต่อเมื่อมีผู้เล่นสามารถสะสมการ์ดพ็อคเก็ตจำกัดได้ครบ 100 ใบ และได้ขอของอะไรก็ได้ในเกมออกไปสู่โลกภายนอก 3 ชิ้น คิรัวร์ กอร์นได้พบกับบิสเก็ต สาววัย 57 ปี ยอดฝีมือการใช้เน็นที่เป็นอาจารย์ของวิงก์อีกทีเพราะทนดูทั้งคู่สู้และหนีแบบไม่ได้เรื่องได้ราวไม่ไหว เนื่องจากความเก่งกาจของบิสเก็ตและการฝึกที่ทรหดโหดเข้าขั้น ทำให้ไม่นานกอร์นและคิรัวร์พัฒนาฝีมือได้อย่างก้าวกระโดด เพียงสามเดือนก็ปรับพื้นฐาน คิดท่าไม้ตายและฝึกสู้เสมือนจริงได้จนครบและแน่นพอจะลุยสู่กรีดไอร์แลนด์ของจริงได้ ทั้งสามได้เผชิญกับการล่าการ์ดระหว่างสองกลุ่มหลักคือกลุ่มของเทสเกลเลอร์และกลุ่มบอมเบอร์ พวกเขาเลือกเข้าฝ่ายเทสเกลเลอร์และร่วมมือกันชิงการ์ด "พื้นที่ชายทะเล" หนึ่งในการ์ดหายากที่กลุ่มบอมเบอร์ต้องการมาครอบครองได้สำเร็จด้วยการช่วยเหลือจากฮิโซกะ จากนั้นกลุ่มเทสเกลเลอร์จึงตกลงถ่วงเวลาให้พวกกอร์นฝึกและพักรักษาตัวสามอาทิตย์เพื่อเตรียมตัวรับมือกับกลุ่มบอมเบอร์ที่จะเข้ามาชิงการ์ดอย่างหนัก เพราะกอร์นใช้ออร่าไปจนหมด และมือคิรัวร์พังยับเยิน ทั้งสามรู้ว่าเวลาแค่นี้ไม่อาจทำให้แผลหายได้ ดังนั้นกอร์นและบิสเก็ตจึงฝึกฝน และให้คิรัวร์พักผ่อนพร้อมคิดกลยุทธ์ไปด้วย จากนั้นเมื่อเวลาครบ กลุ่มเทสเกลเลอร์ถูกเล่นงานและถอนตัวจากเกม เหลือสมาชิกไว้คนหนึ่งคอยสนับสนุนพวกกอร์น ด้วยกลยุทธ์ที่คิรัวร์คิด ทำให้ทั้งสามเอาชนะกลุ่มบอมเบอร์ลงได้อย่างราบคาบ และเพราะพวกเขาตกลงใช้การ์ด "ลมหายใจมหาเทพ" ช่วยรักษาทั้งที่เป็นศัตรูกัน กลุ่มบอมเบอร์จึงยอมพวกกอร์นทุกประการ ด้วยเหตุนี้ พวกกอร์นจึงสะสมการ์ดครบ 99 ใบ ตอบคำถามชิงการ์ดใบสุดท้ายได้อีก 1 ใบจึงครบถ้วนทั้ง 100 ใบ จึงเคลียร์เกมได้ และกอร์นได้เข้าไปพบ 2 ผู้สร้างเกม ลิสท์และดอว์น ดอว์นเล่าเรื่องจินให้กอร์นฟัง และมอบกล่องสมบัติใส่การ์ดที่ใช้ในโลกภายนอกให้ หลังจากผ่านงานเฉลิมฉลองการเคลียร์เกม กอร์นเลือกการ์ดมาสามใบ และออกจากเกมไปพร้อมกับคิรัวร์และบิสเก็ต โดยของชิ้นแรก บิสเกตเลือกอัญมณีบลูมาเบิลออกไป และของอีกสองชิ้น กอร์นได้เลือกเวทมนตร์ในเกมที่จะสามารถตามตัวจินได้ เมื่อได้ใช้เวทมนตร์เพื่อตามหาจิน กลับกลายเป็นว่า กอร์นและคิรัวร์ได้บินไปหาไคท์แทน ซึ่งเป็นแผนของจินที่ตั้งไว้สมัยตอนสร้างเกม ว่าถ้ากอร์นใช้ "แม็คเนติกฟอร์ซ" แสดงว่าเตรียมใจมาพอที่จะมาเจอพ่อด้วยตัวคนเดียว เขาจะให้พบ แต่ถ้ามาด้วย "แอ็คคอมปานี" ซึ่งเป็นการ์ดที่จะพาพวกพ้องตัวเองไปด้วย จินถือว่าไม่ผ่าน และตั้งโปรแกรมให้ไปพบไคท์แทน === คิเมร่าแอ๊นท์และราชาแห่งมด === คิเมร่าแอ๊นท์ (Chimera Ant) เป็นสัตว์ประหลาดคล้ายมด แต่มีลักษณะเด่นแบบคิเมร่า ซึ่งสามารถกินสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ และผสมออกมาเป็นสัตว์ผสมครึ่งมดและสัตว์อื่น ๆ ที่กินเข้าไป โดยเมื่อนางพญาพอใจกับสัตว์ชนิดไหนจะกินไม่เหลือเผ่าพันธุ์เลยแม้แต่ตัวเดียว จนกระทั่ง นางพญาคิเมร่าแอ๊นท์ ได้อาละวาดมาจนถึงประเทศ NGL (Neo Green Life) และยึดสถานที่นั้นเป็นรัง นางพญาเริ่มกินมนุษย์เข้าไปซึ่งทำให้สืบเชื้อสายระหว่างมดกับมนุษย์ทำให้มีความสามารถในการใช้เน็นได้ ซึ่งนางพญาคิเมร่าแอนท์ ตั้งใจจะให้กำเนิดราชาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ก่อนการให้กำเนิด ราชาคิเมร่าแอ๊นท์ นางพญาได้ให้กำเนิดมดแต่ละรุ่นซึ่งบางรุ่นจะใช้เน็นได้ หลังจากนั้นจึงเริ่มให้กำเนิดองค์รักษ์ซึ่งแข็งแกร่งมากถึง 3 ตน นั่นคือ เนเฟลปีโต้, ชาวอาปูฟู และ มอนโทโทยูปี โดยที่ ไคท์ ถูกสังหารโดย เนเฟลปีโต้ ในระหว่างเข้าไปสอดแนมพร้อมกับ กอร์น และ คิรัวร์ ซึ่งได้ถูกเอ็นของ ปีโต้ ที่มีลักษณะเป็นหนวดปลาหมึกรัศมีถึง 2 กิโลเมตรโดยบังเอิญ และ กอร์น ที่จะตั้งใจสู้แลกชีวิตก็ถูก คิรัวร์ ทุบจนสลบก่อนจะหลบหนีออกมาเจอประธาน เนเทโล่ ที่ชายแดน NGL ฝ่ายสมาชิกสมาคมฮันเตอร์นำโดย เนเทโล่ ได้รวบรวมมือสังหารภายในสมาคมรวมทั้ง กอร์น และ คิรัวร์ ที่ฝึกฝนเน็นเพิ่มเติมจาก บิสเก็ต ตั้งเป็นทีมปราบปรามคิเมร่าแอ๊นท์ขึ้น แต่ไม่ทันเวลาที่นางพญาจะกำเนิดราชา ซึ่งนางพญาตั้งชื่อว่า "เมลเอม" แปลว่าแสงที่จะส่องให้ทุกสิ่งสว่างไสว โดยราชาเมื่อกำเนิดมาก็มีความสามารถทางสติปัญญาในระดับสูงและมีความสามารถในการใช้เน็นแบบมนุษย์ ก็ได้สังหารนางพญาและตัดสินใจจะเป็นราชาของโลก หลังจากนั้นกลุ่ม ราชา และองค์รักษ์ได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งอยู่ที่สาธารณรัฐกอลโต้ตะวันออก โดยยึดพระราชวังของผู้นำคนก่อนเพื่อใช้เป็นฐานบัญชาการเพื่อครองโลก ก่อนที่จะบังคับให้ประชาชนกว่า 5 ล้านคน เข้าคัดเลือกผู้ใช้เน็นซึ่งจะทำให้ประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะนั้นเอง ราชา กลับสงสัยว่าตัวเองนั้นมีชื่อว่าอะไรแล้วเกิดมาบนโลกนี้ทำไม และที่นี่เอง ราชาผู้ไร้นาม ก็ได้พบกับสาวน้อยตาบอดผู้หนึ่งที่ชื่อ โคมุกิ จ้าวแห่งกุนหงิ ซึ่งเป็นหมากกระดานที่ก่อกำเนิดจากชาวกอลโต้ ราชา นั้นใช้เล่นเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอคัดเลือกผู้ใช้เน็นเสร็จ โดยที่ ราชา ที่มีสติปัญญาสูงส่งเล่นเท่าไหร่ก็ไม่สามารถชนะได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่ระหว่างนั้นเอง ราชา ก็มีความรู้สึกแปลก ๆ กับ โคมุกิ หน่วยปราบปรามคิเมร่าแอ๊นท์แยกเป็น 2 กลุ่ม คือหน่วยของกลุ่ม กอร์น นำโดย โมราอุ ที่บุกจากภายในพระราชวังโดยซ่อนตัวด้วยความสามารถไฮด์แอนด์ซีคของ โนว์ สมาชิกคนหนึ่งของทีมปราบปรามและกลุ่มของ เนเทโล่ ที่บุกมาจากท้องฟ้า ทีมปราบปรามคิเมร่าแอ๊นท์สู้กับ ยูปี และ กอร์น กับ คิรัวร์ ได้แยกออกมาเจอ ปีโต้ ซึ่งกำลังรักษา โคมุกิ ตามคำสั่งของราชาซึ่งบาดเจ็บสาหัสจากความสามารถดราก้อนไดรฟ์ของ เซโน่ ปู่ของ คิรัวร์ ที่ เนเทโล่ เชิญมาร่วมสู้ด้วย ซึ่งระหว่างนั้นเอง กอร์น กับ คิรัวร์ ก็มีปากเสียงกันเกิดขึ้นก่อนที่ กอร์น จะยอมปล่อยให้ ปีโต้ รักษา โคมุกิ ต่อไปโดย ปีโต้ ให้สัญญาว่าจะรักษา ไคท์ ให้เหมือนเดิม และหลังจากแยกราชาจากองค์รักษ์ได้แล้ว คิรัวร์ ก็ตัดสินใจแยกตัวออกมาจาก กอร์น เพื่อมาช่วยทีมปราบปรามสู้กับ ยูปี และ เนเทโล่ เจอกับ ราชา ภายนอกพระราชวัง ที่นี่เอง คิรัวร์ ได้แสดงความสามารถใหม่ "กันมุล" เป็นครั้งแรก แต่สู้ระดับพลังของ ยูปี ไม่ได้ก่อนที่ทีมปราบปรามจะพ่ายแพ้ไป ด้วยความสามารถของ ราชา ที่แข็งแกร่งสุดหยั่งคาดทำให้ประธาน เนเทโล่ ได้เสียชีวิต ก่อนตาย เนเทโล่ ได้บอกว่าราชานั้นชื่อ เมลเอม หลังจากนั้นก็ได้ใช้ระเบิดนาปาล์มพิษกุหลาบแพร่พิษโดนราชาและองค์รักษ์ทั้งสองคน แต่ ราชาเมลเอม ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาโดยร่างกายเสียหายไปบางส่วน ซึ่งองค์รักษ์อีกสองคน คือ ปูฟ และ ยูปี เสนอร่างกายให้ราชากินเพื่อรักษาบาดแผล แต่หลังจากนั้น ราชาเมลเอม กลับจำความก่อนหน้านี้ไม่ได้ และพบกับความผิดปกติของตนเองว่าจะเสียชีวิตจากพิษในไม่ช้า ฝ่าย กอร์น นั้นซึ่งได้สูญเสีย ไคท์ ไปในการสู้กับ เนเฟลปีโต้ ครั้งก่อนเสียใจมากที่ ปีโต้ กลับคำไม่รักษาให้และบอกว่าคนตายไม่สามารถชุบชีวิตให้คืนมาได้อีกซ้ำยังจะสังหาร กอร์น อีกด้วย ทำให้ กอร์น โกรธมากแล้วได้เปลี่ยนแปลงร่างกายของตนเองจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่ โดยใช้สัตย์สาบานแลกกับพลังที่มากกว่าปีโต้มาใช้สู้ ทำให้ กอร์น สังหาร ปีโต้ เพื่อแก้แค้นให้ ไคท์ ได้สำเร็จ คิรัวร์ ได้มาเจอ กอร์น อีกครั้งซึ่งเขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ กอร์น เป็นอย่างมาก จังหวะนั้นเอง คิรัวร์ ก็ช่วย กอร์น จากการจู่โจมของ ปีโต้ ที่ยังสู้ต่อได้เพราะเน็นหลังความตาย แต่ กอร์น ต้องสูญเสียแขนขวาไปข้างหนึ่ง หลังจากนั้น กอร์น ก็ระเบิดออร่าเข้า ปีโต้ จนแหลกละเอียดแล้วเขาก็สิ้นสติ ลงไปนอนโคม่าตามสัตว์สาบานที่ตนใช้แลกกับพลังมา และ คิรัวร์ แบกมารักษาที่โรงพยาบาลของสมาคมฮันเตอร์ หลังจากติดพิษกุหลาบของ เนเทโล่ ยูปี และ ปูฟ ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา และ ราชาเมลเอม เองก็ได้พบกับคิเมร่าแอ๊นท์ตัวหนึ่งที่ชื่อ เวลฟีน มันได้บอกว่าก่อนที่ราชาจะความจำเสื่อมพระองค์ได้อยู่กับสาวน้อยผู้หนึ่ง ทำให้ราชาที่จำความเลาๆก่อนหน้านี้ว่าเล่นกุนหงิกับใครคนหนึ่งซึ่งยังไม่เคยเอาชนะได้จำความได้ทั้งหมด ราชาเมลเอม จึงได้มาพบ โคมุกิ อีกครั้งหลังจากหน่วยปราบปรามเอาตัวมาซ่อนที่โกดังแห่งหนึ่งระหว่างบุกเข้ามาในพระราชวัง โดยที่ โคมุกิ ถูกรักษาจาก ปีโต้ จนอาการบาดเจ็บหายทุเลาเรียบร้อยแล้ว และราชาที่เคยตั้งคำถามที่ว่าตัวเองนั้นเกิดมาทำไมก็ได้รับคำตอบแล้วว่า ตัวเองนั้นเกิดมาเพื่อรัก โคมุกิ และเพื่อเล่นกุนหงิกับสาวน้อยตาบอดผู้นี้ตลอดไป โคมุกิ เองก็ทราบถึงความรู้สึกที่ ราชาเมลเอม มีให้ ก็เกิดความรู้สึกรักราชาเช่นเดียวกัน หลังจากนั้น ราชาเมลเอม ที่เป็นสุดยอดสิ่งมีชีวิตบนโลกก็ได้เสียชีวิตในอ้อมกอดของเธอในวาระสุดท้ายอย่างเรียบง่ายนั่นเอง คอลโต้ ฝ่ายคิเมร่าแอ๊นท์ที่รอดชีวิตได้เก็บลูกคนสุดท้ายของนางพญามดไปและพบว่าเขาไม่ใช่น้องสาวที่ชื่อเรนะ แต่กลับไปเป็นไคท์แทน === การรักษาชีวิตกอร์น === หลังจากจบการต่อสู้กับ ปีโต้ แล้ว การ์นได้ถูกคิรัวร์ช่วยแบกมารักษาที่โรงพยาบาลของสมาคมฮันเตอร์แล้ว อาการของกอร์นหนักหนามาก เหล่าเพื่อน ๆ พันธมิตรของกอร์นต่างช่วยกันหาทางรักษา แต่ไม่มีหมอคนไหนสามารถรักษาได้ แต่แล้ว คิรัวร์ จึงคิดจะใช้ความสามารถพิเศษจาก อาลูกะ ลูกชายคนที่ 4 ของตระกูลโซดิคที่ถูกขัง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หนทางการพาตัว อาลูกะ มาหากอร์นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากถูกขัดขวางจากคนในตระกูลโซดิค โดยเฉพาะ อิรูมิ ซึ่งอิรูมิ ได้ร่วมมือกับ ฮิโซกะ การขัดขวางของอิรูมิครั้งนี้ ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่าง โกโต้ พ่อบ้านตระกูลโซดิคที่มีความสามารถในการใช้เหรียญ ได้ตายด้วยน้ำมือของฮิโซกะ แต่อย่างไรก็ตาม คิรัวร์สามารถพา อาลูกะ มาช่วยกอร์นได้ในที่สุด === ประธานคนใหม่และชีวิตกอร์น === หลังจากกลับมาจากการสังหาร คิเมร่าแอ๊นท์ เนโทโร่ ประธานฮันเตอร์ ได้บันทึกคำกล่าวการเลือกตั้งประธานคนใหม่ ซึ่งการเลือกตั้งใช้วิธีการลงคะแนนเสียงของฮันเตอร์ทั่วโลก ทางฝ่ายกอร์นนั้นได้รับรู้ความจริงว่า นางพญามดได้กินไคท์ไปส่วนหนึ่งและได้รวมเข้ากับหนู มด และมนุษย์เป็นเด็กผู้หญิงที่มีความทรงจำว่าตนคือ ไคท์ และประธานคนใหม่คือพริสตอง แต่พริสตองกลับแต่งตั้งชีดเดิ้ลเป็นรองประธานและลาออกจากการเป็นประธาน ทำให้ชีดเดิ้ลรักษาการตำแหน่งประธานแทน == ตัวละคร == ชื่อตัวละคร แสดงตามชื่อภาษาญี่ปุ่นตามด้วยโรมันจิ และชื่อภาษาอังกฤษ === ตัวละครหลัก === กอร์น ฟรีคส์ เด็กหนุ่มจากเกาะปลาวาฬ เกิด 5 พฤษภาคม พ่อของเขาคือหนึ่งในฮันเตอร์อันดับหนึ่งของโลกที่ชื่อจิน ฟรีคส์ ซึ่งได้ออกเดินทางไปทั่วโลกตั้งแต่กอร์นยังเล็ก ทิ้งเขาไว้ในการดูแลของมิโตะน้าสาว กอร์นอยากเป็นฮันเตอร์ที่เก่งกาจเพื่อตามหาพ่อของตนให้ได้ อุปนิสัยตรงไปตรงมา ทำในสิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้อง มีสายตามุ่งมั่นเสมอ เอกลักษณ์คือผมชี้ตั้งสีดำและใส่เสื้อสีเขียว ได้คิรัวร์เป็นทั้งเพื่อน มันสมอง และผู้ช่วยเหลือเวลาตกที่นั่งลำบาก กอร์นเคยใช้สัตย์สาบานเพื่อแก้แค้นให้ไคท์ ฮันเตอร์ที่ถูกฆ่าโดยมดองครักษ์ปิโต้ โดยแลกกับพรสวรรค์ทั้งหมดที่ตัวเองมี ทำให้ตัวเองเติบโตจากเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็วและออร่าจำนวนมหาศาลในการโค่นล้มปิโต้จนเกือบตาย แต่ได้คิรัวร์ช่วยเหลือไว้ในท้ายที่สุด เน็น : สายเสริมพลัง ท่าไม้ตาย : หมัดจางจาง (เป่า ยิ้ง ฉุบ) ค้อนเป็นสายเสริมพลัง กรรไกรเป็นสายเปลี่ยนแปลง กระดาษเป็นสายแผ่พุ่ง คิรัวร์ โซลดิ๊ก เกิด 7 กรกฎาคม เด็กหนุ่มในตระกูลนักฆ่าโซลดิ๊กที่มีชื่อเสียงเรื่องการลอบสังหาร ถูกเลี้ยงดูมาอย่างนักฆ่าตั้งแต่เล็ก ฝีมือการลอบสังหารเข้าขั้นอัจฉริยะจึงถูกครอบครัวคาดหวังไว้มาก แต่เจ้าตัวอยากใช้ชีวิตในแบบของตน จึงเข้าสมัครสอบฮันเตอร์และได้พบกับกอร์น คุราปิก้าและเลโอลีโอจนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่นั้น คิรัวร์สอบตกในการสอบฮันเตอร์ในการสอบครั้งที่ 1 เนื่องจากฆ่าผู้สมัครสอบในรอบสุดท้าย แต่ในปีถัดมาได้มาสอบอีกครั้งและจัดการผู้เข้าสมัครทั้งหมดได้ในรอบแรก ประธานเนเทโล่จึงอนุญาตให้ผ่านการสอบทันที อุปนิสัยโลเลของคิรัวร์ที่ผ่านมาเป็นเพราะถูกอิรุมิฝังเข็มเน็นไว้เพื่อบังคับให้คิรัวร์หลีกหนีจากอันตรายโดยอัตโนมัติ หลังจากถอนเข็มออกในภาคคิเมร่าแอ๊นท์จึงมีความกล้าที่จะต่อสู้เสี่ยงตายได้อีกครั้ง ถึงกระนั้นคิรัวร์ยังไม่สามารถตัดใจลงมือฆ่าคนในครอบครัวได้ เน็น : สายเปลี่ยนแปลง แปลงออร่าให้เป็นกระแสไฟฟ้าได้ แต่ต้องชาร์จไฟฟ้าอยู่เสมอ ท่าไม้ตาย : กันมุล (รวดเร็วดั่งเทพ) แบ่งเป็นเด็นโคเซ็กกะ (สายฟ้าคำราม) และชิปปุจินไร (วายุคำรณ) แต่ละท่าเน้นความเร็วขั้นสูงสุดด้วยการส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปในร่างกาย, ท่าเท้ามายา, โยโย่สั่งทำพิเศษ 2 อัน ใช้โจมตีระยะไกลได้ เดินได้ วิ่งได้ กระโดดได้ หายใจได้ คุราปิก้า เกิดวันที่ 4 เดือนเมษายน หนึ่งในชนเผ่าคูลท์ที่เหลือรอดจากเหตุการณ์สังหารหมู่ เผ่าคูลท์มีลักษณะพิเศษคือเมื่อโกรธ ดวงตาจะเปล่งประกายเป็นสีแดงสด หรือที่รู้จักกันในนาม "เนตรสีเพลิง" มีความสวยงามเหมือนเปลวเพลิงกำลังเริงรำ เนื่องจากเป็น 1 ใน 7 สิ่งที่สวยงามที่สุดในโลกจึงเป็นที่ต้องการของนักสะสมมาก คุราปิก้าต้องการแก้แค้นให้พวกพ้องในเผ่าที่ถูกควักดวงตาไป และสืบรู้ว่าคนร้ายคือ "กองโจรเงามายา" หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "แมงมุม" จึงมาสอบฮันเตอร์เพื่อแก้แค้นและค้นหาข่าวสาร อุปนิสัยเอาจริงเอาจัง เยือกเย็นและมีไหวพริบ เน็น : สายแปรสภาพ คือการแปรสภาพออร่าให้เป็นโซ่ และสายพิเศษ คือเมื่อตาเปลี่ยนเป็นสีแดง จะสามารถใช้เน็นทุกสายที่ฝึกมาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่า "ห้วงเวลาจักรพรรดิ" ความสามารถโซ่เส้นต่าง ๆ ของคุราปิก้า 1.นิ้วโป้ง - โฮลี่เชน มีความสามารถในการรักษาขั้นสูงของสายเสริมพลัง 2.นิ้วชี้ - สตีลเชน โซ่ที่ใช้ความสามารถขโมยความสามารถผู้ใช้เน็นคนอื่น ให้ตนเองสามารถใช้ความสามารถนั้นได้ ขณะเดียวกันก็สามารถถ่ายเทความสามารถที่ขโมยมาให้กับคนอื่นได้เช่นกัน 3.นิ้วกลาง - เชนเจล มีความสามารถที่ใช้ในการพันธนาการพวกเงามายา ซึ่งไม่สามารถใช้กับผู้อื่นนอกจากพวกเงามายาได้ ถ้าฝืนกฎคุราปิก้าจะเสียชีวิตจากลิ่มที่ปักอยู่ที่หัวใจตัวเอง 4.นิ้วนาง - โดว์ซิงเชน มีความสามารถในการใช้ตรวจหาสิ่งต่าง ๆ เช่น ที่อยู่, ผู้กระทำผิด, จับโกหก, ค้นหา, เปิดกุญแจ คุราปิก้าใช้โซ่เส้นนี้ในการปัดลูกกระสุนที่พุ่งเข้ามาหาได้ 5.นิ้วก้อย - จัดเมนท์เชน สามารถในการฝังลิ่มไว้ที่หัวใจ เพื่อบังคับให้รักษาสัตย์หรือเงื่อนไขที่คุราปิก้าเป็นคนกำหนด หากผิดคำสัญญา ลิ่มจะแทงหัวใจ สมาชิกแมงมุมสองคน คืออุโบกินส์และปาคูโนด้าตายเพราะโซ่เส้นนี้ เลโอริโอ เกิด 3 มีนาคม เมื่อเพื่อนสนิทของเขาตายลงเนื่องจากโรคร้าย และค่ารักษาพยาบาลก็แพงจนไม่มีปัญญาจ่าย ทำให้เลโอลีโอคิดจะสอบเป็นหมอเพื่อช่วยเหลือคนจนที่ไม่มีเงินรักษา แต่แม้กระทั่งการสอบหมอก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เขาจึงตัดสินใจสอบฮันเตอร์เพื่อหาเงินค่าเล่าเรียน มองภายนอกเลโอลีโอเป็นคนเห็นแก่เงิน แต่แท้จริงกลับเป็นชายหนุ่มผู้โอบอ้อมอารีเป็นที่สุด แม้ฝีมือด้านการต่อสู้จะไม่มากนัก แต่มีความรู้เรื่องต่างๆดีเยี่ยม คอยเป็นที่ปรึกษาให้กลุ่มเสมอ ในทีแรกคิรัวร์คิดว่าเลโอลีโอมีเน็นสายเสริมพลัง แต่แท้จริงแล้วเป็นสายแผ่พุ่ง ฮิโซกะ มายากลลึกลับผู้มีฝีมือร้ายกาจ เกิด 6 มิถุนายน ได้พบกับกอร์นตั้งแต่ครั้งสอบฮันเตอร์ เมื่อเห็นว่ายังมีอนาคตอีกไกลจึงตัดสินใจไม่ฆ่าเพื่อให้ได้ดวลกันในอนาคต สนิทสนมกับอิรุมิและร่วมมือกันหลายครั้ง ฮิโซกะเข้าร่วมกับกองโจรเงามายาในฐานะสมาชิกหมายเลข 4 โดยมีเป้าหมายที่การต่อสู้กับหัวหน้าคุโรโร่ เขาร่วมมือกับคุราปิก้าในการแลกเปลี่ยนข่าวสารเกี่ยวกับพวกแมงมุม และช่วยเหลือพวกกอร์นในภาคเกมกรีดไอร์แลนด์ ชื่อของฮิโซกะ (hyskoa) ตามภาษามันจิหมายถึง ความลับ ฮิโซกะไม่เคยสังกัดกลุ่มใด ไม่เคยบอกเล่าถึงอดีต เพราะเชื่อมั่นอย่างสูงว่าตนแข็งแกร่ง และมักแสวงหาการต่อสู้กับคนที่เก่งกาจเสมอ เน็น : สายเปลี่ยนแปลง ท่าไม้ตาย : "บันจี้ กัม" คือการเปลี่ยนออร่าให้มีคุณสมบัติคล้ายหมากฝรั่ง ยืดหดได้อย่างรวดเร็วและจะเกาะติดกับเป้าหมายจนกว่าฮิโซกะจะปลด และ "เท็กซ์เจอร์พิสดาร" เปลี่ยนสภาพผิววัตถุบาง ๆ ให้กลายเป็นพื้นผิวของวัตถุอย่างอื่น ไม่ว่าพื้นผิวแบบใดก็สามารถลอกเลียนได้ทั้งสิ้น ตั้งแต่ผิวหนังมนุษย์ กระดาษ ต้นไม้ หิน ฯลฯ === ตัวละครอื่น ๆ === จิน ฟรีคส์ พ่อของกอร์น เป็นฮันเตอร์ที่มีฝีมือเน็นติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก จากบ้านไปสมัครสอบฮันเตอร์ตั้งแต่อายุ 12 ปี มักจะท่องเที่ยวรอบโลกทำให้หาตัวได้ยาก และเมื่อรู้ว่ากอร์นผู้เป็นลูกต้องการที่จะพบ เขาก็ได้ทิ้งเบาะแสให้กอร์นไว้เพียงเล็กน้อย และข้อความท้าทายว่า "หาฉันให้เจอสิ" มิโตะ น้าสาวของกอร์น ชอบติดตามไปไหนมาไหนกับจินสมัยเด็ก ๆ ไม่อยากให้กอร์นต้องเดินทางเสี่ยงอันตรายเหมือนพ่อของเขาจึงพยายามรั้งไว้ แต่ก็มิอาจขวางความมุ่งมั่นของกอร์นได้ วิงคส์ อาจารย์สอนวิชาเน็นของกอร์นและคิรัวร์ที่ทั้งคู่ได้บังเอิญพบในหอคอยกลางหาวระหว่างต่อสู้กับลูกศิษย์ของเขาที่ชื่อซูชิ และวิงคส์ได้เสนอจะสอนวิชาเน็นให้ทั้งคู่ใช้ต่อสู้ เน็น : สายเสริมพลัง ด้านสัมพันธ์จิตใจ ไคท์ เป็นฮันเตอร์ที่ค้นหาสัตว์ชนิดใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีใครค้นพบ ฝีมือในการต่อสู้สูง ความสามารถสายแปรสภาพ คือการสุ่มอาวุธตามหมายเลข 0-9 เมื่อออกมาแล้วไม่ใช้ก็จะไม่หายไป และสามารถรับรู้ถึงศัตรูได้ระยะไกล เป็นที่นับถือของกอร์นอย่างมาก เน็น : สายแปรสภาพ คุโรโร่ ลูซิเฟอร์ หัวหน้าของกลุ่มโจรเงามายา เป็นคนเยือกเย็นและไหวพริบสติปัญญาดีเทียบเท่าคุราปิก้า อีกทั้งฝีมือด้านการต่อสู้และโจรกรรมก็เป็นเลิศ (ชื่อของ คุโรโร หรือ ควอลล์ เป็นชื่อสัตว์กินเนื้อชนิดหนึ่ง) เน็น : สายพิเศษ ขโมยเน็นของผู้อื่นมาใช้ได้ บิสเก็ต ครูเกอร์ ฮันเตอร์นักล่าอัญมณีที่มีฝีมือเก่งกาจ (อายุ 57 ปี) ได้เจอกับกอร์นและคิรัวร์ในเกม GREED IRLAND เห็นว่าทั้งคู่มีความสามารถไปได้ไกลจึงเสนอเป็นอาจารย์สอนวิชาเน็นขั้นสูงให้ มีความสามารถในสายเปลี่ยนแปลง ปกติจะซ่อนตัวจริงอยู่ในร่างเด็กสาว เพราะมีร่างจริงที่ตัวใหญ่แข็งแรงเทียบเท่าชายฉกรรจ์ เน็น : สายเปลี่ยนแปลง ประธานเนเทโล่ (Chairman Netero) ประธานของสมาคมฮันเตอร์ มีอายุเกิน 100 ปี บุคลิกภายนอกเป็นตาแก่ชอบแกล้งคนอื่นเพื่อความสนุก แต่แท้จริงแล้วเขามีร่างกายที่แข็งแรงมาก และฝีมือการต่อสู้ยังระดับสูง ปรากฏตัวครั้งแรกในการสอบฮันเตอร์ครั้งที่ 287 ความสามารถเน็น สายเสริมพลัง ท่าไม้ตายคือ เทพคันนนร้อยวิถี (เฮียวคุชิกิคันนน) มีท่ารุ่นแรงที่สุดคือ วิถีที่ศูนย์ เน็น : สายเสริมพลัง ราชามดเมลเอม ราชาคิเมร่าแอ๊น เกิดจากการที่ราชินีคิเมร่าแอ๊นกินเนื้อมนุษย์เข้าไปจำนวนมากเพื่อที่จะสร้างราชาคิเมร่าแอ๊นขึ้นมา โดยตอนเขาเกิดได้ตั้งชื่อว่า "เมลเอม" ที่แปลว่า แสงสว่างที่ส่องไปทุกที่ เกิดมาก็มีพลังอันแกร่งกล้า ทั้งยังโปรดปรานมนุษย์ที่มีความสามารถใช้เน็น มีความต้องการปกครองโลกโดยได้ไปยึดครองประเทศกอลโต้ตะวันออกเป็นแห่งแรก ==เน็น== ดูบทความหลักที่ เน็น เน็น เป็นความสามารถพิเศษอยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ทุกคน เน็นคือพลังงานชีวิตที่สามารถแสดงออกมาได้ มีลักษณะคล้ายออร่า โดยปกติแล้วจะอยู่ภายในร่างกาย เมื่อได้รับการฝึกฝน เพื่อเปิดช่องพลังให้ออร่าไหลออกมา ซึ่งการที่ออร่าไหลออกมาก็เท่ากับพลังชีวิตถูกใช้ไปด้วย จึงจำเป็นต้องฝึก เท็น เพื่อควบคุมออร่าให้ไหลเวียนรอบ ๆ ร่างกาย เพื่อที่จะสามารถนำออร่ามาใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ซึ่งออร่าที่นำออกมาใช้นี้เรียกว่า 'เน็น' และผู้ที่นำออร่าในร่างกายตนมาใช้งานได้อย่างอิสระจะถูกเรียกว่า 'ผู้ใช้เน็น.... เน็นแบ่งเป็น 6 สายตามชนิดของออร่าคือ เสริมพลัง เปลี่ยนแปลง แผ่พุ่ง ควบคุม แปรสภาพ และสายพิเศษ (สายที่ไม่เข้าพวกอีก 5 สาย) ===ฮัตสึ=== การแสดงเน็นและเอ็น การแบ่งสายความสามารถ เกิดจากแต่ละคนมีบุคลิกลักษณะนิสัย สภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูความชอบและความเกลียดที่แตกต่างกันไป คุณสมบัติของออร่าจึงแตกต่างกันไปด้วย ฮัตสึเป็นพื้นฐานการใช้ออร่าตามสายให้แสดงเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลออกมา เพราะรูปแบบที่ต่างกันไปในแต่ละคนจึงเรียกว่าเป็นการออกท่าเฉพาะตัวรึไม้ตายเลยก็ได้ โดยคุณสมบัติของออร่าซึ่งการทดสอบว่าตนเองอยู่สายไหนนั้น จะทำได้โดยการหาน้ำเปล่ามาใส่แก้วให้เต็ม และวางใบไม้หรือกระดาษให้ลอยบนน้ำ จากนั้นก็เอามือป้องแก้วน้ำและผนึกออร่าลงไปเพื่อสังเกตผลที่ได้นั้น จะแบ่งกว้าง ๆ ออกเป็น 6 สายดังนี้ ====สายเสริมพลัง==== เสริมพลังร่างกายหรือสิ่งของทำให้เคลื่อนไหวได้รุนแรง, ทรงพลังและแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติดั้งเดิมของออร่า (พลังชีวิต) เต็มเปี่ยม ฟื้นฟูรักษาร่างกายได้รวดเร็ว เป็นสายที่รูปแบบไม้ตายเรียบง่าย แค่เสริม "พลัง" ลงไป..แต่ทรงพลังที่สุดใน 6 สาย และนับว่าเป็นสายที่มีพลังรุกรับสูง เหมาะกับการสู้ตัวต่อตัวมากที่สุด บุคคลที่อยู่สายเสริมพลัง เมื่อทดสอบด้วยแก้วน้ำ ปริมาณของน้ำในแก้วจะเพิ่มขึ้น ตามความคิดเห็นของฮิโซกะ สายเสริมพลัง มีนิสัย เถรตรง ซื้อบื้อ ====สายเปลี่ยนแปลง==== เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติดั้งเดิมของออร่า (พลังชีวิต) ให้เป็นคุณสมบัติอื่น ๆ เช่นเหนียวหนืด, ความร้อน, ความเย็น, รูปรสกลิ่นสี เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นรูปทรงให้เป็นรูปต่าง ๆ ได้สะดวกและใช้ออร่าจับต้องกระทบกับสิ่งอื่นได้ด้วย เป็นสายที่รูปแบบเริ่มตื่นตาขึ้นแลกกับพลังที่ลดลง แต่ก็ยังเหมาะแก่การสู้แบบตัวต่อตัวอยู่ บุคคลที่อยู่สายเปลี่ยนแปลง เมื่อทดสอบด้วยแก้วน้ำ รสชาติของน้ำจะเปลี่ยนแปลงไป ตามความคิดเห็นของฮิโซกะ สายเปลี่ยนแปลง มีนิสัย โลเล ขี้โกหก ====สายแผ่พุ่ง==== ยามปกติเมื่อปล่อยออร่าหลุดออกจากร่างกาย ออร่านั้น ๆ จะขาดแหล่งพลังและค่อย ๆ สลายตัวไปในที่สุด สายแผ่พุ่งเป็นสายที่ลดข้อเสียด้านนี้ลงไปและสามารถปล่อยออร่าออกห่างจากตัวได้นานและไกลขึ้นเป็นสายที่เหมาะแก่การต่อสู้ระยะกลางที่ควบคุมระยะได้ ทั้งยังได้เปรียบเรื่องปริมาณของออร่าด้วย มีความทรงพลังที่ใกล้เคียงสายเสริมพลังแต่ก็สามารถสร้างรูปแบบที่หลากหลายได้มากขึ้น เช่น ใช้ควบคู่กับสายแปรสภาพสร้างหุ่นเน็น หรือใช้สายแผ่พุ่งโดยตรง สร้างเป็นกระสุนเน็น บุคคลที่อยู่สายแผ่พุ่ง เมื่อทดสอบด้วยแก้วน้ำ สีของน้ำจะเปลี่ยนไป ตามความคิดเห็นของฮิโซกะ สายแผ่พุ่ง มีนิสัย ใจร้อน มักง่าย (แต่แฟรงคลิน หนึ่งในกองโจรเงามายาที่มีออร่าสายแผ่พุ่งนี้กลับเป็นคนสุขุมเยือกเย็นอย่างมาก) ====สายควบคุม==== แฝงออร่าไว้ในวัตถุหรือบุคคลเพื่อควบคุมสิ่งนั้น ๆ ได้ตามใจชอบ การควบคุมจะมีทั้งแบบอัตโนมัติ และแบบออกคำสั่ง รวมถึงในรูปแบบชักใยร่างกาย รึบงการจิตใจ แตกต่างกันไปตามแต่จะถนัด ใช้ควบคุมได้ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เป็นสายที่พลังรุกรับตกลงไปมากจนแทบจะน้อยที่สุดในทุกสายจึงไม่เหมาะในการสู้แบบเผชิญหน้า แต่หากวางแผนและเข้าควบคุมอีกฝ่ายได้ก็จะสามารถเอาชนะได้ทันทีไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเก่งขนาดไหนก็ตาม บุคคลที่อยู่สายควบคุม เมื่อทดสอบด้วยแก้วน้ำ ใบไม้หรือกระดาษที่ลอยอยู่จะขยับ ตามความคิดเห็นของฮิโซกะ สายควบคุม มีนิสัย เจ้าหลักการ ทำอะไรตามใจตัวเองไม่สนคนอื่น ====สายแปรสภาพ==== แปรสภาพออร่าให้กลายเป็นวัตถุสิ่งของจริง ๆ ที่คนปกติสามารถจับต้องได้และแปรสภาพกลับคืนเป็นออร่าได้ มักจะแฝงออร่าของตนเองไปในวัตถุนั้นเพื่อสร้างเป็นอาวุธหรือเครื่องอำนวยความสะดวกที่มีความสามารถพิเศษแฝงอยู่ได้ เป็นสายที่พลังรุกรับตกลงไปมาก ไม่เหมาะในการสู้แบบเผชิญหน้า แต่ก็มีรูปแบบที่หวือหวาและความสามารถแฝงที่เอาไว้ใช้ประโยชน์ได้ บุคคลที่อยู่สายแปรสภาพ เมื่อทดสอบด้วยแก้วน้ำ จะมีสิ่งแปลกปลอมเจือปนในน้ำ ตามความคิดเห็นของฮิโซกะ สายแปรสภาพ มีนิสัย หงุดหงิดง่าย เจ้าอารมณ์ ====สายพิเศษ==== 'เป็นสายที่ไม่มีลักษณะเหมือนสายใดสายนึงข้างต้น มีรูปแบบเฉพาะตัวค่อนข้างสูง มีบางปัจจัยที่ทำให้สายอื่นก็เปลี่ยนมาเป็นสายพิเศษได้เหมือนกัน โดยเฉพาะสายควบคุมหรือแปรสภาพ แต่ก็มีโอกาสไม่สูงนัก เพราะเป็นสายที่ไม่มีรูปแบบตายตัว จึงมีลักษณะการใช้ต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคลมากกว่า บางทีก็เหมาะแก่การต่อสู้ แต่บางทีก็ไม่ (เช่น ความสามารถพยากรณ์ของ เนออน นอสทราด) บุคคลที่อยู่สายพิเศษ เมื่อทดสอบด้วยแก้วน้ำ ผลที่เกิดขึ้นจะแตกต่างออกไปจากทั้ง 5 สายข้างต้น เท่าที่ทราบกรณีของเนเฟลปีโต้ ใบไม้ที่ลอยอยู่จะฉีกขาดกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ตามความคิดเห็นของฮิโซกะ สายพิเศษ มีนิสัย ทำอะไรสไตล์เฉพาะตัว มีพลังในการโน้มน้าวคนอื่นได้ ===เอ็น=== เทคนิคขั้นสูงของ "เร็น" ใช้การแผ่ขยายออร่าที่คลุมร่างของตนเองให้เป็นรัศมีกว้างออกไปมากกว่าปกติ ทำให้สามารถรับรู้สิ่งที่เข้ามาในขอบเขตของ "เอ็น" ได้ ยิ่งเอ็นแผ่ขยายไปมากก็ยิ่งรับรู้ได้กว้างขึ้น แต่ต้องอาศัยการฝึกขั้นสูง โดยปกติผู้ที่ทำได้ก็จะใช้แค่ในระยะจู่โจมของตนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอาจใช้ "เอ็น" ที่มีรัศมีได้ร่วมร้อยเมตรทีเดียว ==มังงะ== == แอนิเมชัน == === ปี 2542 === การขึ้นสู่จอแก้วเป็นครั้งแรกของ ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ นั้นได้ Rurouni Kenshin เป็นผู้กำกับและออกอากาศทั้งหมด 62 ตอน ออกอากาศครั้งแรกเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ถึง 31 มีนาคม พ.ศ. 2544 ส่วนอีก 30 ตอนนั้นออกมาให้ชมทาง DVD 13 แผ่น เป็น OVA วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2545 ถึง 18 สิงหาคม พ.ศ. 2547 รวมเป็น 92 ตอน ในประเทศไทยออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในช่วงของรายการโมเดิร์นไนน์การ์ตูน ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2546 และย้ายเวลาออกอากาศเป็นเวลา 09.30 น. ของวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2546 ถึง 27 มีนาคม พ.ศ. 2547 === ปี 2554 === เมือเดือนกรกฎาคม 2554 ได้มีการประกาศสร้างอนิเมะฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ใหม่ โดยเริ่มเนื้อเรื่องใหม่ตั้งแต่ต้นตามต้นฉบับหนังสือการ์ตูน กำกับโดย Hiroshi Kōjina จาก Madhouse เขียนบทโดย Jun Maekawa และออกแบบตัวละครโดย Takahiro Yoshimatsu ออกอากาศทาง Nippon Television ของญี่ปุ่น เริ่มฉายวันแรก 2 ตุลาคม 2554 ออกอากาศในไทยครั้งแรก 15 พฤศจิกายน 2556 ทางช่อง Gang Cartoon ทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 16:30-17:00 น. โดยอากาศไป 50 ตอน หลังจากนั้นหยุดการออกอากาศอย่างไม่มีกำหนด และออกอากาศอีกครั้ง 1 พฤศจิกายน 2557 ทางช่อง 8 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 8:00-8:30 น. นอกจากนี้ยังเคยออกอากาศทาง Animax Asia อีกด้วย โดยออกอากาศในรูปแบบซับไทย ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายแผ่นในตอนที่ 1-48 เป็นของบริษัทโรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ==== ภาคสอบฮันเตอร์ ==== {|class="wikitable" style="width:98%; margin:auto; background:#FFF; table-layout:fixed;" ! style="width:3em; background:#FF0000" | ลำดับ ! style="width:12em; background:#FF0000" | ชื่อตอน ! style="width:12em; background:#FF0000" | ออกอากาศ ! style="width:12em; background:#FF0000" | ออกอากาศ |- |} ==== ภาคลานประลองกลางหาว ==== {|class="wikitable" style="width:98%; margin:auto; background:#FFF; table-layout:fixed;" |- style="border-bottom: 3px solid #CCF;" ! style="width:3em; background:#FF8000" | ลำดับ ! style="width:12em; background:#FF8000" | ชื่อตอน ! style="width:12em; background:#FF8000" | ออกอากาศ ! style="width:12em; background:#FF8000" | ออกอากาศ |- |} ==== ภาคจอมโจรเงามายา ==== ตอนที่ 51 สนามรบ×ที่×เข้มข้น 52 บุกโจมตี×และ×แรงปะทะ 53 ของปลอม×และ×พลังจิต 54 คำทำนาย×ที่×ไม่ตรง 55 พวกพ้อง×และ×การโกง 56 สุดรัก×และ×สุดเกลียด 57 เปิดก่อน×และ×กฎเกณฑ์ 58 ชนวน×ของ×การถอย {|class="wikitable" style="width:98%; margin:auto; background:#FFF; table-layout:fixed;" |- style="border-bottom: 3px solid #CCF;" ! style="width:3em; background:#FFFF00" | ลำดับ ! style="width:12em; background:#FFFF00" | ชื่อตอน ! style="width:12em; background:#FFFF00" | ออกอากาศ ! style="width:12em; background:#FFFF00" | ออกอากาศ |- |} ==== ภาคกรีดไอร์แลนด์ ==== ตอนที่ 59 การประมูล×และ×ความรีบร้อน 60 ตัดสินใจ×และ×เริ่มต้น 61 การต้อนรับ×และ×เพื่อนพ้อง 62 ความเป็นจริง×กับ×เพชรพลอย 63 อาจารย์×กับ×เหนือความคาดหมาย 64 เสริมแกร่ง×กับ×ข่มขู่ 65 หมัดปีศาจ×และ×เป่า ยิง ฉุบ 66 โจมตี×กับ×แผนลับ 67 15×กับ×15 68 โจรสลัด×กับ×การคาดเดา 69 การแข่งขัน×ที่×เร้าร้อน 70 ความกล้า×และ×ความทรหด 71 การเดิมพัน×และ×การแลกเปลี่ยน 72 ไล่ต้อน×และ×ได้โอกาส 73 มีสติ×กับ×เสียสติ 74 ผู้ชนะ×กับ×ผู้แพ้ 75 เพื่อนของจิน×กับ×เพื่อนใหม่ {|class="wikitable" style="width:98%; margin:auto; background:#FFF; table-layout:fixed;" |- style="border-bottom: 3px solid #CCF;" ! style="width:3em; background:#00FF00" | ลำดับ ! style="width:12em; background:#00FF00" | ชื่อตอน ! style="width:12em; background:#00FF00" | ออกอากาศ |- |} ==== ภาคคิเมร่าแอนท์ ==== ตอนที่ 76 การพบกันอีกครั้ง×และ×ความเข้าใจ 77 ความกังวล×และ×การปรากฎตัว 78 การขายพันธุ์×อย่าง×รวดเร็ว 79 NGL×ที่×NG 80 ความชั่วร้าย×กับ×ความเลวร้าย 81 จุดเริ่มต้น×ของ×การต่อสู้ 82 สล็อต×ของ×ไคท์ 83 แรงบันดาลใจ×และ×วิวัฒนาการ 84 ชะตากรรม×ที่×ตื่นขึ้น 85 แสงสว่าง×และ×เงามืด 86 คำสาบาน×และ×การพบเจออีกครั้ง 87 การประลอง×และ×การหลบหนี 88 การเป่า ยิง ฉุบ×และ×จุดอ่อน 89 ความใจดี×และ×ความแข็งแกร่ง 90 ดอกเบี้ย×และ×คำสาป 91 ผู้แข็งแกร่ง×และ×ผู้อ่อนแอ 92 1คำปรารถนา×กับ×2คำสัญญา 93 การเดท×กับ×ปาร์ม 94 เพื่อน×และ×การออกเดินทาง 95 ความแค้น×และ×ความน่ากลัว 96 บ้านเกิด×ที่×ไร้กฎเกณฑ์ 97 การทำลายล้าง×จาก×การต่อสู้ที่ดุเดือด 98 การแทรงซึม×และ×การคัดเลือก 99 การผสาน×และ×การวิวัฒนาการ 100 การติดตาม×และ×การไล่ตาม 101 อิคารุโกะ×กับ×สายฟ้าฟาด 102 พลัง×และ×การแข่งขัน 103 รุกฆาต×และ×คาดการณ์ 104 ความลังเล×และ×ความสับสน 105 การเตรียมใจ×และ×การตื่นขึ้นมา 106 โนว์×และ×โมระอุ 107 รีเทิร์น×และ×รีไทร์ 108 โคมุกิ×และ×กุนงิ 109 เริ่มเดินแถว×และ×เริ่มแผนการ 110 ความสับสน×และ×เป็นไปตามคาด 111 บุกโจมตี×และ×บุกเข้าไป 112 สัตว์ประหลาด×และ×สัตว์ประหลาด 113 เป็นแมลง×แต่ว่า×เป็นหนี้บุญคุณ 114 แบ่งแยก×และ×พิชิต 115 หน้าที่×และ×คำถาม 116 ล้างแค้น×และ×ฟื้นตัว 117 ดูถูก×และ×แก้แค้น 118 ความโกรธ×จอม×ปลอม 119 หมึก×ที่×แข็งแกร่ง×หมึก×ที่×อ่อนแอ 120 ตัวปลอม×และ×ตัวจริง 121 ความพ่ายแพ้×และ×เกียรติยศ 122 หน้าตา×และ×ชื่อ 123 ตะขาบ×และ×ความทรงจำ 124 พังทลาย×และ×ลืมตาตื่น 125 ความแข็งแกร่ง×และ×จุดพีค 126 ศูนย์×และ×กุหลาบ 127 มุ่งร้าย×และ×การตัดสินใจ 128 ความสุขอันเป็นที่สุด×และ×ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข 129 จุดประสงค์×และ×เป้าหมาย 130 เวทมนต์×และ×ความสิ้นหวัง 131 ความโกรธ×และ×แสงสว่าง 132 แสงสว่าง×และ×ทำงาน 133 เส้นตาย×ของ×ชีวิต 134 คำพูดของคนคนนั้น×คือ×ตัวตนของคนคนนั้น 135 คนคนนี้×และ×เวลานี้ 136 บ้านเกิด×และ×ชื่อจริง {|class="wikitable" style="width:98%; margin:auto; background:#FFF; table-layout:fixed;" |- style="border-bottom: 3px solid #CCF;" ! style="width:3em; background:#0000CC" | ลำดับ ! style="width:12em; background:#0000CC" | ชื่อตอน ! style="width:12em; background:#0000CC" | ออกอากาศ |- |} ==== ภาคการเลือกตั้งประธานฮันเตอร์ ==== ตอนที่ 137 ข้อโต้แย้ง×ของ×12 นักษัตร 138 คำขอร้อง×และ×คำขอพร 139 อารุกะ×และ×นานิกะ 140 เข้าร่วมการต่อสู้×กับ×เปิดฉากการต่อสู้ 141 นักมายากล×และ×พ่อบ้าน 142 เข็ม×และ×มีด 143 บาป×และ×กรงเล็บ 144 การอนุมัติ×และ×แนวร่วม 145 พ่ายแพ้×และ×พบเจอกันอรกครั้ง 146 ประธาน×และ×ปลดปล่อย 147 การช่วยเหลือ×และ×อนาคต 148 ที่ผ่าน×และ×ต่อไป {|class="wikitable" style="width:98%; margin:auto; background:#FFF; table-layout:fixed;" |- style="border-bottom: 3px solid #CCF;" ! style="width:3em; background:#0080FF" | ลำดับ ! style="width:12em; background:#0080FF" | ชื่อตอน ! style="width:12em; background:#0080FF" | ออกอากาศ |- !colspan="3"|จบ |} == ส่วนเกี่ยวข้อง == ชื่อเรื่อง อ่านว่า "ฮันเตอร์ ฮันเตอร์" แทนที่ "ฮันเตอร์ เอ็กซ์ ฮันเตอร์" ซึ่งผู้วาดได้ไอเดียจากภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ ตำรวจมักจะพูดคำซ้ำสองคำ ฮิโซกะมักจะมีอารมณ์ทางเพศสูงขึ้นเมื่อเห็นคนที่มีพลังเน็นสูง ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง คัลโต้ น้องของคิรัวร์ เป็นเพศชาย ถึงแม้ว่าจะแต่งตัวเป็นผู้หญิงตลอดเวลา โดยปรากฏใน หนังสือแนะนำของฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ ว่า ครอบครัวโซลดิกมีลูกชาย 5 คน เพศของคุราปิก้า เป็นเพศชาย แต่ผู้พากย์เสียงญี่ปุ่นเป็นผู้หญิง (kaida yuki ผู้พากย์มักพากย์ตัวละครที่มีลักษณะ "ผู้ชายหน้าหวาน" เช่น ฟูจิ ชูสึเกะ จาก The prince of tennis) หลักฐานที่ระบุเพศของ คุราปิก้าได้ดีที่สุดคือ ปกการ์ตูนเรื่อง ฮันเตอร์ X ฮันเตอร์ เล่ม 14 จะพบว่าคุราปิก้าไม่ใส่เสื้อ และเป็นเพศชาย คุราปิก้าใส่ตุ้มหูทั้ง 2 ข้าง แต่มักปรากฏให้เห็นเพียงข้างเดียว โดยเฉพาะในอนิเมะเวอร์ชันแรกที่ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ในหนังสือแนะนำตัวละครของเรื่อง ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อ มิถุนายน พ.ศ. 2547 ได้มีชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาอังกฤษของตัวละครแต่ละตัวเขียนโดยผู้วาด ซึ่งชื่อแต่ละคนค่อนข้างประหลาด นักแปลหนังสือการ์ตูนหลายประเทศได้คงชื่อเดิมตามต้นฉบับเดิมไว้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างของชื่อตัวละครเช่น * คุราปิก้า - Kurapika - Curarpikt * ฮิโซกะ - Hisoka – Hyskoa * อิรุมิ - Illumi - Yellmi * คุโรโร่ - Quoll/Kuroro Lucifer – Quwrof Wrlccywrlir * อุโบกิน - Ubogin – Wbererguin * ชิซึคุ - Shizuku – Chzzok * ปาคุโนด้า - Pakunoda – Phalcnothdk ในช่วงกลางเนื้อเรื่อง ตอนกรีดไอแลนด์ ลายเส้นของการ์ตูนได้ถูกวาดเหมือนภาพร่าง ทำให้มีการวิจารณ์กันอย่างสูง โดยในขณะนั้นผู้วาดมีอาการป่วยอย่างหนัก ผู้เขียนเขียนกับภรรยา (ซึ่งปัจจุบันได้หย่าร้างกันไปแล้ว โดยภรรยาของผู้เขียนนั้นเป็นคนวาดการ์ตูนเซเลอร์มูนด้วย) เพียงสองคนโดยไม่มีลูกมือจึงทำให้งานออกมาช้าและบางทีต้องหยุดนานเนื่องจากสุขภาพของผู้เขียนไม่ค่อยจะดีนัก ชื่อของพี่น้องตระกูลโซลดิ๊กส์ทั้ง 5 คน มีการเล่นกับตัวอักษรบางประการ * อิรุมิ (Illumi อิ-ลุ-มิ) * มิลกี้ (Miluki มิ-ลุ-คิ) * คิรัวร์ (Killua คิ-ลุ-อะ) * อารุกะ (Alluka อะ-ลุ-คะ) * คัลโต้ (Kalluto คะ-ลุ-โตะ) สังเกตว่าชื่อของทุกคนจะเป็นการนำเสียงท้ายสุดของผู้ที่อาวุโสมากกว่า มาบวกกับเสียงเริ่มต้นของชื่อผู้อาวุโสน้อยกว่า แล้วคั่นกลางด้วยเสียง Lu == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == {| |- style="vertical-align:top;" | เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ Official Viz Hunter × Hunter manga site Official Hunter × Hunter OVA site | Official Nippon Television Hunter × Hunter (2011) anime site Official Animax Asia Hunter × Hunter (2011) anime site Official VAP Hunter x Hunter (2011) anime site |} การ์ตูนญี่ปุ่น การ์ตูนญี่ปุ่นแนวโชเน็ง‎ มังงะที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2541 การ์ตูนญี่ปุ่นแนวจินตนิมิต อนิเมะที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2542 อนิเมะที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2554 ทูนามิ ตัวละครกลุ่มสี่ Anime4th.com แมดเฮาส์ การ์ตูนญี่ปุ่นแนวก้าวผ่านวัย
thaiwikipedia
906
วิทยาการศึกษาสำนึก
ฮิวริสติก เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการค้นหาและการประดิษฐ์ มาจากภาษากรีกเช่นเดียวกับคำว่า ยูเรก้า (eureka, εὑρισκω) ซึ่งหมายถึง ข้าพเจ้าพบแล้ว ("I find") การค้นพบฮิวริสติกเป็นผลมาจากความพยายามไตร่ตรองอย่างถึงที่สุด นักคณิตศาสตร์ชื่อ จอร์จ โพลยา (George Polya) ทำให้ฮิวริสติกได้รับความนิยมในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในหนังสือของเขาที่ชื่อ แก้ปัญหาอย่างไร (How to Solve It) ปกติแล้วเมื่อนักเรียนได้เรียนบทพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์แล้ว พวกเขามักไม่ทราบว่าจะหาบทพิสูจน์ดังกล่าวได้อย่างไรเพราะเป็นเรื่องที่ยากมาก หนังสือ แก้ปัญหาอย่างไร ได้เก็บรวบรวมไอเดียเกี่ยวกับฮิวริสติกที่เขาใช้สอนนักศึกษา ซึ่งหนังสือนี้เป็นสิ่งที่ช่วยแนะแนวทางที่มองปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาได้ ฮิวริสติกที่ใช้ทั่วไป ถ้าคุณพบว่าปัญหานั้นทำความเข้าใจได้ยาก ให้ลองวาดรูปดู ถ้าคุณไม่สามารถหาคำตอบได้ ให้ลองสมมติว่าคุณมีคำตอบอยู่แล้วและดูว่าคำตอบเหล่านั้นให้อะไรกับเราบ้าง ("ทำงานย้อนหลัง") ถ้าปัญหานั้นมีลักษณะเป็นนามธรรม ให้ลองนึกถึงตัวอย่างที่จับต้องได้ ให้ลองแก้ปัญหาในกรณีทั่วไปก่อน ("เรื่องประหลาดของนักคิด": แผนการที่มุ่งเป้าสูงกว่ามีโอกาสสำเร็จมากกว่า) == อ้างอิง == การแก้ปัญหา
thaiwikipedia
907
ประเทศลิเบีย
ลิเบีย (ليبيا) มีชื่อทางการคือ รัฐลิเบีย (دولة ليبيا) เป็นประเทศในแอฟริกาเหนือ มีชายฝั่งบนทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่ระหว่างประเทศอียิปต์ไปทางตะวันออก ประเทศซูดานไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศชาดและประเทศไนเจอร์ไปทางใต้ และประเทศแอลจีเรียและตูนิเซียไปทางตะวันตก มีเมืองหลวงชื่อตริโปลี ประเทศลิเบียมีพื้นที่เกือบ 1,800,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ในทวีปแอฟริกา และประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับที่ 17 เมืองหลวง กรุงตริโปลี มีชาวลิเบียอาศัยอยู่ 1.7 ล้านคน จากทั้งประเทศ 6.4 ล้านคน ตามข้อมูลเมื่อปี พ.ศ. 2552 ลิเบียมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) สูงที่สุดในแอฟริกา และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (อำนาจซื้อ) สูงสุดเป็นอันดับ 4 ในแอฟริกา ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณปิโตรเลียมสำรองขนาดใหญ่และจำนวนประชากรที่ค่อนข้างน้อย ลิเบียเป็นหนึ่งในสิบประเทศผลิตน้ำมันที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หลังจากที่ได้รับเอกราชเป็นราชอาณาจักรลิเบียใน พ.ศ. 2494 นับตั้งแต่ พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา ลิเบียอยู่ภายใต้การปกครองของมูอัมมาร์ อัล-กัดดาฟี ผู้ซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหาร กลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 มีการประท้วงและการเดินขบวนครั้งใหญ่ทั่วประเทศต่อต้านรัฐบาลกัดดาฟี เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ฝ่ายกบฏสามารถควบคุมหัวเมืองและนครชายฝั่งได้หลายแห่ง โดยที่ฝ่ายที่สนับสนุนกัดดาฟียังคงควบคุมเมืองชายฝั่งบ้านเกิดของกัดดาฟี เซิร์ทและเมืองบานีวาลิคทางตอนใต้ของกรุงตริโปลี วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554 กองกำลังฝ่ายกบฏเข้ายึดครองกรุงตริโปลีได้อย่างเบ็ดเสร็จ และสามารถขับไล่กัดดาฟีกับผู้สนับสนุนจนต้องถอยร่นออกไปยังที่มั่นแห่งสุดท้ายคือเมืองเซิร์ท สงครามกลางเมืองระหว่างสองฝ่ายดำเนินมาถึงวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ที่เมืองเซิร์ท ขบวนรถของกัดดาฟีและผู้ติดตามถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธของนาโต้ระหว่างการหลบหนี ผู้ติดตามถูกสังหารระหว่างการสู้รบ ขณะที่กัดดาฟีในสภาพบาดเจ็บสาหัสถูกควบคุมตัวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนมูตัสซิมบุตรชายของกัดดาฟีและอาบู บาค์ร ยูนิส อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ก็ถูกสังหารเสียชีวิตในวันเดียวกัน แม้รัฐบาลกัดดาฟีจะถูกโค่นล้ม แต่ลิเบียยังคงประสบปัญหาความขัดแย้ง หลังการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557 ลิเบียแตกออกเป็นสองฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ (Government of National Accord) ซึ่งเป็นรัฐบาลที่สหประชาชาติให้การรับรอง มีศูนย์กลางอยู่ที่ตริโปลี และฝ่ายสภาผู้แทนราษฎรลิเบีย (House of Representatives) มีฐานอยู่ที่โตบรูค ทั้งสองฝ่ายรวมถึงฝ่ายรัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์ ต่างสู้รบในสงครามกลางเมืองลิเบียครั้งที่สอง เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 กองกำลังฝ่ายรัฐบาลปรองดองแห่งชาติยึดเมืองเซิร์ตจากฝ่ายรัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์ได้สำเร็จ ส่งผลให้รัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์เสียที่มั่นสำคัญทั้งหมดในลิเบีย ต่อมาในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ฝ่ายรัฐบาลปรองดองแห่งชาติบรรลุข้อตกลงหยุดยิงถาวรกับกองทัพแห่งชาติลิเบียที่ภักดีต่อฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร และจัดตั้งรัฐบาลร่วมเฉพาะกาลขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 เพื่อบริหารรัฐการก่อนมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 == ชื่อ == ในกรีกโบราณ ชื่อ "ลิเบีย" ใช้ในความหมายที่กว้างขวางกว่า คือ แอฟริกาเหนือทั้งหมดที่อยู่ทางตะวันตกของอียิปต์ และในบางกรณีก็ใช้อ้างถึงแอฟริกาทั้งทวีป 3 ส่วนของประเทศนี้ตามประเพณีคือตริโปลิเตเนีย (Tripolitania) เฟซซัน (Fezzan) และไซเรไนกา (Cyrenaica) ในวรรณคดีกรีก ไดโดอาศัยอยู่ในลิเบีย ชื่อนี้ได้รับการนำมาใช้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1934 สำหรับอาณานิคมลิเบียของอิตาลี โดยมาจากภาษากรีกโบราณ Λιβύη ( ) ลิเบียได้รับเอกราชในปี 1951 ในฐานะสหราชอาณาจักรลิเบีย และเปลี่ยนชื่อเป็นราชอาณาจักรลิเบีย หลังจากการรัฐประหารที่นำโดยมูอัมมาร์ กัดดาฟี ในปี 1969 ชื่อของรัฐได้เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐอาหรับลิเบีย และเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการคือ "สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ถึง พ.ศ. 2529 และ "มหาสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย"ตั้งแต่ปี 1986 ถึง 2011 สภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2011 เรียกรัฐนี้ว่า "ลิเบีย" สหประชาชาติรับรองประเทศนี้อย่างเป็นทางการในชื่อว่าว่า "ลิเบีย" ในเดือนกันยายน 2011 ตามคำขอจากคณะผู้แทนถาวรลิเบียโดยอ้างถึงปฏิญญารัฐธรรมนูญชั่วคราวของลิเบียลงวันที่ 3 สิงหาคม 2011 ในเดือนพฤศจิกายน 2011 ISO 3166-1 ได้รับการแก้ไขเพื่อให้สะท้อนถึงชื่อประเทศใหม่ "ลิเบีย" ในภาษาอังกฤษ "Libye (la)" ในฝรั่งเศส. ในเดือนธันวาคม 2017 คณะผู้แทนถาวรลิเบียประจำสหประชาชาติแจ้งให้สหประชาชาติทราบว่าต่อจากนี้ไปชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศจะเรียกว่า "รัฐลิเบีย" และ "ลิเบีย" ยังคงเป็นชื่อรูปแบบย่ออย่างเป็นทางการ และประเทศนี้ยังคงถูกระบุภายใต้ "L" ตามลำดับตัวอักษร == ภูมิศาสตร์ == ลิเบียมีพื้นที่ , ทำให้เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 16 ของโลกตามขนาด ลิเบียมีอาณาเขตทางเหนือติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตะวันตกติดกับตูนิเซียและแอลจีเรีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ติดกับไนเจอร์ ทางใต้ติดกับชาด ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับซูดาน และทางตะวันออกติดกับอียิปต์ ลิเบียอยู่ระหว่างละติจูด 19° และ 34°N และลองจิจูด 9° และ 26°E โดย , แนวชายฝั่งของลิเบียยาวที่สุดในบรรดาประเทศในแอฟริกาที่มีพรมแดนติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางเหนือของลิเบียมักเรียกว่าทะเลลิเบีย ภูมิอากาศส่วนใหญ่แห้งแล้งมากและมีลักษณะเหมือนทะเลทรายในธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคทางเหนือมีสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่ดีกว่า ภูมินิเวศหกแห่งอยู่ภายในพรมแดนของลิเบีย: Saharan halophytics, ป่าไม้แห้งเมดิเตอร์เรเนียนและที่ราบกว้างใหญ่, ป่าไม้และป่าไม้เมดิเตอร์เรเนียน, ทุ่งหญ้าสเตปป์และป่าไม้ของทะเลทรายซาฮาราเหนือ, ป่าไม้ Tibesti-Jebel Uweinat montane xeric และป่า West Saharan montane xeric. ภัยธรรมชาติมาในรูปแบบของซีรอคโคที่ร้อน แห้ง และเต็มไปด้วยฝุ่น (รู้จักกันในลิเบียว่า จิบลิ) นี่คือลมทางใต้ที่พัดจากหนึ่งถึงสี่วันในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ยังมีพายุฝุ่นและพายุทราย โอเอซิสสามารถพบได้ทั่วลิเบีย ที่สำคัญที่สุดคือ Ghadames และ Kufra ลิเบียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแสงแดดจัดและแห้งแล้งที่สุดในโลกเนื่องจากมีสภาพแวดล้อมแบบทะเลทราย === ทะเลทรายลิเบีย === ทะเลทรายลิเบีย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของลิเบีย เป็นหนึ่งในสถานที่แห้งแล้งและมีแสงแดดส่องถึงมากที่สุดในโลก Iในหลายสถานที่ หลายทศวรรษอาจผ่านไปโดยไม่เห็นฝนตกเลย และแม้แต่บนที่สูงก็แทบจะไม่มีฝนตกเกิดขึ้นทุกๆ 5-10 ปี ที่อุเวียนัต ปริมาณน้ำฝนที่บันทึกครั้งสุดท้ายคือในเดือนกันยายน 1998 ในทำนองเดียวกัน อุณหภูมิในทะเลทรายลิเบียก็อาจรุนแรงมากเช่นกัน เมื่อวันที่ 13 กันยายน 1922 เมืองอาซิซิยาซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตริโปลี ได้บันทึกอุณหภูมิอากาศไว้ที่ ,ถือเป็นสถิติโลก อย่างไรก็ตาม ในเดือนกันยายน 2012 ตัวเลขสถิติโลกที่ 58 °C ถูกกำหนดว่าไม่ถูกต้องโดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ทะเลทรายลิเบียมีโอเอซิสเล็กๆ ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่กระจัดกระจายอยู่สองสามแห่ง ซึ่งมักจะเชื่อมโยงกับที่ลุ่มที่สำคัญ ซึ่งน้ำสามารถพบได้โดยการขุดลึกลงไปไม่กี่ฟุต ทางทิศตะวันตกมีกลุ่มโอเอซิสที่กระจัดกระจายอย่างกว้างขวางในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำตื้นที่ไม่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ กลุ่มคุฟรา ซึ่งประกอบด้วย Tazerbo, Rebianae และ Kufraนอกเหนือปัญหาแล้ว ความเรียบทั่วไปยังถูกขัดขวางโดยที่ราบและเทือกเขาหลายแห่งที่อยู่ใกล้ใจกลางทะเลทรายลิเบีย รอบๆ จุดบรรจบกันของพรมแดนอียิปต์-ซูดาน-ลิเบีย == เขตการปกครอง == {|class="wikitable sortable" style="text-align:right" |- ! ภาษาอาหรับ ! ปริวรรต ! ประชากร (2549) ! พื้นที่ (กม.2) ! หมายเลข |- | style = "text-align:center;"| البطنان || style="text-align:center;"| อัล บุตนัน ||align="right"| 159,536 || |83,860 || 1 |- | style = "text-align:center;"| درنة || style="text-align:center;"| ดาร์นะห์ ||align="right"| 163,351 || |19,630 || 2 |- | style = "text-align:center;"| الجبل الاخضر || style="text-align:center;"| อัล ยาบัล อัลอักดัร ||align="right"| 206,180 || |7,800 || 3 |- | style = "text-align:center;"| المرج || style="text-align:center;"| อัล มาร์ย ||align="right"| 185,848 || |10,000 || 4 |- | style = "text-align:center;"| بنغازي || style="text-align:center;"| เบงกาซี ||align="right"| 670,797 || |43,535 || 5 |- | style = "text-align:center;"| الواحات || style="text-align:center;"| อัล วาฮัต ||align="right"| 177,047 || | || 6 |- | style = "text-align:center;"| الكفرة || style="text-align:center;"| อัล คูฟระห์ ||align="right"| 50,104 || |483,510 || 7 |- | style = "text-align:center;"| سرت || style="text-align:center;"| ซิร์ต/ซุร์ต||align="right"| 141,378 || |77,660 || 8 |- | style = "text-align:center;"| مرزق || style="text-align:center;"| มูรซัก ||align="right"| 78,621 || |349,790 || 22 |- | style = "text-align:center;"| سبها || style="text-align:center;"| ซาบา ||align="right"| 134,162 || |15,330 || 19 |- | style = "text-align:center;"| وادي الحياة || style="text-align:center;"| วาดี อัลฮายา ||align="right"| 76,858 || |31,890 || 20 |- | style = "text-align:center;"| مصراتة || style="text-align:center;"| มิสซาตะห์ ||align="right"| 550,938 || | || 9 |- | style = "text-align:center;"| المرقب || style="text-align:center;"| อัลมูร์คุบ ||align="right"| 432,202 || | || 10 |- | style = "text-align:center;"| طرابلس || style="text-align:center;"| ตาราบูลุส ||align="right"| 1,065,405 || | || 11 |- | style = "text-align:center;"| الجفارة || style="text-align:center;"| อัล ฟารา ||align="right"| 453,198 || |1,940 || 12 |- | style = "text-align:center;"| الزاوية || style="text-align:center;"| อัล ซาวิยะห์ ||align="right"| 290,993 || |2,890 || 13 |- | style = "text-align:center;"| النقاط الخمس || style="text-align:center;"| อัน นูกวัต อัล คาม ||align="right"| 287,662 || |5,250 ||14 |- | style = "text-align:center;"|الجبل الغربي || style="text-align:center;"| อัล ยาบัล อัล คัรบี ||align="right"| 304,159 || | || 15 |- | style = "text-align:center;"| نالوت || style="text-align:center;"| นาลุต ||align="right"| 93,224 || | || 16 |- | style = "text-align:center;"| غات || style="text-align:center;"| ฆัต ||align="right"| 23,518 || |72,700 || 21 |- | style = "text-align:center;"| الجفرة || style="text-align:center;"| อัล ยูฟระห์ ||align="right"| 52,342 || |117,410 || 17 |- | style = "text-align:center;"| وادي الشاطئ || style="text-align:center;"| วาดี อัล ซาตี ||align="right"| 78,532 || |97,160 || 18 |} == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == Libya เดอะเวิลด์แฟกต์บุ๊ก สำนักข่าวกรองกลาง Libya แหล่งข้อมูลบนเว็บที่จัดทำโดย GovPubs ที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ Libya profile โดยบีบีซี ลิเบีย ประเทศที่ใช้ภาษาอาหรับเป็นภาษาทางการ รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 อดีตอาณานิคมของอิตาลี
thaiwikipedia
908
ศึกษาสำนึก
โดยปกติการออกแบบหรือค้นหาขั้นตอนวิธี หรือขั้นตอนวิธี ที่ดีเพื่อการหาผลลัพธ์หรือแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์นั้นมีเป้าหมายพื้นฐานอยู่ 2 ประการ คือ สามารถรับประกันคุณภาพของคำตอบได้ คือ สามารถพิสูจน์ถึงความเหมาะที่สุด (optimality) หรือ ระบุขอบข่ายคุณภาพ ของคำตอบได้ สามารถรับประกันช่วงเวลา หรือ ความเร็ว ที่ใช้ในการคำนวณ เพื่อหาคำตอบนั้นได้ การแก้ปัญหาแบบศึกษาสำนึก (heuristic approach) เปรียบเทียบได้กับ ขั้นตอนวิธีหรือขั้นตอนวิธีแก้ปัญหาที่ไม่สามารถรับประกันถึงคุณสมบัติทั้งสองประการข้างต้นได้ อาจจะมีเพียงประการใดประการหนึ่ง หรือ อาจจะไม่มีเลยก็ได้ ตัวอย่างความหมายของความไม่สามารถรับประกันได้ เช่น ถ้าเรามีวิธีในการหาคำตอบของปัญหาประเภทหนึ่ง ซึ่งโดยปกติวิธีนี้จะให้คำตอบที่มีคุณภาพดี แต่ในบางครั้งคำตอบที่ได้อาจจะไม่ดี, หรือ เราไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่า วิธีการหาคำตอบหนึ่งจะสามารถหาคำตอบได้เร็วตลอดเวลา ถึงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะเร็วก็ตาม โดยส่วนใหญ่ เราสามารถสร้างและยกตัวอย่างปัญหาเป็นพิเศษให้กับวิธีแบบศึกษาสำนึก และเป็นกรณีที่ทำให้วิธีแบบศึกษาสำนึกให้คำตอบที่ผิด หรือทำงานอย่างเชื่องช้าได้ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงสร้างของปัญหาตัวอย่างนั้นเป็นกรณีที่พิเศษมากๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย หรือ อาจไม่เกิดขึ้นเลย ดังนั้นเราจึงพบเห็นการนำวิธีแบบศึกษาสำนึกไปใช้แก้ปัญหาในโลกจริงอยู่ทั่วไป == วิธีแบบศึกษาสำนึกในปัญหาการหาเส้นทางสั้นที่สุด == สำหรับปัญหาเส้นทางสั้นที่สุด (shortest path problems) นั้น วิธีแบบศึกษาสำนึกจะกำหนดให้ การศึกษาสำนึก เป็น ฟังก์ชันศึกษาสำนึก , h(n) อยู่บนปม (nodes) ของต้นไม้สำหรับค้น (search tree), ซึ่งทำงานโดยการประมาณค่าของวิถี(path) สั้นที่สุดหรือมีค่าน้อยสุด จากปมปัจจุบันไปยังปมเป้าหมาย (goal) วิธีการศึกษาสำนึกใช้ใน informed search algorithm เช่น การค้นหาของที่ดีที่สุดเชิงละโมบ หรือGreedy best-first search และ การค้นหาเอสตาร์A* สำหรับเป็นผู้เลือกหรือตัวตัดสินใจเลือกปมที่ดีที่สุดก่อนการค้นหาปมต่อไป. การค้นหาของที่ดีที่สุดเชิงละโมบ (Greedy best-first search) จะเลือกปมที่มีค่าน้อยที่สุดสำหรับฟังก์ชันศึกษาสำนึก ส่วน เอสตาร์ (A*) จะค้นหาปมที่มีค่าน้อยที่สุดจากสมการ g(n)+h(n) , โดยที่ฟังก์ชัน g(n) คือ ค่าที่แท้จริง (exact cost) สำหรับเส้นทางจาก สถานะกำหนดเริ่มต้น (initial state) มายังสถานะปัจจุบัน. และโดยที่ฟังก์ชัน h(n) จะส่งค่าประมาณการศึกษาสำนึกที่ยอมรับได้ นั่นคือ ถ้าฟังก์ชัน h(n) เป็นค่าประมาณที่ไม่เคยประมาณมากกว่าค่าจริงจนถึงเป้าหมาย (goal) — สำหรับกรณีนี้เอสตาร์ (A*) ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลเฉลยที่เหมาะที่สุดเสมอ (optimal) ปัญหาเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับวิธีศึกษาสำนึกคือปัญหา เอ็น-พัซเซิล (n-puzzle) โดยทั่วไปการใช้วิธีศึกษาสำนึก สำหรับปัญหานี้และการนับจำนวนครั้งของการขยับแผ่นที่สามารถขยับได้ ระหว่างตำแหน่งปัจุจบันไปยังเป้าหมาย เกี่ยวข้องกันกับการแก้ปัญหาลักษณะเดียวกับปัญหาระยะห่างแมนแฮทตัน (Manhattan distance) === ผลกระทบของวิธีศึกษาสำนึกในด้านของประสิทธิภาพเชิงเวลา === ในการค้นหารูปแบบของการแก้ไขปัญหา เมื่อมีตัวเลือกจำนวน b ทุกๆ ปมและมีความลึก d จากตำแหน่งปัจจุบันไปยังปมเป้าหมาย การค้นหาแบบตรงไปตรงมา (naive)จะใช้การค้นหาประมาณ b^d ปม ถึงจะพบคำตอบ การนำวิธีศึกษาสำนึกมาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเชิงเวลาของการค้นคำตอบได้โดยจะช่วยลด จำนวนการแตกกิ่งก้านbranching factor จากจำนวน b ไปยังค่าคงที่ b* แม้ว่าการประมาณโดยใช้วิธีศึกษาสำนึกจะให้ผลเฉลยที่เหมาะสม (optimal answer) แต่การใช้วิธีศึกษาสำนึกที่ให้การประมาณค่าในจำนวนการแตกกิ่งก้าน (branching factor) ที่ต่ำกว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการคำนวณได้ดียิ่งขึ้น สำหรับในปัญหาทั่วๆ ไป เราสามารถแสดงได้ว่า วิธีศึกษาสำนึก h_2(n) ดีกว่า วิธีศึกษาสำนึก h_1(n) ในเงื่อนไขถ้า h_2(n) มากกว่าdominate h_1(n) หรือ h_1(n) สำหรับ n ทุกๆ ค่า === วิธีศึกษาสำนึกในระบบปัญญาประดิษฐ์ === มีขั้นตอนวิธีหลายอย่างในระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่ใช้วิธีศึกษาสำนึกโดยธรรมชาติ หรือใช้กฎเกณฑ์แบบศึกษาสำนึกได้ ตัวอย่างเช่น ระบบตรวจจับการส่งข่าวขยะสแปม (SpamAssassin) ใช้วิธีศึกษาสำนึกในการตัดสินว่า อีเมลแบบใดเป็นข่าวขยะหรือไม่เป็น สำหรับกฎการตรวจจับที่ได้วางไว้ ถ้าใช้เพียงกฎเดียวก็จะไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างถูกต้อง แต่เมื่อใช้วิธีศึกษาสำนึกเข้าช่วยประกอบรวมกฎการตรวจจับหลายๆ กฎเข้าไว้ด้วยกัน ก็จะได้ระบบที่ได้ผลที่ดีกว่า และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น การแก้ปัญหา ขั้นตอนวิธี Heuristik#Informatik
thaiwikipedia
909
ปัญหาความสอดคล้องแบบบูล
ปัญหาความสอดคล้องแบบบูล หรือ SAT (Boolean satisfiability) เป็นปัญหาการตัดสินใจอย่างหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ในศาสตร์ทางด้านทฤษฎีความซับซ้อนในการคำนวณ ตัวอย่างของปัญหา (instance) สำหรับปัญหานี้ก็คือ นิพจน์บูลีน (boolean expression) ที่ประกอบด้วยตัวแปร ตัวเชื่อมต่าง ๆ และวงเล็บ ปัญหานี้ถามคำถามที่ว่า สำหรับนิพจน์บูลีนที่กำหนด เราสามารถทำให้นิพจน์เป็นจริงโดยการกำหนดค่าให้กับตัวแปรได้หรือไม่ ในกรณีที่เราสามารถกำหนดค่าความจริงให้กับตัวแปรแล้วทำให้นิพจน์เป็นจริงได้ เราจะกล่าวว่านิพจน์นั้น สามารถทำให้เป็นจริงได้ (satisfiable) ปัญหา SAT จัดอยู่ในกลุ่มของปัญหาเอ็นพีบริบูรณ์ (NP-complete) ในบางครั้งเราอาจจะสนใจศึกษาความซับซ้อนของรูปแบบที่ต่างกันออกไปของปัญหา SAT ยกตัวอย่างเช่นปัญหา SAT แบบที่นิพจน์บูลีนอยู่ในรูปมาตรฐานแบบเชื่อม (หรือ Conjunctive Normal Form---CNF) ในกรณีนี้ถ้าแต่ละประพจน์เลือก (disjunct) ประกอบด้วยตัวแปรไม่เกิน 3 ตัวแปรเราจะเรียกปัญหาว่า 3-SAT ซึ่งเป็นปัญหาเอ็นพีบริบูรณ์เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ตัวแปรในแต่ละประพจน์เลือกมีไม่เกิน 2 ตัวแปร (เรียกว่าปัญหา 2-SAT) นั้น เรามีอัลกอริธึมที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาได้ นั่นก็คือ 2SAT \in P หรือหากจะพูดให้ชัดเจนกว่านั้น 2SAT \in NL \subseteq P (ทั้งนี้เนื่องจากขั้นตอนวิธีที่ใช้แก้ปัญหา 2-SAT เป็นขั้นตอนวิธีที่ทำงานโดยใช้เนื้อที่เป็นลอการิธึมบนเครื่องจักรทัวริงเชิงไม่กำหนดเท่านั้น) == ความยากของปัญหา == == ขั้นตอนวิธีที่ใช้สำหรับปัญหา == ทฤษฎีการคำนวณ พีชคณิตแบบบูล
thaiwikipedia
910
เลขคณิตมอดุลาร์
เลขคณิตมอดุลาร์ (Modular arithmetic) เป็นระบบเลขคณิตที่มีรากฐานมาจากระบบจำนวนเต็มทั่วไป แต่จำนวนในระบบนี้จะมีการหมุนกลับในลักษณะเดียวกันกับเข็มนาฬิกาเมื่อมีค่าถึงค่าบางค่าที่กำหนดไว้ ซึ่งค่านี้จะเรียกว่า มอดุลัส กล่าวคือ, ตัวเลขที่มีค่าเกินค่าของมอดุลัส จะถูกปรับค่าให้เป็นเศษของจำนวนนั้นเมื่อหารด้วยมอดุลัส ยกตัวอย่างเช่น ภายใต้มอดุลัสที่เป็น 9 เลข 13 จะถูกปรับให้เหลือ 4 หรือ ผลบวกของ 4 กับ 7 ก็คือ 2 == การสมภาคกันของจำนวน == เราจะกล่าวว่าจำนวนเต็ม a และ b สมภาคกัน ภายใต้มอดุโล m ได้เมื่อผลต่างของสองจำนวนนั้นสามารถหารลงตัวได้ด้วย m หรืออาจจะกล่าวได้อีกอย่างคือ จำนวนเต็ม a กับ b เมื่อหารด้วย m จะเหลือเศษเท่ากัน การสมภาคกันของ a และ b สามารถเขียนได้ในรูป a\equiv b\pmod{m} ตัวอย่างเช่น 26\equiv14\pmod{12} ความสัมพันธ์ของการสมภาคกันเป็นความสัมพันธ์สมมูล (equivalence relation) และชั้นสมมูล (equivalence class) ของจำนวนเต็ม a สามารถเขียนได้ในรูป [a]n ซึ่งความสัมพันธ์สมมูลตัวนี้มีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น: ถ้า a_1\equiv b_1\pmod{m} และ a_2\equiv b_2\pmod{m} แล้ว a_1+a_2\equiv b_1+b_2\pmod{m} และ a_1a_2\equiv b_1b_2\pmod{m} == ประวัติ == คาร์ล ฟรีดริช เกาส์เป็นผู้นำเสนอเลขคณิตมอดุลาร์ในหนังสือ Disquisitiones Arithmeticae ในปีค.ศ. 1801 (พ.ศ. 2344) == ดูเพิ่ม == กรุปการคูณของจำนวนเต็มมอดุโล n ทฤษฎีบทเศษเหลือของจีน == แหล่งข้อมูลอื่น == ในบทความ modular art แสดงการประยุกต์ใช้เลขคณิตมอดุลาร์ในดนตรี ลเลขคณิตมอดุลาร์ ลเลขคณิตมอดุลาร์ ลเลขคณิตมอดุลาร์ ลเลขคณิตมอดุลาร์
thaiwikipedia
911
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (prehistory) มีอีกชื่อว่า ประวัติศาสตร์ก่อนวรรณกรรม (pre-literary history) เป็นช่วงเวลาในประวัติศาสตร์มนุษย์ระหว่างการใช้เครื่องมือหินครั้งแรกโดย[ 3.3 ล้านปีก่อนจนถึงจุดเริ่มต้นของ
thaiwikipedia
912
ประชากร
ประชากร หมายถึง หมู่คนหรือสิ่งมีชีวิตสปีชีส์หนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์เดียวกัน ในระยะเวลาเดียวกัน วิชาพลศาสตร์ประชากร ศึกษาโครงสร้างประชากรทั้งในแง่ของขนาด อายุ และเพศ รวมถึงภาวะการตาย พฤติกรรมการสืบพันธุ์ และการเพิ่มของประชากร ประชากรศาสตร์ ศึกษาพลศาสตร์ประชากรของมนุษย์ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาประชากรในด้านสังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ประชากรนั้นต้องถือสัญชาติในรัฐที่ตนอยู่ แตกต่างจากบุคคลที่อยู่ภายใต้อำนาจรัฐ เช่น คนที่มาเปลี่ยนเที่ยวบินที่ประเทศไทย และ ต้องมีสิทธิพิเศษเหนือประชากรที่มาจากรัฐอื่น หากอยู่ในดินแดนของรัฐนั้น ตามสายโลหิต หรือตามสิทธิที่จะได้รับตามรัฐธรรมนูญ ความหนาแน่นประชากร คือ จำนวนคนหรือสิ่งมีชีวิตต่อหน่วยพื้นที่ พื้นที่ใดมีความหนาแน่นประชากรสูง แสดงว่ามีจำนวนประชากรมาก สังคม * ประชากร
thaiwikipedia
913
โหราศาสตร์
โหราศาสตร์ (astrology) เป็นศาสตร์หนึ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์ มีความเกี่ยวข้องกับการทำนายอนาคต หรือ โชคชะตาของมนุษย์, ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของบ้านเมืองและของโลก โดยอาศัย เวลา และ ตำแหน่งของดวงดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้า เป็นสำคัญ แล้วบันทึกไว้เป็นสถิติ โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ต่างกับวิทยาศาสตร์ ด้วยแม้จะสามารถพิสูจน์ทราบได้โดยใช้กฎเกณฑ์ และเหตุผลในทางโหราศาสตร์ นำมาทดลอง พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ สามารถสรุปออกมาเป็นทฤษฎีได้ ไม่ว่าจะทดลองกี่ครั้ง ที่ใด ๆ ในโลกเช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ก็ยังคงเป็นวิชาที่ค่อนข้างลึกลับ ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงไม่รับรองโหราศาสตร์ว่าเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลอินเดียได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 11 พค. 2544 ให้มีการสอนวิชาโหราศาสตร์ในมหาวิทยาลัยได้ วิชาโหราศาสตร์มีหลายระบบและมีความแตกต่างกัน แบ่งออกเป็น โหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์สากล โหราศาสตร์จีน โหราศาสตร์ยูเรเนียน การพยากรณ์ในโหราศาสตร์ต้องอาศัยโหรผู้มีความรู้ความชำนาญในการผูกดวงและเป็นผู้พยากรณ์เพื่อตีความหมายเป็นโอกาสของการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอนาคต โหราศาสตร์ เป็นสาขาหนึ่งของการพยากรณ์และเนื่องจากการใช้ตำแหน่งของดวงดาวจึงมีความเกี่ยวข้องกับวิชาดาราศาสตร์ ==ศัพทมูลวิทยา== คำว่า โหราศาสตร์ ที่ใช้กันในภาษาไทย (รวมถึง โหร) มาจากภาษาสันสกฤตคำว่า "โหรา" ซึ่งมีที่มาจากภาษากรีกโบราณคือ ὥρᾱ (hṓrā) ที่หมายถึง "โมงยาม" และเป็นรากศัพท์ของภาษาอังกฤษคำว่า hour ที่หมายถึง "ชั่วโมง" == โหราศาสตร์ในประเทศไทย == ทฤษฎีหรือหลักวิชาที่ใช้ในการ "อ่าน" หรือ "แปล" การโคจรของดวงดาว เพื่อเป็นการทำนายเหตุการณ์นั้นก็มีหลากหลายและแตกต่างกัน สำหรับในประเทศไทย หลักวิชาที่ใช้ถ่ายทอดกันก็มี โหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์ภารตะ โหราศาสตร์พม่า โหราศาสตร์สากลยูเรเนียน โหราศาสตร์พาราณสี ทั้งนี้โหราศาสตร์ไทยก็ยังแบ่งแยกออกเป็นอีกหลายสำนักและหลายสายวิชา เช่น โหราศาสตร์ไทยสายวิชา อ.อรุณ ลำเพ็ญ โหราศาตร์ไทยสายสิบลัคนา โหราศาสตร์ไทยระบบลัคนาจร โหราศาสตร์ไทยสายวิชา อ.ประทีป อัครา โหราศาสตร์ไทยสายวิชา อ.ส.แสงตะวัน โหราศาสตร์ไทยหลักสูตรอินทภาส-บาทจันทร์ และปัจจุบันสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้มีการเปิดการสอนวิชาเลือกที่ชื่อว่า “โหราศาสตร์” ให้แก่นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ == ดูเพิ่ม == การดูดวง ฮวงจุ้ย กราฟชีวิต โปรแกรมโหราศาสตร์ไทย ==อ้างอิง== == แหล่งข้อมูลอื่น == วิทยาศาสตร์เทียม
thaiwikipedia
914
กราฟ
กราฟ อาจหมายถึง: โดยทั่วไปแล้ว กราฟ ถูกใช้ในความหมายเดียวกับแผนภูมิ (chart) ในคณิตศาสตร์ คำว่า กราฟ สามารถมีได้สามความหมาย * ในทฤษฎีกราฟ, กราฟ คือวัตถุเชิงนามธรรมที่ประกอบด้วยจุดยอด (หรือ โหนด) และ เส้นเชื่อม ระหว่างคู่ของจุดยอด * กราฟของฟังก์ชัน f:X\rightarrow Y คือเซ็ตของทุกๆ คู่อันดับ (x,f(x)) * กราฟของความสัมพันธ์ เป็นนิยามที่กว้างขึ้นของกราฟของฟังก์ชัน ในวิทยาการคอมพิวเตอร์, กราฟ คือโครงสร้างข้อมูลที่ใช้แสดงกราฟทางคณิตศาสตร์ กราฟ คือบรรดาศักดิ์เยอรมันที่เทียบเท่ากับเคานต์ เกรฟ หรือมีการอ่านว่า กราฟ (grave) เครื่องหมายเสริมสัทอักษร กราฟ
thaiwikipedia
915
การผูกดวง
การผูกดวง (horoscope diagram) เป็นการสร้าง ดวง เพื่อแสดงตำแหน่งและความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวแต่ละดวงในวิชาโหราศาสตร์ การผูกดวง คือการวางดวงดาว และลัคนาลงในราศีต่าง ๆ ในรูปดวงชะตา ในเวลาขณะที่สนใจ หรือเวลาเกิด, หรือการแสดงตำแหน่งดวงดาวบนวงกลมจักราศี เปรียบเสมือนการจำลองท้องฟ้าและตำแหน่งดวงดาวที่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาฬ ลงบนแผ่นกระดาษ โดยเขียนเป็นรูปวงกลมและแบ่งวงกลมนั้นออกเป็นสิบสองช่อง ที่เรียกว่าราศี ทั้งนี้มุมมองของดวงชะตาที่ใช้ในปัจจุบันเมื่อมองในท้องฟ้าแล้วเจ้าชะตาจะมองฟ้าโดยหันหน้าไปทางทิศใต้ และทิศตะวันออกจะอยู่ซ้ายมือ ตะวันตกอยู่ขวามือ ดังนั้นรูปดวงชะตาจึงมองฟ้าในระนาบเดียว จึงไม่ได้มองฟ้าเมื่อหันไปทางตะวันออก แต่มีโหราศาสตร์บางระบบที่พิจารณาทั้งสองส่วนพร้อมกันไป โหราศาสตร์
thaiwikipedia
916
เมืองหลวง
เมืองหลวง หรือ ราชธานี คือ เมืองหลักที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของทำเนียบรัฐบาล คำในภาษาอังกฤษ capital มาจากภาษาละติน caput หมายถึง "หัว" และอาจเกี่ยวข้อง เนินเขาแคปิทอไลน์ เนินเขาที่สูงที่สุดในโรมโบราณ ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และศาสนา ในภาษาไทย มีหลายคำที่ใช้ในความหมายนี้ เช่น กรุง หรือ พระนคร สำหรับคำว่าเมืองหลวงนั้นยังก็มีความหมายเป็นสองนัย กล่าวคือ หมายถึงเมืองใหญ่ (หลวง หมายถึง ใหญ่) หรือเมืองของหลวง (คือเมืองของพระเจ้าแผ่นดิน, เพราะเป็นที่ประทับของกษัตริย์) เมืองหลวงในบางประเทศ มีขนาดเล็กกว่าเมืองอื่น เช่นใน สหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล สำหรับคำว่าเมืองหลวงนี้ อาจเป็นเมืองหลวงของรัฐ (ในประเทศที่ปกครองแบบสาธารณรัฐ เป็นต้น) หรือเมืองหลวงของเขตการปกครองระดับใด ๆ ก็ได้ เช่น อำเภอเมือง เปรียบเสมือนเป็นเมืองหลวงของจังหวัด == เมืองหลวงที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ที่สุด == กรุงออตตาวา, ประเทศแคนาดา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี., สหรัฐ กรุงเบลโมแพน, ประเทศเบลีซ กรุงกีโต, ประเทศเอกวาดอร์ กรุงบราซีเลีย, ประเทศบราซิล กรุงซูเกร, ประเทศโบลิเวีย กรุงพริทอเรีย, ประเทศแอฟริกาใต้ กรุงโดโดมา, ประเทศแทนซาเนีย กรุงคาร์ทูม, ประเทศซูดาน กรุงยาอุนเด, ประเทศแคเมอรูน กรุงอาบูจา, ประเทศไนจีเรีย กรุงยามูซูโกร, ประเทศโกตดิวัวร์ กรุงราบัต, ประเทศโมร็อกโก กรุงวัลเลตตา, ประเทศมอลตา กรุงซานมารีโน, ประเทศซานมารีโน กรุงวาดุซ, ประเทศลิกเตนสไตน์ กรุงแบร์น, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กรุงอังการา, ประเทศตุรกี กรุงอาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กรุงศรีชยวรรธนปุระโกฏเฏ, ประเทศศรีลังกา กรุงพอร์ต-ออฟ-สเปน, ประเทศตรินิแดดและโตเบโก กรุงบันจูล, ประเทศแกมเบีย กรุงนิวเดลี, ประเทศอินเดีย กรุงอิสลามาบาด, ประเทศปากีสถาน กรุงอัสตานา, ประเทศคาซัคสถาน กรุงปักกิ่ง, ประเทศจีน กรุงเนปยีดอ, ประเทศพม่า กรุงฮานอย, ประเทศเวียดนาม กรุงมะนิลา, ประเทศฟิลิปปินส์ กรุงแคนเบอร์รา, ประเทศออสเตรเลีย กรุงเวลลิงตัน, ประเทศนิวซีแลนด์ กรุงปาลีกีร์, ประเทศไมโครนีเซีย กรุงปอร์โต-โนโว, ประเทศเบนิน กรุงมาลาโบ, ประเทศอิเควทอเรียลกินี กรุงเงรุลมุด, ประเทศปาเลา กรุงไทเป, ประเทศไต้หวัน == เมืองหลวงที่วางแผนไว้ == กรุงจาการ์ตา จะย้ายไปสร้างเมืองหลวงใหม่ชื่อ นูซันตารา (เมือง) ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดกาลีมันตันตะวันออกบนเกาะบอร์เนียว กรุงไคโร จะย้ายไปสร้างเมืองหลวงใหม่ซึ่งตั้งอยู่ที่ชานกรุงไคโร == เมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในแต่ละทวีป == ชื่อทวีป ชื่อเมืองหลวง และจำนวนประชากรในวงเล็บ ยุโรป: กรุงลอนดอน (14,400,000) เอเชีย: กรุงโตเกียว (21,237,000) แอฟริกา: กรุงไคโร (16,100,000) อเมริกาเหนือ: กรุงเม็กซิโกซิตี (19,809,471) อเมริกาใต้: กรุงบัวโนสไอเรส (12,430,000) โอเชียเนีย: กรุงเวลลิงตัน (445,400) เปรียบเทียบกับ กรุงเทพมหานคร ที่มีประชากร 5,716,248 คน เมื่อ พ.ศ. 2550 จากข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == รายชื่อเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก รายชื่อประเทศพร้อมทั้งชื่อเมืองหลวงทั่วโลก กรุงเทพมหานคร
thaiwikipedia
917
สถิติศาสตร์
สถิติ (Statistics) หรือ สถิติศาสตร์ (Statistical science) เป็นการศึกษาการเก็บ การวิเคราะห์ การตีความ การนำเสนอและการจัดระเบียบข้อมูล ในการประยุกต์สถิติศาสตร์กับปัญหาทางวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมหรือสังคม ฯลฯ จำเป็นต้องเริ่มด้วยประชากรหรือกระบวนการที่จะศึกษา ประชากรเป็นได้หลากหลาย เช่น "ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศหนึ่ง" หรือ "ทุกอะตอมซึ่งประกอบเป็นผลึก" สถิติศาสตร์ว่าด้วยทุกแง่มุมของข้อมูลซึ่งรวมการวางแผนการเก็บข้อมูลในแง่การออกแบบการสำรวจและการทดลอง ในกรณีไม่สามารถเก็บข้อมูลสำมะโนได้ นักสถิติศาสตร์เก็บข้อมูลโดยการพัฒนาการออกแบบการทดลองจำเพาะและตัวอย่างสำรวจ การชักตัวอย่างเพื่อเป็นตัวแทนประกันว่าการอนุมานและการสรุปสามารถขยายจากตัวอย่างไปยังประชากรโดยรวมได้โดยปลอดภัย การศึกษาทดลองเกี่ยวข้องกับการวัดระบบที่กำลังศึกษา จัดดำเนินการระบบ แล้ววัดเพิ่มโดยใช้วิธีดำเนินการเดียวกันเพื่อตัดสินว่าการจัดดำเนินการดัดแปรค่าของการวัดหรือไม่ ในทางกลับกัน การศึกษาสังเกตไม่เกี่ยวข้องกับการจัดดำเนินการทดลอง มีการใช้ระเบียบวิธีสถิติศาสตร์สองอย่างหลักในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติศาสตร์พรรณนา ซึ่งสรุปข้อมูลจากตัวอย่างโดยใช้ดัชนีอย่างค่าเฉลี่ยหรือค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติศาสตร์อนุมาน ซึ่งดึงข้อสรุปจากข้อมูลซึ่งมีการกระจายสุ่ม (เช่น ข้อผิดพลาดสังเกต การกระจายการชักตัวอย่าง) สถิติศาสตร์พรรณนาส่วนใหญ่ว่าด้วยชุดคุณสมบัติของการกระจายสองชุด ได้แก่ แนวโน้มสู่ส่วนกลางซึ่งมุ่งให้ลักษระค่ากลางหรือตรงแบบของการกระจาย ขณะที่การกระจายให้ลักษณะขอบเขตซึ่งสมาชิกของการกระจายอยู่ห่างจากส่วนกลางและสมาชิกอื่น การอนุมานสถิติศาสตร์คณิตศาสตร์กระทำภายใต้กรอบทฤษฎีความน่าจะเป็น ซึ่งว่าด้วยการวิเคราะห์ปรากฏการณ์สุ่ม ในการอนุมานปริมาณไม่ทราบค่า มีการประเมินค่าตัวประมาณค่าตั้งแต่หนึ่งตัวโดยใช้ตัวอย่าง สถิติศาสตร์แบ่งเนื้อหาออกเป็น สถิติ เซตและการให้เหตุผล (Set and reasoning) ตรรกศาสตร์ (logical) ความน่าจะเป็น (Probability) วิธีการวิจัย วิทยาศาสตร์รูปนัย ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สารสนเทศ
thaiwikipedia
918
ชุดของคำสั่งเครื่อง
ชุดของคำสั่งเครื่อง (instruction set) เป็นรายการของคำสั่งเครื่องและตัวแปรทั้งหมดที่โปรเซสเซอร์ (หรือถ้าเป็นเครื่องจักรเสมือน (virtual machine) จะเรียกว่า อินเตอร์พรีเตอร์) สามารถประมวลผลได้ โดยชุดคำสั่งนั้นอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหน่วยประมวลผลของระบบ ชุดของคำสั่งเครื่อง ประกอบไปด้วย คำสั่งพีชคณิต เช่น บวก ลบ เลื่อนหลัก วนรอบหลัก คำสั่งเชิงตรรกะ เช่น และ หรือ นิเสธ คำสั่งข้อมูล เช่น ย้ายค่า ป้อนค่า ส่งค่า อ่าน บันทึก คำสั่งการควบคุม เช่น ข้ามไปที่ ถ้า...ให้ไปที่ เรียกใช้รูทีน คืนกลับจากรูทีน ชุดคำสั่งเครื่อง หรือ สถาปัตยกรรมชุดคำสั่งเครื่อง (instruction set architecture) เป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรม, ประเภทข้อมูล, คำสั่ง, เรจิสเตอร์, การกำหนดที่อยู่, สถาปัตยกรรมหน่วยความจำ, อินเตอร์รัพท์ และการจัดการความผิดพลาด ตลอดจนอุปกรณ์ไอโอภายนอก ชุดคำสั่งเครื่องนี้ ยังเป็นการรวมชุดของคำสั่งเครื่อง (opcode) อันเป็นคำสั่งที่โปรเซสเซอร์สามารถนำไปทำงานต่อโดยตรง สถาปัตยกรรมชุดคำสั่งเครื่อง กับสถาปัตยกรรมระดับไมโครเป็นสิ่งที่แยกจากกันโดยชัดเจน โดยสถาปัตยกรรมระดับไมโครเป็นเทคนิคการออกแบบโปรเซสเซอร์ที่ใช้สำหรับการนำคำสั่งเครื่องไปใช้ ทำให้คอมพิวเตอร์ที่แม้จะทำงานด้วยสถาปัตยกรรมระดับไมโครที่แตกต่างกันก็ยังสามารถที่จะแลกเปลี่ยนชุดคำสั่งเครื่องพื้นฐานได้ ตัวอย่างเช่น โปรเซสเซอร์เพนเทียมของอินเทล และอาธลอน ของเอเอ็มดี จะใช้ชุดคำสั่งเครื่องตระกูล x86 แต่มีการออกแบบวงจรภายในที่แตกต่างกัน กล่าวคือ มีสถาปัตยกรรมระดับไมโครที่แตกต่างกันนั่นเอง แนวความคิดนี้สามารถนำไปต่อยอดเป็นชุดคำสั่งเครื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะได้หลายแบบ เช่น TIMI (Technology-Independent Machine Interface) ที่ใช้กันใน IBM System/38 และ IBM AS/400 สำหรับ TIMI นี้เป็นชุดคำสั่งเครื่องที่มีหน้าที่แปลงคำสั่งซอฟต์แวร์ระดับล่างให้เป็นคำสั่งเครื่องที่โปรเซสเซอร์แต่ละตัวสามารถทำงานได้ หรือที่ปัจจุบันเรียกกันตามหน้าที่การทำงานของมันว่า เครื่องจักรเสมือน (virtual machine) == ดูเพิ่ม == สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ RISC == แหล่งข้อมูลอื่น == Intel Instruction Set pages หน่วยประมวลผลกลาง ไมโครโพรเซสเซอร์ การประมวลผลคำสั่ง
thaiwikipedia
919
ค่าสถิติ
ค่าสถิติ (statistic) คือผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้กระบวนการทางสถิติกับกลุ่มข้อมูล ยกตัวอย่างเช่นในการคำนวณค่าเฉลี่ยเลขคณิต กระบวนการที่ใช้คือการรวมค่าของข้อมูลทั้งหมด และหารด้วยจำนวนข้อมูล ในกรณีนี้ เราเรียกค่าเฉลี่ยดังกล่าวว่า "ค่าสถิติ" (หรือหลายครั้งเรียกสั้นๆว่า "สถิติ") เพื่อความสมบูรณ์ในการใช้ค่าสถิติ ผู้ใช้ต้องอธิบายทั้งกระบวนการที่ใช้รวมถึงกลุ่มข้อมูลด้วย == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == สถิติศาสตร์ สถิติศาสตร์ ทฤษฎีทางสถิติ
thaiwikipedia
920
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ หรือ การจำแนกชั้นทางชีววิทยา (systematics) หมายถึงการจัดกลุ่มและหมวดหมู่สปีชีส์ของสิ่งมีชีวิต ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่สูญพันธุ์ไปแล้ว การจำแนกในยุคปัจจุบันอาศัยรากฐานจากระบบการจำแนกของคาโรลัส ลินเนียส นักพฤกษศาสตร์ผู้จัดกลุ่มสปีชีส์ต่าง ๆ โดยดูจากลักษณะเฉพาะทางกายภาพ การจัดกลุ่มแบบนี้ได้มีการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับหลักดาร์วิน ส่วนมากเป็นผลมาจากการศึกษาอนุกรมวิธานระดับโมเลกุลด้วยการวิเคราะห์จีโนม ในการแบ่งอย่างกว้าง ๆ จะแบ่งได้ 2 ระดับ คือ ลำดับขั้นสูงและลำดับขั้นต่ำ == ลำดับขั้นสูง == ลำดับขั้นสูง (major taxa) หมายถึง ลำดับขั้นที่พิจารณาได้จากลักษณะของสิ่งมีชีวิตโดยสังเขป สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในลำดับขั้นสูงเดียวกัน มีลักษณะบางอย่างคล้ายคลึงกันหรือมีลักษณะร่วมกันอย่างกว้างขวาง ลำดับขั้นสูงที่เล็กลงมาแสดงความคล้ายคลึงกัน หรือมีลักษณะร่วมกันแคบลงมาตามลำดับ ลำดับขั้นสูงทั้งหมดสามารถจัดเรียงลำดับ จากลำดับขั้นที่สูงที่สุดลงมาได้ ดังนี้ === โดเมน === โดเมน (domain, superkingdom, empire; regio, superregnum) เป็นระดับหรือหมู่ที่ใหญ่ที่สุดของสิ่งมีชีวิต ใช้ในการการจัดหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตในโลก โดยปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 โดเมนคือ โดเมนยูแคริโอต โดเมนอาร์เคีย และโดเมนแบคทีเรีย === อาณาจักร === อาณาจักร (kingdom; regnum) เป็นระดับหลักในปัจจุบัน ใช้ในการแบ่งสิ่งมีชีวิตในแต่ละโดเมนออกจากกัน ตามลักษณะทางกายภาพพื้นฐานอันสังเกตได้ แรกเริ่มเดิมทีใน ค.ศ. 1735 คาโรลัส ลินเนียส ได้แบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็น 3 พวก คืออาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์ และส่วนที่เหลือซึ่งไม่ได้จัดอันดับ ต่อมานักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังได้ศึกษาวิจัย และแบ่งจำแนกสิ่งมีชีวิตอย่างละเอียดขึ้น จนในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 10 อาณาจักร อันได้แก่ อาณาจักรพืช (Plantae), อาณาจักรสัตว์ (Animalia), อาณาจักรฟังไจ, อาณาจักรโพรทิสตา, อาณาจักรโครมาลวีโอลาตา, อาณาจักรเอกซ์คาวาตา (Excavata), อาณาจักรไรซาเรีย, อาณาจักรอะมีโบซัว, อาณาจักรอาร์คีแบคทีเรีย และอาณาจักรยูแบคทีเรีย === ไฟลัม/ส่วน === ไฟลัม หรือ ตอน (phylum) และ ส่วน หรือ หมวด (division; divisio) เป็นลำดับขั้นสูงที่รองลงมาจากอาณาจักร ใช้แบ่งส่วนย่อยของอาณาจักร ไฟลัมถือเป็นคำฐาน แต่ในวงแคบเราจะใช้คำว่าส่วนหรือหมวดในการจำแนกพืชและฟังไจ ไฟลัมที่สำคัญได้แก่ ไฟลัมสัตว์ขาปล้อง (Arthropoda), ไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง (Chordata), ส่วนพืชดอก (Magnoliophyta) สำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงบางพวก เช่น พืชและสัตว์บางพวก มีความซับซ้อนในการแบ่งย่อยในระดับไฟลัม ก็จะจัดอันดับไฟลัมใกล้เคียงกัน ขึ้นเป็นไฟลัมใหญ่และไฟลัมใหญ่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จะจัดอันดับรวมกันเป็นอาณาจักรย่อย ในทางเดียวกัน ไฟลัมที่มีสมาชิกในไฟลัมมาก จะจัดกลุ่มสมาชิกรวมกันเป็นไฟลัมย่อย และไฟลัมย่อยที่มีสมาชิกมาก ก็จัดกลุ่มรวมกันเป็นไฟลัมฐานตามลำดับ การตั้งชื่อไฟลัมนั้นหากเป็นไฟลัม (ส่วน) ของพืชหรือโครมาลวีโอลาตา จะลงปัจจัย (suffix) ว่า -phyta ส่วนฟังไจจะลงปัจจัย -mycota เช่น Magnoliophyta (พืชดอก) ส่วนอาณาจักรสัตว์ ไม่พบว่ามีการลงปัจจัยเป็นพิเศษ แต่มักลงท้ายด้วย -a เช่น Arthropoda ในไฟลัมย่อยก็มีการลงปัจจัยเช่นกัน แต่จะเปลี่ยนเป็น ลงปัจจัย -phytina ในพืชและโครมาลวีโอลาตา และลงปัจจัย -mycotina ในฟังไจ === ชั้น === ชั้น (class; classis) ใช้แบ่งส่วนย่อยของไฟลัมหรือไฟลัมย่อยออกเป็นกลุ่มย่อยลงมา ซึ่งสามารถเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น แต่ยังถือเป็นมุมกว้าง ๆ เช่น ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Mammalia) ชั้นนก (Aves) ชั้นแมลง (Insecta) ชั้นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก (Amphibia) ชั้นปลากระดูกอ่อน (Chondrichthyes) ชื่อของชั้นใช้ภาษาละติน และในพืชจะลงปัจจัยด้วย -opsida เช่น ชั้นพืชใบเลี้ยงคู่ (Magnoliopsida) และชั้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (Liliopsida) ส่วนในโครมาลวีโอลาตาลงปัจจัยว่า -phyceae เช่น ขณะที่ฟังไจลงปัจจัยด้วย -mycetes เช่น Agaricomycetes เป็นชั้นเห็ดชั้นหนึ่ง และแบคทีเรียลงปัจจัย -ia ส่วนในสัตว์ไม่พบการลงปัจจัยเป็นหลักมาตรฐาน === อันดับ === อันดับ หรือ ตระกูล (order; ordo) ใช้แบ่งชั้นหรือชั้นย่อยออกเป็นกลุ่มย่อยลงมา รูปธรรมจะชัดเจนและแบ่งแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าระดับชั้น เช่นชั้นนก อาจจะแบ่งออกได้เป็น อันดับนกเกาะคอน (Passeriformes) อันดับไก่ (Galliformes) และอีกหลาย ๆ อันดับ ในทางเดียวกัน ชั้นพืชใบเลี้ยงคู่ ก็อาจแบ่งย่อยลงได้เป็น แอสทีราเลส หรืออันดับแอสเตอร์ (Asterales) ไมยร์ทาเลส หรืออันดับหว้า (Myrtales) แซพินเดลิส หรืออันดับเงาะ (Sapindales) เป็นต้น การตั้งชื่ออันดับจะนิยมลงปัจจัยด้วย -ales ดังตัวอย่างข้างต้น si === วงศ์ === วงศ์ (family; familia) เป็นลำดับขั้นสูงที่เล็กที่สุด มีการแบ่งเฉพาะเจาะจงในรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น ชื่อของวงศ์ใช้ภาษาละตินมักลงท้ายด้วย -aceae ในพืช โครมาลวีโอลาตา ฟังไจ และแบคทีเรีย ส่วนในอาณาจักรสัตว์จะลงท้ายด้วย -idae สิ่งมีชีวิตในแต่ละวงศ์ประกอบด้วยสมาชิกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน นั่นคือ สิ่งมีชีวิตในสกุลต่างกัน แต่อยู่ในวงศ์เดียวกันจะมีส่วนที่ใกล้เคียงกัน มักเป็นลักษณะตามระบบธรรมชาติที่แสดงความเกี่ยวพันทางวิวัฒนาการ แต่บางวงศ์เป็นลักษณะตามระบบเสริมธรรมชาติ เพียงอาศัยความสะดวกในการจัดเท่านั้น ในพืชชั้นสูงอาศัยลักษณะที่ใช้ในการจัดวงศ์ จากลักษณะโครงสร้างทางลำต้น และทางการสืบพันธุ์ที่สามารถถ่ายทอดได้ ได้แก่ นิสัยการเจริญเติบโต การเรียงใบ การเกิดเพศดอกบนต้น ชนิดช่อดอก สมมาตรดอก จำนวนกลุ่มของเกสรตัวผู้ จำนวนและการเชื่อมติดกันของเกสรตัวเมีย ตำแหน่งรังไข่ ตำแหน่งไข่อ่อน ชนิดรก ชนิดผลไม้ และคัพภวิทยา พืชบางตระกูลมีลักษณะบางประการที่บ่งชี้ชัดเจน เช่น วงศ์ทานตะวัน (Compositae) มีช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น (head, capitulum) ส่วนในวงศ์ผักชี (Umbelliferae) มีช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (umbel) และผลแยกแล้วแตก (schizocarp) และวงศ์ก่วม (Aceraceae) มีผลแยกแล้วแตกและมีปีก (winged schizocarp) แต่ในวงศ์กุหลาบ (Rosaceae) มีผลแตกต่างไปตามวงศ์ย่อย สิ่งมีชีวิตแต่ละตระกูลอาจมีสมาชิกมากน้อยเพียงใดก็ได้ เช่น วงศ์ทานตะวัน วงศ์กล้วยไม้ เป็นวงศ์ใหญ่ที่สุดวงศ์หนึ่งของอาณาจักรพืช มีสมาชิกประมาณ 22,000 ชนิด ส่วนวงศ์ Leitneriaceae มีสมาชิก 1 สกุล และ 1 ชนิด บางครั้งนำไปรวมไว้กับวงศ์มะยมป่า (Simaroubaceae) และในบางครั้งที่สกุลใด ๆ มีลักษณะอันแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนกับวงศ์ที่สังกัดอยู่ ก็จะมีการแบ่งวงศ์ออกมาใหม่ เช่น วงศ์นกเขียวก้านตอง (Chloropsis) และวงศ์นกแว่นตาขาว แยกออกมาจากวงศ์นกเขียวคราม === เผ่า === เผ่า (tribe; tribus) เป็นลำดับการจำแนกที่ไม่ใช่ลำดับการจำแนกหลัก จะนิยมนำมาใช้ในการแบ่งวงศ์ขนาดใหญ่ โดยจะแบ่งเป็นวงศ์ย่อยก่อน และหากวงศ์ย่อยยังมีขนาดใหญ่จึงจะแบ่งออกเป็นเผ่า ชื่อของเผ่าใช้ภาษาละตินและลงปัจจัย -eae สำหรับพืช โครมาลวีโอลาตา ฟังไจ และแบคทีเรีย ส่วนอาณาจักรสัตว์ ลงปัจจัย -ini เช่น ตระกูลย่อยของส้ม (Aurantioideae) แบ่งออกเป็น 2 เผ่า คือ Citreae และ Clauseneae == ลำดับขั้นต่ำ == ลำดับขั้นต่ำ (minor taxa) หมายถึง ลำดับขั้นที่สิ่งมีชีวิตแสดงความคล้ายคลึงกันมากขึ้น หรือมีลักษณะร่วมกัน แคบลงมากกว่าลำดับขั้นสูง นับเป็นลำดับขั้นที่สำคัญมากและใช้สำหรับชื่อทั่วไปของสิ่งมีชีวิต นักจัดจำพวกจะทำงานกับลำดับขั้นต่ำมากกว่าลำดับขั้นสูง ลำดับขั้นต่ำทั้งหมดสามารถจัดเรียง ลำดับจากลำดับขั้นที่สูงที่สุดลงมาได้ ดังนี้ === สกุล === สกุล (genus) เป็นลำดับขั้นต่ำที่รองลงมาจากวงศ์ สิ่งมีชีวิตแต่ละวงศ์ประกอบด้วยสมาชิกหนึ่งสกุลหรือมากกว่า สิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่อยู่ในสกุลเดียวกันมักมีโครงสร้างทางกายภาพที่เหมือนกัน 2–3 ลักษณะ การเรียกชื่อสิ่งมีชีวิตในระดับขั้นต่ำประกอบด้วยชื่อ 2 คำ หรือชื่อทวินาม (binomial nomenclature) ชื่อคำแรกเป็นชื่อสกุลและชื่อคำหลังเป็นชื่อชนิด เช่น นกเขียวก้านตองปีกสีฟ้า (Chloropsis cochinchinensis) เป็นชนิด (สปีชีส์) ของสกุลนกเขียวก้านตอง (Chloropsis) ชื่อสกุลใช้ภาษาละตินโดยไม่มีการลงปัจจัยต่อท้าย แต่ต้องขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่และชื่อเป็นเอกพจน์เสมอ สกุลอาจมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้ บางสกุลมีสมาชิกเพียงชนิดเดียวเรียกว่า monotypic genus เช่น Leitneria มีสมาชิกเพียงชนิดเดียว คือ L. floridana ขณะที่ Senecio ในวงศ์ทานตะวัน มีสมาชิก 2,000–3,000 ชนิด ชื่อสกุลในอาณาจักรหนึ่งสามารถซ้ำกับชื่อสกุลหรือชื่อในอนุกรมวิธานของอาณาจักรอื่นได้ ตัวอย่างเช่น Aotus เป็นชื่อสกุลของถั่วและลิง เป็นต้น แต่ชื่อสกุลในอาณาจักรหนึ่ง ๆ ต้องห้ามซ้ำกัน === ชั้น === ชั้น (section) ใช้แบ่งส่วนย่อยของสกุล เมื่อสิ่งมีชีวิตเป็นกลุ่มใหญ่และมีความซ้ำซ้อนมาก เช่น Lepidoploa, Caninae === อนุกรม === อนุกรม (series) ใช้แบ่งส่วนย่อยของสกุล เช่น verae เป็นลำดับที่มีความสำคัญค่อนข้างน้อย === สปีชีส์ === สปีชีส์ หรือ ชนิด (species) คือกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกันมากจนแยกออกจากกันได้ยาก สปีชีส์หรือชนิด เป็นหน่วยพื้นฐานของการศึกษาการจัดจำพวก ลำดับขั้นนี้ ได้รับการศึกษามากกว่าลำดับขั้นอื่นใด ชนิด หมายถึง หน่วยตามธรรมชาติที่มีขนาดเล็กที่สุดของประชากร สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ประกอบด้วยกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเบื้องต้นคล้ายคลึงกัน และความคล้ายคลึงกันนี้แตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตกลุ่มอื่น และหากมีการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ จะเกิดการพัฒนาในอีกแขนงหนึ่งและกลายเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นในที่สุด ชนิดหรือสปีชีส์ ที่มีลักษณะปลีกย่อยต่างกัน มักจะแบ่งออกเป็นชนิดย่อยหรือซับสปีชีส์ (subspecies) === พันธุ์ === พันธุ์ (variety สำหรับพืช; breed สำหรับสัตว์) ใช้กับประชากรของสิ่งมีชีวิตเฉพาะ พืช และสัตว์ ที่เกิดการแปรผัน อันเนื่องมาจากสภาพภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ หรือนิเวศวิทยา สิ่งมีชีวิตมีการปรับตัวต่อการแปรผันนั้น ซึ่งมีผลทำให้ลักษณะทางพันธุกรรมเปลี่ยนแปลงไป และแสดงออกมาทางลักษณะสัณฐานวิทยาและสรีรวิทยาเรียกว่า รูปแบบตามนิเวศ (ecotype) ลำดับขั้นนี้มี 2 ลักษณะตามข้อคิดเห็นที่เป็น 2 แบบ คือ ==== พันธุ์ทางวิทยาศาสตร์ ==== เป็นลำดับขั้นรองลงมาจากชนิดย่อย ชื่อของพันธุ์ทางพฤกษศาสตร์ใช้ภาษาละติน ใช้เขียนต่อท้ายชื่อทวินาม และมีคำย่อของคำว่า พันธุ์ (var.) อยู่ด้วย ทำให้มีชื่อเป็น 3 คำ หรือตรีนาม (trinomial) ใช้แสดงการแปรผันทางสัณฐานวิทยาที่มองเห็นได้ยาก การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ นิเวศวิทยา และนิสัยการเจริญเติบโต เช่น ท้อไม่มีขน (Prunus Persica var. nucipersica) ชมพู่มะเหมี่ยว (Eugenia malaccensis var. purpurea) โดยในการเขียนจะใช้ตัวเอียง เพื่อบ่งว่าเป็นชื่อพันธุ์ทางวิทยาศาสตร์ ==== พันธุ์แบบสามัญ ==== เป็นลำดับขั้นรองลงมาจากชนิดย่อยเช่นเดียวกันแต่ไม่ใช้ภาษาละติน ใช้เขียนต่อท้ายชื่อทวินาม และมีคำว่า พันธุ์ (var.) เช่นเดียวกัน โดยชื่อสิ่งมีชีวิตนั้นยังคงเป็นลักษณะของชื่อทวินามเหมือนเดิม เช่น ส้มวาเลนเซีย (Citrus sinensis var. Valencia) กรณีที่เป็นพันธุ์ผสมตามธรรมชาติก็ใช้ var. แบบเดียวกัน มะพร้าวสวีลูกผสม 1 (Cocos nucifera var. Swee1) แต่หากเป็นพันธุ์ผสมแบบปรับปรุงสายพันธุ์จะใช้ตัวย่อ cv. (Cultivated Variety) เช่น ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (Oryza sativa L. cv. Khao Dowk Mali 105 หรือ Oryza sativa cv. KDML 105) และการผสมข้ามสายพันธุ์จะใช้คำกำกับว่า Hybrid และใช้อัญประกาศเดี่ยวกำกับชื่อพันธุ์ เช่น บัวศรีวิชัย (Nymphaea Hybrid 'Srivijaya') === รูป === รูป หรือ แบบ (form; forma) ใช้กับพืช เป็นลำดับขั้นต่ำที่ต่ำที่สุด แสดงถึงลักษณะที่แปรผันของลักษณะสัณฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ในพืชแต่ละต้นของประชากรหนึ่ง ๆ เช่น สีดอก สีผล สีที่เปลี่ยนไปเนื่องจากการผ่าเหล่า และมักใช้เป็นคำนำหน้าคำเดิม ตัวอย่างลักษณะสีผล เช่น Red Jonathan, Red Bartlett, Red Delicious, Golden Delicious === สายต้น === สายต้น (clone, individual) ใช้เรียกชื่อพืชที่มีการขยายพันธุ์โดยไม่ใช้เพศ == ลำดับขั้นที่ใช้ทางอนุกรมวิธาน == ยกตัวอย่างสปีชีส์ Acanthosquilla sirindhorn Superregnum: Eukaryota Regnum: Animalia Subregnum: Eumetazoa Cladus: Bilateria Cladus: Nephrozoa Cladus: Protostomia Cladus: Ecdysozoa Cladus: Panarthropoda Phylum: Arthropoda Subphylum: Crustacea Classis: Malacostraca Subclassis: Hoplocarida Ordo: Stomatopoda Subordo: Unipeltata Superfamilia: Lysiosquilloidea Familia: Nannosquillidae Genus: Acanthosquilla Species: Acanthosquilla sirindhorn == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == เกศิณี ระมิงค์วงศ์. การจัดจำแนกไม้ผล -- เชียงใหม่: ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2546. การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
thaiwikipedia
921
การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer programming) หรือเรียกให้สั้นลงว่า การเขียนโปรแกรม (Programming) หรือ การเขียนโค้ด (Coding) เป็นขั้นตอนการเขียน ทดสอบ และดูแลซอร์สโค้ดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งซอร์สโค้ดนั้นจะเขียนด้วยภาษาโปรแกรม ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมต้องการความรู้ในหลายด้านด้วยกัน เกี่ยวกับโปรแกรมที่ต้องการจะเขียน และขั้นตอนวิธีที่จะใช้ ซึ่งในวิศวกรรมซอฟต์แวร์นั้น การเขียนโปรแกรมถือเป็นเพียงขั้นหนึ่งในวงจรชีวิตของการพัฒนาซอฟต์แวร์ การเขียนโปรแกรมจะได้มาซึ่งซอร์สโค้ดของโปรแกรมนั้นๆ โดยปกติแล้วจะอยู่ในรูปแบบของ ข้อความธรรมดา ซึ่งไม่สามารถนำไปใช้งานได้ จะต้องผ่านการคอมไพล์ตัวซอร์สโค้ดนั้นให้เป็นภาษาเครื่อง (Machine Language) เสียก่อนจึงจะได้เป็นโปรแกรมที่พร้อมใช้งาน การเขียนโปรแกรมถือว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่างศาสตร์ของ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ วิศวกรรม เข้าด้วยกัน == ภาษาโปรแกรม == ภาษาโปรแกรมแต่ละภาษาจะมีลักษณะหรือรูปแบบการเขียนที่แตกต่างกัน การเลือกภาษาโปรแกรมหรือภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาเขียนโปรแกรมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่นนโยบายของบริษัท, ความเหมาะสมของโปรแกรมกับลักษณะงานที่จะถูกนำไปใช้, การเข้ากันได้กับโปรแกรมอื่น ๆ, หรืออาจเป็นความถนัดของแต่ละคน ภาษาโปรแกรมที่มีแนวโน้มในการนำมาเขียนมักเป็นภาษาที่มีคนที่สามารถเขียนได้ทันที หรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ภาษาอื่น เช่นต้องการเน้นประสิทธิภาพในการทำงานของโปรแกรม ก็อาจจำเป็นต้องหานักเขียนโปรแกรมขึ้นมาจำนวนหนึ่งซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในภาษาโปรแกรมที่ต้องการ และองมีคอมไพเลอร์ที่รองรับภาษาเหล่านั้นด้วย == ลิขสิทธิ์ทางปัญญา == การเขียนโปรแกรม หรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาหรือผู้เขียนโปรแกรมหรือบริษัทซอฟต์แวร์ ที่เป็นเจ้าของซอร์สโค้ดของโปรแกรมนั้นๆ โปรดดูรายละเอียดในเรื่อง ลิขสิทธิ์ == สาขาวิชาที่มีการเรียนการสอนการเขียนโปรแกรม == วิศวกรรมซอฟต์แวร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เพื่อธุรกิจ การจัดการสารสนเทศ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบสารสนเทศทางคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ศึกษา วิศวกรรมไฟฟ้า == ดูเพิ่ม == การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ Extreme programming นักเขียนโปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์ == อ้างอิง == การเขียนโปรแกรม
thaiwikipedia
922
CG
CG หรือ cg สามารถหมายถึง คอมพิวเตอร์กราฟิกส์ หรือ คอมพิวเตอร์กราฟิกส์ (computer graphics) ศูนย์กลางมวล (center of gravity) สาธารณรัฐคองโก รหัส ISO ของประเทศ
thaiwikipedia
923
กลุ่มดาวปู
กลุ่มดาวปู หรือ กลุ่มดาวกรกฎ (♋) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี มีขนาดเล็กและไม่สว่าง อยู่ระหว่างกลุ่มดาวคนคู่ทางทิศตะวันตก และกลุ่มดาวสิงโตทางทิศตะวันออก ทางเหนือคือกลุ่มดาวแมวป่า ทางใต้ คือ กลุ่มดาวหมาเล็กและกลุ่มดาวงูไฮดรา กลุ่มดาว กลุ่มดาวปู
thaiwikipedia
924
วิดีโอเกม
วิดีโอเกม (video game) คือ เครื่องเกมอิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์ใช้ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (user interface) ส่งผลการกระทำ (input) กลับเข้าไปยังหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processor Unit) ในตัวเครื่อง ให้คิดคำนวณแล้วแสดงผลโต้ตอบกลับมาด้วย แสง-เสียง-การสั่น-หรือภาพบนจอภาพ วิดีโอ คำว่า วิดีโอ ในวิดีโอเกม แต่เดิมหมายถึงอุปกรณ์แสดงภาพแบบแรสเตอร์ แต่ปัจจุบันสามารถใช้เรียกอุปกรณ์แสดงภาพใด ๆ ก็ได้ที่สร้างภาพสองมิติหรือสามมิติขึ้นมา ตัวอย่างเช่นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเครื่องเล่นวิดีโอเกม อุปกรณ์เหล่านี้เป็นไปได้ตั้งแต่เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงอุปกรณ์มือถือขนาดเล็ก วิดีโอเกมแบบเฉพาะอย่างเช่น เกมตู้ เคยมีแพร่หลายในอดีต แต่ปัจจุบันค่อย ๆ มีใช้น้อยลง วิดีโอเกมได้พัฒนาไปจนกลายเป็นอุตสาหกรรมและงานศิลปะ อุปกรณ์นำข้อมูลเข้าเป็นที่ใช้กันในการบังคับวิดีโอเกมเรียกว่า อุปกรณ์ควบคุมเกม (game controller) และแตกต่างกันไปในเครื่องเล่นแบบต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ควบคุมอาจประกอบด้วยเพียงแค่ปุ่มกดและก้านควบคุม (joystick) หรืออาจมีปุ่มกดถึงสิบปุ่ม และอาจจะมีมากกว่าหนึ่งก้านควบคุมก็ได้ เกมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยุคแรกจำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดในการเล่นเกม หรือต้องการให้ผู้ใช้ซื้อก้านควบคุมที่มีปุ่มกดอย่างน้อยหนึ่งปุ่มด้วย เกมคอมพิวเตอร์สมัยใหม่จำนวนมากให้ผู้เล่นหรือต้องการให้ผู้เล่นใช้คีย์บอร์ดควบคู่ไปกับเมาส์ อุปกรณ์ควบคุมเกมที่พบได้บ่อยกันคือ เกมแพด เมาส์ คีย์บอร์ด และก้านควบคุม ในหลายปีที่ผ่านมานี้ มีวิธีการนำข้อมูลเข้าเพิ่มเติมเช่น การให้ผู้เล่นสังเกตการณ์ในเครื่องเล่นที่ใช้กล้อง และระบบจอสัมผัสบนโทรศัพท์มือถือ วิดีโอเกมโดยทั่วไปใช้วิธีการเพิ่มเติมมากมายเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์และสารสนเทศให้กับผู้เล่น เสียงออดิโอในวิดีเกมนั้นเกือบจะเป็นสากล คือใช้อุปกรณ์ผลิตเสียง อย่างเช่น ลำโพง และหูฟัง ผลป้อนกลับอาจมาจากอุปกรณ์ต่อพ่วงสัมผัส (haptic peripheral) เช่นระบบการสั่น หรือผลป้อนกลับโดยใช้กำลัง (force feedback) บางครั้งการสั่นใช้กระตุ้นผลป้อนกลับแบบใช้กำลัง ผู้เล่นบางส่วนเชื่อว่าวิดีโอเกมสามารถพัฒนาทักษะทางจิตใจได้ == ประวัติศาสตร์ของวิดีโอเกม == เกมที่ถือได้ว่าเป็นเกมส์ตัวแรกที่เกิดขึ้นบนโลกนั้นมีชื่อว่า ป็อง (Pong) เป็นลักษณะคล้ายกับเกมส์ปิงปอง กล่าวคือ มีแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ทั้ง 2 ด้านซ้าย-ขวา เอาไว้ตีลูกวงกลมโต้กันไปมา คล้าย ๆ กับการเล่นปิงปอง == ประเภทของวิดีโอเกม == แบ่งลักษณะ ได้ตามการเล่นออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ ดังนี้ === เกมแอคชั่น === เกมแอคชั่น (Action Game) เป็นประเภทเกมที่ใช้การบังคับทิศทางและการกระทำของตัวละครในเกมเพื่อผ่านด่านต่าง ๆ ไปให้ได้ มีตั้งแต่เกมที่มีรูปแบบง่าย ๆ เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เช่น มาริโอ ร็อคแมน ไปจนถึงเกมแอ็กชันที่มีเนื้อหารุนแรงไม่เหมาะกับเด็ก ๆ บางเกมมีการใส่ลูกเล่นต่าง ๆ เข้ามาเพิ่มความสนุกของเกมจนกลายเป็นเกมแนวใหม่ไปเลยเช่น War Thunder เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First Person Shooter) เป็นเกมแอ็กชันที่ให้ผู้เล่นสวมบทบาทผ่านมุมมองจากสายตาตัวละครตัวหนึ่ง แล้วต่อสู้ผ่านด่านต่าง ๆ ไปจุดเด่นของเกมประเภทนี้คือเหตุการณ์ทุก ๆ อย่างจะผ่านสายตาของผู้เล่นทั้งหมด ผู้เล่นจะไม่เห็นตัวเอง เกมประเภทนี้มักจะเน้นแอ็กชันซึ่ง ๆ หน้า และเน้นที่อารมณ์ของตัวผู้เล่นและความรู้สึกสมจริง ทำให้เกมประเภทนี้มักจะเป็นเกมที่มีความรุนแรงสูง เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Half-Life, Doom, Crysis, Battlefield, Brother in Arms, Call of Duty เกมยิงมุมมองบุคคลที่สาม (Third Person Shooter) เป็นเกมแอ็กชันลักษณะคล้าย ๆ กับ First Person Shooter แต่จะต่างตรงที่เกมประเภทนี้ผู้เล่นจะได้มุมมองจากด้านหลังของตัวละครแทน เกมประเภทนี้มักจะเน้นการเคลื่อนไหวเป็นสำคัญ เพราะผู้เล่นมองเห็นตัวละครที่ควบคุม และเกมประเภทนี้มักจะมีปริศนาในเกมสอดแทรกเป็นระยะ ๆ เช่น ปริศนาดันลังหรือปริศนาประเภทกระโดดข้าม (หรืออาจจะไม่มีขึ้นอยู่กับลักษณะของเกม) เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Grand Theft Auto, Tomb Rider, Hitman, Splinter Cell, Saint Row เกมแพลตฟอร์ม (Platformer) เป็นเกมแอ็กชันพื้นฐาน ที่วางฉากไว้บนพื้นที่ขนาดหนึ่ง และให้ผู้เล่นผ่านเกมไปให้ได้ทีละด่าน ๆ โดยส่วนมากมักจะเน้นให้ผู้เล่นกระโดดข้ามฝั่งจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง มักจะเป็นเกมแบบ2 มิติและมีการควบคุมแค่เดินซ้ายกับขวา เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Kirby, Contar, Metal Slug Stealth-based game คือเกมแอ็กชันที่ไม่เน้นการบุกตะลุย แต่ใช้การหลอกล่อฝ่ายศัตรูเพื่อผ่านอุปสรรคไปให้ได้หรือการลอบเร้น เกมประเภทนี้โดยส่วนมากผู้เล่นต้องมีความอดทนสูงพอและต้องสามารถอ่านการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ เกมประเภทนี้ตัวละครเอกมักจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเกมแบบ First Person Shooter และไม่มีอาวุธยุโธปกรณ์มากพอใช้ต่อสู้ได้ แต่อย่างไรก็ดีเกมหลาย ๆ เกมได้นำคุณลักษณะของ Stealth-based game ไปเสริมในเกมก็มี เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Tenchu, Metal Gear Solid, Splinter Cell Action Adventure Game เป็นลักษณะเกมแอ็กชันที่มีการผสานการไขปริศนาและการรวบรวมสิ่งของเหมือนเกมผจญภัย เกมบางเกมยังผสมลักษณะของอาร์พีจีลงไปด้วย เกมประเภทนี้ยังแตกแขนงเป็น Survival/Horror ซึ่งจะสมมติสถานการณ์สยองขวัญขึ้นมาเพื่อให้ผู้เล่นเอาชีวิตรอดไปให้ได้หรือไม่ก็ตาย เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ เรซิเดนต์อีวิล, ICO, แชโดว์ออฟเดอะโคลอสซัส,minecraft === เกมเล่นตามบทบาท === เกมเล่นตามบทบาท (Role-Playing Game) หรือ อาร์พีจี (RPG) หรือที่นิยมเรียกกันว่าเกมภาษา เป็นเกมที่พัฒนามาจากเกมสวมบทบาทแบบตั้งโต๊ะ เนื่องจากในช่วงแรกเกมอาร์พีจีที่ออกมาจะเป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่นซึ่งต้องใช้ความรู้ด้านภาษานั้น ๆ ในการเล่น เกมประเภทนี้จะกำหนดตัวผู้เล่นอยู่ในโลกที่สมมติขึ้น และให้ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นตัวละครหนึ่งในโลกนั้น ๆ ผจญภัยไปตามเนื้อเรื่องที่กำหนด โดยมีจุดเด่นทางด้านการพัฒนาระดับของตัวละคร (Experience-ประสบการณ์) เก็บเงินซื้ออาวุธ, อุปกรณ์ เมื่อผจญภัยไปมากขึ้นและเอาชนะศัตรูตัวร้ายที่สุดในเกม ตัวเกมไม่เน้นการบังคับหวือหวา แต่จะให้ผู้เล่นสัมผัสกับเรื่องราวแทน เกม RPG จะถูกแบ่งออกเป็นสองลักษณะใหญ่ ๆ คือ Computer RPG เป็นเกมอาร์พีจีบนเครื่องคอมพิวเตอร์ จุดเด่นของเกมประเภทนี้มักจะไม่เน้นที่เรื่องราว แต่จะเน้นที่การให้ผู้เล่นสร้างตัวละครอย่างเสรีแล้วออกไปผจญภัยในโลกของเกม เกมอาร์พีจีบนคอมพิวเตอร์มักจะเป็นอาร์พีจีของประเทศในแถบตะวันตก เกมประเภทนี้จะมีคุณค่าในการเล่นซ้ำที่สูงมาก เพราะผู้เล่นสามารถนำกลับมาเล่นและเปลี่ยนลักษณะของตัวละครได้ตามใจชอบ เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Diablo, The Elder Scrolls, Titan Quest Console RPG เป็นเกมอาร์พีจีบนเครื่องคอนโซล จุดเด่นของเกมประเภทนี้อยู่ที่เรื่องราวทั้งหลาย เกมประเภทนี้มักจะมีตัวละครที่สร้างไว้อยู่แล้วและให้ผู้เล่นเข้าไปควบคุมตัวละครตัวนั้น เกมประเภทนี้มักจะเน้นเรื่องราวที่ตายตัวแต่จะเป็นเรื่องราวที่ลึกซึ้ง เกมประเภทนี้ส่วนมากจะเป็นเกมฝั่งตะวันออกซะส่วนใหญ่ เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ ไฟนอลแฟนตาซี, ดราก้อนเควสต์, คิงดอมฮารตส์, โรแมนซิ่ง ซา-ก้า นอกจากนั้นเกมเล่นตามบทบาททั้งบนคอมพิวเตอร์และคอนโซลยังแบ่งย่อยออกได้อีกเป็น Action RPG คือเกมอาร์พีจีที่เพิ่มส่วนของการบังคับแบบเกมแอ็กชันลงไป ซึ่งโดยส่วนมากเกมประเภทนี้จะเป็นเกมอาร์พีจีที่มีส่วนผสมของแอ็กชัน (ไม่ใช่เกมแอ็กชันที่ผสมอาร์พีจี) เพราะส่วนมากเกมประเภทนี้ผู้เล่นต้องเก็บค่าประสบการณ์, เลเวล, อาวุธและชุดเกราะ เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ ไซเคน เดนเสทสึ Simulation RPG คือเกมอาร์พีจีที่มีการเล่นในแบบของการวางแผนการรบ โดยส่วนมากมักจะเป็นเกมวางแผนปกติแต่จะเน้นในส่วนของการเก็บค่าประสบการณ์, เลเวล และบางเกมยังมีการซื้อขายของแบบเกม RPG โดยส่วนมากเกมประเภทนี้มักจะเป็นเกมผลัดกันเดิน แต่จะต่างจากเกม Turn-Based Stategy ตรงที่เกมประเภทนี้จะมีปริมาณยูนิตในสนามรบน้อยกว่า Turn-Based Strategy และตัวละครสามารถติดตั้งอาวุธแบบเกมอาร์พีจีทั่ว ๆ ไปได้ เกมประเภทนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า Tactical Role-playing Game เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ ซูเปอร์โรบ็อตไทเซ็น, ซากุระไทเซ็น, ไฟนอลแฟนตาซี แทกติกส์, Tactics Ogre, ไฟร์เอมเบลม === เกมผจญภัย === เกมผจญภัย (Adventure Game) เป็นเกมที่ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวหนึ่งและต้องกระทำเป้าหมายในเกมให้สำเร็จลุล่วงไปได้ เกมผจญภัยนั้นถูกสร้างครั้งแรกในรูปแบบของ Text Based Adventure จนกลายมาเป็นแบบ Graphic Adventure เกมผจญภัยจะเน้นหนักให้ผู้เล่นหาทางออกหรือไขปริศนาในเกม โดยส่วนมากปริศนาในเกมจะเน้นใช้ตรรกะแก้ปัญหาและใช้สิ่งของที่ผู้เล่นเก็บมาระหว่างผจญภัย นอกจากนั้นผู้เล่นยังคงต้องพูดคุยกับตัวละครตัวอื่น ๆ ทำให้เกมประเภทนี้ผู้เล่นต้องชำนาญด้านภาษามาก ๆ เกมผจญภัยส่วนมากมักจะไม่มีการตายเพื่อให้ผู้เล่นได้มีเวลาวิเคราะห์ปัญหาข้างหน้าได้ หรือถ้ามีการตายในเกมผจญภัยมักจะถูกวางไว้แล้วว่าผู้เล่นจะตายตรงไหนได้บ้าง เกมผจญภัยมีรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้ Text Based Adventure เป็นเกมผจญภัยที่ใช้พื้นฐานของการพิมพ์เป็นสำคัญ โดยเมื่อผู้เล่นต้องการทำอะไรก็ต้องพิมพ์เพื่อให้ตัวละครในเกมกระทำตาม (เช่นพิมพ์ Talk เมื่อต้องการคุย พิมพ์ Look เมื่อต้องการมอง) แต่หลังจากที่คอมพิวเตอร์ก้าวสู้ยุคของเมาส์ เกมผจญภัยประเภทพิมพ์ก็หมดความนิยมลง เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Zork Graphical Adventure หรือ Point 'n Click Adventure เป็นเกมผจญภัยที่ใช้รูปภาพหรือตัวคนจริง ๆ มาแสดงในหน้าจอให้ผู้เล่นได้ใช้สายตาในการมองหาวัตถุรอบข้าง เกมประเภทผู้เล่นมักจะต้องกระทำสิ่งที่เรียกว่า Pixel Hunting หรือก็คือการเลื่อนเมาส์ไปทั่วหน้าจอเพื่อหาจุดผิดปกติหรือสิ่งของภายในเกม ในปัจจุบันเกมผจญภัยประเภทนี้ใช้เรียกเกมผจญภัยในปัจจุบันทุกเกม Puzzle Adventure เป็นเกมผจญภัยที่เน้นการไขปริศนาในเกม โดยจะตัดทอนรายละเอียดเช่นการเก็บของหรือการคุยกับบุคคลอื่นลงไป เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Myst === เกมปริศนา === เกมปริศนา (Puzzle Game) เป็นเกมแนวที่เล่นได้ทุกวัย ตัวเกมมักจะเน้นการแก้ปริศนา ปัญหาต่าง ๆ มีตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงซับซ้อน ในอดีตตัวเกมมักนำมาจากเกมปริศนาตามนิตยสาร เช่นเกมตัวเลข เกมอักษรไขว้ ต่อมาจึงมีเกมปริศนาที่เล่นบนคอมพิวเตอร์อย่างเกมเตตริสออกมา ปัจจุบันมีเกมแนวพัซเซิลแบบใหม่ ๆ ออกมามากมาย เกมแนวนี้เป็นเกมที่เล่นได้ทุกยุคทุกสมัย จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นผู้เล่นบางคนยังติดใจกับเกมเตตริส เกมอาร์คานอยด์ ไปจนถึงเกมพัซเซิลใหม่ ๆ อย่าง Polarium และ Puzzle Bubble เกมปริศนาเป็นเกมที่ไม่เน้นเรื่องราวแต่จะเน้นไปที่ความท้าทายให้ผู้เล่นกลับมาเล่นซ้ำ ๆ ในระดับที่ยากขึ้น === เกมการจำลอง === เกมการจำลอง (Simulation Game) เป็นเกมประเภทที่จำลองสถานการณ์ต่าง ๆ มาให้ผู้เล่นได้สวมบทบาทเป็นผู้อยู่ในสถานการณ์นั้น ๆ และตัดสินใจในการกระทำเพื่อลองดูว่าจะเป็นอย่างไร เหตุการณ์ต่าง ๆ อาจจะนำมาจากสถานการณ์จริงหรือสถานการณ์สมมติก็ได้ เกมแนวนี้แยกเป็นประเภทย่อยได้อีก เช่น Virtual Simulation จะจำลองการควบคุมเสมือนจริงของสิ่งต่าง ๆ เช่น การขับรถยนต์ การขับเครื่องบิน ขับรถไฟ ควบคุมรถยกของ เป็นต้น โดยส่วนมากเกมประเภทนี้มักจะจำลองรายละเอียดต่าง ๆ ให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะจำลองได้ เกมประเภทนี้นอกจากใช้เล่นเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้การควบคุมต่าง ๆ ได้ เกมประเภทนี้ที่มีชื่อเสียง เช่น แกรนทัวริสโม เป็นต้น นอกจากนั้นเกมประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นยานพาหนะ อาจจะเป็นการจำลองสถานการณ์ เช่น ไฟไหม้ ก็เป็นได้ Tycoon หรือ Business Simulation เป็นเกมจำลองการบริหารธุรกิจ ผู้เล่นจะได้บริหารธุริกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีทั้งแบบผิวเผิน (วางตำแหน่งสิ่งของ, จ้างพนักงาน) จนไปถึงระดับลึก (ควบคุมการทำงานของพนักงาน, ซื้อ/ขายหุ้น) เกมประเภทนี้มักจะมีคำว่า Tycoon ต่อท้ายชื่อเกม เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Theme Hospital, Theme Park, Transport Tycoon, Zoo Tycoon, Railroad Tycoon Situation Simulation จะจำลองเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลาหนึ่งมาให้ผู้เล่นได้เล่นเป็นตัวเองในสถานการณ์นั้น เช่นเกม Derby Stalion ที่ให้ผู้เล่นเป็นเจ้าของคอกม้า, เกมซิมซิตี ที่ให้ผู้เล่นเป็นนายกเทศมนตรี มีอำนาจสร้างและควบคุมระบบสาธารณูปโภคในเมือง เป็นต้น Life Simulation คือเกมจำลองชีวิต โดยผู้เล่นมักจะได้ควบคุมตัวละครตัวหนึ่ง หรือครอบครัวหนึ่ง แล้วใช้ชีวิตปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น ทานข้าว, อาบน้ำ, ทำงานหาเงิน ฯลฯ เกมประเภทนี้ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวละครทั้งที่เป็นมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ก็ได้ เกมประเภทนี้ที่มีชื่อเสียง เช่น เดอะซิมส์, Animal Crossing Pet Simulation เกมแนวนี้จะให้ผู้เล่นได้เลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ในเกม สำหรับผู้เล่นบางคนที่อยากจะเลี้ยงแต่สถานภาพไม่อำนวย ก็สามารถมาลองเลี้ยงในเกมได้ มีตั้งแต่สัตว์จริง ๆ เช่นเลี้ยงปลา เลี้ยงสุนัข แมว ไปจนถึงสัตว์ในจินตนาการอย่างเกม Slime Shiyo ที่ให้ผู้เล่นได้เลี้ยงสไลม์ หรือเกมตระกูลทามาก็อตจิ เป็นต้น Sport Simulation เป็นเกมวางแผนจัดการระบบของทีมกีฬา ซึ่งส่วนมากเกมจำพวกนี้มักจะให้ผู้เล่นได้ควบคุมเป็นผู้จัดการทีมหรือสโมสร และจัดหาสิ่งต่าง ๆ ให้กับทีม เช่น สปอนเซอร์, ตารางฝึกฝน หรือจัดตำแหน่งการเล่นให้กับตัวผู้เล่นในทีม เป็นต้น ผู้เล่นควรมีความรู้เกี่ยวกับกีฬาชนิดนั้น ๆ พอสมควร และรู้จักชื่อนักกีฬาและชื่อทีมมาบ้าง จะทำให้เล่นเกมประเภทนี้ได้สนุกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เกมประเภทนี้บางเกมจะนำนักกีฬา และ/หรือ ทีมที่มีชื่อเสียงมาเป็นจุดขายChampionship Manager, Football Manager Renai เป็นเกมจำลองการจีบสาว (หรือหนุ่ม) โดยลักษณะตัวเกมผู้เล่นจะต้องรับบทเป็นผู้ชาย (หรือผู้หญิง) โดยมีเป้าหมายสร้างความสัมพันธ์กับหญิงสาว (หรือชายหนุ่ม) ให้กลายเป็นคนรักกัน โดยตัวเกมส่วนมากจะแบ่งเป็นวัน ในแต่ละวันผู้เล่นสามารถเลือกทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างค่าสถานะ (แบบเกมเล่นตามบทบาท) และเกิดเหตุการณ์ระหว่างผู้เล่นกับตัวละครอื่น ๆ เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ โทคิเมคิเมโมเรียลและโทคิเมคิเมโมเรียล เกิร์ลไซด์ === เกมวางแผนการรบ === เกมวางแผนการรบ (Strategy Game) เป็นประเภทเกมที่แยกออกมาจากประเภทเกมการจำลอง เนื่องจากในระยะหลังเกมประเภทนี้มีแนวทางของตัวเองที่ชัดเจนขึ้น คือเกมที่เน้นการควบคุมกองทัพซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยทหารย่อย ๆ เข้าเข้าทำการสู้รบกัน พบมากในเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากคีย์บอร์ดและเมาส์นั้นมีความเหมาะสมต่อการควบคุมเกม และมักจะสามารถเล่นร่วมกันได้หลายคนผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือผ่านระบบแลนอีกด้วย เนื้อเรื่องในเกมมีได้หลายหลายรูปแบบ แล้วแต่เกมนั้น ๆ จะกำหนด ตั้งแต่จับความสไตล์เวทมนตร์คาถา พ่อมด กองทหารยุคกลาง ไปจนถึงสงครามระหว่างดวงดาวเลยก็มี รูปแบบการเล่นหลัก ๆ ของเกมประเภทนี้มักจะเป็นการควบคุมกองทัพ, เก็บเกี่ยวทรัพยากร และสร้างกองทัพ เกมวางแผนการรบแบ่งออกเป็นสองประเภทตามการเล่นคือ ประเภทตอบสนองแบบทันกาล (Real Time Strategy) ผู้เล่นทุกฝ่ายจะต้องแข่งกับเวลา เนื่องจากไม่มีการหยุดพักระหว่างรบ เกมจะดำเนินเวลาไปตลอด เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ คอมมานด์แอนด์คองเคอร์, สตาร์คราฟต์, วอร์คราฟต์ ประเภททีละรอบ (Turn Based Strategy) ประเภทนี้ผู้เล่นมีโอกาสคิดมากกว่า เพราะจะใช้วิธีผลัดกันสั่งการทหารของตัวเองเป็นรอบ ๆ เนื้อเรืองส่วนใหญ่จะอิงประวัติศาสตร์จริงอาจจบใด้หลายแบบส่วนใหญ่ค่ายที่ทำแนวนี้จะเป็นค่าย SEGA ที่ผลิด คล้ายการเล่นหมากรุก ซิวิไลซเซชั่น, Heroes of Might & Magic, Total War ROME 2 === เกมกีฬา === เกมกีฬา (Sport Game) เป็นกึ่ง ๆ เกมจำลองการเล่นกีฬาแต่ละชนิด โดยส่วนมากเกมกีฬามักจะมีความถูกต้องและเที่ยงตรงในกฎกติกาค่อนข้างมาก จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่เข้าใจกฎกติกาและการเล่นของกีฬานั้น ๆ โดยส่วนมาจุดขายของเกมกีฬามักจะเป็นชื่อและหน้าตาของผู้เล่นที่ถูกต้อง, ลักษณะสนามและยานพาหนะ ตัวอย่างเกมกีฬาได้แก่ FIFA (ฟุตบอล) , วินนิ่งอีเลฟเว่น (ฟุตบอล) , Madden NFL (อเมริกันฟุตบอล) และ NBA LIVE (บาสเกตบอล) === เกมอาเขต === เกมอาเขต (Arcade Game) คือเกมที่ถูกสร้างมาให้กับเครื่องเกมตู้ โดยส่วนมากเกมประเภทนี้มักจะใช้เวลาจบไม่นาน (ไม่เกิน 30 นาที หรือ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง) เน้นความเรียบง่ายของตัวเกม มักมีเวลาจำกัดในการเล่นและมักจะไม่มีการบันทึกความก้าวหน้าในการเล่น เกมจะบันทึกเพียงคะแนนสูงสุดเท่านั้น เกมประเภทนี้มักมีความท้าทายของระดับความยากง่ายดึงดูดใจให้ผู้เล่นกลับมาเล่นซ้ำและใช้หลักจิตวิทยาในการบอก "คะแนนสูงสุด" ที่ผู้เล่นคนก่อน ๆ เคยทำไว้ ให้ผู้เล่นใหม่ ๆ หาทางทำลายสถิติ Beat 'em up (หรือเกมแนว Brawler) คือเกมอาเขตแบบที่เน้นการเดินตามทางไปเรื่อย ๆ เพื่อเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ตามทางในระยะประชิด มุมมองในเกมมักจะเป็นลักษณะการมองจากด้านข้างและเยื้องไปข้างบนเล็กน้อย ทำให้ผู้เล่นมองเห็นอาวุธและไอเทมอื่น ๆ ที่อยู่บนพื้นได้อย่างชัดเจน และผู้เล่นสามารถเดินขึ้นลงได้ 8 ทิศทาง มีทั้งแบบ 2มิติ และ 3มิติ เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ เกม Double Dragon , Golden Axe และ Final Fight เป็นต้น Shoot 'em up' คือเกมอาเขตที่เน้นการควบคุมตัวละครเพื่อยิงทำลายคู่ต่อสู้จากระยะที่ไกลออกไป มีทั้งแบบมุมมองจากด้านบนและจากด้านข้าง เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ เกม Space Invaders, Gradius และ Contra เป็นต้น Rail shooters คือเกมอาเขตที่มักจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า "ปืนแสง" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุมเกมที่มีรูปร่างเป็นปืน เกมจะคล้ายคลึงกับ First Person Shooter แต่ตัวเกมจะบังคับทิศทางให้มากกว่า โดยผู้เล่นจะต้องยิงทำลายเป้าหมายที่ปรากฏบนหน้าจอ โดยใช้ปืนแสงเป็นตัวเล็งและยิง บางเกมเล่นได้ 1 ผู้เล่น บางเกมเล่นได้ 2 ผู้เล่น หรืออาจมากกว่านั้น เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ The House of the Dead, Time Crisis และ Virtua Cop เป็นต้น Touch Arcade คือเกมอาเขตที่ใช้การสัมผัสหน้าจอในการเล่น ซื่งมีชนิดหน้าจอแบบ LCD หรืออินฟราเรด เช่น KOT (King of touch) DJ Max technika 1, DJ Max technika 2 (อยู่ในช่วงทดสอบในประเทศเกาหลี) === เกมต่อสู้ === เกมต่อสู้ (Fighting Game) คือเกมที่เป็นลักษณะเอาตัวละครสองตัวขึ้นไปมาต่อสู้กันเอง ลักษณะเกมประเภทนี้จะเน้นให้ผู้เล่นใช้จังหวะและความแม่นยำกดท่าโจมตีต่าง ๆ ออกมา จุดสำคัญที่สุดในเกมต่อสู้คือการต่อสู้ต้องถูกแบ่งออกเป็นยก ๆ และจะมีเพียงผู้เล่นเพียงสองฝ่ายเท่านั้นและตัวละครที่ใช้จะต้องมีความสามารถที่ต่างกันออกไป เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ เทคเคน, สตรีทไฟท์เตอร์, เดอะคิงออฟไฟท์เตอร์ส === ปาร์ตี้เกม === ปาร์ตี้เกม (Party Game) คือเกมที่มีการบรรจุเกมย่อย ๆ มากมายเอาไว้ โดยในแต่ละเกมย่อยจะมีกฎและกติกาที่ต่างกันออกไป โดยผู้เล่นจะต้องเข้าไปเล่นในเกมย่อยนั้น ๆ และหาทางแข่งขันกับผู้เล่นอื่น ๆ ให้ชนะ (ทั้งคอมพิวเตอร์และผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ด้วยกันเอง) จุดขายของปาร์ตี้เกมคือการเล่นเป็นหมู่คณะ ซึ่งจะสร้างความบันเทิงได้มากกว่าการเล่นคนเดียว เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Mario Party, Roblox === เกมดนตรี === เกมดนตรี (Music Game) คือเกมที่ผู้เล่นต้องใช้เสียงเพลงในการเล่นด่านต่าง ๆ ให้ชนะ ซึ่งผู้เล่นจะต้องกดปุ่มให้ถูกต้องหรือตรงจังหวะหรือตรงตำแหน่ง โดยใช้เสียงเพลงเป็นตัวบอกเวลาที่จะต้องกด เกมประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Pop n' Music, โอ๊ทส์! ทาทาคาเอะ! โอเอนดัน แต่ในขณะเดียวกันบางเพลงผู้เล่นจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมซึ่งบางชิ้นก็เลียนแบบมาจากของจริงเช่น แดนซ์ แดนซ์ เรโวลูชัน (แผ่นเต้น) , Guitar Hero (กีตาร์) , Karaoke Revolution (ไมโครโฟน) , Rock Band (กลองชุด, กีตาร์, ไมโครโฟน) === เกมเพื่อการศึกษา === เกมเพื่อการศึกษา (Game for Education) คือส่งเสริมในเรื่องของทางด้านการศึกษา โดยอาจนำเนื้อหาที่มีตามบทเรียนนำมาสร้างเป็นเกมหรืออาจจะนำเนื้อหาสาระต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากตำราเรียนนำมาประยุกต์ใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเกิดแรงกระตุ้นในการเรียนรู้ ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเรียน สังคม ฯลฯ เช่น Eternal Story (เกมต่อสู้) === เกมออนไลน์ === เกมออนไลน์ (Online Game) คือเกมที่เป็นลักษณะที่มีผู้เล่นหลายคน ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยที่จะมีตัวละครเล่นแทนตัวเรา มีการพูดคุยกันในเกม สร้างสังคมช่วยกันต่อสู้ เก็บประสบการณ์ หรือ โดยเกมออนไลน์ส่วนมากจะเป็นเกมประเภท MMORPG ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนจะสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวหนึ่งในโลก สร้างสังคมออนไลน์ ในเกมสามารถสร้างห้องขึ้นมาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยน มีการส่งข้อความถึงกันได้ในเกม เกมออนไลน์ เกมแรกที่เปิดให้บริการในประเทศไทยคือเกม King of Kings == ประเภทของเครื่องเล่นเกม == แบ่งได้ตามลักษณะ และขนาดของเครื่องเล่น ดังได้แก่แบบ อาเขต, เครื่องเล่นวิดีโอเกม, เครื่องเล่นเกมพกพา === ขนาดใหญ่ Arcade === เกมตู้ === แบบตั้งโต๊ะ === 3DO เกมคิวบ์ (GameCube) คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer; PC) โคเลโควิชัน (ColecoVision) ซูเปอร์แฟมิคอม (Super Family Computer) / Super Nintendo Entertainment System เซก้า แซทเทิร์น (Sega Saturn) เซก้า เมก้าไดรฟ์ (Sega Mega Drive / Genesis) ดรีมแคสต์ (Dreamcast) นินเทนโด 64 (Nintendo 64) นีโอ จีโอ (Neo Geo) เพลย์สเตชัน (PlayStation) เพลย์สเตชัน 2 (PlayStation 2) เพลย์สเตชัน 3 (PlayStation 3) เพลย์สเตชัน 4 (PlayStation 4) แฟมิคอม (Family Computer; Famicom) / Nintendo Entertainment System แม็กนาวอกซ์โอดีสซี (Magnavox Odyssey) แม็กนาวอกซ์โอดีสซี² (Magnavox Odyssey²) แมคอินทอช (Macintosh) แอปเปิล II (Apple II) วี (Wii) วียู (wii u) วีมินิ (Wii Mini) อาตาริ 2600 (Atari 2600) อาตาริ 5200 (Atari 5200) อาตาริ 7800 (Atari 7800) อาตาริ จากัวร์ (Atari Jaguar) อินเทลลิวิชัน (Intellivision) เอกซ์บอกซ์ (Xbox) เอกซ์บอกซ์ 360 (Xbox 360) เอกซ์บอกซ์ วัน (Xbox One) === แบบไฮบริด === นินเท็นโดสวิตช์ (Nintendo Switch) === แบบพกพา === เกมกด หรือ เกม แอนด์ วอช (Game & Watch) กิซมอนโด (Gizmondo) เกมบอย (Gameboy) เกมบอยคัลเลอร์ (Gameboy Color) เกมบอยไมโคร (GameBoy Micro) เกมบอยแอ็ดวานซ์ (Gameboy Advance) เกมบอยแอ็ดวานซ์ เอสพี (Gameboy Advance SP) จีพีทูว์เอกซ์ (GP2X) นินเทนโด ดีเอส (Nintendo DS) นินเทนโด 2ดีเอส (Nintendo 2DS) นินเท็นโด 3ดีเอส (Nintendo 3DS) นิว นินเท็นโด 3ดีเอส (New Nintendo 3DS) นิว นินเท็นโด 3ดีเอส เอ็กซ์แอล (New Nintendo 3DS XL) นิว นินเท็นโด 2ดีเอส เอ็กซ์แอล (New Nintendo 2DS XL) นีโอ จีโอ พอกเกต (Neo Geo Pocket) นีโอ จีโอ พอกเกต คัลเลอร์ (Neo Geo Pocket Color) เพลย์สเตชันพอร์เทเบิล (PlayStation Portable) เพลย์สเตชันวิต้า (Psvita) วอนเดอร์สวอน (Wonder Swan) วอนเดอร์สวอน คัลเลอร์ (Wonder Swan Color) === แบบพกพาโทรศัพท์มือถือ === ซัมซุง กาแล็คซี่ (Samsung Galaxy) ไอโฟน (iPhone) โทรศัพท์ที่รันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทุกรุ่น (Android) โนเกีย N-Gage N-GageQD == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == รายชื่อเกมคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมเรียงตามลำดับอักษร รายชื่อเกมคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมเรียงตามประเภท รายชื่อวิดีโอเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง รายชื่อวิดีโอเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง รายชื่อวิดีโอเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม อีสปอตส์ == แหล่งข้อมูล == == อ่านเพิ่ม == The Ultimate History of Video Games: From Pong to Pokemon--The Story Behind the Craze That Touched Our Lives and Changed the World by Steven L. Kent, Crown, 2001, The Ultimate History of Video Games, Volume 2: Nintendo, Sony, Microsoft, and the Billion-Dollar Battle to Shape Modern Gaming by Steven L. Kent, Crown, 2021, == แหล่งข้อมูลอื่น == Tom Chatfield writes on the culture and future of video games for Prospect Magazine CBC Digital Archives: The Arcade Age An interactive videogame history timeline Video Games Through the Ages - slideshow by Life magazine สื่อดิจิทัล
thaiwikipedia
925
กลุ่มดาวสิงโต
กลุ่มดาวสิงโต หรือ กลุ่มดาวสิงห์ (♌) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี อยู่ระหว่างกลุ่มดาวปูทางทิศตะวันตก กับกลุ่มดาวหญิงสาวทางทิศตะวันออกแและเป็นกลุ่มดาวประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งอยู่ในราศีสิงห์ กลุ่มดาว กลุ่มดาวสิงโต
thaiwikipedia
926
กลุ่มดาวหญิงสาว
กลุ่มดาวหญิงสาว หรือ กลุ่มดาวกันย์ (♍) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี อยู่ระหว่างกลุ่มดาวสิงโตทางทิศตะวันตก กับกลุ่มดาวตาชั่งทางทิศตะวันออก กลุ่มดาวหญิงสาวเป็นกลุ่มดาวขนาดใหญ่ สังเกตเห็นได้ง่ายโดยอาศัยดาวรวงข้าว ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในกลุ่ม กลุ่มดาว กลุ่มดาวหญิงสาว
thaiwikipedia
927
ดาว (โหราศาสตร์)
ดาว หรือ ดวงดาว หรือ พระเคราะห์ ในทางโหราศาสตร์ หมายถึงตำแหน่งของดาวฤกษ์ อาทิตย์ และดาวเคราะห์ จันทร์ พุธ ศุกร์ พฤหัส เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน พูลโต เป็นต้น รวมถึงตำแหน่งสมมุติบนท้องฟ้าบางตำแหน่งที่ใช้ในการพยากรณ์ เช่น ราหู เกตุ ยม ในโหราศาสตร์ไทย เป็นต้น โหราศาสตร์ Classical planet
thaiwikipedia
928
การทำนาย
การทำนาย หรือ การพยากรณ์ หรือ พยากรณศาสตร์ เป็นการใช้กรรมวิธีหรือขั้นตอนปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับการบอกกล่าวถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งรวมถึง การพยากรณ์อากาศ โหราศาสตร์ การพยากรณ์อนาคตด้วยเครืองมือต่างๆ เช่น ไพ่ยิปซี กราฟชีวิต อักษรรูน อี้จิง ฯลฯ เป็นต้น การทำนาย อนาคตศึกษา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
thaiwikipedia
929
โอเพนจีแอล
โอเพนจีแอล (OpenGL: Open Graphics Library ไลบรารีกราฟิกส์แบบเปิด) คือส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) ด้านการเร็นเดอร์ภาพกราฟิกส์เวกเตอร์สองมิติและสามมิติ ที่ทำงานได้หลายแพลตฟอร์มและหลายภาษา ส่วนต่อประสานนี้มักใช้ทำงานระหว่างหน่วยประมวลผลกราฟิกส์ (GPU) เพื่อให้บรรลุผลการเร็นเดอร์แบบเร่งด้วยฮาร์ดแวร์ โอเพนจีแอลได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัทซิลิคอนกราฟิกส์ (Silicon Graphics Inc.: SGI) ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 และออกเผยแพร่เมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535 และใช้งานอย่างกว้างขวางในการออกแบบใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (CAD) ความเป็นจริงเสมือน การทำให้เห็นได้เชิงวิทยาศาสตร์ การทำสารสนเทศให้เห็นได้ เครื่องจำลองการฝึกบิน และวิดีโอเกมเป็นต้น โครโนสกรุป ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ไม่แสวงผลกำไร ได้เข้ามาบริหารจัดการโอเพนจีแอลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 == ประวัติ == ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1980 การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สามารถทำงานกับฮาร์ดแวร์กราฟิกได้หลากชนิดเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง นักพัฒนาซอฟต์แวร์เขียนอินเทอร์เฟซและไดรเวอร์ของตนเองสำหรับฮาร์ดแวร์แต่ละชิ้น ทำให้ต้องใช้ความพยายามทวีคูณและมีราคาแพง มาถึงต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 ซิลิคอนกราฟิกส์เป็นผู้นำในเรื่องภาพกราฟิกส์สามมิติสำหรับเครื่องสถานีงาน เอพีไอชื่อ ไอริสจีแอล (IRIS GL) ของบริษัทนี้ ถือว่า "นำสมัย" และกลายมาเป็นมาตรฐานด้านอุตสาหกรรมตามความนิยม บดบังรัศมี ฟิกส์ (PHIGS) ซึ่งเป็นเอพีไอที่มีพื้นฐานบนมาตรฐานเปิด เนื่องจากไอริสจีแอลใช้งานง่ายกว่าฟิกส์ และรองรับการเร็นเดอร์ในภาวะทันที (immediate mode) บริษัทคู่แข่งของซิลิคอนกราฟิกส์ (รวมทั้งซันไมโครซิสเต็มส์ ฮิวเลตต์-แพคการ์ด และไอบีเอ็ม) ก็สามารถนำฮาร์ดแวร์สามมิติที่รองรับส่วนขยายต่าง ๆ สำหรับมาตรฐานฟิกส์เข้าสู่ตลาด ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของซิลิคอนกราฟิกส์ลดลงเนื่องจากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ภาพกราฟิกส์สามมิติเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ด้วยความพยายามที่จะคงไว้ซึ่งอิทธิพลในตลาด ซิลิคอนกราฟิกส์จึงตัดสินใจเปลี่ยนไอริสจีแอลเป็นมาตรฐานเปิด ซึ่งนั่นก็คือ โอเพนจีแอล อย่างไรก็ตาม ซิลิคอนกราฟิกส์มีลูกค้าด้านซอฟต์แวร์จำนวนมาก ซึ่งการเปลี่ยนจากไอริสจีแอลเป็นโอเพนจีแอลจะต้องใช้เงินลงทุนมาก ยิ่งไปกว่านั้น ไอริสจีแอลมีฟังก์ชันหลายฟังก์ชันที่ไม่เกี่ยวข้องกับด้านภาพกราฟิกส์สามมิติอยู่ด้วย เช่น เอพีไอที่เกี่ยวกับการจัดแบ่งหน้าต่าง คีย์บอร์ดและเมาส์ เป็นต้น เพราะว่ามันได้พัฒนาขึ้นก่อนที่จะมีเอ็กซ์วินโดวซิสเต็มและระบบนิวส์ของซัน และไลบรารีต่าง ๆ ของไอริสจีแอลไม่เหมาะที่จะเปลี่ยนเป็นมาตรฐานเปิดเนื่องจากปัญหาด้านลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ซิลิคอนกราฟิกส์จำเป็นต้องคอยสนับสนุนผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และเอพีไอที่ใช้ไอริสจีแอลเป็นฐานต่อไป ในขณะที่การสนับสนุนตลาดโอเพนจีแอลก็โตเต็มที่ ข้อจำกัดหนึ่งของไอริสจีแอลก็คือ การเข้าถึงคุณลักษณะที่รองรับโดยฮาร์ดแวร์ที่กำหนดเท่านั้น ถ้าฮาร์ดแวร์กราฟิกไม่รองรับคุณลักษณะอันใดอันหนึ่ง โปรแกรมประยุกต์ก็จะไม่สามารถใช้คุณลักษณะนั้นได้ โอเพนจีแอลได้แก้ปัญหานี้โดยเตรียมซอฟต์แวร์รองรับไว้สำหรับคุณลักษณะที่ไม่มีในฮาร์ดแวร์ ช่วยให้โปรแกรมประยุกต์สามารถใช้กราฟิกขั้นสูงบนระบบค่อนข้างต่ำได้ โอเพนจีแอลได้กำหนดวิธีการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ให้เป็นมาตรฐาน ผลักดันภาระการพัฒนาโปรแกรมส่วนต่อประสานฮาร์ดแวร์ให้เป็นของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ และมอบหมายฟังก์ชันการจัดแบ่งหน้าต่างให้ระบบปฏิบัติการทำแทน ด้วยฮาร์ดแวร์กราฟิกมีมากมายหลายหลาก การทำให้ฮาร์ดแวร์ทั้งหมดพูดคุยด้วยภาษาเดียวกันในแนวทางนี้จึงเป็นผลสะท้อนที่โดดเด่น ที่ทำให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ภาพกราฟิกสามมิติบนแพลตฟอร์มในระดับที่สูงขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2535 ซิลิคอนกราฟิกส์ได้เป็นผู้นำในการตั้งคณะกรรมการทบทวนสถาปัตยกรรมโอเพนจีแอล (OpenGL Architecture Review Board: OpenGL ARB) ขึ้นมา ซึ่งเป็นกลุ่มของบริษัทต่าง ๆ ที่จะคอยบำรุงรักษาและขยายข้อกำหนดของโอเพนจีแอลในอนาคต เมื่อ พ.ศ. 2537 ซิลิคอนกราฟิกส์ได้มีแนวคิดที่จะสร้างโอเพนจีแอลพลัสพลัส (OpenGL++) ที่มีส่วนประกอบอย่างเช่น เอพีไอ scene-graph (โดยคาดว่าจะใช้เทคโนโลยีเพอร์ฟอร์เมอร์เป็นฐาน) ข้อกำหนดนี้หมุนเวียนกันอยู่ในกลุ่มของบริษัทที่สนใจกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ เมื่อ พ.ศ. 2538 ไมโครซอฟท์ได้เผยแพร่ไดเรกต์ทรีดี (Direct3D) ออกมา ซึ่งในที่สุดก็กลายมาเป็นคู่แข่งหลักของโอเพนจีแอล ต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ไมโครซอฟท์กับซิลิคอนกราฟิกส์ได้ริเริ่มโครงการฟาเรนไฮต์ ซึ่งเป็นความพยายามบรรลุเป้าหมายการรวมส่วนต่อประสานโอเพนจีแอลกับไดเรกต์ทรีดีเข้าด้วยกัน (และเอพีไอ scene-graph ด้วย) และต่อมาฮิวเลตต์-แพคการ์ดก็ได้เข้าร่วมโครงการด้วยใน พ.ศ. 2541 โครงการเริ่มต้นขึ้นด้วยสัญญาที่ว่าจะนำเอพีไอคอมพิวเตอร์กราฟิกส์สามมิติที่โต้ตอบได้มาสู่ชาวโลก แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดทางการเงินของซิลิคอนกราฟิกส์ เหตุผลเชิงกลยุทธ์ของไมโครซอฟท์ และการขาดการสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมโดยทั่วไป โครงการนี้จึงถูกทอดทิ้งไปเมื่อ พ.ศ. 2542 เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 คณะกรรมการทบทวนสถาปัตยกรรมโอเพนจีแอล ได้มีมติให้ส่งมอบการควบคุมมาตรฐานเอพีไอของโอเพนจีแอลแก่โครโนสกรุป (Khronos Group) === ความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเกมส์ === เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 บริษัทแอปเปิล ได้ประกาศว่าสถานะของ OpenGL และ OpenCL จะถือเป็น deprecated (เลิกใช้) ในทุกแพลตฟอร์ม (iOS, macOS และ tvOS) โดยเสนอแนะให้นักพัฒนาโปรแกรมหันไปใช้ Metal API ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลแทน เอพีไอดังกล่าวได้รับการเผยแพร่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2557 บริษัทไอดีซอฟต์แวร์ (id Software) ได้ใช้โอเพนจีแอลในการสร้างเกมตั้งแต่ GLQuake (เปลี่ยนเทคโนโลยีจาก Quake มาเป็นโอเพนจีแอลโดยมีการปรับแต่งเล็กน้อย) ซึ่งถูกปล่อยออกมาในปี พ.ศ. 2540 ตัวเอนจิ้นแรกของบริษัทที่ใช้โอเพนจีแอลอย่างถูกต้องมีลิขสิทธิ์คือ Quake II engine หรือ id Tech 2 ในปี พ.ศ. 2559 พวกเขาได้ปล่อยตัวอัพเดตสำหรับ id Tech 6 ซึ่งใช้ Vulkan อันเป็นเทคโนโลยียุคใหม่ถัดจากโอเพนจีแอล ID Tech 7 จึงเลิกใช้โอเพนจีแอล เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 บริษัทวาล์ว (Valve Corporation) ได้ถอดโอเพ่นจีแอลออกจาก Dota 2 โครโนกรุ๊ปได้ถอดโอเพนจีแอลออกจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์สมัยใหม่หลายตัว เช่น เรย์เทรซซิ่ง การเข้ารหัสวีโดโอบนจีพียู การลบรอยหยักในกราฟิกส์ อัลกอริธึมในดีพเลิร์นนิ่ง FidelityFX Super Resolution(FSR) ของ AMD และ Nvidia DLSS เกมส์ Atypical ซึ่งสนับสนุนโดย Samsung ได้ปรับปรุงเอ็นจิ้นใหม่โดยใช้ Vulkan แทนที่จะเป็นโอเพนจีแอล นอกจากนี้ Google Stadia และระบบปฏิบัติการ Fuchsia ก็ใช้ Vulkan เป็นกราฟฟิกเอพีไอหลัก รวมทั้งต้องการให้ใช้จีพียูที่สนับสนุน Vulkan ด้วย ทั้งนี้ Fuchsia ตั้งใจที่จะใช้โอเพนจีแอลบนชั้นของ Vulkan ด้วยเลเยอร์ของ ANGLE translation ==ประวัติรุ่น== โอเพนจีแอลรุ่นแรก หรือเวอร์ชั่น 1.0 เปิดตัวเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535 โดยมาร์ค ซีกัล และเคิร์ต อะเคลลีย์ หลังจากนั้นมา โอเพนจีแอลได้รับการปรับปรุงคุณลักษณะหลายเวอร์ชัน ในแต่ละเวอร์ชันได้กำหนดฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานให้กราฟฟิกการ์ดต้องสนับสนุนหรือรองรับ และต่อต้านส่วนต่อขยายด้วยการเขียนที่ง่ายกว่วา เวอร์ชันใหม่แต่ละเวอร์ชันมีแนวโน้มที่จะรวมส่วนขยายต่างๆ เข้าด้วยกันซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากผู้จำหน่ายกราฟิกการ์ด แม้ว่ารายละเอียดของส่วนขยายเหล่านั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ==แหล่งข้อมูลเรียนรู้-ฝึกฝน== OpenGL Step by Step ฝึกการเขียนโปรแกรมโดยใช้โอเพนจีแอล ทีละสเต็ป OpenGL Introduction แนะนำการเขียนโปรแกรมโดยใช้โอเพนจีแอล OpenGL SDK แนะนำเครื่องมือพัฒนาโปรแกรมโดยใช้โอเพนจีแอล Anton's OpenGL 4 Tutorials ฝึกการเขียนโปรแกรมโดยใช้โอเพนจีแอล เวอร์ชั่น 4 Getting Started - OpenGL Wiki เริ่มต้นกับโอเพนจีแอลวิกิ Learn OpenGL เรียนรู้โอเพนจีแอล พร้อมซอร์สโค้ด ==วัลแคน== วัลแคน (Vulkan) เดิมเรียกว่า "Next Generation OpenGL Initiative" (glNext) เป็นการออกแบบระบบใหม่เพื่อหลอมรวม OpenGL และ OpenGL ES ให้เป็น API เดียว ซึ่งจะไม่คำนึงถึงความเข้ากันได้กับเวอร์ชั่นของโอเพนจีแอลที่มีอยู่ วัลแคนเวอร์ชั่นแรก ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 Vulkan เป็น API ใหม่สำหรับกราฟิกที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ (และการคำนวณทั่วไป) ผ่าน GPU ดั้งเดิม โอเพนจีแอลจะยังคงได้รับการพัฒนาต่อไปเนื่องจากเป็น API ระดับสูงกว่า Vulkan เราสามารถอนุมานได้ว่า Vulkan นั้นน่าจะจบลงด้วยการเป็น "OpenGL 5" == อ้างอิง == The Red Book – OpenGL Programming Guide, 6th edition. ISBN 0-321-48100-3 == ดูเพิ่ม == คอมพิวเตอร์กราฟิกส์สามมิติ เรขภาพคอมพิวเตอร์ (คอมพิวเตอร์กราฟิกส์) ไดเรกเอกซ์ OpenGL ES GLSL OpenAL XNA เกมคอมพิวเตอร์ == แหล่งข้อมูลอื่น == โอเพนจีแอล 1992 software เอพีไอ ซอฟต์แวร์ข้ามแพลตฟอร์ม ไลบรารีกราฟิกส์ มาตรฐานกราฟิกส์ การพัฒนาวิดีโอเกม ความเป็นจริงเสมือน เอพีไอกราฟิกส์สามมิติ
thaiwikipedia
930
ไดโนเสาร์ในประเทศไทย
== ธรณีวิทยาประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง == เนื่องจากไดโนเสาร์มีชีวิตอยู่ในช่วงมหายุคมีโซโซอิก ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์จึงอยู่ในชั้นของหินตะกอนที่สะสมตัวกันในช่วงนี้ ซึ่งในประเทศไทย หินที่มีอายุดังกล่าวพบอยู่ทั่วไปในบริเวณที่ราบสูงโคราช และพบอยู่เป็นแห่งๆ ในภาคเหนือและภาคใต้ หินบริเวณที่ราบสูงโคราชนั้น เรียกว่า กลุ่มหินโคราช ซึ่งแบ่งออกเป็นหมวดหินย่อยๆ ได้อีก 6 หมวด คือ หมวดหินน้ำพอง (มีอายุ 200 ล้านปี) หมวดหินภูกระดึง (มีอายุ 190-150 ล้านปี) หมวดหินพระวิหาร (มีอายุ 140 ล้านปี) หมวดหินเสาขัว (มีอายุ 130 ล้านปี) หมวดหินภูพาน (มีอายุ 120 ล้านปี) หมวดหินโคกกรวด (มีอายุ 100 ล้านปี) == ประวัติการค้นพบ == การค้นหาซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในประเทศไทยเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน โดยในปี พ.ศ. 2519 กรมทรัพยากรธรณีได้ค้นพบโครงกระดูกขนาดใหญ่ในเขตอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งผลการวิจัยขณะนั้นทราบเพียงว่าเป็นไดโนเสาร์ซอโรพอด มีความยาวประมาณ 15 เมตร นับว่าเป็นรายงานการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ครั้งแรกในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2524 และ พ.ศ. 2525 ได้มีการสำรวจที่บริเวณภูเวียงอีกทำให้พบกระดูกส่วนต่างๆ ของไดโนเสาร์และสัตว์อื่นๆอีกมากมายหลายชนิดเป็นจำนวนมากอยู่ในชั้นหิน จึงนับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นการค้นหาซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์อย่างจริงจัง == ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในประเทศไทย == ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบในประเทศไทย สามารถแยกออกเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้ === ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคไทรแอสสิก === พ.ศ. 2550 ได้สำรวจพบพบชิ้นส่วนไดโนเสาร์ในพื้นที่ อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ได้ขุดชิ้นส่วนกระดูกไดโนเสาร์ส่วนขา สันหลังจำนวนกว่า 10 ชิ้นที่อยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ คาดว่าเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อในยุคไทรแอสสิก อายุประมาณ 210 ล้านปี โดยเจอที่ชั้นกลุ่มหินน้ำพองห่างจากภูกระดึงประมาณ 6 กม. === ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคไทรแอสสิกตอนปลาย === ในปี พ.ศ. 2535 กรมทรัพยากรธรณีสำรวจพบกระดูกสะโพกส่วนหน้าของไดโนเสาร์โพรซอโรพอด ที่ชั้นหินทรายสีแดงของหมวดหินน้ำพอง ในเขตอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ มีอายุประมาณ 200 ล้านปี นับเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนับเป็นการพบซากดึกดำบรรพ์โพรซอโรพอดเป็นครั้งแรกในภูมิภาคนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับฟอสซิลชนิดนี้จากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก พบว่าโพรซอโรพอดของไทยมีขนาดใหญ่ แข็งแรง อาจยาวถึง 8 เมตร === ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคจูแรสสิก === ในปี พ.ศ. 2539 คณะสำรวจไทย-ฝรั่งเศสได้พบแหล่งซากดึกดำบรรพ์ฟันไดโนเสาร์ที่อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ในชั้นหินของหมวดหินภูกระดึง อายุประมาณ 150-190 ล้านปี เป็นฟันของไดโนเสาร์เทอโรพอด ไดโนเสาร์ซอโรพอด และไดโนเสาร์สเทโกซอร์ ซึ่งเป็นการพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์สเทโกซอร์ครั้งแรกในประเทศไทย ซากดึกดำบรรพ์คอมพ์ซอกนาธัส คอมพ์ซอกนาธัสเป็นไดโนเสาร์ที่มีขนาดตัวเล็กที่สุด แต่เดิมพบเฉพาะในบริเวณประเทศเยอรมนี และประเทศฝรั่งเศส สำหรับในประเทศไทยพบซากดึกดำบรรพ์คอมพ์ซอกนาธัสที่บริเวณประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ซากดึกดำบรรพ์ที่ถูกค้นพบเป็นกระดูกชิ้นเล็กๆ สองชิ้น มีรูกลวงตรงกลางคล้ายกระดูกนกหรือกระดูกไก่ หลังการตรวจสอบพบว่าเป็นกระดูกขาหลังท่อนล่างชิ้นหนึ่ง และเป็นกระดูกขาหน้าชิ้นบนอีกชิ้นหนึ่งคของไดโนเสาร์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคอมพ์ซอกนาธัสที่พบในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี === ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคครีเทเชียส === มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในยุคครีเทเชียสเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ซึ่งจำแนกออกได้ดังนี้ ===== การค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ ===== พบในชั้นหินของหมวดหินพระวิหาร อายุประมาณ 140 ล้านปี บริเวณที่พบมี 4 แห่ง ได้แก่ บริเวณลานหินป่าชาด อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น พบรอยเท้าไดโนเสาร์ซึ่งทำให้ทราบว่าเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ เดินด้วยขาหลัง เคลื่อนไหวว่องไว มีขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังพบรอยเท้าไดโนเสาร์พวกคาร์โนซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า บริเวณน้ำใสใหญ่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี พบรอยเท้าไดโนเสาร์เทอโรพอดขนาดใหญ่ มีรอยเท้ากว้าง 26 ซม. ยาว 31 ซม. รวมทั้งพวกออร์นิโธพอดและซีลูโรซอร์ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ขนาดเล็ก รอยเท้ากว้าง 14 ซม. ยาว 13.7 ซม. บริเวณภูแฝก กิ่งอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ พบรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่พวกคาร์โนซอร์ รอยเท้ากว้าง 40 ซม. ยาว 45 ซม. บริเวณภูเก้า จังหวัดหนองบัวลำภู พบรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดย่อม แต่ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียด ===== ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์บริเวณแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ภูเวียง ===== มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์หลายชนิดในชั้นหินของหมวดหินเสาขัว บริเวณแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ภูเวียง ดังนี้ ซากดึกดำบรรพ์ สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส ซากดึกดำบรรพ์สยามโมไทรันนัส ถูกค้นพบที่บริเวณหินลาดยาว อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2536 โดยพบกระดูกสันหลังหลายชิ้นโผล่ออกมาจากชั้นดินทรายสีแดงของหินหมวดเสาขัว ต่อมาพบกระดูกสะโพกด้านซ้าย และกระดูกส่วนหางอีกหลายชิ้นเรียงต่อกัน หลังจากที่คณะสำรวจไทย-ฝรั่งเศสได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดแล้วก็พบว่า เป็นไดโนเสาร์ตระกูลใหม่ของไทย จึงได้ตั้งชื่อว่า สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส (Siamotyrannus isanensis) ซากดึกดำบรรพ์ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน ซากดึกดำบรรพ์ภูเวียงโกซอรัส ถูกค้นพบที่บริเวณประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วยกระดูกสันหลังส่วนคอ 3 ชิ้น กระดูกสันหลังส่วนกลางตัว 4 ชิ้น กระดูกซี่โครงหลายชิ้น กระดูกสะบักซ้ายและส่วนปลายสะบักขวา กระดูกต้นขาหน้าซ้าย บางส่วนของกระดูกแขน กระดูกสะโพกทั้งสองข้าง กระดูกต้นขาทั้งสองข้าง และกระดูกหน้าแข้งซ้าย ลักษณะของกระดูกที่พบบอกได้ว่าเป็นไดโนเสาร์ซอโรพอดขนาดใหญ่ มีขนาดใกล้เคียงกับ คัมมาราซอรัส ที่ถูกค้นพบในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ไม่เหมือนกันทีเดียว จึงอัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาตั้งเป็นชื่อใหม่ว่า ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosauraus sirindhornae) ซากดึกดำบรรพ์ สยามโมซอรัส สุธีธรนี ซากดึกดำบรรพ์สยามโมซอรัส พบเพียงแค่ฟัน ที่บริเวณประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โดยฟันที่ค้นพบมีลักษณะเป็นแท่งกรวยปลายแหลม มีสันเล็กๆ ยาวตลอดฟัน ซึ่งต่างจากฟันของไดโนเสาร์เทอโรพอดทั่วไป ที่แบน และมีรอยหยัก สันนิษฐานว่าสยามโมซอรัสเป็นเทอโรพอดที่มีลักษณะปากคล้ายสัตว์เลื้อยคลานพวกกินปลา หรือเพลสซิโอซอร์ และได้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายวราวุธ สุธีธร ผู้ค้นพบ ว่า สยามโมซอรัส สุธีธรนี (Siamosaurus suteethorni) ซากดึกดำบรรพ์ กินรีไมมัส ซากดึกดำบรรพ์กินรีไมมัส ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2552 ซากดึกดำบรรพ์คาร์โนซอร์ ซากดึกดำบรรพ์คาร์โนซอร์ พบเพียงแค่ฟัน ที่บริเวณประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โดยฟันที่ค้นพบมีลักษณะแบน ปลายแหลม โค้งงอเล็กน้อยคล้ายมีดโค้ง ที่ขอบมีรอยหยักเหมือนมีดหั่นเนื้อ ฟันลักษณะนี้เป็นฟันของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่พวกเทอโรพอด ซึ่งคาดว่าเป็นไดโนเสาร์คาร์โนซอร์ ซากดึกดำบรรพ์ ภูเวียงเวเนเตอร์ แย้มนิยมมี Phuwiangvenator yaemniyomi ซากดึกดำบรรพ์ วายุแรปเตอร์ หนองบัวลำภูเอนซิส Vayuraptor nongbualamphuensis จากการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากที่แหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ภูเวียงนี่เอง ทำให้บริเวณนี้ถูกประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ภูเวียง ในปี พ.ศ. 2535 และเป็นอุทยานไดโนเสาร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ===== ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ===== ซากดึกดำบรรพ์ซิททาโคซอรัส ซิตตะโกซอรัส เป็นไดโนเสาร์ปากนกแก้วชนิดหนึ่ง แต่เดิมพบเฉพาะในบริเวณประเทศจีน ประเทศมองโกเลีย และไซบีเรีย สำหรับในประเทศไทยพบซากดึกดำบรรพ์ซิททาโคซอรัสที่จังหวัดชัยภูมิ ในชั้นหินของหมวดหินโคกกรวด ซึ่งประกอบด้วย ส่วนที่เป็นกะโหลกด้านซ้าย และกรามล่างด้านขวาที่มีฟันครบ และได้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายนเรศ สัตยารักษ์ ผู้ค้นพบว่า ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กี (Psittacosaurus sattayaraki) ซากดึกดำบรรพ์อิกธิโอซอร์ ดร.จงพันธ์ จงลักษมณี นักโบราณชีววิทยาของกรมทรัพยากรธรณี ได้พบฟอสซิลของอิกธิโอซอร์ ขนาดตัวยาวเพียง 20 ซม. ในหินปูนยุคไทรแอสสิกตอนปลาย ที่เขาทอง จังหวัดพัทลุง อิกธิโอซอร์ที่พบตัวนี้มีวิวัฒนาการอยู่ในช่วงปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตในทะเลยังไม่สมบูรณ์ดี แขนทั้งสองข้างยังเปลี่ยนเป็นใบพายไม่สมบูรณ์นัก รูปร่างและโครงสร้างของกะโหลกยังเหลือร่องรอยของการสืบทอดจากสัตว์บกอยู่มาก ฟอสซิลของอิกธิโอซอร์ชิ้นนี้นั้บเป็นอิกธิโอซอร์ที่โบราณมาก แตกต่างไปจากพวกที่เคยพบมาแล้ว จึงได้ชื่อใหม่ว่า "ไทยซอรัส จงลักษมณี" (Thaisaurus chonglakmanii) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ ซากดึกดำบรรพ์ สยามโมดอน เป็นไดโนเสาร์กลุ่ม Iguanodontia ที่พบชิ้นส่วนของขากรรไกรบนด้านซ้ายที่สมบูรณ์และมีฟันติดอยู่ มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว พบที่บ้านสะพานหิน ตำบลโคกกรวด อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายวิทยา นิ่มงาม ผู้ค้นพบว่า สยามโมดอน นิ่มงามมิ (Siamodon nimngami) ซากดึกดำบรรพ์ ราชสีมาซอรัส แหล่งที่พบคือ บริเวณสระน้ำของหมู่บ้านโป่งแมลงวัน ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยซากดึกดำบรรพ์ราชสีมาซอรัสได้ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2554 ซากดึกดำบรรพ์ อีสานโนดัส พาลาเดซิ ซากดึกดำบรรพ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากที่มีการค้นพบซากฟอสซิลครั้งแรกเมื่อปี 2551 ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 จังหวัดกาฬสินธุ์ได้พบฟอสซิลไดโนเสาร์กินเนื้อสกุลใหม่ของโลก และชนิดกินพืชตัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยนักวิจัยระบุอยู่ในยุคจูราสสิกตอนปลายอายุ 150 ล้านปี ซากดึกดำบรรพ์ โคราโตดัส ฟอเรย์อี ซากดึกดำบรรพ์ มุกดาหารโนดัส ไตรศิวกุลไล == อ้างอิง == บทความจากกรมทรัพยากรธรณี เสริมสกุล โทณะวณิก, ไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ในประเทศไทย, สุวีริยาสาส์น, 2540. ISBN 9748265682. == หนังสืออ่านเพิ่มเติม == วราวุธ สุธีธร, ไดโนเสาร์ของไทย', ฝ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมทรัพยากรธรณี, 2545. ISBN 9740125999. ซากดึกดำบรรพ์ในประเทศไทย
thaiwikipedia
931
ไดเรกต์เอกซ์
ไดเรกต์เอกซ์ (DirectX) เป็นไลบรารีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักเขียนโปรแกรม เพื่อส่งคำสั่งควบคุมการวาดภาพไปยังอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ประมวลผลภาพ ซึ่งได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการพัฒนาวิดีโอเกมและเกมคอมพิวเตอร์สำหรับไมโครซอฟท์ วินโดวส์ เอกซ์บอกซ์ และ เอกซ์บอกซ์ 360 == ส่วนประกอบ == โดยทั่วไปแล้ว ไดเรกต์เอกซ์ ประกอบด้วยส่วนย่อย 5 ส่วน (อาจไม่เหมือนกันเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละเวอร์ชัน) คือ DirectDraw (DDraw) ส่วนสำหรับการวาดภาพ 2 มิติ Direct3D (D3D) ส่วนสำหรับการวาดภาพแบบ 3 มิติ แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ * Direct3DRM (Retained Mode) (D3DRM) ส่วนการวาดภาพ 3 มิติ อย่างง่าย * Direct3DIM (Immediate Mode) (D3DIM) ส่วนการวาดภาพ 3 มิติ อย่างยาก DirectInput (DXInput) ส่วนสำหรับการรับข้อมูลจากผู้ใช้ เช่น keyboard mouse และ joystick DirectSound (DXSound) ส่วนสำหรับการประมวลผลเสียง และสร้างเสียง DirectPlay (DXPlay) ส่วนสำหรับการทำงานสำหรับผู้เล่นหลายคนผ่านระบบเครือข่าย == ตัวอย่าง == สร้างสามเหลี่ยมที่มี สีแดง เขียว และ น้ำเงิน // Render a triangle D3DTLVERTEX v[3]; v[0] = D3DTLVERTEX (D3DVECTOR (160, 50,0) ,1,D3DRGB (1,0,0) ,D3DRGB (0,0,0) ,0,0) ; v[1] = D3DTLVERTEX (D3DVECTOR (240,200,0) ,1,D3DRGB (0,1,0) ,D3DRGB (0,0,0) ,0,0) ; v[2] = D3DTLVERTEX (D3DVECTOR ( 80,200,0) ,1,D3DRGB (0,0,1) ,D3DRGB (0,0,0) ,0,0) ; D3DDevice->BeginScene ; D3DDevice->DrawPrimitive (D3DPT_TRIANGLELIST, D3DVT_TLVERTEX, &v, 3, NULL) ; D3DDevice->EndScene ; ไดเรกต์เอกซ์ได้พัฒนามาจนถึง DirectX 10 ซึ่งสามารถใช้งานได้เฉพาะใน วินโดวส์วิสตา รองรับเฉพาะการ์ดจอรุ่นใหม่และสเปคเครื่องระดับสูง ไมโครซอฟยังมีการตรวจสอบลิขสิทธิ์ ให้ดาวน์โหลดได้เฉพาะผู้ใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์อีกด้วย == DirectX 11 == ไดเรกต์เอกซ์ได้เปิดตัว DirectX 11 ซึ่งสามารถใช้งานได้ใน วินโดวส์ 7 ขึ้นไป โดยรองรับการ์ดจอรุ่นใหม่และสเปคเครื่องระดับสูง ไมโครซอฟยังมีการตรวจสอบลิขสิทธิ์ ให้ดาวน์โหลดได้เฉพาะผู้ใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์อีกด้วย == DirectX 12 == ต่อมาในวันที่ 20 มีนาคม 2557 ในงาน GDC 2015 ก็ได้เปิดตัว DirectX 12 โดยเป้าหมายของ DirectX 12 คือ ลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น , รีดประสิทธิภาพให้ดีขึ้น (ดีกว่า DirectX 11 ถึงสูงสุด 70%) โดยเริ่มใช้ใน วินโดวส์ 10 ส่วนการ์ดจอที่รองรับ DirectX 12 คือ - NVIDIA ที่ใช้ชิพสถาปัตยกรรม Fermi , Kepler , Maxwell หรือใหม่กว่านี้ - Intel HD Graphic ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel 4th Gen - AMD ที่ใช้ชิพสถาปัตยกรรม GCN (ตั้งแต่ Radeon HD 7000 เป็นต้นไป) == Project Alky == โปรเจกต์แอลกี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อไมโครซอฟเปิดตัว DirectX 10 เพื่อแก้ไขให้ DirectX 10 สามารถใช้ได้กับ วินโดวส์เอกซ์พี, ลินุกซ์ และเครื่องสเปคต่ำ โดยตัวโปรเจกต์เป็นฟรีแวร์ โปรเจกต์แอลกี้พัฒนาโดย Cody Brocious อายุ 19 ปี == ดูเพิ่ม == เรขภาพคอมพิวเตอร์ ActiveX OpenGL เกมคอมพิวเตอร์ == แหล่งข้อมูลอื่น == หน้าหลักไดเรกต์เอกซ์ http://www.thaigamearticles.com/Resource/Articlestutorials/DirectX/dxshow.php?dx_articles=article/article1.wcf http://angsila.compsci.buu.ac.th/~sc450618/css/DirectXInGame.pdf http://www.vcharkarn.com/varticle/33131/5 http://www.se-ed.net/sanambin/s-directx.html Alky Project DirectX World - DirectX lessons. Learn how to build a graphic engine. DirectX ซอฟต์แวร์ในปี พ.ศ. 2538 ความเป็นจริงเสมือน ซอฟต์แวร์กราฟิกส์ การเขียนโปรแกรม เอพีไอ เอพีไอของไมโครซอฟท์
thaiwikipedia
932
กลุ่มดาวคันชั่ง
กลุ่มดาวคันชั่ง หรือ กลุ่มดาวตุล (♎) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี แต่ไม่เด่นชัดเนื่องจากไม่มีดาวฤกษ์สว่าง กลุ่มดาวคันชั่งอยู่ระหว่างกลุ่มดาวหญิงสาวทางทิศตะวันตก กับกลุ่มดาวแมงป่องทางทิศตะวันออก ในอดีตเคยเป็นส่วนก้ามของแมงป่อง ดังหลักฐานที่ปรากฏหลงเหลือในชื่อดาว คันชั่ง กลุ่มดาวคันชั่ง
thaiwikipedia
933
กลุ่มดาวแมงป่อง
กลุ่มดาวแมงป่อง หรือ กลุ่มดาวพิจิก (♏) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี อยู่ระหว่างกลุ่มดาวตาชั่งทางทิศตะวันตกกับกลุ่มดาวคนยิงธนูทางทิศตะวันออก เป็นกลุ่มดาวที่มีขนาดใหญ่ อยู่ในซีกฟ้าใต้ ใกล้กับศูนย์กลางทางช้างเผือก กลุ่มดาวแมงป่องเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวบนฟ้ามีลักษณะเด่น หลายชาติเรียกของกลุ่มดาวนี้ตรงกันว่ามีรูปร่างคล้ายกับแมงป่อง มีดาวที่สำคัญคือดาวปาริชาตซึ่งมีสีส้มแดง ในขณะที่ดาวดวงอื่นเรียงเป็นแถวยาวโค้งคล้ายกับหางแมงป่อง กลุ่มดาว กลุ่มดาวแมงป่อง
thaiwikipedia
934
กลุ่มดาวคนแบกงู
กลุ่มดาวคนแบกงู (ʉ) (Ophiuchus) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในรายชื่อ 48 กลุ่มดาวของทอเลมี เป็นกลุ่มดาวจักรราศี (กลุ่มดาวที่ดวงอาทิตย์ปรากฏเคลื่อนผ่าน) กลุ่มที่ 13 เนื่องจากมีขาข้างนึงแทรกไปในกึ่งกลางระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับกลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวคนแบกงูแทนด้วยชายคนหนึ่งกำลังอุ้มงูไว้ ทำให้แยกกลุ่มดาวงูออกเป็นสองส่วน คือ หัวกับหาง (แต่นับเป็นกลุ่มดาวเดียวกัน) กลุ่มดาวคนแบกงู กลุ่มดาว
thaiwikipedia
935
โอเพนเอแอล
โอเพนเอแอล (OpenAL: Open Audio Library) เป็นไลบรารีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักเขียนโปรแกรม เพื่อส่งคำสั่งควบคุมการวาดภาพไปยังอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ประมวลผลเสียง รุ่นปัจจุบันของ OpenAL คือ 1.0 == ประวัติ == เนื่องจาก OpenGL เป็นการจัดการที่เกี่ยวกับภาพเพียงอย่างเดียว ดังนั้น OpenAL จึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อลดช่องว่างดังกล่าว และตัวชุดคำสั่งมีลักษณะรูปแบบเดียวกับ OpenGL ชุดคำสั่งใน OpenAL เป็นมาตรฐานเดียวกันที่สามารถใช้ได้ทั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และมุ่งเป้าหมายไปยัง cross-platform โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขชุดคำสั่งอีก ถ้าต้องการใช้ OpenGL และระบบเสียง อาจเลือกใช้ DirectSound ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ DirectX เป็นส่วนประกอบภายในโปรแกรมได้ == ซอฟต์แวร์ที่ใช้ OpenAL == เกมส์ เกมที่ใช้ engine ของ ID Software เช่น Doom 3, Jedi Knight 2, Jedi Academy และ Quake 4 เกมที่ใช้ engine ของ Unreal เช่น Unreal 2, Unreal Tournament 2003, Unreal Tournament 2004, Postal², America's Army และ Hitman 2 Battlefield 2, Freedom Fighters และ Psychonauts เกมที่เป็นซอฟต์แวร์เสรีจำนวนมาก ซอฟต์แวร์อื่นๆ เบลนเดอร์ (ซอฟต์แวร์) ซอฟต์แวร์สร้างเนื้อหา 3 มิติ == ดูเพิ่ม == OpenGL DirectX เกมคอมพิวเตอร์ EAX (Creative's Environmental Audio Extension) == แหล่งข้อมูลอื่น == OpenAL developer.creative.com การพัฒนาวิดีโอเกม เอพีไอ ไลบรารีเสียง เอพีไอบนลินุกซ์
thaiwikipedia
936
สิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิต จะมีคุณลักษณะ (properties) ที่ไม่พบในสิ่งไม่มีชีวิต อันได้แก่ความสามารถในการใช้สสารและพลังงานเป็นสำคัญ ซึ่งได้รับถ่ายทอดจากบรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตแรกเริ่ม อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตเริ่มแรกหรือบรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตซึ่งถือกำเนิดมาบนโลกกว่า 4 พันล้านปี เมื่อผ่านการวิวัฒนาการและการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมในแต่ละช่วงเวลา ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตเป็นจำนวนมากดังที่ปรากฏในปัจจุบัน == การจำแนกสิ่งมีชีวิต == แรกเริ่มเดิมที ใน ค.ศ. 1735 คาโรลัส ลินเนียส ได้แบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็น 3 พวก คืออาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์ และอาณาจักรแร่ธาตุ ต่อมานักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังได้ศึกษาวิจัย และแบ่งจำแนกสิ่งมีชีวิตอย่างละเอียดขึ้น จนในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 7 อาณาจักร ใน 3 โดเมน อันได้แก่ อาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์ อาณาจักรฟังไจ อาณาจักรโพรทิสตา อาณาจักรโครมาลวีโอลาตา สังกัดโดเมนยูแคริโอต อาณาจักรอาร์คีแบคทีเรีย สังกัดโดเมนอาร์เคีย และอาณาจักรยูแบคทีเรีย สังกัดโดเมนโพรแคริโอต == การกำเนิดสิ่งมีชีวิต == มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายการเกิดของสิ่งมีชีวิต เช่น ทฤษฎี “spontaneous generation” ที่กล่าวว่าสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเองจากสิ่งไม่มีชีวิตเช่น กบและแมลงเกิดจากดิน หรือแมลงเกิดจากเนื้อเน่า อย่างไรก็ตามปัจจุบันทฤษฎีดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง เป็นที่ทราบในปัจจุบันว่าสิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน เช่น สุนัขจะให้กำเนิดสุนัข หนอนผีเสื้อเกิดจากผีเสื้อและพัฒนาเป็นผีเสื้อในลำดับต่อมา นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษชื่อ ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) และ แอลเฟรด รัสเซล วอลแลนซ์ (Alfred Russel Wallance) ได้เสนอทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก (theory of evolution by natural selection) วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการคัดเลือกตามธรรมชาติ ซึ่งทฤษฏีดังกล่าว กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตหนึ่ง ๆ ภายในชนิดเดียวกัน (สปีชีส์ ; species) จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ซึ่งเราเรียกว่าแตกต่างภายในสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันนี้ว่า ความผันแปร (variations) โดยความผันแปรดังกล่าว จะเป็นผลให้สิ่งมีชีวิตสามารถอยู่รอดในได้สภาวะแวดล้อม ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดสภาวะแห้งแล้ง แมลง สายพันธุ์ที่มีความสามารถกินอาหารได้หลายชนิดทั้งใบพืชและหญ้า จะสามารถมีชีวิตรอดได้ดีกว่าแมลง สายพันธุ์ที่สามารถกินหญ้าได้อย่างเดียว เมื่อสิ่งมีชีวิต สายพันธุ์หนึ่งสามารถมีชีวิตได้นาน ก็สามารถมีลูกหลานได้มากกว่าสิ่งมีชีวิต สายพันธุ์อื่นที่มีอายุสั้นและเมื่อเวลาผ่านไปสิ่งมีชีวิต สายพันธุ์นั้นจะมีจำนวนมากขึ้นและเกิดเป็นชนิดใหม่ (new species) แรกเริ่มเดิมทีเมื่อโลกยังร้อน สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยบนโลกใบนี้ได้ เมื่อเวลาผ่านไปโลกเริ่มเย็นตัวลง อุณหภูมิบนโลกจึงเหมาะที่จะเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้น โดยทฤษฎีที่ยอมรับเกี่ยวกับการเกิดสิ่งมีชีวิตเริ่มแรก เกิดจากการทำปฏิกิริยากันของสารเคมีซึ่งเกิดขึ้นในทะเล หลังจากนั้นเกิดเป็นสารประกอบพวกโปรตีน กรดอะมิโน และเอนไซม์ สะสมอยู่ในทะเลเป็นจำนวนมาก สำหรับสมมุติฐานดังกล่าวได้รับการสนับสนุนโดยการทดลองของ สแตนลีย์ มิลเลอร์ (Stanley Miller) โดยมิลเลอร์ได้ทำการจำลองสภาวะซึ่งเป็นระบบปิด หลังจากนั้นได้ใส่ก๊าซมีเทน (CH4) แอมโมเนีย (NH3) ไฮโดรเจน และน้ำ ซึ่งเชื่อว่าสภาวะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นในบรรยากาศของโลกในอดีต หลังจากนั้นให้ความร้อนและทำให้เกิดประกายไฟขึ้น ภายในระบบที่จัดไว้ หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ มิลเลอร์พบว่าในชุดการทดลองพบกรดอะมิโนและกรดอินทรีย์เกิดขึ้น สำหรับขั้นตอนต่อมาสารประกอบอินทรีย์จะรวมตัวกันเป็นโมเลกุลอินทรียสารขนาดใหญ่ (macromolecules) และวิวัฒนาการต่อไปจนเกิดเป็นโปรโตเซลล์ (protocell) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเซลล์ มีโครงสร้างของผนังเป็นไขมันและโปรตีน และเกิดการสันดาปภายในเซลล์ได้ หลังจากนั้น โปรโตเซลล์ ซึ่งเชื่อว่ามีอาร์เอ็นเอทำหน้าที่เป็นทั้งสารพันธุกรรมและเอนไซม์ จะวิวัฒนาการกลายเป็นเซลล์เริ่มแรกของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีความสามารถในการเพิ่มจำนวนหรือสืบพันธุ์ == อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต == สิ่งมีชีวิตในโลกนี้มีมากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน จึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดแบ่งหมวดหมู่เพื่อความสะดวกในการศึกษา และการนำมาใช้ประโยชน์ วิชาที่ว่าด้วยการจัดแบ่งหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต เรียกว่า อนุกรมวิธาน (Taxonomy) นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งวิชาอนุกรมวิธาน คือ คาโรลัส ลินเนียส (Carolus Linnaeus) ชาวสวีเดน ชื่อของสิ่งมีชีวิต มี 2 ชนิด คือ ชื่อสามัญ (common name) คือ ชื่อที่เรียกกันทั่ว ๆ ไป อาจเรียกตามลักษณะทางกาย ถิ่นกำเนิดหรือสถานที่อยู่ก็ได้เช่น ปากกาทะเล หอยมุก เป็นต้น ซึ่งชื่อดังกล่าวอาจเรียกต่างกัน ในแต่ละที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ชื่อวิทยาศาสตร์ (scientific name) ลินเนียสเป็นผู้เริ่มใช้เป็นคนแรก โดยสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยชื่อ 2 ชื่อ ชื่อแรกเป็นชื่อ จีนัส ชื่อที่2 เป็นชื่อ สปีชีส์ เขียนด้วยภาษาลาติน ชื่อจีนัสตัวแรกเขียนด้วยอักษรตัวใหญ่เสมอ ตัวแรกของสปีชีส์เป็นชื่อตัวเล็กธรรมดา ต้องเขียนให้ต่างจากอักษรอื่นเช่น ตัวเอน ตัวหนา หรือขีดเส้น ทั้ง 2 ชื่อไม่ติดกันเรียกระบบนี้ว่า การตั้งชื่อแบบบทวินาม (binomial nomenclature) ==== ลักษณะที่ใช้ในการจำแนกสิ่งมีชีวิต ==== ลักษณะภายนอกและโครงสร้างภายใน แบบแผนการเจริญเติบโตและโครงสร้างระยะตัวอ่อน ซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตที่ค้นพบ โครงสร้างของเซลล์และออร์แกเนล สรีระวิทยาและการสังเคราะห์สารเคมี ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ==== ลำดับขั้นในการจัดหมวดหมู่สิ่งมีชีวิต ==== ลำดับขั้นของหมวดหมู่สิ่งมีชีวิต (taxonomy category) มีการจัดลำดับตั้งแต่ใหญ่ที่สุด ถึงเล็กที่สุดดังนี้ อาณาจักร (kingdom) ไฟลัม (phylum) หรือดิวิชัน (division) ชั้น (class) อันดับ (order) วงศ์ (family) สกุล (genus) สปีชีส์ (species) อาร์ เอช วิทเทเคอร์ (R.H.Whittadker) ได้แบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็น 5 อาณาจักร คือ อาณาจักรมอเนอรา (Kingdom Monera) อาณาจักรโพรติสตา (Kingdom Protista) อาณาจักรฟังไจ (Kingdom Fungi) อาณาจักรพืช (Kingdom Plantae) อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia) == ดูเพิ่ม == การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ == อ้างอิง == Pongsak Luadee, Dr., "Principals of biology", PowerPoint Slide. L. Miller and Harold C. Urey 's Experiment Miller/Urey Experiment == แหล่งข้อมูลอื่น == BBCNews: 27 September, 2000, When slime is not so thick Citat: "It means that some of the lowliest creatures in the plant and animal kingdoms, such as slime and amoeba, may not be as primitive as once thought" * SpaceRef.com, July 29, 1997: Scientists Discover Methane Ice Worms On Gulf Of Mexico Sea Floor ** The Eberly College of Science: Methane Ice Worms discovered on Gulf of Mexico Sea Floor download Publication quality photos * Artikel, 2000: Methane Ice Worms: Hesiocaeca methanicola. Colonizing Fossil Fuel Reserves * SpaceRef.com, May 04, 2001: Redefining "Life as We Know it" Hesiocaeca methanicola In 1997, Charles Fisher, professor of biology at Penn State, discovered this remarkable creature living on mounds of methane ice under half a mile of ocean on the floor of the Gulf of Mexico. BBCNews, 18 December, 2002, 'Space bugs' grown in lab Citat: "Bacillus simplex and Staphylococcus pasteuri...Engyodontium album The strains cultured by Dr Wainwright seemed to be resistant to the effects of UV - one quality required for survival in space" BBCNews, 19 June, 2003, Ancient organism challenges cell evolution Citat: "It appears that this organelle has been conserved in evolution from prokaryotes to eukaryotes, since it is present in both" Interactive Syllabus for General Biology - BI 04, Saint Anselm College, Summer 2003 Jacob Feldman: Stramenopila NCBI Taxonomy entry: root (rich) Saint Anselm College: Survey of representatives of the major Kingdoms Citat: "Number of kingdoms has not been resolved...Bacteria present a problem with their diversity...Protista present a problem with their diversity...", Species 2000 Indexing the world's known species. Species 2000 has the objective of enumerating all known species of plants, animals, fungi and microbes on Earth as the baseline dataset for studies of global biodiversity. It will also provide a simple access point enabling users to link from here to other data systems for all groups of organisms, using direct species-links. The largest organism in the world may be a fungus carpeting nearly 10 square kilometers of an Oregon forest, and may be as old as 10500 years. The Tree of Life. Frequent questions from kids about life and their answers ชีวิต
thaiwikipedia
937
พฤกษศาสตร์
พฤกษศาสตร์ (Botany) หรือ ชีววิทยาของพืช (Plant Biology) หรือ วิทยาการพืช, พืชศาสตร์ (Plant Science) เป็นสาขาวิชาหนึ่งของชีววิทยา ที่ศึกษาเกี่ยวกับพืชและการเจริญเติบโต พฤกษศาสตร์มีขอบเขตการศึกษาที่กว้างขวางครอบคลุมตั้งแต่พืช สาหร่าย และเห็ดรา ศึกษาทั้งในด้านโครงสร้าง การเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ เมแทบอลิซึม โรค และคุณสมบัติทางเคมีและความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการระหว่างกลุ่มต่าง ๆ การศึกษาทางด้านพฤกษศาสตร์เริ่มต้นจากความรู้ที่สืบต่อกันมา จากการจำแนกพืชที่กินได้ พืชสมุนไพรและพืชมีพิษ เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่สาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ จากความสนใจในเรื่องพืชของบรรพบุรษทำให้ปัจจุบันจำแนกสิ่งมีชีวิตในด้านพฤกษศาสตร์มากกว่า 550,000 ชนิดหรือสปีชีส์ == ขอบเขตและความสำคัญของพฤกษศาสตร์ == ดังเช่นสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ พืชก็สามารถศึกษาได้จากหลายแง่มุม ทั้งในด้านโมเลกุล พันธุศาสตร์ หรือชีวเคมี และศึกษาได้ตั้งแต่ระดับออร์แกเนลล์ เซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะ ต้นพืช ประชากร ไปจนถึงระดับชุมชนหรือสังคมของพืช ในแต่ละระดับเหล่านี้ นักพฤกษศาสตร์อาจสนใจศึกษาได้ทั้งในด้านการจัดหมวดหมู่ (อนุกรมวิธาน) ด้านโครงสร้าง (กายวิภาคศาสตร์) หรือด้านหน้าที่ (สรีรวิทยา) ของส่วนต่าง ๆ ของพืช ในอดีตนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะถูกจำแนกให้อยู่ในกลุ่มพืชหรือกลุ่มสัตว์ พฤกษศาสตร์จึงครอบคลุมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ไม่ได้ถูกพิจารณาให้อยู่ในกลุ่มสัตว์ สิ่งมีชีวิตบางจำพวกซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ในสาขาพฤกษศาสตร์ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในอาณาจักรพืชมานานแล้วได้แก่ เห็ดรา (วิทยาเห็ดรา) แบคทีเรีย (วิทยาแบคทีเรีย) ไวรัส (วิทยาไวรัส) และสาหร่ายเซลล์เดียว ซึ่งกลุ่มสาหร่ายเซลล์เดียวถูกจัดส่วนหนึ่งของโพรทิสตาในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม นักพฤกษศาสตร์ยังคงให้ความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เห็ดรา ไลเคน แบคทีเรีย และโพรทิสที่มีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงยังถูกจัดให้อยู่ในวิชาพฤกษศาสตร์เบื้องต้น การศึกษาพืชมีความสำคัญมากเพราะพืชเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรก ๆ บนโลก พืชสร้างแก็สออกซิเจน อาหาร เชื้อเพลิง และยา ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงกว่ารวมทั้งมนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ พืชยังดูดกลืนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งเป็นแก๊สที่เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจก ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพืชมีความสำคัญต่ออนาคตของสังคมมนุษย์ดังต่อไปนี้ การผลิตอาหารให้แก่ประชากรมนุษย์ที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น ความเข้าใจในกระบวนการพื้นฐานของชีวิต การผลิตยาและวัสดุต่าง ๆ เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บและโรคด้านอื่น ๆ ความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม === การผลิตอาหารให้แก่โลก === ความจริงแล้วอาหารทุกอย่างที่เรารับประทานล้วนมาจากพืช ทั้งโดยตรงจากอาหารหลักจำพวกแป้ง ข้าว รวมทั้งผักและผลไม้ หรือโดยอ้อมผ่านทางปศุสัตว์ซึ่งกินพืชเป็นอาหาร ความหมายอีกนัยหนึ่งคือ พืชเป็นรากฐานของห่วงโซ่อาหารเกือบทุกห่วงโซ่ หรือที่นักนิเวศวิทยาเรียกว่า ลำดับขั้นแรกของอาหาร ความเข้าใจในการผลิตอาหารของพืชมีความสำคัญต่อการผลิตอาหารให้แก่คนทั่วโลก และเก็บรักษาอาหารไว้สำหรับอนาคต แต่พืชไม่ได้มีประโยชน์ต่อมนุษย์ทุกชนิด วัชพืชบางชนิดสร้างปัญหาในการเกษตรกรรม และนักพฤกษศาสตร์ก็พยายามศึกษาเพื่อหาวิธีลดผลกระทบให้น้อยที่สุด === ความเข้าใจในกระบวนการพื้นฐานของชีวิต === พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมและสะดวกต่อการศึกษากระบวนการพื้นฐานต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต (ตัวอย่างเช่นการแบ่งเซลล์และการสังเคราะห์โปรตีน) โดยไม่มีปัญหาทางจริยธรรมจากการศึกษาในสัตว์หรือมนุษย์ กฎการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของเกรกอร์ โยฮัน เม็นเดิล ก็ได้รับการค้นพบโดยการศึกษาด้วยวิธีนี้ โดยศึกษาจากการถ่ายทอดลักษณะของถั่วลันเตา === การผลิตยาและวัสดุต่าง ๆ === ยารักษาโรคและสารที่มีผลต่อประสาทอย่างเช่น กัญชา กาเฟอีน และนิโคติน ส่วนใหญ่แล้วได้มาจากพืชโดยตรง ตัวอย่างเช่น ยาแอสไพริน ซึ่งสกัดจากสารจากเปลือกของต้นหลิว อาจมีวิธีรักษาโรคภัยไข้เจ็บโดยใช้พืชอีกหลายวิธีที่ยังรอการค้นพบอยู่ เครื่องดื่มที่นิยมอย่างกาแฟ ช็อคโกแลต และชา ก็มาจากพืชเช่นกัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่ก็ได้จากการหมักพืชอย่างเช่นข้าวบาร์เลย์ มอลต์ และองุ่น นอกจากนี้ พืชยังเป็นแหล่งของวัสดุธรรมชาติมากมาย เช่น ฝ้าย ไม้ กระดาษ ลินิน น้ำมันพืช และยาง ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีการเพาะปลูกต้นหม่อน และไม่นานมานี้ อ้อยและพืชอื่น ๆ ก็ถูกใช้เป็นแหล่งของเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือไปจากเชื้อเพลิงฟอสซิล === ความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม === พืชสามารถทำให้เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมได้จากหลายทาง ได้แก่ ความเข้าใจในการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย และการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต มีความสำคัญต่อการจัดหมวดหมู่และการศึกษาอนุกรมวิธานของพืชได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ พืชมีการตอบสนองต่อรังสีอุลตราไวโอเลต จึงใช้ศึกษาและตรวจสอบการลดลงของโอโซนได้ การศึกษาวิเคราะห์ละอองเกสรจากซากดึกดำบรรพ์ของพืช ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์จำลองสภาพภูมิอากาศในอดีต และทำนายสภาพอากาศในอนาคตได้ การบันทึกและวิเคราะห์ช่วงเวลาของวัฎจักรชีวิตของพืช มีความสำคัญต่อการศึกษาปรากฏการณ์และการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ไลเคน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไวต่อสภาพอากาศ สามารถใช้ตรวจวัดมลภาวะได้ == ศัพทมูลวิทยา == พฤกษศาสตร์ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 มีความหมายว่า วิชาว่าด้วยต้นไม้ พฤกษศาสตร์มาจากคำว่า พฤกษ (พฺรึกสะ) หมายถึงต้นไม้ มีรากศัพท์มาจากภาษากึ่งบาลีกึ่งสันสกฤตจาก วฺฤกฺษ ในภาษาสันสกฤตและ รุกฺข ในภาษาบาลี กับคำว่า ศาสตร์ (สาด) หมายถึงระบบวิชาความรู้ มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต == ประวัติศาสตร์ของพฤกษศาสตร์ == === พฤกษศาสตร์ยุคแรก === อินเดียโบราณ มีการค้นพบการจำแนกพืชขึ้นเป็นครั้งแรกในคัมภีร์ฤคเวทซึ่งแบ่งพืชออกเป็น ไม้ต้น ไม้ล้มลุกที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ และไม้เลื้อย ซึ่งในภายหลังได้ถูกแบ่งย่อยออกไปอีกเป็น 8 กลุ่มในคัมภีร์เวทอาธารวา คือ ไม้ที่กิ่งแผ่กว้าง ไม้ที่ใบเป็นกระจุกและยาว ไม้พุ่ม ไม้ที่แผ่ราบ ไม้ใบเลี้ยงเดี่ยว ไม้เลื้อย ไม้ที่มีกิ่งก้านมาก ไม้ที่มีปุ่มปมซับซ้อน ผลงานทางด้านสรีรวิทยาของพืชที่สำคัญในสมัยอินเดียตอนกลางประกอบด้วย the Prthviniraparyam of Udayana, Nyayavindutika of Dharmottara, Saddarsana-samuccaya of Gunaratna และ Upaskara of Sankaramisra จีนโบราณ บันทึกรายชื่อพืชและพืชที่นำมาปรุงยามีมาหลังสงครามระหว่างแคว้น (481-221 ก่อนคริสต์ศักราช) แพทย์จีนจำนวนมากตลอดศตวรรษได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับความรู้ทางด้านการปรุงยาสมุนไพร ในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีงานเขียนของคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง และแพทย์จีน จาง จงจิ่งที่มีชื่อเสียงมากในคริสต์ศตวรรษที่ 2 ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 นักวิทยาศาสตร์และรัฐบุรุษ ซูซ่ง และ เฉิน โค่ว ได้รวบรวมวิธีการรักษาโรคด้วยพืชสมุนไพรรวมกับการใช้แร่ธาตุอีกด้วย กรีกโรมัน ผลงานทางด้านพฤกษศาสตร์ในแถบยุโรปมีมาราว 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช ทีโอฟราตัสมีงานเขียนสองเล่มที่สำคัญคือ On the History of Plants และ On the Causes of Plants หนังสือสองเล่มนี้ส่งผลให้เกิดการศึกษาทางด้านพฤกษศาสตร์มากขึ้น นายแพทย์ชาวโรมันเขียนหนังสือรวบรวมการรักษาด้วยสมุนไพรซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงความรู้ทางพฤกษศาสตร์ของกรีกโรมัน === พฤกษศาสตร์สมัยกลาง === อัล ดินาวาริ นักพฤกษศาสตร์ชาวเคิร์ด เป็นผู้ก่อตั้งอาหรับพฤกษศาสตร์ ผลงานของเขาคือ หนังสือพืช เขาได้อธิบายถึงลักษณะพืชอย่างน้อย 637 ชนิดและได้อภิปรายเกี่ยวกับพัฒนาการของพืชตั้งแต่การงอกจนกระทั่งตาย อธิบายช่วงระยะเวลาการเจริญเติบโตของพืช การออกดอกและผลของต้นไม้แต่ละชนิด หนังสือ ฮีสทอเรีย แพลนทารัม ของทีโอฟราตัส เป็นข้อมูลที่ใช้อ้างอิงทางพฤกษศาสตร์ในหลายศตวรรษต่อมา และได้ถูกปรับปรุงขึ้นประมาณปี 1200 โดย Giovanni Bodeo da Stapelio ซึ่งได้เพิ่มข้อคิดเห็นและวาดรูปประกอบ === พฤกษศาสตร์สมัยใหม่ === == มหาวิทยาลัยที่มีการเปิดสอนในประเทศไทย == ปัจจุบันในประเทศไทยมีหลักสูตรการศึกษาด้านพฤกษศาสตร์ตั้งแต่ปริญญาตรีไปจนถึงปริญญาเอก และหนึ่งหลักสูตรปริญญาโทนานาชาติ ในปีการศึกษา 2553 มีคณาจารย์ในสาขารวมทั้งสิ้น 66 ท่าน และนักศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 141 คน จาก 3 มหาวิทยาลัย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณาจารย์ 30 คน วิทยาศาสตรบัณฑิต วท.บ (พฤกษศาสตร์), B.Sc (Botany) วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต วท.ม (พฤกษศาสตร์), M.Sc (Botany) วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต วท.ด (พฤกษศาสตร์), D.Sc (Botany) ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณาจารย์ 19 คน วิทยาศาสตรบัณฑิต วท.บ (พฤกษศาสตร์), B.Sc (Botany) วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต วท.ม (พฤกษศาสตร์), M.Sc (Botany) ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ปร.ด (พฤกษศาสตร์), Ph.D (Botany) ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณาจารย์ 12 คน วิทยาศาสตรบัณฑิต วท.บ (พฤกษศาสตร์), B.Sc (Plant Science) วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต วท.ม (วิทยาการพืช) หลักสูตรนานาชาติ, M.Sc (Plant Science) international program == ดูเพิ่ม == เกษตรกรรม เครื่องเทศ ชีววิทยา พืช ไม้ดอก ผลไม้ วนศาสตร์ สมุนไพร สวนพฤกษศาสตร์ == อ้างอิง == พฤกษศาสตร์ พืช
thaiwikipedia
938
ไม้ต้น
ต้นไม้ คือ พืชนานปีซึ่งมีลำต้นยาวและรับน้ำหนักกิ่งแขนงและใบได้ โดยมีเนื้อไม้ที่ช่วยทรงตัวได้โดยลำพัง การนิยามคำว่า "ต้นไม้" ในความหมายแบบแคบรวมเฉพาะพืชที่มีเนื้อไม้แข็ง (woody plant หรือ wood) และมีเนื้อเยื่อเจริญในชั้นเปลือกนอก (cambium) เจริญไปเป็นกิ่งและราก หรือใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ (lumber) หรือพืชที่มีความสูงกว่าที่กำหนดเท่านั้น ในความหมายแบบกว้าง ต้นไม้ รวมไปถึง ปาล์ม เฟิร์นต้น กล้วยและไผ่ ไม้ต้นมักมีอายุยืน บางต้นอยู่ได้หลายพันปี ต้นที่สูงที่สุดบนโลกมีความสูง 115.6 เมตร และมีความสูงได้มากที่สุดตามทฤษฎี 130 เมตร ไม้ต้นอุบัติขึ้นบนโลกเป็นเวลาราว 370 ล้านปีแล้ว ไม้ต้นมิใช่กลุ่มทางอนุกรมวิธาน แต่เป็นกลุ่มพืชไม่เกี่ยวข้องกันที่วิวัฒนาลำต้นและกิ่งไม้เพื่อให้สูงเหนือพืชอื่นและใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์ให้ได้มากที่สุด == อ้างอิง == พืช ไม้ยืนต้น
thaiwikipedia
939
ใบไม้
ใบไม้ (leaf) เป็นส่วนที่สร้างอาหารโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ใบไม้มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันหลายแบบแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ตามลักษณะที่แตกต่างกัน รูปพหูพจน์ของ leaf คือ leaves ส่วน foliage เป็นกลุ่มคำนามที่ใช้อธิบายว่าใบเป็นส่วนประกอบหนึ่งของพืช == กายวิภาคของใบ == ลักษณะของใบพืชดอกที่สมบูรณ์นั้นประกอบไปด้วย ก้านใบ, แผ่นใบ, และ หูใบ ก้านใบนั้นจะเป็นส่วนต่อมาจากลำต้นใบบริเวณที่เรียกว่า "ง่ามกิ่งหรือซอกใบ" แต่ก็ใช่ว่าพืชทุกชนิดจะมีใบตามลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น ในพืชบางชนิดคู่หูใบจะไม่ปรากฏเด่นชัดหรือไม่มีเลย ก้านใบอาจไม่มีหรือแผ่นใบอาจไม่เป็นแผ่นแบน ความหลากหลายที่มีมากมายนี้ถูกแสดงในกายวิภาคของใบจากชนิดหนึ่งถึงอีกชนิดหนึ่งที่ถูกเสนอในรายละเอียดภายใต้รูปร่างลักษณะของใบ ใบนั้นถือว่าเป็นอวัยวะหนึ่งซึ่งทั่วไปประกอบไปด้วย: เนื้อเยื่อชั้นผิว ที่จะปกคลุมผิวด้านบน (2) และด้านล่าง (5) พาเรงคิมา ภายในที่เรียกว่ามีโซฟิลล์ (3:แพลิเซด มีโซฟิลล์) (4:สปองจี มีโซฟิลล์) ข้อของเส้นใบ (10:ท่อลำเลียง) (8:ไซเล็ม) (9:โฟลเอ็ม) ปากใบ (6) เซลล์คุม (7) ผิวเคลือบคิวทิน (1) ที่ปกคลุมเนื้อเยื่อชั้นผิวอีกที == ประเภทของใบไม้ == === ใบเดี่ยว === ใบเดี่ยว (simple leaf) หมายถึงใบที่มีเพียงใบเดียวติดกับก้านที่แตกออกจากกิ่งหรือลำต้น เช่น มะม่วง กล้วย แต่ยังมีใบเดี่ยวบางชนิดที่ขอบใบเว้าเข้าไปมากทำให้ดูคล้ายใบประกอบ เช่น มะละกอ มันสำปะหลัง ใบประกอบแบบขนนก (pinnately compound leaves) ใบย่อยแต่ละใบแยกออกจากก้าน 2 ข้างของแกนกลาง คล้ายขนนก ถ้าปลายสุดของใบจะเป็นใบย่อยเพียงใบเดียวเรียก แบบขนนกคี่ (odd pinnate) เช่น กุหลาบ อัญชัน ก้ามปู ถ้าสุดปลายใบมี 2 ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เช่น มะขาม ขี้เหล็ก แคบ้าน ใบประกอบแบบขนนกอาจแบ่งย่อยได้อีก คือ * ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว (unipinnate) เป็นใบประกอบที่มีใบย่อยแยกออกจากแกนกลางเพียงครั้งเดียว เช่น กุหลาบ มะขาม ขี้เหล็ก * ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น (bipinnate) เป็นใบประกอบแบบขนนกที่แยกออกจากก้านเป็นครั้งที่ 2 จึงมีใบย่อย เช่น ก้ามปู หางนกยูง * ใบประกอบแบบขนนกสามชั้น (tripinnate) เป็นใบประกอบแบบขนนกที่แตกแขนงออกจากก้านเป็นครั้งที่ 3 จึงมีใบย่อย เช่น ปีบ มะรุม == ศัพท์บัญญัติที่เกี่ยวข้องกับใบ == === รูปใบ (leaf shape) === ในพฤกษศาสตร์ใช้ศัพท์เพื่อพรรณนาถึงรูปใบดังนี้: ใบรูปเข็ม : Acicular (acicularis) ใบรูปลิ่มแคบ : Subulate (subulata) Acuminate (acuminata) : เรียวแหลม Aristate (aristata) : แหลมเข็ม, มีรยางค์แข็ง Cordate (cordata) : รูปหัวใจ Cuneate (cuneata) : รูปลิ่ม Deltoid (deltoidea) : สามเหลี่ยม Digitate (digitata) : รูปนิ้วมือ Elliptic (elliptica) : รีรูปไข่ Falcate (falcata) : รูปเคียว Flabellate (flabellata) : พัด Hastate (hastata) : เงี่ยงใบหอก Lance-shaped, lanceolate (lanceolata) : ใบหอก Linear (linearis) : แถบ Lobed (lobata) : เป็นแฉก, เป็นพู, เป็นหยัก Obcordate (obcordata) : หัวใจกลับ Oblanceolate (oblanceolata) : ใบหอกกลับ Oblong (oblongus) : ขอบขนาน Obovate (obovata) : ไข่กลับ Obtuse (obtusus) : ป้าน, มน Orbicular (orbicularis) : กลม Ovate (ovata) : Oval, รีกว้าง รูปไข่ Palmate (palmata) : รูปฝ่ามือ,แบบนิ้วมือ Pedate (pedata) : แบบตีนเป็ด Peltate (peltata) : แบบก้นปิด (ลำต้นอยู่ใต้ใบ ณ จุดต่อ) Perfoliate (perfoliata) : รอบข้อ (แผ่นใบล้อมรอบลำต้น) Pinnate (pinnata) : แบบขนนก * odd-pinnate, imparipinnate: แบบขนนกปลายคี่ * paripinnate, even-pinnate: แบบขนนกปลายคู่ * pinnatifid and pinnatipartite: หยักแบบขนนก และหยักลึกแบบขนนก * bipinnate, twice-pinnate: แบบขนนกสองชั้น * tripinnate, thrice-pinnate: แบบขนนกสามชั้น Pinnatisect (pinnatifida) : หยักลึกสุดแบบขนนก Reniform (reniformis) : ไต Rhomboid (rhomboidalis) : สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด Round (rotundifolia) : กลม Sagittate (sagittata) : หัวลูกศร Spatulate, spathulate (spathulata) : ช้อน Subulate (subulata) : รูปลิ่มแคบ Sword-shaped (ensiformis) : รูปดาบ Trifoliate, ternate (trifoliata) : มีสามใบย่อย Truncate (truncata) : ปลายตัด Unifoliate (unifoliata) : มีหนึ่งใบ === ใบขอบ (margins, edge) === angulate: เป็นมุม entire: เรียบ ciliate: เป็นขนครุย crenate: หยักมน * crenulate: หยักมนถี่ dentate: หยักซี่ฟัน * bidentate: หยักซี่ฟัน 2 ชั้น * denticulate: หยักซี่ฟันถี่ fimbriate: เป็นชายครุย incised: จักลึก lacerate: แหว่ง laciniate: จักเป็นครุย lobate: เป็นแฉก, เป็นพู, เป็นหยัก pectinate: จักซี่หวี repand: เป็นคลื่นเล็กน้อย serrate: จักฟันเลื่อย * biserrate: จักฟันเลื่อย 2 ชั้น * serrulate: จักฟันเลื่อยถี่ sinuate: เว้าเป็นคลื่น spinose: มีหนาม * spinose-lacerate: แหว่งมีหนาม * spinose-serrate: จักมีหนาม undulate: เป็นคลื่น === ปลายใบ === acuminate: เรียวแหลม acute: แหลม cuspidate: เป็นติ่งแหลม emarginate: เว้าตื้น mucronate: เป็นติ่งหนาม mucronulate: เป็นติ่งหนามสั้น obcordate: รูปหัวใจกลับ obtuse: ป้าน, มน truncate: ปลายตัด === โคนใบ === acuminate: เรียวแหลม acute: แหลม auriculate: รูปติ่งหู, รูปติ่งใบ cordate: รูปหัวใจ cuneate: รูปลิ่ม hastate: รูปเงี่ยงใบหอก oblique: เบี้ยว reniform: รูปไต rounded: กลม sagittate: รูปเงี่ยงลูกศร truncate: ปลายตัด === ผิวใบ === farinose: มีนวลแป้ง glabrous: เกลี้ยง glaucous: มีนวล glutinous: เหนียว papillate, papillose: มีปุ่มเล็ก pubescent: ขนสั้นนุ่ม punctate: จุดโปร่งแสง rugose: รอยย่น scurfy: เป็นขุย, มีขุย tuberculate: มีปุ่ม verrucose: เป็นตุ่ม viscid, viscous: เหนียว === ขน (Hairiness (trichomes)) === glabrous: เกลี้ยง arachnoid, arachnose: ขนคล้ายใยแมงมุม barbellate: มีขนบางรูปตะขอ, มีหนามบางรูปตะขอ bearded: มีขนเครา bristly: มีขนแข็ง canescent, hoary: ขนสั้นสีเทา ciliate: เป็นขนครุย ciliolate: เป็นขนครุยสั้น floccose: มีขนปุย (ร่วงง่าย) glandular: มีต่อม hirsute: ขนหยาบแข็ง hispid, scabrous, scabrid: ขนสาก hispidulous: ขนคาย lanate, lanose, woolly: แบบขนแกะ pilose: มีขนยาวห่าง puberulent, puberulous: ขนละเอียด pubescent: ขนสั้นนุ่ม sericeous: คล้ายไหม silky: เหมือนไหม stellate, stelliform: รูปดาว strigose: ขนแข็งเอน tomentose: มีขนสั้นหนานุ่ม villous: มีขนอุย == อ้างอิง == Haupt, Arthur Wing, Plant morphology. Publisher: McGraw-Hill 1953. Downloable from http://www.archive.org/details/plantmorphology00haup a b Mauseth, James D. Botany: An Introduction to Plant Biology. Publisher: Jones & Bartlett, 2008 ISBN 978-0763753450 Willert, Dieter J. von; Eller, Benno M.; Werger, Marinus J. A.; Brinckmann, Enno; Ihlenfeldt, Hans-Dieter: Life Strategies of Succulents in Deserts. Publisher: Cambridge University Press 1992. ISBN 978-0521244688 Bayer, M. B. (1982). The New Haworthia Handbook. Kirstenbosch: National Botanic Gardens of South Africa. ISBN 0620056320. Marloth, Rudolf. “The Flora of South Africa” 1932 Pub. Capetown: Darter Bros. London: Wheldon & Wesley. James, Shelley A., Bell, David T. ; Influence of light availability on leaf structure and growth of two Eucalyptus globulus ssp. globulus provenances; Tree Physiology, Volume20, Issue15, Pp. 1007-1018. Thomas F. Döring; Marco Archetti; Jim Hardie (2009), "Autumn leaves seen through herbivore eyes" ([http://www.thaireviews.webcam/] – Scholar search), Proceedings of the Royal Society B Biological Sciences 276 (1654): 121–127, doi:10.1098/rspb.2008.0858, PMC 2614250, PMID 18782744 Published by Thames and Hudson (London) with an ISBN 0 500 54104 3 == แหล่งข้อมูลอื่น == 108 พรรณไม้ไทย นิเวชวิทยาสำหรับมือใหม่ พฤกษศาสตร์ กายวิภาคศาสตร์ของพืช สรีรวิทยาของพืช
thaiwikipedia
940
กลุ่มดาวคนยิงธนู
สำหรับ Sagittarius ความหมายอื่น ดูที่: ราศีธนู และนกเลขานุการ กลุ่มดาวคนยิงธนู หรือ กลุ่มดาวธนู (♐) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี วาดเป็นรูปคนครึ่งม้ากำลังน้าวคันธนู กลุ่มดาวคนยิงธนูอยู่ระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องทางทิศตะวันตก กับกลุ่มดาวแพะทะเลทางทิศตะวันออก ดาวสว่างในกลุ่มดาวนี้เรียงกันเป็นรูปร่างคล้ายกาน้ำชา == อ้างอิง == Ian Ridpath and Wil Tirion (2007). Stars and Planets Guide, Collins, London. ISBN 978-0007251209. Princeton University Press, Princeton. ISBN 978-0691135564. == แหล่งข้อมูลอื่น == The Deep Photographic Guide to the Constellations: Sagittarius Star Tales – Sagittarius Find Sagittarius in the Night Sky กลุ่มดาว กลุ่มดาวคนยิงธนู
thaiwikipedia
941
กลุ่มดาวแพะทะเล
กลุ่มดาวแพะทะเล หรือ กลุ่มดาวมกร (♑) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี กลุ่มดาวนี้อยู่ในบริเวณที่เรียกกันว่าทะเลท้องฟ้า ซึ่งได้ชื่อมาจากการที่กลุ่มดาวหลายกลุ่มในบริเวณนี้มีชื่อเกี่ยวข้องกับน้ำ กลุ่มดาวแพะทะเลเป็นกลุ่มดาวหนึ่งในรายชื่อ 48 กลุ่มดาวของทอเลมี ล้อมรอบด้วย กลุ่มดาวนกอินทรี กลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวกล้องจุลทรรศน์ กลุ่มดาวปลาใต้ และ กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ กลุ่มดาว กลุ่มดาวแพะทะเล
thaiwikipedia
942
ต้นไม้ (ทฤษฎีกราฟ)
ต้นไม้ (tree) คือ กราฟที่สองจุดยอดใดๆจะมีวิถีเดินทางถึงกันได้เพียงวิถีเดียว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นกราฟที่ไม่มีวัฏจักรแต่เป็นกราฟที่เชื่อมต่อกันหมด สำหรับกราฟที่ไม่เชื่อมต่อกันหมดเราเรียกว่า ป่า (forest) == ส่วนประกอบของต้นไม้ == ใบ (leaf) หมายถึง จุดยอดที่มีระดับขั้นเท่ากับ หนึ่ง กิ่ง หมายถึง เส้นเชื่อมที่เชื่อมมาที่ใบ ราก (root) หมายถึง จุดยอดใดจุดยอดหนึ่งที่ถูกกำหนดขึ้นมาให้เป็นราก ความสูงของจุดยอด (vertice height) หมายถึง จำนวนเส้นเชื่อมบนวิถีจากจุดยอดใดๆถึงราก ความสูงของต้นไม้ (tree height) หมายถึง ความสูงของใบที่มากที่สุด == ต้นไม้ประเภทต่างๆ == ต้นไม้ทอดข้าม (spanning tree) หมายถึง กราฟย่อยของกราฟใดๆซึ่งมีลักษณะเป็นต้นไม้และมีจุดยอดทุกจุดของกราฟเป็นจุดยอดทุกจุดของต้นไม้ด้วย ต้นไม้มีราก (root tree) เป็นต้นไม้ที่ถูกกำหนดให้จุดยอดหนึ่งจุดที่ถูกกำหนดให้เป็น ราก ซึ่งจะทำให้สามารถกำหนดทิศทางให้กับเส้นเชื่อมต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยอาจจะให้เป็นทิศทางที่ชี้ เข้าหา ราก หรือ ออกจาก ราก ต้นไม้ย่อย (subtree) หมายถึงกราฟย่อยของต้นไม้ == คุณสมบัติ == ถ้า G เป็น ต้นไม้แบบไม่มีทิศทางเชิงเดียว G จะสอดคล้องกับเงื่อนไขที่สมมูลกันด้านล่างนี้ G เป็นกราฟที่เชื่อมต่อกันและไม่มีวัฏจักร (cycles) G ไม่มีวัฏจักรและถ้าเพิ่มเส้นเชื่อมใด ๆ เข้าไปใน G จะทำให้เกิดวัฏจักรขึ้น G เป็นกราฟที่เชื่อมต่อกัน และ การลบเส้นเชื่อมใด ๆ ออกทำให้ G ไม่เชื่อมต่อกัน จุดยอดสองจุดใด ๆ ใน G สามารถเชื่อมต่อกันด้วยวิธีเชิงเดียว ที่มีเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ถ้า G มีจุดยอดเป็นจำนวนจำกัด n จุดยอด จะมีเส้นเชื่อม n − 1 เส้น G ไม่มีวัฏจักรและมีเส้นเชื่อม n − 1 เส้น == ป่า == ถ้า G เป็นกราฟแบบไม่มีทิศทางเชิงเดียวจะเรียกว่า ป่า ได้ ก็ต่อเมื่อ G นั้นไม่มีวัฏจักรเชิงเดียว ดังนั้น ต้นไม้ต้นเดียวอาจเรียกว่า ป่า ได้ == ดูเพิ่ม == ต้นไม้ (โครงสร้างข้อมูล)
thaiwikipedia
943
การปฏิวัติฝรั่งเศส
การปฏิวัติฝรั่งเศส (Révolution française เรวอลูว์ซียง ฟร็องเซ) เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1789 เมื่อกองกำลังประชาชนร่วมกันล้มล้างระบอบเก่าเพื่อสถาปนาระบอบใหม่ นำไปสู่ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นระยะเวลาชั่วคราว และแล้วสถาบันกษัตริย์ก็ถูกล้มล้างโดยสมบูรณ์นเดือนกันยายน ค.ศ. 1792 ราชอาณาจักรฝรั่งเศสแปรสภาพเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่หนึ่ง ตามด้วยการประหารชีวิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1793 และความวุ่นวายทางการเมืองที่ยาวนานหลายปี ความวุ่นวายเหล่านี้สิ้นสุดลงเมื่อนายพลนโปเลียนได้ก่อรัฐประหาร 18 บรูว์แมร์ และตั้งตนเองเป็นกงสุลเอกเมื่อพฤศจิกายน ค.ศ. 1799 หลักการหลายประการในปัจจุบันได้ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมสมัยใหม่ ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1700 และ ค.ศ. 1789 ประชาชนชาวฝรั่งเศสได้ขยายตัวจาก 18 ล้านคนเป็น 26 ล้านคน นำไปสู่คนว่างงานจำนวนมาก พร้อมกับการเพิ่มขึ้นราคาสิ้นค้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดมาจากการเก็บเกี่ยวที่แย่มาหลายปี ความทุกข์ยากทางสังคมได้กว้างขวางอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่การเรียกประชุมสภาฐานันดรในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1789 ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1614 ในเดือนมิถุนายน สภาฐานันดรถูกแปรสภาพเป็นสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งทำการขจัดจารีตและรอบอบที่มีอยู่เดิมด้วยมาตรการที่รุนแรง ไม่ว่าการยกเลิกระบอบศักดินาสวามิภักดิ์, การยกเลิกสิทธิ์พิเศษของนักบวช, การยึดศาสนสถานคาทอลิกเป็นของรัฐ, การบังคับให้นักบวชคือผู้ที่รับเงินเดือนจากรัฐ, การให้สิทธิ์เลือกตั้งแก่ผู้ชายฝรั่งเศสถ้วนหน้า เป็นต้น ประเทศมหาอำนาจอย่างเช่น ออสเตรีย, บริเตนใหญ่ และปรัสเซีย มองว่าการปฏิวัติในฝรั่งเศสเป็นภัยคุกคามต่อราชบัลลังก์ของตนเอง จึงรวมหัวกันกดดันคณะปฏิวัติฝรั่งเศสให้ทำการปล่อยตัวพระเจ้าหลุยส์ แต่ก็ไม่เป็นผล คณะปฏิวัติฝรั่งเศสประหารพระเจ้าหลุยส์ ก่อตั้งสาธารณรัฐที่หนึ่ง และประกาศสงครามกับต่างประเทศ ในช่วงต้นของการปฏิวัติ อำนาจนิติบัญญัติ-บริหาร-ตุลาการ รวมอยู่ในองค์กรเดียวที่ชื่อว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มฌีรงแด็ง อย่างไรก็ตาม กลุ่มฌีรงแด็งดำเนินนโยบายหลายประการซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชน ท้ายที่สุด กลุ่มฌีรงแด็งก็ไม่เหลือพันธมิตร กองกำลังประชาชนร่วมกับนักการเมืองกลุ่มลามงตาญ จึงร่วมมือกันโค่นล้มกลุ่มฌีรงแด็งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1793 เมื่อกลุ่มลามงตาญครองอำนาจก็เข้าสู่สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัวภายใต้การนำของมักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ รัฐธรรมนูญถูกระงับใช้ คณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวมกลายเป็นองค์กรที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งในสมัยดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาหรือต้องสงสัยว่า "ต่อต้านการปฏิวัติ" จะถูกจับกุมขึ้นศาลอาญาปฏิวัติ และถูกจำคุกหรือถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยเครื่องกิโยติน ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเศษที่รอแบ็สปีแยร์ครองอำนาจ มีผู้ถูกประหารชีวิตกว่า 16,000 รายในกรุงปารีสและต่างจังหวัด จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า "ปฏิกิริยาเดือนแตร์มีดอร์" ที่นักการเมืองรวมหัวกันออกมติปลดรอแบ็สปีแยร์กลางสภา และออกมติให้จับกุมรอแบ็สปีแยร์และพวก ถือเป็นสิ้นจุดสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว หลังจากนั้น สภาก็ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ค.ศ. 1795 ซึ่งแบ่งแยกอำนาจนิติบัญญัติ-บริหาร-ตุลาการ ออกจากกัน ฝ่ายบริหารมีชื่อว่าคณะดีแร็กตัวร์ แม้ว่าคณะดีแร็กตัวร์ประสบความสำเร็จทางทหาร แต่ต้นทุนสงครามก็ได้นำไปสู่ความซบเซาทางเศรษฐกิจและความแตกแยกภายในประเทศ และแล้วคณะดีแร็กตัวร์ก็ถูกรัฐประหารโดยนายพลนโปเลียน ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดสิ้นสุดของการปฏิวัติฝรั่งเศส สัญลักษณ์ของการปฏิวัติมากมาย เช่นเพลง ลามาร์แซแยซ และวลี "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ" (Liberté, égalité, fraternité) ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในการปฏิวัติอื่น ๆ เช่น การปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917 ในอีกสองศตวรรษข้างหน้า หลักการสำคัญ เช่น ความเท่าเทียม จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้มีการรณรงค์เพื่อการเลิกทาสและสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป ค่านิยมและสถาบันนั้นมีอิทธิพลต่อการเมืองฝรั่งเศสจนถึงทุกวันนี้ และนักประวัติศาสตร์หลายคนได้ถือว่า การปฏิวัติเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มวลมนุษย์ == สาเหตุ == มูลเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศสมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ชี้ไปที่เหตุการณ์ และปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า (Ancien Régime) จำนวนหนึ่งว่าเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การปฏิวัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด อันเนื่องมาจากราคาขนมปังที่สูงขึ้น หลังจากการเก็บเกี่ยวธัญพืชที่ให้ผลไม่ดีหลายปีติดต่อกัน ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจากสภาพความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์ใน 1783-1784 ประกอบกับราคาอาหารที่สูงขึ้น และระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอซึ่งขัดขวางการส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่ ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปีและสงครามปฏิวัติอเมริกา สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของบริเตนใหญ่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งระบบการเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม แต่ลักษณะการเก็บภาษีเป็นแบบถดถอย (regressive) กล่าวคือยิ่งมีรายได้มากภาระการจ่ายภาษียิ่งลดลง วิธีการเก็บภาษีดังกล่าวนอกจากจะล้าสมัยแล้ว ยังทวีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติการคลังเช่นนี้ กษัตริย์ฝรั่งเศสจึงทรงเรียกประชุมสภาฐานันดรขึ้นตามคำแนะนำของสภาอภิชนในปี 1787 สำหรับปัจจัยทางการเมือง เยือร์เกิน ฮาเบอร์มาส นักปรัชญาชาวเยอรมันอธิบายว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของ "พื้นที่สาธารณะ" ที่กำลังเกิดขึ้นในฝรั่งเศสและยุโรปในช่วง ศ.ที่หนึ่ง8 โดยก่อนหน้านี้ (ศตวรรษที่หนึ่ง7) ฝรั่งเศสมีจารีตประเพณีการปกครองที่แยกชนชั้นปกครองออกจากชนชั้นที่ถูกปกครองอย่างชัดเจน ฝ่ายชนชั้นปกครองของฝรั่งเศสเป็นผู้ยึดกุมพื้นที่สาธารณะอย่างสิ้นเชิง และมุ่งจะแสดงออกถึงอำนาจทางการเมืองผ่านทางวัตถุ โดยการสร้างสิ่งก่อสร้างสาธารณะที่ใหญ่โต หรูหรา และมีราคาแพง เช่น พระราชวังแวร์ซาย ซึ่งถูกสร้างให้อาคันตุกะต้องมนต์ของความงดงามอลังการ และเพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งอำนาจที่เกรียงไกรของราชอาณาจักรฝรั่งเศสในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่พอถึงศตวรรษที่ 18 ประชาชนเริ่มมีความตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น การรู้หนังสือในหมู่ราษฎรมีเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจเอกสารสิ่งพิมพ์มีความคึกคัก มีการพบปะพูดคุยและเปลี่ยนความคิดเห็นและข่าวสารตามร้านกาแฟ ร้านหนังสือพิมพ์ และโรงช่างฝีมือในกรุงปารีส จนเกิดเป็นพื้นที่สาธารณะนอกการควบคุมของรัฐ และมีศูนย์กลางอยู่ที่ปารีสแทนที่จะเป็นแวร์ซาย กรณีพิพาทบูฟง (Querelle des Bouffons) ในปี 1750 เป็นเหตุการณ์แรก ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าความเห็นของสาธารณะมีความสำคัญ แม้แต่ในเรื่องรสนิยมทางดนตรีซึ่งเคยเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมของชนชั้นสูง หลังจากนั้นความเชื่อว่าทัศนะของสาธารณชน (แทนที่จะเป็นราชสำนัก) มีสิทธิที่จะตัดสินปัญหาทางวัฒนธรรมก็พัฒนาไปสู่ความต้องการของสาธารณะที่จะชี้ขาดปัญหาทางการเมืองในเวลาต่อมา ==เหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติ== ===วิกฤติการคลัง=== ปี 1774 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ขึ้นครองราชบัลลังก์ท่ามกลางวิกฤติการคลัง ฝรั่งเศสประสบภาวะขาดดุลงบประมาณติดต่อกันจนรัฐบาลเกือบล้มละลาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการมีส่วนในสงครามเจ็ดปีและสงครามปฏิวัติอเมริกา ขุนคลังเอก ฌัก ตูร์โก (Jacques Turgot) พยายามแก้ปัญหาได้บ้าง แต่เนื่องจากไปแตะเรื่องเอกสิทธิ์มากเกินไปจึงถูกพวกในราชสำนักรวมหัวบีบให้เขาลาออกเมื่อพฤษภาคม 1776 จนกระทั่งในปีต่อมา ฌัก แนแกร์ (Jacques Necker) นายธนาคารชาวสวิสได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการพระคลังหลวง เนื่องจากแนแกร์นับถือโปรเตสแตนท์ ขณะที่ราชสำนักฝรั่งเศสนับถือโรมันคาทอลิก แนแกร์จึงดำรงตำแหน่งขุนคลังเอกเต็มตัวไม่ได้ แนแกร์ตระหนักดีว่าระบบอัตราภาษีแบบถดถอยสร้างภาระหนักหนาต่อชนชั้นล่างเกินไป ขุนนางและพระได้รับการยกเว้นภาษีมากมายไปหมด แนแกร์เห็นว่าประเทศไม่สามารถเก็บเพิ่มอัตราภาษีสูงกว่านี้แล้ว ควรลดรายการภาษีที่ได้รับการยกเว้นของขุนนางและพระ และยังเสนอให้ราชสำนักทำการกู้เงินเพื่อผ่านวิกฤติการคลังครั้งนี้ เขาตีพิมพ์รายงานฉบับหนึ่งเพื่อสนับสนุนความคิดนี้ และเสนอให้ลดอำนาจของกลุ่มสภาอำมาตย์ที่เรียกว่า ปาร์เลอมง (Parlements) สภาอำมาตย์เหล่านี้มีทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีอำนาจวินิจฉัยตัดสินคดีความต่างๆ และยังมีอำนาจรับรองนโยบายของรัฐบาลให้เป็นกฎหมาย นโยบายการปฏิรูปของแนแกร์ถูกต่อต้านและขัดขวางโดยราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ แนแกร์ต้องการตำแหน่งนี้สูงกว่านี้ และร้องขอให้ทรงแต่งตั้งเขาเป็นขุนคลังเอกเต็มตัว พระเจ้าหลุยส์ทรงปฏิเสธ ท้ายที่สุด แนแกร์จึงลาออกในเดือนพฤษภาคม 1781 จนกระทั่งราชสำนักได้มือดีอย่างอาแล็กซ็องดร์ เดอ กาลอน (Calonne) มาในปี 1783 ในช่วงแรกกาลอนมีท่าทีใจกว้างต่อราชสำนัก แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักถึงสถานการณ์ความเลวร้ายทางด้านการคลัง และเสนอประมวลกฎหมายภาษีฉบับใหม่ เนื่องจากร่างกฎหมายภาษีฉบับใหม่จะทำให้ขุนนางและพระเสียภาษีที่ดิน จึงตกเป็นที่ต่อต้านโดยสภาอำมาตย์ กาลอนนำเรื่องเข้าสภาอภิชนแต่ถูกต่อต้านและทำให้ตัวกาลอนตกอยู่ในสถานะลำบากเสียเอง เหล่าขุนนางเสนอว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนด้วย ดังนั้นสภาที่ควรจะตัดสินเรื่องนี้จึงควรเป็นสภาฐานันดร (États généraux) กาลอนตัดสินใจลาออกในเดือนพฤษภาคม 1787 และผู้มาแทนที่คือบรีแยน (Brienne) ร่างกฎหมายที่บรีแยนเสนอต่อสภาอภิชน (Assemblée des notables) นั้นแทบไม่แตกต่างจากของกาลอนเลย ต่างแต่มีการยกเว้นภาษีเหนือที่ดินโบสถ์เท่านั้น แน่นอนว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกตีตกโดยสภาอภิชน บรีแยนพยายามอุทธรณ์ร่างกฎหมายนี้ไปยังสภาอำมาตย์ปารีส แม้ว่าสภาอำมาตย์ปารีสเห็นชอบในหลักการ แต่ก็พูดเหมือนสภาอภิชนว่ามีเพียงสภาฐานันดรเท่านั้นที่มีอำนาจผ่านร่างกฎหมายที่ส่งผลเปลี่ยนแปลงสังคมขนาดนี้ ในเดือนสิงหาคม 1788 พระเจ้าหลุยส์ทรงเรียกแนแกร์มารับตำแหน่งในราชสำนัก เชื่อกันว่าพระนางมารีอ็องตัวแน็ตมีส่วนช่วยให้แนแกร์กลับมามีอำนาจ แนแกร์ยืนกรานขอตำแหน่งขุนคลังเอก (Contrôleur général des finances) พระเจ้าหลุยส์ทรงยอมตาม และยังตั้งแนแกร์เป็นมุขมนตรีแห่งรัฐ (เทียบเท่านายกรัฐมนตรี) === การประชุมสภาฐานันดร === สภาฐานันดรประกอบด้วยผู้แทนจากสามชนชั้นได้แก่ พระสงฆ์, ขุนนาง และไพร่ ในวันที่ 24 มกราคม 1789 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสภาฐานันดรอย่างเป็นทางการ (การประชุมครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1614) จากนั้นก็มีการจัดการเลือกตั้งผู้แทนชนชั้นไพร่ในฤดูใบไม้ผลิปีเดียวกัน ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนคือชายชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิดที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ ต้องเป็นผู้พำนักในท้องที่ในวันเวลาเลือกตั้งและต้องเป็นผู้มีประวัติการเสียภาษี สภาฐานันดรประกอบด้วยสมาชิก 1,201 คน มาจากชนชั้นพระสงฆ์ 303 คน, ชนชั้นขุนนาง 291 คน, และชนชั้นไพร่ 610 คน ฐานันดรที่หนึ่งเป็นผู้แทนของพระสงฆ์และนักบวชราวหนึ่งแสนคนทั่วฝรั่งเศส ศาสนจักรถือกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินราว 10% ของประเทศ และยังได้สิทธิ์จัดเก็บภาษีจากชาวไร่ที่ใช้ประโยชน์เหนือที่ดิน ที่ดินเหล่านี้ถูกควบคุมโดยเหล่ามุขนายกและอธิการอาราม ฐานันดรที่สองเป็นผู้แทนของขุนนางซึ่งมีจำนวนราวสี่แสนคน ชนชั้นขุนนางถือกรรมสิทธิ์ที่ดินราว 25% ของประเทศ และได้รับสิ่งบรรณาการและค่าเช่าจากชาวไร่เป็นการตอบแทน ฐานันดรที่สามเป็นผู้แทนของไพร่ซึ่งมีจำนวนราว 28 ล้านคน กว่าครึ่งของผู้แทนฐานันดรที่สามเป็นข้าราชการท้องถิ่นหรือนักกฎหมายผู้มีการศึกษา พิธีเปิดประชุมจัดขึ้นที่พระราชวังแวร์ซายในวันที่ 5 พฤษภาคม 1789 ที่ประชุมเสนอให้ใช้ระบบลงคะแนนทั้งสภามีเพียงสามเสียง แต่ละฐานันดรมีเพียงหนึ่งเสียง นั่นทำให้ฐานันดรที่สามที่แม้จะมีจำนวนสมาชิกมากสุด แต่กลับมีสิทธิ์ออกเสียงเพียงหนึ่งในสามของสภา วิธีการลงคะแนนนี้ทำให้ฐานันดรที่สามไม่มีทางชนะสองฐานันดรแรก ผู้แทนฐานันดรที่สามชี้ให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมดังกล่าวและเสนอให้ลงคะแนนแบบหนึ่งคนหนึ่งเสียงแทน แต่ได้รับการปฏิเสธ ผู้แทนฐานันดรที่สามไม่พอใจอย่างมากจึงถอนตัวจากการประชุมและไปตั้งสภาของตนเองแยกต่างหาก ===ชนชั้นไพร่จัดตั้งสมัชชาแห่งชาติ=== กลุ่มผู้แทนฐานันดรที่สามรวมตัวกันที่โถงเดตาต์ในพระราชวังแวร์ซายเพื่อจัดตั้งสภาใหม่ที่เรียกว่า สมัชชาแห่งชาติ (Assemblée nationale) พวกเขาร่วมกันประกาศคำยืนยันอำนาจที่เป็นอิสระจากองค์กรอื่น และประกาศว่าสภาของตนเท่านั้นที่มีอำนาจตราหรือแก้ไขกฎหมายภาษี เนื่องจากไม่ไว้วางใจการทำงานของราชสำนักที่สนับสนุนแต่นักบวชและขุนนาง สมัชชาแห่งชาติประกาศยกเว้นการเก็บภาษีเป็นการชั่วคราว เหล่านายทุนเกิดความเชื่อมั่นและให้การสนับสนุนสมัชชาแห่งชาติ พระเจ้าหลุยส์ไม่พอใจ จึงบัญชาให้ทหารหลวงปิดโถงเดตาต์ สถานที่ใช้ประชุมของสมัชชาแห่งชาติ และในเช้าวันที่ 20 มิถุนายน 1789 เหล่าสมาชิกสมัชชาแห่งชาติต่างตกตะลึงเมื่อพบว่าห้องโถงถูกลงกลอนและเฝ้ายามโดยทหารหลวง พวกเขาจึงพากันไปรวมตัวที่สนามเฌอเดอโปมและร่วมกันประกาศคำปฏิญาณสนามเทนนิสไว้ว่า "จะไม่มีวันแตกแยก และจะรวมตัวกันไม่ว่าในที่แห่งหนหรือสถานการณ์ใดก็ตาม จนกว่าธรรมนูญแห่งอาณาจักรจะถูกตราขึ้น" ความพยายามของพระเจ้าหลุยส์ที่จะให้สภานี้เป็นโมฆะประสบความล้มเหลว พระองค์เริ่มยอมรับอำนาจของสมัชชาแห่งชาติในวันที่ 27 มิถุนายน สมัชชาแห่งชาติได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากชาวปารีสและเมืองอื่นๆของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ทรงยอมรับสถานะของสมัชชาแห่งชาติ ทรงขอให้อีกสองฐานันดรเข้าร่วมประชุมกับสมัชชาแห่งชาติ ไม่นานหลังจากนั้น เกินครึ่งของฐานันดรที่หนึ่งก็ยอมเข้าร่วมประชุมกับสมัชชาแห่งชาติ ขณะที่ผู้แทนฐานันดรที่สองยอมเข้าร่วมเพียง 47 คน ในวันที่ 9 กรกฎาคม สมัชชาแห่งชาติถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ (Assemblée nationale constituante) ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ในองค์กรเดียว == เหตุการณ์ช่วงต้นการปฏิวัติ == === การทลายคุกบัสตีย์ === พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ได้รับแรงกดดันอีกครั้งจากพระนางมารี อ็องตัวแน็ต ผู้เป็นมเหสี และเคานต์แห่งอาร์ตัว (Comte d'Artois) ผู้เป็นอนุชา (ต่อมาคือพระเจ้าชาร์ลที่ 10) พระเจ้าหลุยส์จ้างกองทหารต่างชาติเข้ามาประจำการในกรุงปารีสและพระราชวังแวร์ซาย นอกจากนี้พระเจ้าหลุยส์ยังทรงปลดฌัก แนแกร์ (ผู้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของฐานันดรที่สาม) ลงจากตำแหน่งอีกครั้งในวันที่ 11 กรกฎาคม 1789 กองทัพหลวงฝรั่งเศสมีทหารรับจ้างต่างชาติอย่างสวิสและเยอรมันประจำการอยู่ในสัดส่วนที่ไม่น้อยเลย เนื่องจากราชสำนักมองว่าทหารต่างชาติสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าทหารฝรั่งเศส ในการลงมือกับคนชาติเดียวกัน ในเดือนกรกฎาคม 1789 คาดว่าทหารต่างชาติที่ตรึงกำลังในปารีสและแวร์ซายนี้มีจำนวนถึง 25,000 นาย ข่าวการปลดแนแกร์สะพัดทั่วกรุงปารีสในบ่ายวันที่ 12 กรกฎาคม ชาวปารีสรู้สึกเดือดดาล มองว่านี่คือการก่อรัฐประหารเงียบโดยกลุ่มอำนาจเก่า นอกจากนี้ การที่ทหารหลวงตรึงกำลังในหลายจุด ทั้งที่วังแวร์ซาย, ลานช็องเดอมาร์ส และแซ็ง-เดอนี ทำให้ประชาชนมองว่าพระเจ้าหลุยส์คิดจะใช้กำลังทหารล้มล้างสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ ประชาชนชาวปารีสนับหมื่นออกมาชุมนุมกันที่ลานหน้าพระราชวังหลวง นักสื่อสารมวลชนกามีย์ เดมูแล็ง (Desmoulins) ประกาศว่า: "ราษฎรทั้งหลาย! จะมัวเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว สำหรับผู้รักชาติ การปลดแนแกร์มันก็คือเสียงระฆังลางร้ายของวันเซนต์บาโทโลมิวนี่เอง คืนนี้ ทหารสวิสและเยอรมันทั้งหมดจะเคลื่อนพลออกจากลานช็องเดอมาร์สมาฆ่าพวกเราตายหมด ทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ คือจับอาวุธ!" เช้าวันที่ 14 กรกฎาคม ชาวเมืองปารีสบุกเข้าไปยังออแตลเดแซ็งวาลีด (Hôtel des Invalides) คลังแสงของกองทัพ และยึดปืนยาวราว 30,000 กระบอกแต่ไม่มีกระสุนและดินปืน ผู้ดูแลออแตลเดแซ็งวาลีดสั่งให้ขนดินปืน 250 ถังไปเก็บไว้ที่คุกบัสตีย์ไม่กี่วันก่อนหน้านั้นแล้ว ชาวเมืองจึงพากันไปชุมนุมรอบคุกบัสตีย์ในช่วงสาย พวกเขายื่นคำขาดให้คุกยอมจำนน ให้คุกรื้อถอนปืนใหญ่บนกำแพงและมอบอาวุธและดินปืนทั้งหมดแก่กองกำลังประชาชน เกิดการปะทะกันด้วยอาวุธจนถึงเวลา 17:30 นาฬิกาก็สามารถปลดสะพานข้ามคูลงมาได้ ประชาชนจึงกรูเข้าไปในคุกเพื่อเอาอาวุธและดินปืน และพากันกลับไปตั้งมั่นที่ออแตลเดแซ็งวาลีด กองทหารต่างชาติซึ่งตรึงกำลังที่ช็องเดอมาร์สไม่ได้เข้าแทรกแซงแต่ประการใดเลย ===ประชาชนตั้งนครบาลปารีส=== เช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 1789 พระเจ้าหลุยส์ทราบข่าวการทลายคุกจากดยุกเดอลาโรฌฟูโก ทรงถามดยุกว่า "เขาจะกบฏกันเหรอ?" ดยุกตอบว่า "มิใช่พะยะค่ะ มิใช่การกบฏ แต่เป็นการปฏิวัติ" พระเจ้าหลุยส์กลัวความรุนแรงจากฝูงชน จึงทรงแต่งตั้งวีรบุรุษสงครามปฏิวัติอเมริกาอย่างนายพล เดอ ลา ฟาแย็ต เป็นผู้บัญชาการกองอารักษ์ชาติ (Garde Nationale) เพื่อรักษาความเป็นระเบียบภายใต้อำนาจสภา อีกด้านหนึ่ง ผู้แทนชาวปารีส 144 คนนำโดยฌ็อง ซีลแว็ง บายี จัดตั้งคณะปกครองกรุงปารีสที่ชื่อว่านครบาลปารีส (Commune de Paris) โดยยินยอมจะเชื่อฟังสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ พระเจ้าหลุยส์ทรงเรียกแนแกร์มาดำรงตำแหน่งอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฎาคม แนแกร์ได้พบกับประชาชนที่ออแตลเดอวีล (l'Hôtel de Ville) ซึ่งถูกประดับไปด้วยธงไตรรงค์ แดง-ขาว-น้ำเงิน วันเดียวกันนั้น เคานต์แห่งอาร์ตัวก็ได้หลบหนีออกนอกประเทศ ถือเป็นพระญาติองค์แรก ๆ ที่หนีออกนอกประเทศในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์เสด็จเยือนปารีสพร้อมสมาชิกสภานับร้อยคนในวันที่ 17 กรกฎาคม พระองค์ยอมรับธงไตรรงค์เป็นธงชาติฝรั่งเศส เกิดความสมานฉันท์ขึ้นชั่วคราว พระองค์ได้รับยกย่องเป็น หลุยส์ที่ 16 พระบิดาแห่งฝรั่งเศสและกษัตริย์แห่งเสรีชน ในเดือนสิงหาคม แอมานุแอล โฌแซ็ฟ ซีเยแย็ส กับออนอเร มีราโบ เป็นบุคคลหลักที่ยกร่างประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมือง ซึ่งปรับเอาจากต้นร่างของนายพล เดอ ลา ฟาแย็ต กับทอมัส เจฟเฟอร์สัน ประกาศฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติเมื่อ 26 สิงหาคม 1789 มาตราที่หนึ่งบัญญัติว่า "มนุษย์ทั้งหลายเกิดมาและทรงไว้ซึ่งเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมกันในสิทธิประการต่างๆ ความแตกต่างทางสังคมไม่ว่าจะอยู่ในลักษณะเช่นไรก็ตาม จะมีขึ้นได้ก็แต่เพื่อประโยชน์มหาชนร่วมกันเท่านั้น” ===การเดินขบวนของสตรีสู่แวร์ซาย=== 5 ตุลาคม 1789 ชาวปารีสราว 7,000-9,000 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรี เดินขบวนจากปารีสไปยังพระราชวังแวร์ซายเพื่อเรียกร้องขนมปังจากกษัตริย์ พระเจ้าหลุยส์รับปากว่าจะแจกจ่ายอาหารจากหลังหลวงให้ ทำให้ส่วนหนึ่งเดินทางกลับปารีส แต่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อคำสัญญาจึงยังคงปักหลักที่พระราชวัง พระองค์จึงทรงประกาศยอมรับกฤษฎีกาสิงหาคม (กฎหมายเลิกระบบศักดินา) และทรงยอมรับประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม วันต่อมาเกิดความรุนแรงขึ้นในพระราชวังและมีการปะทะกันถึงขั้นเสียชีวิต นายพล เดอ ลา ฟาแย็ต ผู้บัญชาการกองอารักษ์ชาติ ทูลเชิญพระเจ้าหลุยส์ย้ายไปประทับถาวรยังพระราชวังตุยเลอรีในปารีส เขาหวังว่าเหตุการณ์จะดีขึ้นหากกษัตริย์อยู่ใกล้ชิดประชาชน ภายหลังเหตุการณ์นี้ พระเจ้าหลุยส์มีอารมณ์เศร้าหมองเหมือนเป็นอัมพาตทางจิตใจ ราชการแผ่นดินจึงตกอยู่ในการตัดสินใจของราชินีมารี อ็องตัวแน็ต ===การปฏิรูปครั้งใหญ่=== นอกจากประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมือง ซึ่งรับรองความเท่าเทียมของมนุษย์ สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติยังผ่านมติให้ยกเลิกการถวายเงินทศางค์แก่โบสถ์ และบังคับให้ที่ดินและอาคารโบสถ์ทั้งหมดตกเป็นของรัฐ เพื่อที่รัฐจะนำที่ดินและอาคารเหล่านี้ไปค้ำประกันหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ สภายังผ่านมติให้ยกเลิกสิทธิพิเศษของขุนนางในวันที่ 19 มิถุนายน 1790 แต่อนุญาตให้ขุนนางแต่ละคนครองบรรดาศักดิ์ตามเดิม ต่อมาในวันที่ 6 กันยายน 1790 สภาผ่านมติยุบเลิกการปกครองโดยสภาอำมาตย์ (parlements) ซึ่งมีอยู่ 13 แห่งทั่วประเทศ และแบ่งการปกครองเป็น 83 จังหวัด ในวันที่ 24 สิงหาคมปีเดียวกัน ยังมีการตรากฎหมายที่ชื่อว่าธรรมนูญว่าด้วยบรรพชิต (Constitution civile du clergé) ยุบสังฆมณฑลทั่วประเทศจาก 135 แห่งเหลือเพียง 84 แห่ง ยุบสมณศักดิ์ของนักบวชให้เหลือน้อยลง กำหนดให้นักบวชทั้งหมดในประเทศคือผู้รับเงินเดือนจากรัฐ อยู่ในกำกับของเทศบาลแต่ละแห่ง และบีบบังคับให้นักบวชกล่าวสาบานความภักดีต่อประเทศฝรั่งเศส กฎหมายฉบับนี้ทำให้พระสันตะปาปาทรงพิโรธ และบัญญาห้ามนักบวชในฝรั่งเศสปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ ทำให้นักบวชในฝรั่งเศสแตกแยกเป็นสองฝ่าย === องค์กษัตริย์เสด็จหนีและถูกจับที่วาแรน === มิถุนายน 1791 มีข่าวลือสะพัดหนาหูว่า พระนางมารี อ็องตัวแน็ต แอบติดต่อกับจักรพรรดิเลโอพ็อลท์ที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้เป็นพระเชษฐา เพื่อจะให้ทรงยกทัพมาตีฝรั่งเศสและคืนอำนาจให้ราชวงศ์ พระเจ้าหลุยส์ตัดสินใจจะไม่หนีออกนอกประเทศหรือรับความช่วยเหลือ แต่จะทรงหนีไปตั้งมั่นที่เมืองม็งต์เมดิ (Montmédy) ติดกับชายแดนด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งที่นั่น นายทหารผู้จงจักภักดีอย่างนายพลบูเย จะให้ความช่วยเหลือแก่พระองค์ องค์กษัตริย์และองค์ราชินีก็เสด็จออกจากพระราชวังตุยเลอรีในคืนวันที่ 20 มิถุนายน 1791 แต่ในในวันต่อมา ก็ทรงถูกจับได้ที่เมืองวาแรน ส่งผลให้ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อพระองค์นั้นลดลงฮวบฮาบ พระองค์ถูกนำตัวกลับมากักบริเวณในพระราชวังตุยเลอรี === รัฐธรรมนูญบังคับใช้=== แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ ยังคงปรารถนาระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญมากกว่าระบอบสาธารณรัฐก็ตาม แต่ในขณะนั้น พระเจ้าหลุยส์ก็ไม่ได้มีบทบาทมากไปกว่าหุ่นเชิด พระองค์ถูกบังคับให้ปฏิญาณตนต่อรัฐธรรมนูญ และให้ยอมรับเงื่อนไขที่ว่า หากกระทำการใด ๆ ที่จะชักนำให้กองทัพต่างชาติมาโจมตีฝรั่งเศส หรือกระทำสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ให้ถือว่าพระองค์สละราชสมบัติโดยอัตโนมัติ กรกฎาคม 1791 สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติมีมติว่า พระเจ้าหลุยส์จะได้คืนพระราชอำนาจหากทรงยอมรับรัฐธรรมนูญ มตินี้สร้างความไม่พอใจแก่ชาวปารีส ส่งผลให้นักสื่อสารมวลชนนามว่าฌัก ปีแยร์ บรีโซ ร่างประกาศโจมตีพระเจ้าหลุยส์ ว่าพระองค์ทรงสละราชสมบัติแล้วตั้งแต่เสด็จหนีจากพระราชวังตุยเลอรี ฝูงชนห้าหมื่นคนเข้ามาในลานช็องเดอมาร์สเพื่อพยายามลงนามในใบประกาศดังกล่าว (แต่ทันลงนามเพียงหกพันคน) สภาร้องขอให้นครบาลปารีสช่วยรักษาความสงบ นายกเทศมนตรีฌ็อง ซีลแว็ง บายี ประกาศกฎอัยการศึกแต่ก็ไม่สามารถยุติสถานการณ์ ในที่สุด บายีจึงสั่งให้ใช้กำลังสลายการชุมนุม ทำให้ฝูงชนถูกสังหารหลายสิบคน เรียกเหตุการณ์นี้ว่าการสังหารหมู่ที่ช็องเดอมาร์ส ซึ่งหลังจากการสังหารหมู่ครั้งนี้ ทางการก็ดำเนินการปราบปรามพวกสมาคมสาธารณรัฐนิยมรวมทั้งหนังสือพิมพ์ของพวกนี้ เช่นหนังสือพิมพ์ เพื่อนประชาชน (L'Ami du Peuple) ของฌ็อง-ปอล มารา บุคคลที่มีแนวคิดแบบนี้เช่นมาราและกามีย์ เดมูแล็ง ต่างพากันหลบซ่อนตัว ส่วนทางด้านฌอร์ฌ ด็องตง หลบหนีไปอังกฤษ รัฐธรรมนูญฝรั่งเศสฉบับแรกบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1791 สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติแปรสภาพเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (Assemblée nationale législative) == สถาปนาสาธารณรัฐที่ 1 และการประหารหลุยส์ที่ 16 == ขณะที่ภายในฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย เหล่าราชวงศ์ของยุโรปนำโดยพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งปรัสเซีย, จักรพรรดิเลโอพ็อลท์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ร่วมมือกันออกคำประกาศของดยุกแห่งเบราน์ชไวค์ โดยมีเป้าหมายคือให้พระเจ้าหลุยส์มีอิสรภาพสมบูรณ์และให้ยุบสภา ถ้าหากสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นก็จะส่งกองทัพโจมตีฝรั่งเศสเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่ชาวฝรั่งเศสไม่สนใจคำประกาศดังกล่าวและเตรียมการต่อต้านอย่างแข็งขัน คำประกาศของดยุกแห่งเบราน์ชไวค์ยิ่งทำให้สถานการณ์ของฝ่ายเจ้าในฝรั่งเศสเลวร้ายลง นครบาลปารีสไม่เชื่อฟังสภานิติบัญญัติอีกต่อไป และนำกลุ่มฝูงชนบุกเข้าพระราชวังตุยเลอรีในวันที่ 10 สิงหาคม 1792 พระบรมวงศ์ต้องไปหลบภัยที่สภา และในสามวันถัดมา พระองค์ถูกประกาศจับกุมอย่างเป็นทางการและถูกส่งตัวไปจองจำที่หอคอยต็องเปลอ (Square du Temple) ป้อมปราการเก่าในปารีส และในวันที่ 21 กันยายน สภานิติบัญญัติมีมติให้ล้มเลิกระบอบกษัตริย์ และสถาปนาเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 1 ในวันที่ 22 กันยนยน 1792 พร้อมกำหนดให้ปีนั้นเป็นปีที่ 1 ของระบบปฏิทินแบบใหม่ที่หนึ่งปีมีสิบเดือน ฐานันดรและพระอิสริยยศถูกถอดถอน พระองค์ได้ชื่อใหม่ว่า นายหลุยส์ กาเป อีกด้านหนึ่ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติเปลี่ยนชื่อเป็นที่ประชุมใหญ่แห่งชาติ (Convention nationale) พฤศจิกายน 1792 เกิดเหตุอื้อฉาวพบตู้นิรภัยในห้องพระบรรทมซึ่งภายในบรรจุเอกสารลับมากมายที่เขียนติดต่อกับต่างชาติ ชื่อเสียงของอดีตกษัตริย์ยิ่งย่ำแย่ลง ที่ประชุมใหญ่แห่งชาติมีมติเอกฉันท์ในวันที่ 15 มกราคม 1793 ว่าอดีตกษัตริย์มีความผิดจริงฐาน "สมคบประทุษร้ายต่อเสรีภาพปวงชนและความมั่นคงแห่งรัฐ" (conspiration contre la liberté publique et la sûreté générale de l'État) วันต่อมา ที่ประชุมชนะโหวตกำหนดบทลงโทษเป็นการประหารชีวิตในทันที อดีตกษัตริย์อุทธรณ์โทษประหารชีวิต แต่แพ้โหวตในสภา อดีตกษัตริย์จึงถูกนำตัวไปประหารชีวิตด้วยกิโยตีน ณ ปลัสเดอลาเรวอลูว์ซียง กรุงปารีส ในวันที่ 21 มกราคม 1793 ==เหตุการณ์ช่วงสงคราม== === ประกาศสงคราม === การประหารหลุยส์ที่ 16 ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านโดยบรรดาเจ้าผู้ครองอาณาจักรในทวีปยุโรป ซึ่งเกรงกลัวว่ากระแสการปฏิวัติจะแพร่ขยายมาสู่ประเทศของตนเอง ประเทศบริเตนใหญ่, ประเทศสเปน, ประเทศเนเธอร์แลนด์, ประเทศนาโปลี และประเทศตอสคานา (ปัจจุบันนี้คือ อิตาลี) ประกาศต่อต้านการปฏิวัติในฝรั่งเศส สภากงว็องซียงแห่งชาติของฝรั่งเศสจึงประกาศสงครามต่อบริเตนใหญ่และเนเธอร์แลนด์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1793 และไม่นานหลังจากนั้นก็ประกาศต่อสเปนเช่นกัน จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์จึงประกาศสงครามต่อฝรั่งเศสในวันที่ 23 มีนาคมของปีเดียวกัน ถือเป็นการเปิดฉากสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่หนึ่งอย่างเป็นทางการ นักการเมืองกลุ่มฌีรงแด็ง (Girondin) เชื่อว่าสงครามจะทำให้คนในรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พวกเขาพยายามใช้สงครามเป็นข้อแก้ตัวเกี่ยวกับปัญหาสินค้าขาดแคลนและราคาแพง แต่ข้อแก้ตัวดังกล่าวไม่ได้ผลและทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าแห่งความโกรธเกรี้ยวของประชาชนเสียเอง เกิดการลุกฮือในกรุงปารีสและหัวเมืองต่างๆในเดือนกุมภาพันธ์ 1793 มิหนำซ้ำ กองทัพฝรั่งเศสยังพ่ายแพ้กองทัพออสเตรียในยุทธการที่เนียร์วินเดิน ในขณะนั้น หลายคนมองว่าระบอบสาธารรัฐของฝรั่งเศสคงจะล่มสลายในไม่ช้า === กลุ่มฌีรงแด็งสิ้นอำนาจ กลุ่มลามงตาญครองอำนาจ=== วิกฤตการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม (Comité de salut public) เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1793 ซึ่งเป็นคณะบริหารที่ขึ้นตรงต่อสภากงว็องซียงแห่งชาติ กลุ่มฌีรงแด็งทำสิ่งผิดมหันต์โดยการฟ้องร้องศาลอาญาปฏิวัติ ให้ลงโทษนายฌ็อง-ปอล มารา ซึ่งเป็นผู้สั่งการสังหารหมู่เดือนกันยายน 1792 มาราเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญของชนชั้นซ็อง-กูว์ล็อต (sans-culottes) แม้ว่าคดีนี้ถูกยกฟ้อง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ชนชั้นซ็อง-กูว์ล็อตไม่สนับสนุนกลุ่มฌีรงแด็งอีกต่อไป ในวันที่ 31 พฤษภาคม กลุ่มลามงตาญร่วมมือกับกองอารักษ์ชาติพยายามจะกำจัดกลุ่มฌีรงแด็ง นอกสภามีการยิงปืนใหญ่จากกองอารักษ์ชาติเพื่อข่มขู่สภา ส่วนในสภามีการอภิปรายโจมตีกลุ่มฌีรงแด็ง แต่ความพยายามในวันนี้ก็ไม่สำเร็จ จึงมีการเกณฑ์กองทัพประชาชนเพื่อสร้างความกดดันต่อสภา ต่อมาในวันที่ 2 มิถุนายน อาคารสภาถูกปิดล้อมโดยฝูงชนแปดหมื่นคนที่มาเรียกร้องขนมปังราคาถูก, เงินสงเคราะห์ว่างงาน, การปฏิรูปการเมือง ตลอดจนสิทธิ์ในการถอดถอนสมาชิกสภา ในที่สุด กรรมการสิบคนของกลุ่มฌีรงแด็ง รวมถึงบรรดาผู้นำกลุ่มฌีรงแด็ง 31 คนก็ทยอยถูกจับกุมโดยทหารอารักษ์ชาติ จนกระทั่งในวันที่ 10 มิถุนายน กลุ่มลามงตาญ (La Montagne) ก็กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในคณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ ผู้นำกลุ่มลามงตาญ มอบหมายหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แก่หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์ ซึ่งก็ร่างเสร็จในเวลาเพียงแปดวัน และได้รับสัตยาบันโดยสภาในวันที่ 24 มิถุนายน 1793 รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีการปฏิรูปแบบสุดโต่ง ทั้งการให้สิทธิ์เลือกตั้งแก่ผู้ชายโดยถ้วนหน้า, ยกเลิกระบบทาสทั้งหมดในอาณานิคมของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม เมื่อฌ็อง-ปอล มารา ถูกลอบสังหารโดยสมาชิกกลุ่มฌีรงแด็งชื่อว่าชาร์ล็อต กอร์แด ในเดือนกรกฎาคม กลุ่มลามงตาญจึงยกย่องมาราเป็นมรณสักขีแห่งการปฏิวัติ กรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวมจึงใช้เหตุนี้เป็นข้ออ้างในการควบคุมอำนาจรัฐ สภาอนุญาตให้ปราบปรามศัตรูภายในประเทศได้โดยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 5 กันยายน ออกกฎหมายให้อำนาจการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เข้าข่ายเป็น "ผู้ก่ออาชญากรรมต่อเสรีภาพ" เมื่อวันที่ 17 กันยายน ทั้งยังจัดตั้ง "รัฐบาลปฏิวัติ" เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงถูกระงับใช้ชั่วคราว ซึ่งในอีกหกวันต่อมา อดีตราชินีมารี อ็องตัวแน็ต ก็ถูกประหารชีวิตตามสวามี === สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว === รอแบ็สปีแยร์ผู้กลายเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในฝรั่งเศสโดยพฤตินัย ดำเนินการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างราบคาบ เรียกช่วงเวลานี้ว่า "สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว" ประมาณการว่ามีผู้ถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตีนถึงสี่หมื่นคน เป็นชนชั้นสูงร้อยละ 8 นักบวชร้อยละ 6, ชนชั้นกลางร้อยละ 14, ชนชั้นล่างร้อยละ 70 นอกจากนี้ พระศาสนาถูกเบียดเบียนในระดับรุนแรง มีการปิดและทำลายศาสนสถาน มีการออกกฎหมายปิดโรงเรียนสอนศาสนาและสั่งห้ามสอนศาสนา มีการเพิกถอนสถานะความเป็นนักบวช มีการประหารมรณสักขีแห่งกงเปียญ ขณะเดียวกัน ชัยชนะในแนวรบกับออสเตรียก็ทำให้รอแบ็สปีแยร์กลายเป็นเผด็จการมากขึ้น ท้ายที่สุด สมาชิกสภาก็หวาดระแวงว่าตนเองจะตกเป็นเหยื่อของเครื่องกิโยตีน จึงรวมหัวกันอภิปรายโจมตีและลงมติปลดรอแบ็สปีแยร์กลางสภาในวันที่ 27 กรกฎาคม 1794 รอแบ็สปีแยร์กับพวกสามารถหลบหนีจากสภาไปกบดานที่ออแตลเดอวีล (ศาลาว่าการกรุงปารีส) ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มกันของกองอารักษ์ชาติที่ภักดีต่อเขา กองทหารที่ภักดีต่อสภาจึงบุกโจมตีในคืนนั้น รอแบ็สปีแยร์พยายามยิงตัวตายแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกนำตัวไปประหารชีวิตในวันรุ่งขึ้น ถือเป็นจุดจบของสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว ==ผลของการปฏิวัติในช่วงต้น== === ประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมือง === ประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมือง (Déclaration des droits de l'homme et du citoyen) เป็นคำประกาศที่ปูทางไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรัชญาในยุคเรืองปัญญา และคำประกาศนี้ได้แบบอย่างจากรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา คำประกาศนี้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 1789 มีเนื้อหาหลักแสดงถึงหลักการพื้นฐานของการปฏิวัติ ภายใต้คำขวัญที่ว่า "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ" ในขณะนั้นมีข่าวลือในหมู่ประชาชนว่าจะมีการยึดอำนาจคืนของฝ่ายนิยมระบอบเก่าเมื่อชาวปารีสรู้ข่าวก็มีการตื่นตัวกันขนานใหญ่ ดังนั้นประชาชนชาวปารีสซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิงได้เดินขบวนไปยังพระราชวังแวร์ซาย และเชิญพระเจ้าหลุยส์พร้อมทั้งราชวงศ์มาประทับในกรุงปารีส ในวันที่ 5-6 ตุลาคม ปีเดียวกัน โดยมีสมาชิกสภาร่างธรรมนูญที่อนุรักษนิยมตามเสด็จกลับกรุงปารีสด้วย สำหรับสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติในขณะนั้นประกอบด้วยสมาชิกที่หัวก้าวหน้าเป็นส่วนมาก แต่มีภารกิจสำคัญอันดับแรกของสภาคือการดำรงสถาบันกษัตริย์ไว้ ดังนั้นจึงยังไม่มีการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ในขณะนั้น ===การเลิกระบบเจ้าขุนมูลนาย=== ปลายเดือนกรกฎาคม 1789 มีรายงานว่าชาวไร่ผู้ก่อจลาจลกำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงปารีสจากทั่วทุกทิศของประเทศ สภาจึงตัดสินใจที่จะปฏิรูปโครงสร้างทางสังคมเสียใหม่เพื่อหวังลดอุณหภูมิทางการเมืองและจะนำไปสู่การปรองดอง ในคืนวันที่ 11 สิงหาคม 1789 สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติได้มีมติล้มเลิกระบบเจ้าขุนมูลนายทั้งปวง ประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และยกเลิกเอกสิทธิได้รับการงดเว้นภาษีของนักบวช รวมทั้งให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมในการประกอบอาชีพ นักประวัติศาสตร์ ฟร็องซัว ฟูเร (François Furet) ระบุต่อเหตุการณ์นี้ไว้ว่า: "สังคมแบบเจ้าขุนมูลนายตั้งแต่บนสุดจนถึงล่างสุด ถูกพวกเขาทำลายไปพร้อมอภิสิทธิ์และโครงสร้างที่ว่าคนต้องมีสังกัด พวกเขาแทนที่โครงสร้างเหล่านี้ด้วยสิ่งที่ใหม่กว่า นั่นคือความเป็นปัจเจกบุคคล มีเสรีที่จะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย...ดังนั้นสิ่งที่ขับเคลื่อนการปฏิวัติในช่วงแรก คือความเชื่อแบบปัจเจกนิยมจากระดับรากฐาน" เขตการปกครองของสภาอำมาตย์ (parlements) ทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศถูกระงับในเดือนพฤศจิกายน 1789 และล้มเลิกอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 1790 สถาบันเสาหลักแบบเก่าถูกโค่นล้มลงทั้งหมด === การปฏิรูปที่สำคัญ === รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของฝรั่งเศสมีผลบังคับใช้เมื่อปลายปี 1789 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้ ตำแหน่งต่าง ๆ ในราชการไม่สามารถตกทอดไปยังลูกหลาน ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด (départements) ก่อตั้งศาลประชาชน ปฏิรูปกฎหมายฝรั่งเศส การเวนคืนที่ธรณีสงฆ์ แล้วนำมาค้ำประกันพันธบัตร ที่ออกเพื่อระดมทุนจากประชาชน มาแก้ไขปัญหาหนี้ของประเทศ === การปฏิรูปสถานะของนักบวช === นอกจากที่ธรณีสงฆ์จะถูกเวนคืนแล้ว การปกครองคริสตจักรในประเทศฝรั่งเศสก็ยังถูกเปลี่ยนแปลง ตามกฎหมายการปกครองคริสตจักรฉบับใหม่ที่ออกเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 1790 โดยใช้การปกครองประเทศเป็นแม่แบบ คือกำหนดจำนวนมุขนายก (évêque) ไว้มุขมณฑลละ 1 ท่าน และให้เมืองใหญ่แต่ละเมืองมีอัครมุขนายก (archévêque) 1 ท่าน โดยมุขนายกและอัครมุขนายกแต่ละท่านจะถูกเลือกโดยสมัชชาแห่งชาติ และได้รับเงินเดือนจากรัฐบาล นอกจากนี้ ผู้ที่จะมาเป็นนักบวชในทุกระดับจะต้องสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อประเทศอีกด้วย == อ้างอิง == ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส การปฏิวัติฝรั่งเศส การปฏิวัติ
thaiwikipedia
944
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สุราษฎร์ธานี มักจะเรียกกันด้วยชื่อสั้น ๆ ว่า สุราษฎร์ฯ ใช้อักษรย่อ สฎ เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนบน มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และเป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย และมีประชากรหนาแน่นอันดับ 59 ของประเทศ นับเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีหลักฐานทั้งประวัติศาสตร์และโบราณคดีเก่าแก่ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวและอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง มีจังหวัดที่อยู่ติดกันได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา และระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานีตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของภาคใต้ โดยมีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งที่ราบสูง ภูมิประเทศแบบภูเขา รวมทั้งที่ราบชายฝั่ง มีพื้นที่ครอบคลุมถึงในบริเวณอ่าวไทย ทั้งบริเวณที่เป็นทะเลและเป็นเกาะ เกาะในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมากถึง 98 เกาะ นับว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองมาจากจังหวัดพังงาที่มี 155 เกาะ และจังหวัดกระบี่ ที่มี 154 เกาะ เกาะขนาดใหญ่เป็นที่รู้จักเช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง เนื่องจากทำเลที่ตั้งจึงได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเกิดบริเวณทะเลอันดามันบ้างเป็นครั้งคราวเนื่องจากจะมีแนวเทือกเขาตะนาวศรี เทือกเขาภูเก็ต และเทือกเขานครศรีธรรมราช แถบบริเวณจังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแนวช่วยลดอิทธิพลของลมมรสุมดังกล่าว ในทางกลับกันพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปกติจะมีแหล่งกำเนิดบริเวณทะเลจีนใต้และอ่าวไทย ทำให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีช่วงฤดูฝนกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงเดือนมกราคม ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ โดยประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรเป็นหลัก โดยใช้พื้นที่ในการทำการเกษตรประมาณร้อยละ 45 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังประกอบอาชีพทางด้านปศุสัตว์ ประมง อุตสาหกรรม รวมทั้งมีการทำเหมืองแร่ด้วย == ประวัติศาสตร์ == จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นที่ตั้งของเมืองเก่า เป็นศูนย์กลางของเมืองศรีวิชัย มีหลักฐานแสดงถึงการตั้งรกรากและเส้นทางสายไหมในอดีต พื้นที่อำเภอไชยาเจริญขึ้นจนเป็นอาณาจักรศรีวิชัยในช่วงหลังพุทธศตวรรษที่ 13 โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันความรุ่งเรืองในอดีต ภายหลังยังเชื่อว่า เมื่ออาณาจักรตามพรลิงก์หรือเมืองนครศรีธรรมราชมีความรุ่งเรืองมากขึ้นนั้น เมืองไชยาก็เป็นหนึ่งในเมืองสิบสองนักษัตรของเมืองนครศรีธรรมราชด้วย ชื่อว่า "เมืองบันไทยสมอ" นอกจากนี้ในยุคใกล้เคียงกันนั้นยังพบความเจริญของเมืองที่เกิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำตาปี ได้แก่ เมืองเวียงสระ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองท่าทอง โดยเชื่อว่าพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชนั้นอพยพย้ายเมืองมาจากเมืองเวียงสระ เนื่องจากเป็นเมืองที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล รวมทั้งเกิดโรคภัยระบาด และเมื่อเมืองนครศรีธรรมราชเจริญรุ่งเรืองนั้น ได้ยกเมืองไชยา และเมืองท่าทอง เป็นเมืองสิบสองนักษัตรของตนด้วย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งอู่เรื่อพระที่นั่งและเรือรบเพื่อใช้ในราชการที่อ่าวบ้านดอน ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ย้ายที่ตั้งเมืองท่าทองมายังอ่าวบ้านดอน พร้อมทั้งยกฐานะให้เป็นเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร และพระราชทานชื่อว่า "เมืองกาญจนดิษฐ์" โดยแต่งตั้งให้พระยากาญจนดิษฐ์บดีเป็นเจ้าเมืองดูแลการปกครอง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เมืองเมืองกาญจนดิษฐ์ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองไชยารวมตัวเป็นจังหวัดไชยา ขึ้นตรงต่อมณฑลชุมพร เมื่อเมืองขยายใหญ่ขึ้น จึงมีการปรับเปลี่ยนการปกครองและขยายเมืองออกไป มีการแยกเมืองกาญจนดิษฐ์เป็นอำเภอกาญจนดิษฐ์และอำเภอบ้านดอน กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการย้ายอำเภอเมืองมาที่อำเภอบ้านดอนและโอนชื่อมาเป็นชื่ออำเภอไชยา และให้ชื่อเมืองเก่าว่า "อำเภอพุมเรียง" ทว่าประชาชนยังติดเรียกชื่อเมืองเก่าว่า "อำเภอไชยา" ทั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดปรานชื่อบ้านดอน จึงพระราชทานนามอำเภอบ้านดอนว่า "สุราษฎร์ธานี" และยังคงชื่ออำเภอพุมเรียงว่าอำเภอไชยาเช่นเดิม รวมถึงเปลี่ยนชื่อจังหวัดเป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานี และพระราชทานนามแม่น้ำตาปี ให้ในคราวเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามแบบเมืองและแม่น้ำในประเทศอินเดียที่มีแม่น้ำตาปตีไหลลงสู่ทะเลออกผ่านปากอ่าวที่เมืองสุรัต == ภูมิศาสตร์ == === ที่ตั้งและอาณาเขต === จังหวัดสุราษฎร์ธานีตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของภาคใต้ โดยมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ และอันดับ 1 ของภาคใต้ โดยมีจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกัน ดังนี้ ด้านเหนือ ติดกับจังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร และอ่าวไทย ด้านใต้ ติดกับจังหวัดกระบี่และจังหวัดนครศรีธรรมราช ด้านตะวันออก ติดกับจังหวัดนครศรีธรรมราชและอ่าวไทย ด้านตะวันตก ติดกับจังหวัดพังงา โดยทะเลฝั่งอ่าวไทยนั้นมีชายฝั่งยาวประมาณ 156 กิโลเมตร โดยมีเกาะที่อยู่ภายใต้เขตการปกครองของจังหวัด ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งมีเกาะน้อยใหญ่อีกมากมาย จึงได้ชื่อว่าเมืองร้อยเกาะ เช่น เกาะนางยวน เกาะวัวตาหลับ เกาะแม่เกาะ === ภูมิประเทศและภูมิอากาศ === จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย ได้แก่ ภูมิประเทศแบบที่ราบชายฝั่งทะเล ที่ราบสูง รวมทั้งภูมิประเทศแบบภูเขาซึ่งกินพื้นที่ของจังหวัดถึงร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยมีทิวเขาภูเก็ตทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ของจังหวัด และมีลุ่มน้ำที่สำคัญ คือ ลุ่มน้ำตาปี ไชยา ท่าทอง เป็นต้น ด้านตะวันออกเป็นฝั่งทะเลอ่าวไทย และมีเกาะน้อยใหญ่ที่มีประชากรอาศัย ส่วนด้านตะวันตกมีลักษณะเป็นภูเขาสูง มีแม่น้ำสายสำคัญ คือ แม่น้ำตาปี แม่น้ำคีรีรัฐหรือแม่นํ้าพุมดวง เนื่องจากทำเลที่ตั้งรวมถึงภูมิประเทศ จังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทย ดังนั้น จึงทำให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีช่วงฤดูฝนยาวนานมาก โดยกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนมกราคม โดยจังหวัดสุราษฏร์ธานีมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 21.16 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 34.51 องศาเซลเซียส และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 129.59 มิลลิเมตร == การปกครอง == === การปกครองส่วนภูมิภาค === จังหวัดสุราษฎร์ธานีแบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคออกเป็น 19 อำเภอ 131 ตำบล 1,074 หมู่บ้าน มีรายชื่ออำเภอดังนี้ {|การปกครองท้องถิ่นท้องถิ่น อบจ. 1 แห่ง เทศบาลตำบล 26 แห่ง |--- valign=top || อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอดอนสัก อำเภอเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน อำเภอไชยา อำเภอท่าชนะ อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม || อำเภอท่าฉาง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอเคียนซา อำเภอเวียงสระ อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน อำเภอชัยบุรี อำเภอวิภาวดี || |} === การปกครองส่วนท้องถิ่น === จังหวัดสุราษฎร์ธานีแบ่งการปกครองส่วนท้องถิ่นออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด 2 เทศบาลนคร 3 เทศบาลเมือง 35 เทศบาลตำบล และ 97 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีรายชื่อเทศบาลดังนี้ {| |- -- valign=top || อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลวัดประดู่ เทศบาลตำบลขุนทะเล อำเภอกาญจนดิษฐ์ เทศบาลตำบลกาญจนดิษฐ์ เทศบาลตำบลท่าทองใหม่ เทศบาลตำบลช้างซ้าย เทศบาลตำบลช้างขวา เทศบาลตำบลกรูด อำเภอดอนสัก เทศบาลเมืองดอนสัก || อำเภอเกาะสมุย เทศบาลนครเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน เทศบาลตำบลเกาะพะงัน เทศบาลตำบลบ้านใต้ เทศบาลตำบลเพชรพะงัน เทศบาลตำบลเกาะเต่า อำเภอไชยา เทศบาลตำบลตลาดไชยา เทศบาลตำบลพุมเรียง เทศบาลตำบลเวียง || อำเภอท่าชนะ เทศบาลตำบลท่าชนะ อำเภอคีรีรัฐนิคม เทศบาลตำบลท่าขนอน อำเภอบ้านตาขุน เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลาน เทศบาลตำบลบ้านตาขุน อำเภอพนม เทศบาลตำบลพนม เทศบาลตำบลคลองชะอุ่น อำเภอท่าฉาง เทศบาลตำบลท่าฉาง || อำเภอบ้านนาสาร เทศบาลเมืองนาสาร เทศบาลตำบลพรุพี เทศบาลตำบลคลองปราบ เทศบาลตำบลท่าชี เทศบาลตำบลควนศรี อำเภอบ้านนาเดิม เทศบาลตำบลบ้านนา อำเภอเคียนซา เทศบาลตำบลเคียนซา เทศบาลตำบลบ้านเสด็จ || อำเภอเวียงสระ เทศบาลตำบลเวียงสระ เทศบาลตำบลบ้านส้อง เทศบาลตำบลเขานิพันธ์ เทศบาลตำบลทุ่งหลวง เทศบาลตำบลเมืองเวียง อำเภอพระแสง เทศบาลตำบลบางสวรรค์ เทศบาลตำบลย่านดินแดง อำเภอพุนพิน เทศบาลเมืองท่าข้าม |} == รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี == == เศรษฐกิจ == === เกษตรกรรม === ประชากรในจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีรายได้ต่อหัวเฉลี่ย 162,329 บาท ต่อปี โดยส่วนมากจะประกอบอาชีพทางการเกษตร เช่น ทำนา ทำสวน ทำไร่ โดยใช้ที่ดินเพื่อทำการเพาะปลูกประมาณ 45% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว เงาะ ทุเรียน และกาแฟ นอกจากนั้น ยังมีการเลี้ยงปศุสัตว์และการทำประมง โดยปศุสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันมาก เช่น โค กระบือ สุกร ไก่ แพะ โดยปศุสัตว์ที่มีมูลค่าผลผลิตมากที่สุด คือ โค สุกร ไก่ กระบือ และเป็ดตามลำดับ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รายงานแสดงจำนวนครัวเรือนที่ประกอบอาชีพทางการเกษตร แยกตามอาชีพทางการเกษตร === อุตสาหกรรม === อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีจะเป็นอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจากผลผลิตทางเกษตรกรรม เช่น อุตสาหกรรมปลาป่น อาหารทะเลแช่แข็ง อาหารทะเลกระป๋อง น้ำมันปาล์มดิบ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพารา ซึ่งในจังหวัดมีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 730 โรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการให้สัมปทานเหมืองแร่ โดยแร่ที่สำคัญในจังหวัด ได้แก่ ยิปซัม โดโลไมต์ แอนไฮโครต์ หินปูน ดินขาว และบอลเคลย์ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่ได้รวมอยู่ในบริเวณศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่จะตั้งอยู่บริเวณถนนตลาดใหม่ ระหว่างซอย 7 และซอย 9 ในตำบลตลาดถัดไปจากที่ว่าการอำเภอเมืองฯ เพียงเล็กน้อย == การคมนาคม == === สถานีขนส่งหลักที่สำคัญ === ==== ท่าอากาศยาน ==== ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ท่าอากาศยานดอนสัก (อยู่ในแผน) ==== สถานีรถไฟ ==== {| |--- valign=top || สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี สถานีรถไฟคันธุลี สถานีรถไฟคีรีรัฐนิคม สถานีรถไฟดอนธูป สถานีรถไฟท่าชนะ สถานีรถไฟไชยา สถานีรถไฟท่าฉาง สถานีรถไฟคลองไทร สถานีรถไฟมะลวน สถานีรถไฟเขาหัวควาย สถานีรถไฟชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ || สถานีรถไฟเขาพลู สถานีรถไฟบ้านนา สถานีรถไฟห้วยมุด สถานีรถไฟนาสาร สถานีรถไฟพรุพี สถานีรถไฟคลองปราบ สถานีรถไฟบ้านส้อง สถานีรถไฟบ้านพรุกระแชง ที่หยุดรถไฟบ้านเกาะมุกข์ ที่หยุดรถไฟคลองขุด || ที่หยุดรถไฟบ่อกรัง ที่หยุดรถไฟคลองยา ที่หยุดรถไฟคลองสูญ ที่หยุดรถไฟบ้านดอนรัก ที่หยุดรถไฟบ้านทุ่งหลวง ที่หยุดรถไฟบ้านขนาย ที่หยุดรถไฟบ้านดอนเรียบ ที่หยุดรถไฟคลองยัน ที่หยุดรถไฟเขาหลุง ที่หยุดรถไฟบ้านยาง || |} ==== สถานีรถโดยสารประจำทาง ==== สถานีขนส่งสุราษฎร์ธานี ตลาดเกษตร 1 ตลาดเกษตร 2 ==== ท่าเทียบเรือ ==== {| |--- valign=top || ท่าเทียบเรือนอน (ไปเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) ท่าเทียบเรือนอนเฟอร์รี่ (ไปเกาะเต่า) ท่าเทียบเรือราชาเฟอร์รี่ ตำบลตลิ่งงาม ท่าเทียบเรือซีทรานเฟอร์รี่ (หน้าทอน) ท่าเทียบเรือเกาะสมุย (หน้าทอน) ท่าเรือหน้าพระลานแม่น้ำ (เรือลมพระยา) || ท่าเทียบเรือบางรัก ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ดอนสัก (แหลมทวด) ท่าเทียบเรือราชาเฟอร์รี่ ท่าเทียบเรือซีทรานเฟอร์รี่ ท่าเทียบเรือท้องศาลา ท่าเทียบเรือเกาะเต่า || |} == การศึกษา == === สถาบันอุดมศึกษา === {| |--- valign=top || มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยตาปี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตธรรมาโศกราช ศูนย์การศึกษาสุราษฎร์ธานี || มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี ศูนย์วิทยบริการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ สุราษฎร์ธานี || |} === สถาบันอาชีวศึกษา === {| |--- valign=top || วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคโนโลยีสุราษฎร์พาณิชยการ วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโกสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคนิคกาญจนดิษฐ์ วิทยาลัยการอาชีพไชยา || วิทยาลัยเทคโนโลยีสมุยบริหารธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพเวียงสระ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาลเมืองนาสาร วิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัยสุวรรณภูมิ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ || |} === โรงเรียน === === ธนาคาร === ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีธนาคารทั้งหมด 18 ธนาคาร และมีจำนวนสาขาของธนาคารทั้งหมด 192 สาขา ได้แก่ {| |--- valign=top || ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 17 สาขา ธนาคารกรุงเทพ 18 สาขา ธนาคารกรุงไทย 25 สาขา ธนาคารกสิกรไทย 20 สาขา ธนาคารเกียรตินาคิน 1 สาขา ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 2 สาขา ธนาคารทหารไทย 9 สาขา ธนาคารทิสโก้ 1 สาขา ธนาคารไทยพาณิชย์ 26 สาขา || ธนาคารธนชาต 15 สาขา ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 2 สาขา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 29 สาขา ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 1 สาขา ธนาคารยูโอบี 3 สาขา ธนาคารออมสิน 20 สาขา ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 4 สาขา ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2 สาขา ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) 1 สาขา || |} === โรงพยาบาล === ==== โรงพยาบาลศูนย์ ==== โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ==== โรงพยาบาลทั่วไป ==== {| |--- valign=top || โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ โรงพยาบาลทักษิณ โรงพยาบาลศรีวิชัย โรงพยาบาลค่ายวิภาวดีรังสิต โรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์ โรงพยาบาลไชยา โรงพยาบาลเกาะพะงัน โรงพยาบาลเกาะสมุย โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี || โรงพยาบาลกรุงเทพสมุย โรงพยาบาลสมุยอินเตอร์เนชั่นแนล โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ โรงพยาบาลบ้านนาสาร โรงพยาบาลคีรีรัฐนิคม โรงพยาบาลเคียนซา โรงพยาบาลชัยบุรี โรงพยาบาลดอนสัก โรงพยาบาลวิภาวดี || โรงพยาบาลท่าชนะ โรงพยาบาลท่าฉาง โรงพยาบาลพุนพิน โรงพยาบาลกองบิน 7 โรงพยาบาลท่าโรงช้าง โรงพยาบาลพระแสง โรงพยาบาลบ้านตาขุน โรงพยาบาลบ้านนาเดิม โรงพยาบาลพนม || |} == สถานที่ท่องเที่ยว == อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพงัน อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น อุทยานแห่งชาติคลองพนม (ภูตาจอ) อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง อุทยานแห่งชาติเขาสก น้ำตกดาดฟ้า น้ำตกวิภาวดี (คลองพาย) น้ำตกวิภาวดี (บ้านใน) น้ำตกคลองน้ำเฒ่า น้ำตกคลองคันเบ็ด น้ำตก357 (ธารทิพย์) น้ำตกยวนสาว น้ำตกเหมืองทวด น้ำตกหน้าเมือง 1 น้ำตกหน้าเมือง 2 น้ำตกขุนศรี น้ำตกหินลาด น้ำตกแพงน้อย น้ำตกธารประเวศ น้ำตกธารประพาศ น้ำตกธารเสด็จ น้ำตกวังเสาธง น้ำตกเขาใหญ่ น้ำตกเพชรพนมวัฒน์ น้ำตกธารทอง น้ำตกคลองโหยน น้ำตกหัวโค้งบางสวรรค์ น้ำตกถ้ำผาแดง ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อ่างน้ำผุดบางสวรรค์ บ่อน้ำพุร้อนท่าสะท้อน เขื่อนรัชประภา ถ้ำขมิ้น ถ้ำปะการัง ถ้ำประกายเพชร ถ้ำน้ำทะลุ เนินทรายเหมืองแกะ หาดคันธุลี หาดสวนสน หาดสำเร็จ หาดนิยม หาดนายอำเภอ หาดพุมเรียง หาดแหลมโพธิ์ หาดนางกำ หาดละไม หาดเฉวง หาดทองสน หาดบ่อผุด หาดหน้าทอน หาดลิปะน้อย หาดแม่น้ำ หาดบางรักษ์ หาดท้องยาง หาดท้องศาลา หาดศรีธนู หาดยาว หาดสน หาดสลัด หาดแม่หาด หาดโฉลกหลำ หาดขอม หาดขวด หาดท้องนายปาน หาดธารเสด็จ หาดยาง หาดริ้นนอก หาดริ้นใน หาดเทียน หาดวัวตาหลับ หาดม่าหลี หาดทรายรี หาดทรายนวล หาดทรายแดง อ่าวโตนด อ่าวหินวง อ่าวจุลเจือ ทะเลใน จุดชมวิวจอห์น-สุวรรณ จุดชมวิวผาจันทร์จรัส จุดชมวิวทะเลใน จุดชมวิวไกรสร จุดชมวิวเขา ต.เต่า จุดชมวิวเนินโนรา จุดชมวิวเขื่อนรัชประภา หินตา หินยาย แหลมโพธิ์ แหลมซุย แหลมทวด แหลมสอ แหลมดิน แหลมโจรคล่ำ แหลมใหญ่ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี พระธาตุศรีสุราษฎร์ วัดทุ่งหลวง อุทยานธรรมเขานาในหลวง วัดเจดีย์แหลมสอ วัดปลายแหลม วัดธารน้ำไหล สวนโมขพลาราม วัดทุ่งเซียด วัดสำเร็จ วัดพระใหญ่ วัดเขาศรีวิชัย วัดเขาพระอานนท์ วัดเขาพระนิ่ม วัดสมหวัง เมืองโบราณเวียงสระ วัดรัตนาราม วัดหลง วัดถ้ำสิงขร วัดถ้ำเขาคูหา วัดถ้ำหอมธรรมราม สำนักสงฆ์ถ้ำวังบาดาล พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาพุนพิน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองท่าทอง เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพงัน เกาะแรด เกาะแม่เกาะ เกาะพลวย เกาะมัดสุม เกาะนางยวน เกาะหัวเสร็จ เกาะวัวตาหลับ เกาะแตน == บุคคลที่มีชื่อเสียง == คมสัน นันทจิต จีรนันทน์ เศวตนันทน์ ใจบัว ฮิดดิง ไชยวัฒน์ วรรณานนท์ ชัชชัย สุขขาวดี ชุมพล กาญจนะ นนธวรรณทัศ บรามาซ นาตยา จันทร์รุ่ง ภาณุ สุวรรณโณ มิลลิ (แร็ปเปอร์) ศิวกร เลิศชูโชติ ศุ บุญเลี้ยง สีเทา เพ็ชรเจริญ โสภา สถาพร อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ศุภวิทย์ เจริญสุข == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == รายชื่อวัดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี กองบิน 7 ฐานบินรบหลักของชาวปักษ์ใต้ 10 สถานที่ท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานี โรงแรมในสุราษฎร์ธานี จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
thaiwikipedia
945
กลุ่มดาวปลา
กลุ่มดาวปลา หรือ กลุ่มดาวมีน (♓) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี อยู่ระหว่างกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำทางทิศตะวันตก กับกลุ่มดาวแกะทางทิศตะวันออก กลุ่มดาวปลาไม่มีดาวที่สว่างกว่าโชติมาตร 3 ดังนั้น กลุ่มดาวปลาจึงไม่ใช่กลุ่มดาวเด่น กลุ่มดาว กลุ่มดาวปลา
thaiwikipedia
946
กลุ่มดาวเครื่องสูบลม
กลุ่มดาวเครื่องสูบลม เป็นกลุ่มดาวใหม่ที่เพิ่งกำเนิดขึ้นเมื่อกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่โรเบิร์ต บอยล์ ผู้ประดิษฐ์เครื่องสูบลม กลุ่มดาวนี้มีชื่อละตินเดิมว่า Antlia Pneumatica ต่อมานักดาราศาสตร์ตัดทอนให้ชื่อสั้นลง กลุ่มดาวเครื่องสูบลมล้อมรอบด้วยกลุ่มดาวงูไฮดรา กลุ่มดาวเข็มทิศ กลุ่มดาวใบเรือ และกลุ่มดาวคนครึ่งม้า == แกลลอรี่ == ไฟล์:Antila constellation, 2009.png|บริเวณกลุ่มดาว ไฟล์:Antlia constellation map.png| ไฟล์:Antlia constellation map-fr.png| ไฟล์:Antlia bode.JPG| ไฟล์:Andromeda Hevelius.jpg| == รายชื่อดาวและความส่องสว่างปรากฏ == α Ant ความส่องสว่างปรากฏ 4.22-4.29 δ Ant ความส่องสว่างปรากฏ 5.55 ε Ant ความส่องสว่างปรากฏ 4.51 η Ant ความส่องสว่างปรากฏ 5.24 θ Ant ความส่องสว่างปรากฏ 4.79 ι Ant ความส่องสว่างปรากฏ 4.60 กลุ่มดาว กลุ่มดาวเครื่องสูบลม
thaiwikipedia
947
กลุ่มดาวนกการเวก
กลุ่มดาวนกการเวก เป็นกลุ่มดาวจาง ๆ ทางซีกฟ้าใต้ ไม่สามารถมองเห็นได้จากกรีกโบราณ พบหลักฐานปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮันน์ ไบเออร์ แต่อาจเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักเดินเรือก่อนหน้านั้น == รายชื่อดาวและความส่องสว่างปรากฏ == α Aps ความส่องสว่างปรากฏ 3.83 β Aps ความส่องสว่างปรากฏ 4.24 γ Aps ความส่องสว่างปรากฏ 3.87 ε Aps ความส่องสว่างปรากฏ 5.05 ζ Aps ความส่องสว่างปรากฏ 4.86 η Aps ความส่องสว่างปรากฏ 4.89 θ Aps ความส่องสว่างปรากฏ 5.70 ι Aps ความส่องสว่างปรากฏ 5.41 == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == The Deep Photographic Guide to the Constellations: Apus NightSkyInfo.com: Constellation Apus Apus on WIKISKY Star Tales – Apus กลุ่มดาว กลุ่มดาวนกการเวก
thaiwikipedia
948
กลุ่มดาวแท่นบูชา
กลุ่มดาวแท่นบูชา เป็นกลุ่มดาวจาง ๆ ทางซีกฟ้าใต้ อยู่ระหว่างกลุ่มดาวคนครึ่งม้ากับกลุ่มดาวหมาป่า เดิมรู้จักกันในชื่อ Ara Centauri หมายถึงแท่นบูชาของคนครึ่งม้า กลุ่มดาว กลุ่มดาวแท่นบูชา
thaiwikipedia
949
แคลริเน็ต
แคลริเน็ต (clarinet) เป็นเครื่องดนตรีจำพวกเครื่องเป่าลมไม้(woodwind instruments) ที่พัฒนามาจากเครื่องดนตรีในสมัยกลางเรียกว่า chalumeau แคลริเน็ตเป็นเครื่องดนตรีที่มักทำจากไม้หรือพลาสติก ทำให้เกิดเสียงโดยใช้ลิ้นเดี่ยว (single reed) ซึ่งรัดติดกับปากเป่าเช่นเดียวกับแซกโซโฟน ช่วงเสียงแคลริเน็ต (Bb) เริ่มตั้งแต่ D (เขียนว่า E แต่เล่นแล้วออกเสียง D เนื่องจากเป็นแคลริเน็ตบีแฟลต มีเสียงต่ำกว่าที่เขียนไว้ 1 tone) เรื่อยขึ้นไปประมาณ 3 ½ คู่แปด == ประวัติ == ชาวเยอรมันชื่อ Johann Christoph Denner ประดิษฐ์แคลริเน็ตเมื่อราวปี ค.ศ. 1700 และเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในวงออร์เคสตราเมื่อปี ค.ศ. 1780 (แคริเน็ตเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีโปรดของโมทซาร์ท) และแทนที่โอโบในวงโยธวาทิตได้ในที่สุด == ชนิดของคลาริเน็ต == นอกจากบีแฟลตแคลริเน็ต (โซปราโน) ที่ใช้กันทั่วไปแล้ว ยังมีแคลริเน็ตชนิดอื่นอีก เช่น เบสแคลริเน็ต ใช้ระบบการวางนิ้วชุดเดียวกับแคลริเน็ตบีแฟลตทุกอย่าง แต่เวลาเล่นจะมีเสียงต่ำกว่าบีแฟลตแคลริเน็ตอยู่ 1 คู่แปด เหมาะที่จะนำไปใช้บรรเลงแนวทำนองในระดับเสียงต่ำ ลักษณะเด่นของเบสแคลริเน็ตอยู่ที่ข้อต่อ กำพวดจะเป็นรูปโค้งงอ ปากลำโพงทำด้วยโลหะ งอย้อนขึ้นมาคล้ายกับแซกโซโฟน บาสเซต แคลริเน็ต จะคล้ายกับโซปราโนแคลริเน็ต แต่ขนาดยาวกว่า อัลโตแคลริเน็ต ขนาดใหญ่และยาวกว่าแคลริเน็ตอื่น ๆ ระดับเสียงต่ำกว่าบีแฟล็ตแคลริเน็ตอยู่คู่ 5 เพอร์เฟกต์ ปากลำโพงทำด้วยโลหะ โค้งงอย้อนขึ้นเหมือนแซกโซโฟน อีแฟลตแคลริเน็ต (โซปรานิโน) มีขนาดเล็กกว่าบีแฟลตแคลริเน็ต และมีระดับเสียงสูงกว่าบีแฟลตแคลริเน็ตคู่ 5 เพอร์เฟค เอแฟลตแคลริเน็ต มีขนาดเล็กที่สุด == อ้างอิง == "Woodwind Instruments and Their History" by Anthony Baines, Dover Publishing Jack Brymer, Clarinet. (Yehudi Menuhin Music Guides) Hardback and paperback, 296 pages, Kahn & Averill. ISBN 1-871082-12-9 Instructive Clarinet Literature เครื่องลมไม้ เครื่องดนตรีออร์เคสตรา แคลริเน็ต
thaiwikipedia
950
ฟลูต
ฟลูต (flute) เป็นเครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องเป่าลมไม้ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องเป่าลมประเภทอื่น ๆ ที่กำเนิดเสียงจากการสั่นสะเทือนของลิ้น ฟลูต กำเนิดเสียงจากการผิวของลม ลักษณะเสียงของฟลูตจะมีความไพเราะ นุ่มนวล อ่อนหวาน น่าฟัง == ประวัติ == ฟลูต เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีแรก ๆ ของโลก ฟลูตที่เป่าตามแนวนอนพบครั้งแรกที่ประเทศจีนเมื่อ 900 ปีก่อน ค.ศ. ฟลูตได้ไปถึงยุโรปเมื่อราว ค.ศ. 1100 ฟลูตในช่วง ค.ศ. 1700 นั้นผลิตจากไม้และมีคีย์ 1-4 คีย์ ในศตวรรษที่ 19 จำนวนคีย์ได้เพิ่มเป็น 8 คีย์ ใน ค.ศ. 1832 ผู้ผลิตเครื่องดนตรีชาวเยอรมันชื่อ Theobald Boehm ได้คิดค้นระบบการวางนิ้วของฟลูตใหม่ และเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ผลิตจากไม้เป็นโลหะ ทำให้ฟลูตสามารถเรียนรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้นและเสียงเจิดจ้าขึ้น ระบบเดียวกันนี้ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้กับ โอโบ คลาริเน็ต และแซกโซโฟนด้วย == ประเภทของฟลูต == ฟลูตมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา, โดยพื้นฐานแล้วฟลูตก็คือ ท่อปลายเปิดที่ถูกเป่าให้มีเสียง (เหมือนการเป่าขวด) เมื่อมีความต้องการการเครื่องดนตรีที่มีความสามารถมากขึ้น ได้ทำให้เกิดการพัฒนาจนเกิด ฟลูตตะวันตก ซึ่งมีกลุ่มของแป้นกดที่มีความซับซ้อน ฟลูตถูกแบ่งเป็นหลายประเภท โดยส่วนใหญ่ผู้เล่นจะเป่าไปที่ขอบของฟลูตเพื่อให้เกิดเสียง อย่างไรก็ตาม ฟลูตบางประเภทอย่างเช่น ขลุ่ย, นกหวีด จะมีท่อนำลมไปยังขอบ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเล่น แต่จะทำให้ไม่สามารถควบคุมลักษณะของเสียงได้เช่นเดียวกับการผิว โดยปรกติแล้ว ขลุ่ยจะไม่ถูกเรียกว่าฟลูต ถึงแม้ว่ากายภาพ วิธีการ และเสียง จะคล้ายกับฟลูตก็ตาม การแบ่งประเภทอีกแบบหนึ่งก็การแบ่งระหว่าง การเป่าด้านข้าง (Transverse) และการเป่าจากส่วนบน กลุ่มหลัก ๆ ของฟลุตประกอบไปด้วย ปิคโคโล คอนเสิร์ทฟลุต อัลโตฟลุต เบสฟลุต คอนทราเบสฟลุต ซึ่งแต่ละชนิดจะมีช่วงของเสียงแตกต่างกัน ปิคโคโลจะมีเสียงสูงกว่าฟลูต ไป 1 คู่แปด แต่การเขียนโน้ตจะเขียนเช่นเดียวกับคอนเสิร์ตฟลูต อัลโตฟลูตจะให้เสียง G (โซ) ซึ่งต่ำกว่า C (โด) กลาง เสียงสูงที่สุดที่อัลโตฟลูตจะเล่นได้คือ G (โซสูง) อยู่บนเส้นที่ 4 เหนือบรรทัด 5 เส้น เบสฟลูตจะให้เสียงต่ำกว่าคอนเสิร์ตฟลูตอยู่ 1 คู่แปด เป็นฟลูตที่ไม่ค่อยถูกนำมาเล่น มีทั้ง ฟลูตเสียงสูง ที่ให้เสียง G (โซ) ที่ให้เสียงสูงกว่า อัลโตฟลูตอยู่ 1 คู่แปด, โซปราโนฟลูต, เทเนอร์ฟลูต ฯลฯ โดยฟลูตที่มีขนาดแตกต่างจาก ฟลูต และ ปิคโคโล บางครั้งจะถูกเรียกว่า ฮาร์โมนีฟลูต == วัสดุที่ใช้ทำฟลูต == นิเกิล ใช้ทำฟลูตระดับนักเรียน หรือสำหรับผู้หัดเล่น ฟลูตทำจากวัสดุประเภทนี้จะมีราคาถูก มีการตอบสนองต่อการสั่นสะเทือนต่ำ ให้เสียงที่ทึบ นิเกิล-ซิลเวอร์ เกิดจากการนำทองแดงผสมนิเกิล และโลหะอื่น ๆ อีกเล็กน้อยตามที่ผู้ผลิตต้องการ โลหะชนิดนี้ไม่มีเงินผสมอยู่ แต่มีสีเหมือนเงิน จึงเรียกว่านิเกิล-ซิลเวอร์ และมักถูกเคลือบด้วยเงินอีกชั้น ฟลูตชนิดนี้ให้เสียงที่สว่าง การตอบสนองดี ราคาสูงกว่าแบบนิเกิล เงิน (Silver, Stiring Silver) ให้การตอบสนองและการโปรเจกต์เสียงที่ดีกว่านิเกิ้ลซิลเวอร์ ราคาแพงกว่าแบบนิเกิล-ซิลเวอร์มาก ไม้ แก้ว ทอง == ส่วนประกอบฟลูต == Headjoint หรือที่เรียกว่าปากเป่า เป็นตัวกำเนิดเสียง ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้ * Reflector อยู่ด้านในสุดของรูเป็นตัวสร้างเสียง * Lip Plate เป็นส่วนวางปาก ซึ่งบน Lip Plate จะมีปากเป่า (Embouchure) เป็นส่วนให้ผู้เล่นผิวลมเข้าไป * Crown เป็นส่วนที่อยู่บนสุดของฟลูต สามารถหมุนออกเพื่อปรับ Refector ได้ Body เป็นส่วนควบคุมเสียง โดยมีส่วนคีย์และกลไกในการเล่น อาจจะมีกลไกเพิ่มเติมเช่น * E Mechanism Foot คือส่วนหางมี 2 ประเภทคือ C Foot และ B Foot โดยฟลุตที่เป็น C Foot จะเล่นเสียงต่ำสุดได้คือ Middle C และฟลุตที่เป็น B Foot จะเล่นเสียงต่ำสุดได้คือเสียง B (ต่ำกว่า Middle C ครึ่งเสียง) ฟลูตที่เป็น B Foot จะราคาแพงกว่า ยาวกว่า และหนักกว่า C Foot == แขนงของฟลูต == Concert Flute หรือ Flute ทั่วไป Piccolo in C,Db Alto Flute in G Alto Flute in F Bass Flute in C Contrabass Flute Double Contrabass Flute == อ้างอิง == เครื่องลมไม้ เครื่องดนตรีออร์เคสตรา
thaiwikipedia
951
พจนานุกรม
พจนานุกรม เป็นหนังสืออ้างอิงประเภทหนึ่ง โดยทั่วไป หมายถึง หนังสือที่รวบรวบคำศัพท์ในวงศัพท์ที่กำหนด และนิยามความหมายเอาไว้ เพื่อใช้เป็นที่ค้นหาความหมายของคำ โดยมีการเรียงลำดับคำศัพท์ตามตัวอักษร ตามเสียง หรือตามลำดับอื่น ๆ ที่เหมาะสมสอดคล้องกับการใช้พจนานุกรมนั้น ๆ พจนานุกรมยังมีนัยถึงหนังสือที่ให้รายละเอียด ครอบคลุมวงศัพท์ที่กว้าง ขณะที่หนังสือรวบรวมและอธิบายคำศัพท์ในวงแคบและมีจำนวนจำกัด มักจะเรียกว่า ปทานุกรม อย่างไรก็ตาม คำว่าปทานุกรมและพจนานุกรมอาจใช้สลับกันได้ คำว่า พจนานุกรม เป็นการคิดคำขึ้น จาก พจน (คำพูด) และ อนุกรม (ลำดับ ระเบียบ ชั้น) รวมกันด้วยวิธีสมาส เป็น "พจนานุกรม" หมายถึง หนังสือที่รวบรวมและเรียงลำดับคำ(พูด) เอาไว้ อย่างไรก็ตาม คำว่า "พจนานุกรม" เป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อแปลศัพท์ dictionary ในภาษาอังกฤษนั่นเอง == รูปแบบของพจนานุกรม == พจนานุกรมภาษาเดียว มักเป็นพจนานุกรมหลัก ที่อธิบายความหมายของคำในภาษาหนึ่ง ๆ ภาษาที่อธิบายความหมาย เป็นภาษาเดียวกับภาษาที่ลำดับเป็นหลักในพจนานุกรม วงศัพท์ในพจนานุกรมภาษาเดียวมักจะกว้าง แทบจะครอบคลุมทุกคำที่มีอยู่ในภาษานั้นหรือแวดวงนั้น (แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม) พจนานุกรมสองภาษา เป็นพจนานุกรมที่อธิบายความหมายของคำในภาษาหนึ่ง ๆ ด้วยอีกภาษาหนึ่ง เราพบเห็นได้ทั่วไป เช่น พจนานุกรมภาษาอังกฤษ ที่มีการให้ความหมายเป็นภาษาไทย หรือในทางกลับกัน การอธิบายความหมายนั้น อาจจะสั้น หรือให้ความหมายยืดยาวอย่างละเอียด ก็ยังเรียกว่า พจนานุกรมสองภาษา เช่นกัน พจนานุกรมหลายภาษา เป็นพจนานุกรมที่ มักจะเทียบศัพท์จากภาษาหนึ่ง ไปเป็นศัพท์ภาษาอื่น ๆ มากกว่า 1 ภาษา พจนานุกรมลักษณะนี้ ไม่เน้นความละเอียดในการอธิบายศัพท์ เนื่องจากข้อจำกัดของเนื้อที่ และเพื่อความสะดวกในการค้นหาศัพท์ เช่น ปทานุกรม บาลี ไทย อังกฤษ สันสกฤต ฉบับ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ พจนานุกรมเฉพาะทาง เป็นพจนานุกรมที่รวบรวมคำศัพท์เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น พจนานุกรมศัพท์วิศวกรรม พจนานุกรมศัพท์วรรณคดี เป็นต้น พจนานุกรมคำสัมผัส เป็นพจนานุกรมที่ลำดับคำ ตามเสียงสระ และเสียงพยัญชนะตัวสะกด เพื่อประโยชน์ในการแต่งคำประพันธ์ เอาเสียงสัมผัส อย่างไรก็ตาม พจนานุกรมแบบนี้พบได้น้อย เนื่องจากมีผู้ใช้ในวงจำกัด พจนานุกรมคำเหมือนและคำตรงข้าม เป็นพจนานุกรมที่รวบรวมคำศัพท์ที่มีความหมายอย่างเดียวกันเรียงไว้เป็นลำดับ โดยมากมักจะมีคำศัพท์ที่มีความหมายตรงกันข้ามเอาไว้ด้วย == คุณลักษณะของพจนานุกรม == การสะกด การสะกดในพจนานุกรมถือเป็นมาตรฐานในการใช้งาน และถือเป็นหน้าที่หลักลำดับแรกของพจนานุกรม บางภาษามีการเขียนแยกคำไว้ให้ เพื่อความสะดวกในการพิมพ์ที่จำเป็นต้องขึ้นบรรทัดใหม่ นอกจากนี้บางคำที่สามารถสะกดได้มากกว่า 1 แบบ พจนานุกรมจะเก็บไว้ด้วย ความหมาย การอธิบายความหมาย อาจเป็นข้อความสั้น ๆ หรือให้รายละเอียดมาก แจกแจงเป็นข้อย่อย ๆ การให้ความหมายถือเป็นหัวใจหลักของพจนานุกรมส่วนใหญ่ คุณสมบัติทางไวยากรณ์ นั่นคือระบุประเภทของคำ ว่าเป็น คำนาม คำกริยา คำสรรพนาม ฯลฯ ซึ่งมักปรากฏในพจนานุกรมภาษา (ไม่ใช่พจนานุกรมศัพท์เฉพาะ) ตัวอย่างประโยค และปริบท พจนานุกรมอาจยกตัวอย่างประโยคเพื่อให้เข้าใจความหมายและการใช้คำนั้น ๆ ง่ายขึ้น บางเล่ม มีตัวอย่างประโยคสำหรับทุกคำในพจนานุกรมเลยทีเดียว การออกเสียง สำหรับภาษาเขียนที่มีเกณฑ์การออกเสียงที่ซับซ้อน และไม่สามารถคาดคะเนได้จากรูปเขียนอย่างถูกต้อง เช่น ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน และแม้กระทั่งภาษาไทยก็ตาม พจนานุกรมจะระบุการออกเสียงไว้ด้วย บางเล่มออกเสียงให้ทุกคำ ขณะที่บางเล่มระบุการออกเสียงให้เฉพาะคำที่อ่านยาก หรือเป็นข้อยกเว้น ประวัติคำ หรือที่มาของคำ พจนานุกรมที่มีความละเอียด จะให้ที่มีของคำ ว่าพบครั้งแรกที่ใด หรือ คุณลักษณะอื่น ๆ เช่น การใช้คำ ความหมายแฝง หรือข้อควรสังเกตอื่น ๆ == พจนานุกรมที่สำคัญ == พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พจนานุกรมภาษาอังกฤษ ฉบับออกซฟอร์ด (Oxford English Dictionary) พจนานุกรม สตาร์ดิกต์ == ดูเพิ่ม == พจนานุกรมภาษาไทย นามานุกรม (directory) ศัพทานุกรม (lexicon) สารานุกรม (encyclopedia) อภิธานศัพท์ (glossary) อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ (gazetteer)
thaiwikipedia
952
ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสเป็นดินแดนที่เคยอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันมาก่อน โดยรู้จักกันในชื่อของชนเผ่า หรือแคว้นกอล ซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่าขนาดใหญ่ที่พูดภาษาเคลท์ ในช่วงท้ายก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะล่มสลายลง ดินแดนกอลถูกรุกรานจากทั้งการโจมตีของกลุ่มอนารยชนและการอพยพของกลุ่มคนเร่ร่อน โดยเฉพาะชาวแฟรงก์เชื้อสายเจอร์มานิค พระมหากษัตริย์แฟรงก์นามว่า โคลวิสที่ 1 ได้ทรงรวบรวมดินแดนส่วนมากของกอลภายใต้การปกครองของพระองค์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 นับเป็นจุดเริ่มต้นของอิทธิพลชาวแฟรงก์ในภูมิภาคนี้ที่ดำเนินต่อไปอีกหลายร้อยปี อำนาจของแฟรงก์ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดในช่วงของพระเจ้าชาร์เลอมาญ ราชอาณาจักรฝรั่งเศสยุคกลางก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากการเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งทางทิศตะวันตกของจักรวรรดิการอแล็งเฌียงของชาร์เลอมาญ ซึ่งรู้จักกันในนาม ฟรังเกียตะวันตก และเพิ่มพูนอิทธิพลของตนขึ้นเรื่อยมาภายใต้การปกครองของตระกูลกาแปซึ่งก่อตั้งโดยอูก กาแปในปี ค.ศ. 987 วิกฤตการณ์การสืบราชบัลลังก์เกิดขึ้นเมื่อพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์กาเปเซียงสวรรคตลงโดยไร้ซึ่งรัชทายาทในปี ค.ศ. 1337 นำไปสู่เหตุการณ์ความขัดแย้งหลายครั้งที่รู้จักกันในนาม สงครามร้อยปี ระหว่างราชวงศ์วาลัวกับราชวงศ์แพลนแทเจเนต ความขัดแย้งสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของราชวงศ์วาลัวในปี ค.ศ. 1453 อันเป็นการรวบรัดอำนาจของ อ็องเซียงเรฌีม ในฐานะระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบรวมศูนย์อำนาจอย่างยิ่งยวด ตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษถัดมา ฝรั่งเศสก็เข้าสู่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ เช่นเดียวกับการเยียวยาความขัดแย้งทางศาสนาและสงครามกับขุมอำนาจอื่นๆ จักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศสที่กำลังเติบโตก็ถูกสถาปนาขึ้นในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 นี้เอง ในช่วงท้ายของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ระบอบกษัตริย์และเจ้าขุนมูลนายถูกล้มล้างในการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสและประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาล ประเทศฝรั่งเศสถูกปกครองโดยระบอบสาธารณรัฐเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยระบอบจักรวรรดิเมื่อนโปเลียน โบนาปาร์ต ประกาศตนเป็นจักรพรรดิ ตามมาด้วยความพ่ายแพ้ของนโปเลียนในสงครามนโปเลียน ฝรั่งเศสจึงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองหลายครั้ง เช่น การฟื้นฟูระบอบกษัตริย์, การสถาปนาระบอบสาธารณรัฐครั้งที่สองช่วงสั้นๆ ตามมาด้วยจักรวรรดิที่สอง จนไปสิ้นสุดลงที่สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สามซึ่งสถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 1870 ฝรั่งเศสหนึ่งในไตรภาคีระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ร่วมต่อสู้เคียงข้างสหราชอาณาจักรและรัสเซีย และในฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งต่อสู้กับฝ่ายมหาอำนาจกลาง ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ถูกยึดครองโดยนาซีเยอรมนีในปี ค.ศ. 1940 สาธารณรัฐที่สามจึงล่มสลายลง พื้นที่ส่วนมากของประเทศถูกควบคุมโดยตรงจากฝ่ายอักษะ ในขณะที่ทางตอนใต้ถูกควบคุมโดยกองกำลังผสมรัฐบาลวิชี ตามมาด้วยการปลดปล่อยฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1944 สาธารณรัฐที่สี่จึงถูกสถาปนาขึ้น สาธารณรัฐที่สี่ถูกสืบทอดโดยสาธารณรัฐที่ห้าในปี ค.ศ. 1958 ซึ่งเป็นรัฐบาลยุคปัจจุบัน ต่อมามีการทำสงครามเรียกร้องเอกราช ทำให้อาณานิคมจักรวรรดิฝรั่งเศสส่วนมากกลายเป็นรัฐเอกราช ในขณะที่บางอาณานิคมยังอยู่ภายใต้ดูแลโดยสำนักงานโพ้นทะเลของรัฐบาลฝรั่งเศสและบางแห่งกลายมาเป็นอาณานิคมโพ้นทะเล ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ฝรั่งเศสเป็นสมาชิกผู้นำในสหประชาชาติ, สหภาพยุโรป และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ รวมถึงยังเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจ, วัฒนธรรม, การทหาร และการเมืองในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 21 ==ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ== ===ยุคก่อนประวัติศาสตร์=== เครื่องมือหินบ่งบอกว่ามนุษย์ยุคแรกอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสอย่างน้อยก็เมื่อ 1.57 ล้านปีก่อน มนุษย์นีแอนเดอร์ทาลแพร่กระจายไปทั่วยุโรปตั้งแต่ราว 4 แสนปีก่อนคริสตกาล แต่มาสูญพันธ์ไปราว 30,000 ปีก่อน ส่วนมนุษย์ยุคปัจจุบันปรากฏตัวครั้งแรกในบริเวณนี้เมื่อ 43,000 ปีก่อน การจดบันทึกถึง ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ปรากฏครั้งแรกในยุคเหล็ก ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบันของประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นภูมิภาคที่ชาวโรมันรู้จักกันในนาม กอล นักเขียนชาวโรมันบันทึกไว้ว่ามีชนเผ่าทางเชื้อชาติ-ภาษาอยู่สามเผ่าหลักในดินแดนนี้ คือ กอล, อากิตานี และเบลไก ชาวกอลมีจำนวนประชากรและการรวมกลุ่มกันมากที่สุด เป็นชาวเคลต์ที่พูดภาษากอลลิช ในช่วงศตวรรษที่หนึ่งก่อนคริสตกาล ชาวกรีก, ชาวโรมัน และชาวคาร์เธจ ก่อตั้งอาณานิคมบนตลอดแนวชายฝั่งและบนเกาะต่างๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สาธารณรัฐโรมันผนวกเอาตอนใต้ของกอลเป็นมณฑลหนึ่งของตนนามว่า แกลเลียนาร์โบเนนซิส ในศตวรรษที่สองก่อนคริสตกาล และกองกำลังโรมันภายใต้การนำของจูเลียส ซีซาร์ ได้ยึดเอาส่วนที่เหลือของกอลมาได้ในสงครามกัลลิกช่วง 58 - 51 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมาในภายหลังวัฒนธรรมกาลโล-โรมันจึงถือกำเนิดขึ้นและชาวกอลก็ถูกผนวกเข้ากับจักรวรรดิโรมันมากยิ่งขึ้น ===แคว้นกอล=== ชาวเคลท์ (Celts) อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสและดินแดนรอบข้างมานานตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งชาวโรมันเรียกชาวเคลท์ว่า กอล และเรียกดินแดนของพวกเขาว่าแคว้นกอล เมืองต่างๆในฝรั่งเศสปัจจุบันก็มีรากฐานมาจากชาวโกล เช่น เมืองลูเทเทีย (ปารีส) เบอร์ดิกาลา (บอร์โดซ์) โทโลซา (ตูลูส) ส่วนนักเดินเรือชาวกรีกก็ตั้งอาณานิคมที่มาซซาเลีย (มาร์เซย) และนิคาเอีย (นีซ) 390 ปีก่อนค.ศ. เบรนนุสผู้นำเผ่าโกลนำทัพบุกทำลายกรุงโรม ทำให้ชาวโรมันมีความแค้นฝังใจกับชาวโกล 58 ปีก่อนค.ศ. จูเลียส ซีซาร์ ได้เป็นกงสุลแห่งโกล (ผู้ครองแคว้นกอล) จึงทำทัพเข้าพิชิตแคว้นกอลทั้งหมดได้เมื่อ 52 ปีก่อน ค.ศ. ในยุทธการที่อเลเซีย ซึ่งผู้นำเผ่ากอล เวอร์ซินเกโทริก (Vercingetorix) พ่ายแพ้และยอมจำนน แคว้นกอลและชาวกอลจึงตกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน ชาวโรมันแบ่งแคว้นกอลออกเป็น 5 แคว้น คือ แกลเลียซิซัลพินา, แกลเลียนาร์โบเนนซิส, แกลเลียแอควิเทเนีย, แกลเลียลุกโดเนนซิส และ แกลเลียเบลจิกา ชาวโรมันกวาดต้อนชาวเคลท์กระจัดกระจายไปทั่วจักรวรรดิโรมันเพื่อป้องกันการรวมตัวต่อต้าน จนวัฒนธรรมโรมันเข้าแทนที่วัฒนธรรมเคลท์ในแคว้นกอล ผสมผสานรวมกันเป็นวัฒนธรรมกาลโล-โรมัน (Gallo-Roman Culture) ในปี ค.ศ. 260 ขณะที่จักรวรรดิโรมันกำลังวิกฤต แคว้นกอลได้แตกแยกออกมาเป็นจักรวรรดิกัลลิก (Gallic Empire) แต่ก็ถูกจักรพรรดิออเรเลียนผนวกอีกครั้งใน ค.ศ. 274 เมื่ออำนาจของจักรวรรดิโรมันเสื่อมลง ชนเผ่าเยอรมันก็สามารถรุกรานเข้าแคว้นโกลได้ เริ่มด้วยชาวแวนดัล (Vandals) ใน ค.ศ. 406 และชาววิซิกอธ ได้รับแคว้นอากีแตนใน ค.ศ. 410 ใน ค.ศ. 451 อัตติลาเดอะฮั่นพยายามจะบุกโกลแต่ชาวโรมันร่วมมือกับชาววิสิโกธสามารถต้านทานไว้ได้ == ชนแฟรงค์ == เมื่อจักรวรรดิโรมันล่มสลาย สยาคเรียส (Syagrius) ปกครองแคว้น โซอิสสัน (Soissons) แต่ถูกโคลวิส (Clovis) ผู้นำเผ่าซาเลียน แฟรงก์ (Salian Franks ยังไม่ออกเสียงแบบฝรั่งเศส) ข้ามแม่น้ำไรน์มายึดอาณาจักรของซยากริอุสในปี ค.ศ. 486 ในปี ค.ศ. 496 โคลวิสเข้ารีตคริสต์ศาสนาเพื่อให้สามารถปกครองประชาชนที่เป็นคริสเตียนได้ ใน ค.ศ. 507 โคลวิสชนะอลาริกที่2 กษัตริย์ของวิชิกอธ และยึดแคว้นอากีแตนขับไล่ชาววิชิกอธไปสเปน โคลวิสจึงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง (Merovingian) มีศูนย์กลางที่ปารีส แต่ประเพญีของชาวแฟรงก์จะต้องแบ่งสมบัติให้บุตรเท่ากัน ดังนั้นอาณาจักรแฟรงก์จึงแตกเป็นสี่แคว้นคือ เนิสเตรีย (ปารีสศูนย์กลาง) ออสตราเซีย (แรงส์ศูนย์กลาง) เบอร์กันดี และอากีแตน เปแปงแห่งเฮอร์สตาล (Pepin of Herstal) อัครเสนาบดี (Mayor of the Palace) แคว้นออสตราเซีย ยึดแคว้นเนิสเตรีย ทำให้ตระกูลเฮอร์ตาลในตำแหน่งอัครเสนาบดีขึ้นมามีอำนาจแทนราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง ในปี ค.ศ. 711 ทัพของจักรวรรดิกาหลิปอุมัยยะฮ์ทำลายอาณาจักรวิชิกอธ และกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ ในปี ค.ศ. 732 ชาลส์ มาร์เตล (Charles Martel) ลูกชายของเปแปง ขับไล่การรุกรานของชาวมุสลิมได้ในยุทธการตูรส์ ในปี ค.ศ. 751 เปแปงผู้เตี้ยสั้น (Pepin the Short) ลูกชายของชารส์ มาร์เตล ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ชาวแฟรงก์และตั้งราชวงศ์การอแล็งเฌียง (Carolingian) พระโอรสของเปแปงผู้เตี้ยสั้น คือ ชาร์เลอมาญรวบรวมอาณาจักรแฟรงก์ที่แตกแยกอีกครั้งได้ในปี ค.ศ. 771 แผ่ขยายอิทธิพลของชนแฟรงก์ไปสูงสุด โดยบุกยึดอิตาลีจะกลุ่มลอมบาร์ด (ค.ศ. 774) บุกยึดแคว้นบาวาเรีย (ค.ศ. 788) ต้านการรุกรานของชาวอวาร์ (ค.ศ. 796) ยึดบาร์เซโลนาจากรัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์ในสเปน (ค.ศ. 801) และปราบปรามชาวแซ็กซอน (ค.ศ. 804) ในปี ค.ศ. 800 สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 3 ได้สวมมงกุฎ (ของลอมบาร์ด) ให้ชาร์เลอมาญเป็นจักรพรรดิโรมัน เป็นการเริ่มต้นของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ แต่อาณาจักรคาโรแลงเจียนก็แตกแยกเมื่อหลานทั้งสามของชาร์เลอมาญ คือ ชาลส์ผู้ศีรษะล้าน (Charles the Bald) หลุยส์เยอรมัน (Louis the German) และโลแธร์ที่ 1 (Lothair I) ขัดแย้งกันแย่งชิงราชสมบัติ ในปี ค.ศ. 843 สนธิสัญญาแวร์ดังได้แบ่งอาณาจักรเป็นสามส่วน ส่วนของชาลส์ผู้ศีรษะล้าน คือาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก จะกลายเป็นประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน เมื่อาณาจักรแตกแยกราชวงศ์คาโรแลงเจียนเสื่อมอำนาจ ทำให้ชาวไวกิงสามารถปล้นสะดมเมืองท่าต่างๆ และได้แคว้นนอร์ม็องดีไปครอง บ้านเมืองไม่มีขื่อแป ทำให้เคานต์แห่งปารีสกุมอำนาจแทนที่ราชวงศ์คาโรแลงเจียน แต่ก็เฉพาะในกรุงปารีสเท่านั้น ตามท้องที่ต่างๆ เมื่อพบว่ากษัตริย์ไม่สามารถปกป้องพวกตนจากการคุกคามของไวกิ้งได้ จึงหันไปพึ่งขุนนางท้องถิ่น เป็นเหตุให้ระบบศักดินาสวามิภักดิ์เรืองอำนาจ บรรดาเจ้าครองแคว้นพากันตั้งตนเป็นใหญ่ โดยที่เคานต์แห่งปารีส ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์กาเปเซียง (Capetian) มีอำนาจอยู่แค่บริเวณปารีสเท่านั้น == สมัยกลาง == ในค.ศ. 987 ราชวงศ์คาโรแลงเจียนหมดสิ้นไปในอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก อูก กาแป (Hugh Capet) เคานต์แห่งปารีส ได้ขึ้นครองราชย์นับเป็นปฐมกษัตริย์ฝรั่งเศส ราชวงศ์กาเปเชียง แต่อาณาจักรที่พระเจ้าอุคต้องปกครองนั้นเต็มไปด้วยความแตกแยกบรรดาขุนนางต่างๆทำสงครามกับเองเพื่อแย่งชิงดินแดนหรือแม้แต่กบฏต่อพระเจ้าอุคที่ปารีส อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศสนั้นจึงน้อยนิดแทบทำอะไรไม่ได้ มีอำนาจเฉพาะบริเวณปารีสเท่านั้น ในค.ศ. 1023 โรแบร์ที่ 2 พระโอรสของอุค กาเป ได้เจรจาสงบศึกกับจักรพรรดิเฮนรีที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก) ว่าจะไม่อ้างสิทธิของกันและกันอีก พระเจ้าโรแบร์ที่ 2 ทรงได้รับสมยาว่า ผู้เคร่งศาสนา เพราะทรงสร้างสันติภาพในหมู่ขุนนาง ใช้วิธีทางทูตมากกว่าสงครามเรียกว่า The Peace and Truce of God และยังทรงให้มีการปรับปรุงวินัยของบาทหลวงเสียใหม่ตามหลักการของนิกายเบเนดิกทีน เรียกว่า การปฏิรูปกลูนีอัก (Cluniac Reforms) อองรีที่ 1 พระโอรสของโรแบร์ที่ 2 อำนาจของพระองค์ถูกลดอย่างมากเพราะขุนนางต่างๆแผ่ขยายดินแดน โดยเฉพาะดยุควิลเลียมแห่งนอร์ม็องดี บุกยึดอาณาจักรอังกฤษในค.ศ. 1066 และทางใต้ดยุคแห่งอากีแตนได้ดินแดนในฝรั่งเศสไปครึ่งประเทศ จนในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 6 อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศสจึงเริ่มจะแผ่ขยาย เพราะบรรดาขุนนางต่างใช้กำลังไปมากในสงครามครูเสด ทำให้เริ่มจะอ่อนแอ พระเจ้าหลุยส์ที่6 ทรงปราบปรามบารอนโจร (Robber Barons) ที่คอยปล้มสะดมเรือต่างๆและมีอำนาจในปารีส ทรงทุบทำลายปราสาทของบารอนเหล่านี้ และทรงดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวกับฝ่ายขุนนาง ขุนนางคนใดไม่เชื่อฟังจะถูกยึดที่ดินหรือส่งกำลังไปปราบปราม ในค.ศ. 1137 พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ทรงอภิเษกสมรสกับอาลีเยนอร์แห่งอากีแตน (Eleanor of Aquitaine) บุตรสาวของดยุคแห่งอากีแตนอันกว้างใหญ่ ทำให้ฝรั่งเศสมีสิทธิจะยึดแคว้นใหญ่นี้ได้ ในค.ศ. 1154 เฮนรี พลันตาจาเนต (Henry Plantaganet) ดยุคแห่งอังชู ได้เป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ พระเจ้าหลุยส์ทรงเข้าร่วมสงครามครูเสดครั้งที่ 2ทำให้ทรงมีความขัดแย้งกับราชินีเอเลเนอร์ ทำให้มีการหย่าขาดจากกันในค.ศ. 1152 เอเลเนอร์แห่งอากีแตนต่อมาอภิเษกกับเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ ประจวบเหมาะกับที่ดยุคแห่งอากีแตนสิ้นชีวิต ทำให้อังกฤษได้แคว้นอากีแตนอันกว้างใหญ่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสไปครอง กลายเป็นจักรวรรดิแองเจวิน (Angevin Empire) ผลคืออังกฤษเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงต่อกษัตริย์ฝรั่งเศส ด้วยสงครามที่หนักหน่วงทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ออกุสตุสทรงสามารถยึดแคว้นอากีแตนจากพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษจนเกือบหมดได้ (เหลือเพียงกาสโคนี) ในค.ศ. 1214 ทำให้ที่ดินของฝรั่งเศสแผ่ขยายไปกว้างกว่าเดิมมาก และยังทรงตั้งมหาวิทยาลัยปารีสอีกด้วย นักบุญหลุยส์ (พระเจ้าหลุยส์ที่ 9) ก็ทรงขับเขี่ยวกับอังกฤษต่อไปอีก และสงครามครูเสดอัลบีเจนเซียนทำให้ทรงยึดแคว้นตูลูสได้ ทำให้ฝรั่งเศสเป็น "ประเทศ" ขึ้นมาได้ และกลายเป็นมหาอำนาจแห่งยุโรปในสมัยกลาง พระเจ้าฟิลิปผู้โฉมงาม (Philip the Fair) ทรงทำสัญญาพันธมิตรเก่า (Auld Alliance) กับสกอตแลนด์เพื่อต่อต้านอังกฤษ ทรงขับไล่คณะอัศวินเทมพลาร์ และตั้งสภาปาเลอร์มองต์ อำนาจของฝรั่งเศสมีมากมายเสียจนสามารถดึงพระสันตปาปามาประทับที่อาวิญอง(Avignon) ได้ในค.ศ. 1305 สร้างความไม่พอใจไปทั่วยุโรป ด้วยเกรงว่าฝรั่งเศสจะครอบงำองค์พระสันตปาปา ในค.ศ. 1324 พระเจ้าชาลส์ที่ 4 สิ้นพระชนม์โดยไม่มีทายาท ทำให้ราชวงศ์กาเปเชียงสายตรงต้องสิ้นสุดลง พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษเป็นพระนัดดาของพระเจ้าชาลส์ที่ 4 เป็นพระญาติชายที่ใกล้ชิดที่สุดทางสายพระโลหิต จึงเป็นผู้มีสิทธิจะครองบัลลังก์มากที่สุด แต่ขุนนางฝรั่งเศส ไม่ต้องการให้กษัตริย์อังกฤษมาปกครองฝรั่งเศส จึงอ้างกฎบัตรซาลลิคของชนแฟรงก์โบราณว่า การสืบสันติวงศ์จะต้องผ่านทางผู้ชายเท่านั้น และให้ฟิลิปเคานต์แห่งวาลัวส์ (Philip, Count of Valois) ที่สืบเชื้อสายจากพระเจ้าฟิลิปที่ 3 ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฟิลิปที่ 6 เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์วาลัวส์ (Valois dynasty) ซึ่งเป็นสาขาของราชวงศ์กาเปเชียง ในค.ศ. 1331 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 ทรงยินยอมที่จะสละสิทธิ์ในบัลลังก์ฝรั่งเศสทั้งมวลแต่ครองแคว้นกาสโคนี ในค.ศ. 1333 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงทำสงครามกับสกอตแลนด์ ทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 6 ทรงเห็นเป็นโอกาสจึงนำทัพบุกยึดแคว้นกาสโคนี แต่พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงปราบปรามสกอตแลนด์อย่างรวดเร็ว และหันมาตอบโต้พระเจ้าฟิลิปได้ทัน สงครามร้อยปีเริ่มต้นในค.ศ. 1337 ในตอนแรกทัพเรือฝรั่งเศสสามารถโจมตีเมืองท่าอังกฤษได้หลายที่ แต่ลมก็เปลี่ยนทิศเมื่อทัพเรือฝรั่งเศสถูกทำลายล้างในการรบที่สลุยส์ (Sluys) ในค.ศ. 1341 ตระกูลดรือซ์แห่งแคว้นบรีตตานีสูญสิ้น พระเจ้าเอ็ดวาร์ดและพระเจ้าฟิลิปจึงสู้รบกันเพื่อให้คนของตนได้ครองแคว้นบรีตตานี ในค.ศ. 1346 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงสามารถขึ้นบกได้ที่เมืองคัง ในนอร์ม็องดี เป็นที่ตกใจแก่ชาวฝรั่งเศส พระเจ้าฟิลิปแต่งทัพไปสู้ แต่พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงหลบหนีไปประเทศภาคต่ำ (Low Countries) ทัพฝรั่งเศสตามมาทัน แต่พ่ายแพ้ยับเยินที่การรบที่เครซี (Crecy) ทำให้พระเจ้าเอ็ดวาร์ดต่อไปยึดเมืองท่าคาเลส์ของฝรั่งเศสและยึดเป็นที่มั่นบนแผ่นดินฝรั่งเศสได้ในค.ศ. 1347 ในค.ศ. 1348 ระหว่างที่ฝรั่งเศสกำลังลุกเป็นไฟด้วยสงคราม กาฬโรคก็ระบาดมาถึงฝรั่งเศส คร่าชีวิตผู้คนหลายล้าน ทำให้ประชากรฝรั่งเศสลดลงอย่างมาก ทำให้สงครามหยุดชะงัก จนโรคระบาดเริ่มคลี่คลายในค.ศ. 1358 องค์ชายเอ็ดวาร์ด (Edward, the Black Prince) พระโอรสของพระเจ้าเอ็ดวาร์ด บุกอังกฤษจากกาสโคนี ชนะฝรั่งเศสในการรบที่ปัวติแยร์ (Poitiers) จับพระเจ้าฌองแห่งฝรั่งเศสได้ ด้วยอำนาจของฝรั่งเศสที่อ่อนแอลง ทำให้ตามชนบทไม่มีขื่อแปโจรอาละวาด ทำให้ชาวบ้านก่อจลาจลกันมากมาย พระเจ้าเอ็ดวาร์ดเห็นโอกาสจึงทรงบุกอีกครั้ง แต่ถูกองค์รัชทายาทแห่งฝรั่งเศสต้านไว้ได้ จนทำสนธิสัญญาบรีติญญี ในค.ศ. 1360 อังกฤษได้อากีแตน บรีตตานีครึ่งนึง คาเลส์ แต่พระเจ้าชาลส์ที่ 5 และแบร์ทรันด์ ดู เกอสแคลง (Bertrand du Guesclin) ก็สามารถยึดดินแดนต่างๆคืนได้ในรัชสมัยของพระองค์ เพราะอังกฤษติดพันกับสงครามในสเปน และพระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงสิ้นพระชนม์ในค.ศ. 1377 และองค์ชายเอ็ดวาร์ดค.ศ. 1376 แต่ดูเกอสแคลงก็สิ้นชีวิตในค.ศ. 1380 จนทำสัญญาสงบศึกกัน สงครามร้อยปีหยุดยาวเพราะฝรั่งเศสตกอยู่ในสงครามกลางเมืองระหว่างตระกูลอาร์มันญัค (Armagnac) และดยุคแห่งเบอร์กันดี และขอให้อังกฤษช่วย พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ ก็ทรงนำทัพบุกฝรั่งเศสในค.ศ. 1415 และชนะฝรั่งเศสขาดลอยในการรบที่อแกงคูร์ต (Agincourt) ได้ดยุคแห่งเบอร์กันดีมาเป็นพันธมิตร และยึดฝรั่งเศสตอนเหนือไว้ได้ทั้งหมดในค.ศ. 1419 พระเจ้าเฮนรีทรงเฝ้าพระเจ้าชาลส์ที่ 6 แห่งฝรั่งเศสซึ่งทรงพระสติไม่สมประกอบ ทำสัญญาให้พระโอรสพระเจ้าเฮนรีขึ้นครองฝรั่งเศสเมื่อพระเจ้าชาร์ลส์สิ้นพระชนม์ แต่ทัพสกอตแลนต์ก็มาช่วยขัดขวางเอาไว้ เมื่อพระเจ้าชาลส์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศส แต่ตระกูลอาร์มันญัคยังคงจงรักภัคดีต่อองค์รัชทายาทฝรั่งเศส ในค.ศ. 1428 อังกฤษล้อมเมืองออร์เลียงส์ แต่โยนแห่งอาร์ค (Joan of Arc หรือ Jeanne d'Arc - ชานดาก) เสนอตัวขับไล่ทัพอังกฤษกล่าวว่านางเห็นนิมิตว่าพระเจ้าให้เธอปลดปล่อยฝรั่งเศสจากอังกฤษ จนสามารถขับไล่ทัพอังกฤษออกไปได้ในค.ศ. 1429 และยังสามารถเปิดทางให้องค์รัชทายาทสามารถยึดเมืองแรงส์เพื่อราชาภิเษกพระเจ้าชาลส์ที่ 7 นับเป็นจุดเปลี่ยนในสงครามร้อยปี แต่โยนแห่งอาร์คถูกฝ่ายเบอร์กันดีจับได้และส่งให้อังกฤษ และถูกเผาทั้งเป็น ในค.ศ. 1435 แคว้นเบอร์กันดีหันมาเป็นฝ่ายฝรั่งเศส แม้ฝ่ายอังกฤษจะมีจอห์น ทัลบอต ที่ดุร้าย แต่พระเจ้าชาลส์ที่ 7ก็ทรงสามารถยึดฝรั่งเศสคืนได้เกือบหมดในค.ศ. 1453 (ยกเว้นคาเลส์) ในการรบที่คาสตีลโลญ (Castillogne) ซึ่งฝรั่งเศสใช้ปืนเป็นครั้งแรก เป็นอันสิ้นสุดสงครามร้อยปี == ฟื้นฟูศิลปวิทยาการและสงครามศาสนา == หลังสิ้นสุดสมัยกลางฝรั่งเศสไม่ใช่ดินแดนของขุนนางที่เอามาแปะรวมกันอีกต่อไป แต่เป็นประเทศที่เป็นปึกแผ่นภายใต้กษัตริย์ฝรั่งเศส แต่แคว้นเบอร์กันดีภายใต้ดยุคชาลส์ผู้แข็งแกร่งก็กำลังเรืองอำนาจอยู่ทางตะวันออก จนพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 ทรงร่วมมือกับสมาพันธรัฐสวิส ชนะสงครามกับแคว้นเบอร์กันดี และได้แคว้นเบอร์กันดีมาครอง แต่ดินแดนที่เหลือโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคต่ำตกเป็นของฟิลิปพระโอรสของจักรพรรดิแมกซิมิเลียนแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์ ดยุคลุโดวิโก ซฟอร์ซา แห่งมิลาน ต้องการเป็นใหญ่ในอิตาลี จึงอัญเชิญพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 ให้บุกยึดคาบสมุทรอิตาลี พระเจ้าชาร์ลส์เองก็ทรงต้องการอ้างสิทธิ์ของพระองค์ต่อบัลลังก์ราชอาณาจักรเนเปิลส์ จึงทรงกรีฑาทัพเข้าสู่อิตาลีใน ค.ศ. 1494 บรรดาเจ้าเมืองน้อยใหญ่ทั้งหลายไม่อาจต้านทานทัพของพระเจ้าชาร์ลส์ได้ จนทรงยึดเมืองเนเปิลส์ได้ แต่บรรดาเมืองต่างในอิตาลีและจักรพรรดิแมกซิมิเลียนไม่ต้องการให้ฝรั่งเศสขยายอำนาจจึงตีทัพพระเจ้าชาลส์หนีกลับไปฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ทรงเคียดแค้นดยุคลุโดวิโกที่ทรยศพระเจ้าชาร์ลส์เข้าฝ่ายอิตาลี ใน ค.ศ. 1499 จึงทรงยกทัพยึดแคว้นลอมบาร์ดี (มิลาน) ปีต่อมา ค.ศ. 1500 ทรงร่วมมือกับพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งสเปน บุกยึดอาณาจักรเนเปิลส์ แต่เมื่อยึดได้แล้วกลับตกลงแบ่งส่วนกันไม่ได้ จนพระเจ้าหลุยส์ถูกทัพสเปนตีพ่ายแพ้ บรรดาเมืองต่างๆในอิตาลีก็รวมกันเป็นสันนิบาตต่อต้านอีก พระเจ้าหลุยส์จึงทรงถอยกลับ พระเจ้าฟรองซัวที่ 1 ทรงยึดมิลานคืนได้จากสวิส ใน ค.ศ.1516 จักรพรรดิแมกซิมีเลียนสิ้นพระชนม์ พระเจ้าฟรองซัวหวังจะได้เป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ แต่ตำแหน่งก็ตกเป็นของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งสเปน ทำให้พระเจ้าฟรองซัวทรงโกรธแค้นจักรพรรดิชาลส์ ทำให้ทรงหาข้ออ้างบุกเนเปิลส์คืนจากสเปนแต่ไม่เป็นผล และทัพสเปนก็บุกมิลาน พระเจ้าฟรองซัวนำทัพไปป้องกัน แต่พ่ายแพ้และทรงถูกจับไปเมืองมาดริดใน ค.ศ. 1525 จนเมื่อทรงสัญญาว่าจะไม่บุกอิตาลีอีก และไถ่พระองค์ด้วยเงินมหาศาล พระเจ้าฟรองซัวจึงถูกปล่อยพระองค์ พระเจ้าฟรองซัวหันไปหาสุลต่านสุไลมานแห่งจักรวรรดิออตโตมัน ร่วมมือกันบุกเมืองนีซ แต่ไปไม่ถึงมิลาน จักรพรรดิชาร์ลส์ร่วมมือกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษบุกฝรั่งเศสจากทางเหนือ แต่ไม่เป็นผล พระเจ้าอองรีที่ 2 พระโอรสของพระเจ้าฟรองซัว ทรงบุกจักรวรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์เพื่อแก้แค้นให้พระบิดา แต่ไม่ประสบผล จึงทำสนธิสัญญากาโต-กังเบรซี ฝรั่งเศสถอนสิทธิทั้งหมดในคาบสมุทรอิตาลี สิ้นสุดสงครามอิตาลี สงครามอิตาลีทำให้กระแสการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เข้าสู่ฝรั่งเศส พระเจ้าฟรองซัวที่ 1 ก็ทรงได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ฟื้นฟูศิลปวิทยาการพระองค์แรก ทรงมีความรู้ในศาสตร์หลายด้าน และทรงนิพนธ์หนังสือหลายฉบับ โดยทรงให้จิตรกรชื่อดัง ลีโอนาร์โด ดาวินชี ออกแบบพระราชวังชองโบด์ที่อลังการเพื่อโอ้อวดจักรพรรดิชาร์ลส์ สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการเกิดวรรณกรรมภาษาฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก (ตลอดสมัยกลางมีแต่ภาษาลาติน) พระเจ้าฟรองซัวทรงประกาศให้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ นักเขียนหลายท่าน เช่น ฟรองซัว ราเบอเลส์ ช่วยกันสร้างสรรค์ภาษาฝรั่งเศสที่สวยงาม ฝรั่งเศสยังมีจิตรกรชื่อดังหลายคนสมัยนี้ เช่น ชอง ฟูเกต์ และสถาปนิก ปิแอร์ เลส์โกต์ และชัคส์ กาติแยร์ ยังเดินทางไปสำรวจทวีปอเมริกาอีกด้วย กระแสการปฏิรูปศาสนาในเยอรมนีแผ่อิทธิพลมาถึงฝรั่งเศส โดยลัทธิที่แพร่หลายในฝรั่งเศสคือนิกายคัลแวง ของ ชอง คัลแวง แต่กษัตริย์ฝรั่งเศสทุกพระองค์ทรงยึดมั่นในนิกายคาทอลิก ฝ่ายโปรเตสแตนต์ในฝรั่งเศสจึงถูกกวาดล้างอยู่บ่อยครั้ง และถูกตั้งชื่อว่า กลุ่มอูเกอโนต์ (Huguenots) พระเจ้าอองรีที่ 2 สิ้นพระชนม์ระหว่างการประลองดาบในการทำสนธิสัญญากาโต-กังเบรซี พระเจ้าฟรองซัวที่ 2 ครองราชย์แทน พระเจ้าฟรองซัวทรงอภิเษกกับราชินีมารีที่เพิ่งหลบหนีมาจากสกอตแลนด์เพราะถูกยึดอำนาจ พระปิตุลา คือ ดยุคแห่งกีส เข้ามามีอำนาจปกครองบ้านเมือง ตระกูลกีสเป็นตระกูลที่คาทอลิกจัด ต่อต้านโปรเตสแตนต์ทุกประเภท กดขี่กลุ่มอูเกอโนต์ ในค.ศ. 1560 พระเจ้าฟรองซัวสิ้นพระชนม์ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 9 ขึ้นครองราชย์แต่ยังพระเยาว์ พระนางแคทเธอรีน เดอ เมดีชี พระมารดาสำเร็จราชการแทน พระนางทรงพยายามทุกวิถีทางที่จะอยู่รอดท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างตระกูลกีสคาทอลิกจัด และตระกูลบูร์บงอูเกอโนต์ พระนางคัทเทอรีนทรงให้เสรีภาพทางศาสนาแก่กลุ่มอูเกอโนต์ในค.ศ. 1562 เพื่อคานอำนาจตระกูลกีส ตระกูสกีสไม่พอใจกดดันให้พระนางยกเลิกกฤษฎีกา สงครามศาสนาฝรั่งเศส จึงปะทุขึ้น แต่พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน (ทรงได้ชื่อว่าเคร่งครัดคาทอลิกที่สุดในโลกขณะนั้น) เริ่มสะสมทัพตามชายแดน ทั้งทางสเปนและแคว้นเบอร์กันดี (เป็นของสเปน) ทำให้ฝ่ายอูเกอโนต์ไม่พอใจ จึงทำสงครามอีกครั้ง คราวนี้ประเทศต่างๆในยุโรปเข้าร่วมด้วย ฝ่ายคาทอลิกนำโดยตระกูลกีสและดยุคแห่งอังชูได้พระนางคัทเทอรีนมาเป็นพันธมิตร และยังได้พระเจ้าฟิลิปแห่งสเปนและพระสันตปาปาสนับสนุนด้วย ฝ่ายโปรเตสแตนต์นำโดยองค์ชายแห่งกงเดได้พระนางอลิซาเบ็ธที่ 1 แห่งอังกฤษและเจ้าครองแคว้นที่ถือนิกายคัลแวงในเยอรมนี ในค.ศ. 1572 องค์หญิงมาร์เกอริตแห่งวาลัวส์ที่เป็นคาทอลิกอภิเษกกับพระเจ้าอองรีแห่งนาวาร์ตระกูลบูร์บงที่เป็นอูเกอโนต์ ดยุคแห่งกีสบุกและกระจายทัพสังหารกลุ่มอูเกอโนต์ในปารีสทั้งหมดอย่างโหดร้าย ทำให้ปารีสเกิดกลียุค เรียกว่า การสังหารหมู่วันเซนต์บาร์โธโลมิว พระเจ้าอองรีที่ 3 ขึ้นครองราชย์ในค.ศ. 1575 ทรงผ่อนปรนกลุ่มอูเกอโนต์ ทำให้ดยุคอองรีแห่งกีสไม่พอใจ ตั้งสันนิบาตคาทอลิกภายใต้การสนับสนุนของสเปน กดดันให้พระเจ้าอองรีเลิกสิทธิของกลุ่มอูเกอโนต์ ในค.ศ. 1584 พระอนุชาของพระเจ้าอองรีและรัชทายาทพระองค์เดียว สิ้นพระชนม์ ทำให้บัลลังก์ตกเป็นของพระเจ้าอองรีแห่งนาวาร์ที่เป็นอูเกอโนต์ ในค.ศ. 1584 ดยุคแห่งกีสทำสนธิสัญญากับพระเจ้าฟิลิปแห่งสเปน ว่าสเปนจะช่วยสันนิบาตคาทอลิกอย่างจริงจัง ในค.ศ. 1588 ชาวปารีสที่คาทอลิกจัด รวมขบวนประท้วงขับไล่พระเจ้าอองรีที่ 3 ออกจากเมือง เพราะทรงผ่อนปรนกลุ่มอูเกอโนต์ ทำให้ตระกูลกีสครองเมืองปารีส พระเจ้าอองรีที่ 3 จึงหลอกล่อให้ดยุคอองรีแห่งกีสมาพบ และสังหาร ทำให้ชาวฝรั่งเศสคาทอลิกโกรธแค้นพระเจ้าอองรี พระเจ้าอองรีที่ 3 ทรงหนีไปหาพระเจ้าอองรีแห่งนาวาร์ มอบบัลลังก์ให้ ทั้งฝ่ายคาทอลิก ที่มีฐานทางเหนือและตะวันออกของประเทศ และฝ่ายโปรเตสแตนต์ ที่มีฐานทางตะวันตกและใต้ ทำสงครามของอองรีทั้งสาม (War of Three Henrys) ในค.ศ. 1589 พระเจ้าอองรีแห่งนาวาร์ทรงชนะฝ่ายคาทอลิกบุกไปถึงทางเหนือ แต่ไม่อาจยึดปารีสได้ จนพระองค์ทรงอุทานว่า Paris vaut bien une masse. (ปารีสช่างมีค่าเหลือเกิน)ทรงเข้ารีตคาทอลิกในค.ศ. 1593 ชาวปารีสจึงยอมให้เข้าเมืองแต่โดยดี ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอองรีที่ 4 เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์บูร์บง ในค.ศ. 1598 พระเจ้าอองรีที่ 4 ทรงออกกฤษฎีกาแห่งเมืองนังทส์ ให้เสีภาพทางศาสนาแก่กลุ่มอูเกอโนต์ทุกประการ == ราชวงศ์บูร์บง (ค.ศ. 1593 – 1793) == สมัยราชวงศ์บูร์บงเป็นสมัยที่ฝรั่งเศสรุ่งโรจน์ พระเจ้าอองรีที่ 4 ทรงส่งแซมมวล เดอ ชองแปลง (Samuel de Champlain) ไปตั้งเมืองคิวเบกและอาณานิคมแคนาดา ในปี ค.ศ. 1610 พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ครองราชย์แต่ยังพระเยาว์ มีคาร์ดินัล ริเชอลิเออ (Cardinal Richelieu) สำเร็จราชการแทน คาร์ดินัลริเชอลิเออทำลายล้างอำนาจของพวกอูเกอโนต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าอองรีที่ 4 ในค.ศ. 1624 เกิดสงครามสามสิบปีในจักรวรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์ ฝ่ายสวีเดนเข้าช่วยฝ่ายโปรเตสแตนต์แต่ไม่เป็นผล คาร์ดินัลริเชอลิเออจึงให้ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบฝ่ายโปรเตสแตนต์ ทั้งๆที่ฝรั่งเศสและตัวคาร์ดินัลเองเป็นคาทอลิก เพราะต้องการล้มอำนาจของสเปน ทัพฝรั่งเศสชนะสเปนที่โรครัว (ค.ศ. 1643) และเลนส์ (ค.ศ. 1648) ในปี ค.ศ. 1643 คาร์ดินัลริเชอลิเออสิ้นชีวิต เกิดกบฏฟรองด์ ที่ต่อต้านอำนาจของกษัตริย์และที่ปรึกษา มีสเปนหนุนหลัง แต่ฝรั่งเศสก็สามารถปราบปรามได้ จนทำสนธิสัญญาพีรีนีส ในปี ค.ศ. 1659 ยึดแคว้นรูซิยอง (Roussillon) จากสเปน ==== พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ค.ศ. 1643 – 1715) ==== ปี ค.ศ. 1660 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงอภิเษกกับองค์หญิงมาเรีย เธเรซา พระธิดาของพระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งสเปน ซึ่งพระเจ้าฟิลิปก็ป้องกันการอ้างสิทธิของฝรั่งเศสโดยการให้องค์หญิงมาเรียเธเรซาสละสิทธิ์ในดินแดนของสเปนทุกส่วน โดยมีสินสอด (ฝ่ายหญิงให้ฝ่ายชาย) จำนวนมหาศาลเป็นค่าตอบแทน ในค.ศ. 1661 พระเจ้าหลุยส์ทรงแต่งตั้งให้ฌ็อง-บาติสต์ กอลแบร์ เป็นเสนาบดีคลัง กอลแบร์สามารกอบกู้สถานะทางการเงินของฝรั่งเศสที่ใกล้จะล้มละลาย โดยการเก็บภาษีแบบใหม่ ทำให้เงินในพระคลังเพิ่มเป็นสามเท่า เป็นที่มาของความฟุ่มเฟือยในราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่แวร์ซาย ปี ค.ศ. 1665 พระเจ้าฟิลิปที่ 4 สิ้นพระชนม์ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งสเปนขึ้นครองราชย์แทน แต่พระเจ้าหลุยส์ทรงอ้างว่า กฎเก่าแก่ของอาณาจักรดยุคแห่งบราบองต์ (แคว้นหนึ่งในประเทศภาคต่ำ) ว่าแคว้นนี้ต้องตกเป็นของบุตรธิดาของภรรยาคนล่าสุด ไม่ใช่คนแรกสุด ก็คือราชินีมาเรียเธเรซานั่นเอง ดังนั้นพระเจ้าหลุยส์จึงทวงแคว้นนี้คืนแก่พระราชินี เมื่อสเปนไม่ยอมจึงทำสงครามขยายดินแดนฝรั่งเศส (War of Devolution) และขณะนั้นเนเธอร์แลนด์กำลังทำสงครามกับอังกฤษ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสตามสัญญาชั่วคราว พระเจ้าหลุยส์ทรงยึดฟลานเดอร์ส (Flanders) และฟรอง-กองเต (Franche-Comté) จากสเปนได้ ทำให้อังกฤษหันไปเข้าข้างเนเธอร์แลนด์เพื่อต้านฝรั่งเศส จนทำสนธิสัญญาเอกซ์-ลา-ชาเปลล์ ในค.ศ. 1668 คืนฟรอง-กองเตไปก่อน ปี ค.ศ. 1672 พระเจ้าหลุยส์ทรงหลอกล่อให้พระเจ้าชาร์ลส์แห่งสเปนเข้าเป็นพันธมิตรได้ และประกาศสงครามกับเนเธอร์แลนด์ เป็นสงครามฝรั่งเศส-ฮอลันดา มีอังกฤษเข้าช่วยฝรั่งเศส แต่ฝ่ายเนเธอร์แลนด์ก็ทำสัญญาพันธมิตรกับสเปนได้แทนฝรั่งเศส รวมทั้งจักรพรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์ ฝ่ายอังกฤษสงบศึกกับเนเธอร์แลนด์ในค.ศ. 1647 ทิ้งฝรั่งเศสให้โดดเดี่ยว แต่ทัพฝรั่งเศสก็สามารถเอาชนะทัพผสมของหลายชาติได้ บุกยึดฟรอง-กองเต ทะลุทลวงไปถึงเนเธอร์แลนด์ จนทำสนธิสัญญาไนมีเกน (Nijmegen) ยกฟรอง-กองเตให้ฝรั่งเศส ในค.ศ. 1678 ด้วยความกำกวมของสนธิสัญญาต่างๆของยุโรปในสมัยนั้น พระเจ้าหลุยส์จึงทรงอ้างว่าดินแดนต่างๆที่เคยเป็นของแคว้นที่ฝรั่งเศสยึดมานั้น ต้องตกเป็นของฝรั่งเศสด้วย ทรงตั้งหอรวบรวมดินแดน (Chamber of Reunion) เพื่อใช้วิธีทางกฎหมายเรียกดินแดนต่างๆให้กับฝรั่งเศส ที่จริงแล้วพระเจ้าหลุยส์ทรงต้องการดินแดนเหล่านั้น เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น เมืองสตราสบูร์ก และลักเซมเบิร์ก ทศวรรษที่ 1680 เป็นสมัยเรืองอำนาจของฝรั่งเศสและพระเจ้าหลุยส์ วัฒนธรรมฝรั่งเศสต่างๆกลายเป็นแฟชั่นของยุโรป เอาอย่างความหรูหราที่พระราชวังแวร์ซาย ในค.ศ. 1682 ลา ซาล (La Salle) นักสำรวจตั้งชื่อดินแดนลุยเซียนา (Louisiana) ในอเมริกาตามพระนามพระเจ้าหลุยส์ และปีเดียวกันพระเจ้าหลุยส์ทรงประกาศนิกายกัลลิกัน (Gallicanism) จำกัดอำนาจพระสันตปาปาในฝรั่งเศส และให้พระเจ้าหลุยส์ทรงปกครององค์การศาสนาด้วยพระองค์เอง ในค.ศ. 1685 ทรงประกาศกฤษฎีกาฟองแตงโบล ยกเลิกกฤษฎีกาแห่งเมืองนังทส์ของพระอัยกาพระเจ้าอองรีที่ 4 เป็นการเลิกเสรีภาพทุกประการของกลุ่มโปรเตสแตนต์ อูเกอโนต์จึงหนีไปอาณานิคมหรืออังกฤษกันหมด ปี ค.ศ. 1686 จักรพรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์และเจ้าเมืองเยอรมันต่างๆเล็งเห็นถึงการขยายอำนาจของฝรั่งเศส จึงตั้งสันนิบาตออกซ์บูร์ก (League of Augsburg) ค.ศ. 1688 พระเจ้าหลุยส์มีรับสั่งให้ยกทัพบุกเยอรมนีเพื่อทวงแคว้นพาลาติเนตคืนให้พระเจ้าน้องเขย แต่ปีเดียวกันวิลเฮม เจ้าชายแห่งออเรนจ์ (Prince of Orange) ผู้ครองเนเธอร์แลนด์ ยึดอำนาจในอังกฤษปราบดาภิเษกเป็นพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ ทำให้อังกฤษเข้าร่วมสันนิบาตออกซ์บูร์ก กลายเป็นมหาพันธมิตร (Grand Alliance) เกิดสงครามมหาพันธมิตร (War of the Grand Alliance) พระเจ้าหลุยส์ทรงพยายามจะส่งพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษคืนบัลลังก์ แต่ก็ถูกทัพของพระเจ้าวิลเลียมทำลายทางทะเล แต่บนบกฝรั่งเศสยึดเนเธอร์แลนด์ได้หลายเมือง และทางสเปนก็ต้านไว้ได้ จนทำสนธิสัญญาไรสวิก (Ryswick) ฝรั่งเศสคืนดินแดนทั้งหมดที่ยึดมายกเว้นเมืองสตราสบูร์ก พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งสเปนทรงไม่มีทายาท พระเจ้าหลุยส์จึงเสนอดยุคแห่งอังชู พระนัดดา เป็นกษัตริย์สเปนองค์ต่อไป แต่ฝ่ายจักรวรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์เสนออาร์คดยุดชาร์ลส์แห่งออสเตรียมาแข่ง แต่ค.ศ. 1700 พระเจ้าชาร์สส์ก่อนสิ้นพระชนม์ยกสเปนรวมทั้งอาณานิคมทั้งหมดให้ดยุคแห่งอังชู เป็นพระเจ้าฟิลิปที่ 5 แห่งสเปน ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงในสเปน สร้างความไม่พอใจทั่วยุโรป อีกทั้งพระเจ้าหลุยส์ยังทรงสนับสนุนเจมส์ สจ๊วด ผู้ทวงบัลลังก์อังกฤษของพระเจ้าวิลเลียม ทำให้อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และจักรวรรดิโรมันฯ ตั้งมหาพันธมิตรอีกครั้ง เกิดสงครามสืบราชบัลลังก์สเปน ฝรั่งเศสส่งทัพบุกออสเตรียทางอิตาลี แต่ถูกต้านไว้ เป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ ต่อมาฝรั่งเศสก็พ่ายแพ้ทุกทาง จนต้องกลับกลายเป็นฝ่ายตั้งรับในค.ศ. 1709 แต่ในสเปน ทัพพระเจ้าฟิลิปที่ 5 และทัพฝรั่งเศสก็สามารถเอาชนะต่างชาติได้หมด และฝรั่งเศสก็กลับมาเป็นฝ่ายบุกอีกในค.ศ. 1712 ในค.ศ. 1705 จักรพรรดิโจเซฟ พระเชษฐาของอาร์คดยุคชาร์ลส์สิ้นพระชนม์ ทำให้อาร์คดยุคชาร์ลส์ต้องขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 6 แห่งจักรวรรดิโรมันฯ ทำให้ชาติต่างๆในยุโรป เสิกสนับสนุนจักรพรรดิชาร์ลส์ เพราะเกรงจะมีกำลังมากเกินไป ทำให้ฝ่ายอังกฤษเจรจาสงบศึกพระเจ้าหลุยส์ในค.ศ. 1713 เป็นสนธิสัญญาอูเทรกช์ท (Utrecht) และในค.ศ. 1714 กับจักรวรรดิโรมันฯในสนธิสัญญาราสตัตต์ และบาเดน ยอมรับราชวงศ์บูร์บงให้ปกครองสเปน ทำให้สเปนกลายเป็นพันธมิตรสำคัญของฝรั่งเศสต่อมา พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สิ้นพระชนม์ในปีค.ศ. 1715 ก่อนวันคล้ายวันประสูติพระชนมายุ 77 พรรษาไม่กี่วัน ทรงครองราชย์ 72 ปี ยาวนานกว่ากษัตริย์ยุโรปอื่นใด พระองค์พระชนมายุยาวนานมาก จนพระโอรสและนัดดาสิ้นพระชนม์ไปก่อนหมด เหลือเพียงดยุคแห่งอังชูที่ยังพระเยาว์ ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส ==== พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 (ค.ศ. 1715 – 1774) ==== พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ยังทรงพระเยาว์จนต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนหลายคน เริ่มที่ดยุคแห่งออร์เลียงส์ เข้าร่วมสงครามจตุรมิตร (War of the Quadraple Alliance - ประกอบด้วยฝรั่งเศส อังกฤษ ออสเตรีย และเนเธอร์แลนด์)เมื่อพระเจ้าฟิลิปที่ 5 แห่งสเปนและราชินีอลิซาเบธ ฟาร์เนสที่ทะเยอทะยาน ต้องการกอบกู้ดินแดนในอิตาลีและกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำที่เสียไปในสงครามสืบราชสมบัติสเปน ผลคือความพ่ายแพ้ของสเปน ต่อมาคาร์ดินัล เฟลอรี (Cardinal Fleury) ทำสงครามสืบราชสมบัติโปแลนด์ สตานิสลาส เลสเซนสกี ต้องการเป็นพระมหากษัตริย์โปแลนด์ แต่จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ต่อต้าน ฝรั่งเศสเห็นโอกาสที่จะทำลายอำนาจออสเตรีย จึงทำสงคราม แต่สนธิสัญญาเวียนนาใน ค.ศ. 1735 เลสเซนสกีได้เป็นดยุคแห่งลอร์เรน ซึ่งเมื่อเลสเซนสกีเสียชีวิตใน ค.ศ. 1766 แคว้นลอร์เรนจึงตกเป้นของฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสมีอาณาเขตถึงปัจจุบัน ด้วยความทะเยอทะยานของพระเจ้าฟรีดริชมหาราชแห่งปรัสเซีย ที่ต้องการจะยึดบัลลังก์จากจักรพรรดินีมาเรีย เธเรซา ด้วยเหตุที่พระนางเป็นสตรี ทำให้ยุโรปเกิดสงครามสืบราชสมบัติออสเตรีย ฝรั่งเศสจึงหวังจะได้ชิงบัลลังก์ออสเตรียบ้าง แต่ปรัสเซียก็เริ่มจะมีอำนาจมากไป จึงเกิดการปฏิวัติทางการทูต ฝรั่งเศสหันไปหาออสเตรียศัตรูเก่าแก่ เพื่อต้านปรัสเซียและบริเตน ผลคือสงครามเจ็ดปี การสู้รบมีในอาณานิคมด้วย ซึ่งฝรั่งเศสผูกมิตรกับชาวพื้นเมือง เพื่อช่วยรบกับบริเทน แต่พ่ายแพ้ยับเยิน จนสนธิสัญญาปารีส ค.ศ. 1763 ฝรั่งเศสเสียอาณานิคมในอเมริกาทั้งหมดให้บริเตน ในศตวรรษที่ 18 ในยุโรปเป็นยุคภูมิธรรม (Age of Enlightenment) เป็นสมัยปรัชญาแนวคิดแบบใหม่ที่แปลกแยกออกจากธรรมเนียมเก่า ๆ เฟื่องฟู ฝรั่งเศสก็มีนักปราชญ์ที่สำคัญสามคนแห่งยุค คือ ฌ็อง-ฌัก รูโซ, มงแต็สกีเยอ และวอลแตร์ ที่เสนอคติแนวความคิดการปกครองแบบใหม่ ใน ค.ศ. 1751 มีการพิมพ์หนังสือ Encyclopédie เป็นหนังสือรวบรวมความรู้วิทยาการทุกแขนง ==== พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 (ค.ศ. 1774 – 1793) ==== ความฟุ่มเฟือยของราชสำนักและการแพ้สงครามทำให้เศรษฐกิจของฝรั่งเศสตกต่ำลง พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จึงทรงแต่งตั้งผู้ที่มีความสามารถเพื่อฟื้นฟูสถานภาพทางการเงินของฝรั่งเศส ได้แก่ ตูร์โกต์ ตูร์โกต์พยายามจะเก็บภาษีรูปแบบใหม่ๆ แต่ประชาชนได้ถูกเก็บภาษีหลายประการแล้ว ตูร์โกต์จึงเก็บภาษีจากสินค้าต่างๆแทน แต่บรรดาขุนนางกล่าวว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงไม่มีพระราชอำนาจที่จะตั้งภาษีใหม่ จำเป็นต้องเรียกประชุมสภาฐานันดร (Estates-General) เพื่อทำการอนุมัติภาษีเพิ่มเติม เมื่อไม่ได้ดังพระหฤทัยพระเจ้าหลุยส์ทรงปลดตูร์โกต์ออกจากตำแหน่ง และทรงตั้งนายเน็กแกร์ขึ้นมาทำหน้าที่แทนในค.ศ. 1776 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อาณานิคมของบริเทนในอเมริกาประกาศเอกราชในสงครามปฏิวัติอเมริกา เนคแกร์ให้สนับสนุนแก่ฝ่ายอเมริกาโดยส่งมาร์ควิสลา ฟาแยตไปช่วย จนฝ่ายอเมริกามาประกาศเอกราชที่ปารีสในค.ศ. 1783 ปี ค.ศ. 1783 พระเจ้าหลุยส์ทรงแต่งตั้งกาโลนน์ให้ดูแลเรื่องพระคลัง กาโลนน์ใช้วิถีการแก้ปัญหาโดยการใช้จ่ายอย่างมากมายเพื่อสร้างเครดิต กาโลนน์ขอให้สภาขุนนางค.ศ. 1787 ผ่านร่างวิธีแก้ปัญหาแบบที่ใช้เงินมากนี้ แต่บรรดาขุนนางยับยั้งร่างไว้ พระเจ้าหลุยส์จึงทรงตั้งเดอเบรียงขึ้นมาแทน เดอเบรียงใช้กำลังบังคับให้ฝ่ายขุนนางผ่านร่างแก้ปัญหาของเขา จนเกือบจะเกิดจลาจลเพราะการบังคับใช้อำนาจของเดอเบรียง ในค.ศ. 1789 เดอเบรียงจึงถูกปลดและพระเจ้าหลุยส์ทรงแต่งตั้งให้เน็กแกร์กลับมารับราชการแก้ไขปัญหาอีกครั้ง == การปฏิวัติและนโปเลียน (ค.ศ. 1789 – 1815) == ใน ค.ศ. 1789 พระเจ้าหลุยส์ทรงเรียกประชุมสภาฐานันดร ซึ่งไม่ได้ประชุมมาแล้วเป็นเวลานานประมาณสองร้อยปี เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สภาฐานันดร ประกอบไปด้วยสามชนชั้น ได้แก่ ชนชั้นขุนนาง ชนชั้นบรรพชิตบาทหลวง และสามัญชน ซึ่งในการผ่านร่างพระราชบัญญัติแต่ละฐานันดรออกเสียงได้เพียงหนึ่งเสียง ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในการออกเสียง ฐานันดรที่ 3 หรือ สามัญชน ประกอบไปด้วยคนส่วนใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส แต่กลับออกเสียงได้เพียงหนึ่งเสียง ในขณะที่ขุนนางและบาทหลวงสามารถออกเสียงได้ถึงสองเสียง ทำให้ฐานันดรที่สามไม่สามารถออกเสียงชนะฝ่ายขุนนางและบรรพชิตได้ พระเจ้าหลุยส์ตรัสว่าจะให้ฐานันดรที่สาม มีเสียงเป็นสองเท่าของสองฐานันดรแรก แต่เมื่อถึงเวลาประชุมสภาฐานันดรพระเจ้าหลุยส์ตรัสให้สภาออกเสียง "ตามพระราชโองการ" ฐานันดรที่สามจึงแยกตัวออกไปเป็น สมัชชาแห่งชาติ (National Assembly) === สมัชชาแห่งชาติ (ค.ศ. 1789 – 1791) === พระเจ้าหลุยส์มีพระราชโองการให้ปิดสถานที่ประชุมของฐานันดรที่ 3 ทำให้บรรดาสมาชิกสภาสมัชชาแห่งชาติไม่สามารถเข้าอาคารประชุมได้ จึงเข้าประชุมที่สนามเทนนิสข้างเคียงและให้คำปฏิญาณสนามเทนนิส (Tennis Court Oath) พระเจ้าหลุยส์ทรงรับรองสมัชชาแห่งชาติ สมัชชาแห่งชาติจึงเปลี่ยนสภาพเป็น สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ (National Constituent Assembly) ในเวลาเดียวกันทัพฝรั่งเศสและทหารรับจ้างเยอรมันตามชายแดนเริ่มคืบเข้ามาประชิดกรุงปารีส และพระเจ้าหลุยส์ทรงปลดฌักส์ เน็กแกร์ ซึ่งให้การสนับสนุนแก่กลุ่มฐานันดรที่สามออกจากตำแหน่ง ทำให้ประชาชนชาวเมืองปารีสไม่พอใจ ลุกฮือบุกไปเอาดินปืนที่คุกบาสตีย์ เพื่อเอาไปป้องกันเมืองปารีส แต่เกิดการปะทะกับผู้รักษาการป้อมบาสตีย์ กลุ่มผู้ประท้วงสังหารตัดศีรษะผู้รักษาการและแห่ศีรษะไปตามถนน และสังหารนายกเทศมนตรีแห่งปารีส เหตุการณ์นี้ทำให้พระเจ้าหลุยส์ต้องทรงรับรองธงตรีกอลอร์หรือธงไตรรงค์สามสีให้เป็นธงประจำชาติฝรั่งเศส แทนที่ธงของราชวงศ์บูร์บงเดิม เหตุการณ์ความรุนแรงทำให้เหล่าขุนนางและพระราชวงศ์ต่างพากันหลบหนีออกนอกฝรั่งเศส เรียกว่า กลุ่มเอมิเกร (émigre) ในสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญเองแบ่งเป็นสองฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายขวาอนุรักษนิยม ต้องการรักษาการปกครองแบบเก่า กับฝ่ายซ้ายซึ่งมีแนวคิดเสรีนิยมต้องการการปฏิวัติ นักปฏิวัติที่ได้รับการเคารพนับถือที่สุด ชื่อว่ามิราโบ ซึ่งเสนอแนวทางแก้ปัญหาของประเทศหลายอย่างและพยายามประสานความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมืองแต่ไม่เป็นผล ในค.ศ. 1790 สมัชชาแห่งชาติประกาศ "คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมือง" (Declaration of the Rights of Man and Citizen) ประกาศเสรีภาพต่างๆ ล้มเลิกระบอบขุนนาง ในเวลาเดียวพระเจ้าหลุยส์ยังทรงพยายามเรียกกองทัพจากชายแดนเข้ามาเพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลง และทรงจัดงานเลี้ยงลบหลู่ธงไตรรงค์ที่พระราชวังแวร์ซาย ชาวปารีสเมื่อทราบข่าวจึงก่อการจลาจล กองกำลังติดอาวุธของประชาชน (National Guard) มาบุกยึดพระราชวังแวร์ซาย ทำให้พระเจ้าหลุยส์และพระราชวงศ์ต้องเสด็จหนีไปประทับที่พระราชวังตุยเลอรีส์ในกรุงปารีสแทน อีกนโยบายหนึ่งของสมัชชาแห่งชาติคือการทำบรรพชิตให้เป็นพลเมือง (Civil Constitution of Clergy) ทำให้สถานะของบาทหลวงและสถาบันศาสนาคริสต์เท่าเทียมและไม่แตกต่างจากประชาชนทั่วไป มีบาทหลวงจำนวนมากที่ไม่ยอมรับนโยบายของสมัชชาแห่งชาติต่างหลบหนีซ่อนตัวตามชนบท เสรีภาพทำให้เกิดแนวความคิดและสมาคมทางการเมืองขึ้นมามากมาย ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือสโมสรฌากอแบ็ง (Jacobin) ใน ค.ศ. 1791 พระเจ้าหลุยส์ทรงพยายามจะหลบหนีออกนอกประเทศฝรั่งเศส แต่ด้วยขบวนเสด็จที่หรูหรา ทำให้ทรงถูกจับได้ที่เมืองวาเรนส์ ประชาชนเกิดความตระหนกว่าว่าพระเจ้าหลุยส์จะทรงยึดอำนาจคืน จึงชุมนุมที่ทุ่งชองป์-เดอ-มาส์ แต่ถูกทหารรัฐบาลปราบปรามอย่างรุนแรง จักรพรรดิลีโอโพลด์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระเชษฐาของพระนางมารีอังตัวเนต จึงทรงขอความสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ ให้ฟื้นฟูพระราชอำนาจคืนให้แด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 การร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1791 สภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง กลายเป็น สภานิติบัญญัติ (Legislative Assembly) ฝรั่งเศสจึงกลายเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ === สภานิติบัญญัติ (ค.ศ. 1791 – 1792) === ภายในสโมสรฌากอแบ็งแบ่งเป็นสองฝ่าย ได้แก่ สมาคมเฟยยองต์ (Feuillant) สนับสนุนราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และสมาคมฌีรงแด็ง (Girondin) มีความคิดเสรีนิยมรุนแรง ภัยคุกคามทางทหารจากต่างชาติทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศกฎอัยการศึกใน ค.ศ. 1792 สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระโอรสจักรพรรดิลีโอโพลด์ ประกาศสงครามกับฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1792 ฝ่ายฝรั่งเศสส่งมาร์ควิสแห่งลาฟาแยตบุกเนเธอร์แลนด์ของออสเตรีย ในขณะที่ปรัสเซียส่งดยุกแห่งเบราน์ชไวก์ยกทัพรุกรานปารีส ดยุกแห่งเบราน์ชไวก์ประกาศคำประกาศเบราน์ชไวก์ (Brunswick Manifesto) ว่าหากรัฐบาลฝรั่งเศสไม่ยุติการเปลี่ยนแปลงการปกครองทางปรัสเซียจะนำกำลังทหารเข้าแก้ไข เมื่อดยุกแห่งเบราน์ชไวก์ยกทัพบุกฝรั่งเศส ทำให้ชาวฝรั่งเศสเกิดความโกรธแค้น จับนักโทษการเมืองในคุกออกมาสังหารอย่างโหดเหี้ยมหลายพันคน เรียกว่า การสังหารหมู่เดือนกันยายน (September Massacre) ในแคว้นวังเด (Vendée) ฝ่ายนิยมราชาธิปไตยก่อการลุกฮือต่อต้านการเปลี่ยนแปลงการปกครอง การปกครองของรัฐบาลฝรั่งเศสไม่มีผลอีกต่อไป นักการเมืองสายกลางถูกกำจัดออกไปจนเกือบหมดสิ้นเหลือเพียงนักการเมืองเสรีนิยมรุนแรง นำไปสู่การสิ้นสุดของสภานิติบัญญัติและจัดตั้ง สภากองวังเชียง (National Convention) === สภากงว็องซียง (ค.ศ. 1792 – 1794) === ใน ค.ศ. 1793 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกสำเร็จโทษโดยการบั่นพระศอด้วยเครื่องกิโยติน ชาติอื่นๆในยุโรปต่างหวั่งเกรงในการเปลี่ยนแปลงการปกครองของฝรั่งเศส เกรงว่าความคิดเสรีนิยมจะเผยแพร่มาสู่ประเทศของตน จึงจัดตั้งสัมพันธมิตรครั้งที่ 1 (First Coalition) เพื่อสู้รบกับรัฐบาลปฏิวัติฝรั่งเศส ฝ่ายทัพฝรั่งเศสชนะกองทัพต่างชาติในยุทธการที่วาลมี และสามารถยึดเมืองนีซ และแคว้นซาวอยได้ ใน ค.ศ. 1792 และโมนาโค ในค.ศ. 1793 กลุ่มฌีรงแด็งเสรีนิยมรุนแรง เรียกว่า กลุ่มมงตาญาร์ (Montagnard) หรือกลุ่มฌากอแบ็ง ได้แก่ รอแบ็สปีแยร์ (Robespierre) ดังตอง (Danton) ขึ้นมามีอำนาจในสภากงว็องซียง เพราะภาวะสงครามทำให้ประเทศต้องการผู้นำที่เด็ดขาด กลุ่มฌากอแบ็งยกทัพบุกสภากองวังเชียงทำการยึดอำนาจ ทำให้กลุ่มฌีรงแด็งกลุ่มอื่นๆถูกขับพ้นจากอำนาจ ในขณะที่แคว้นวังเดซึ่งสนับสนุนราชาธิปไตยสร้างความรุนแรงมากขึ้น ฝ่ายรัฐบาลปฏิวัตินำกำลังทหารเข้าปราบปรามแคว้นวังเดอย่างรุนแรง จากแคว้นวังเดกลายเป็นดินแดนรกร้างปราศจากผู้คน นอกจากนั้นรัฐบาลยังประกาศเกณฑ์ประชาชนทุกคนชายหญิงเด็กและคนชราให้มาทำงานในกองทัพ รอแบ็สปีแยร์ประกาศความน่าสะพรึงกลัว (Terror) เพื่อสร้างภาพลักษณ์อันโหดเหี้ยมให้รัฐบาลปฏิวัติฝรั่งเศส และประกาศ Law of Suspects นักโทษการเมืองไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และจัดตั้งศาลปฏิวัติ (Revolutionary Tribunal) ไว้ตัดสินนักโทษทางการเมืองด้วยการบวนการยุติธรรมซึ่งรวดเร็วและไม่โปร่งใส พระนางมารี อังตัวเนต พระราชวงศ์ กลุ่มเฟยยองต์ กลุ่มฌีรงแด็ง กลุ่มกษัตริย์นิยม และประชาชนอื่นๆ ต่างต้องสังเวยต่อเครื่องกิโยติน รอแบ็สปีแยร์ให้ชาวฝรั่งเศสเลิกนับถือคริสต์ศาสนา เลิกใช้คริสต์ศักราช หันมาใช้ศักราชปฏิวัติแทน โดยนับปี ค.ศ. 1793 เป็นปีที่ 1 และมีการตั้งศาสนาใหม่ คือ ลัทธิแห่งเหตุผล (Cult to Reason) นับถือเทพธิดาชื่อว่า "เหตุผล" แม้ภายในประเทศจะเกิดความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง แต่ฝรั่งเศสก็สามารถเอาชนะทัพของชาติต่าง ๆ ที่เข้ามารุกรานฝรั่งเศสได้ ถึงเวลานี่กลุ่มฌากอแบ็งแก่งแย่งอำนาจกันเอง ดังตองถูกกิโยติน ในค.ศ. 1794 เหลือรอแบ็สปีแยร์ผู้เดียวที่ทรงอำนาจสูงสุด ประกาศลัทธิแห่งความเป็นเลิศ (Cult of Supreme Being) เป็นศาสนาใหม่อีกศาสนา และประกาศกฎมหามิคสัญญี (Law of the Great Terror) มิให้นักโทษการเมืองแต่งพยานสู้คดี ผู้คนหลายพันในกรุงปารีสถูกกิโยติน แต่สุดท้ายรอแบ็สปีแยร์ก็ถูกยึดอำนาจโดยผู้นำปฏิวัติอื่น ๆ เพราะกลัวอำนาจของรอแบ็สปีแยร์ เรียกว่า ปฏิกิริยาเดือนแตร์มิดอร์ (Thermidorien Reaction) === คณะดิเร็กตัวร์ (ค.ศ. 1795 – 1799) === กลุ่มแตร์มิดอร์ขึ้นมามีอำนาจ ดำเนินนโยบายตรงข้ามกับมิคสัญญี ผ่อนคลายความสะพรึงกลัว ทัพฝรั่งเศสยึดเนเธอร์แลนด์ได้ใน ค.ศ. 1795 รัฐธรรมนูญแห่งปีที่ 3 (ค.ศ. 1795) ตั้งคณะดิเร็กตัวร์ (Directory) เป็นการปกครองใหม่ ประกอบดัวยดิเร็กเตอร์ 5 คน ซึ่งจะถูกเลือกตั้งให้ลงจากตำแหน่งไปหนึ่งคนทุกปี ทำหน้าที่บริหาร มีสภาอาวุโส (Council of Ancients) และสภาห้าร้อย (Council of Five Hundreds) เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ บรรดาผู้นำในสภากองวังเชียงเดิมเกรงว่าฝ่ายตนจะต้องโทษทางการเมืองจึงพยายามจะเข้ามามีอำนาจในปกครองใหม่ ทำให้ประชาชนไม่พอใจ และฝ่ายสนับสนุนราชาธิปไตยก่อความวุนวายในกรุงปารีส นายทหารชื่อว่านโปเลียนทำการยิงปืนใหญ่ขู่เพียงนัดเดียว (Whiff of Grapeshot) การจลาจลก็สลายตัว เป็นผลงานชิ้นแรกของนโปเลียน นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte) เป็นชาวเกาะคอร์ซิกา เข้ามาเป็นทหารในฝรั่งเศส สมรสกับโจเซฟีน เดอ โบอาร์เนส์ (Josephine de Beauharnais) แม่หม้ายมีลูกติดสองคน นโปเลียนยกทัพฝรั่งเศสเข้าบุกอิตาลีและยึดคาบสมุทรอิตาลีได้ จัดตั้งรัฐบริวารของฝรั่งเศสจำนวนมากในอิตาลีได้แก่ สาธารณรัฐซิสอัลไพน์ (Cisalpine) สาธารณรัฐเวนิส สาธารณรัฐพาร์เธโนเปีย (Parthenopian Republic) จนในค.ศ. 1797 จักรวรรดิออสเตรียบรรลุสนธิสัญญาคัมโป-ฟอร์มิโอ (Campo-Formio) กับฝรั่งเศส ยอมมอบเบลเยียมและอิตาลีให้ฝรั่งเศส ฝ่ายคณะดิเร็กตัวร์เห็นว่านโปเลียนกำลังได้รับวามนิยมในฐานะวีรบุรุษแห่งชาติและมีอำนาจมมากขึ้น จึงส่งนโปเลียนไปยังที่ห่างไกลคือการรุกรานอียิปต์ คณะดิเร็กตัวร์ต้องการรักษาอำนาจเกิดความวุ่นวายและขัดแย้งภายใจยึดอำนาจกันเอง การบุกอียิปต์ของนโปเลียนทำให้ชาติต่าง ๆ ในยุโรปรวมตัวกันอีกครั้งเป็นสัมพันธมิตรครั้งที่สอง (Second Coalition) เพื่อต่อต้านการขยายอำนาจของฝรั่งเศส นโปเลียนสามารถฝ่าวงล้อมของบริเตนออกมาจากอียิปต์ได้ใน ค.ศ. 1799 กลับมายังฝรั่งเศส ทำการยึดอำนาจจากคณะไดเร็กตัวร์ เรียกว่า เหตุการณ์รัฐประหาร 18 ฟรุกติดอร์ (18 Fructidor) === คณะกงสุล (ค.ศ. 1799 – 1804) === รัฐธรรมนูญแห่งปีที่ 8 (ค.ศ. 1799) ตั้งคณะกงสุล (Consulate) ประกอบด้วยกงสุล 3 คน หนึ่งในนั้นคือนโปเลียนเองขึ้นปกครองฝรั่งเศส ใน ค.ศ. 1800 นโปเลียนใช้อำนาจบีบบังคับให้คณะกงสุลเห็นชอบให้ตนเองเป็นกงสุลใหญ่ (First Consul) ในเวลาเดียวกันนโปเลียนเอาชนะออสเตรียได้ที่อิตาลีอีกครั้ง นำไปสู่สนธิสัญญาลูเนวิลล์ (Luneville) ออสเตรียยกเยอรมนีส่วนทางตะวันออกของแม่น้ำไรน์ทั้งหมดให้แก่ฝรั่งเศส นโปเลียนสนับสนุนให้ชาวฝรั่งเศสกลับมานับถือคริสต์ศาสนาอีกครั้งใน ค.ศ. 1801 โดยบรรลุข้อตกลงกับพระสันตปาปา ทางกรุงโรมยินยอมมอบอำนาจการปกครองศาสนาในฝรั่งเศสให้นโปเลียน ใน ค.ศ. 1802 บริเตนทำสนธิสัญญาอาเมียง (Amiens) ยอมคืนอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ที่ยึดไปให้แกฝรั่งเศส นโปเลียนใช้อิทธิพลอีกครั้งให้ตนเองเป็นกงสุลใหญ่ตลอดชีพ (First Consul for Life) === ยุคนโปเลียน === ในปี ค.ศ. 1804 นโปเลียนปราบดาภิเษกตนเองเป็นจักรพรรดิ เริ่มจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 1 (First Empire) พระเจ้านโปเลียนทรงปรับปรุงกองทัพฝรั่งเศสเป็น "กองทัพใหญ่" (Grand Armée) ในปี ค.ศ. 1805 การประกาศฝรั่งเศสเป็นจักรวรรดิทำให้ชาติต่างๆรวมตัวกันอีกครั้งเป็นสัมพันธมิตรครั้งที่สาม (Third Coaltion) พระเจ้านโปเลียนทรงนำทัพบุกเยอรมนี ชนะทัพออสเตรียที่อุล์ม (Ulm) แต่ทางทะเลพ่ายแพ้อังกฤษที่แหลมทราฟัลการ์ (Trafalgar) ชัยชนะที่อุล์มทำให้พระเจ้านโปเลียนทรงรุกคืบเข้าไปในออสเตรีย ชนะออสเตรียและรัสเซียที่เอาสเทอร์ลิทซ์ (Austerlitz) เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนโปเลียน กลุ่มสัมพันธมิตรครั้งที่สามจึงสลายตัวไปตามมาด้วยสนธิสัญญาเพรสบูร์ก (Pressburg) ยกเลิกจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิในเยอรมนีไป พระเจ้านโปเลียนตั้งสมาพันธรัฐแห่งไรน์ (Confederation of the Rhine) ขึ้นมาแทนที่เป็นรัฐบริวารของฝรั่งเศส ความสำเร็จของนโปเลียนในเยอรมนีทำให้ปรัสเซียร่วมกับบริเทนและรัสเซียตั้งสัมพันธมิตรครั้งที่สี่ (Fourth Coalition) แต่ครั้งนี้ฝรั่งเศสแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วยุโรปและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบริวารต่างๆ นโปเลียนนำทัพบุกปรัสเซีย ได้รับชัยชนะที่เยนา-เอาเออร์ชเต็ท และชนะรัสเซียที่ฟรีดแลนด์ (Friedland) นำไปสู่สนธิสัญญาทิลซิท (Tilsit) ปรัสเซียสูญเสียดินแดนโปแลนด์ทางทิศตะวันออก กลายเป็นรัฐแกรนด์ดัชชีแห่งวอร์ซอว์ (Grand Duchy of Warsaw) ภายใต้การกำกับของฝรั่งเศส และจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย ทรงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสและเข้าระบบภาคพื้นทวีป (Continental system) เพื่อตัดขาดบริเตนทางการค้าจากผืนทวีปยุโรป สองประเทศ คือ สวีเดนและโปรตุเกส เป็นกลางและไม่ยอมเข้าร่วมระบบภาคพื้นทวีป จักรพรรดินโปเลียนทรงยกทัพบุกโปรตุเกสใน ค.ศ. 1807 แต่ก็ทรงฉวยโอกาสยึดประเทศสเปนในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 แห่งสเปน ราชวงศ์บูร์บง และยกราชสมบัติสเปนให้แก่พระอนุชาคือโจเซฟ โบนาปาร์ต (Joseph Bonaparte) เป็นกษัตริย์แห่งสเปน โปรตุเกสตกอยู่ในอาณัติของฝรั่งเศส แต่ชาวสเปนและชาวโปรตุเกสยังคงต่อต้านอำนาจของฝรั่งเศส นำไปสู่สงครามคาบสมุทร (Peninsula War) สเปนและโปรตุเกสต่อต้านการปกครองของนโปเลียน โดยใช้การสงครามรูปแบบกองโจร (Guerilla Warfare) ฝ่ายบริเตนส่งดยุคแห่งเวลลิงตัน (Duke of Wellington) มาช่วยเหลือสเปนและโปรตุเกส ในปี ค.ศ. 1809 ออสเตรียริเริ่มทำสงครามกับฝรั่งเศสอีกครั้ง ในสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่ห้า พระเจ้านโปเลียนทรงชนะออสเตรียที่แอสเปิร์น-เอสลิง (Aspern-Essling) และวากราม (Wagram) จนทำสนธิสัญญาเชินบรุนน์ (Schönbrunn) ออสเตรียเสียดินแดนเพิ่มเติมให้ฝรั่งเศส และนโปเลียนอภิเษกกับอาร์ชดัชเชสมารี-หลุยส์ (Archduchess Marie-Louis) พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ทรงนำรัสเซียทำสงครามกับนโปเลียนอีกครั้ง ในค.ศ. 1812 นโปเลียนทรงนำทัพบุกรัสเซียกลางฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ รัสเซียหลอกลวงให้ทัพฝรั่งเศสเดินทัพเข้าไปพบกับอากาศอันรุนแรงของฤดูหนาวรัสเซียทำให้ทหารฝรั่งเศสอดอาหารและหนาวตายจำนวนมาก แม้ทัพฝรั่งเศสจะไปถึงมอสโกแต่ทั้งเมืองมอสโกถูกเผาอย่างจงใจเพื่อไม่ให้เสบียงตกถึงมือนโปเลียน การบุกรัสเซียเป็นความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนโปเลียน ชัยชนะของรัสเซียปลุกระดมชาติต่าง ๆ ให้รวมตัวกันทำสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่หก (Sixth Coalition) เอาชนะนโปเลียนในยุทธการที่ไลพ์ซิจ (Leipzig) ทำให้นโปเลียนถอยกลับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1813 จักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศสทรงถูกบังคับให้สละบัลลังก์ เพราะได้รับการต่อต้านจากชาวฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1814 สัมพันธมิตรเข้าบุกยึดกรุงปารีส ทำสนธิสัญญาฟงแตนโบล (Fontainebleau) เนรเทศนโปเลียนไปเกาะเอลบาในอิตาลี สิ้นสุดจักรวรรดิที่ 1 == ยุคราชวงศ์ฟื้นฟู (ค.ศ. 1815 – 1830) == เกาะเล็กๆเช่นเกาะอัลบาไม่อาจขวางกั้นนโปเลียนได้ ขณะที่ชาติต่างๆในยุโรปกำลังวางแผนการประชุมใหญ่แห่งเวียนนา (Congress of Vienna) เพื่อนำยุโรปสู่หวนกลับคืนสู่สภาวะเดิมก่อนปฏิวัติฝรั่งเศส นโปเลียนสามารถเดินทางกลับมายึดอำนาจในฝรั่งเศสได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1815 และดำรงอยู่ได้ร้อยวัน จนชาติต่างๆ ในสัมพันธมิตรครั้งที่เจ็ด (Seventh Coalition) เอาชนะนโปเลียนในยุทธการวอเตอร์ลู ทำให้นโปเลียนถูกเนรเทศไปเกาะเซนต์เฮเลนา (Saint Helena) ของบริเตนกลางมหาสมุทรแอตแลนติก จนเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1821 ภายใต้ข้อตกลงของคองเกรสแห่งเวียนนา ราชวงศ์บูร์บงกลับมาครองฝรั่งเศสอีกครั้ง เคานต์แห่งพรอว็องส์ (Comte de Provence) พระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กลับเข้าฝรั่งเศสมาครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 รัฐบาลใหม่ของฝรั่งเศสเป็นแบบสองสภา คือ สภาขุนนาง (Chamber of Peers) และสภาผู้แทน (Chamber of Deputies) ทำให้ฝ่ายนิยมราชาธิปไตยมีอำนาจขึ้น เกิดกวาดล้างขบวนการปฏิวัติและกลุ่มของนโปเลียนเดิม เรียกว่า มิคสัญญีขาว (White Terror) ทำให้ประชาชนหวาดกลัว การเลือกตั้งปี ค.ศ. 1815 กลุ่มนิยมราชาธิปไตยจึงได้รับการเลือกตั้งท่วมท้น เรียกว่า chambre introuvable แปลว่า สภาที่ทำงานด้วยไม่ได้ พระเจ้าหลุยส์ทรงยุบสภานี้เสีย เพราะทรงตระหนักว่าสภานี้มีนโยบายที่รุนแรงเกินไป และเลือกตั้งใหม่ จึงได้กลุ่มเสรีนิยมมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1818 บรรดาชาติที่ชนะสงครามนโปเลียนประชุมคองเกรสแห่งเอกซ์-ลา-ชาเปล (Congress of Aix-la-Chapelle) ตกลงถอนทหารจากฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1824 เคานต์แห่งอาร์ตัวส์ (Comte d'Artois) ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 10 ทรงเป็นกษัตริย์ที่ให้การสนับสนุนแก่กลุ่ม ultra-royalist ในปี ค.ศ. 1825 ทรงออกพระราชบัญญัติห้ามทำลายรูปเคารพ (Sacrilege Act) เพื่อป้องกันไม่ให้โบสถ์ต่างถูกโจมตีเหมือนสมัยปฏิวัติใน ค.ศ. 1829 มีเจ้าชายแห่งปอลีญัก (Prince de Polignac) เป็นประธานสภา (President of the Council - นายกรัฐมนตรี) ทั้งพระเจ้าชาร์ลส์และปอลีญักดำเนินนโยบายอนุรักษนิยมฟื้นฟูราชาธิปไตย ในปี ค.ศ. 1830 ปอลีญักนำฝรั่งเศสบุกยึดแอลจีเรีย เป็นอาณานิคมแรกของฝรั่งเศสในแอฟริกา และโปลิญักออกกฤษฎีกาเดือนกรกฎาคม (July Ordinances) ยกเลิกสภาผู้แทน จำกัดสิทธิการเลือกตั้งเหลือแต่คนร่ำรวย และจำกัดเสรีภาพสื่อสิ่งพิมพ์ ทำให้เกิด การปฏิวัติเดือนกรกฎาคม (July Revolution) พระเจ้าชาร์ลส์ทรงสละราชบัลลังก์ให้พระนัดดา คือ ดยุกแห่งบอร์โดซ์ (Duc de Bordeaux) แต่คณะปฏิวัติกลับยกราชสมบัติให้แด่เจ้าชายหลุยส์-ฟิลิป แห่งราชวงศ์บูร์บงสายออร์เลอองส์ เป็นพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิป ทำให้ฝ่ายสนับสนุนราชาธิปไตยแบ่งแยกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มเลฌิติมิสต์ (Legitimist) หรือกลุ่มราชวงศ์บูร์บงสายสิทธิชอบธรรม สนับสนุนราชวงศ์บูร์บงเดิม และกลุ่มออร์เลอองนิสต์ (Orléanist) สนับสนุนราชวงศ์บูร์บงสาขาออร์เลอองส์ == ราชาธิปไตยเดือนกรกฎาคม (ค.ศ. 1830 – 1848) == พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปทรงดำรงพระยศเป็นกษัตริย์ของชาวฝรั่งเศส (King of the French) ไม่ใช่กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส (King of France) ทรงเป็นกษัตริย์ที่สมถะไม่ฟุ่มเฟือยและทรงรักเสรีภาพ ทำให้ทรงได้รับสมญานามว่ากษัตริย์ประชาชน (The Citizen King) การปกครองของฝรั่งเศสเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) ดำรงอยู่ได้ 18 ปี เรียกว่า ราชาธิปไตยเดือนกรกฎาคม (July Monarchy) เพราะมาจากการปฏิวัติกรกฎาคม ในช่วงแรกของราชาธิปไตยเดือนกรกฎาคม พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปทรงเป็นที่รักของปวงชนอย่างมาก และทรงไม่เหมือนกับพระราชวงศ์พระองค์ก่อนๆ คือทรงสมาคมแต่กับกลุ่มพ่อค้านายธนาคาร กลุ่มชนชั้นกลาง (Bourgeoisie) ทำให้ตำแหน่งประธานสภาในสมัยนี้มาจากชนชั้นกลางทั้งสิ้น กฎบัตร ค.ศ. 1830 เป็นธรรมนูญของพระองค์ ซึ่งมีความเป็นประชาธิปไตยและเสรีมากกว่าเดิมและพระราชอำนาจก็ถูกริดรอนลงไปมาก ในสมัยนี้ยังเกิดกลุ่มดอกตริแนร์ (Doctrinaire) คือ ฝ่ายที่ประนีประนอมระหว่างฝ่ายราชาธิปไตยและฝ่ายสาธารณรัฐให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ในสมัยราชาธิปไตยเดือนกรกฎาคมเกิดความขัดแย้งทางกาเรเมืองขึ้น เนื่องจากรัฐบาลอันประกอบด้วยกลุ่มดอกตริแนร์และกลุ่มออร์เลอองนิสต์ (Orléanist) พยายามจะดำเนินนโยบายที่เป็นกลาง ทำให้ทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยมต่างไม่นิยมรัฐบาลนี้ ประธานสภาแม้จะมาจากชนชั้นกลางแต่มีความนโยบายแบบอนุรักษ์นิยม ใน ค.ศ. 1831 กาสิมี เปอรีเอร์ (Casimir Perier) สั่งปิดสมาคมการเมืองและสหภาพแรงงานต่างๆ ทำให้ฝ่ายเสรีนิยมก่อกบฏกานู (Canut revolts) ในเมืองลียง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมประกอบด้วยฝ่ายราชวงศ์บูร์บงสายสิทธิโดยชอบธรรม หรือกลุ่มเลฌิติมิสต์ ก่อการกบฏต่อต้านรัฐบาลในค.ศ. 1832 นำโดยดัชเชสแห่งแบรี ในกลุ่มดอกตริแนร์เองก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ได้แก่ พรรคเคลื่อนไหว (Parti du Movement) คือ ฝ่ายเสรีที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องเสรีภาพ นำโดยอดอล์ฟ ตีแยร์ (Adolph Thiers) และพรรคต่อต้าน (Parti de la résistance) คือ ฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต่อต้านการเคลื่อนไหวเรียกร้องเสรีภาพ นำโดย ฟรองซัว กิโซต์ (François Guizot) กาสิมี แปริแอร์ และเคานต์ โมเล (Comte Molé) ในระยะหลังของสมัยราชาธิปไตยเดือนกรกฎาคม กลุ่มพรรคต่อต้านมีอำนาจมากและได้ครอบครองตำแหน่งประธานสภา พรรคต่อต้านปิดสมาคมต่างๆเพื่อยับยั้งการเคลื่อนไหวของฝ่ายซ้ายและกีดกันให้ออกจากสภา และยังออกกฎหมายช่วยเหลือชนชั้นกลางให้ได้ประโยชน์จากการจ้างแรงงาน ซึ่งแรงงานชนชั้นล่างนั้นสามารถออกมาเรียกร้องการถูกเอารับเอาเปรียบได้เกรงว่าจะถูกข้อหากบฏ ฝรั่งเศสเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) ทำให้เกิดชนชั้นแรงงานขึ้นเป็นครั้งแรกในฝรั่งเศส ชีวิตชาวฝรั่งเศสชนชั้นแรงงานน่าเวทนาอย่างมาก ประชาชนยากจนและเกิดการว่างงาน เกิดความเลื่อมล้ำทางสังคมอย่างแรงระหว่างชนชั้นกลางที่ร่ำรวยกับแรงงานที่ยากจน ในค.ศ. 1840 นายกีโซต์เป็นประธานสภา แม้หลายฝ่ายจะพยายามเสนอให้มีการปฏิรูปการปกครองแก้ไขภาวะเสื่อมโทรมทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่กีโซต์ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงใดๆ ในสมัยราชาธิปไตยเดือนกรกฎาคม สิทธิ์การเลือกตั้งนั้นเป็นของผู้ร่ำรวย ที่สามารถจ่ายภาษีตามเกณฑ์ให้รัฐได้ อันเป็นการรักษาอำนาจของชนชั้นกลางตอนบน (Haute Bourgeoisie) เพราะชนชั้นกลางเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเพราะมีเงิน ชนชั้นล่างไม่มีสิทธิ์ มีความพยายามหลายครั้งที่จะแก้ไขสิทธิ์การเลือกตั้ง แต่กีโซต์ก็ตอบกลับด้วยคำพูดว่า ก็ทำตัวเองให้รวยสิ (Enrichissez-vous) ในค.ศ. 1846 เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงราคาอาหารสูงขึ้น เกิดการก่อจลาจลทั่วประเทศในค.ศ. 1847 ในค.ศ. 1848 มีการนัดพบกันตามเมืองใหญ่เพื่อหารือเพื่อยกเลิกการปกครองเก่า เรียกว่า Campaigne des banquets แม้กีโซต์จะลาออก และพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปจะทรงสละราชสมบัติให้พระราชโอรส แต่สภาวการณ์บานปลายเกิดกว่าจะแก้ไข ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1848 ฝรั่งเศสประกาศตั้งสาธารณรัฐที่สอง (Second Republic) == สาธารณรัฐที่ 2 (ค.ศ. 1848 – 1852) == หลังจากการปฏิวัติได้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล (Provisional government) ขึ้น เพื่อปกครองฝรั่งเศสจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีดูปองต์ เดอ เลอร์ (Dupont de l'Eure) เป็นประธานสภา และมีคณะกรรมการบริหาร (Executive Commission) ทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐชั่วคราว แต่เกิดการลุกฮือขึ้นของฝ่ายสังคมนิยมซึ่งใช้ธงแดงเป็นสัญลักษณ์ คัดค้านแนวความคิดเสรีนิยมแบบประชาธิปไตยสาธารณรัฐซึ่งใช้ธงไตรรงค์เป็นสัญลักษณ์ และเห็นว่าตลอดการเปลี่ยนแปลงการปกครองของฝรั่งเศสหลายครั้งที่ผ่านมากรรมกรและชนชั้นล่างขาดบทบาททางการเมือง เกิดจลาจลของชนชั้นผู้ใช้แรงงานขึ้นในปารีส เรียกว่า การลุกฮือวันเดือนมิถุนายน (June Days Uprisings) ฝ่ายรัฐบาลเฉพาะกาลนำโดยหลุยส์-เออแฌน กาแวนญัค (Louis-Eugène Cavaignac) นำกองกำลังเข้าปราบปรามจลาจลอย่างรุนแรง การร่างรัฐธรรมนูญฉบับค.ศ. 1848 เสร็จสิ้นในเดือนพฤศจิกายน และกำหนดให้มีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งเจ้าชายหลุยส์-นโปเลียน พระนัดดาของพระจักรพรรดินโปเลียน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งด้วยนโยบายสังคมนิยมทำให้หลุยส์-นโปเลียนได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายธงแดงและฝ่ายนิยมราชาธิปไตย ในขณะที่ฝ่ายสาธารณรัฐนำโดยกาแวนญัคพ่ายแพ้การเลือกตั้งไป หลุยส์-นโปเลียนจึงได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1848 เป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสมีผู้นำของรัฐเป็นประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญใหม่ ในรัฐสภาสมัยของหลุยส์-นโปเลียนประกอบด้วยกลุ่มเลฌิติมิสต์ฝ่ายขวาอนุรักษ์นิยม และฝ่ายกลาง-ขวาคือกลุ่มออร์เลียงนิสต์ รัฐธรรมนูญฉบับปีค.ศ. 1848 ไม่อนุญาตให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งเกินกว่าหนึ่งสมัย ซึ่งหลุยส์-นโปเลียนได้พยายามที่จะแก้ไขกฎหมายนี้แต่ฝ่ายราชาธิปไตยในสภาไม่เห็นชอบด้วย ในเดือนพฤษภาคมค.ศ. 1850 รัฐสภาฝ่ายราชาธิปไตยได้ออกกฎหมายตัดสิทธิ์เลือกตั้งของชนชั้นล่าง หลุยส์-นโปเลียนจึงใช้โอกาสนี้เดินสายปราศรัยโจมตีรัฐบาลฝ่ายขวา และได้รับความนิยมในกลุ่มสังคมนิยม จนกระทั่งในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1851 หลุยส์-นโปเลียนได้ก่อการรัฐประหาร (Coup of 1851) เพื่อยึดอำนาจจากรัฐบาลฝ่ายขวา อีกหนึ่งปีต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1852 มีการลงประชามติเห็นชอบให้ยุบสาธารณรัฐครั้งที่สองและประกาศให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นจักรวรรดิอีกครั้ง เรียกว่า จักรวรรดิที่สอง (Second Empire) == จักรวรรดิที่ 2 (ค.ศ. 1852 – 1870) == รัฐธรรมนูญปีค.ศ. 1852 กำหนดให้จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และยังคงมีรัฐสภาอยู่ทำหน้าที่นิติบัญญัติ เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่อำนาจที่แท้จริงนั้นอยู๋ที่องค์พระจักรพรรดิ ในช่วงแรกของจักรวรรดิที่สองจักรพรรดินโปเลียนทรงจำกัดเสรีภาพสื่อสิ่งพิมพ์อย่างหนักและมีความเผด็จการอย่างมาก เพื่อสยบการวิจารณ์และการโจมตีของฝ่ายซ้ายสาธารณรัฐ จักรพรรดินโปเลียนที่สามทรงยึดมั่นในคติพจน์จักรวรรดินำมาซึ่งสันติภาพ (L'Empire, c'est la paix) แม้กระนั้นก็ทรงนำฝรั่งเศสเข้าสู่สงครามหลายครั้ง ในค.ศ. 1854 จักรพรรดินโปเลียนได้ทรงนำฝรั่งเศสเข้าช่วยเหลือจักรวรรดิออตโตมานในการต่อต้านแการแผ่ขยายอำนาจของจักรวรรดิรัสเซียในสงครามไครเมีย (Crimean War) นำไปสู่สนธิสัญญาปารีส ค.ศ. 1856 (Treaty of Paris 1856) เปิดโอกาสให้ฝรั่งเศสเข้าแทรกแซงตะวันออกกลาง ในรัชสมัยของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ยังเป็นจุดเริ่มต้นของลัทธิจักรวรรดินิยมของฝรั่งเศสอีกด้วย โดยได้ทำการแผ่ขยายอำนาจและอาณานิคมในภูมิภาคเอเชีย อันได้แก่ ในค.ศ. 1856 ได้ส่งทัพเข้าช่วยเหลือสหราชอาณาจักรในการทำสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (Second Opium War) กับจีนราชวงศ์ชิง ในค.ศ. 1859 ชาร์ลส์ ริโกลท์ เดอ เยนูอิลลี (Charles Rigault de Genouilly) ได้นำทัพเรือฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองท่าไซ่ง่อน ของเวียดนามซึ่งปกครองโดยราชวงศ์เหวียน ได้ยอมยกโคชินจีน (Cochinchina) ดินแดนทางตอนใต้ของประเทศให้แก่ฝรั่งเศสในค.ศ. 1862 พระนโรดมทรงยินยอมให้อาณาจักรกัมพูชาเป็นรัฐอารักขา (Protectorate) ของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1863 ในค.ศ. 1859 จักรพรรดินโปเลียนทรงส่งทัพฝรั่งเศสเข้าช่วยเหลือราชอาณาจักรซาร์ดีเนีย (Kingdom of Sardinia) ซึ่งนำโดยเคานต์แห่งคาวัวร์ (Count of Cavour) ในสงครามประกาศอิสรภาพอิตาลีครั้งที่สอง (Second War of Italian Independence) ในการขับไล่ราชวงศ์ฮับส์บูร์กออกไปจากคาบสมุทรอิตาลี โดยที่ฝรั่งเศสได้รับแคว้นซาวอย (Savoy) และนีซ (Nice) มาเป็นการตอบแทน ในชณะเดียวกันนั้น แคว้นปรัสเซีย (Prussia) กำลังเรืองอำนาจอยู่ในเยอรมนีและกำลังทำสงครามเพื่อทำการรวมชาติเยอรมัน (German unification) จักรพรรดินโปเลียนทรงเห็นว่าการแผ่ขยายอำนาจของปรัสเซียจะเป็นภัยคุกคามต่อฝรั่งเศส ประกอบกับในค.ศ. 1870 ได้มีการรั่วไหลของ Ems Dispatch หรือโทรเลขที่แสดงความขัดแย้งระหว่างกษัตริย์แห่งปรัสเซียและทูตฝรั่งเศส ที่ส่งถึงออตโต ฟอน บิสมาร์ก (Otto von Bismarck) เป็นจุดชนวนนำไปสู่งสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย (Franco-Prussian War) ปรากฏว่าทัพฝ่ายปรัสเซียมีชัยชนะเหนือทัพฝรั่งเศส สามารถบุกเข้ามาในประเทศฝรั่งเศสได้ และจักรพรรดินโปเลียนก็ทรงพ่ายแพ้และถูกจับพระองค์ได้ในยุทธการซีดัง (Battle of Sedan) ในเดือนกันยายน เพียงสองวันต่อมาฝ่ายซ้ายสาธารณรัฐได้เลิกล้มการปกครองของจักรวรรดิฝรั่งเศส และจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้นปกครองฝรั่งเศสแทน ในเวลาเดียวกับที่ทัพปรัสเซียได้ยกเข้าล้อมกรุงปารีส == สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 (ค.ศ. 1870 – 1940) == เมื่อพระจักรพรรดินโปเลียนทรงถูกจับพระองค์ไปนั้น ทางเมืองปารีสก็ได้จัดตั้งรัฐบาลป้องกันประเทศ (Le Gouvernement de la Défense Nationale) ในขณะที่ทัพของปรัสเซียได้ยกเข้าล้อมเมืองปารีส จนกระทั่งเดือนมกราคมค.ศ. 1871 ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงยอมจำนนและให้ทัพเยอรมันเข้าเมือง และมีการเลือกตั้งสมัชชาแห่งชาติได้รัฐบาลที่มีฝ่ายขวานิยมราชาธิปไตยเป็นเสียงข้างมาก โดยอดอล์ฟ ตีแยร์ ผู้ซึ่งเป็นฝ่ายออร์เลียงนิสต์เป็นประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมได้ทำสนธิสัญญาแฟรงก์เฟิร์ต (Treaty of Frankfurt) กับจักรวรรดิเยอรมัน โดยที่เสียแคว้นอัลซาส (Alsace) และลอแรน (Lorraine) ทางตะวันออกของฝรั่งเศสให้แก่จักรวรรดิเยอรมันที่เพิ่งเกิดใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับค.ศ. 1875 เสร็จสิ้นแล้ว จึงได้มีการเลือกตั้งอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1877 ผลคือนายปาทริส เดอ มักมาอง (Patrice de MacMahon) ที่เป็นเลฌิติมิสต์เป็นประธานาธิบดี มักมาองได้พยายามที่จะออกกฎหมายต่างๆให้ฝรั่งเศสกลับสู่ราชาธิปไตยอีกครั้ง แต่ต้องประสบปัญหากับการต่อต้านจากฝ่ายซ้ายสาธารณรัฐในสภา ทำให้ต้องยุบสภาในเดือนมกราคมค.ศ. 1879 == ฝรั่งเศสยุคสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1940 – 1946) == หลังจากถูกนาซีเยอรมันยึดกรุงปารีสได้ นาซีได้ตั้งรัฐบาลหุ่นฝรั่งเศสขึ้นที่เมืองวิชี รัฐบาลในช่วงนี้จึงเรียกว่า วิชีฝรั่งเศส อีกด้านหนึ่งนายพลชาลส์ เดอ โกล ได้ตั้งแนวร่วมปลดปล่อยฝรั่งเศส (France Libre หรือ Free French Forces) ที่กรุงลอนดอนเพื่อต่อต้านนาซีและรัฐบาลวิชีฝรั่งเศส ในขณะนั้น == สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4 (ค.ศ. 1946 – 1958) == รัฐบาลใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่สองมีบทบาทในสงครามอินโดจีนครั้งแรก และพ่ายแพ้ต่อเวียดนามเหนือที่นำโดยโฮจิมินห์ โดยเฉพาะการศึกที่เดียนเบียนฟู รัฐบาลในช่วงนี้ไม่มีเสถียรภาพ และเหตุการณ์สุกงอมเมื่อปี 1958 ฝรั่งเศสแพ้สงครามที่แอลจีเรีย ปลดปล่อยอิสรภาพ (Algerian War) นายพลชาลส์ เดอ โกลจึงยึดอำนาจและร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นสาธารณรัฐที่ 5 เพิ่มเติม French Fourth Republic == สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5 (ค.ศ. 1958 – ปัจจุบัน) == นายพลชาร์ล เดอ โกลใช้ระบบประธานาธิบดีที่เลือกตั้งจากประชาชนโดยตรงแทนระบบรัฐสภาแบบเดิม ซึ่งคงอยู่มาถึงปัจจุบัน สาธารณรัฐที่ 5 ของฝรั่งเศสมีประธานาธิบดีมาทั้งหมด 8 คน == ดูเพิ่ม == การปกครองระบบโบราณในฝรั่งเศส == อ้างอิง == ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส
thaiwikipedia
953
การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยว หมายถึงการเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจหรือเพื่อความสนุกสนานตื่นเต้นหรือเพื่อหาความรู้ โดยองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (World Tourism OrganizationUnited Nations World Tourism Organization: UNWTO) กำหนดไว้ว่า การท่องเที่ยวหมายถึงการเดินทาง โดยระยะทางมากกว่า 40 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อจุดประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจ สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้มีพัฒนาการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2467 สมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ซึ่งในครั้งนั้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ยังเป็นการท่องเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติและสถานที่ราชการ หรือสถานที่สำคัญที่ชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยสร้างขึ้น แต่เมื่อประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมาทางองค์การการท่องเที่ยวโลก (www.unwto.org) ได้มีการกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1) รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ (Natural based tourism) 2) รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม (Cultural based tourism) 3) รูปแบบการท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษ (Special interest tourism) == ประเภท == 1. รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ (์Natural based tourism) ประกอบด้วย 1.1 การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism) หมายถึงการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นและแหล่งวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศ โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวของภายใต้การจัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่นเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน 1.2 การท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล (Marine ecotourism) หมายถึงการท่องเที่ยว อย่างมีความรับผิดชอบในแหล่งธรรมชาติทางทะเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศทางทะเล โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวของภายใต ้ การจัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เพื่อมุ่งให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอยางยั้งยืน 1.3 การท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา (Geo-tourism) หมายถึงการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่เป็น   หินผา ลานหินทราย อุโมงค์โพรง ถ้ำน้ำลอด ถ้ำหินงอกหินย้อย เพื่อดูความงามของภูมิทัศน์ที่มีความแปลกของการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่โลก  ศึกษาธรรมชาติของหิน ดิน แร่ต่างๆ และฟอสซิล ได้ความรู้ได้มีประสบการณ์ใหม่ บนพื้นฐานการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อม โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยว 1.4 การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro tourism) หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่เกษตรกรรมสวนเกษตร วนเกษตร สวนสมุนไพร ฟาร์มปศุสัตว์และเลี้ยงสัตว์เพื่อชื่นชมความสวยงาม ความสำเร็จและเพลิดเพลินในสวนเกษตร ได้ความรู้มีประสบการณ์ใหม่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนั้น 1.5 การท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ (Astrological tourism) หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อการไปชมปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวาระ เช่น สุริยุปราคา ฝนดาวตก จันทรุปราคา และการดูดาวจักราศีที่ปรากฏในท้องฟ้าแต่ละเดือน เพื่อการเรียนรู้ระบบสุริยะจักรวาล มีความรู้ความประทับใจ ความทรงจำและประสบการณ์เพิ่มขึ้น บนพื้นฐานการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบมีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการร่วมกันอย่างยั่งยืน 2.  รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม (Cultural based tourism) ประกอบด้วย 2.1 การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ (Historical tourism) หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดี และประวัติศาสตร์ เพื่อชื่นชมและเพลิดเพลินในสถานที่ท่องเที่ยวได้ความรู้มีความเข้าใจต่อประวัติศาสตร์และโบราณคดี ในท้องถิ่นพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกต่อการรักษามรดกทางวัฒนธรรมและคุณค่า ของสภาพแวดลอมโดยที่ประชาชนในท้องถิ่น มีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยว 2.2 การท่องเที่ยวชมวัฒนธรรมและประเพณี (Cultural and traditional tourism) หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อชมงานประเพณีต่างๆ ที่ชาวบ้านในท้องถิ่นนั้นๆ จัดขึ้น ได้รับความเพลิดเพลินตื่นตาตื่นใจในสุนทรียะศิลป์เพื่อศึกษาความเชื่อ การยอมรับนับถือ การเคารพพิธีกรรมต่างๆ และมีความเข้าใจต่อสภาพสังคมและวัฒนธรรม มีประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นบนพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมและมรดกทางวัฒนธรรม โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการท่องเที่ยว 2.3 การท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตในชนบท (Rural tourism / village tourism) หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวในหมู่บ้าน ชนบทที่มีลักษณะวิถีชีวิต และผลงานสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษมีความโดดเด่นเพื่อความเพลิดเพลินได้ความรู้ดูผลงานสร้างสรรค์และภูมิปัญญาพื้นบ้าน มีความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่น บนพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกต่อการรักษามรดกทางวัฒนธรรมและคุณค่าของสภาพแวดล้อม โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยว 3.  รูปแบบการท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษ (Special interest tourism) ประกอบด้วย 3.1 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health tourism) หมายถึงการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติและแหล่งวัฒนธรรมเพื่อการพักผ่อนและเรียนรู้วิธีการรักษาสุขภาพกายใจได้รับความเพลิดเพลิน และสุนทรียภาพ มีความรู้ต่อการรักษาคุณค่า และคุณภาพชีวิตที่ดี มีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน อนึ่ง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนี้บางแห่งอาจจัดรูปแบบเป็นการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและความงาม (health beauty and spa) 3.2 การท่องเที่ยวเชิงทัศนศึกษาและศาสนา (Edu-meditation tourism)  หมายถึง การเดินทางเพื่อทัศนศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากปรัชญาทางศาสนา หาความรู้ สัจธรรมแห่งชีวิตมีการฝึกทำสมาธิเพื่อให้มีประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น มีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้นมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมุ่งการเรียนรู้วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย เช่น  การทำอาหารไทย การนวดแผนไทย รำไทย มวยไทย การช่างและงานศิลปหัตถกรรมไทย รวมถึงการบังคับช้างและเป็นควาญช้าง เป็นต้น 3.3 การท่องเที่ยวเพื่อศึกษากลุ่มชาติพันธุ์หรือวัฒนธรรมกลุ่มน้อย (Ethnic tourism) หมายถึง การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่วัฒนธรรมของชาวบ้าน วัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยหรือชนเผ่าต่าง ๆ เช่น หมู่บ้านชาวไทยโซ่ง หมู่บ้านผู้ไทย หมู่บ้านชาวกูย หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านชาวจีนฮ่อ เป็นต้น เพื่อมีประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้นมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดลอมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน 3.4 การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports tourism) หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเล่นกีฬาตามความถนัดความสนใจ ในประเภทกีฬา เช่น กอล์ฟ ดำน้ำ ตกปลา สนุกเกอร์ กระดานโตคลื่น สกีนํ้า เป็นต้น ให้ได้รับความเพลิดเพลินความสนุกสนานตื่นเต้น ได้รับประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น มีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้น มีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดลอมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน 3.5 การท่องเที่ยวแบบผจญภัย (Adventure travel) หมายถึง การเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ ที่นักท่องเที่ยวเขาไปเที่ยวแล้วได้รับความสนุกสนานตื่นเต้น หวาดเสียว ผจญภัย มีความทรงจำ ความปลอดภัย และได้ประสบการณ์ใหม่ 3.6 การท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์และฟาร์มสเตย์ (Home stay & farm stay) หมายถึง นักท่องเที่ยวกลุ่มที่ต้องการใช้ชีวิตใกล้ชิดกับครอบครัวในท้องถิ่นที่ไปเยือนเพื่อการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมท้องถิ่น ได้รับประสบการณ์ในชีวิตเพิ่มขึ้น โดยมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นการจัดการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนในท้องถิ่นที่ยั่งยืน 3.7 การท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (Long stay)  หมายถึง  กลุ่มผู้ใช้ชีวิตในบั้นปลายหลังเกษียณอายุจากการทำงานที่ต้องการมาใช้ชีวิตต่างแดนเป็นหลัก เพื่อเพิ่มปัจจัยที่ห้าของชีวิตคือ การท่องเที่ยว โดยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเฉลี่ย 3 – 4  ครั้งต่อปี คราวละนาน ๆ อย่างน้อย  1 เดือน 3.8 การท่องเที่ยวแบบให้รางวัล (Incentive travel)  หมายถึงการจัดนำเที่ยวให้แก่กลุ่มลูกค้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ (มีความเป็นเลิศ) ในการขายสินค้านั้นๆ ตามเป้าหมายหรือเกินเป้าหมาย เช่น กลุ่มผู้แทนบริษัทจำหน่ายรถยนต์ ผู้แทนบริษัทจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้แทนบริษัทจำหน่ายเครื่องสำอาง จากภูมิภาคหรือจังหวัดต่างๆ ที่สามารถขายสินค้าประเภทนั้นได้มากตามที่บริษัทผู้แทนจำหน่ายในประเทศตั้งเป้าหมายไว้เป็นการให้รางวัลและจัดนำเที่ยว โดยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าพักแรมและค่าอาหารระหว่างการเดินทางให้กับผู้ร่วมเดินทาง เป็นการจัดรายการพักแรมตั้งแต่  2 – 7  วัน เป็นรายการนำเที่ยวชมสถานท่องที่ต่างๆ อาจเป็นรายการนำเที่ยวแบบผสมผสาน หรือรายการนำเที่ยวในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง 3.9 การท่องเที่ยวเพื่อการประชุม (MICE หมายถึง M=meeting/I= incentive/ C=conference / E=exhibition)  เป็นการจัดนำเที่ยวให้แก่กลุ่มลูกค้าของผู้ที่จัดประชุม มีรายการจัดนำเที่ยวก่อนการประชุม (pre-tour)  และการจัดรายการนำเที่ยวหลังการประชุม (post-tour)  โดยการจัดรายการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ไปทั่วประเทศ เพื่อบริการให้กับผู้เข้าร่วมประชุมโดยตรง หรือสำหรับผู้ที่ร่วมเดินทางกับผู้ประชุม  (สามีหรือภรรยา) อาจเป็นรายการท่องเที่ยววันเดียว หรือรายการเที่ยวพักค้างแรม 2 – 4 วัน โดยคิดราคาแบบเหมารวมค่าอาหารและบริการท่องเที่ยว 3.10 การท่องเที่ยวแบบผสมผสานเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้จัดการการท่อง เที่ยวคัดสรรรูปแบบการท่องเที่ยวที่กล่าวมาแล้วข้างต้น นำมาจัดรายการนำเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความแตกต่างระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในระยะยาวนานตั้งแต่ 2 – 7 วันหรือมากกว่านั้นเช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเกษตร (eco–agro tourism) การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและประวัติศาสตร์ (agro-historical tourism)  การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภัย (eco-adventure travel) การท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์ (geo- historical tourism) การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม  (agro-cultural tourism) เป็นต้น นอกจากนี้ในปัจจุบัน การท่องเที่ยวได้พิจารณาจากความต้องการหรือพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมทำให้มีรูปแบบการท่องเที่ยวที่มีแนวคิดใหม่ ขึ้นมาเช่น Green tourism ที่คนมาท่องเที่ยวจะต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติหรือช่วยลดภาวะโลกร้อน เช่น  การท่องเที่ยวในเกาะสมุย หรือ War tourism  ที่นักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสกับอดีตในสมัยสงคราม เช่น  การท่องเที่ยวสะพานข้ามแม่นํ้าแคว จังหวัดกาญจนบุรีหรือ Volunteer tourism  ที่นักท่องเที่ยวเป็นอาสาสมัครมาช่วยทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ในสถานที่และเดินทางท่องเที่ยวต่อ เช่น การที่มีอาสาสมัครมาช่วยงานสึนามิในประเทศไทย เป็นต้น โดยสรุป การท่องเที่ยวในประเทศไทย มีหลากหลายขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเอง และขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรม ผลของการท่องเที่ยวจะเกิดมิติในแง่บวกหรือลบ ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวว่ามีพฤติกรรมอย่างไร (วารัชต์ มัธยมบุรุษ,  ม.ป.ป.) ==ดูเพิ่ม== การท่องเที่ยวในประเทศไทย == อ้างอิง == วัฒนธรรม การเดินทาง
thaiwikipedia
954
ประเทศเบลเยียม
เบลเยียม (Belgium) หรือชื่อทางการว่า ราชอาณาจักรเบลเยียม (Kingdom of Belgium) เป็นประเทศในยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส และทะเลเหนือ มีพื้นที่ 30,689 ตารางกิโลเมตร (11,849 ตารางไมล์) และมีประชากรราว 11.5 ล้านคน ทำให้เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดอันดับที่ 22 ของโลก และเป็นอันดับที่ 6 ของยุโรป มีเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรป และมีเมืองสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ แอนต์เวิร์ป, เกนต์, ชาร์เลอรัว, ลีแยฌ, บรูช, นามูร์ และ เลอเฟิน เบลเยียมมีระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญด้วยระบบรัฐสภา โดยแบ่งออกเป็นสามเขตการปกครองตนเองที่สำคัญ ได้แก่ แคว้นเฟลมิช (แฟลนเดอส์) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือซึ่งประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาดัตช์, วอลลูน (วอลโลเนีย) ทางทิศใต้ซึ่งประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศส และแคว้นนครหลวงบรัสเซลส์ ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่เล็กที่สุดและมีความหนาแน่นประชากรสูงที่สุด รวมทั้งเป็นภูมิภาคที่ร่ำรวยที่สุดในแง่ของอัตราจีดีพีเฉลี่ย เบลเยียมเป็นที่ตั้งของประชาคมผู้ใช้ภาษาหลักสองภาษา ได้แก่ ประชาคมเฟลมิชที่พูดภาษาดัตช์ซึ่งมีประชากรร้อยละ 60 และประชาคมฝรั่งเศสซึ่งมีประมาณร้อยละ 40 นอกจากนี้ยังมีประชาคมภาษาเยอรมันกระจายตัวอยู่ในภูมิภาคตะวันออก ในขณะที่แคว้นบรัสเซลส์ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงใช้ทั้งภาษาฝรั่งเศสและภาษาดัตซ์ แม้ภาษาฝรั่งเศสจะมีบทบาทเป็นภาษาหลัก ความขัดแย้งทางภาษาและวัฒนธรรมยังสะท้อนให้เห็นจากระบอบการปกครองที่ซับซ้อน จากการมีรัฐบาลย่อยหลายระดับซึ่งมีอำนาจหน้าที่แตกต่างกันตามรัฐธรรมนูญ คำว่าเบลเยียม (Belgium ในภาษาอังกฤษ België และ Belgique ในภาษาดัตช์และฝรั่งเศส) มีที่มาจาก Gallia Belgica ซึ่งเป็นจังหวัดในยุคโรมัน มีกลุ่มชาว Belgae อยู่อาศัย และยังมีรากศัพท์มาจากภาษาละติน โดยมีที่มาจากเหตุการณ์ สงครามกอล ซึ่งนำโดย จูเลียส ซีซาร์ เพื่อใช้เรียกพื้นที่ในละแวกนี้ในช่วง ค.ศ. 55 แผ่นดินของเบลเยียมที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันก่อตั้งขึ้นหลังการปฏิวัติเบลเยียม ใน ค.ศ. 1830 ภายหลังได้รับเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ ค.ศ. 1815 เบลเยียมจัดอยู่ในกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำเช่นเดียวกับเนเํธอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก เนื่องจากที่ตั้งของประเทศอยู่ในพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ซึ่งในอดีตกาล บริเวณนี้เป็นภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่เนื่องจากรวมพื้นที่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสเอาไว้ด้วย ตั้งแต่ยุคกลาง จุดศูนย์กลางในบริเวณนี้ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำสายสำคัญหลายสายทำให้ประเทศเบลเยียมในยุคโบราณมีความเจริญรุ่งเรือง และสภาพที่ตั้งยังเป็นประโยชน์ในด้านการค้า และการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน พื้นที่ของเบลเยียมยังถือเป็นสมรภูมิหลักของชาติต่าง ๆ ในการทำสงครามของยุโรป และได้รับสมญานามว่า "สนามรบแห่งยุโรป" โดยมีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 20 จากเหตุการณ์สงครามโลกทั้งสองครั้ง เบลเยียมเข้าร่วมในการปฏิวัติอุตสาหกรรม และในช่วงศตวรรษที่ 20 ได้ครอบครองอาณานิคมจำนวนมากในทวีปแอฟริกา ระหว่าง ค.ศ. 1888 ถึง ค.ศ. 1908 สมเด็จพระเจ้าเลออปอลที่ 2 ได้ใช้กำลังทหารเข้ายึดครองรัฐอิสระคองโก (ปัจจุบันคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก) โดยมีจุดประสงค์เพื่อครอบครองทรัพยากรสำคัญได้แก่ งาช้าง และ ยางพารา และได้ปกครองผู้คนด้วยความทารุณ ทรงใช้กำลังทหารรับจ้างเพื่อประโยชน์ส่วนพระองค์ สังหารแรงงานทาสไปมากมาย และนำไปสู่การเสียชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ประมาณการจำนวนผู้เสียชีวิตไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เป็นที่คาดการณ์กันว่า ตลอดการปกครองของพระองค์ ได้คร่าชีวิตผู้คนนับล้านคน ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 เบลเยียมต้องเผชิญความขัดแย้งที่สำคัญระหว่างประชากรที่พูดภาษาดัตซ์ และกลุ่มที่พูดภาษาฝรั่งเศส ก่อให้เกิดความแตกแยกทางภาษาและวัฒนธรรม มูลเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งคือความไม่เท่าเทียมกันในการพัฒนาเศรษฐกิจของแคว้นเฟลมิชและวอลลูน ความขัดแย้งก่อให้เกิดการปฏิรูปสำคัญหลายครั้ง นำไปสู่การกลายสภาพจากรัฐเดี่ยวเป็นระบอบสหพันธรัฐในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1970–1993 กระนั้น ความขัดแย้งดังกล่าวยังคงอยู่โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ภาษาเฟลมิช การจัดตั้งรัฐบาลผสมซึ่งใช้เวลากว่า 18 เดือนนับจากการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 ถือเป็นสถิติโลก อัตราการว่างงานในแคว้นวอลลูนมากเป็นสองเท่าของเฟลมิชซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เบลเยียมเป็นหนึ่งในหกประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรป และกรุงบรัสเซลส์ถูกใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมสำคัญระดับทวีปที่สำคัญหลายครั้ง เช่น การประชุมของคณะกรรมาธิการยุโรป สภาสหภาพยุโรป และสภายุโรป รวมทั้งเป็นหนึ่งในสองเมืองหลักที่ใช้สำหรับการประชุมรัฐสภายุโรป (อีกแห่งคือสตราสบูร์ก) เบลเยียมยังเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของยูโรโซน เนโท องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และ องค์การการค้าโลก และเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพเบเนลักซ์ไตรภาคีและพื้นที่เชงเกน กรุงบรัสเซลส์ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ขององค์กรระหว่างประเทศที่สำคัญ เช่น เนโท เบลเยียมเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง โดยประชากรมีรายได้ที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีจากระบบสวัสดิการที่ทันสมัย เช่น การสาธารณสุข การศึกษา สาธารณูปโภค และมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ในระดับสูง รวมทั้งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยมากที่สุด โดยมีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ == ภูมิศาสตร์ == เบลเยียมมีพรมแดนติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส (620 กม.) เยอรมนี (167 กม.) ลักเซมเบิร์ก (148 กม.) และเนเธอร์แลนด์ (450 กม.) มีพื้นที่รวม 30,528 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นน้ำ 250 กม.² ภูมิประเทศของเบลเยียมแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ที่ราบชายฝั่ง ที่ราบสูงกลาง และที่สูงอาร์แดน === ภูมิประเทศ === ที่ราบชายฝั่งของเบลเยียม ประกอบด้วยเนินทรายจำนวนมาก ลึกเข้ามาในแผ่นดินเป็นที่ราบทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และคลอง ที่สูงอาร์เดนส์เป็นเขตที่เป็นป่าหนาแน่น ยกตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 460 เมตร อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเบลเยียม พื้นที่แถบนี้มีลักษณะเป็นหิน ไม่เหมาะกับเกษตรกรรม มีจุดที่สูงที่สุดของเบลเยียมคือซีญาลเดอบอทร็องฌ์ (Signal de Botrange) สูง 694 เมตร แม่น้ำสายหลักของเบลเยียมได้แก่ แม่น้ำแอ็สโก (Escaut) และแม่น้ำเมิซ (Meuse) ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ฝรั่งเศส แม่น้ำแอ็สโกเป็นแม่น้ำสายหลักของเบลเยียม ผ่านท่าเรือแอนต์เวิร์ป บรัสเซลส์ และเกนต์ === ภูมิอากาศ === ภูมิอากาศชายฝั่งทะเลมีลักษณะชื้นและไม่รุนแรงนัก ในขณะที่ลึกเข้ามาในพื้นทวีปอุณหภูมิจะมีช่วงความเปลี่ยนแปลงสูงกว่า ในเขตที่สูงอาร์เดนส์มีฤดูร้อนที่ร้อนสลับกับฤดูหนาวที่หนาวเย็น ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อเดือนในบรัสเซลส์ อยู่ระหว่าง 55 มิลลิเมตร ในเดือนกุมภาพันธ์ จนถึง 78 มิลลิเมตรในเดือนกรกฎาคม ในขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของบรัสเซลส์อยู่ที่ 15-18 องศาเซลเซียสในเดือนมิถุนายนถึงกันยายน และลงต่ำอยู่ที่ 3 องศาในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ จากรายงานของสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2546 คุณภาพน้ำในแม่น้ำของเบลเยียมอยู่ในระดับต่ำสุดจากทั้งหมด 122 ประเทศ == ประวัติศาสตร์ == === ยุคก่อนประวัติศาสตร์ === มีหลักฐานการดำรงอยู่ของชุมชนโบราณมานานมากกว่า 2,000 ปีโดยขุดพบโครงกระดูกมนุษย์และภาพเขียนโบราณในถ้ำตอนกลางของประเทศริมฝั่งแม่น้ำเมิซ (la Meuse) ในปีพ.ศ. 600 จูเลียส ซีซาร์ขยายอำนาจของจักรวรรดิโรมันมายังดินแดนเบลเยียมปัจจุบัน โดยเอาชนะชนเผ่าเคลต์ที่ชื่อเบลไก (Belgae) และก่อตั้งเป็นมณฑลแกลเลียเบลจิกา ส่วนบริเวณทางตะวันออกเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลเกร์มาเนียอินเฟรีออร์ ต่อมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 จักรวรรดิโรมันตะวันตกผู้ปกครองล่มสลาย ดินแดนแถบนี้ก็ตกไปอยู่ในการควบคุมของชนเผ่าแฟรงก์ ก่อตั้งราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง และจักรวรรดิการอแล็งเฌียงเรืองอำนาจทางตอนเหนือของฝรั่งเศสในปัจจุบัน พระเจ้าโคลวิสที่ 1 ทรงรับคริสต์ศาสนาเข้ามาสู่อาณาจักร หลังจากยุคของโคลวิสแล้ว อาณาจักรของพวกแฟรงก์ก็เริ่มแตก จนกระทั่งถึงยุคของพระเจ้าชาร์เลอมาญ ซึ่งครองราชย์ตั้งแต่ปีพ.ศ. 1311 จนถึง 1357 ซึ่งได้รวบรวมอาณาจักรแฟรงก์ ปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรป === ยุคกลาง === หลังจากพระเจ้าชาร์เลอมาญสิ้นพระชนม์ อาณาจักรก็ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนเมื่อ พ.ศ. 1386 เกิดเป็นอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก อาณาจักรกลาง และอาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่ของเบลเยียมปัจจุบันเป็นของพระเจ้าโลแทร์ ซึ่งปกครองอาณาจักรกลางในชื่ออาณาจักรโลทริงเงิน ในขณะที่ส่วนที่เหลือขนาดเล็กทางตะวันตกตกเป็นของอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก(ฝรั่งเศสในปัจจุบัน) อาณาจักรกลางภายหลังตกไปอยู่ภายใต้กษัตริย์เยอรมันของอาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก ดินแดนเบลเยียมถูกแบ่งออกเป็นรัฐขุนนางเล็ก ๆ จำนวนมาก ซึ่งต่อมารวบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเบอร์กันดี หลังจากการอภิเษกสมรสของพระนางแมรีแห่งเบอร์กันดีกับเจ้าชายมักซิมิลันจากราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ซึ่งต่อมาขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนเบลเยียมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ในฐานะกลุ่มสิบเจ็ดมณฑลได้ตกทอดไปถึงพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งสเปน (จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) พระนัดดาของพระเจ้ามักซิมิลัน ในรัชสมัยของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน พระราชโอรสของพระเจ้าชาลส์ ได้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์ โดยพระเจ้าเฟลิเปพยายามที่จะปราบปรามนิกายโปรเตสแตนต์ ดินแดนทางตอนเหนือซึ่งสนับสนุนนิกายโปรเตสแตนต์ได้รวมตัวกันเป็นสาธารณรัฐดัตช์ ในขณะที่ดินแดนทางใต้ ประกอบด้วยเบลเยียมและลักเซมเบิร์กในปัจจุบัน ยังอยู่ภายใต้การปกครองของสเปน เรียกชื่อว่าเนเธอร์แลนด์ใต้ ต่อมาเบลเยียมได้เปลี่ยนมือจากสเปนไปยังออสเตรีย ในช่วงที่ฝรั่งเศสขึ้นเป็นมหาอำนาจในยุโรปราวคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 พื้นที่ประเทศต่ำได้เป็นสนามรบหลายครั้ง อาทิ สงครามฝรั่งเศส-เนเธอร์แลนด์ สงครามเก้าปี สงครามสืบราชบัลลังก์สเปน สงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย จนกระทั่งหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 1ได้ยึดเบลเยียมในปี พ.ศ. 2338 ยุติการปกครองของสเปนและออสเตรียในบริเวณนี้ หลังจากการสิ้นสุดของจักรวรรดิฝรั่งเศสของนโปเลียน กลุ่มประเทศต่ำได้แก่ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์กได้รวมกันอีกครั้งเป็นสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2358 === การปฏิวัติเบลเยียม === ความแตกต่างด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ นิกายศาสนา และวัฒนธรรมกับเนเธอร์แลนด์ผู้ปกครอง นำไปสู่การปฏิวัติในเบลเยียมในปี พ.ศ. 2373 ก่อตั้งเป็นรัฐเอกราช ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ เป็นกลางทางการเมือง และเลือกเจ้าชายเลโอโปลด์จากราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและโกธา ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 1 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2374 โดยมีการปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เป็นวันชาติของเบลเยียมนับตั้งแต่นั้นมา เบลเยียมได้รับคองโกเป็นอาณานิคมในปี พ.ศ. 2428 จากที่เคยเป็นดินแดนส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 2 แต่การปกครองคองโกของพระเจ้าโลโอโปลด์ที่ 2 เป็นไปอย่างโหดร้าย กดขี่ใช้แรงงานชาวอาณานิคมอย่างหนักเพื่อสร้างความมั่งคั่งจากการค้างาช้างและผลิตยาง ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตหลายล้านคน กลายมาเป็นกรณีอื้อฉาวระหว่างประเทศที่เสื่อมเสียอย่างมาก ชาวอาณานิคมต่อต้านอย่างรุนแรง ท้ายที่สุดพระองค์ทรงถูกบีบให้ยกเลิกและโอนการควบคุมคองโกรัฐบาลเบลเยียม ก่อตั้งเป็นเบลเจียนคองโกเมื่อ พ.ศ. 2451 เยอรมนีเข้ารุกรานเบลเยียมในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเพื่อเปิดเส้นทางสู่การบุกฝรั่งเศส ในช่วงนี้เบลเยียมเข้าครอบครองรวันดา-อุรุนดี (ปัจจุบันคือประเทศรวันดาและบุรุนดี) ซึ่งเป็นอาณานิคมของเยอรมนีในช่วงสงคราม หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมนี สันนิบาตชาติรับรองให้รวันดา-อุรุนดีอยู่ภายใต้การปกครองของเบลเยียม ต่อมาเบลเยียมถูกรุกรานจากเยอรมนีอีกครั้งในสงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งถูกปลดปล่อยโดยกองทัพสัมพันธมิตร หลังสงครามสงบเกิดการประท้วงนัดหยุดงานครั้งใหญ่ในเบลเยียมเมื่อปี พ.ศ. 2493 กดดันให้สมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 3 แห่งเบลเยียมทรงสละราชสมบัติเนื่องจากมองว่าพระองค์ให้ความร่วมมือกับเยอรมนีในช่วงถูกปกครอง พระองค์จึงทรงสละราชสมบัติให้กับสมเด็จพระราชาธิบดีโบดวง พระราชโอรสในปีต่อมา คองโกได้รับเอกราชในปีพ.ศ. 2503 ในขณะที่รวันดา-อุรุนดีได้รับในอีกสองปีถัดมา หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เบลเยียมเข้าร่วมนาโต ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่บรัสเซลส์ และจัดตั้งกลุ่มเบเนลักซ์ร่วมกับเนเธอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก เบลเยียมเป็นหนึ่งในหกสมาชิกก่อตั้งของประชาคมถ่านหินและเหล็กยุโรปในปีพ.ศ. 2494 และในปีพ.ศ. 2500 ก่อตั้งประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรปและประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งต่อมาคือสหภาพยุโรป เบลเยียมเป็นที่ตั้งของหน่วยงานหลายอย่างของสหภาพ เช่น คณะกรรมาธิการยุโรป คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป เป็นต้น == การเมืองการปกครอง == เบลเยียมมีระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยแบบรัฐสภา พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ซึ่งพระองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระราชาธิบดีฟีลิป ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง การปกครองของเบลเยียมนั้นมีเน้นไปทางอำนาจปกครองตนเองของสองชุมชนหลัก ซึ่งมีมีปัญหาความแตกแยกจากความแตกต่างทางภาษา ในปีพ.ศ. 2536 ได้มีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญครั้งสำคัญ โดยบัญญัติให้เบลเยียมเป็นสหพันธรัฐ หลังจากเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่พ.ศ. 2513 === บริหาร === === นิติบัญญัติ === รัฐสภากลางของเบลเยียมนั้นใช้ระบบสภาคู่ โดยประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ดัตช์: de Kamer van Volksvertegenwoordigers; ฝรั่งเศส: la Chambre des Représentants) และวุฒิสภา (ดัตช์: de Senaat; ฝรั่งเศส: le Sénat) วุฒิสภานั้นประกอบด้วยนักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งโดยสภาชุมชนสี่สภา 50 คนและอีก 10 คนมาจากการเลือกเพิ่มเติมโดยวุฒิสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 150 คนจากเขตเลือกตั้ง 11 เขต เบลเยียมนั้นมีการกำหนดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของประชาชน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2435 ==== พรรคการเมือง ==== พรรคการเมืองของเบลเยียมนั้น มีลักษณะแบ่งตามกลุ่มภาษาอย่างชัดเจน พรรคการเมืองของเบลเยียมอยู่ในสามกลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มพรรคคริสเตียนเดโมแครต แบ่งเป็น Centre démocrate humaniste (CDH) และ Christen-Democratisch & Vlaams (CD&V) กลุ่มพรรคสังคมนิยม ประกอบด้วย Parti Socialiste (PS) และ Socialistische Partij – Anders (SP.A) และกลุ่มพรรคเสรีนิยม ได้แก่ Mouvement Réformateur (MR) และ Vlaamse Liberalen en Democraten (VLD) นอกจากสามกลุ่มหลักนี้แล้ว ยังมีกลุ่มพรรคกรีน ได้แก่ พรรค Ecolo และ Groen! ซึ่งเป็นพรรคของผู้พูดภาษาฝรั่งเศสและฟลามส์ตามลำดับ === ตุลาการ === === กองทัพ === กองทัพเบลเยียมมีทหารประจำการอยู่ประมาณ 47,000 นาย ในปี 2019 งบประมาณด้านการป้องกันประเทศของเบลเยียมมีมูลค่ารวม 4.303 พันล้านยูโร (4.921 พันล้านดอลลาร์) คิดเป็น 93% ของจีดีพีรวมในประเทศ กองกำลังเบลเยียมประกอบด้วยสี่กองทัพหลัก: กองทัพบก กองทัพอากาศ นาวิกโยธินหรือกองทัพเรือ และกองกำลังแพทย์ ทั้งหมดอยู่ใต้บังคับบัญชาของแผนกเสนาธิการทั้งในช่วงปฏิบัติการและการฝึกอบรม ควบคุมโดยกระทรวงกลาโหมซึ่งนำโดยหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการหรือเสนาธิการ ผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้เบลเยียมมีนโยบายด้านการทหารที่เข้มงวดและรัดกุมตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในเดือนมีนาคม ปี 1948 เบลเยียมลงนามในสนธิสัญญาบรัสเซลส์และเข้าร่วมกับเนโทในปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้มีการนำกองกำลังในประเทศเข้าร่วมกับเนโทจนถึงช่วงสงครามเกาหลี เบลเยียมพร้อมด้วยรัฐบาลลักเซมเบิร์กได้ส่งกองทหารกำลังพลออกรบในสงครามเกาหลีที่รู้จักกันในชื่อ Belgian United Nations Command ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการเข้าร่วมกิจกรรมทางการทหารครั้งแรกในระดับนานาชาติของเบลเยียม นอกจากนี้เบลเยียมยังมีหน่วยนาวิกโยธินและกองทัพเรือที่มีชื่อเสียงในชื่อ Belgian Marine Component ซึ่งปฏิบัติการร่วมกับกองทัพเรือของเนเธอร์แลนด์อย่างใกล้ชิด ภายใต้การบัญชาการของพลเรือเอกเบเนลักซ์ (ผู้บัญชาการทหารรวมของกองทัพเรือเนเธอร์แลนด์และส่วนประกอบทางเรือของกองทัพเบลเยียม) == การแบ่งเขตการปกครอง == ชาววัลลูนและชาวเฟลมิชในเบลเยียมมีความแตกต่างกันทั้งทางภาษา ภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจและการเมือง ในปี พ.ศ. 2511 ความตึงเครียดระหว่างประชากรในพื้นที่ที่ใช้ภาษาดัตช์และที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ทวีความรุนแรงขึ้น จนบางครั้งถึงขั้นจลาจล สถานการณ์นี้นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีรูปแบบการปกครองแบบสหพันธรัฐ-ราชอาณาจักร โดยแบ่งออกเป็นสามเขต คือ เขตฟลามส์ เขตวัลลูน และเขตเมืองหลวงบรัสเซลส์ แต่ละเขตมีรัฐบาลท้องถิ่นปกครองตนเอง และมีรัฐบาลกลางบริหารประเทศโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ การปกครองของเบลเยียมแบ่งออกเป็นสามระดับ ได้แก่ รัฐบาลสหพันธรัฐ มีศูนย์กลางอยู่ที่บรัสเซลส์ ชุมชนภาษาสามชุมชน ได้แก่ ฟลามส์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน และสามภูมิภาค ได้แก่ เขตฟลามส์หรือฟลานเดอส์ เขตวัลลูนหรือวัลโลเนีย และเขตเมืองหลวงบรัสเซลส์ โดยเขตฟลามส์และเขตวัลลูนแบ่งออกเป็นจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้ == เศรษฐกิจ == === โครงสร้าง === เศรษฐกิจของเบลเยียมเชื่อมโยงกับตลาดโลกค่อนข้างมาก เป็นศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมต่อกับภูมิภาคอื่นของยุโรป เบลเยียมเป็นประเทศแรกในภาคพื้นทวีปยุโรปที่เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยมีการพัฒนาการทำเหมืองแร่ ตีเหล็ก และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เบลเยียมได้พัฒนาสาธารณูปโภคด้านการขนส่ง ทั้งท่าเรือ คลอง รถไฟ และทางหลวง เชื่อมเศรษฐกิจเข้ากับประเทศอื่น จนกลายเป็นประเทศที่มีการค้าขายระหว่างประเทศสูงสุดเป็นอันดับ 15 ของโลกในปี พ.ศ. 2550 จุดเด่นของเศรษฐกิจเบลเยียมคือ ผลิตภาพของแรงงาน รายได้ประชาชาติ และการส่งออกต่อประชากรสูง การส่งออกของเบลเยียมคิดเป็นมากกว่าสองในสามของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีเอ็นพี) สินค้าส่งออกหลักของเบลเยียมได้แก่เครื่องจักรและอุปกรณ์ สารเคมี เพชรเจียรไน ผลิตภัณฑ์จากเหล็กและโลหะ และอาหาร ส่วนสินค้านำเข้าหลักได้แก่วัตถุดิบ เครื่องจักรและอุปกรณ์ สารเคมี เพชรดิบ ยา อาหาร อุปกรณ์ระบบคมนาคม และผลิตภัณฑ์น้ำมัน เบลเยียมได้เปรียบจากตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ในศูนย์กลางพื้นที่ที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจสูง เบลเยียมเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา เบลเยียมเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของประชาคมยุโรป และสนับสนุนการขยายอำนาจของสหภาพยุโรปเพื่อรวมเศรษฐกิจของชาติสมาชิก เบลเยียมเข้าร่วมใช้สกุลเงินยูโรในปีพ.ศ. 2542 และทดแทนฟรังก์เบลเยียมอย่างสมบูรณ์ในปีพ.ศ. 2545 ทั้งนี้ เบลเยียมเข้าร่วมสหภาพศุลกากรและสกุลเงินกับประเทศลักเซมเบิร์กตั้งแต่ปีพ.ศ. 2465 ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง วัลโลเนียเป็นเขตที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสูง มีการขุดเหมืองแร่และผลิตเหล็กกล้า หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ฟลานเดอส์เริ่มมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยปรากฏการพัฒนาอุตสาหกรรมเคมีและอุตสาหกรรมปิโตรเลียม โดยเฉพาะที่แอนต์เวิร์ป อุตสาหกรรมเหล็กในเขตวัลโลเนียเริ่มสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน จนกระทั่งเกิดวิกฤติการน้ำมัน พ.ศ. 2516 และ พ.ศ. 2522 ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำ หลังจากนั้น ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศขยับไปทางเขตฟลานเดอส์ ความแตกต่างระหว่างเศรษฐกิจของทั้งสองเขตนำมาซึ่งความตึงเครียดทางการเมืองของประชาชนทั้งสองพื้นที่ อัตราการว่างงานของเขตวัลโลเนียสูงเป็นสองเท่าของเขตฟลานเดอร์สในปี พ.ศ. 2550 มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเรียกร้องการแบ่งประเทศอยู่เป็นระยะๆ ราว พ.ศ. 2530 เบลเยียม ประสบปัญหาหนี้สาธารณะสูงถึง 120 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ อันเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาล จนมีการปรับโครงสร้างบริหารครั้งใหญ่ และมามีงบประมาณสมดุลเมื่อปี พ.ศ. 2549 หนี้สาธารณะลดลงมาเหลือ 90.30 เปอร์เซ็นต์ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงนี้อยู่ที่ราวร้อยละ 3 นับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของยุโรปเล็กน้อย เบลเยียมมีโครงข่ายระบบรางที่หนาแน่นเป็นอันดับต้นๆของยุโรป มีค่าเฉลี่ย 113.8 กิโลเมตรต่อพื้นที่ 1,000 ตารางกิโลเมตร มีระบบทางด่วนพิเศษที่หนาแน่นราว 55.1 กิโลเมตรต่อพื้นที่ 1,000 ตารางกิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เบลเยียมประสบปัญหาการจราจรติดขัด ประชาชนในเมืองแอนต์เวิร์ปและบรัสเซลส์ต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนนรวม 64-65 ชั่วโมงต่อปีในช่วงที่มีการจราจรติดขัดเมื่อปี พ.ศ. 2553 ท่าอากาศยานที่สำคัญของเบลเยียมคือท่าอากาศยานบรัสเซลส์ รองรับปริมาณการขนส่งทางอากาศราว 80 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด ส่วนท่าเรือที่สำคัญคือ ท่าเรือแอนต์เวิร์ป ที่รองรับการขนส่งสินค้ามากถึง 214 ล้านตันในปี พ.ศ. 2559 โดยมีอัตราการเติบโตปีละ 2.7 เปอร์เซ็นต์ และยังมีท่าเรือบรูชอีกหนึ่งแห่ง เชื่อมต่อการขนส่งกับทะเลแอตแลนติก === วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี === วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของประเทศมาอย่างช้านาน เคาน์ตีฟลานเดอร์มีนักภูมิศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ และช่างทำแผนที่ที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น เชราร์เดิส แมร์เกเตอร์ ช่างทำแผนที่  แอนเดรียส เวซาเลียสผู้แต่งตำรากายวิภาคศาสตร์มนุษย์สมัยใหม่ แรมเบิร์ต โดดูนส์ นักพฤกษศาสตร์สมุนไพร และซิโมน สเตฟิน นักคณิตศาสตร์ ในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม นักวิทยาศาสตร์ของเบลเยียมสร้างชื่อเป็นที่ประจักษ์ในวงการอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การค้นพบกระบวนการโซลเวย์ผลิตโซเดียมคาร์บอเนตโดยเออร์เนส โซลเวย์ การประดิษฐ์ไดนาโมโดยเซโนป แกรมมี การคิดค้นพลาสติกเบคิไลต์โดยเลโอ บาเกอลันด์ ตลอดจนฌอร์ฌ เลอแม็ทร์ บาทหลวงโรมันคาทอลิกผู้เสนอทฤษฎีบิกแบง เกี่ยวกับต้นกำเนิดของจักรวาลเมื่อปี พ.ศ. 2470 โซลเวย์มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการวิทยาศาสตร์และปรัชญาของเบลเยียม มีการก่อตั้งสถาบันสังคมวิทยาโซลเวย์ วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการโซลเวย์บรัสเซลส์ และสถาบันฟิสิกส์และเคมีนานาชาติโซลเวย์ขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเสรีแห่งบรัสเซลส์ในปัจจุบัน เออร์เนส โซลเวย์ได้เริ่มจัดการประชุมวิชาการโซลเวย์ขึ้นในปี พ.ศ. 2454 มีนักวิชาการด้านเคมีและฟิสิกส์เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก มีผลต่อการผลักดันการพัฒนาวงการฟิสิกส์และเคมีควอนตัมอย่างมากในเวลาต่อมา นักวิทยาศาสตร์ชาวเบลเยียมได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและการแพทย์ 3 คน สาขาฟิสิกส์ 1 คน และสาขาเคมี 1 คน มีนักคณิตศาสตร์ชาวเบลเยียมได้รับรางวัลเหรียญฟีลดส์ 2 คน == ประชากร == จากการสำรวจเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เบลเยียมมีประชากรทั้งหมด 11,515,793 คน คิดเป็นความหนาแน่น 376 คนต่อตารางกิโลเมตรสูงเป็นอันดับ 22 ของโลก มณฑลที่มีประชากรมากที่สุดคือ แอนต์เวิร์ป และน้อยสุดคือลักเซมเบิร์ก ข้อมูลในเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 เผยว่า ประชากร 6,589,069 คนอาศัยอยู่ในเขตฟลามส์ (ราว 57.6 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด) อาศัยอยู่มากที่ แอนต์เวิร์ป (523,248 คน) เกนต์ (260,341 คน) และบรูช (118,284 คน) ส่วนเขตวัลลูนมีประชากร 3,633,795 คน (ราว 31.8 เปอร์เซ็นต์ของทั้งประเทศ) อาศัยอยู่มากที่ชาร์เลอรัว (201,816 คน) ลีแยฌ (197,355 คน) และนามูร์ (110,939 คน) เขตเมืองหลวงบรัสเซลส์มีประชากร 1,208,542 คนหรือราว 10.6 เปอร์เซ็นต์ของทั้งประเทศ === เชื้อชาติ === เมื่อปี พ.ศ. 2550 ประชากร 92 เปอร์เซ็นต์มีสัญชาติเบลเยียม และอีก 6 เปอร์เซ็นต์มีสัญชาติประเทศอื่นในสหภาพยุโรป ชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวอิตาลี (171,918 คน) ชาวฝรั่งเศส (125,061 คน) ชาวเนเธอร์แลนด์ (116,970 คน) ชาวโมร็อกโก (80,579 คน) ชาวโปรตุเกส (43,509 คน) ชาวสเปน (42,765 คน) ชาวตุรกี (39,419 คน) และชาวเยอรมนี (37,621 คน) มีชาวต่างชาติที่เกิดที่ต่างประเทศอาศัยอยู่ในเบลเยียมราว 1.38 ล้านคน คิดเป็น 12.9 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ แบ่งเป็นผู้ที่เกิดนอกสหภาพยุโรปราว 685,000 คน และในสหภาพยุโรปราว 695,000 คน คนที่มีภูมิหลังเป็นชาวต่างชาติหรือเป็นลูกหลานของชาวต่างชาตินั้นมีสูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด เรียกกันว่า นิวเบลเจียน ในจำนวนนี้ 1.2 ล้านคนเป็นลูกหลานชาวยุโรป และ 1.35 ล้านคนไม่ได้เป็นลูกหลานชาวตะวันตก ส่วนใหญ่มาจากโมร็อกโก ตุรกี และคองโก โดยนับตั้งแต่เบลเยียมออกกฎหมายว่าด้วยสัญชาติในปี พ.ศ. 2527 มีผู้อพยพได้สัญชาติเบลเยียมไปแล้ว 1.3 ล้านคน กลุ่มใหญ่ที่สุดมาจากโมร็อกโก === ภาษา === เบลเยียมมีภาษาทางการ 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาดัตช์ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาเยอรมัน โดยคาดว่า มีผู้พูดภาษาดัตช์เป็นภาษาหลักราว 59 เปอร์เซนต์ และประมาณ 40 เปอร์เซนต์สำหรับภาษาฝรั่งเศส โดยภาษาเยอรมันมีผู้พูดน้อยกว่า 1 เปอร์เซนต์ ผู้พูดภาษาดัตช์ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือของประเทศ โดยเป็นภาษาทางการของเขตฟลามส์และชุมชนฟลามส์ และหนึ่งในสองภาษาทางการของเขตเมืองหลวง ผู้พูดภาษาฝรั่งเศสกระจุกตัวอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นภาษาทางการของชุมชนฝรั่งเศส อีกหนึ่งภาษาทางการของเขตเมืองหลวง และภาษาหลักของเขตวัลลูน ภาษาเยอรมันมีผู้พูดอยู่ในเขตชายแดนตะวันออกของประเทศ เป็นภาษาทางการในบางส่วนของวัลลูน ภาษาอื่น ๆ ที่มีผู้พูดในเบลเยียมได้แก่ ภาษาวัลลูน ภาษาปีการ์ ภาษาช็องเปอนัว และภาษาลอแร็ง === ศาสนา === นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกกลายเป็นศาสนาหลักของเบลเยียมแต่ได้มีการผสมกับแนวความคิดเสรี เบลเยียมเป็นรัฐโลกวิสัยคือรัฐมีความเป็นกลางทางศาสนา ให้อิสรภาพและความเคารพในการนับถือศาสนา ราชวงศ์ของเบลเยียมนับถือนิกายคาทอลิกมาอย่างช้านาน จากการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2558 ประชาชน 60.7 เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาคริสต์ แบ่งเป็นนิกายโรมันคาทอลิก 52.9 เปอร์เซ็นต์ โปรเตสแตน์ 2.1 เปอร์เซ็นต์ และนิกายออร์โธด็อกซ์อีก 1.6 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นมีกลุ่มไม่นับถือศาสนาอีก 32 เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาอิสลาม 5.2 เปอร์เซ็นต์ และศาสนาอื่นๆอีก 2.1 เปอร์เซ็นต์ === สาธารณสุข === ชาวเบลเยียมมีสุขภาพที่ดี ผลสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2555 ระบุว่าชาวเบลเยียมมีอายุขัยเฉลี่ย 79.65 ปี โรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตในเบลเยียมได้แก่โรคทางเดินโลหิตและหัวใจ เนื้องอก ความผิดปกติทางระบบหายใจ และอุบัติเหตุกับการฆ่าตัวตาย ทั้งนี้ อัตราการฆ่าตัวตายของเบลเยียมนั้นสูงสุดในยุโรปตะวันตกและนับว่าสูงมากในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วด้วยกัน ระบบสาธารณสุขของเบลเยียมได้รับงบประมาณสนับสนุนจากระบบประกันสังคมและจากการเก็บภาษี ประชาชนมีหน้าที่จ่ายประกันสุขภาพ หน่วยงานของรัฐและเอกชนเป็นผู้ให้บริการสาธารณสุขร่วมกัน ประชาชนจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้าก่อนและจะขอเบิกเงินคืนได้ทีหลังจากประกันสุขภาพ ยกเว้นบริการบางหมวดเท่านั้น รัฐบาลเบลเยียมและสภาท้องถิ่นมีหน้าที่ให้คำแนะนำและสนับสนุนการเงินกับระบบสุขภาพ === การศึกษา === การศึกษาภาคบังคับของเบลเยียมอยู่ระหว่าง 6 ถึง 18 ปี องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจระบุว่าชาวเบลเยียมศึกษาต่อหลังระดับมัธยมศึกษาราว 42 เปอร์เซ็นต์นับเป็นตัวเลขที่สูง ประชากร 99 เปอร์เซ็นต์รู้หนังสือ นอกจากนี้ โครงการเพื่อการประเมินนักเรียนนานาชาติเผยว่า การศึกษาของเบลเยียมติดอันดับ 19 ของประเทศที่มีการศึกษาดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะในเขตฟลามส์ นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 การเมืองของเบลเยียมได้รับอิทธิพลจากแนวคิดเสรีและแนวคิดคาทอลิก ดังนั้น ระบบการศึกษาจึงมีการผสมระหว่างการศึกษาทางโลกและทางคริสต์ศาสนา ชุมชน มณฑล และเทศบาลเป็นผู้บริหารสถานศึกษาทางโลก ส่วนคริสตจักรเป็นผู้บริหารสถานศึกษาทางคริสต์โดยมีชุมชนให้คำแนะนำและให้งบสนับสนุนบ้าง === กีฬา === สโมสรและสมาพันธ์กีฬาของเบลเยียมตั้งแยกกันในแต่ละกลุ่มชุมชนภาษา ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเบลเยียม รองลงมาเป็นจักรยาน เทนนิส ว่ายน้ำ ยูโด และบาสเก็ตบอล เบลเยียมชนะเลิศรายการตูร์เดอฟร็องส์สูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากเจ้าภาพฝรั่งเศส มีนักกีฬาจักรยานที่มีชื่อเสียงหลายคน ได้แก่ ฟิลิป กิลเบิร์ต โตม โบเนิน และเอดดี เมิกซ์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาจักรยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ในด้านฟุตบอล เบลเยียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1972 และร่วมกับเนเธอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2000 ทีมฟุตบอลทีมชาติเบลเยียมทะยานขึ้นสู่เบอร์หนึ่งในอันดับโลกของฟีฟ่าครั้งแรกในปี พ.ศ. 2558 เบลเยียมผลิตนักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกถึงสองคน คือ กิม ไกลส์เติร์ส และฌุสตีน เอแน็ง == วัฒนธรรม == ชุมชนเบลเยียมมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นกลุ่มภาษา การพัฒนวัฒนธรรมร่วมกันยังคงมีอุปสรรคอยู่มาก สถานศึกษาเกือบทั้งหมดมักพูดภาษาฝรั่งเศสหรือภาษาดัตช์อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีสื่อร่วมกัน ไม่มีองค์กรวัฒนธรรมหรือวิทยาศาสตร์ใดที่ทั้งสองกลุ่มตั้งร่วมกัน === ศิลปะ === ฟลานเดอส์เป็นแหล่งกำเนิดของจิตรกรที่มีชื่อเสียงหลายยุคสมัย ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ 16 บริเวณยุโรปเหนือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา จิตรกรชาวเฟลมิชคนสำคัญของยุคนี้ประกอบไปด้วย ยัน ฟัน ไอก์, โรเคียร์ ฟัน เดอร์ไวเดิน และปีเตอร์ เบรอเคิล (ผู้พ่อ) ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ฟลานเดอส์มีจิตรกรที่มีชื่อเสียงมากของยุคคือ เปเตอร์ เปาล์ รือเบินส์ และอันโตนี ฟัน ไดก์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 เบลเยียมเกิดรูปแบบและสำนักแตกต่างกันมากมาย มีจิตรกรที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติเช่น เจมส์ เอนซอร์ และเรเน มากริตต์ นอกจากนี้ เบลเยียมยังมีสถาปนิกชื่อดังสองคน ซึ่งเป็นศิลปินอาร์ตนูโวคนแรก ๆ คือวิกตอร์ ฮอร์ตา และอ็องรี ฟัน เดอแฟ็ลเดอ เบลเยียมยังเป็นต้นกำเนิดของแซกโซโฟน ประดิษฐ์โดยอดอล์ฟ แซกซ์ ในปีพ.ศ. 2483 === ประเพณี === ตลอดปี เบลเยียมมีงานเทศกาลท้องถิ่นจำนวนมาก ขบวนยักษ์และมังกรในหลายเมืองของเบลเยียมได้รับการยอมรับในประกาศผลงานชิ้นเอกมุขปาฐะและมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (อังกฤษ:Masterpieces of the Oral and Intangible Heritage of Humanity) ของยูเนสโก ได้แก่ อัต, บรัสเซลส์, เดนเดอร์โมนเดอ, เมเคอเลิน และมงส์ งานเทศกาลที่สำคัญในเบลเยียมอีกอย่างหนึ่ง คือวันนักบุญนิโคลัส 6 ธันวาคม เรียกในภาษาดัตช์ว่าซินเตอร์กลาส (Sinterklaas) === อาหาร === ชาวเบลเยียมเป็นที่รู้กันดีว่าชื่นชอบวัฟเฟิลและมันฝรั่งทอดเฟรนช์ฟรายส์ ซึ่งมีการสันนิษฐานว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศนี้ อาหารสำคัญของประเทศอีกอย่างหนึ่งคือหอยแมลงภู่ เสิร์ฟร่วมกับมันฝรั่งทอด เบลเยียมมีชื่อเสียงในด้านการผลิตช็อกโกแลต โดยมียี่ห้อช็อกโกแลตหลายยี่ห้อที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เช่น โกไดวา, Neuheus และ Guylian นอกจากนี้ เบลเยียมยังเป็นประเทศที่นิยมเบียร์ มีเบียร์มากกว่า 1,100 ชนิด เอบีอินเบฟ เครือบริษัทผู้ผลิตเบียร์ยักษ์ใหญ่ที่มียอดจำหน่ายเบียร์สูงสุดในโลกมีสำนักงานอยู่ที่เมืองเลอเฟิน == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บทางการ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลกลางเบลเยียม เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของราชวงศ์เบลเยียม สำนักงานท่องเที่ยวเบลเยียม ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลประเทศเบลเยียมจากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย ข้อมูลประเทศเบลเยียมจากเวิลด์แฟกต์บุก ซีไอเอ สหรัฐอเมริกา ข้อมูลประเทศเบลเยียมจากสารานุกรมบริทานิกา ข้อมูลสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ บ รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2373 บ
thaiwikipedia
955
กลุ่มดาวสิ่ว
กลุ่มดาวสิ่ว เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งชื่อโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 กลุ่มดาว กลุ่มดาวสิ่ว
thaiwikipedia
956
เขตเวลา
เขตเวลา คือ พื้นที่บนผิวโลกที่ใช้เวลามาตรฐานเดียวกัน โดยปกติหมายถึง เวลาท้องถิ่น เราใช้เวลาสุริยคติท้องถิ่น (สังเกตจากดวงอาทิตย์ที่ปรากฏบนท้องฟ้า) ทำให้เวลาแต่ละเมืองที่ติดกันแตกต่างกันเล็กน้อย เมื่อมีการพัฒนาระบบโทรคมนาคม และการขยายตัวของการขนส่งทางรถไฟ ความแตกต่างเริ่มกลายเป็นปัญหาทีละน้อย เขตเวลามีส่วนช่วยแก้ปัญหาโดยกำหนดให้ตั้งนาฬิกาให้ตรงกันตามเวลาสุริยคติกลางของเขต โดยทั่วไปเขตเวลาจะตั้งอยู่บนเส้นเมริเดียนตามลองจิจูดต่าง ๆ ซึ่งจะมีช่วงห่างกัน 15° ส่งผลให้เขตเวลาที่อยู่ติดกันมีเวลาต่างกันอยู่ 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติไม่ได้แบ่งเขตตามเวลาที่ต่างกัน 1 ชั่วโมง จากรูปด้านล่างจะเห็นได้ว่าแต่ละเขตเวลามีรูปร่างไม่แน่นอน เป็นเพราะการคำนึงถึงแนวเขตรัฐ ประเทศ หรือเขตการปกครองอื่น ๆ ทุก ๆ เขตเวลามีความสัมพันธ์กับเวลาพิกัดสากล จุดอ้างอิงของเขตเวลาคือเส้นเมริเดียนแรก (ลองจิจูด 0°) ซึ่งพาดผ่าน Royal Greenwich Observatory ในกรีนิช (กรีนิช) กรุงลอนดอนแห่งสหราชอาณาจักร ด้วยเหตุนี้จึงมักพบการใช้คำว่า เวลามาตรฐานกรีนิช เพื่อแสดงเวลาพื้นฐานซึ่งมีความสัมพันธ์กับเขตเวลาต่าง ๆ อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ใช้ UTC เป็นหน่วยเวลาอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีความแตกต่างจากวิธีการดั้งเดิมของกรีนิชที่ใช้การอ้างอิงเวลาตามหลักดาราศาสตร์ ทั้งนี้เวลา GMT (UTC) จะเป็นเวลาประจำกรีนิชเฉพาะในช่วง 01:00 UTC ของวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม ถึงเวลา 01:00 UTC ของวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ส่วนในช่วงเวลาที่เหลือของปีเวลาของกรีนิชจะเป็น UTC+1 ซึ่งในประเทศอังกฤษจะเรียกเวลานี้ว่า (BST - British Summer Time) ตัวอย่างการแสดงเวลาท้องถิ่นโดยใช้เวลาพิกัดสากล ณ เวลา 11.00 UTC ไมแอมี, ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา: UTC - 5 ที่ไมแอมีจะเป็นเวลา 6.00 น. กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย: UTC + 7 ที่กรุงเทพมหานครจะเป็นเวลา 18.00 น. โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น: UTC + 9 ที่โตเกียวจะเป็นเวลา 20:00 น. == เขตเวลา(utc+7)18.00 น == พื้นที่ที่มีสัญลักษณ์ * หรือ ** กำกับ คือบริเวณที่ใช้เวลาออมแสง กล่าวคือในช่วงฤดูร้อนจะมีการปรับเวลาไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง (* ใช้กับบริเวณซีกโลกเหนือ ** ใช้กับบริเวณซีกโลกใต้) === UTC − 12 === เกาะเบเกอร์ (Baker Island) เกาะฮาวแลนด์ (Howland Island) เรือทะเลที่อยู่ทางตะวันออกของ 180° น้อยกว่า 7.5° === UTC − 11 === อเมริกันซามัว (American Samoa) หมู่เกาะมิดเวย์ (Midway Atoll) นีวเว (Niue) === UTC − 10 === หมู่เกาะคุก (Cook Islands) เฟรนช์พอลินีเชีย (French Polynesia) * กลุ่มเกาะโซไซตีรวมตาฮีตี * กลุ่มเกาะตูอาโมตู และ * หมู่เกาะตูบูไอ จอห์นสตันอะทอลล์ (Johnston Atoll) โตเกเลา (Tokelau) สหรัฐอเมริกา (HST—เวลามาตรฐานฮาวาย-อะลิวเชียน) * อะแลสกา ** หมู่เกาะอะลิวเชียน (ทางตะวันตกของเส้นลองจิจูดที่ 169° 30' ตะวันตก) * * ฮาวาย === UTC − 9:30 === เฟรนช์พอลินีเชีย * หมู่เกาะมาร์เควซัส (Marquesas Islands) === UTC − 9 === เฟรนช์พอลินีเชีย * หมู่เกาะกองบีเย สหรัฐอเมริกา (AKST—เวลามาตรฐานอะแลสกา) * อะแลสกา (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ) * === UTC − 8 === แคนาดา (Canada) (PST—เวลามาตรฐานแปซิฟิก) * บริติชโคลัมเบีย (พื้นที่ส่วนใหญ่ของมณฑล) *, * ยูคอน* เม็กซิโก (Mexico) * บาฮากาลิฟอร์เนีย* หมู่เกาะพิตแคร์น (Pitcairn Islands) สหรัฐอเมริกา (PST—เวลามาตรฐานแปซิฟิก) * แคลิฟอร์เนีย*, * ไอดาโฮ* ** ทางเหนือของแม่น้ำแซลมอน (Salmon River) ระหว่างพรมแดนกับรัฐออริกอน และพรมแดนระหว่างเทศมณฑลไอดาโอ และ เทศมณฑลเลมฮี (Idaho County/Lemhi County) และ ** ทางตะวันตกของพรมแดนระหว่างเทศมณฑลไอดาโอ และ เทศมณฑลเลมฮี (ระหว่างแม่น้ำแซลมอน และพรมแดนกับรัฐมอนทานา) * เนวาดา (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ) * * ออริกอน (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ, รวมถึงพื้นที่ทางใต้ 1/5 ของ เทศมณฑลแมลเฮียร์ [ Malheur County ]) *, * วอชิงตัน (Washington) * === UTC − 7 === แคนาดา (MST—Mountain Standard Time) * แอลเบอร์ตา*, * บริติชโคลัมเบีย ** ทางตะวันออกเฉียงเหนือ (ไม่มี DST) *** ส่วนใหญ่ของ ภูมิภาคพีซ ริเวอร์ (Peace River Regional District) ยกเว้น ฟอร์ตแวร์ (Fort Ware) บีตตัน ริเวอร์ (Beatton River) พิงก์ เมาน์เท่น (Pink Mountain) ซิคานนี ชีฟ (Sikanni Chief) บัคกิงฮอร์ส ริเวอร์ (Buckinghorse River) และ ทรัตช์ (Trutch) ** ตะวันออกเฉียงใต้* *** ภูมิภาคอีสต์ ตูเตเนย์ (Regional District of East Kootenay) *** ภูมิภาคเซนทรัล ตูเตเนย์ (Regional District of Central Kootenay) ทางตะวันออกของแม่น้ำคูเตเนย์ (Kootenay River) และส่วนทางตะวันออกของทะเลสาบคูเตเนย์ (Kootenay Lake) ที่อยู่ทางใต้ของริออนเดล (Riondel) รวมถึงริออนเดลด้วย (เครสตัน [Creston] ไม่มี DST) และ *** ภูมิภาคโคลัมเบีย-ชูสวาป (Columbia-Shuswap Regional District) ทางตะวันออกของเทือกเขาเซลเคิร์ก (Selkirk Mountains) * นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์*, * นูนาวุต* ** ทางตะวันตกของ 102° ตะวันตก และ ** ภูมิภาคคิติกเมออต (Kitikmeot Region) ทั้งหมด * ซัสแคตเชวัน ** ลอยด์มินสเตอร์ (Lloydminster) และพื้นที่รอบนอก* (ได้รับการยกเว้นจากการห้าม DST ตามกฎหมายในซัสแคตเชวัน) เม็กซิโก * บาฮากาลิฟอร์เนียซูร์*, * ชิวาวา*, * นายาริต (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ) * * ซินาโลอา*, * โซโนรา สหรัฐอเมริกา (MST—Mountain Standard Time) * แอริโซนา (ชาวนาวาโฮใช้ DST), * โคโลราโด*, * ไอดาโฮ* ** ทางใต้ของแม่น้ำแซลมอน (ระหว่างพรมแดนกับรัฐออริกอน และพรมแดนระหว่างเทศมณฑลไอดาโอ และ เทศมณฑลเลมฮี) และ ** ทางตะวันออกของพรมแดนระหว่างเทศมณฑลไอดาโอ และ เทศมณฑลเลมฮี (ระหว่างแม่น้ำแซลมอน และพรมแดนกับรัฐมอนทานา) * แคนซัส* ** เทศมณฑลกรีเลย์ ** เทศมณฑลแฮมิลตัน ** เทศมณฑลเชอร์แมน และ ** เทศมณฑลวอลเลซ * มอนแทนา*, * เนแบรสกา (ภาคตะวันตก) *, * เนวาดา* ** พื้นที่อินเดียนแดง ดัค แวลลีย์ (Duck Valley Indian Reservation) รวมถึงเมือง เมาน์เทน ซิตี และ โอวิฮี (Mountain City, Owyhee) ** เมืองแจ็กพ็อต (Jackpot) ** เมืองเวสต์ เวนโดเวอร์ (West Wendover), * นิวเม็กซิโก*, * นอร์ทดาโคตา (ภาคตะวันตกเฉียงใต้) *, * โอคลาโฮมา ** เคนตัน*, * ออริกอน ** รวมถึงพื้นที่ทางเหนือ 4/5 ของ เทศมณฑลแมลเฮียร์*, * เซาท์ดาโคตา (ภาคตะวันตก) *, * เท็กซัส (Texas) * ** เทศมณฑลเอลปาโซ ** เทศมณฑลฮัดสเปท และ ** เทศมณฑลคัลเบอร์สันทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ (พื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเขากัวดาลูป), * ยูทาห์ (Utah) *, * ไวโอมิง* === UTC − 6 === เบลีซ (Belize) แคนาดา (CST—Central Standard Time) * แมนิโทบา*, * นูนาวุต ** ระหว่างลองจิจูด 85° ตะวันตก และลองจิจูด 102° ตะวันตก (ยกเว้นทางตะวันออกของภูมิภาคคติตคเมออต และทางตะวันออกของเกาะเซาธ์แฮมป์ตัน) *, * ออนแทรีโอ* ** ออนแทรีโอทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทางตะวันตกของ 90° ตะวันตก (ยกเว้นพื้นที่ อาติโคคัน นิว ออสนาเบิร์ก พิคเกิล เลค ชาบันโดวัน และ อัปซาลา) และพื้นที่บิก เทราต์ เลค ทางตะวันออกของ 90° ตะวันตก, * ซัสแคตเชวัน (most of province), ยกเว้น ** Creighton and Denare Beach area, which does observe DST (unofficially, as Saskatchewan has a law prohibiting the use of DST) ** ลอยด์มินสเตอร์ and surrounding area, which observes Mountain Standard Time (UTC-7) with DST by special legal exemption ชิลี (Chile) * เกาะอีสเตอร์** คอสตาริกา (Chile) เอกวาดอร์ (Ecuador) * หมู่เกาะกาลาปากอส เอลซัลวาดอร์ (El Salvador) กัวเตมาลา (Guatemala) ฮอนดูรัส (Honduras) เม็กซิโก* * รัฐอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง รวมถึง * เฟเดอรัลดิสตริกต์ * นายาริต ** บางส่วนของนูเอโว บายาร์ตา (Nuevo Vallarta) นิการากัว (Nicaragua) สหรัฐอเมริกา (CST—Central Standard Time) * แอละแบมา*, * อาร์คันซอ*, * ฟลอริดา (Florida) ** west of the Apalachicola River, except for the portions of Franklin County and Gulf County south of the Intracoastal Waterway*, * อิลลินอย*, * อินดีแอนา* ** ตะวันตกเฉียงเหนือ *** เทศมณฑลแจสเปอร์ *** เทศมณฑลเลก *** เทศมณฑลลาพอร์ต *** เทศมณฑลนิวตัน และ *** เทศมณฑลพอร์เทอร์ ** ตะวันตกเฉียงใต้ *** เทศมณฑลกิบสัน *** เทศมณฑลโพเซย์ *** เทศมณฑลสเปนเซอร์ *** เทศมณฑลแวนเดอร์บะระ and *** เทศมณฑลวอร์ริก * ไอโอวา*, * แคนซัส*, * เคนทักกี (ทางตะวันตก) *, * ลุยเซียนา*, * มิชิแกน* ** เทศมณฑลดิกคินสัน ** เทศมณฑลโกเจบิก ** เทศมณฑลไอร์ออน และ ** เทศมณฑลเมโนมินี * มินนิโซตา*, * มิสซิสซิปปี*, * มิสซูรี*, * เนแบรสกา (ภาคกลางและตะวันออก) *, * นอร์ทดาโคตา (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ) *, * โอคลาโฮมา (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ) *, * เซาท์ดาโคตา (ตะวันออก) *, * เทนเนสซี* ** เทนเนสซีกลาง ** เทนเนสซีตะวันตก และ ** เทศมณฑลแมเรียน * เท็กซัส (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ) *, * วิสคอนซิน* === UTC − 5 === บาฮามาส* (Bahamas) บราซิล * อาครี, * อามาโซนัช (ทางตะวันตกเฉียงใต้) แคนาดา (EST—Eastern Standard Time) * นูนาวุต ** ทางตะวันออกของลองจิจูด 85° ตะวันตก* และ ** เกาะเซาแทมป์ตัน (no DST) * ออนแทรีโอ ** ทางตะวันออกของลองจิจูด 90° ตะวันตก (ยกเว้นบริเวณทะเลสาบบิ๊กเทราต์) *, plus ** Atikokan area (no DST), ** New Osnaburgh and Pickle Lake area (no DST), and ** Shebandowan and Upsala area* west of 90° West, * เกแบ็ก (ส่วนใหญ่) * หมู่เกาะเคย์แมน (Cayman Islands) โคลัมเบีย (Colombia) คิวบา (Cuba) * เอกวาดอร์ เฮติ (Haiti) จาเมกา (Jamaica) ปานามา (Panama) เปรู (Peru) หมู่เกาะเติร์กและหมู่เกาะเคคอส (Turks and Caicos Islands) * สหรัฐอเมริกา (EST—Eastern Standard Time) * คอนเนทิคัต*, * เดลาแวร์*, * ดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย*, * ฟลอริดา ** east of the Apalachicola River, plus the portions of Franklin County and Gulf County south of the Intracoastal Waterway, west of the Apalachicola River*, * จอร์เจีย*, * อินดีแอนา (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ), ยกเว้น ** เทศมณฑลคลาร์ก ** เทศมณฑลเดียร์บอร์น ** เทศมณฑลฟลอยด์ ** เทศมณฑลแฮร์ริสัน และ ** เทศมณฑลโอไฮโอ which do unofficially observe DST, * เคนทักกี (eastern) *, * เมน*, * แมริแลนด์*, * แมสซาชูเซตส์*, * มิชิแกน (พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐ) *, * นิวแฮมป์เชอร์*, * นิวเจอร์ซีย์*, * นิวยอร์ก (New York) *, * นอร์ทแคโรไลนา*, * โอไฮโอ (Ohio) *, * เพนซิลเวเนีย*, * โรดไอแลนด์*, * รัฐเซาท์แคโรไลนา*, * เทนเนสซี* ** เทนเนสซีตะวันออก ยกเว้นเทศมณฑลแมเรียน * เวอร์มอนต์*, *
thaiwikipedia
957
โดเมนระดับบนสุด
โดเมนระดับบนสุด (Top-level domain - TLD) คือส่วนท้ายของโดเมนเนมบนอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น โดเมนระดับบนสุดของ wikipedia.org คือ org (หรือ ORG) องค์การกำหนดหมายเลขอินเทอร์เน็ต (IANA) แบ่งโดเมนระดับบนสุดออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ โดเมนระดับบนสุดตามรหัสประเทศ (ccTLD) : ใช้โดยประเทศหรือเขตปกครอง ประกอบด้วยตัวอักษร 2 ตัว เช่น th สำหรับประเทศไทย โดเมนระดับบนสุดตามหมวด (gTLD) : ใช้ตามประเภทขององค์กร (อย่างน้อยในทางทฤษฎี) (เช่น com สำหรับองค์การทางธุรกิจ) มีตัวอักษรอย่างน้อย 3 ตัว สามารถใช้ได้ทั่วโลก แต่ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ gov และ mil ใช้ได้เฉพาะกับหน่วยงานด้านการปกครองและการทหารของสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ โดเมนระดับบนสุดตามตามโครงสร้างพื้นฐาน: มีเพียง arpa เท่านั้น == อ้างอิง == Top-Level Domains (gTLDs) จาก ICANN ตัวระบุ
thaiwikipedia
958
แอร์บัส เอ380
แอร์บัส เอ380 (Airbus A380) เป็นอากาศยานไอพ่นลำตัวกว้างสองชั้นขนาดใหญ่ ผลิตโดยแอร์บัสแอสอาแอส เป็นเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นเครื่องบินเจ็ทสองชั้นเต็มความยาวเพียงลำเดียว การศึกษาของแอร์บัสเริ่มต้นในปี 1988 และโครงการได้รับการประกาศในปี 1990 โดยเป็นคู่แข่งของโบอิง 747 ในตลาดการบินระยะไกล โครงการเอ3XX ที่กำหนดในขณะนั้นถูกนำเสนอในปี 1994; แอร์บัสเปิดตัวโครงการ เอ380 มูลค่า 9.5 พันล้านยูโร (10.7 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2000 เครื่องบินต้นแบบลำแรกเปิดตัวที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 2005 โดยทำการบินครั้งแรกในวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2005 แอร์บัส เอ380 ถูกส่งมอบครั้งแรกให้กับสิงคโปร์แอร์ไลน์เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2010 และเข้าประจำการเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม หลังจากลูกค้ารายใหญ่ที่สุดอย่างเอมิเรตส์ ลดคำสั่งซื้อสุดท้ายในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 แอร์บัสจะสิ้นสุดการผลิตแอร์บัส เอ380 ในปี 2020 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2021 เอมิเรตส์แอร์ไลน์ได้รับมอบเอ380 ลำที่ 123 ของสายการบิน ซึ่งเป็นลำที่ 251 และลำสุดท้ายที่ได้รับมอบจากแอร์บัส == การพัฒนา == === พื้นหลัง === แอร์บัสได้ประกาศโครงการแอร์บัส เอ3XX อย่างเป็นทางการในงานฟรานโบโรห์แอร์โชว์ ปี 1990 โดยมีเป้าหมายที่ระบุไว้คือต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่า 747-400 ถึง 15%  แอร์บัสจัดทีมนักออกแบบสี่ทีม หนึ่งทีมจากพันธมิตรแต่ละราย (แอโรสปาซียาล, บริติชแอโรสเปซ, ด็อยต์เชออาโรสเปซอาเจ, คาซ่า) เพื่อเสนอเทคโนโลยีใหม่สำหรับการออกแบบเครื่องบินในอนาคต การออกแบบถูกนำเสนอในปี พ.ศ. 2535 และมีการใช้การออกแบบที่มีการแข่งขันสูงที่สุด ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2536 โบอิ้งและบริษัทหลายแห่งในกลุ่มบริษัทแอร์บัสได้เริ่มการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันของการขนส่งเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่มาก (VLCT) โดยมีเป้าหมายเพื่อ ก่อตั้งหุ้นส่วนเพื่อแบ่งปันตลาดที่จำกัด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2543 คณะกรรมการกำกับดูแลของแอร์บัสที่ปรับโครงสร้างใหม่ได้ลงมติให้เปิดตัวโครงการมูลค่า 9.5 พันล้านยูโร (10.7 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสร้าง A3XX ซึ่งไดเปลี่ยนชื่อใหม่ใหม่เป็น A380 โดยมีคำสั่งซื้อของบริษัท 50 รายการจากลูกค้าที่เปิดตัวหกราย การกำหนดชื่อ A380 เป็นการแตกแยกจากตระกูลแอร์บัสรุ่นก่อนหน้า ซึ่งมีความก้าวหน้าตามลำดับจาก เอ300 เป็น เอ340 เครื่องบินลำนี้ถูกเลือกเพราะเลข 8 คล้ายกับหน้าตัดสองชั้น และเป็นเลขนำโชคในบางประเทศในเอเชียที่เครื่องบินลำนี้วางตลาดอยู่ === การผลิต === แอร์บัส เอ380 สร้างขึ้นจากหลายๆ ประเทศใน ยุโรปได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน และสหราชอาณาจักร จะทำการประกอบส่วนต่างๆ ของเครื่องบินในช่วงสุดท้าย การสร้างภายในลำตัว ดำเนินการ โดย DASA ที่ Hamburg ทั้ง Aerospatiale และ DASA สร้างส่วนต่างๆของโครงสร้างลำตัวด้วย, บริษัทบีเออี ซิสเต็มส์ สร้างส่วนของปีก, บริษัท CASA ของสเปน สร้างส่วนของแพนหาง, เครื่องยนต์ก็มีความก้าวหน้าในโครงการค้นคว้า บริษัท Rolls-Royce ก็ดำเนินการเองโดยลำพัง โดยพัฒนาจากเครื่องยนต์ตระกูล Trent สุดท้ายแล้วชิ้นส่วนทั้งหมดจะนำมาประกอบรวมกันที่ตูลูซ ประเทศฝรั่งเศส สิงคโปร์แอร์ไลน์เลือกเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนต์ 900 ส่วนบริษัทแพรตแอนด์วิตนีย์และบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริกได้ร่วมมือกันพัฒนาเครื่องยนต์ จากตระกูล GE90 และ PW4000 โดยให้ชื่อว่า GP7200 ซึ่งแผนการปัจจุบันจะมีใบพัด (fan blade) ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 110 นิ้ว มีอัตราส่วนของอากาศที่ผ่านเครื่องยนต์เท่ากับ 8:1 สำหรับใช้กับเครื่องบิน A380 ซึ่งมีแรงขับดันระหว่าง 67,000-80,000 ปอนด์ เพื่อใช้กับโครงการ A380 (B747X จะใช้เครื่องยนต์รุ่น GP 7100 ซึ่งใบพัดมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 101 นิ้ว อัตราส่วนของอากาศที่ผ่าน เครื่องยนต์เท่ากับ 7:1) ราคาของเครื่องบินลำนี้ประมาณ 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ === การทดสอบและเปิดตัว === ในปี ค.ศ. 2005 แอร์บัส เอ380 จำนวน 5 ลำถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการทดสอบและสาธิต เอ380 ลำแรก (ทะเบียน F-WWOW) ได้เปิดตัวในตูลูส 18 มกราคม ค.ศ. 2005 โดยบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 เมษายน เครื่องบินลำนี้ติดตั้งเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนต์ 900 บินจากท่าอากาศยานตูลูซ บลานัค พร้อมลูกเรือ 6 คน นำโดย Jacques Rosay หัวหน้านักบินทดสอบ === การส่งมอบ === การกำหนดการเดิมนั้น สิงคโปร์แอร์ไลน์จะได้รับเครื่องบินแอร์บัส เอ380 เครื่องแรก ในช่วงปลายปีค.ศ. 2006 ควอนตัสจะได้รับในช่วงต้นปีค.ศ. 2007 และเอมิเรตส์จะได้รับก่อนปีค.ศ. 2008 แต่เนื่องจากไม่สามารถผลิตได้ทันตามกำหนดการ ทำให้แอร์บัสต้องเลื่อนวันส่งมอบออกไป จนในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2006 แอร์บัสก็ประกาศเลื่อนการส่งมอบเป็นครั้งที่ 3 ทำให้คาดว่าจะสามารถส่งมองเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ให้กับสิงคโปร์แอร์ไลน์ ในช่วงเดือนตุลาคม ค.ศ. 2007 และจะเพิ่มอัตราการผลิตให้ได้ 13 ลำในปีค.ศ. 2008, 25 ลำ ในปีค.ศ. 2009 และเต็มอัตราการผลิตที่ 45 ลำ ตั้งแต่ปีค.ศ. 2010 เป็นต้นไป ส่วนเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นลูกค้าใหญ่ที่สุดของ เอ380 จะได้รับเครื่องบินลำแรกในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 และผลจากการล่าช้าทำให้หลายสายการบินยกเลิกคำสั่งซื้อ และหันไปเลือกคู่แข่งโบอิง 747-8 สำหรับเครื่องบินโดยสาร และโบอิง 777F สำหรับเครื่องบินขนส่งสินค้า สำหรับเครื่องบินลำแรกที่จะส่งมอบให้สิงคโปร์แอร์ไลน์นั้นได้ลงสีเป็นลายเครื่องของสิงคโปร์แอร์ไลน์เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2007 เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเมืองตูลูซ แอร์บัสได้ส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ลำแรก ให้กับสิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งจะเริ่มให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์เที่ยวแรกในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2550 เส้นทาง สิงคโปร์-ซิดนีย์ === การยุติการผลิตแอร์บัส เอ380 === ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 แอร์บัสประกาศว่าจะยุติการผลิตเครื่องบิน เอ380 ภายในปี ค.ศ. 2020 หลังจากที่สายการบินเอมิเรตส์ซึ่งเป็นลูกค้าหลักตกลงที่จะยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 39 ลำ โดยแทนที่ด้วยเครื่องบิน เอ330-900 จำนวน 40 ลำ และ เอ350-900 จำนวน 30 ลำ ในช่วงเวลาของการประกาศ แอร์บัสมี เอ380 อีก 17 ลำในสมุดคำสั่งซื้อที่ต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนปิดสายการผลิต – 14 ลำสำหรับสายการบินเอมิเรตส์ และ 3 ลำสำหรับสายการบินออลนิปปอนแอร์เวย์ – รวมจำนวนการส่งมอบเครื่องบินประเภทนี้ที่คาดไว้ทั้งหมดเป็น 251 ลำ แอร์บัสต้องการกำไรมากกว่า 90 ล้านดอลลาร์จากการขายเครื่องบินแต่ละลำเพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนการพัฒนาโครงการโดยประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ป้ายราคา 445 ล้านดอลลาร์ของเครื่องบินแต่ละลำไม่เพียงพอแม้แต่จะครอบคลุมต้นทุนการผลิต ดังนั้นการที่แอร์บัสสูญเสียเงินไปกับเอ380 แต่ละลำ และด้วยคำสั่งซื้อที่ลดลง เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 2020 แอร์บัสได้เสร็จสิ้นการประกอบลำตัวเครื่องบิน เอ380 ลำสุดท้าย เครื่องบินเก้าลำยังคงต้องส่งมอบ (แปดลำสำหรับเอมิเรตส์ หนึ่งลำสำหรับออลนิปปอนแอร์เวย์) และการดำเนินการผลิตยังคงดำเนินต่อไปเพื่อให้เครื่องบินเหล่านั้นเสร็จสิ้น เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2021 เครื่องบินแอร์บัส A380 ลำสุดท้าย (หมายเลขประจำเครื่องการผลิต 272) ทำการบินเที่ยวแรกจากตูลูสไปยังฮัมบูร์กเพื่อทำการตกแต่งห้องโดยสาร ก่อนส่งมอบให้กับสายการบินเอมิเรตส์ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2021 == การบินทดสอบ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ == วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2006 เครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ลำทดสอบหมายเลข F-WXXL เที่ยวบินที่ AIB 002 มีกำหนดมาบินทดสอบที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก ลงจอดเวลาประมาณ 13:00 น. และเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 7 ธันวาคม เวลาประมาณ 12:00 น วันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2007 เครื่องบินแอร์บัส เอ380 เที่ยวบินพิเศษ AIB-701 เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ พร้อมด้วยสื่อมวลชนและแขกรับเชิญเพื่อสาธิตการบินในทวีปเอเชียและประเทศไทย ในขณะใช้รถลากจูงออกจากอาคารจอดเครื่องบิน ปลายปีกของเครื่องบินได้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวกับประตูโรงจอดเสียหายเล็กน้อย บริเวณใบส่งตัวรับลมปลายปีก หรือ วิงเล็ต วิศวกรตรวจสอบแล้วเห็นว่าอาจทำให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงขึ้น แต่ไม่มีผลต่อความปลอดภัยระหว่างการบิน จึงถอดชิ้นส่วนนั้นออก และทำการบินไปจังหวัดเชียงใหม่ตามปกติ == ลักษณะ == === ภาพรวม === แอร์บัสผลิตเครื่องบินแอร์บัส เอ380 เพียงหนึ่งรุ่นเท่านั้น คือ แอร์บัส เอ380-800 โดยสามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุด 555 ที่นั่งในสามชั้นโดยสาร หรือ 853 ที่นั่ง (538 ที่นั่งในห้องโดยสารชั้นล่าง และ 315 ที่นั่งในห้องโดยสารชั้นบน) ในรูปแบบชั้นประหยัดแบบชั้นเดียว จากนั้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2007 แอร์บัสได้เริ่มทำการตลาดเครื่องบินที่มีผู้โดยสารน้อยลง 30 คน (รวม 525 คนใน 3 ชั้นโดยสาร) โดยแลกกับพิสัยการบินที่มากขึ้น 200 ไมล์ทะเล (370 กม.) เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มของที่พักระดับพรีเมียมได้ดียิ่งขึ้น พิสัยการบินสำหรับรุ่น เอ380−800 คือ 8,500 ไมล์ทะเล (15,700 กม.) สามารถบินจากฮ่องกงไปนิวยอร์กหรือจากซิดนีย์ไปอิสตันบูลโดยไม่แวะพัก แอร์บัส เอ380 ได้รับการออกแบบสำหรับการบิน 19,000 รอบ === ระบบไฮดรอลิก === ระบบไฮดรอลิกของ A380 จะใช้ระบบที่มีแรงดัน 5000 psi. (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) แทนการใช้ระบบ 3000 psi. (ปัจจุบัน เครื่องบินพาณิชย์ใช้อยู่คือ 3000 psi.) เพื่อใช้ในการควบคุมส่วนของโครงสร้างที่ใช้บังคับการบิน และทำให้อุปกรณ์ไฮดรอลิกที่ใช้เล็กลง ( แรง = แรงดัน x พื้นที่) และ สามารถลดน้ำหนักของเครื่องบินได้ประมาณถึงตัน แอร์บัสได้ประกาศ บริษัทที่ได้รับคัดเลือกให้ ผลิตอุปกรณ์บางชนิดเพื่อมาใช้กับเครื่อง A380 ดังนี้: * บริษัท Parker Hannifin Corp.แผนก Electronic Systems Division ได้รับคัดเลือกให้ผลิตระบบเครื่องวัด และระบบบริหารการใช้เชื้อเพลิง * บริษัท TRW / Thales ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมกัน พัฒนาระบบไฟฟ้าแบบความถี่ไม่คงที่ * บริษัท Goodrich Corp. ได้รับการคัดเลือก ให้ผลิตระบบการออกฉุกเฉิน (evacuation systems) และระบบล้อประธาน (main landing gear) สำหรับ A380 * บริษัท Rolls-Royce ได้รับให้ผลิตระบบการจ่ายเชื้อเพลิงเข้าเครื่องยนต์ Trent 900 ของตัวเอง == รุ่นเสนอ == === เอ380-700 === หลังจากการเปิดตัวแอร์บัส เอ380 แอร์บัสต้องการมุ่งเน้นไปที่การขยายตลาดกับเครื่องบินนี้ จึงทำให้เกิดการพัฒนารุ่น เอ380-700 หรือเดิมชื่อ เอ3XX-50R เป็นเครื่องบินรุ่นมาตรฐานที่มีขนาดเล็กกว่ารุ่น เอ380-800 มีความยาว 67.9 เมตร สั้นกว่า -800 เล็กน้อย ด้วยจำนวนผู้โดยสารสูงสุด 481 คนและมีพิสัยการบินประมาณ 16,200 กิโลเมตร เนื่องจากขนาดมีความใกล้เคียงกับ เอ380-800 และ โบอิง 747 ทำไม่มีสายการบินใดสนใจที่จะซื้อรุ่นดังกล่าวเนื่องจากเป็นรุ่นเดียวกัน === เอ380F === แอร์บัสได้เสนอเครื่องบินบรรทุกสินค้ารุ่นหนึ่งในชื่อ แอร์บัส เอ380F ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2005 เป็นอย่างน้อย โดยสามารถขนส่งน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 150 ตัน (330,000 ปอนด์) ในระยะ 5,600 nmi (10,400 กิโลเมตร) มันน่าจะมีน้ำหนักบรรทุกและระยะบินที่ดีกว่าโบอิ้ง 747-8F ถึง 7% แต่ค่าเดินทางก็สูงกว่าเช่นกัน การผลิตถูกระงับจนกว่าสายการผลิตของ เอ380 จะเรียบร้อย โดยไม่มีกำหนดวันวางจำหน่ายที่แน่นอน เอ380F ปรากฏบนเว็บไซต์ของแอร์บัสจนถึงอย่างน้อยเดือนมกราคม ค.ศ. 2013 แต่ไม่ได้อีกต่อไปในเดือนเมษายน สิทธิบัตรสำหรับรุ่น "คอมบิ" คือ ใช้สำหรับ. รุ่นนี้จะมอบความยืดหยุ่นในการบรรทุกทั้งผู้โดยสารและสินค้า พร้อมกับสามารถกำหนดค่าใหม่ได้อย่างรวดเร็วเพื่อขยายหรือหดพื้นที่บรรทุกสินค้าและพื้นที่ผู้โดยสารตามความจำเป็นสำหรับเที่ยวบินที่กำหนด === เอ380-900 === ในการเปิดตัวในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2000 เครื่องบิน เอ380-200 ขนาด 656 ที่นั่งได้รับการเสนอเป็นอนุพันธ์ของเครื่องบินพื้นฐานขนาด 555 ที่นั่ง ซึ่งเรียกว่า A380 Stretch ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2007 จอห์น ลีฮี ผู้บริหารฝ่ายขายสูงสุดและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแอร์บัสได้ยืนยันแผนสำหรับเครื่องบินรุ่นอื่นที่ขยายใหญ่ขึ้น นั่นคือรุ่น เอ380-900 ซึ่งมีพื้นที่ที่นั่งมากกว่ารุ่น เอ380-800 เครื่องบินเอ380-900 จะมีความจุที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร 650 คนในการกำหนดค่ามาตรฐานและสำหรับผู้โดยสารประมาณ 900 คนในการกำหนดค่าแบบประหยัดเท่านั้น สายการบินที่แสดงความสนใจใน A380-900 ได้แก่ เอมิเรตส์, เวอร์จิน แอตแลนติก, คาเธ่ย์แปซิฟิค, แอร์ฟรานซ์, เคแอลเอ็ม, ลุฟท์ฮันซ่า, คิงฟิชเชอร์แอร์ไลน์, และบริษัทให้เช่า ILFC ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 แอร์บัสประกาศว่าการพัฒนาเอ380-900 จะถูกเลื่อนออกไปจนกว่าการผลิตเอ380-800 จะเสถียร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2015 จอห์น ลีฮี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการสำหรับลูกค้าของแอร์บัส ระบุว่า แอร์บัสกำลังพิจารณาโปรแกรม เอ380-900 อีกครั้ง แนวคิดใหม่ล่าสุดของแอร์บัสจะเป็นแบบขยายจากเอ380-800 ซึ่งมีที่นั่งเพิ่มขึ้นอีก 50 ที่นั่ง ไม่ใช่ 100 ที่นั่งตามที่วาดไว้ในตอนแรก รุ่นยืดนี้จะเชื่อมโยงกับศักยภาพการปรับเครื่องยนต์ของเอ380-800 จากข้อมูลของไฟลท์โกลบอล เอ380-900 จะใช้ประโยชน์จากปีกที่มีอยู่ของ A380 ได้ดีขึ้น === เอ380นีโอ === เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2015 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าแอร์บัสกำลังหารือเกี่ยวกับรุ่น เอ380 ที่ปรับปรุงและขยายกับลูกค้าอย่างน้อยหกราย ในชื่อ แอร์บัส เอ380นีโอ โดยมีเครื่องยนต์ใหม่และสามารถรองรับผู้โดยสารได้อีกห้าสิบคน การส่งมอบให้กับลูกค้ามีการวางแผนในช่วงปี 2020 หรือ 2021 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 Fabrice Brégier ซีอีโอของแอร์บัสกล่าวว่าบริษัทจะสร้างเครื่องบิน เอ380 รุ่นใหม่ที่มีปีกที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และเครื่องยนต์ใหม่ การเก็งกำไรเกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า เอ380นีโอ ("นีโอ" สำหรับ "ตัวเลือกเครื่องยนต์ใหม่") เกิดขึ้นไม่กี่เดือนหลังจากการแถลงข่าวก่อนหน้านี้ในปี 2014 และในปี 2015 บริษัทกำลังพิจารณาว่าจะยุติการผลิตหรือไม่ ของประเภทก่อนปี 2018 หรือพัฒนา เอ380 รุ่นใหม่ ภายหลังมีการเปิดเผยว่าแอร์บัสกำลังมองหาทั้งความเป็นไปได้ของเครื่องบิน A380 ที่ยาวขึ้นในสายเดียวกับเครื่องบิน A380-900 ที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ และรุ่นเครื่องยนต์ใหม่ เช่น เอ380นีโอ Brégier ยังเปิดเผยด้วยว่ารุ่นใหม่จะพร้อมเข้าประจำการภายในปี 2020 เครื่องยนต์น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกใหม่ทั้งหมดจาก Rolls-Royce ตั้งแต่รุ่น XWB-84/97 ของ เอ350 ไปจนถึงโครงการ Advance ในอนาคตที่จะเปิดตัวในราวปี 2020 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 2016 ทิม คลาร์ก ประธานสายการบินเอมิเรตส์กล่าวว่าการเจรจาระหว่างสายการบินเอมิเรตส์และแอร์บัสเกี่ยวกับเครื่องบิน A380neo ได้ "ยุติลง" แล้ว เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 2017 Fabrice Brégier ยืนยันว่าแอร์บัสจะไม่เปิดตัวเครื่องบิน เอ380นีโอ โดยระบุว่า "...ไม่มีกรณีทางธุรกิจที่จะทำเช่นนั้น สิ่งนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง" อย่างไรก็ตาม Brégier ระบุว่าจะไม่หยุดยั้งแอร์บัสจากการมองหาสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องบิน หนึ่งในข้อเสนอดังกล่าวคือการขยายปีกนก 32 ฟุต (9.8 ม.) เพื่อลดการลากและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง 4% แม้ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในเครื่องบินที่มี Sharklets ใหม่เช่น A380พลัส ทิม คลาร์กระบุว่า การปรับเครื่องยนต์ใหม่จะเสนอการลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง 12-14% ด้วย Trent XWB ที่ปรับปรุงแล้ว === เอ380พลัส === ที่งานปารีสแอร์โชว์ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2017 แอร์บัสได้เสนอรุ่นปรับปรุงในชื่อ แอร์บัส เอ380พลัส โดยมีค่าใช้จ่ายต่อที่นั่งลดลง 13%, ปลายปีกแบบแยกส่วน (scimitar winglets), การปรับแต่งส่วนปีกทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ 4%, และระยะเวลาการบำรุงรักษาเครื่องบิน น้ำหนักขึ้นบินสูงสุดของ เอ380พลัส จะเพิ่มขึ้น 3 ตัน (6,600 ปอนด์) จากเดิม เป็น 578 ตัน (1,274,000 ปอนด์) ทำให้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากขึ้นในพิสัยการบิน 8,200 ไมล์ทะเล (15,200 กม.) เท่าเดิม หรือเพิ่มพิสัยขึ้นอีก 300 ไมล์ะเล (560 กม.) เค้าโครงห้องโดยสารที่ปรับให้เหมาะสมตาม 'เคบินเอนาเบิลเลอร์' ที่นำเสนอในงานแอร์คราฟท์อินทีเรียเอ็กซ์โป (AIX) ทำให้เพิ่มที่นั่งได้สูงสุดอีก 80 ที่นั่งจากรุ่นเดิม โดยไม่กระทบกับความสะดวกสบาย ในการที่จะเพิ่มที่นั่ง แอร์บัสต้องออกแบบห้องโดยสารใหม่ โดยจะมีบันไดที่ออกแบบใหม่, ห้องพักลูกเรือรวม, ที่เก็บสัมภาระออก, และยังมีการกำหนดค่าที่นั่งแบบชิดติดกันในที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียมและแบบ 11 ที่นั่ง/แถวในชั้นประหยัด แบบจำลองปลายปีกนี้มีความสูง 4.7 เมตร (15 ฟุต 5 นิ้ว) โดยถูกจัดแสดงบนเครื่องบินทดสอบ MSN04 ที่เลอ บูร์เกต์ ระบบความบันเทิงบนเครื่องบิน ระบบการจัดการการบิน และหัวปั๊มเชื้อเพลิงจะใช้แบบเดียวกันกับบนแอร์บัส เอ350 เพื่อลดน้ำหนักและปรับปรุงความน่าเชื่อถือและการประหยัดเชื้อเพลิง เอ380พลัสจำเป็นต้องมีเข้ารับการตรวจสอบหลังจากที่การบิน 1,000 ชั่วโมงแทนที่จะเป็น 750 ชั่วโมงของรุ่นเดิม และการหยุดทำงานของการตรวจสอบอย่างหนักจะลดลงเพื่อให้เครื่องบินบินได้นานขึ้นหกวันต่อปี == การให้บริการ == === ผู้ให้บริการปัจจุบัน === ณ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2023 มีเครื่องบินแอร์บัส เอ380 ทั้งหมด 184 ลำในประจำการกับ 9 สายการบิน สิงคโปร์แอร์ไลน์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 25 ตุลาคม 2007 เอมิเรตส์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2008 เป็นผู้ให้บริการเอ380 รายใหญ่ที่สุดในโลก และมี A6-EVS แอร์บัส เอ380 ลำสุดท้ายประจำการอยู่ในฝูงบิน ควอนตัส: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2008 ลุฟท์ฮันซ่า: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 6 มิถุนายน ค.ศ. 2010 ปลดประจำการครั้งแรกในเดือนกันยายน ค.ศ. 2021 จากการระบาดทั่วของโควิด 19 ก่อนที่จะนำกลับมาให้บริการในฤดูร้อน ค.ศ. 2023 ถึง ค.ศ. 2024 บริติชแอร์เวย์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 2 สิงหาคม ค.ศ. 2013. โคเรียนแอร์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2011 หมายเหตุ: มีแผนปลดประจำการเครื่องบินรุ่นนี้ภายในปี 2026 หลังจากผนวกกิจการกับเอเชียนาแอร์ไลน์ เอเชียนาแอร์ไลน์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 13 มิถุนายน ค.ศ. 2014 หมายเหตุ: มีแผนผนวกกิจการกับโคเรียนแอร์, เอ380 ทุกลำจะปลดประจำการภายในปี 2026 กาตาร์แอร์เวย์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2014 สายการบินเอทิฮัด: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ฝูงบินทั้งหมดถูกพักการให้บริการเครื่องบินรุ่นนี้อย่างถาวรตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2021 ก่อนที่จะนำกลับมาให้บริการในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2023 ในเส้นทางอาบูดาบี - ลอนดอนฮีทโธรว์ ออล นิปปอน แอร์เวย์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 24 พฤษภาคม 2019 === ผู้ให้บริการในอดีต === แอร์ฟรานซ์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 ปลดประจำการฝูงบินเอ380 ทั้งหมดในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 จากการระบาดทั่วของโควิด 19 ไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ปลดประจำการฝูงบินแอร์บัส เอ380 ทั้งหมดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2022 มาเลเซียแอร์ไลน์: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 สายการบินได้ขายฝูงบินแอร์บัส เอ380 ทั้งหมดคืนให้กับแอร์บัส การบินไทย: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ปลดประจำการฝูงบินแอร์บัส เอ380 ทั้งหมดในปี 2021 จากการระบาดทั่วของโควิด 19 ไฮฟลาย มอลตา: เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2018 ปลดประจำการฝูงบินแอร์บัส เอ380 ทั้งหมดในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 จากการระบาดทั่วของโควิด 19 === ผู้ให้บริการในอนาคต === โกลบอลแอร์ไลน์: มีแผนการใช้งานแอร์บัส เอ380 จำนวนสี่ลำในการทำเที่ยวบินจากลอนดอนไปยังนครนิวยอร์กและลอสแอนเจลิสในปี 2024 === การให้บริการเอ380 ของการบินไทย === เอ380-800 ลำแรกของการบินไทย บินถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงเช้าวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเที่ยวบินพิเศษ ทีจี8936 บินตรงจากเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยมีกัปตันทศพล ภูริวัฒนะ และกัปตันชวาล รัตนวราหะ ปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 พร้อมด้วยนักบินกรพรหม แสงอร่าม และนักบินวิรัช เทพารักษ์ ปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 2 เครื่องบินลำนี้ได้รับนามพระราชทานว่า ศรีรัตนะ เครื่องบินเอ380 ได้รับการออกแบบภายในบางส่วนจาก บริษัท โซดิแอค แอโรสเปซ (Zodiac Aerospace) โดยมีวิศวกรไทย นายธนิก นิธิพันธวงศ์ เป็นผู้รับผิดชอบการออกแบบ ส่วนประกอบภายในดังกล่าวคือช่วงของบันได (Cabin Stairs) ทางขึ้น-ลงระหว่างชั้นผู้โดยสาร เน้นการออกแบบที่หรูหรา อลังการให้เหมาะสมกับตัวเครื่อง ควบคู่กันไปกับความแข็งแกร่งมั่นคง สามารถรองรับจำนวนการใช้งานและปริมาณของผู้โดยสารตามขนาดของเครื่องบิน โดยการบินไทยได้ปลดประจำการแอร์บัส เอ380 ออกจากฝูงบิน พร้อมกับแอร์บัส เอ340 และโบอิง 747-400 จากการระบาดทั่วของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2566 ได้มีการประกาศการนำเอ 380 กลับมาใช้บริการ แต่ต่อมาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 การบินไทยได้ประกาศขายเครื่องบินเอ 380 ทั้งหกลำ โดยจะทำการประมูลในเดือนกันยายนของปีเดียวกัน ===เส้นทางที่สำคัญ=== เส้นทางที่มีระยะทางสั้นที่สุดที่ใช้เครื่องรุ่น เอ380 ทำการบินคือจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคูเวต ซึ่งมีระยะทางเพียง 861 ก.ม. หรือ 535 ไมล์ ของสายการบินเอมิเรตส์ แต่แอร์ฟรานซ์เคยทำการบินที่สั้นกว่ามาก โดยใช้บินจากท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกลไปยังท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ซึ่งมีระยะทางเพียง 344 ก.ม. หรือ 214 ไมล์ ในช่วงปีค.ศ. 2010 ส่วนเส้นทางที่มีระยะทางยาวที่สุดได้แก่เที่ยวบินจากจากท่าอากาศยานนานาชาติซิดนีย์ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติดัลลาส-ฟอร์ตเวิร์ธ ของควอนตัส ซึ่งมีระยะทางถึง 13,804 กม. หรือ 8,677 ไมล์ === คำสั่งซื้อและการส่งมอบ === == อุบัติเหตุและอุบัติการณ์สำคัญ == 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010: ควอนตัส เที่ยวบินที่ 32 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานชางงีสิงคโปร์ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ดสมิธ ขณะที่เครื่องบินกำลังไต่ระดับ เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนต์ 900 ตัวที่สองเกิดเพลิงลุกไหม้จนเสียหาย ทำให้ต้องกลับมาลงจอดฉุกเฉินที่สิงคโปร์ ซึ่งลงจอดได้สำเร็จโดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต สาเหตุคาดว่าเกิดจากน้ำมันรั่วไหลจากท่าอส่งน้ำมันที่เสียหาย แอร์บัส เอ380 ทุกลำที่ใช้เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ต้องหยุดพักการบิน จนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข 11 เมษายน ค.ศ. 2011:แอร์บัส เอ380 ของแอร์ฟรานซ์ซึ่งบรรทุกผู้โดยสาร 495 คนชนกับเครื่องบินบอมบาร์ดิเอร์ ซีอาร์เจ-700 ของคอมแอร์ (ดำเนินการให้เดลต้าคอนเนคชั่น) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดีในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต 30 กันยายน ค.ศ. 2017: แอร์ฟรานซ์ เที่ยวบินที่ 66 เครื่องยนต์Engine Alliance GP7270 ประสบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องขณะทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส เครื่องบินได้ลงจอดฉุกเฉินที่ฐานทัพอากาศซีเอฟบี กูซเบย์ ประเทศแคนาดาอย่างปลอดภัย == ข้อมูลจำเพาะ == ข้อมูลจากแอร์บัส == เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน == === รุ่นที่ใกล้เคียงกัน === แอร์บัส เอ340-600 === เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน === โบอิง 747-400 โบอิง 747-8 โบอิง เอ็นแอลเอ (แบบเสนอ) แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-12 (แบบเสนอ) ซุคฮอย เคอาร์-860 (แบบเสนอ) == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == English (ภาษาอังกฤษ) * Photo Gallery of the A380 adventure * RTÉ News report on the A380 reveal (REAL video) * Airbus A380 Specifications * Airliners.net - Airbus A380 * Aircraft-Info.net - Airbus A380 * Airbus and WTO * Airbus A-380 Gallery * A380 Pictures on Airliners.net * Airbus A380 Photos * How the Airbus A380 Works อแร์บัส อแร์บัส
thaiwikipedia
959
บอลข่าน
คาบสมุทรบอลข่าน (Balkans) เป็นชื่อทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ หมายถึงดินแดนทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป มีพื้นที่ประมาณ 550,000 ตร.กม. และมีประชากรรวมกันราว 53 ล้านคน ชื่อนี้มาจากชื่อของเทือกเขาบอลข่านที่พาดผ่านใจกลางประเทศบัลแกเรียไปยังด้านตะวันออกของสาธารณรัฐเซอร์เบีย == ประเทศในดินแดนปัจจุบัน == ในปัจจุบัน ประเทศเหล่านี้ตั้งอยู่ในคาบสมุทรบอลข่าน เซอร์เบีย มอนเตเนโกร คอซอวอ (เฉพาะฝั่งยุโรป) == เขตเวลา == เขตเวลาในคาบสมุทรบอลข่านมีการกำหนดดังต่อไปนี้ พื้นที่ที่อยู่ในเขตเวลา 00: คอซอวอ, โครเอเชีย, เซอร์เบีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, มอนเตเนโกร, มาซิโดเนียเหนือ, สโลวีเนีย และแอลเบเนีย พื้นที่ที่อยู่ในเขตเวลา 00: กรีซ, บัลแกเรีย และโรมาเนีย พื้นที่ที่อยู่ในเขตเวลา 00: ตุรกี == อ้างอิง == Banac, Ivo (1984). The National Question in Yugoslavia: Origins, History, Politics. Ithaca, N.Y.: Cornell University Press. ISBN 978-0-8014-9493-2. บ ภูมิศาสตร์ยุโรป ภูมิภาคในทวีปยุโรป
thaiwikipedia
960
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) เป็นทะเลระหว่างทวีป คั่นกลางทวีปยุโรปและดินแดนอานาโตเลียที่อยู่ทางเหนือ ทวีปแอฟริกาที่อยู่ทางใต้ และทวีปเอเชียที่อยู่ทางตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.5 ล้านตารางกิโลเมตร (คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของพื้นผิวน้ำทะเลทั้งหมดในโลก) และมีส่วนที่เชื่อมต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติกผ่านทางช่องแคบยิบรัลตาร์ คำในภาษาอังกฤษ Mediterranean มาจากภาษาละติน mediterraneus หมายถึง 'ภายในแผ่นดิน' (medius 'กลาง' terra 'แผ่นดิน, โลก') ในภาษากรีกใช้ว่า "mesogeios" – จากคำกรีก μέσος (mésos) แปลว่า "ในท่ามกลาง", และ γήινος (gḗinos) แปลว่า "แห่งแผ่นดิน" – ซึ่งแสดงถึงลักษณะทะเลที่มีแผ่นดินล้อมรอบ ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาแล้ว ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถูกตัดออกจากมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อ 5.9 ล้านปีก่อน และอยู่ในภาวะระเหยแห้ง (dessicated) โดนสิ้นเชิงเป็นช่วงเวลานานราว 6 แสนปี หรือที่เรียกว่า วิกฤติระดับเกลือยุคเมสซิเนียน (Messinian Salinity Crisis) ก่อนที่จะถูกน้ำท่วมใหญ่เพิ่มระดับน้ำให้เต็มอีกครั้งในยุคซานคลีอัน ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีความลึกเฉลี่ย 1,500 ม. (4,900 ฟุต) และจุดลึกสุดที่บันทึกไว้ คือ 5,267 ม. (17,280 ฟุต) ในร่องลึกคาลิปโซ (Calypso Deep) ในทะเลไอโอเนียน ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถูกล้อมรอบด้วยชายฝั่งของทวีปยุโรปใต้ ชายฝั่งของเอเชียไมเนอร์ และชายฝั่งแอฟริกาเหนือ ตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 30 °และ 46 ° N และลองจิจูด 6 ° W และ 36 ° E มีความยาวตามทิศตะวันตก - ตะวันออก เมื่อวัดจากช่องแคบยิบรอลตาร์ไปจนถึงอ่าว Iskenderun บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี อยู่ที่ประมาณ 4,000 กิโลเมตร ( 2,500 ไมล์) มีความยาวตามทิศเหนือ - ใต้โดยเฉลี่ยของทะเล วัดจากชายฝั่งทางใต้ของโครเอเชีย ถึงลิเบียประมาณ 800 กม. (500 ไมล์) ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเส้นทางที่สำคัญสำหรับพ่อค้าและนักเดินทางในสมัยโบราณ มันช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างผู้คนในภูมิภาค ประวัติศาสตร์ของภูมิภาคในเมดิเตอร์เรเนียนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าใจต้นกำเนิดและการพัฒนาของอารยธรรมสมัยใหม่หลายแห่ง == สมุทรศาสตร์ == การเป็นทะเลที่เกือบจะไม่มีทางออกสู่มหาสมุทร ได้ส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขหลายประการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน: ตัวอย่างเช่น กระแสน้ำขึ้นลงมีจำกัดมากเนื่องจากการเชื่อมต่อที่แคบกับมหาสมุทรแอตแลนติก นอกจากนี้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนยังมีสีฟ้าลึกซึ่งเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่างเห็นได้ชัด ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีระดับการระเหยตัวที่สูงกว่าปริมาณน้ำฝน และอัตราการไหลลงสู่ทะเลของแม่น้ำมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการระเหยสูงในซีกตะวันออกทำให้ระดับน้ำลดลงและความเค็มเพิ่มขึ้นทางทิศตะวันออก ความเค็มเฉลี่ยในอ่างทะเล คือ 38 PSU ที่ความลึก 5 เมตร อุณหภูมิของน้ำในส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนคือ 13.2 ° C (55.8 ° F) == ประเทศที่มีดินแดนติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน == ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา กรีซ ตุรกี ไซปรัส เลบานอน ซีเรีย อิสราเอล อียิปต์ ลิเบีย ตูนิเซีย แอลจีเรีย โมร็อกโก สโลวีเนีย โครเอเชีย มอนเตเนโกร แอลเบเนีย มอลตา โมนาโก ยิบรอลตาร์ ปาเลสไตน์ == อ้างอิง == เมดิเตอร์เรเนียน
thaiwikipedia
961
สถาปัตยกรรมศาสตร์
สำหรับความหมายอื่นดูที่ สถาปัตยกรรม และ สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นการศึกษาสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานเทคนิควิทยาการทั้งทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม เข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองความต้องการในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ในด้านสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่อาศัย วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่นั้น สนองตอบในเชิงจิตวิทยา ซึ่งผู้ออกแบบต้องเข้าใจความต้องการในการใช้พื้นที่นั้น ๆ อย่างลึกซึ้งอันมีผลกับการออกแบบที่ดี และไม่ดี หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นศิลปวิทยาการ ในการออกแบบอาคารและสิ่งเกี่ยวเนื่อง เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพให้เหมาะสมในการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยครอบคลุมตั้งแต่ระดับมหัพภาค ถึงจุลภาค เช่น การวางผังชุมชน การออกแบบชุมชน ภูมิสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมศาสตร์เป็นสาขาวิชาที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปแบบศิลปะ เรื่องของชุมชน เรื่องของพฤติกรรมมนุษย์ และเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ถือเป็นศาสตร์ที่มีศาสตร์อื่นมาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จนยากที่จะสรุปลงไปได้ว่ามี ศาสตร์สาขาใดมาเกี่ยวข้องบ้าง == สาขาวิชาของสถาปัตยกรรมศาสตร์ == โดยสากลแล้ว แบ่งออกได้เป็น 4 สาขาคือ สถาปัตยกรรมหลัก (architecture) ภูมิสถาปัตยกรรม (landscape architecture) สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ (interior architecture) สถาปัตยกรรมผังเมือง (urban architecture) == วิชาชีพสถาปัตยกรรมในประเทศไทย == สถาปนิกเป็น วิชาชีพที่มีการควบคุมภายใต้พระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. 2543 โดยมีสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ (Association of Siamese Architects) สถาปนาขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมวิชาชีพด้านสถาปัตยกรรมและติดต่อประสานงานระหว่างสถาปนิกด้วยกัน ส่วนสภาสถาปนิก (Council of Architects) มีหน้าที่ออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม (ก.ส.) รับรองคุณวุฒิ รวมทั้งควบคุมจรรยาบรรณวิชาชีพของสถาปนิก == มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ == รายชื่อคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ในประเทศไทย มหาวิทยาลัยทั้งหมดที่เปิดสอน รายชื่อคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ในสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยชั้นนำส่วนหนึ่งที่เปิดสอน == สถาปัตยกรรมศาสตร์ กับ ฮวงจุ้ย == สถาปัตยกรรมศาสตร์ในบางส่วนจะมีการใกล้เคียง กับการศึกษาฮวงจุ้ยศาสตร์ของชาวจีนในการวางตำแหน่งอาคารโดยที่เน้นศึกษา ลม(ฮวง) และน้ำ(จุ้ย) ในการออกงานในทางสถาปัตยกรรม มีการศึกษาทิศทางของลม ทิศทางของแสงแดด แนวทางของน้ำ และสถาพแวดล้อมอื่นๆ เพื่อให้การดำรงอาศัยของมนุษย์อยู่ใน สภาวะอยู่สบาย ตัวอย่างการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ได้แก่ การวางตัวของอาคารเพื่อให้มีการหมุนเวียนของลม เพื่อป้องกันการสะสมของอากาศเก่า จะทำให้ผู้อยู่อาศัยป่วยเป็นโรค หรือการวางตัวของอาคารในทิศทางที่ไม่ปะทะ กับลมหรือแสงแดด โดยตรง เพื่อให้ระบบสภาวะอากาศภายใน ไม่หนาวหรือร้อนเกินไปทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความไม่สบายเช่นกัน == ดูเพิ่ม == สำนักชิคาโก == แหล่งข้อมูลอื่น == สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ สภาสถาปนิก สถาปัตยกรรม
thaiwikipedia
962
ดาราศาสตร์สมัครเล่น
ดาราศาสตร์สมัครเล่น เป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการสังเกตวัตถุท้องฟ้า โดยทั่วไปเป็นการสังเกตวัตถุท้องฟ้าและปรากฏการณ์ท้องฟ้าที่เกิดขึ้นในเวลากลางคืน แต่บางครั้งนักดาราศาสตร์สมัครเล่นก็สนใจศึกษาวัตถุท้องฟ้าในเวลากลางวัน เช่น จุดมืดดวงอาทิตย์และสุริยุปราคา ส่วนใหญ่นักดาราศาสตร์สมัครเล่นจะอาศัยเพียงตาเปล่าเท่านั้นโดยไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ แต่เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น นิยมใช้กล้องสองตาและกล้องโทรทรรศน์ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ == ดาราศาสตร์สมัครเล่นกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ == โดยปกติ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักของนักดาราศาสตร์สมัครเล่น แต่หลายคนก็มีส่วนช่วยและประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับนักดาราศาสตร์อาชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อความรู้ทางดาราศาสตร์ บ่อยครั้งที่ดาราศาสตร์ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นสาขาที่เหลืออยู่ไม่มากในหมวดวิทยาศาสตร์ ที่ผู้สนใจเป็นงานอดิเรก สามารถให้ข้อมูลที่มีคุณค่าต่อองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์ ตัวอย่างเช่น นักดาราศาสตร์สมัครเล่นสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงความสว่างของดาวแปรแสง ติดตามการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์น้อย สังเกตการบังกันระหว่างดาวเคราะห์น้อยกับดาวฤกษ์เพื่อหาขนาดและรูปร่าง และการบังกันระหว่างดวงจันทร์กับดาวฤกษ์ เพื่อหาความสูง-ต่ำของภูมิประเทศบนดวงจันทร์ ในอดีตและปัจจุบัน นักดาราศาสตร์สมัครเล่นมีบทบาทสำคัญยิ่งในการค้นพบดาวหางดวงใหม่ แม้ว่าขณะนี้โครงการค้นหาวัตถุใกล้โลก เช่น โครงการวิจัยดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกลินคอร์น และโครงการค้นหาและติดตามดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก สามารถค้นพบดาวหางได้รวดเร็วกว่ามนุษย์ == สมาคมสำหรับนักดาราศาสตร์สมัครเล่น == สมาคมดาราศาสตร์มีอยู่หลายแห่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก เป็นแหล่งที่นักดาราศาสตร์สมัครเล่นสามารถพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสิ่งที่สนใจร่วมกัน การนัดพบปะกันในหมู่สมาชิกมักเรียกว่า "สตาร์ปาตี้" สมาคมในเมืองใหญ่ที่มีอุปสรรคในการดูดาวอย่างมลพิษทางแสง อาจพบปะกันโดยเน้นไปที่การจัดบรรยายพิเศษจากนักดาราศาสตร์อาชีพ หรืออาจจัดกิจกรรมอื่นๆ เช่น การสร้างกล้องโทรทรรศน์อย่างง่าย เป็นต้น == ดูเพิ่ม == ดาราศาสตร์ สมาคมดาราศาสตร์ไทย ดาราศาสตร์ งานอดิเรก
thaiwikipedia
963
ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา
ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา (Fermat's last theorem) เป็นหนึ่งในทฤษฎีบทที่โด่งดังในประวัติศาสตร์ของคณิตศาสตร์ ซึ่งกล่าวว่า: ปีแยร์ เดอ แฟร์มา นักคณิตศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้เขียนทฤษฎีบทนี้ลงในหน้ากระดาษหนังสือ Arithmetica ของไดโอแฟนตัส ฉบับแปลเป็นภาษาละตินโดย Claude-Gaspar Bachet เขาเขียนว่า "ฉันมีบทพิสูจน์ที่น่าอัศจรรย์สำหรับบทสรุปนี้ แต่พื้นที่กระดาษเหลือน้อยเกินไปที่จะอธิบายได้" (เขียนเป็นภาษาละตินว่า "Cuius rei demonstrationem mirabilem sane detexi. Hanc marginis exiguitas non caperet.") อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 358 ปี ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ถูกต้องเลย จนกระทั่ง แอนดรูว์ ไวลส์ ได้พิสูจน์ทฤษฎีบทนี้ในปี 1994 ซึ่งเป็นผลให้เขาได้รับรางวัลอาเบลในปี 2016 จากบทพิสูจน์ที่ "น่าตื่นตะลึง" ความสนใจของนักคณิตศาสตร์ที่จะพิสูจน์ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มาทำให้เกิดคณิตศาสตร์สาขาใหม่ ๆ ขึ้นมา ได้แก่ ทฤษฎีจำนวนเชิงพีชคณิต ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และนำไปสู่บทพิสูจน์ข้อคาดการณ์ทานิยามา-ชิมูระในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ ทฤษฎีบทมอดูลาริตี == บริบททางคณิตศาสตร์ == ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา เป็นรูปแบบทั่วไปของสมการไดโอแฟนไทน์ a2 + b2 = c2 (สมการที่ตัวแปรเป็นจำนวนเต็มเท่านั้น) ชาวจีน ชาวกรีก และชาวบาบิโลเนียนได้ค้นพบคำตอบของสมการนี้หลายคำตอบเช่น (3, 4, 5) (32 + 42 = 52) หรือ (5, 12, 13) เป็นต้น คำตอบเหล่านี้เรียกว่า สามสิ่งอันดับพีทาโกรัส (Pythagorean triples) และมีอยู่จำนวนไม่จำกัด ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา กล่าวว่า สมการนี้จะไม่มีคำตอบเมื่อเลขยกกำลังมากกว่า 2 == ประวัติในยุคแรก ๆ == เราอาจพิสูจน์ทฤษฎีบทนี้ในกรณีที่ n = 4 และกรณีที่ n เป็นจำนวนเฉพาะ ก็สามารถสรุปได้ว่าทฤษฎีบทเป็นจริงสำหรับทุกค่า n. แฟร์มาได้พิสูจน์กรณี n = 4, ออยเลอร์ พิสูจน์กรณี n = 3, ดิลิชเลต และ เลอจองดร์ พิสูจน์กรณี n = 5 เมื่อ ค.ศ. 1828, Gabriel Lamé พิสูจน์กรณี n = 7 เมื่อ ค.ศ. 1839 ใน ค.ศ. 1983 Gerd Faltings ได้พิสูจน์ข้อความคาดการณ์ของ Mordell สำเร็จ ซึ่งกล่าวว่าสำหรับ n > 2 จะมีจำนวนเต็ม a, b และ c ซึ่งเป็นจำนวนเฉพาะสัมพัทธ์กัน และทำให้ an + bn = cn อยู่จำนวนจำกัด == บทพิสูจน์ == แอนดรูว์ ไวลส์ (Andrew Wiles) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษจากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ได้พิสูจน์ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา โดยใช้เครื่องมือในการพิสูจน์คือ เรขาคณิตเชิงพีชคณิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องเส้นโค้งเชิงวงรี และ รูปแบบมอดุลาร์ ไวลส์ใช้เวลา 7 ปีในการพิสูจน์ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา เขาทำการพิสูจน์โดยลำพัง และเก็บเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด (ยกเว้น ตอนตรวจทานครั้งสุดท้าย ซึ่งเขาได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเขาที่ชื่อ Nick Katz) ในวันที่ 21-23 มิถุนายน ค.ศ. 1993 เขาก็ได้แสดงบทพิสูจน์ของเขาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ผู้เข้าฟังการบรรยายครั้งนั้นต่างก็ประหลาดใจไปกับวิธีการต่างๆ ในบทพิสูจน์ของเขา ต่อมา เขาก็พบข้อผิดพลาดในบทพิสูจน์ ไวลส์และ ริชาร์ด เทย์เลอร์ (Richard Taylor) ลูกศิษย์ของเขาเองใช้เวลาอยู่หนึ่งปีในการแก้ไขบทพิสูจน์ใหม่ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1994 เขาก็ได้เสนอบทพิสูจน์ใหม่อีกครั้งที่ผ่านการแก้ไขแล้ว และตีพิมพ์ลงในวารสาร == แฟร์มามีบทพิสูจน์จริงหรือ? == นี่คือข้อความที่แฟร์มาเขียนไว้บนหน้ากระดาษหนังสือ Arithmetica: Cubum autem in duos cubos, aut quadrato-quadratum in duos quadrato-quadratos, et generaliter nullam in infinitum ultra quadratum potestatem in duos eiusdem nominis fas est dividere cuius rei demonstrationem mirabilem sane detexi. Hanc marginis exigitas non caperet. (มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่งจำนวนยกกำลัง 3 ออกเป็นจำนวนยกกำลัง 3 สองจำนวน หรือแบ่งจำนวนยกกำลัง 4 ออกเป็นจำนวนยกกำลัง 4 สองจำนวน หรือกล่าวโดยทั่วไปว่า ไม่สามารถแบ่งจำนวนที่ยกกำลังมากกว่า 2 ออกเป็นจำนวนที่ยกกำลังเท่าเดิมสองจำนวนได้ ฉันมีบทพิสูจน์ที่น่าอัศจรรย์สำหรับบทสรุปนี้ แต่ขอบกระดาษนี้มีพื้นที่น้อยเกินกว่าที่จะเขียนบรรยายได้) หลายคนต่างสงสัยใน "บทพิสูจน์ที่น่าอัศจรรย์" ของแฟร์มาว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ บทพิสูจน์ของไวลส์นั้น หนาประมาณ 200 หน้า และยากเกินกว่าที่นักคณิตศาสตร์ในปัจจุบันจะเข้าใจ ในขณะที่บทพิสูจน์ของแฟร์มาน่าจะใช้วิธีที่พื้นฐานมากกว่านี้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ในสมัยนั้น ซึ่งก็เป็นเหตุให้นักคณิตศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อว่าแฟร์มาจะมีบทพิสูจน์ที่ถูกต้องสำหรับเลขยกกำลัง n ทุกจำนวนจริงๆ แอนดรูส์ ไวลส์ เองก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขาไม่เชื่อว่าแฟร์มาจะมีบทพิสูจน์ที่ถูกต้องจริง I don’t believe Fermat had a proof. I think he fooled himself into thinking he had a proof. But what has made this problem special for amateurs is that there’s a tiny possibility that there does exist an elegant seventeenth century proof. (ผมไม่เชื่อว่าแฟร์มาจะมีบทพิสูจน์ที่ถูกต้องจริง ผมคิดว่าเขาหลอกให้ตัวเองเชื่อว่าเขามีบทพิสูจน์นั้น แต่สิ่งที่ทำให้โจทย์ข้อนี้เป็นเรื่องพิเศษสำหรับนักคณิตศาสตร์สมัครเล่นก็คือ มันทำให้เกิดความหวังว่า ยังมีโอกาสที่จะค้นพบบทพิสูจน์อันสวยงามได้โดยใช้เพียงความรู้คณิตศาสตร์ในศตวรรษที่ 17) == ดูเพิ่ม == ข้อความคาดการณ์ของออยเลอร์ สมมติฐานของรีมันน์ == รายการอ้างอิง == == ดูเพิ่ม == ทฤษฎีจำนวน ทฤษฎีบททางคณิตศาสตร์
thaiwikipedia
964
จังหวัดนครศรีธรรมราช
นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดในประเทศไทย มีประชากรมากที่สุดในภาคใต้และมีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ (รองจากสุราษฎร์ธานี) เป็นจังหวัดที่มีอำเภอมากที่สุดในภาคใต้ ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 780 กิโลเมตร มีจังหวัดที่อยู่ติดกันได้แก่ สงขลา พัทลุง ตรัง กระบี่ และสุราษฎร์ธานี == ประวัติศาสตร์ == หลักฐานในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของนครศรีธรรมราชพบตั้งแต่ยุคหินกลางและยุคหินใหม่ พบเครื่องมือหินต่าง ๆ พบระนาดหินที่อำเภอท่าศาลา ต่อมาในยุคโลหะได้พบหลักฐานทางโบราณคดี คือ กลองมโหระทึกสำริด 2 ใบ ที่บ้านเกตุกาย ตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง และที่คลองคุดด้วน อำเภอฉวาง === สมัยโบราณ === ในสมัยโบราณนครศรีธรรมราชอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรศรีวิชัยซึ่งมีศูนย์กลางแห่งหนึ่งอยู่ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 - 16 ดังปรากฏในจารึกภาษาสันสกฤตวัดเสมาเมือง กล่าวถึงพระเจ้ากรุงศรีวิชัยพระนามว่าศรีมหาราชาทรงสร้างปราสาทอิฐสามองค์เพื่อถวายแด่พระผู้ผจญมาร (พระสมณโคดม) พระปัทมปาณี และพระวัชรปาณี อาณาจักรศรีวิชัยนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานและนับถือพระโพธิสัตว์ ต่อมาในพ.ศ. 1568 พระเจ้าราเชนทระโจฬะที่ 1 (Rajendra Chola I) แห่งราชวงศ์โจฬะซึ่งมาจากแคว้นทมิฬในอินเดียใต้ ยกทัพเรือเข้ารุกรานแหลมมลายูและภาคใต้ของไทย ทำให้อำนาจของศรีวิชัยเสื่อมลงและบริเวณแหลมมลายูตกอยู่ภายใต้การปกครองของโจฬะอยู่เวลาหนึ่ง การล่าถอยออกไปของโจฬะ นำไปสู่กำเนิด อาณาจักรตามพรลิงก์ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองตามพรลิงก์หรือนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน จารึกเมืองทันโจร์ (Tanjore Inscription) ซึ่งจารึกขึ้นในพ.ศ. 1573 บันทึกเมืองต่าง ๆ ที่พระเจ้าราเชนทระฯทรงพิชิตได้ปรากฏชื่อเมือง "มัทลิงกัม" (Madalingam) และบันทึกของขุนนางชาวจีนสมัยราชวงศ์ซ่งปรากฏชื่อเมือง "ตันหม่าลิ่ง" (單馬令 จีนยุคกลาง: tɑn mˠaX liᴇŋ) หมายถึงตามพรลิงก์ จักรวรรดิเขมรแผ่ขยายอำนาจมายังภาคใต้ของไทยในระยะเวลาหนึ่งจากนั้นจึงเสื่อมไป === อาณาจักรตามพรลิงก์ === ตามที่ปรากฏในจารึกวัดหัวเวียงที่อำเภอไชยา ว่าในพ.ศ. 1774 พระเจ้าผู้ปกครองเมืองตามพรลิงก์พระนามว่าศรีธรรมราชแห่งปทุมวงศ์ สันนิษฐานว่าราชวงศ์ปทุมวงศ์หรือราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราชนี้อาจเป็นวงศ์ที่สืบเชื่อสายมาจากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อความใน ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช ว่าพญาศรีธรรมาโศกราชหนีมาจากเมืองอินทปัตถ์ (เมืองพระนคร) ตำแหน่งของผู้ปกครองเมืองตามพรลิงก์ในสมัยนี้เรียกว่า "พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช" อาณาจักรตามพรลิงก์มีอำนาจเหนือเมืองสิบสองนักษัตร ประกอบไปด้วยสิบสองเมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจของนครศรีธรรมราช ประกอบไปด้วยเมืองต่าง ๆ ในภาคใต้ของไทยไปจนถึงไทรบุรี กลันตัน และปาหังในประเทศมาเลเซีย ในสมัยของราชวงศ์ปทุมวงศ์อาณาจักรตามพรลิงก์ได้เปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาเถรวาทลังกาวงศ์ ในสมัยของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชมีการเริ่มสร้างเจดีย์พระธาตุขึ้นซึ่งเป็นเจดีย์ให้เป็นแบบทรงระฆังคว่ำแบบลังกา พระเจ้าจันทรภาณุแห่งตามพรลิงก์ทรงยกทัพเรือข้ามมหาสมุทรอินเดียเข้ารุกรานเกาะลังกาในสมัยของพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 2 (Parakramapahu II) แห่งลังกาและสามารถครอบครองดินแดนบางส่วนของเกาะลังกาได้ในช่วงเวลาหนึ่ง อาณาจักรตามพรลิงก์เสื่อมอำนาจลงในสมัยต่อมาและตกอยู่ภายใต้อำนาจของอาณาจักรสุโขทัย จากตำนานเมืองนครศรีธรรมราชและสิหิงคนิทาน พระพุทธสิหิงค์ลอยมาจากลังกาจากนั้นมาหยุดพักที่หาดทรายแก้วเมืองนครศรีธรรมราชจากนั้นจึงลอยต่อไปยังทิศเหนือไปยังเชียงใหม่ อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในชินกาลมาลีปกรณ์ที่ว่าพระเจ้าโรจนราชหรือพ่อขุนรามคำแหงแห่งสุโขทัยเสด็จมายังนครศรีธรรมราชแล้วอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ซึ่งมาจากลังกาไปประดิษฐานไว้ที่สุโขทัย ในสมัยนี้ปรากฏชื่อเมือง "นครศรีธรรมราช" ขึ้นเป็นครั้งแรกในศิลาจารึกหลักที่ 1 ในความหมายว่าเมืองของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช นครศรีธรรมราชมีอิทธิพลต่อพุทธศาสนาของสุโขทัยอย่างมาก ดังข้อความในศิลาจารึกฯว่าพระเถระสุโขทัย "ทุกคนลุกแต่เมืองศรีธรรมราชมา" ในพ.ศ. 1808 ทัพเรือของอาณาจักรมัชปาหิตบนเกาะชวายกทัพเข้าโจมตีเมืองนครศรีธรรมราช ชาวบ้านนำโดยชายชื่อว่า "พังพการ" ได้รวบรวมกำลังพลขับไล่ทัพของชวาออกไปได้สำเร็จ ต่อมาท้าวพิชัยเทพเชียงภวาแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาให้พระโอรสคือท้าวอู่ทองยกทัพเข้ารุกรานนครศรีธรรมราช ทัพของท้าวอู่ทองและพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชสู้รับกันที่บางสะพานจนนำไปสู่การแบ่งเขตแดนระหว่างพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชและท้าวอู่ทอง นับจากนั้นอาณาจักรนครศรีธรรมราชจึงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งต่อมากลายเป็นอาณาจักรอยุธยา ต่อมาเกิดโรคระบาดในเมืองนครศรีธรรมราช พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชองค์สุดท้ายพร้อมญาติวงศ์เสด็จหนีลงเรือออกทะเลหายสาบสูญ เมืองนครศรีธรรมราชจึงกลายเป็นเมืองร้างว่างผู้คน เชื้อสายปทุมวงศ์จึงสิ้นสุดลง === สมัยอยุธยา === เมื่อนครศรีธรรมราชกลายเป็นเมืองร้างจากโรคระบาดนั้น พระพนมทะเลศรีมเหสวัสดิทราธิราชผู้ครองเมืองเพชรบุรี ส่งพระโอรสคือพระพนมวังพร้อมทั้งนางสะเดียงทองมาสร้างเมืองใหม่คือเมืองนครดอนพระ เมื่อพระพนมวังสวรรคตพระโอรสของพระพนมวังคือเจ้าศรีราชาครองเมืองนครฯต่อมา ซึ่งเจ้าศรีราชาได้รับการแต่งตั้งจากพระพนมทะเลฯ เมืองเพชรบุรีให้เป็น "พญาศรีธรรมาโศกราช สุรินทรราชาสุรวงศ์ธิบดียุธิษเฐียร อภัยพีรีบรากรมพาหุ เจ้าพระยานครศรีธรรมราชมหานคร" หลังจากที่วงศ์ของพระพนมวังและเจ้าศรีราชาสิ้นสุดลง ขุนอินทาราเจ้าเมืองลานสกาจึงขึ้นมาเป็นผู้ครองนครศรีธรรมราชต่อมาชื่อว่าศรีมหาราชา แต่ศรีมหาราชาขุนอินทาราถูกพระราชอาญาจากทางอยุธยาจึงถูกปลดจากตำแหน่ง บุตรชายของขุนอินทาราขึ้นครองเมืองนครฯเป็นศรีมหาราชาองค์ต่อมา เมื่อวงศ์ศรีมหาราชาสิ้นสุดอาณาจักรอยุธยาจึงส่งขุนรัตนากรมาปกครองเมืองนครฯ จากนั้นมาฝ่ายอยุธยาจึงส่งผู้ปกครองนครศรีธรรมราชโดยตรง ในพ.ศ. 1998 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงบัญญัติพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหารหัวเมือง ระบุตำแหน่ง "เจ้าพญาศรีธรรมาโศกราช ชาติเดโชไชยมไหสุริยาธิบดี อภัยพีรีปรากรมพาหุ" ศักดินาหนึ่งหมื่น เป็นผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช เมืองนครศรีธรรมราชมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นเอกหรือเมืองเจ้าพระยามหานคร มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าพระยาเป็นเจ้าเมืองเป็นศูนย์กลางอำนาจการปกครองของอยุธยาในภาคใต้ เมื่อชาวโปรตุเกสเข้ามาจึงมีการปรับปรุงซ่อมแซมกำแพงเมืองนครศรีธรรมราชเป็นกำแพงแบบก่ออิฐ เมื่อชาวโปรตุเกสเข้ามาจึงปรากฏชื่อเมืองนครศรีธรรมราชว่า "ลิกอร์" (Ligor) ซึ่งแผลงมาจากคำว่านครฯ ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประมาณพ.ศ. 2144 ทัพเรือจากเมืองอุยงคตนะ (Ujong Tanah) หรือรัฐสุลต่านยะโฮร์ (Johor Sultanate รัฐยะโฮร์ในปัจจุบัน) ยกทัพเรือนำโดยลักษมณา (Laksamana) เข้าโจมตีเมืองนครศรีธรรมราช พระยารามราชท้ายน้ำเจ้าเมืองนครฯป้องกันเมืองจากทัพเรือมลายูไม่สำเร็จ ทัพมลายูเข้าปล้นเมืองนครฯ แล้วกลับไปพระยารามราชท้ายน้ำเสียชีวิตในที่รบ ในรัชสมัยสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ออกญากลาโหมสุริยวงศ์กุมอำนาจและส่งออกญาเสนาภิมุขยามาดะ นางามาซะ ขุนนางชาวญี่ปุ่นมาเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อออกญากลาโหมสุริยวงศ์ทำการยึดอำนาจและปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในพ.ศ. 2172 รายาอูงูแห่งรัฐปัตตานีและสุลต่านสุลัยมานแห่งสงขลาก่อการกบฎแข็งเมืองต่ออยุธยาในพ.ศ. 2173 พระเจ้าปราสาททองมีพระราชโองการให้ยามาดะ นางามาซะ ยกทัพเมืองนครศรีธรรมราชเข้าปราบกบฎของปัตตานีและสงขลาแต่ไม่สำเร็จ ยามาดะ นางามาซะถูกวางยาพิษที่เมืองนครฯ โดยพระราชโองการของพระเจ้าปราสาททองจนเสียชีวิต นายโอนินบุตรชายของนางามาซะขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครฯ ต่อมาแต่ชาวเมืองนครฯ ลุกฮือขึ้นขับไล่นายโอนินและกลุ่มทหารญี่ปุ่นออกไปจากเมืองนครฯ ฮอลันดาเข้ามาตั้งสถานีการค้าในเมืองนครฯ ในพ.ศ. 2190 ยอดเจดีย์พระธาตุเมืองนครศรีธรรมราชหักโค่นลงมา พระเจ้าปราสาททองทรงให้มีการบูรณะสร้างยอดเจดีย์พระธาตุขึ้นใหม่ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีการบูรณะปรับปรุงกำแพงเมืองนครศรีธรรมราชโดยมงซิเออร์เดอลามาร์ (Monsieur de la Mare) วิศวกรชาวฝรั่งเศสจนมีลักษณะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน หลังการประหารเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชจากเหตุการณ์ของศรีปราชญ์ นครศรีธรรมราชมีเจ้าเมืองคือพระยารามเดโช (ชู) ซึ่งมีเชื้อสายแขก เมื่อสมเด็จพระเพทราชาปราบดาภิเษกยึดอำนาจจากสมเด็จพระนารายณ์ฯในพ.ศ. 2231 พระยารามเดโช (ชู) เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชไม่เข้าไปถือน้ำพิพัฒนสัตยาที่อยุธยา ในพ.ศ. 2235 สมเด็จพระเพทราชาทรงให้พระยาสุรสงครามเป็นแม่ทัพและพระยาราชบังสัน (หะซัน) เป็นแม่ทัพเรือ ยกทัพมาทั้งทางบกและทะเลเพื่อปราบกบฏเมืองนครฯ ทัพของพระเพทราชาใช้เวลาล้อมเมืองนครศรีธรรมราชอยู่นานถึงสามปีจึงสามารถเข้ายึดเมืองได้ พระเพทราชาทรงลดอำนาจเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชโดยยกหัวเมืองปักษ์ใต้ทั้งหมดขึ้นต่อสมุหกลาโหม ในพ.ศ. 2275 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงยกหัวเมืองภาคใต้ให้ขึ้นต่อเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) ว่าที่พระคลังโกษาธิบดี จนกระทั่งมีโปรดเกล้าแต่งตั้งพระยาไชยาธิเบศร์เป็นเจ้าพระยานครศรีธรรมราชขึ้นอีกครั้งในพ.ศ. 2285 ในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์พระยาราชสุภาวดีเป็นเจ้าเมืองนครฯ หลวงสิทธินายเวร (หนู) เป็นปลัดเมือง ต่อมาพระยาราชสุภาวดีความผิดถูกปลดจากตำแหน่งเจ้าเมือง ปลัดเมืองหรือ "พระปลัดหนู" จึงรักษาการณ์เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชแทน === สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ === หลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองพระปลัดหนูผู้รักษาเมืองนครศรีธรรมราชจึงตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าเมืองและเป็นเจ้าชุมนุมนครศรีธรรมราช ในพ.ศ. 2312 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงให้เจ้าพระยาจักรี (หมุด) ยกทัพธนบุรีเข้ารุกรานชุมนุมนครศรีธรรมราช ทัพของฝ่ายธนบุรีไม่สามารถเข้ายึดเมืองนครฯ ได้ทำให้สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีต้องเสด็จนำทัพด้วยพระองค์เองลงมายึดเมืองนครศรีธรรมราชได้สำเร็จ ทำให้เจ้านครฯ (หนู) ต้องหลบหนีไปยังเมืองปัตตานีและต่อมาเจ้าพระยาจักรีสามารถจับตัวเจ้าหนูกลับมาได้ พระเจ้ากรุงธนบุรีฯ ให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (หนู) เข้ามารับราชการในกรุงธนบุรีและทรงแต่งตั้งให้เจ้านราสุริยวงศ์ซึ่งเป็นพระเจ้าหลานเธอในพระเจ้ากรุงธนบุรีมาปกครองเมืองนครศรีธรรมราช ต่อมาเมื่อเจ้านราสุริยวงศ์เจ้าเมืองนครฯ ถึงแก่พิราลัย สมเด็จพระเจ้าธนบุรีจึงมีพระราชโองการแต่งตั้งเจ้าเมืองนครฯ (หนู) ออกไปปกครองเมืองนครศรีธรรมราชอีกครั้ง ได้รับพระราชทานพระสุพรรบัฏเป็น พระเจ้าขัตติยราชนิคม สมมติมไหสวรรค์ พระเจ้านครศรีธรรมราช เจ้าขัณฑสีมา เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 11 ขึ้น 3 ค่ำ จุลศักราช 1138 (พ.ศ. 2319) ปีวอกอัฐศก ดำรงฐานะเป็นเจ้าประเทศราช ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระราชดำริว่าพระเจ้านครศรีธรรมราชมีความชราไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้จึงโปรดฯให้ออกจากตำแหน่ง และให้เจ้าอุปราช (พัฒน์) บุตรเขยเจ้านครฯ (หนู) ขึ้นเป็นเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราชฯเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) เมื่อวันอังคาร เดือน 8 แรม 11 ค่ำ จุลศักราช 1146 (พ.ศ. 2327) ปีมะโรงศก โดยมียศเพียงเจ้าพระยาตามประเพณีแต่เดิม เมืองนครศรีธรรมราชซึ่งมีฐานะเป็นประเทศราชมีเจ้ากษัตริย์ปกครองอยู่เป็นเวลาแปดปีจึงเปลี่ยนฐานะเป็นหัวเมืองเอกตามเดิม ในพ.ศ. 2328 สงครามเก้าทัพ แกงหวุ่นแมงยีแม่ทัพพม่ายกทัพจากเมืองไชยาเข้าบุกเมืองนครศรีธรรมราช เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) สละเมืองหลบหนีเข้าป่าทัพพม่าเข้ายึดเมืองนครฯ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงยกทัพเรือเข้ายึดเมืองนครฯ คืนมาได้ พ.ศ. 2354 เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) ถวายบังคมลาออกจากราชการ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงแต่งตั้งให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) เป็นเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) และทรงแต่งให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ซึ่งเป็นพระโอรสในพระเจ้ากรุงธนบุรีฯ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชต่อมา เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) ถึงแก่อสัญกรรมในพ.ศ. 2357 กรมหมื่นศักดิพลเสพผู้ทรงเป็นหลานของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) เสด็จมายังนครศรีธรรมราชเพื่อปลงศพเจ้าคุณตาและจัดระเบียบการปกครองเมืองนครศรีธรรมราชใหม่โดยอ้างอิงจากพระอัยการตำแหน่งกรมการเมืองนครฯจากสมัยอยุธยา ในพ.ศ. 2363 ตวนกูปะแงหรัน สุลต่านแห่งไทรบุรี แข็งเมืองเป็นอิสระจากกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครฯ (น้อย) ยกทัพไปยึดเมืองไทรบุรี เจ้าพระยานครฯ (น้อย) สามารถยึดเมืองไทรบุรีได้และเมืองนครศรีธรรมราชปกครองไทรบุรีโดยตรงเป็นเวลาสิบเจ็ดปีจนกระทั่งกบฏหวันหมาดหลีในสมัยของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) เมืองนครศรีธรรมราชมีอำนาจมากในหัวเมืองปักษ์ใต้ เมื่อเจ้าพระยานครฯ (น้อย) ถึงแก่อสัญกรรมในพ.ศ. 2382 บุตรชายของเจ้าพระยานครฯ (น้อย) คือเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อยกลาง ณ นคร) เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชคนต่อมา ในพ.ศ. 2401 ตำแหน่งเจ้าเมืองสงขลาได้รับการเลื่อนขึ้นมาให้มีศักดินา 10,000 ไร่ ทัดเทียมกับเมืองนครศรีธรรมราช ทำให้นครศรีธรรมราชไม่ใช่หัวเมืองใหญ่แห่งปักษ์ใต้เมืองเดียวอีกต่อไป เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเมืองไทรบุรีซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าพระยานครฯ แต่เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (หนูพร้อม ณ นคร) ไม่ได้ตามลงไปรับเสด็จด้วย เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงเรียกตัวเจ้าพระยานครฯ (หนูพร้อม) ไปช่วยราชการที่กรุงเทพฯ นับจากนั้นมาส่วนกลางจึงเข้ามามีอำนาจปกครองนครศรีธรรมราชโดยตรง การจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราชในพ.ศ. 2439 ทำให้ตำแหน่งเจ้าพระยานครศรีธรรมราชสิ้นสุดลง พระยาสุขุมนัยวินิต (ปั้น สุขุม) เป็นข้าหลวงมณฑลนครศรีธรรมราชคนแรก มณฑลนครศรีธรรมราชมีอาณาเขตประกอบด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา จากนั้นมีข้าหลวงดำรงตำแหน่งต่อมาได้แก่พระยาชลบุรานุรักษ์ (เจริญ จารุจินดา) พ.ศ. 2449-2452 และเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ พ.ศ. 2453 - 2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้งมณฑลภาคในพ.ศ. 2458 นครศรีธรรมราชเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลภาคปักษ์ใต้ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อมีการตรา"พระราชบัญญัติการบริหารราชการส่วนภูมิภาค พุทธศักราช 2476" ขึ้น มณฑลเทศาภิบาลสิ้นสุดลงนำไปสู่การจัดตั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน == ภูมิศาสตร์ == === ที่ตั้งและอาณาเขต === จังหวัดนครศรีธรรมราชตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของภาคใต้ โดยมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ โดยมีจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกัน ดังนี้ ด้านเหนือ ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอ่าวไทย ด้านใต้ ติดกับจังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา ด้านตะวันออก ติดกับอ่าวไทย ด้านตะวันตก ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่ พื้นที่ที่ติดกับทะเลฝั่งอ่าวไทยของจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นมีชายฝั่งยาวประมาณ 225 กิโลเมตร และจังหวัดนครศรีธรรมราชมีเขาสูงที่สุดในภาคใต้ คือ เขาหลวง มีความสูงประมาณ 1,835 เมตร == หน่วยการปกครอง == === การปกครองส่วนภูมิภาค === การปกครองแบ่งออกเป็น 23 อำเภอ 170 ตำบล 1,428 หมู่บ้าน {| |- -- valign=top || อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพรหมคีรี อำเภอลานสกา อำเภอฉวาง อำเภอพิปูน อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด อำเภอท่าศาลา อำเภอทุ่งสง อำเภอนาบอน อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอปากพนัง || อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอสิชล อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร อำเภอบางขัน อำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอพระพรหม อำเภอนบพิตำ อำเภอช้างกลาง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ |} === การปกครองส่วนท้องถิ่น === องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดนครศรีธรรมราชแบ่งออกเป็น ระดับบนและระดับล่าง ระดับบน ได้แก่ 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช) ส่วนระดับล่าง ได้แก่ 1 เทศบาลนคร (เทศบาลนครนครศรีธรรมราช) 3 เทศบาลเมือง (เทศบาลเมืองปากพูน เทศบาลเมืองทุ่งสง และเทศบาลเมืองปากพนัง) 50 เทศบาลตำบล และ 130 องค์การบริหารส่วนตำบล == เจ้าเมืองนครและผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช == === เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช === === สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช === === รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช === == เศรษฐกิจ == เศรษฐกิจโดยทั่วไปของจังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นอยู่กับภาคเกษตร อาชีพหลัก คือ ทำสวนยางพารา ทำสวนปาล์มน้ำมัน ทำนา ทำไร่ การปลูกผลไม้(สวนสมรม) ทำสวนมะพร้าว การประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง และการเลี้ยงสัตว์ == ศาสนา == ชาวนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ ประมาณ 92.08% รองลงมา คือ ศาสนาอิสลาม ประมาณ 7.03% ศาสนาคริสต์ ประมาณ 0.89% นอกจากนั้นเป็นศาสนาอื่น ๆ (ข้อมูลประชากร 1,516,499 คน ปี พ.ศ. 2552) == การคมนาคม == ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีรถสองแถว วิ่งบริการรอบเมือง และจากนครศรีธรรมราชไปสู่อำเภอใกล้เคียง หรือจังหวัดข้างเคียง สามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งมีรถตู้ รถเมล์ รถโดยสาร และรถไฟ === ทางรถไฟ === รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพ มีขบวนรถเร็วขบวนที่ 173/174 รถด่วนขบวนที่ 85/86 ไปนครศรีธรรมราช รวมระยะทาง 832 กิโลเมตร และ ยังมีขบวนรถท้องถิ่นที่ 451/452 นครศรีธรรมราช-สุไหงโกลก-นครศรีธรรมราช และ ขบวนรถท้องถิ่นที่ 455/456 นครศรีธรรมราช-ยะลา-นครศรีธรรมราช === ทางรถโดยสารประจำทาง === บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการรถโดยสารทั้งแบบธรรมดา และปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี), อำเภอขนอม มีรถ วีไอพี ปรับอากาศ ชั้น 1 ขนอม-กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ-ขนอม === ทางรถยนต์ส่วนบุคคล === การเดินทางจากกรุงเทพมายังนครศรีธรรมราช ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 กรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร แล้วใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่านสุราษฎร์ธานี-ทุ่งสง จนถึงนครศรีธรรมราช หรือ ถึงอำเภอพุนพิน สุราษฎร์ธานี แล้วใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 เลียบชายฝั่งทะเล ไปจนถึงนครศรีธรรมราช รวมระยะทาง 780 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางยังอำเภออื่น ๆ หรือจังหวัดใกล้เคียงได้อีกด้วย === ทางอากาศยาน === ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช มีเที่ยวบินให้บริการ 23 เที่ยวบินต่อวัน โดยมี 5 สายการบินคือ การบินไทยสมายล์ นกแอร์ ไทยเวียดเจ็ทแอร์ ไทยแอร์เอเชีย และไทยไลอ้อนแอร์ รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช === ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ === อำเภอพระพรหม 19 กิโลเมตร อำเภอพรหมคีรี 21 กิโลเมตร อำเภอท่าศาลา 25 กิโลเมตร อำเภอลานสกา 27 กิโลเมตร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ 30 กิโลเมตร อำเภอร่อนพิบูลย์ 35 กิโลเมตร อำเภอปากพนัง 39 กิโลเมตร อำเภอเชียรใหญ่ 48 กิโลเมตร อำเภอนบพิตำ 52 กิโลเมตร อำเภอช้างกลาง 58 กิโลเมตร อำเภอทุ่งสง 58 กิโลเมตร อำเภอจุฬาภรณ์ 58 กิโลเมตร อำเภอนาบอน 58 กิโลเมตร อำเภอสิชล 59 กิโลเมตร อำเภอฉวาง 63 กิโลเมตร อำเภอหัวไทร 65 กิโลเมตร อำเภอชะอวด 66 กิโลเมตร อำเภอพิปูน 77 กิโลเมตร อำเภอถ้ำพรรณรา 78 กิโลเมตร อำเภอทุ่งใหญ่ 81 กิโลเมตร อำเภอบางขัน 90 กิโลเมตร อำเภอขนอม 96 กิโลเมตร == กีฬา == สโมสรฟุตบอลนครศรีฯ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบลเอ็มเอช นครศรี ซิตี สโมสรฟุตบอลเอ็มเอช นครศรี เอฟซี == บุคคลที่มีชื่อเสียง == กันติชา ชุมมะ จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ เชิด ทรงศรี โชเล่ย์ ดอกกระโดน ฐกฤต ตวันพงค์ ณรรลฌา ดอกกะฐิน ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ธัญสินี พรมสุทธิ์ นนธวรรณทัศ บรามาซ นัท มีเรีย นาธาน โอร์มาน ปุณยาพร พูลพิพัฒน์ พัชชุดาญ์ พันธุ์พิพัฒน์ พิชญา เชาวลิต มัณฑนา หิมะทองคำ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ วิฑูรย์ กรุณา เวอาห์ แสงเงิน ศุภชัย ศรีวิจิตร สุรัสวดี เชื้อชาติ อรัญญา พงศ์ภัณฑารักษ์ อัจฉรา ทองเทพ เอกชัย ศรีวิชัย กิตติคุณ เชียรสงค์ อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์ แทนคุณ จิตต์อิสระ เขมสรณ์ หนูขาว ริญญาดา หนูแก้ว สิธัญ สุคนธปฏิภาค รัชนก สุวรรณเกตุ นารีนาท เชื้อแหลม ณฉัตร จันทพันธ์ ณัฐชา จันทพันธ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ == เมืองพี่เมืองน้อง == == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == รายชื่อวัดในจังหวัดนครศรีธรรมราช รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดนครศรีธรรมราช รายชื่อโรงพยาบาลในจังหวัดนครศรีธรรมราช รายชื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดนครศรีธรรมราช == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ แผนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช หน้าเพจ facebook จังหวัดนครศรีธรรมราช ศูนย์รวมสินค้าของดีจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวนครศรีธรรมราช จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
thaiwikipedia
965
กล้องสองตา
กล้องสองตา (binoculars มาจากภาษาละติน bi- "สอง" และ oculus "ตา") คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับส่องดูวัตถุที่อยู่ห่างไกลให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยอาศัยเลนส์และปริซึม โดยปริซึมทำหน้าที่สะท้อนและหักเหแสง กลับภาพจากภาพหัวกลับให้เป็นภาพหัวตั้ง ภาพที่ได้จึงต่างจากที่เห็นในกล้องโทรทรรศน์ธรรมดา ข้อกำหนดของกล้องสองตาแต่ละกล้อง มักบอกด้วยตัวเลขสองตัวคั่นกลางด้วยกากบาท "×" เช่น "7×50" หมายถึงกล้องสองตานี้มีกำลังขยาย 7 เท่า เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์วัตถุมีขนาด 50 มิลลิเมตร กล้องสองตามีขนาดตั้งแต่ 3×10 ที่มักใช้ในโรงละคร ขนาด 7×50 หรือ 10×50 ที่มักใช้ส่องดูกลางแจ้ง และอาจมีขนาดใหญ่ถึง 20×80 หรือ 20×140 กล้องขนาดใหญ่มีน้ำหนักมาก ทำให้เมื่อยแขนได้ จึงต้องอาศัยระบบขาตั้งกล้องที่ช่วยให้ภาพไม่สั่นไหว ทัศนูปกรณ์
thaiwikipedia
966
จุดมืดดวงอาทิตย์
จุดมืดดวงอาทิตย์ หรือ จุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sunspot) คือ พื้นที่ส่วนหนึ่งบนชั้นโฟโตสเฟียร์ของดวงอาทิตย์ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ และมีสนามแม่เหล็กที่มีปั่นป่วนสูงมาก ซึ่งได้ทำให้เกิดการขัดขวางกระบวนการพาความร้อนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ เกิดเป็นพื้นที่ที่มีความเข้มของแสงต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ อย่างไรก็ตาม มันยังคงมีอุณหภูมิสูงถึง 3700-4000 เคลวิน เทียบกับบริเวณปกติโดยรอบที่มีอุณหภูมิประมาณ 5800 เคลวิน ถ้าเรานำจุดมืดออกมาจากดวงอาทิตย์มันจะสามารถเปล่งแสงสว่างได้มากกว่าแสงจากการเชื่อมเหล็ก เสียอีก จุดมืดยังเป็นสาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์อีกมาก เช่น บ่วงโคโรนา (Coronal loop) และ การเชื่อมกันของสนามแม่เหล็ก (Magnetic reconnection) นอกจากนี้การระเบิดใหญ่บนดวงอาทิตย์ (Solar flare) และ การพ่นมวลโคโรนา (Coronal Mass Ejection) ก็ยังเกิดขึ้นในบริเวณสนามแม่เหล็กรอบๆ จุดมืดอีกด้วย == การแปรผันของจุดมืด == จำนวนของจุดมืดมีการเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างเป็นคาบ มีช่วงเวลาหนึ่งรอบประมาณสิบเอ็ดปี นอกจากนี้ยังมีรอบใหญ่ที่มีระยะเวลากว่าอีกด้วย โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 ถึงทศวรรษที่ 2503 จะมีจำนวนจุดมืดโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่ตั้งแต่ทศวรรษที่ 2503 เป็นต้นมาจุดมืดกลับมีแนวโน้มลดลง จำนวนของจุดมืดยังมีความสัมพันธ์กับการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ (Solar radiation) อีกด้วย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 เป็นต้นมา ได้มีการส่งดาวเทียมวัดการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์ออกสู่อวกาศ และทำให้เราทราบว่า เมื่อจุดมืดมีจำนวนมากจะทำให้การแผ่รังสีของดวงอาทิตย์มีปริมาณลดลง อย่างไรก็ตาม บริเวณโดยรอบจุดมืดกลับมีความสว่างเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่า ในภาพรวมการที่ดวงอาทิตย์มีจุดมืดมากขึ้นจะทำให้ดวงอาทิตย์สว่างมากขึ้น แต่ความสว่างที่เพิ่มขึ้นนี้ก็น้อยมาก แค่ประมาณ 0.1% ของความสว่างตามปกติเท่านั้น ในระหว่าง ช่วงต่ำสุดมอนเดอร์ ในศตวรรษที่ 17 เป็นช่วงที่แทบจะไม่พบจุดมืดเลย ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับช่วงปีที่เรียกกันว่า "ยุคน้ำแข็งเล็กๆ" (Little Ice Age) ซึ่งอุณหภูมิทั่วโลกลดต่ำกว่าปกติ == การสังเกตจุดดำ== การมองตรงไปที่ดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก และการใช้กล้องสองตา กล้องส่องทางไกล หรือกล้องโทรทรรศน์ส่องดูก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น นั่นคือเรตินาของดวงตาจะถูกทำลายลงอย่างถาวร การใช้แผ่นกระจกรมควันหรือฟิล์มกรองแสงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าจะสามารถลดทอนแสงจากดวงอาทิตย์ลงจนสามารถเห็นจุดมืดได้ก็จริง แต่วิธีนี้จะไม่ได้ลดทอนรังสีอัลตราไวโอเล็ต ซึ่งการรับรังสีนี้เข้าสู่ดวงตาโดยตรงจะมีผลทำให้เป็นต้อกระจกได้ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการสังเกตจุดมืดก็คือการฉายภาพของดวงอาทิตย์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ลงบนฉากรับภาพสีขาว ซึ่งต้องกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ปรากฏการณ์ของดาวฤกษ์ ปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์
thaiwikipedia
967
การกลั่นทำลาย
การกลั่นทำลาย (destructive distillation) เป็นกรรมวิธีที่ให้ความร้อนสูงแก่สารอินทรีย์โดยไม่ให้อากาศเข้า เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีขึ้นแก่สารนั้น ให้ผลเป็นสารที่ระเหยได้และแยกตัวออกมา เช่น การกลั่นทำลายขี้เลื่อย ให้ผลเป็นเมทิลแอลกอฮอล์ กรดน้ำส้ม และสารอื่นๆ การกลั่นทำลายถ่านหินให้ผลเป็นแก๊สถ่านหินที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ น้ำมันเบนซิน ลูกเหม็นกันแมลงสาบ และสารอื่นที่มีประโยชน์อีกมาก กากที่เหลือเรียกว่า ถ่านโค้ก เคมี
thaiwikipedia
968
แกรไฟต์
{| border=1 cellspacing=0 align=right cellpadding=0 width=250 valign=top style="margin-left:1em" |- ---- align=center bgcolor="#9966FF" !colspan=2 align=center|แกร์ไฟต์ (Graphite) |- ---- align=center !colspan=2| |- ---- align=center bgcolor="#9966FF" !colspan=2|ทั่วไป |- ---- | ชนิด|| แร่ธรรมชาติ |- ---- | ชื่อ, สัญลักษณ์, หมายเลข | คาร์บอน, C, 6 |- ---- align="center" bgcolor="#9966FF" !colspan=2|การแยกแยะ |- ---- | สี || ดำเหมือนเหล็กกล้า - เทา |- ---- | โครงสร้างผลึก || สามเหลี่ยม |- ---- | การแตก|| เป็นแผ่น |- ---- | ความแข็ง ตามมาตราส่วน || 1 - 2 |- ---- | ความแวววาว|| ลักษณะโลหะ, หยาบ |- ---- | การนำไฟฟ้า|| นำไฟฟ้า |- ---- | จุดหลอมเหลว|| 4000.150°K (3,727°C) |- ---- | จุดเดือด || 3640.150°K (3,367°C) |- ---- | ดัชนีการหักเห|| ไม่โปร่งใส |- ---- | คุณสมบัติของผลึกที่มีสีต่างกันเมื่อมองจากทิศต่างกัน|| ไม่มี |- ---- | ริ้วลาย || ดำ |- ---- | ความหนาแน่น|| 2.09-2.23 ก./ซม.³ |- ---- | ลักษณะที่หลอมเหลวได้|| ไม่ทราบแน่ชัด |- ---- | ลักษณะการละลาย|| Molten Ni |- ---- align="center" bgcolor="#9966FF" !colspan=2|ชนิดอื่น ๆ |- ---- | เพชร|| รูปแบบที่ต่างกันของธาตุหนึ่งของคาร์บอน |- ---- |} แกรไฟต์ (graphite) เป็นอัญรูปหนึ่งของธาตุคาร์บอน ชื่อสามัญเรียกว่า พลัมเบโก (plumbago) หรือแร่ดินสอดำ มีลักษณะเป็นของแข็ง มีรูปผลึกเป็นแผ่นบาง ๆ ทึบแสง อ่อนนุ่ม สีเทาเข้มถึงดำ เนื้ออ่อน เป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี มักใช้ทำไส้ดินสอดำ เบ้าหลอมโลหะ น้ำมันหล่อลื่นบางชนิด ไส้ถ่านไฟฉาย ไส้ไฟอาร์ก ใช้เป็นตัวลดความเร็ว ช่วยควบคุมจำนวนอนุภาคนิวตรอนในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ถูกนำมาใช้เมื่อ 4 พันปีก่อนคริสตกาล ในงานทาสีตกแต่งเครื่องเซรามิกในทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ได้มีการค้นพบแหล่งสะสมตัวของแร่แกรไฟต์ขนาดใหญ่มากที่รัฐคัมเบรีย ประเทศอังกฤษ แร่ที่พบมีลักษณะบริสุทธิ์ ไม่แข็ง แตกหักง่าย และมีรูปแบบการสะสมตัวอัดแน่นกัน แกรไฟต์เป็นชื่อที่ตั้งโดย Abraham Gottlob Werner ในปี ค.ศ. 1789 โดยมาจากภาษากรีกว่า γραφειν หมายถึง "เพื่อวาด/เขียน" ซึ่งตั้งตามการใช้แกรไฟต์ในดินสอ แร่แกรไฟต์เป็นการจัดเรียงตัวรูปแบบหนึ่งของคาร์บอน ในภาษากรีกแปลว่า ใช้ขีดเขียนวาดภาพ มีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้าหรือกึ่งตัวนำไฟฟ้า แกรไฟต์มีการจัดเรียงตัวแบบเสถียรที่สภาวะมาตรฐาน แต่บางครั้งแร่แกรไฟต์เกิดจากถ่านหินเมื่อมีความร้อน ความดันสูงขึ้นระดับหนึ่งซึ่งพบอยู่บนแอนทราไซท์ (Anthracite) และเมตา-แอนทราไซท์ (Meta-anthracite) ซึ่งโดยปกติแล้ว มักไม่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพราะติดไฟยาก == ประเภท == แร่แกรไฟต์ที่เกิดในแหล่งสะสม มี 3 ประเภท ได้แก่ แร่แกรไฟต์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นบาง สั้น ๆ หน้าแผ่นเป็นรูป 6 เหลี่ยม เมื่อแตกจะเป็นมุมที่ขอบ หรือมีลักษณะไม่สม่ำเสมอ แกรไฟต์ที่มีลักษณะอสัณฐาน มีลักษณะเม็ดละเอียด เกิดในกระบวนการแปรสภาพของหินแปรของถ่านโดยความร้อนสูง เป็นขั้นสุดท้ายของการเกิดถ่านหิน บางครั้งเรียกว่าแอนทราไซท์ (Meta-anthracite); แกรไฟต์ที่มีลักษณะเป็นก้อน ๆ บางครั้งอาจเรียกว่า สายแร่แกรไฟต์ เกิดขึ้นในช่องหรือรอยแตกของสายแร่เป็นเนื้อเดียวกัน มีลักษณะกลุ่มผลึกเส้นใยหรือรูเสี้ยนยาว มักเกิดในสายแร่ที่มีน้ำร้อน นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างแกรไฟต์ที่คุณภาพสูงคือ เส้นใยแกรไฟต์ อาจหมายถึง เส้นใยคาร์บอน หรือเส้นใยคาร์บอนที่เสริมความแข็งแรง == การเกิด == แร่ที่เกิดร่วมกับแกรไฟต์ ได้แก่ ควอตซ์ แคลไซต์ ไมกา เหล็ก และทัวร์มาลีน แร่แกรไฟต์มีหลายลักษณะ แผ่นแกรไฟต์ที่บางสามารถงอได้แต่ไม่มีความยืดหยุ่น แร่จะให้สีดำที่มือและกระดาษ สามารถนำไฟฟ้าและแสดงลักษณะการจัดเรียงอะตอมที่ลดแรงเสียดทาน (superlubricity) เป็นตัวบ่งบอกถึง ความอ่อนนุ่ม ความมันวาว ความหนาแน่น และลักษณะของผงแร่ สมาคมสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGC) รายงานว่า อัตราการผลิตแร่แกรไฟต์ในปี ค.ศ.2008 เป็นจำนวน 1,110 กิโลตัน โดยมาจาก ประเทศจีน 800 กิโลตัน ประเทศอินเดีย 130 กิโลตัน ประเทศบราซิล 76 กิโลตัน ประเทศเกาหลีเหนือ 30 กิโลตัน และประเทศแคนาดา 28 กิโลตัน โดยแร่แกรไฟต์ได้ขุดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่มีการสังเคราะห์ขึ้น โดยในปีคศ. 2007 ได้มีการผลิตขึ้นเป็นจำนวน 198 กิโลตัน คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1.18 พันล้านดอลลาห์ อัตราการใช้แร่แกรไฟต์คิดเป็น 42 กิโลตันสำหรับแร่แกรไฟต์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และ 200 กิโลตัน สำหรับแร่แกรไฟต์ที่สังเคราะห์ขึ้น == ลักษณะ == แร่แกรไฟต์ประกอบแร่เรียงตัวเป็นชั้น ๆ คาร์บอนมีการจัดเรียงตัวแบบเอลฟา หรือเป็นรูปผลึก 6 หน้า (hexagonal) และจัดเรียงตัวแบบเบตาหรือรูปผลึกขนมเปียกปูน (rhombohedral) โดยมีลักษณะทางกายภาพเหมือนกัน แผ่นแร่รูปผลึก 6 หน้า มีลักษณะบางและไม่แข็ง ผลึกแบบแอลฟาสามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นเบตาได้เมื่อแรงกดดัน และผลึกแบบเบตาร์สามารถเปลี่ยนกลับเป็นผลึกแบบเอลฟาเมื่อได้รับความร้อนมากกว่า 1300 องศาเซลเซียส แผ่นแร่แต่ละแผ่นมีความหนาแน่นน้อย แร่แกรไฟต์มีการนำไฟฟ้าเพราะการจัดเรียงตัวของอิเล็กตรอนแต่ละระนาบ โดยอิเล็กตรอนวงนอกสุดสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ จึงสามารถนำไฟฟ้าได้ แต่อย่างไรก็ตามแร่แกรไฟต์นำไฟฟ้าได้ระนาบเดียวเท่านั้น ไฟล์:Graphite ambient STM.jpg|STM-Image of graphite surface atoms ไฟล์:Graphite-unit-cell-3D-balls.png|graphite's unit cell ไฟล์:graphite.gif|ball-and-stick model of graphite (2 graphene layers) ไฟล์:Graphite-layers-side-3D-balls.png|side view of layer stacking ไฟล์:Graphite-layers-top-3D-balls.png|plane view of layer stacking graphite stereo animation.gif Rotating graphite stereogram == การใช้ประโยขน์จากแร่แกรไฟต์ในธรรมชาติ == แร่แกรไฟต์ในธรรมชาติมีการใช้ประโยขน์ในเรื่อง การผลิตเหล็กกล้า อุตสาหกรรมเครื่องเขียน การผลิตอุปกรณ์ที่ช่วยลดการสูญเสียความร้อน การผลิตอุปกรณ์เบรกรถยนต์ อุตสาหกรรมผลิตแบตเตอร์รี่ และทำสารหล่อ (ไม่) ลื่น แกรฟีน (Graphene) ซึ่งเป็นแร่แกรไฟต์ที่พบตามธรรมชาติมีลักษณะเด่นคือ มีความแข็งแรงมาก จึงใช้คุณสมบัตินี้แยกแกรฟีนออกจากแร่แกรไฟต์ทั่วไปเพื่อนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม == การใช้ประโยชน์จากแร่แกรไฟต์สังเคราะห์ == แร่แกรไฟต์สังเคราะห์ใช้ประโยชน์ใน การทำเป็นขั้วไฟฟ้า การทำเป็นผงเพื่อใช้ในงานอุตสาหหรรมผลิตแบตเตอร์รี่ และอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์เบรกรถยนต์ โดยทำจากเชื้อเพลิงถ่านหินที่เผาจนหมดควัน (petroleum coke) เส้นใยแกรไฟต์หรือเส้นใยคาร์บอนเป็นเส้นใยที่มีความแข็งแรงทนทานสูง ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ตกปลา อุปกรณ์กีฬากอล์ฟ อุตสาหกรรมรถจักรยาน และแท่นกระโดดที่สระน้ำ นอกจากนี้แกรไฟต์สังเคราะห์ใช้เป็นสารลดความเร็วของนิวตรอนในปฏิกิริยานิวเคลียร์ โดยแกรไฟต์เป็นตัวดูดกลืนนิวตรอนอิสระในแร่บางชนิด เช่น โบรอน และใช้ในการผลิตอุปกรณ์ดูดจับเรดาร์ วัสดุสำหรับงานศิลปะ คาร์บอน
thaiwikipedia
969
สุริยุปราคา
สุริยุปราคา หรือ สุริยคราส เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาเรียงอยู่ในแนวเดียวกันโดยมีดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง เกิดขึ้นเฉพาะในวันที่ดวงจันทร์มีดิถีตรงกับจันทร์ดับ เมื่อสังเกตจากพื้นโลกจะเห็นดวงจันทร์เคลื่อนเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ โดยอาจบังมิดหมดทั้งดวงหรือบางส่วนก็ได้ ในแต่ละปีสามารถเกิดสุริยุปราคาบนโลกได้อย่างน้อย 2 ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 5 ครั้ง ในจำนวนนี้อาจไม่มีสุริยุปราคาเต็มดวงเลยแม้แต่ครั้งเดียว หรืออย่างมากไม่เกิน 2 ครั้ง โอกาสที่จะได้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงสำหรับสถานที่ใดสถานที่หนึ่งบนพื้นโลกนั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากสุริยุปราคาเต็มดวงแต่ละครั้งจะเกิดในบริเวณแคบ ๆ ภายในแถบที่เงามืดของดวงจันทร์พาดผ่านเท่านั้น สุริยุปราคาเต็มดวงเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงาม น่าตื่นเต้น และสร้างความประทับใจแก่คนที่ได้ชม ผู้คนจำนวนมากต่างพากันเดินทางไปยังดินแดนอันห่างไกลเพื่อคอยเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์นี้ สุริยุปราคาเต็มดวงเมื่อ พ.ศ. 2542 ที่เห็นได้ในทวีปยุโรป ทำให้สาธารณชนหันมาสนใจสุริยุปราคาเพิ่มขึ้นมาก สังเกตได้จากจำนวนประชาชนที่เดินทางไปเฝ้าสังเกตสุริยุปราคาวงแหวนใน พ.ศ. 2548 และสุริยุปราคาเต็มดวงใน พ.ศ. 2549 สุริยุปราคาครั้งที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือสุริยุปราคาวงแหวนเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552 สุริยุปราคาเต็มดวงเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 และสุริยุปราคาบางส่วนเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562 == ชนิดของสุริยุปราคา == สุริยุปราคามี 4 ชนิด ได้แก่ สุริยุปราคาเต็มดวง (total eclipse): ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์หมดทั้งดวง สุริยุปราคาบางส่วน (partial eclipse) : มีเพียงบางส่วนของดวงอาทิตย์เท่านั้นที่ถูกบัง สุริยุปราคาวงแหวน (annular eclipse) : ดวงอาทิตย์มีลักษณะเป็นวงแหวน เกิดเมื่อดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลจากโลก ดวงจันทร์จึงปรากฏเล็กกว่าดวงอาทิตย์ สุริยุปราคาผสม (hybrid eclipse) : ความโค้งของโลกทำให้สุริยุปราคาคราวเดียวกันกลายเป็นแบบผสมได้ คือ บางส่วนของแนวคราสเห็นสุริยุปราคาเต็มดวง ที่เหลือเห็นสุริยุปราคาวงแหวน บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงเป็นส่วนที่อยู่ใกล้ดวงจันทร์มากกว่า สุริยุปราคาจัดเป็นอุปราคาประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นเฉพาะในวันที่ดวงจันทร์มีดิถีตรงกับจันทร์ดับ การที่ขนาดของดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์เกือบจะเท่ากันถือเป็นเหตุบังเอิญ ดวงอาทิตย์มีระยะห่างเฉลี่ยจากโลกไกลกว่าดวงจันทร์ประมาณ 400 เท่า ละเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ก็ใหญ่กว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงจันทร์ประมาณ 400 เท่า ตัวเลขทั้งสองนี้ซึ่งไม่ต่างกันมาก ทำให้ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์มีขนาดใกล้เคียงกันเมื่อมองจากโลก คือปรากฏด้วยขนาดเชิงมุมราว 0.5 องศา วงโคจรของดวงจันทร์รอบโลกเป็นวงรีเช่นเดียวกันกับวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ขนาดปรากฏของดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์จึงไม่คงที่ อัตราส่วนระหว่างขนาดปรากฏของดวงจันทร์ต่อดวงอาทิตย์ขณะเกิดคราส เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าสุริยุปราคาอาจเป็นชนิดใด ถ้าคราสเกิดขึ้นระหว่างที่ดวงจันทร์อยู่บริเวณจุดใกล้โลกที่สุด (perigee) อาจทำให้เป็นสุริยุปราคาเต็มดวง เพราะดวงจันทร์จะมีขนาดปรากฏใหญ่มากพอที่จะบดบังผิวสว่างของดวงอาทิตย์ที่เรียกว่าโฟโตสเฟียร์ได้ทั้งหมด ตัวเลขอัตราส่วนนี้จึงมากกว่า 1 แต่ในทางกลับกัน หากเกิดคราสขณะที่ดวงจันทร์อยู่บริเวณจุดไกลโลกที่สุด (apogee) คราสครั้งนั้นอาจเป็นสุริยุปราคาวงแหวน เพราะดวงจันทร์จะมีขนาดปรากฏเล็กกว่าดวงอาทิตย์ อัตราส่วนนี้จึงมีค่าน้อยกว่า 1 สุริยุปราคาวงแหวนเกิดได้บ่อยกว่าสุริยุปราคาเต็มดวง เพราะโดยเฉลี่ยแล้วดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลกมากเกินกว่าจะบดบังดวงอาทิตย์ได้ทั้งหมด == การพยากรณ์สุริยุปราคา == === รูปแบบ === แผนภาพทางขวาแสดงให้เห็นการเรียงตัวกันของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ระหว่างการเกิดสุริยุปราคา บริเวณสีเทาเข้มใต้ดวงจันทร์คือเขตเงามืด ซึ่งดวงอาทิตย์จะถูกดวงจันทร์บดบังไปทั้งดวง บริเวณเล็ก ๆ ที่เงามืดทาบกับผิวโลกคือจุดที่สามารถมองเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงได้ บริเวณสีเทาอ่อนที่กว้างกว่าคือเขตเงามัว ซึ่งจะสังเกตเห็นสุริยุปราคาบางส่วน ระนาบวงโคจรของดวงจันทร์เอียงทำมุมประมาณ 5 องศา กับระนาบวงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์ ด้วยเหตุนี้ ในเวลาที่ดวงจันทร์โคจรมาที่ตำแหน่งจันทร์ดับ ส่วนใหญ่มันจะผ่านไปทางด้านเหนือหรือด้านใต้ของดวงอาทิตย์โดยเงาของดวงจันทร์ไม่สัมผัสผิวโลก จึงไม่เกิดสุริยุปราคา สุริยุปราคาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจันทร์ดับเกิดในช่วงที่ดวงจันทร์เคลื่อนมาอยู่บริเวณใกล้จุดตัดของระนาบวงโคจรทั้งสอง วงโคจรของดวงจันทร์เป็นรูปวงรี ทำให้ระยะห่างระหว่างดวงจันทร์กับโลกแปรผันได้ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์จากค่าเฉลี่ย เพราะฉะนั้น ขนาดปรากฏของดวงจันทร์จึงแปรผันไปตามระยะห่างซึ่งส่งผลต่อการเกิดสุริยุปราคา ขนาดเฉลี่ยของดวงจันทร์เมื่อมองจากโลกมีขนาดเล็กกว่าดวงอาทิตย์เล็กน้อย ทำให้สุริยุปราคาส่วนใหญ่เป็นแบบวงแหวน แต่หากในวันที่เกิดสุริยุปราคานั้น ดวงจันทร์โคจรมาอยู่บริเวณจุดใกล้โลกที่สุด ก็จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ส่วนวงโคจรของโลกก็เป็นวงรีเช่นกัน ระยะห่างระหว่างดวงอาทิตย์กับโลกก็แปรผันไปในรอบปี แต่ส่งผลไม่มากนักต่อการเกิดสุริยุปราคา ดวงจันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลาประมาณ 27.3 วัน เมื่อเทียบกับกรอบอ้างอิงคงที่ เรียกว่าเดือนดาราคติ (sidereal month) แต่โลกก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ในทิศทางเดียวกัน ทำให้ระยะเวลาจากจันทร์เพ็ญถึงจันทร์เพ็ญอีกครั้งหนึ่งกินเวลานานกว่านั้น คือ ประมาณ 29.6 วัน เรียกว่า เดือนจันทรคติ (lunar month) หรือเดือนดิถี (synodic month) การนับเวลาที่ดวงจันทร์โคจรผ่านจุดโหนดขึ้น (ascending node) ซึ่งเป็นจุดที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่จากใต้ระนาบสุริยวิถีขึ้นไปทางเหนือครบหนึ่งรอบก็เป็นการนับเดือนอีกวิธีหนึ่งเช่นกัน เดือนแบบนี้สั้นกว่าแบบแรกเล็กน้อย เนื่องจากจุดโหนดเคลื่อนที่ถอยหลังโดยเกิดจากอิทธิพลแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ด้วยคาบ 18.6 ปี เรียกเดือนแบบนี้ว่า เดือนราหู (draconic month) เดือนอีกแบบหนึ่งนับจากที่ดวงจันทร์โคจรผ่านจุดใกล้โลกที่สุด 2 ครั้งติดกัน เรียกว่า เดือนจุดใกล้ (anomalistic month) มีค่าไม่เท่ากับเดือนดาราคติ เนื่องจากวงโคจรของดวงจันทร์ส่ายไปโดยรอบด้วยคาบประมาณ 9 ปี === ความถี่ === วงโคจรของดวงจันทร์ตัดกับสุริยวิถี 2 จุด ซึ่งห่างกัน 180 องศา ดังนั้น ดวงจันทร์ในวันจันทร์ดับจะอยู่บริเวณจุดนี้ปีละ 2 ช่วง ห่างกัน 6 เดือน ทำให้เกิดสุริยุปราคาอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง บางครั้งเกิดจันทร์ดับ 2 ครั้งติดกันใกล้ ๆ กับจุดโหนด ส่งผลให้บางปีสามารถเกิดสุริยุปราคาได้มากถึง 5 ครั้ง อย่างไรก็ตาม เงามืดของดวงจันทร์มักจะทอดเลยออกไปทางเหนือหรือใต้ของโลกโดยไม่สัมผัสผิวโลก จึงเกิดเป็นสุริยุปราคาบางส่วนเท่านั้น นอกจากนี้ เงามืดอาจสัมผัสผิวโลกในที่ห่างไกลบริเวณใกล้ขั้วโลกอย่างอาร์กติก และทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งยากต่อการเดินทางไปสังเกตการณ์ === ระยะเวลา === สุริยุปราคาเต็มดวงจะเกิดในเวลาสั้น ๆ เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โลกก็โคจรไปรอบดวงอาทิตย์ด้วยเช่นกัน ทำให้เงามืดที่ตกบริเวณโลกเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจากตะวันตกไปตะวันออกในระยะเวลาสั้น ๆ หากสุริยุปราคาเกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์โคจรอยู่ใกล้ตำแหน่ง perigee มาก ๆ จะทำให้สุริยุปราคาเต็มดวงสามารถสังเกตได้ในบริเวณกว้าง ประมาณ 250 กิโลเมตร และเวลาในการเกิดนั้นอาจนานประมาณ 7 นาที สุริยุปราคาบางส่วน ซึ่งเกิดจากเงามัวของดวงจันทร์นั้นสามารถเกิดได้ในบริเวณกว้างกว่าสุริยุปราคาเต็มดวงมาก == สุริยุปราคาในประวัติศาสตร์ == บันทึกในประวัติศาสตร์เล่าถึงสงครามกับปรากฏการณ์อุปราคาที่เลื่องลือที่สุด คือ เมื่อครั้งเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง วันที่ 28 พฤษภาคม ก่อน พ.ศ. 41 ปี ท้องฟ้าสว่างไสวในตอนกลางวันกลายเป็นกลางคืนไปชั่วขณะหนึ่ง เป็นเหตุให้สงครามเปอร์เซียที่นานยืดเยื้อถึง 6 ปี ระหว่างชาวลิเดียกับชาวเมเดสยุติลงได้ด้วยการเจรจาสันติภาพ และผูกสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานกัน 2 คู่ ทั้งนี้ด้วยความยำเกรงในอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ในบัดดล ในครั้งนั้นเธลีส (Thales) นักดาราศาสตร์และนักปรัชญาชาวกรีกได้ทำนายการเกิดสุริยุปราคาไว้ก่อนแล้ว แต่ทั้งสองชนชาติอาจไม่รู้ถึงการทำนายนั้น พระเจ้าหลุยส์ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนยุโรปครั้งนั้น ถึงกับพิศวงงงงวยกับปรากฏการณ์ฟากฟ้าที่ดวงอาทิตย์มืดหมดดวงนานถึง 5 นาที ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 1383 แล้วพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ เล่ากันว่าคงเป็นเพราะความตกใจ หลังจากนั้นเกิดศึกแย่งชิงบัลลังก์ยาวนานถึง 3 ปี มายุติลงด้วยสนธิสัญญาแวร์เดิง (Treaty of Verdun) ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นดินแดน 3 ประเทศ ที่รู้จักกันทุกวันนี้คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และอิตาลี == การสังเกตสุริยุปราคา == การมองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าไม่ว่าจะมองในเวลาใดก็ตามส่งผลเสียต่อดวงตา แม้แต่มองดวงอาทิตย์ขณะเกิดสุริยุปราคา แต่สุริยุปราคาก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าสนใจและศึกษาอย่างมาก การใช้อุปกรณ์ช่วยในการมอง เช่นกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ ก็ยิ่งทำให้เป็นอันตรายมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นการดูดวงอาทิตย์จึงต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วยกรองรังสีบางชนิดที่จะเข้าสู่ดวงตา การใช้แว่นกันแดดในการมองเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่สามารถป้องกันสิ่งที่เป็นอันตราย รวมทั้งรังสีอินฟราเรดที่มองไม่เห็นซึ่งจะเป็นอันตรายต่อเรตินาได้ การสังเกตจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่ทำมาโดยเฉพาะ จึงจะสามารถมองดูดวงอาทิตย์ได้ตรง ๆ การสังเกตที่ปลอดภัยมากที่สุด คือการฉายแสงจากดวงอาทิตย์ผ่านอุปกรณ์อื่น เช่น กล้องสองตา หรือกล้องโทรทรรศน์ แล้วใช้กระดาษสีขาวมารองรับแสงนั้น จากนั้นมองภาพจากกระดาษที่รับแสง แต่การทำเช่นนี้ต้องมั่นใจว่าไม่มีใครมองผ่านอุปกรณ์นั้นโดยตรง ไม่เช่นนั้นจะทำอันตรายต่อดวงตาของคนนั้นอย่างมาก โดยเฉพาะถ้ามีเด็กอยู่บริเวณนั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม สามารถดูดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าโดยตรงได้เฉพาะในช่วงที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงเท่านั้น นอกจากจะไม่เป็นอันตรายแล้ว สุริยุปราคาเต็มดวงยังสวยงามอีกด้วย ขณะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงจะเห็นบรรยากาศชั้นโคโรนาแผ่ไปรอบดวงอาทิตย์ บางครั้งอาจเห็นโครโมสเฟียร์ (chromosphere) และเปลวสุริยะ (prominence) ที่พุ่งออกมาจากขอบดวงอาทิตย์ ซึ่งปกติจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ควรหยุดดูดวงอาทิตย์ก่อนที่จะสิ้นสุดสุริยุปราคาเต็มดวงเล็กน้อย === ประโยชน์ของการสังเกตสุริยุปราคา === นักดาราศาสตร์ใช้การเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในการสังเกตบรรยากาศชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์ ซึ่งตามปกติจะถูกแสงที่สว่างจ้าของบรรยากาศชั้นโฟโตสเฟียร์กลบจนไม่สามารถมองเห็นได้ สุริยุปราคามีระยะเวลา หรือวงรอบของการเกิดที่แน่นอน ทำให้สามารถทำนายการเกิดสุริยุปราคาครั้งต่อไปได้โดยการคำนวณอย่างง่าย ๆ จากความเร็วในการเคลื่อนที่ไปรอบดวงอาทิตย์ เปรียบเทียบตำแหน่งกับการที่ดวงจันทร์หมุนรอบโลก == สุริยุปราคาในประเทศไทย == จากบันทึกในประวัติศาสตร์ อาณาจักรอยุธยา มีบันทึกการสังเกตสุริยุปราคาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในตอนสายของวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2231 เป็นสุริยุปราคาเต็มดวงที่แนวคราสมืดไม่ได้พาดผ่านสยามประเทศ จึงสังเกตเห็นเป็นชนิดบางส่วน กรุงรัตนโกสินทร์ ครั้งที่ 1 เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ตรงตามเวลาที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคำนวณไว้ ที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย ครั้งที่ 2 เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2418 โดยเป็นสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งแรกที่เห็นได้ในกรุงเทพมหานครนับตั้งแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา โดยกินหมดดวงเวลา 14:31:29 น.–14:35:21 น. ตามเวลามาตรฐานประเทศไทยในปัจจุบัน แต่เส้นกึ่งกลางคราสไม่ผ่านกรุงเทพฯ ครั้งที่ 3 เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 เห็นได้ที่จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดพระเนตรที่จังหวัดปัตตานี โดยมีคณะนักดาราศาสตร์จากต่างประเทศขนอุปกรณ์มาศึกษาสุริยุปราคาด้วย แต่หลังจากนั้นก็มีการประดิษฐ์เครื่องมือศึกษาดวงอาทิตย์ได้โดยไม่ต้องพึ่งสุริยุปราคาอีก ครั้งที่ 4 เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ในหลายจังหวัด เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2498 นับเป็นสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งที่สองที่เห็นได้ในกรุงเทพฯ ครั้งที่ 5 เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ในเขต 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสระแก้ว จังหวัดพิจิตร และ จังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2538 การตรวจสอบด้วยคณิตกรณ์ อาณาจักรอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. 1893–2310 เวลาถึง 417 ปี ควรมีสุริยุปราคาครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าแบบบางส่วน แบบวงแหวน แบบเต็มดวง และแบบผสม หลายครั้งแนวคราสก็พาดผ่านเข้ามาในเขตสยาม แต่หากเจาะจงเฉพาะเกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา ความน่าจะเป็นที่จะได้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงพาดผ่าน มีอย่างน้อย 1–2 ครั้ง เพราะโดยเฉลี่ยทั่วโลกแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 360 ปีถึงจะได้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงในจุดเดิมอีกครั้ง แต่จากการตรวจสอบด้วยคณิตกรณ์ มีสุริยุปราคาเต็มดวงที่แนวคราสพาดผ่านเกาะเมืองอยุธยาถึง 3 ครั้ง ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก แต่กลับไม่มีในบันทึกประวัติศาสตร์เลยสักครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2111 แนวคราสกว้างครอบคลุมถึงบางกอก และยังเฉียดไปใกล้กับหงสาวดี ครั้งที่ 2 วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2186 ครั้งที่ 3 วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2285 ตอนเช้าตรู่ ส่วนสุริยุปราคาเต็มดวง ที่จะเห็นในประเทศไทยครั้งต่อไป จะเกิดในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2613 ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ == ดูเพิ่ม == อุปราคา จันทรุปราคา ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ == อ้างอิง == == บรรณานุกรม == == แหล่งข้อมูลอื่น == สมาคมดาราศาสตร์ไทย อุปราคาในปี 2552 ข้อมูลจากสมาคมดาราศาสตร์ไทย ลำดับเวลาการเกิดสุริยุปราคา โฮมเพจสุริยุปราคาขององค์การนาซา การเกิดสุริยุปราคา 11,898 ครั้ง ในอดีตตลอดช่วง 5,000 ปี พร้อมแผนภาพแบบ interactive วิธีดูสุริยุปราคาให้ปลอดภัย (ต่อดวงตา) โดย F. Espenak (ศูนย์การบินอวกาศก็อดเดิร์ด, องค์การนาซา) 16px Wikiversity มีการทดลองสุริยุปราคาสำหรับนักเรียน อุปราคา สุริยุปราคา ดวงอาทิตย์
thaiwikipedia
970
สาขาของคณิตศาสตร์
สาขาของคณิตศาสตร์ แบ่งตาม 2000 Mathematics Subject Classification (MSC2000) 00: คณิตศาสตร์ทั่วไป (General) 01: ประวัติและชีวประวัติ (History and biography) 03: คณิตตรรกศาสตร์ (Mathematical logic and foundations) 05: คณิตศาสตร์เชิงการจัด (Combinatorics) 06: อันดับ แลตทิซ และโครงสร้างเชิงพีชคณิตแบบอันดับ (Order, lattices, ordered algebraic structures) 08: พีชคณิตทั่วไป (General algebraic systems) 11: ทฤษฎีจำนวน (Number theory) 12: ทฤษฎีฟีลด์ และพหุนาม (Field theory and polynomials) 13: ริงสลับที่และพีชคณิต (Commutative rings and algebras) 14: เรขาคณิตเชิงพีชคณิต (Algebraic geometry) 15: พีชคณิตเชิงเส้นและเชิงหลายเส้น; ทฤษฎีเมทริกซ์ (Linear and multilinear algebra; matrix theory) 16: ริงจัดหมู่ และ แอลจีบราจัดหมู่ (Associative rings and algebras) 17: Nonassociative rings and algebras 18: ทฤษฎีประเภท และ พีชคณิตเชิงโฮโมโลยี (Category theory; homological algebra) 19: K-theory 20: Group theory and generalizations 22: Topological groups, Lie groups 26: Real functions 28: ทฤษฎีเมเชอร์และการอินทิเกรต (Measure and integration) 30: ฟังก์ชันของตัวแปรเชิงซ้อน (Functions of a complex variable) 31: Potential theory 32: Several complex variables and analytic spaces 33: ฟังก์ชันเฉพาะ (Special functions) 34: สมการเชิงอนุพันธ์สามัญ (Ordinary differential equations) 35: สมการเชิงอนุพันธ์ย่อย (Partial differential equations) 37: ระบบพลวัต (Dynamical systems and ergodic theory) 39: สมการเชิงผลต่าง และ สมการเชิงฟังก์ชัน Difference and functional equations 40: ลำดับ, อนุกรม, และ ผลรวม (Sequences, series, summability) 41: Approximations and expansions 42: การวิเคราะห์ฟูเรียร์ (Fourier analysis) 43: Abstract harmonic analysis 44: Integral transforms, operational calculus 45: Integral equations 46: การวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน (Functional analysis) 47: Operator theory 49: แคลคูลัสของการแปรผันและการควบคุมออปติมัล (Calculus of variations and optimal control; optimization) 51: เรขาคณิต (Geometry) 52: Convex and discrete geometry 53: เรขาคณิตเชิงอนุพันธ์ (Differential geometry) 54: ทอพอโลยีทั่วไป (General topology) 55: ทอพอโลยีเชิงพีชคณิต (Algebraic topology) 57: Manifolds and cell complexes 58: Global analysis, analysis on manifolds 60: ทฤษฎีความน่าจะเป็น และ stochastic processes (Probability theory and stochastic processes) 62: สถิติศาสตร์ (Statistics) 65: การวิเคราะห์เชิงตัวเลข (Numerical analysis) 68: วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer science) 70: Mechanics of particles and systems 74: Mechanics of deformable solids 76: กลศาสตร์ของไหล (Fluid mechanics) 78: ทฤษฎีแสงและแม่เหล็กไฟฟ้า (Optics, electromagnetic theory) 80: Classical thermodynamics, heat transfer 81: ทฤษฎีควอนตัม (Quantum theory) 82: กลศาสตร์สถิติ, structure of matter 83: Relativity and gravitational theory 85: ดาราศาสตร์ และ ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ (astronomy, astrophysics) 86: ธรณีฟิสิกส์ (Geophysics) 90: การวิจัยดำเนินงาน, การคำนวณแผนงานเชิงคณิตศาสตร์ (Operations research, mathematical programming) 91: ทฤษฎีเกม, เศรษฐศาสตร์, สังคมศาสตร์ และพฤติกรรมศาสตร์ (Game theory, economics, social and behavioral sciences) 92: ชีววิทยา และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอื่นๆ (Biology and other natural sciences) 93: ทฤษฎีระบบ และการควบคุม (Systems theory; control) 94: สารสนเทศและการสื่อสาร, วงจร (Information and communication, circuits) 97: การศึกษาคณิตศาสตร์ (Mathematics education)
thaiwikipedia
971
กลุ่มดาวหมีเล็ก
กลุ่มดาวหมีเล็ก เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ หนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาว 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ปัจจุบันกลุ่มดาวนี้อยู่ในบริเวณขั้วฟ้าเหนือ แต่ไม่ได้เป็นเช่นนี้ตลอดไป เพราะแกนหมุนของโลกมีการส่าย กลุ่มดาว กลุ่มดาวหมีเล็ก
thaiwikipedia
972
กลุ่มดาวหมีใหญ่
กลุ่มดาวหมีใหญ่ เป็นกลุ่มดาวที่มีตำนานเกี่ยวข้องกับคัลลิสโตในเทพนิยายกรีก ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุด 7 ดวง ทำให้เกิดดาวเรียงเด่นซึ่งคนไทยเรียกว่า ดาวจระเข้ คนลาว เรียกว่า ดาวหัวช้าง ในสหราชอาณาจักรเรียกว่า คันไถ ในจีนและอเมริกาเหนือ เรียกว่า กระบวยใหญ่ กลุ่มดาวหมีใหญ่ เป็นกลุ่มดาวสำคัญ ช่วยชี้หาดาวเหนือได้ โดยไล่จากขาหน้าขวา (βUMa) ไปทางขาหน้าซ้าย (αUMa) เลยออกไปอีกประมาณ 5 ช่วง นอกจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ ยังมีอีกกลุ่มที่ใช้หาดาวเหนือได้คือ กลุ่มดาวแคสซิโอเปีย หรือดาวค้างคาว สำหรับคนในซีกโลกเหนือ กลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นกลุ่มดาวที่มองเห็นได้ตลอดทั้งปีเช่นเดียวกับดาวเหนือ แต่ในทางกลับกันเนื่องจากเป็นกลุ่มดาวที่อยู่ในซีกฟ้าเหนือ ผู้ที่อาศัยอยู่ทางซีกโลกใต้มาก ๆ จะเห็นได้ลำบาก เพราะตำแหน่งดาวบนทรงกลมท้องฟ้า จะอยู่ใต้พื้นโลกเกือบตลอดเวลา สิ่งที่น่ารู้อีกอย่างเกี่ยวกับกลุ่มดาวหมีใหญ่คือ กลุ่มดาวหมีใหญ่มีโลกที่สดใสและเป็นสีชมพูตลอดเวลาเนื่องจากกลุ่มดาวหมีใหญ่มีดาวบีตา(β)ชื่อว่า"มีรัก(Merak)" ==ดูเพิ่ม== 47 หมีใหญ่ == อ้างอิง == กลุ่มดาว กลุ่มดาวหมีใหญ่
thaiwikipedia
973
กลุ่มดาวเพอร์ซิอัส
กลุ่มดาวเพอร์ซิอัส เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ ตั้งชื่อตามวีรบุรุษกรีกผู้สยบเมดูซา กลุ่มดาวนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล กลุ่มดาวเพอร์ซิอัสมีดาวแปรแสงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีชื่อ ดาวอัลกอล (β Per) และเป็นตำแหน่งจุดกระจายดาวตกของฝนดาวตกเพอร์ซิอัส ที่เกิดขึ้นกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี กลุ่มดาว กลุ่มดาวเพอร์ซิอัส
thaiwikipedia
974
กลุ่มดาวม้าบิน
กลุ่มดาวม้าบิน เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ ตั้งชื่อตามเพกาซัส สัตว์ในเทพนิยายกรีก นับเป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ดาวฤกษ์สว่าง 4 ดวงในกลุ่ม เรียงกันเป็นดาวเรียงเด่นรู้จักกันในชื่อ จัตุรัสม้าบิน ดาวดวงหนึ่งใน 4 ดวงนี้ เป็นสมาชิกของทั้งกลุ่มดาวแอนดรอเมดาและกลุ่มดาวม้าบิน กลุ่มดาว กลุ่มดาวม้าบิน
thaiwikipedia
975
กลุ่มดาวนายพราน
กลุ่มดาวนายพราน (Orion) เป็นกลุ่มดาวที่มีชื่อเสียง คนไทยเรียกว่า ดาวเต่า การที่มีดาวฤกษ์สว่างหลายดวงเป็นสมาชิก และมีตำแหน่งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรฟ้า ทำให้มองเห็นได้ทั่วโลก และอาจเป็นที่รู้จักกว้างขวางที่สุดในบรรดากลุ่มดาวบนท้องฟ้า ดาวสามดวงที่ประกอบกันเป็น "เข็มขัดของนายพราน" เป็นดาวที่มีความสว่างปานกลางแต่ก็สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย สำหรับผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ในซีกโลกเหนือจะสามารถมองเห็นกลุ่มดาวนี้ได้ตั้งแต่ช่วงเย็นของเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนมกราคม จากนั้นจะสามารถเห็นได้ในช่วงเช้ามืดตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน ตำแหน่งของกลุ่มดาวนายพรานเทียบกับกลุ่มดาวข้างเคียงสามารถจินตนาการออกมาเป็นภาพได้ดังนี้ : นายพรานโอไรอันยืนอยู่ข้างแม่น้ำเอริดานัส มีหมาล่าเนื้อสองตัวอยู่เคียงข้างคือ คานิสใหญ่และคานิสเล็ก เขากำลังสู้กับวัวเทารัส โดยมีเหยื่ออื่นอยู่ข้างๆ อีกเช่น ลีปัสกระต่ายป่า กลุ่มดาวนายพรานมีดาวไรเจลเป็นดาวสว่างที่สุด แต่ดาวที่มีชื่อเสียงคือดาวบีเทลจุส ดาวยักษ์แดงซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งในสามดวงของดาวสามเหลี่ยมฤดูหนาว (คือดาวบีเทลจุส ดาวซิริอุส และดาวโปรซิออน) เราสามารถใช้กลุ่มดาวนายพรานสำหรับการชี้ดาวต่างๆ ได้มากมาย เช่น ลากจากดาวอัลนิลัม ไป ดาวเมสสา จะชี้ตรงทิศเหนือ ใต้กลุ่มดาวนายพรานเป็นกลุ่มดาวกระต่ายป่า ดาวไรเจลอยู่ติดกับกลุ่มดาวแม่น้ำที่มีดาวอะเคอร์นาเป็นดาวเด่น (ไม่ได้อยู่ติดกัน) เข็มขัดนายพรานชี้ไปที่ดาวตาวัว (อัลดิบารัน) และถ้าลากจากไรเจลผ่านบีเทลจุสจะได้ดาวคาสเตอร์ เป็นต้น == รายชื่อดาวในกลุ่ม == กลุ่มดาวนายพรานเป็นกลุ่มดาวที่มีดาวฤกษ์สว่างเป็นสมาชิกอยู่มาก มีดาวฤกษ์ในตำแหน่งหลักทั้งสิ้น 8 ชุด มีรายละเอียดดังนี้ λ Ori (ดาวเมสสา) เป็นดาวส่วนหัวของนายพราน มีความส่องสว่างปรากฏ 3.54 α Ori (ดาวบีเทลจุส) อยู่ที่ไหล่ขวาของนายพราน เป็นดาวยักษ์แดงที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าวงโคจรของดาวอังคาร แม้จะได้รหัสว่า อัลฟา (α) แต่ระดับความสว่างก็ยังเป็นรองแก่ดาวไรเจล มีความส่องสว่างปรากฏ 0.42 (แปรแสงได้ระหว่าง 0.3-1.2) γ Ori (ดาวเบลลาทริกซ์) อยู่ที่ไหล่ซ้ายของนายพราน มีความส่องสว่างปรากฏ 1.64 ζ Ori (ดาวอัลนิแทค), ε Ori (ดาวอัลนิลัม) และ δ Ori (ดาวมินทาคา) ประกอบกันเป็นแนวเส้นที่เป็นที่รู้จักว่า "เข็มขัดของนายพราน" (Orion's Belt) ซึ่งเป็นจุดสังเกตค้นหากลุ่มดาวได้อย่างง่ายที่สุด มีความส่องสว่างปรากฏ 2.00 ,1.70 ,2.23 ตามลำดับ η Ori (เอต้า โอไรอัน) อยู่ระหว่างดาวมินทาคากับไรเจล มีความส่องสว่างปรากฏ 3.42 κ Ori (ดาวไซฟ์) อยู่ที่เข่าขวาของนายพราน มีความส่องสว่างปรากฏ 2.09 β Ori (ดาวไรเจล) อยู่ที่เข่าซ้ายของนายพราน เป็นดาวสีน้ำเงินขาวขนาดใหญ่ที่สว่างมากที่สุดดวงหนึ่งบนท้องฟ้า มีดาวในระบบดาวสามดวงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีความส่องสว่างปรากฏ 0.12 ι Ori (ดาวฮัตซยา) อยู่ที่ตำแหน่งยอดดาบของนายพราน มีความส่องสว่างปรากฏ 2.77 เช่นเดียวกับดาวฤกษ์สว่างดวงอื่นๆ ชื่อ บีเทลจุส ไรเจล ไซฟ์ อัลนิแทค มินทาคา อัลนิลัม ฮัตซยา และเมสสา มีต้นกำเนิดมาจากคำในภาษาอาหรับ == การระบุตำแหน่งดาวอื่น == กลุ่มดาวนายพรานมีประโยชน์อย่างยิ่งในการใช้ค้นหาตำแหน่งของดาวอื่นๆ เมื่อลากเส้นจากแนวเข็มขัดนายพรานออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ จะพบดาวซิริอุสในกลุ่มดาวสุนัขใหญ่ ถ้าลากต่อออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ จะพบดาวอัลดิบาแรน เส้นตรงที่ลากผ่านไหล่ทั้งสองข้างของนายพรานออกไปทางตะวันออกจะชี้ไปยังตำแหน่งของดาวโปรซิออนในกลุ่มดาวสุนัขเล็ก ถ้าลากเส้นจากดาวไรเจลผ่านดาวบีเทลจุสต่อออกไปจะพบดาวคาสเตอร์กับดาวพอลลักซ์ในกลุ่มดาวคนคู่ นอกจากนี้ ดาวไรเจลยังเป็นดาวสมาชิกดวงหนึ่งของวงกลมฤดูหนาว ส่วนซิริอุสและโปรซิออนเป็นส่วนหนึ่งของทั้งดาวสามเหลี่ยมฤดูหนาวและวงกลมฤดูหนาว == วัตถุท้องฟ้าในกลุ่มดาว == ใต้ตำแหน่งเข็มขัดของโอไรอันจะเป็นดาบนายพราน บริเวณนี้มีดาวหลายดวงเช่น θ1 โอไรอัน และ θ2 โอไรอัน หรือเรียกชื่อว่า กระจุกดาวทราเปเซียม และเนบิวลานายพราน (M42) เป็นวัตถุท้องฟ้าที่สามารถมองเห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่า หากใช้กล้องสองตาช่วย จะสามารถมองเห็นกลุ่มเมฆหมุนวนอยู่รอบๆ รวมถึงแก๊สเรืองแสงและฝุ่น เนบิวลาที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งคือ IC 424 หรือเนบิวลาหัวม้า ใกล้กับตำแหน่งดาว ζ โอไรอัน (Alnitak)เป็นเมฆฝุ่นมืดๆ ที่เกาะกลุ่มเป็นรูปร่างคล้ายหัวม้าอันเป็นที่มาของชื่อ ถ้าใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กส่องสำรวจดูรอบๆ บริเวณกลุ่มดาวนายพราน จะสามารถมองเห็นวัตถุท้องฟ้าที่น่าสนใจอีกมากมายในเขตอวกาศลึกในแถบนี้ เช่น เนบิวลา M43 เนบิวลา M78 รวมถึงระบบดาวอีกหลายกลุ่มรวมถึง ไอโอตาโอไรอัน และซิกมาโอไรอันด้วย ถ้าใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ใหญ่ขึ้นก็อาจมองเห็นวัตถุบางอย่างเช่น เนบิวลาเพลิง (NGC 2024) ตลอดจนระบบดาวหลายดวงและเนบิวลาขนาดเล็กที่มีแสงจางๆ ได้อีก เนบิวลาเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งอยู่ในกลุ่มเมฆโมเลกูลาร์โอไรอัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1,500 ปีแสง มีความกว้างหลายร้อยปีแสง ถือเป็นย่านกำเนิดดาวฤกษ์ใหม่ที่หนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งในดาราจักรของเรา == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == ดาวไถ (Orion's Belt and Orion Nebula) กลุ่มดาว กลุ่มดาวนายพราน
thaiwikipedia
976
กลุ่มดาวพิณ
กลุ่มดาวพิณ เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล กลุ่มดาวนี้มีขนาดเล็ก แต่หาง่ายเพราะมีดาวฤกษ์สว่างอย่างดาวเวกา ซึ่งเป็นปลายด้านหนึ่งของสามเหลี่ยมฤดูร้อน กลุ่มดาว กลุ่มดาวพิณ
thaiwikipedia
977
ประวัติศาสตร์จีน
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานที่สุดประเทศหนึ่ง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถค้นคว้าได้บ่งชี้ว่าอารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานที่สำคัญของอารยธรรมจีนคือ การสร้างระบบภาษาเขียน ในยุคราชวงศ์ฉิน (ศตวรรษที่ 58 ก่อน ค.ศ.) ให้เป็นภาษากลางใช้ได้ทั่วประเทศ เป็นครั้งแรกในโลก (ไม่ว่าชนเผ่าใด ๆ จะพูดต่างกัน สำเนียงต่างกัน แต่ใช้ตัวเขียนเหมือนกัน) และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงที่เป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลายอาณาจักรสลับกันไป ในบางครั้งก็ถูกปกครองโดยชนชาติอื่น เช่น มองโกล แมนจู ญี่ปุ่น วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชาติอื่น ๆ ในทวีปเอเชีย และในสังคมโลก ยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัดนักว่าเริ่มต้นเมื่อไร แต่จากการขุดพบวัตถุโบราณตามลุ่มแม่น้ำฉางเจียงและแม่น้ำหวง แบ่งช่วงเวลานี้ออกได้เป็นสังคมสองแบบ แบบแรกเป็นช่วงที่ผู้หญิงเป็นใหญ่เรียกว่าช่วงวัฒนธรรมหย่างเฉา และช่วงที่ผู้ชายเป็นใหญ่เรียกว่าวัฒนธรรมหลงชาน ตำนานเล่ากันว่าบรรพบุรุษจีนมีชื่อเรียกว่า หวางตี้ และ เหยียนตี้ == ยุคก่อนประวัติศาสตร์ == === ยุคหินเก่า === จีนเป็นดินแดนที่มนุษย์อาศัยเป็นเวลานานที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย หลักฐานที่พบคือมนุษย์หยวนโหม่ว (元谋人:Yuánmóu rén) มีอายุประมาณ 1,700,000 ปี ล่วงมาแล้ว ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1965 ที่มณฑลยูนนาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และ พบโครงกระดูกมนุษย์ปักกิ่ง (北京人:Běijīng rén) มีอายุประมาณ 700,000 ปี - 200,000 ปี ล่วงมาแล้ว ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1929 ที่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของปักกิ่ง (北京西南周口店龙骨山山洞里) และ พบหลักฐานมนุษย์ถ้ำ (山顶洞人:Shāndǐngdòng rén)มีอายุประมาณ 18,000 ปี ล่วงมาแล้ว ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1930 ที่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของปักกิ่ง (北京西南周口店龙骨山顶部的山洞里) === ยุคหินกลาง === ยุคหินกลาง มีอายุประมาณ 10,000 ปี - 6,000 ปีล่วงมาแล้ว ใช้ชีวิตกึ่งเร่ร่อน ไม่มีการตั้งหลักแหล่งถาวร มีการพบเครื่องถ้วยชาม หม้อ มีการล่าสัตว์ เก็บอาหาร เครื่องมือหินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ หินสับ ขูด หัวธนู === ยุคหินใหม่ === ยุคหินใหม่ในบริเวณประเทศจีนปัจจุบัน มีอายุในช่วงประมาณ 6,000 ปี - 4,000 ปีล่วงมาแล้ว เริ่มตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชน รู้จักเพาะปลูกข้าวฟ่าง เลี้ยงสัตว์ ทอผ้า ปลูกบ้านมีหลังคา ในยุคหินใหม่นี้มีมนุษย์ทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีความประณีตและแข็งแกร่งมากขึ้น ตกแต่งเขียนลายสีและขัดมันผิว === ยุคโลหะ === มีอายุประมาณ 4,000 ปีล่วงมาแล้ว หลักฐานที่เก่าสุดคือมีดทองแดง แล้วยังพบเครื่องสำริดเก่าที่สุด ซึ่งนำมาใช้ทำภาชนะต่าง ๆเช่น ที่บรรจุไวน์ กระถาง กระจกเงา มีขนาดใหญ่และสวยงาม มากโดยเฉพาะสมัยราชวงศ์ซาง และ ราชวงศ์โจว == ยุคโบราณ == เป็นที่เล่าขานสืบทอดกันมาในหมู่ชาวจีนว่า ตนเองเป็นลูกหลาน เหยียนตี้ และ หวงตี้ (炎帝子孙:Yándì zǐsūn) เมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว และยังเชื่อเช่นนั้นจวบจนปัจจุบัน === ราชวงศ์เซี่ย (夏朝:Xià cháo) (2100-1600 ปีก่อนคริสต์ศักราช) === เล่ากันว่า ในสมัยเหยา (尧:Yáo) นั้น แม่น้ำหวงเหอ (黄河:Huánghé) เกิดอุทกภัยน้ำหลากเข้าทำลายบ้านเมือง ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพไปอาศัยอยู่บนต้นไม้หรือบนยอดเขาเท่านั้น ซึ่งภายหลังพระเจ้าอวี่ (禹:Yǔ) ใช้เวลา 13 ปีในการแก้ปัญหาอุทกภัยนี้สำเร็จ และได้รับขนานนามว่า ต้า-ยวี่ “大禹” (Dà yǔ) ปกครองจีนในช่วง 2100-1600 ปีก่อนคริสตกาล (1557-1057 ปีก่อน พ.ศ.) มีอำนาจอยู่แถบมณฑลชานซีในปัจจุบัน ใกล้แม่น้ำหวง กษัตริย์เซี่ยองค์แรกคือ พระเจ้าอวี่ เริ่มประเพณีการสืบราชสมบัติตามสายโลหิต ในระยะแรกสืบจากพี่มาสู่น้อง สมัยราชวงศ์เซี่ยนี้ มีหลักฐานว่าผู้ปกครองมักเป็นหัวหน้าทางศาสนาหรือมีหน้าที่ทำปฏิทินด้วย แต่ต่อมาความสำคัญทางศาสนาหรือความเชื่อเรื่องนี้เสื่อมลงไป เมื่อพระเจ้าอวี่ขึ้นครองราชย์และสถาปนาราชวงศ์นี้ ในปีที่ 2070 ก่อนคริสตกาล ยังยึดหลักการสละราชบัลลังก์ตามแบบประเพณีนิยมของพระเจ้าเหยาและพระเจ้าซุ่นแก่ผู้ที่มีความสามารถ โดยเตรียมให้ อี้ ผู้ช่วยรับช่วงสืบราชสมบัติ แต่หัวหน้าเผ่าต่าง ๆ สนับสนุน ฉี่ โอรสของพระเจ้าอวี่ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณธรรมและมีความสามารถอีกคนหนึ่ง จึงได้สืบทอดอำนาจต่อจากพระบิดา ด้วยการสถาปนาราชวงศ์เซี่ยขึ้น นับเป็นครั้งแรกที่ตำแหน่งเจ้าผู้ครองราชย์เป็นการสืบสันตติวงศ์ โดยการสืบทอดสมบัติจากพ่อสู่ลูก พี่สู่น้องไปเรื่อย ๆ การสืบทอดแบบนี้ทำให้เกิดลักษณะการปกครองประเทศด้วยวงศ์สกุลเดียวขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศจีน ราชวงศ์เซี่ยมีประวัติยาวนานเกือบ 500 ปี มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 17 องค์ จนกระทั่งพระเจ้าเจี๋ย (桀:Jié) ซึ่งมีนิสัยโหดร้าย ไร้คุณธรรม จึงเป็นที่เกลียดชังของประชาราษฎร์ ผู้นำเผ่าซาง ชื่อ ทัง ผนึกกำลังกับเผ่าต่าง ๆ ทำสงครามขับไล่พระเจ้าเจี๋ยและเอาชนะได้ที่ หมิงเถียว (ตั้งอยู่บริเวณใกล้เมืองไคฟง มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) พระเจ้าเจี๋ยหนีและสิ้นพระชนม์ที่หนานเฉา (อำเภอเฉาเซี่ยน มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) ราชวงศ์เซี่ยจึงล่มสลายอย่างสมบูรณ์ === ราชวงศ์ซาง (商朝:Shāng cháo) (1600-1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช) === ราชวงศ์ซางมีอำนาจอยู่ประมาณ 550 ปี คือ ตั้งแต่ 1600-1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1057-503 ปีก่อน พ.ศ.) ในช่วงนี้เริ่มมีการก่อตั้งกองทหาร, ข้าราชการและมีการลงโทษตามกฎหมาย มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 31 พระองค์ เมื่อพระเจ้าเจี๋ยแห่งราชวงศ์เซี่ยซึ่งไร้คุณธรรมสร้างความเกลียดชังแก่คนทั้งแผ่นดินเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่มิชอบพฤติกรรมของพระองค์ รวมตัวกันเป็นกองกำลังเพื่อต่อต้านการปกครองของเจ้าแผ่นดิน ทัง มีอำนาจอยู่แถบเมืองซางได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ จึงใช้กำลังพลและอาวุธโค่นล้มการปกครองของราชวงศ์เซี่ย แล้วสถาปนาราชวงศ์ซางขึ้น โดยตั้งเมืองหลวงที่ เมืองปั๋ว (อำเภอเฉาเซี่ยน มณฑลซานตงปัจจุบัน) เนื่องจากทังเป็นชนชั้นสูงในราชวงศ์เซี่ยมาก่อน จึงถือว่าเป็นการปฏิวัติของชนชั้นสูงครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน นอกจากนั้นยุคนี้ยังเริ่มมีการใช้ภาชนะสำริดอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะประเภท ถ้วยสุรา มีดวงพระจันทร์ กลองสำริด ซึ่งมีการขุดค้นพบเป็นหลักฐานกันมาก การครองราชย์ช่วงแรกของพระเจ้าซางทังและทายาท บ้านเมืองมีความร่มเย็นเป็นสุขจนกระทั่งไปถึงพระเจ้าโจวหวัง (纣王:Zhòu wáng) ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้เป็นผู้เหี้ยมโหด ขูดรีดเงินทองจากราษฎรอย่างหนักเพื่อสร้างอุทยานแห่งใหม่ “酒池, 肉林” (Jiǔ chí,ròu lín) (สระสุรา, ป่านารี) และลงโทษทัณฑ์แก่ผู้ต่อต้านนโยบายหรือสร้างความขัดเคืองใจด้วยการประหารชีวิต เหล่าขุนนางเสพสุขบนความทุกข์ของราษฎรโดยเจ้าแผ่นดินไม่เหลียวแล จึงสร้างแรงกดดันและเกิดการรวมตัวของ (นาจา เจียงจื่อหยา เอ้อหลางฯ) และ พวกเผ่าโจวซึ่งอาศัยบนที่ราบสูงและมีกำลังเข้มแข็ง โดยผู้นำ ชื่อ จีฟา ได้รวมกำลังพลกับเผ่าอื่นที่ประสบความเดือดร้อนเพื่อโจมตีกองทัพของพระเจ้าโจ้วหวังซึ่งแตกพ่ายแพ้ยับเยินที่ มู่เหยีย พระเจ้าโจ้วหวังต้องฆ่าตัวตายด้วยการเผาตัวเอง ราชวงศ์ซางจึงล่มสลายลงแล้วสถาปนาราชวงศ์โจวปกครองแผ่นดินแทนราชวงศ์ซางเมื่อประมาณ 1046 ปีก่อนคริสตกาล === ราชวงศ์โจว (周朝:Zhōu cháo) (1046-256 ปีก่อนคริสต์ศักราช) === นักประวัติศาสตร์จีนแบ่งราชวงศ์โจวออกเป็น ราชวงศ์โจวตะวันตก และ ราชวงศ์โจวตะวันออก ซึ่งมีระยะครองแผ่นดินต่อเนื่องกัน 790 ปี (ยาวนานที่สุดในจีน) แต่มีการย้ายเมืองหลวงหลังจากแพ้ชนะกัน จึงแบ่งราชวงศ์นี้ด้วยทิศทางของเมืองหลวงเป็นหลัก ==== ราชวงศ์โจวตะวันตก (1046-771 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ==== เผ่าโจวเป็นเผ่าเก่าแก่และใช้แซ่ จี โดยอาศัยแถบลุ่มน้ำเว่ยเหอ ต่อมาย้ายถิ่นไปอยู่ ฉีซาน (ด้านเหนืออำเภอฉีซาน มณฑลฉ่านซีปัจจุบัน) ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ด้านการเพาะปลูกมากกว่า แล้วเรียกตนเองว่า ชาวโจว ผู้นำเผ่าทุกรุ่นต่างปรับปรุงโครงสร้างเผ่า ก่อสร้างบ้านเรือน และกำหนดตำแหน่งขุนนาง ทำให้มีลักษณะของชาติรัฐชัดขึ้น เมื่อผู้นำนามว่า จีฟา ทำลายราชวงศ์ซางสำเร็จแล้ว จึงสถาปนาราชวงศ์โจวขึ้นปกครองแผ่นดิน และเปลี่ยนพระนามเป็น พระเจ้าโจวอู่หวัง แล้วสร้างเมืองหลวงใหม่ที่ เมืองเฮ่า (ด้านตะวันตกอำเภอฉางอาน มณฑลฉ่านซีปัจจุบัน) นักประวัติศาสตร์เรียกแผ่นดินโจวช่วงนี้ว่า ราชวงศ์โจวตะวันตก นอกจากนั้นยังริเริ่มปูนบำเหน็จความชอบด้วยที่ดินและทรัพย์สินแก่ขุนนางซึ่งสร้างความชอบแก่แผ่นดินหรือเจ้าแผ่นดินเป็นครั้งแรกด้วย ราชวงศ์โจว ตราระบบสืบสายวงศ์ขึ้นใช้อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก โดยกำหนดว่า ตำแหน่งกษัตริย์หรือเจ้านครรัฐต่าง ๆ ต้องสืบทอดเฉพาะบุตรคนโตของภรรยาเอกเท่านั้น บุตรที่เหลือจะรับการแต่งตั้งในตำแหน่งต่ำลงไป การสืบทอดชัดเจนนี้สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ยิ่งขึ้น เมื่อล่วงถึงสมัยของพระเจ้าโจวโยวหวัง เมืองเฮ่าซึ่งเป็นเมืองหลวงเกิดแผ่นดินไหวร้ายแรง เกิดโรคระบาด ประชาชนลำบากยากแค้นโดยกษัตริย์ไม่สนใจไยดี กลับลุ่มหลงสุรานารีและความบันเทิงหรูหรา ส่วนขุนนางประจบสอพลอ ไม่ทำงานตามหน้าที่ ทำให้เจ้านครรัฐบางคนรวมตัวกับชนเผ่าฉวี่ยนหรงเข้าโจมตีและปลงพระชนม์กษัตริย์ ถือเป็นจุดสิ้นสุดอาณาจักรโจวตะวันตก ==== ยุคชุนชิว (春秋:Chūnqiū) (770-256 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ==== 春秋五霸 (Chūnqiū wǔ bà) มี 5 นคร คือ 齐桓公(Qí huángōng),宋襄公(Sòng xiānggōng),晋文公(Jìn wéngōng),秦穆公 (Qín mùgōng) และ 楚庄王(Chǔ zhuāng wáng) หลังจากอาณาจักรโจวตะวันตกของพระโจวโยวหวังล่มสลายลงโดยความร่วมมือของเจ้านครรัฐบางคนกับเผ่าเฉวี่ยนหรงแล้ว พวกเขาสถาปนารัชทายาท อี้จิ้ว ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ทรงพระนามว่า พระเจ้าโจวผิงหวัง แล้วย้ายไปตั้งเมืองหลวงใหม่ที่ เมืองลั่วอี้ เนื่องจากเมืองเฮ่าได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้อย่างมาก นักประวัติศาสตร์เรียกช่วงการครองอำนาจของราชวงศ์นี้ว่า ยุคชุนชิว (Spring and Autumn Period) ซึ่งมีสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่ของเจ้านครรัฐต่าง ๆ เป็นระยะเพื่อความเป็นเจ้าผู้นำนครรัฐ ยุคนี้เริ่มต้นในปี 770 ก่อน ค.ศ. (227 ปีก่อน พ.ศ.) รัชสมัยพระเจ้าโจวผิงหวัง ถึง ปี 476 ก่อน ค.ศ. (พ.ศ. 67) หรือปีที่ 44 สมัยพระเจ้าโจวจิ้งหวัง === ยุคเลียดก๊ก (战国七雄:Zhànguó qīxióng) === ต้นยุคชุนชิวแผ่นดินจีนมีประมาณสองร้อยนครรัฐ แต่สงครามแย่งชิงอำนาจหรือแผ่ขยายอิทธิพลต่างผนวกดินแดนต่าง ๆ เข้ากับรัฐผู้ชนะจนกระทั่งเหลือเพียงรัฐใหญ่ เจ็ดรัฐมหาอำนาจในตอนปลายยุคชุนชิวนักประวัติศาสตร์จีนเรียกว่า เจ็ดมหานครรัฐแห่งยุคจั้นกั๋ว ได้แก่ รัฐฉี (齐:Qí), รัฐฉู่ (楚:Chǔ), รัฐเยียน (燕:Yàn), รัฐหาน (韩:Hán), รัฐเจ้า (赵:Zhào), รัฐเว่ย (魏:Wèi), และรัฐฉิน (秦:Qín) ยุคสมัยนี้มีสงครามดุเดือดระหว่างรัฐต่อเนื่อง รัฐฉินกับรัฐฉีได้รับการขนานนามเป็นสองรัฐมหาอำนาจฟากตะวันออกและฟากตะวันตก ซึ่งถือเป็นดุลอำนาจต่อกัน ยุคนี้สิ้นสุดโดยการขึ้นครองอำนาจของ อิ๋งเจิ้ง แห่งรัฐฉิน หรือที่รู้จักกันในนาม ฉินสื่อหวงตี้ (พระเจ้าฉินสื่อหวงตี้) โดยถือเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีน == สมัยราชวงศ์และจักรวรรดิ == === ราชวงศ์ฉิน (221-206 ปีก่อนคริสต์ศักราช) จีนยุคจักรวรรดิ === นักประวัติศาสตร์นิยมเรียกประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่ ราชวงศ์ฉิน ถึง ราชวงศ์ชิง ว่าเป็นจีนยุคจักรวรรดิ ถึงแม้ว่าราชวงศ์ฉินจะมีอายุเพียงแค่ 12 ปี แต่พระองค์ได้วางรากฐานสำคัญของอารยธรรมชนเผ่าฮั่นไว้เป็นจำนวนมาก เมืองหลวงตั้งอยู่ที่เสียนหยาง (咸陽) (บริเวณเมืองซีอานปัจจุบัน) จิ๋นซีฮ่องเต้ต้องการบังคับประชาชนให้ใช้มาตรฐานที่กำหนดขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อให้การรวมประเทศสมบูรณ์ จึงเลือกใช้วิธีค่อนข้างบีบคั้นและรุนแรงด้วยการประหารเหล่าปัญญาชนที่ต่อต้านคำสั่งของพระองค์และสานุศิษย์ขงจื๊อ นอกจากนั้นยังออกคำสั่งเผาหนังสือในความครอบครองของขุนนางและชาวบ้านซึ่งมิใช่มาตรฐานของพระองค์ทั้งหมด แล้วเร่งเผยแพร่มาตรฐานของแผ่นดินโดยเร็ว สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของราชวงศ์ฉินคือ กำแพงเมืองจีน ซึ่งเป็นการต่อแนวกำแพงเก่าให้เป็นปึกแผ่น ฉินซีฮ่องเต้สร้างแนวปกกันพวกป่าเถื่อนจากทางเหนือโดยการสร้างกำแพงต่อเชื่อมกำแพงเดิมที่อยู่เดิม จากการก่อสร้างของรัฐต่าง ๆ สมัยจ้านกั๊ว การก่อสร้างนี้ทำให้กลายเป็นกำแพงขนาดยาวนับหมื่นลี้ จึงเรียกกำแพงนี้ว่า “กำแพงหมื่นลี้” ผลงานอื่น ๆ ได้แก่ระบบกฎหมาย การเขียนหนังสือ ระบบเงินตรา เป็นต้น ฉินซีฮ่องเต้เปิดศึกกับกษัตริย์ของรัฐ ทั้ง 6 ประเทศในแม่น้ำหวง คือ หาน (韩) จ้าว (赵) เว้ย (魏) ฉู่ (楚) เยียน (燕) และฉี (齐) ในที่สุดการผนึกรวมรัฐต่าง ๆ เป็นมหาอำนาจทางทหาร เศรษฐกิจ สังคม กล่าวคือมีการใช้ภาษาเขียนภาษาเดียวคือจีน มาตราชั่งตวง วัด การเงิน เป็นหน่วยเดียวกันทั่วประเทศ มีระบบความกว้างของถนนกว้างสำหรับรถม้า 2 คันสวนกันได้ทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่กำแพงเมืองจีน อนุญาตให้ประชาชนมีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดิน จากเดิมที่ดินทั้งหมดเป็นของพระราชา ฉิน หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน และฉี ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จและการปกครองแบบรวบอำนาจที่ศูนย์กลาง (ยกเลิกระบบอ๋อง (กษัตริย์) ครองประเทศราช) หลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้สวรรคต เกิดความวุ่นวายขึ้นในราชวงศ์ ทำให้เกิดกบฏมากมาย หลิวปังสามารถรบชนะราชวงศ์ฉินได้ แต่เซี่ยงอี้ถือโอกาศยึดอำนาจ แต่หลิวปังก็รบชนะได้และสถาปนาราชวงศ์ฮั่น === ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (206 ปีก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 220) === เมื่อเล่าปังเอาชนะเซี่ยงอี่สำเร็จ จึงสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ฮั่นอันยิ่งใหญ่และยาวนาน มีพระนามว่า สมเด็จพระจักรพรรดิฮั่นเกาจู โดยตั้งเมืองหลวงที่ ฉางอาน (ใกล้บริเวณเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซีปัจจุบัน) แล้วเรียกชื่อประเทศว่า อาณาจักรฮั่น นักประวัติศาสตร์จีนแบ่งยุคสมัยของราชวงศ์ฮั่นเป็นสองยุคตามที่ตั้งของเมืองหลวง คือ ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (เริ่มต้นโดยพระเจ้าฮั่นเกาจู่) โดยมีราชวงศ์ซินของอองมังมาคั่นเป็นระยะสั้น ๆ ก่อนที่จะเกิดการฟื้นฟู ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (เริ่มต้นที่พระเจ้าฮั่นกวงอู่) โดยย้ายนครหลวงไปที่เมืองลั่วหยาง === ราชวงศ์ซิน (ค.ศ. 9-23) === ราชวงศ์ซิน มีเป็นราชวงศ์สั้น ๆ ผู้ก่อตั้ง คือ อองมัง ทรงได้อำนาจมาจากการปฏิวัติโค่นล้มจักรพรรดิฮั่น เมื่อเสด็จสวรรคต ราชวศ์ฮั่นก็ฟื้นฟูกลับขึ้นมาอีกครั้ง === ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ. 23-220) === ราชวงศ์นี้เป็นราชวงศ์ที่ถูกกู้ขึ้นมา หลังถูกอองมังยึดอำนาจ เป็นราชวงศ์ฮั่นดังเดิม แต่ย้ายเมืองหลวงไปลั่วหยาง ช่วงเสื่อมของฮั่นตะวันออก เกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลือง (黃巾之亂) ขึ้นใน ค.ศ. 184 (พ.ศ. 727) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคขุนศึก หลังจากนั้นได้มีอาณาจักรสามแห่งตั้งประชันกัน โดยเรียกว่า ยุคสามก๊ก เป็นที่มาของวรรณกรรมเรื่องสามก๊ก เนื่องจากความเจริญของชนชาติจีนในยุคราชวงศ์ฮั่น คนจีนจึงเรียกตัวเองว่าเป็น "ชาวฮั่น" สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน === ยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220-280) === เป็นยุคที่แผ่นดินจีนแตกออกเป็น สามก๊ก โดยมีจ๊กก๊กของ เล่าปี่, วุยก๊กของ โจโฉ และง่อก๊กของ ซุนกวน ทั้งสามก๊กต่างก็ทำสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดินจีน โดยจุดเริ่มต้นของการแตกแยกเป็นสามก๊ก มีเค้ารางเริ่มจากการกบฏของโจรโพกผ้าเหลือง ทำให้ราชวงศ์ฮั่นอ่อนแอลง ตั๋งโต๊ะซึ่งเป็นแม่ทัพชายแดนจึงเข้ามาควบคุมอำนาจในเมืองหลวง นำไปสู่การแตกแยกกันของเหล่าขุนศึกทั่วสารทิศ และทำศึกสงครามต่อเนื่องกันตั้งแต่ ค.ศ. 189 ซึ่งในช่วงเวลานี้ มีเหล่าขุนศึก ขุนพล ขุนนาง และเสนาธิการที่ปรึกษาที่เก่งกล้า สร้างชื่อเสียงในการทำสงครามและการปกครองเป็นจำนวนมาก อาทิ กวนอู เตียวหุย จูล่ง จูกัดเหลียง ลิโป้ ซุนฮก กุยแก กาเซี่ยง สุมาอี้ ซุนเซ็ก จิวยี่ โลซก ลิบอง ฯลฯ ต่อมา พระเจ้าเหี้ยนเต้ ถูกบุตรชายโจโฉขับออกจากบัลลังก์ แผ่นดินจีนแตกออกเป็น 3 แคว้นอย่างชัดเจน แต่หลังจากทั้งสามก๊กทำสงครามแย่งชิงดินแดนกัน สุมาอี้ ขุนนางและแม่ทัพใหญ่ของวุยก๊ก ก็ได้เข้ายึดอำนาจการบริหารในวุยก๊กไว้ได้ และเป็นจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานเพื่อสถาปนาราชวงศ์จิ้น ค.ศ. 263 (พ.ศ. 806) จ๊กก๊กล่มสลาย สุมาเจียว บุตรชายของสุมาอี้ ได้สั่งกองทัพเข้ายึดได้สำเร็จ ค.ศ. 265 (พ.ศ. 808) วุยก๊กถูกยึดจากภายในโดยสมบูรณ์โดยตระกูลสุมา หลานชายของสุมาอี้คือ สุมาเอี๋ยน ก็ได้ปลดฮ่องเต้ของสกุลโจออก แล้วก่อตั้งราชวงศ์จิ้น ค.ศ. 280 (พ.ศ. 823) ก๊กซุนกวนล่มสลาย สุมาเอี๋ยนรวมแผ่นดินจีนกลับมาโดยสมบูรณ์ === ราชวงศ์จิ้นตะวันตก (ค.ศ. 265-317) === สุมาเอี๋ยน (司马炎) สถาปนาตนเองเป็นจิ้นอู่ตี้ ก่อตั้งราชวงศ์จิ้นตะวันตกใน ค.ศ. 265 (พ.ศ. 808) เข้าแทนที่ราชวงศ์วุ่ยของเฉาเชาหรือโจโฉ กระทั่งใน ค.ศ. 280 (พ.ศ. 823) ราชวงศ์จิ้นตะวันตกก็ปราบง่อก๊กลงได้ รวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น เป็นอันสิ้นสุดยุคสามก๊ก ต่อมาราชวงศ์จิ้นได้เปิดรับเผ่านอกด่านทางเหนือเข้ามาเป็นจำนวนมาก หัวหน้าของชนเผ่าซงหนู หลิวหยวน(刘渊)ก็ประกาศตั้งตัวเป็นอิสระ โดยใช้ชื่อว่า ฮั่นกว๋อ(汉国)ภายหลังหลิวหยวนสิ้น บุตรชายชื่อหลิวชง(刘聪)ยกกำลังเข้าบุกลั่วหยางนครหลวงของจิ้นตะวันตก จับจิ้นหวยตี้(晋怀) เป็นตัวประกันและสำเร็จโทษในเวลาต่อมา === ราชวงศ์จิ้นตะวันออก (ค.ศ. 317-420) === การล่มสลายของราชวงศ์จิ้นตะวันตก ทำให้แผ่นดินจีนตกอยู่ในภาวะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราชสำนักจิ้นย้ายฐานที่มั่นทางการปกครองและเมืองหลวงลงไปทางใต้ สถาปนา ราชวงศ์จิ้นตะวันออก (ค.ศ. 317-420 หรือ พ.ศ. 860-963) ขณะที่สถานการณ์ทางตอนเหนือวุ่นวายหนัก แผ่นดินที่แตกออกเป็นแว่นแคว้นของชนเผ่าต่าง ๆ 16 แคว้น โดยเรียกยุคนี้ว่า ยุคห้าชนเผ่าสิบหกแคว้น เป็นยุคสั้น ๆ ที่เกิดการหลอมรวมทางวัฒนธรรมของชาวจีนเชื้อสายต่าง ๆ === ราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-581) === หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์จิ้นตะวันตก (ค.ศ. 265 – 316 หรือ พ.ศ. 808-860) ภาคเหนือของจีนก็ตกอยู่ในภาวะจลาจลและสงครามชนเผ่าของยุค 16 แคว้น จวบจน ค.ศ. 386 หัวหน้าเผ่าทั่วป๋าเซียนเปยได้สถาปนารัฐเว่ย์เหนือ(北魏)และตั้งนครหลวงที่เมืองผิงเฉิง (ปัจจุบันคือเมืองต้าถงในมณฑลซันซี) ยุติความวุ่นวายจากสงครามแย่งชิงอำนาจที่เกิดขึ้นทางภาคเหนือใน ค.ศ. 439 (พ.ศ. 982) เมื่อถึงปี ค.ศ. 581 (พ.ศ. 1124) หยางเจียนปลดจักรพรรดิโจวจิ้ง(周静帝)จากบัลลังก์ สถาปนาราชวงศ์สุย(隋)จากนั้นกรีธาทัพลงใต้ ยุติสภาพการแบ่งแยกเหนือใต้อันยาวนานของแผ่นดินจีนได้เป็นผลสำเร็จ เพิ่มเติม ทางฝ่ายเหนือก่อนที่ราชวงศ์จิ้นจะพบจุดจบ ทางห้าชนเผ่า เผ่าเชียง เผ่าซยฺงหนู เผ่าตี เผ่าเซียนเปย์ (ที่แบ่งออกเป็น ตระกูลมู่หยงและตระกูลทั่วป๋า) หลังจากฝูเจียนอ๋องแห่งแคว้นเฉียนฉินพ่ายแพ้ที่แม่น้ำเฝ่ย์ ก็เริ่มอ่อนแอลง โดยได้มีการกล้าแข็งขึ้นของกลุ่มที่เหลือ และฝูเจียนได้ตายโดยน้ำมือของเหยาฉัง และทางแดนเหนือ (ที่ว่านี้เป็นแดนที่อยู่เหนือ แม่น้ำแยงซีเกียง) ก็เป็นการช่วงชิงกันระหว่ง มู่หยงย่ง เหยาฉัง มูหยงฉุย (ตระกูลทั่วป๋าเริ่มก้าวขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ) โดยมูหยงฉุยกวาดล้าง มู่หยงหย่งก่อน แล้ว โดนทั่วป๋ากุยทำให้พ่ายแพ้ โดยตามประวัติศาสตร์แล้ว ทั่วป๋ากุยเป็นโจรปล้นชิงม้ามาก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแดนเหนือ อีกฝ่ายทางใต้นอกจากทั่วป๋ากุยทางแดนใต้ ต้องเริ่มจากการชนะศึกที่แม่น้ำเฝยสุ่ยของทัพจิ้น และผู้ปรีชาของจิ้นอันได้แก่ เซี่ยอานมหาเสนาบดี และจอมทัพเซี่ยเสียน ล้มตายลง ทางทัพของซุนเอินได้ก่อหวอด บวกกับทัพแดนจิงโจวของหวนเศียน ได้ทำการก่อกบฏ โดยมีวีรบุรุษในตอนนั้น หลิวอวี้ที่พากเพียรจากทหารตำแหน่งเล็ก ๆ ในกองทัพเป่ย์พู และได้ไต่เต้าขึ้นจนเป็นผู้นำในกองกำลังเป่ย์พู และภายหลังได้บีบให้ตระกูลซือหม่า สละบัลลังก์ และได้ก่อตั้งราชวงศ์ใต้ที่มีชื่อว่าราชวงศ์ซ่ง และได้ยกทัพตีชิงแดนเหนือแต่เกิดเหตุ หลิวมู่จือคนสนิทเสียชีวิตระหว่างที่กำลังบุกตีขึ้นเหนือ หมายเหตุเนื่องจากการพ่ายแพ้ของฝูเจียน ทำให้การรวมแผ่นดินล่าช้าไปเกือบสองร้อยปี === ราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581-618) === สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ ได้รวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่นได้อีกครั้ง แต่โอรสคือสุยหยางตี้ไม่มีความสามารถ ทำให้ซ้ำรอยราชวงศ์ฉิน บรรดาผู้ปกครองหัวเมืองต่างตั้งตนเป็นใหญ่และแย่งอำนาจกัน ราชวงศ์สุยอยู่ได้เพียงสองรัชกาลเช่นกัน (พ.ศ. 1124 - 1160) (ค.ศ. 581-617) ภายหลังการรวมแผ่นดินของราชวงศ์สุย สภาพสังคมโดยรวมได้รับการฟื้นฟูจากภาวะสงคราม มีการเติบโตด้านการผลิต เกิดความสงบสุขระยะหนึ่ง สุยเหวินตี้ ได้ดำเนินการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ โดยยุบรวมเขตปกครองในท้องถิ่น ลดขนาดองค์กรบริหาร รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ฮ่องเต้กุมอำนาจเด็ดขาดทั้งในทางทหาร การปกครองและเศรษฐกิจ โดยมีขุนนางเป็นเพียงผู้ช่วยในการบริหาร === ราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) === หลี่หยวน (หลี่เอียน) หรือถังเกาจูฮ่องเต้ ขุนนางใหญ่ในสมัยสุย ได้ลุกฮือที่แดนไท่หยวน และได้บุตรชายคนรองหลี่ซื่อหมิน ทำการชนะศึกอย่างต่อเนื่อง ได้ตั้งราชธานี ที่เมืองฉางอัน (เมืองฉางอันเป็นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฮั่นตะวันตก ราชวงศ์สุย ราชวงศ์จิ้นตะวันออก) ผู้นำของแคว้นถังได้สถาปนาตัวเองเป็นอิสระจากสุยหยางตี้ และได้ชัยชนะเด็ดขาดจากแคว้นอื่น ๆ ต่อมา เหล่าโอรสของหลี่หยวนมีความขัดแย้งกัน องค์ชายรองหลี่ซื่อหมิน ได้ทำการยึดอำนาจจากรัชทายาท หลี่เจี้ยนเฉิง และโอรสองค์ที่สามหลี่หยวนจี๋ จากในเหตุการณ์ที่ประตูเสียนอู่ สุดท้ายหลี่เอียนถูกบีบให้สละราชสมบัติ หลี่ซื่อหมินได้สถาปนาตนขึ้นเป็น ถังไท่จงฮ่องเต้ ในรัชสมัยของถังไท่จง ราชวงศ์ถัง มีความรุ่งเรืองถึงขีดสุด สามารถเทียบได้กับยุคราชวงศ์ฮั่นในช่วงเรืองรอง จนถูกเรียกว่า "ต้าถัง" เป็นยุคสมัยที่มีความรุ่งเรื่องทั้งด้านการทหาร ศาสนา ศิลปะ การค้าขาย ๆล ๆ มีนครหลวงอยู่ที่ฉางอัน (ซีอานในปัจจุบัน) ราชวงศ์ถังได้ขยายอาณาเขตจนกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮั่นมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากถังไท่จงสิ้นแล้ว ราชวงศ์ถังก็เริ่มเสื่อมโทรม กระทั่งพระสนมของถังไท่จงคือ พระนางบูเช็กเทียน ก็ได้เข้ากุมอำนาจบริหารประเทศ กลายเป็นฮ่องเต้หญิงองค์แรกและองค์เดียวของจีน และเริ่มต้นราชวงศ์โจว ในยุคของพระนางเป็นหนึ่งในยุคที่จีนมีความรุ่งเรืองทางด้านศาสนา วัฒนธรรม มากที่สุดยุคหนึ่งของจีน แต่นักประวัติศาสตร์จีนในยุคก่อนจะกล่าวโจมตีพระนางอย่างรุนแรงเนื่องจากเป็นสตรีที่เข้ามายุ่งกับการบริหารปกครองประเทศ แต่ภายหลังนักประวัติศาสตร์จีนได้เปลี่ยนทัศนคติมาชื่นชมพระนางมากขึ้น หลังจากสิ้นยุคของพระนางบูเช็กเทียนแล้ว ราชวงศ์ถังก็กลับคืนมาสู่คนในสกุลหลี่อีกครั้ง แต่ก็เป็นการเสื่อมถอยลง เนื่องจากในรัชสมัยของพระเจ้าถังสวนจง ซึ่งรุ่งเรืองในด้านศิลปะและบทกวี กลับไม่สนใจการบริหารบ้านเมือง แล้วลุ่มหลงพระสนมหยางกุ้ยเฟย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่ยอดหญิงงามของจีน ต่อมา อานลู่ซานแม่ทัพชายแดนจึงได้เข้ามาก่อการปฏิวัติและยึดเมืองหลวงฉางอานไว้เป็นผลสำเร็จ ราชวงศ์ถังมีระยะเวลาอยู่ในราว พ.ศ. 1161-1450 (ค.ศ. 618-907) === ยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (ค.ศ. 907-960) === ในช่วงปลายราชวงศ์ถังมีการก่อกบฏประชาชนตามชายแดน ขันทีครองอำนาจบริหารบ้านเมืองอย่างเหิมเกริม มีการแย่งชิงอำนาจกัน แม่ทัพจูเวิน (จูเฉวียนจง) สังหารขันทีทรงอำนาจในราชสำนัก แล้วสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ ทำให้ราชวงศ์ถังสิ้นสุด บรรดาหัวเมืองต่าง ๆ มีการแบ่งอำนาจกันเป็นห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักร คือ ราชวงศ์เหลียง ถัง จิ้น ฮั่น และโจว โดยปกครองแถบลุ่มน้ำฮวงโหติดต่อกันมาตามลำดับ ส่วนเขตลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงกับดินแดนทางใต้ลงไปเกิดเป็นรัฐอิสระอีก 10 รัฐ รวมเรียกว่า สิบอาณาจักร การแบ่งแยกอำนาจปกครองยุคนี้ขาดเสถียรภาพ ชีวิตของประชาชนเต็มไปด้วยความลำบากยากแค้น ต่อมา เจ้าควงอิ้น ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ชิงอำนาจจากราชวงศ์โจวตั้งตนสถาปนาราชวงศ์ซ่งหรือซ้องเป็น พระเจ้าซ่งไท่จู่ แล้วปราบปรามรวมอาณาจักรเรื่อยมา จนกระทั่งพระเจ้าซ่งไท่จง ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ปิดฉากสภาพการแบ่งแยกดินแดนทั้งหมดลงสำเร็จโดยใช้เวลาเกือบ 20 ปี === ราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960-1279) === ปีค.ศ. 960 (พ.ศ. 1503) เจ้าควงอิ้นหรือพระเจ้าซ่งไท่จู่ สถาปนาราชวงศ์ซ่งหรือซ้องเหนือ เมืองหลวงอยู่ที่ไคฟง (มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) รวบรวมแผ่นดินจีนเป็นอันหนึ่งอันเดียวสำเร็จ แล้วใช้นโยบายแบบ “ลำต้นแข็ง กิ่งก้านอ่อน” ในการบริหารประเทศ ปฏิรูปการปกครอง การทหาร การคลัง อันมีประโยชน์ในการสร้างเสถียรภาพแก่อำนาจส่วนกลาง แต่ส่วนท้องถิ่นกลับอ่อนแอ เมื่อต้องทำสงคราม ย่อมไม่มีกำลังต่อต้านศัตรูได้ อำนาจการใช้กระบวนการยุติธรรมถูกควบคุมโดยส่วนกลาง === ราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1279-1368) === ยุคนี้ประเทศจีนถูกปกครองโดยชาวมองโกล นำโดย หยวนชื่อจู่ (หรือกุบไลข่าน) ซึ่งโค่นราชวงศ์ซ่ง ตั้งราชวงศ์หยวน หรือราชวงศ์มองโกลขึ้น ยุคสมัยนี้ได้มีชาวต่างประเทศเดินทางมาค้าขายเช่น มาร์โคโปโล มีการพิมพ์ธนบัตรจีนขึ้นครั้งแรกมีการส่งกองทัพรุกราน ชวา เวียดนาม ญี่ปุ่น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ สมัยนี้อาณาเขตมีขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่าใหญ่กว่าอาณาจักรโรมันถึง 4 เท่า หลังจากกุบไลข่านสิ้นพระชนม์ ชนชั้นมองโกลได้กดขี่ชาวจีนอย่างรุนแรง จนเกิดกบฏ และสะสมกองกำลังทหารหรือกลุ่มต่อต้านขึ้น ช่วงปลายราชวงศ์หยวน จูหยวนจาง ได้ปราบปรามกลุ่มต่าง ๆ และขับไล่ราชวงศ์หยวนออกไปจากแผ่นดินจีนได้สำเร็จ === ราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368-1644) === ราชวงศ์หมิงเป็นราชวงศ์ของจีนสถาปนาโดยจูหยวนจาง (จักรพรรดิหมิงไท่จู่) เมื่อปีค.ศ. 1368 (พ.ศ. 1911) จูหยวนจาง เป็นฮ่องเต้คนที่สองในประวัติศาสตร์จีนหลังจากหลิวปัง หรือพระเจ้าฮั่นเกาจู่ ที่ไต่เต้าสร้างฐานะขึ้นมาจากชาวนา จูหยวนจาง เป็นผู้นำกองกำลังที่ทำศึกปราบราชวงศ์หยวน แล้วขับไล่มองโกลออกจากแผ่นดินจีนได้ จากนั้นสถาปนาตนขึ้นเป็นฮ่องเต้นที่เมืองนานกิง และสถาปนาราชวงศ์หมิงขึ้น จักรพรรดิหมิงไท่จู่ปกครองประเทศนานกว่า 31 ปี เสริมสร้างความเข้มแข็งในอาณาจักรด้วยการรวมศูนย์อำนาจปกครอง ทำให้บ้านเมืองมีแสนยานุภาพทางทหารเข้มแข็งกว่าสมัยราชวงศ์ซ่งมาก พระองค์ยังลดหย่อนการเก็บภาษีจากชาวนาที่ยากไร้ จึงได้รับความเคารพรักจากชาวนาจำนวนมาก แต่พระองค์กลับทรงโหดเหี้ยมต่อเหล่าขุนนางและนายทหารที่มีคุณูปการในการช่วยสถาปนาราชวงศ์ เนื่องจากระแวงว่าจะคิดการล้มล้างราชวงศ์ จึงได้สั่งประหารเหล่าผู้ภักดีไปจำนวนมหาศาล หลังจากจักรพรรดิหมิงไท่จู่สวรรคตแล้ว จักรพรรดิเจี้ยนเหวินซึ่งเป็นพระราชนัดดาองค์หนึ่งได้ขึ้นครองราชย์ ต่อมาไม่นาน จูตี้ ผู้เป็นปิตุลาของจักรพรรดิเจี้ยนเหวินซึ่งเป็นได้ลุกขึ้นต่อสู้และโค่นอำนาจรัฐของจักรพรรดิเจี้ยนเหวินลง จูตี้ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิหมิง เฉิงจู่หรือจักรพรรดิหยุงเล่อ ในปี ค.ศ. 1421 (พ.ศ. 1964) จักรพรรดิหย่งเล่อได้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองหนานจิงไปยังกรุงปักกิ่ง แม้รัฐบาลของราชวงศ์หมิงจะเสริมระบอบรวมศูนย์อำนาจรัฐให้มากขึ้นก็ตาม แต่มีจักรพรรดิหลายองค์ไม่ทรงพระปรีชาหรือไม่ก็ทรงพระเยาว์เกินไป ไม่สนพระทัยการบริหารประเทศ อำนาจจึงตกอยู่ในมือของเสนาบดีและขันที พวกเขาทุจริตคดโกงและขู่เข็ญรีดเอาเงิน ทำร้ายขุนนางที่ซื่อสัตย์ กิจการบริหารบ้านเมืองเสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ ความขัดแย้งในสังคมรุนแรง ช่วงกลางสมัยราชวงศ์หมิงจึงเกิดการลุกขึ้นต่อสู้ของชาวนาหลายครั้งหลายหนแต่ถูกปราบปรามลงได้ ในสมัยราชวงศ์หมิง เคยมีนักการเมืองที่มีชื่อเสียงชื่อจางจวีเจิ้ง สามารถคลี่คลายความขัดแย้งกันทางสังคมและกอบกู้การปกครองของราชวงศ์หมิงด้วยวิธีดำเนินการปฏิรูป เขาปรับปรุงระบบขุนนาง พัฒนาการเกษตร ซ่อมแซมแม่น้ำและคูคลอง และได้รวมภาษีอากรและการกะเกณฑ์บังคับต่าง ๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ช่วยลดภาระของประชาชนลงไปได้บ้างระดับหนึ่ง ในสมัยราชวงศ์หมิง การเกษตรพัฒนามากขึ้นกว่ายุคก่อน การทอผ้าไหมและการผลิตเครื่องเคลือบดินเผามีความก้าวหน้ารุ่งเรือง การทำเหมืองเหล็ก การหล่อเครื่องทองเหลือง การผลิตกระดาษ การต่อเรือเป็นต้นก็มีการพัฒนาอย่างมาก การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมระหว่างประเทศมีบ่อยครั้ง เจิ้งเหอซึ่งชาวไทยเรียกกันว่า ซำเปากง ได้นำกองเรือจีนไปเยือนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาทั้งหมดกว่า 30 ประเทศถึง 7 ครั้งตามลำดับ แต่หลังช่วงกลางราชวงศ์หมิงเป็นต้นมา จีนถูกการรุกรานจากหลายประเทศรวมทั้งญี่ปุ่น สเปน โปรตุเกสและเนเธอร์แลนด์เป็นต้น ในสมัยราชวงศ์หมิง เศรษฐกิจการค้าก็ได้พัฒนาเริ่มปรากฏเป็นเค้าโครงของเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ในช่วงต้นราชวงศ์หมิง จีนมีที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีเจ้าของจำนวนมากมาย จักรพรรดิหมิงไท่จู่ได้รวบรวมคนพเนจร ลดและงดภาษีอากรให้พวกเขา ทำให้จำนวนชาวนามีที่นาทำเองเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทางเกษตรเช่นใบยาสูบ มันเทศ ข้าวโพดและถั่วลิสงเป็นต้นก็ได้มีการนำเข้ามาในจีน ในสมัยราชวงศ์หมิง งานหัตถกรรมประเภทต่าง ๆ เช่น เครื่องเคลือบดินเผาและสิ่งทอ เป็นต้น ได้พัฒนาถึงระดับค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกิจการทอผ้าไหม มีเจ้าของโรงงานผลิตสิ่งทอที่มีเครื่องปั่นด้ายจำนวนหลายสิบเครื่อง และ”ช่างปั่นทอ”มีฝีมือที่รับจัดตามสั่งโดยเฉพาะขึ้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเริ่มต้นขึ้นแล้ว ในสมัยราชวงศ์หมิงมีสินค้าหลากหลายชนิด การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าเป็นไปอย่างคึกคัก ในสถานที่ที่มีผลผลิตอุดมสมบูรณ์และการคมนาคมสะดวกได้ก่อรูปขึ้นเป็นศูนย์การค้าทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เกิดเมืองใหญ่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเช่นปักกิ่ง นานกิง ซูโจว หังโจว กว่างโจว เป็นต้น ในสมัยราชวงศ์หมิง ระบอบสอบจอหงวนนิยมสอบการเขียนบทความแบบแปดตอน วรรณกรรมเรื่องยาวในสมัยราชวงศ์หมิงมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ เช่น ”ซ้องกั๋ง” “สามก๊ก” “ไซอิ๋ว” “จินผิงเหมย” หรือ เรื่อง”บุปผาในกุณฑีทอง” เป็นต้น นอกจากนี้ ข้อเขียนและบทประพันธ์ที่มีลักษณะคลาสสิกต่าง ๆ เช่น สารคดี ”บันทึกการท่องเที่ยวของสวี เสียเค่อ” ในด้านภูมิศาสตร์ “ตำราสมุนไพร” ของหลี่ สือเจิน ในด้านแพทยศาสตร์ “ชมรมหนังสือวิทยาศาสตร์ด้านการเกษตร” ของสวี กวางฉี นักเกษตรศาสตร์ “เทียนกุงไคอู้” หรือ ”สารานุกรมเทคโนโลยีด้านการเกษตรและหัตถกรรม” ของนายซ่งอิ้งซิง นักวิชาการด้านหัตถกรรม “สารานุกรมหย่งเล่อ” ซึ่งเป็นชุมนุมรวมเอกสารและวิทยานิพนธ์ เป็นต้น ก็ล้วนประพันธ์ขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงทั้งสิ้น ช่วงปลายราชวงศ์หมิง สภาพการผูกขาดที่ดินรุนแรงมาก พระราชวงศ์และบรรดาเจ้านายที่ได้รับการแต่งตั้งมีที่ดินกระจายอยู่ทั่วประเทศ ภาษีอากรของรัฐบาลก็นับวันมากขึ้น ความขัดแย้งระหว่างชนชั้นต่าง ๆ ของสังคมก็นับวันรุนแรงขึ้น มีเสนาบดีและขุนนางบางคนพยายามจะคลี่คลายความขัดแย้งในสังคมให้เบาบางลง และเรียกร้องให้ยับยั้งสิทธิพิเศษของเสนาบดีขันทีและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย เสนาบดีเหล่านี้เทียวบรรยายวิชาการและวิพากษ์วิจารณ์การเมืองจึงถูกเรียกกันว่าเป็น ”พรรคตงหลินตั่ง” แต่แล้วพวกเขาก็ต้องถูกเสนาบดีขันทีและขุนนางที่มีอำนาจโจมตีและทำร้าย ซึ่งยิ่งทำให้สังคมวุ่นวายมากยิ่งขึ้น การต่อสู้ในชนบทก็ทวีความรุนแรงขึ้น ในปี ค.ศ. 1627 (พ.ศ. 2170) มณฑลฉ่านซีเกิดทุพภิกขภัย แต่ข้าราชการยังคงบีบบังคับให้ประชาชนจ่ายภาษี จนทำให้เกิดการลุกขึ้นต่อสู้ ประชาชนที่ประสบภัยเป็นพันเป็นหมื่นรวมตัวขึ้นเป็นกองทหารชาวนาหลายกลุ่มหลายสาย จนปี ค.ศ. 1644 (พ.ศ. 2187) กองทหารชาวนาบุกเข้าไปถึงกรุงปักกิ่ง จักรพรรดิฉงเจินซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์หมิงต้องผูกพระศอสิ้นพระชนม์ ซึ่งในสมัยราชวงศ์หมิงมีการส่งกองเรือออกเดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปจนถึงแอฟริกา โดยท่านเจิ้งเหอและบันทึกที่ชาวอังกฤษเชื้อสายจีนเขียนไว้บางฉบับ บอกไว้ว่ามีหลักฐานแสดงว่าจีนเดินทางไปอเมริกาก่อนโคลัมบัส === ราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1912) === ราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1912 หรือ พ.ศ. 2187-2454) บุกเบิกและสร้างราชวงศ์ชิงตั้งแต่ ค.ศ. 1582-ค.ศ. 1912 โดย เผ่านูรฮาชี (แมนจูเลีย) สมยานามกษัตริย์ ชิงไทจงฮ่องเต้ จักรพรรดิบนหลังม้า ปฐมกษัตริย์ชื่อ จักรพรรดิหวงไท่จี๋, ซุนจื่อ และคังซี และจักรพรรดิบัลลังก์เลือด หย่งเจิ้น (องค์ชายสี่), จักรพรรดิเจ้าสำราญ เฉียนหลง (หลานหงษ์ลิ) ศึกล่าบัลลังก์ทอง เจี่ยชิ่ง และเต้ากวง มีจักรพรรดิรวมทั้งสิ้นในราชวงศ์ 13 พระองค์ ซึ่ง จักรพรรดิ ปูยี เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้าย และเป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนสถาปนาเป็นระบบสาธารณรัฐ เป็นราชวงศ์ของ เผ่าแมนจูเลีย (ชนเผ่ามองโกลเลีย มีชนเผ่าถึง 2,000-3,000 เผ่า) เป็นชนต่างชาติทางเหนือที่เข้ามาปกครองประเทศจีน ต่อจากราชวงศ์หมิง ซึ่งภายหลังเกิด "ศึกกบฏราชวงศ์หมิง" ภายในประเทศจีน โดยกบฏเปิดประตูเมืองให้แมนจูเลียเข้ายึดครอง ทำให้ได้รับสมยานามกษัตริย์ ชิงไทจงฮ่องเต้ เพราะเข้ายึดเมืองได้โดยไม่ต้องลงจากหลังม้า เป็นรัชสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง การตรวจตราข้อบังคับของสังคม ศาสนา และ การค้าทางเรือที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งก็ว่าได้ คือ การให้ชายจีนไว้ผมหางเปียและใส่เสื้อแบบแมนจูเลีย คือ ปิดแขนเสื้อและขา เลียนแบบสมัยราชวงศ์ถังเก่า พร้อมประคำ 500 เม็ด และต้องนับถือพุทธจีน ที่แตกต่างไปจากเดิมคือมีประคำ 500 เม็ด และเริ่มนับถือศาสนาพุทธจีนที่เจริญรุ่งเรืองมากยุคหนึ่ง เพื่อบ่งบอกถึงอารยธรรมชนเผ่าของตนว่ามีศาสนาและอารยธรรมยาวนาน (ตั้งแต่สมัย เจง กิสข่าน เรืองอำนาจบุกยึดไปถึงแดนตะวันตกในระหว่างเดินทางพบ ขงจื้อ) ในราชสำนักยังคงมีขุนนางตำแหน่งที่สำคัญ ๆถือกำเนิดขึ้นด้วย คือ "ขันที" และ เสนาบดีฝ่ายซ้าย "ตงชิงอ๋อง" และ เสนาบดีฝ่ายฝ่ายขวา "กังชิงอ๋อง" อีกทั้งยังมีระบบศาลที่คานดุลอำนาจกัน และ ระบบการว่าราชการที่เจริญที่สุดถอดแบบจากราชสมัย "ราชวงศ์ซ่ง" คล้ายระบอบการปกครองของประเทศไทยในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 คือ ระบบเวียง ระบบวัง ระบบคลัง และระบบนา และ ยังมีการแบ่งลักษณะการปกครองออกเป็นหัวเมือง ๆ ทั้งหมด 18 มณฑลในประเทศจีน โดยทั้งหมดขึ้นตรงต่อ "จักรพรรดิราชวงศ์ชิง" == จีนยุคใหม่ == === ยุคสาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912-1949) === ปี พ.ศ. 2454 เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ซึ่งเป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจีนให้เป็นระบอบสาธารณรัฐที่นำโดย ดร. ซุนยัดเซ็น ราชวงศ์ชิงถูกยึดอำนาจในปีนั้น และใน พ.ศ. 2455 ผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้ายถูกบังคับให้สละราชสมบัติ ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจีน ดร. ซุนยัดเซ็น ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเฉพาะกาลคนแรกของสาธารณรัฐจีน แต่ก็สละตำแหน่งให้กับยฺเหวียน ชื่อไข่ อย่างไรก็ตาม ยเหวียนซื่อไข่กลับทะเยอทะยาน คิดจะฟื้นฟูระบอบจักรพรรดิ ตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้ จึงถูกต่อต้านจากทั่วสารทิศ ซุนยัดเซ็น จึงประกาศทำศึกต่อต้าน สุดท้ายแล้วยเหวียนซื่อไข่ล้มป่วยเสียชีวิตไป แต่แผ่นดินจีนก็เข้าสู่ความวุ่นวายจากการชิงอำนาจกันของเหล่าขุนศึก และกลายเป็นยุคสมัยที่วุ่นวายและนองเลือดที่สุดช่วงเวลาหนึ่งของจีน ซุนยัดเซ็นล้มป่วยแล้วเสียชีวิต หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาชิงอำนาจระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง ที่นำโดย เจียงไคเช็ค กับพรรคคอมมิวนิสต์ ที่นำโดย เหมาเจ๋อตง การทำศึกในช่วงแรกเจียงไคเช็คเป็นฝ่ายชนะ แต่เนื่องจากการรุกรานของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องยุติความขัดแย้งลงชั่วคราว แล้วหันมาร่วมมือกันทำสงครามกับญี่ปุ่น หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง พรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ได้มีการเจรจาเพื่อก่อตั้งรัฐบาลผสม แต่เจียงไคเช็ควางแผนที่จะกำจัดพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้เหมาเจ๋อตงและแกนนำของพรรคต้องนำพาสมาชิกและชาวนาผู้ยากไร้ที่เป็นกองกำลังส่วนใหญ่ของพรรค เดินทัพทางไกลขึ้นไปทางเหนือ จากนั้นเหมาเจ๋อตงก็นำกองทัพเปิดศึกกับเจียงไคเช็กอีกครั้ง เนื่องจากภายในพรรคก๊กมินตั๋งเองก็มีความขัดแย้งภายใน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นภายในพรรคได้ รวมถึงเหมาเจ๋อตงสามารถชี้นำและปลุกระดมชวนเชื่อชาวจีนผู้ยากไร้ทั่วประเทศในเวลานั้นให้เข้าร่วมการต่อสู้ พรรคคอมมิวนิสต์จึงได้ชัยชนะในที่สุด ส่วนเจียงไคเช็คก็ลี้ภัยไปยังเกาะไต้หวัน และสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นใหม่ === ยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน (1949–ปัจจุบัน)=== ประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์มีชัยชนะเหนือพรรคก๊กมินตั๋งในสงครามกลางเมืองจีน เหมา เจ๋อตุง ประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ที่กรุงปักกิ่งบน จัตุรัสเทียนอันเหมินเพื่อปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ == แหล่งข้อมูลอื่น == ประวัติศาสตร์จีนจาก ThaiChinese.Net ประวัติศาสตร์จีนเข้าใจง่าย Sages Academy == อ้างอิง == จีน
thaiwikipedia
978
ดาวเรียงเด่น
ดาวเรียงเด่น (Asterism) คือ ดาวฤกษ์ที่เรียงกันเป็นรูปร่างที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนในท้องฟ้า ซึ่งเป็นเพียงบางส่วนของกลุ่มดาว ตัวอย่างเช่น กระบวยใหญ่ และดาวจระเข้ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ กระบวยเล็กในกลุ่มดาวหมีเล็ก กาน้ำชาในกลุ่มดาวคนยิงธนู ดาวไถในกลุ่มดาวนายพราน สามเหลี่ยมฤดูร้อน (ดาวเดเนบ ดาวตานกอินทรี และดาวเวกา ในกลุ่มดาวหงส์ กลุ่มดาวนกอินทรี และกลุ่มดาวพิณ ตามลำดับ) สี่เหลี่ยมม้าบินในกลุ่มดาวม้าบิน (รวมดาวแอลฟาแอนดรอเมดา) เหยือกในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ เคียวในกลุ่มดาวสิงโต หีบศพในกลุ่มดาวคนแบกงู กระบวยใหญ่อีกอันในกลุ่มดาวมังกร หลักหินในกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส วงแหวนในกลุ่มดาวปลา กางเขนเทียมระหว่างกลุ่มดาวใบเรือและกลุ่มดาวกระดูกงูเรือ หกเหลี่ยมฤดูหนาว ดาวไรเจลในกลุ่มดาวนายพราน ดาวอัลดิบาแรนในกลุ่มดาววัว ดาวคาเพลลาในกลุ่มดาวสารถี ดาวพอลลักซ์/คาสเตอร์ในกลุ่มดาวคนคู่ ดาวโปรซิออนในกลุ่มดาวหมาเล็ก ดาวซิริอุสในกลุ่มดาวสุนัขใหญ่ สามเหลี่ยมฤดูใบไม้ผลิ (ดาวเรกูลัส ในกลุ่มดาวสิงโต ดาวอาร์คตุรุส ในกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ ดาวสไปกา ในกลุ่มดาวหญิงสาว กลุ่มดาว
thaiwikipedia
979
กลุ่มดาวมังกร
กลุ่มดาวมังกร เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ สามารถเห็นวนรอบขั้วฟ้าจากตำบลที่มีละติจูดสูง ๆ กลุ่มดาวนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล มังกร กลุ่มดาวมังกร
thaiwikipedia
980
กลุ่มดาวมงกุฎเหนือ
กลุ่มดาวมงกุฎเหนือ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าเหนือ ดาวฤกษ์ในกลุ่มเรียงกันเป็นรูปครึ่งวงกลม กลุ่มดาวนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล เดิมมีชื่อละตินว่า Corona ที่หมายถึงมงกุฎ ต่อมาเติมคำว่า Borealis (เหนือ) เพื่อให้ตรงข้ามกับกลุ่มดาวมงกุฎใต้ที่อยู่ในซีกฟ้าใต้ กลุ่มดาว กลุ่มดาวมงกุฎเหนือ
thaiwikipedia
981
กลุ่มดาวมงกุฎใต้
กลุ่มดาวมงกุฎใต้ เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล กลุ่มดาว กลุ่มดาวมงกุฎใต้
thaiwikipedia
982
นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส
นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus Torinensis, Mikołaj Kopernik มีกอไว กอแปร์ญิก; 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1473 – 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1543) เป็นนักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ผู้คิดค้นแบบจำลองระบบดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางสมบูรณ์ ซึ่งดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ มิใช่โลก การตีพิมพ์หนังสือ De revolutionibus orbium coelestium (ว่าด้วยการปฏิวัติของทรงกลมฟ้า) ของโคเปอร์นิคัส ก่อนหน้าที่เขาเสียชีวิตไม่นาน ถูกพิจารณาว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ เป็นการเริ่มต้นการปฏิวัติโคเปอร์นิคัสและมีส่วนสำคัญต่อความรุ่งเรืองของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นตามมา ทฤษฎีระบบดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางอธิบายกลไกของระบบสุริยะในเชิงคณิตศาสตร์ มิใช่ด้วยคำของอริสโตเติล โคเปอร์นิคัสเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาแห่งสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา เป็นทั้งนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักนิติศาสตร์ที่สำเร็จดุษฎีบัณฑิตในวิกฎหมาย นักฟิสิกส์ ผู้รู้สี่ภาษา นักวิชาการคลาสสิก นักแปล ศิลปิน สงฆ์คาทอลิก ผู้ว่าราชการ นักการทูตและนักเศรษฐศาสตร์ == การปฏิวัติทางดาราศาสตร์ของโคเปอร์นิคัส == ในเวลานั้นโคเปอร์นิคัสได้เสนอให้ดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลแทนโลกในแนวความคิดเดิม โดยให้ดาวเคราะห์ต่าง ๆ เช่น โลก ดาวศุกร์ หรือ ดาวพุธ โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงกลม (ในเวลาต่อมาโยฮันเนิส เค็พเพลอร์ได้เสนอว่าควรเป็นวงรีดั่งโมเดลในปัจจุบัน) ถึงแม้ว่าความแม่นยำในการทำนายด้วยทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสนั้นไม่ได้ดีกว่าทฤษฎีเก่าของอริสโตเติลและทอเลมีเลย (ไม่ได้ให้ผลการทำนายตำแหน่งของดวงดาวต่าง ๆ แม่นยำกว่าทฤษฎีเก่า) แต่ว่าทฤษฎีนี้ ถูกใจนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคนั้นหลายคน เช่น เดส์การตส์ กาลิเลโอ และเค็พเพลอร์ เนื่องจากว่าทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสนั้นเข้าใจง่ายและซับซ้อนน้อยกว่ามาก โดยกาลิเลโอกล่าวว่าเขาเชื่อว่ากฎต่าง ๆ ในธรรมชาติน่าจะเป็นอะไรที่สวยงามและเรียบง่าย ทฤษฎีโลกเป็นศูนย์กลางดูซับซ้อนมากเกินไปจนไม่น่าเป็นไปได้ (ดูทฤษฎีความอลวนเพิ่มเติม) แนวคิดของกาลิเลโอนี้ ตรงกับหลักการของออคแคม (Ockham's/Occam's razor) ในปรัชญาวิทยาศาสตร์ ซึ่งถูกนำมาประยุกต์ใช้ในงานวิจัยด้านการเรียนรู้ของเครื่อง == เกียรติยศ == โคเปอร์นิคัสได้รับเกียรติจากประเทศโปแลนด์ ให้เป็นชื่อมหาวิทยาลัยในตอรุญ ตั้งในปี ค.ศ. 1945 ชื่อของเขาเป็นชื่อธาตุตัวที่ 112 ที่ IUPAC ได้ประกาศไป ==หมายเหตุ== ==อ้างอิง== === ข้อมูล === Davies, Norman, God's Playground: A History of Poland, 2 vols., New York, Columbia University Press, 1982, . Dobrzycki, Jerzy, and Leszek Hajdukiewicz, "Kopernik, Mikołaj", Polski słownik biograficzny (Polish Biographical Dictionary), vol. XIV, Wrocław, Polish Academy of Sciences, 1969, pp. 3–16. (Extracts from Finocchiaro (1989)) Original edition published by Hutchinson (1959, London) Miłosz, Czesław, The History of Polish Literature, second edition, Berkeley, University of California Press, 1969, . Mizwa, Stephen, Nicolaus Copernicus, 1543–1943, Kessinger Publishing, 1943. Dava Sobel, A More Perfect Heaven: How Copernicus Revolutionized the Cosmos, New York, Walker & Company, 2011, . Features a fictional play about Rheticus' visit to Copernicus, sandwiched between chapters about the visit's pre-history and post-history. (A biography of Danish astronomer and alchemist Tycho Brahe.) == แหล่งข้อมูลอื่น == ข้อมูลปฐมภูมิ De Revolutionibus, autograph manuscript – Full digital facsimile, Jagiellonian University Polish translations of letters written by Copernicus in Latin or German Online Galleries, History of Science Collections, University of Oklahoma Libraries High resolution images of works by and/or portraits of Nicolaus Copernicus in .jpg and .tiff format. Works by Nicolaus Copernicus in digital library Polona ทั่วไป Copernicus in Torun Copernicus House, District Museum in Toruń Nicolaus Copernicus Thorunensis by the Copernican Academic Portal Nicolaus Copernicus Museum in Frombork Portraits of Copernicus: Copernicus's face reconstructed; Portrait ; Nicolaus Copernicus Copernicus and Astrology Stanford Encyclopedia of Philosophy entry 'Body of Copernicus' identified – BBC article including image of Copernicus using facial reconstruction based on located skull Nicolaus Copernicus on the 1000 Polish Zloty banknote. Copernicus's model for Mars Retrograde Motion Copernicus's explanation for retrograde motion Geometry of Maximum Elongation Copernican Model Portraits of Nicolaus Copernicus เกี่ยวกับ De Revolutionibus The Copernican Universe from the De Revolutionibus De Revolutionibus, 1543 first edition – Full digital facsimile, Lehigh University The text of the De Revolutionibus Digitized edition of De Revolutionibus Orbium Coelestium (1543) with annotations of Michael Maestlin on e-rara รางวัล Nicolaus Copernicus Prize, founded by the City of Kraków, awarded since 1995 ความร่วมมือระหว่างเยอรมนี-โปแลนด์ German-Polish "Copernicus Prize" awarded to German and Polish scientists (DFG website) Büro Kopernikus – An initiative of German Federal Cultural Foundation German-Polish school project on Copernicus นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน นักคณิตศาสตร์ชาวโปแลนด์ นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ บุคคลจากตอรุญ บุคคลในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยกรากุฟ ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยโบโลญญา ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยปาโดวา ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยแฟร์รารา
thaiwikipedia
983
มีดโกนอ็อกคัม
หลักการของออคแคม (Ockham's Razor หรือ Occam's Razor) ถูกเสนอโดยวิลเลียมแห่งออคแคม เป็นหลักการหนึ่งในปรัชญาวิทยาศาสตร์ในการเลือกทฤษฎีที่เหมาะสมและตรงกับข้อมูลที่ได้จากการสังเกตหรือการทดลอง หลักการของออคแคมนี้ถูกนำไปตีความในหลายรูปแบบ โดยนักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวถึงหลักการของออคแคมในรูปแบบที่ง่ายที่สุดได้ว่า: "เราไม่ควรสร้างข้อสมมุติฐานเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น" หรือ "ทฤษฎีไม่ควรซับซ้อนเกินความจำเป็น" นั่นคือในกรณีที่ทฤษฎี หรือคำอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ มากกว่าหนึ่งรูปแบบ สามารถอธิบาย และทำนาย สิ่งที่ได้จากการสังเกตทดลอง ได้เท่าเทียมกัน หรือไม่ต่างกันมาก เราควรจะเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุด หรือซับซ้อนน้อยที่สุดนั่นเอง หลักการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างหนักแน่น จากนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หรือกาลิเลโอ กาลิเลอี ที่มองธรรมชาติเป็นสิ่งที่สวยงามดั่งศิลปะ == ตัวอย่างการนำไปใช้ == ตัวอย่างที่ดีที่สุด ในการใช้หลักการของออคแคมคือ การที่นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเชื่อว่า ทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสนั้น น่าเชื่อถือมากกว่า ทฤษฎีโลกเป็นศูนย์กลางของอริสโตเติลและทอเลมี ในงานวิจัยด้านการเรียนรู้ของเครื่องในปัจจุบัน ได้นำหลักการของออคแคมมาใช้อย่างกว้างขวาง (ดู (Duda et al., 2001), (Mitchel, 1997) และ (Mackay, 2003)) แต่มักจะเข้าใจผิดว่า ทฤษฎีที่มีคำอธิบายสั้น คือทฤษฎีที่เรียบง่ายกว่า อนึ่ง หลักการของออคแคมนี้ สามารถคำนวณออกมาในเชิงตัวเลข (หรือในเชิงปริมาณ ซึ่งสามารถสื่อสารกันได้อย่างเที่ยงตรงมากกว่าเชิงคุณภาพ) ได้ด้วยการใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็นแบบเบย์ ในการอนุมาน (ดู (Mackay, 2003) และ (Jaynes, 2003)) โดยมีหลักการว่าโมเดลที่ซับซ้อนมาก จะมีตัวแปร (ในศัพท์ของทฤษฎีความน่าจะเป็นและสถิติมักเรียก "ตัวแปร" ที่ปรับได้นี้ ว่า "พารามีเตอร์") จำนวนมาก เพื่อให้ปรับค่าได้ยืดหยุ่นมาก ดังนั้นความน่าจะเป็นที่ตัวแปรจำนวนมากนั้น จะปรากฏเป็นค่าที่เข้ากับข้อมูลของเราได้อย่างลงตัวนั้นจึง "น้อย" กว่าโมเดลที่มีตัวแปรน้อย == ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย == "โมเดลที่ง่าย จะให้ความถูกต้องเหมาะสมกับข้อมูล มากกว่าโมเดลที่ซับซ้อน" ประโยคนี้ไม่เป็นจริง โดยทั่วไปโมเดลที่ซับซ้อน (มีพารามีเตอร์มากกว่า) จะให้ความถูกต้องกับข้อมูลไม่ด้อยกว่าโมเดลที่เรียบง่าย หลักการของออคแคม แนะนำให้เลือกโมเดลที่ง่าย ในกรณีที่โมเดลที่ซับซ้อน ให้ความถูกต้องได้ไม่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเท่านั้น "โมเดลที่มีคำอธิบายสั้นกว่า คือโมเดลที่ซับซ้อนน้อยกว่า" ประโยคนี้ไม่เป็นจริงเสมอไป เนื่องจากความสั้นยาวของคำอธิบายของโมเดล ขึ้นอยู่กับการเข้ารหัส หรือภาษาที่ใช้อธิบายโดยตรง ดังเช่นในทางคณิตศาสตร์ ถ้าเราจำกัดให้ภาษาของสมการของเรา มีเพียงสมการพหุนามแล้ว เราจำเป็นต้องใช้พจน์ของพหุนามเป็นจำนวนอนันต์ เพื่ออธิบายฟังก์ชันเอกโปเน็นเชียล ในขณะที่ ถ้าภาษาของเรามีค่าคงที่ e เราก็จะสามารถอธิบายฟังก์ชันเอกโปเน็นเชียลได้ ด้วยตัวอักษรไม่กี่ตัว อย่างไรก็ตาม แม้ความยาวของทั้งสองสมการจะไม่เท่ากัน แต่สมการทั้งสองก็อธิบายโมเดลเดียวกัน ความยาวของคำอธิบาย จึงไม่สามารถบอกค่าความซับซ้อนของโมเดลได้โดยตรง อนึ่งในการวัดความเรียบง่ายของ "โมเดล" จาก "คำอธิบายโมเดล" โดยตรง เราจำเป็นต้องใช้การเข้ารหัสแบบครอบจักรวาล (universal encoding) เพื่ออธิบายโมเดลนั้น งานวิจัยในด้านการวัดความซับซ้อนของโมเดลแบบสัมบูรณ์นี้ คืองานวิจัยเรื่องความซับซ้อนแบบโคโมลโกรอฟ ซึ่งถูกเสนอโดยนักคณิตศาสตร์ชื่อดังชาวรัสเซีย แอนเดร โคลโมโกรอฟ ในราวปี ค.ศ. 1960 == ดูเพิ่ม == ปรัชญาวิทยาศาสตร์ การเรียนรู้ของเครื่อง ทฤษฎีสารสนเทศ ความซับซ้อนแบบโคโมลโกรอฟ == อ้างอิง == Morris Kilne. Mathematics for the Non-mathematician. Dover Publication, 1985. อ้างอิงเกี่ยวกับการปฏิวัติของโคเปอร์นิคัส E. T. Jaynes, Chapter 24 in Probability Theory - The logic of science , 1994. เหมาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญ David J.C. MacKay (2003) Information theory, inference and learning algorithms, CUP, ISBN 0-521-64298-1, (also available online) เหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้น Domingos, P., "The role of Occam's razor in knowledge discovery," Data Mining and Knowledge Discovery, 3 (4) : 409-425, 1999. อิงข้อผิดพลาดที่มักพบบ่อยแบบที่ 1 Richard O. Duda, Peter E. Hart, David G. Stork (2000) Pattern classification (2nd edition), Section 9.6.5, p. 487-489, Wiley, ISBN 0-471-05669-3 ถอดเนื้อหามาจากงานของ Mackay Tom Mitchell. Machine Learning, 1997. หนังสือการเรียนรู้ของเครื่องฉบับมาตรฐานเล่มนี้นำหลักการของออคแคมมาพูดถึงได้เข้าใจง่าย แต่มีข้อเสียคือไม่พูดถึงประเภทของการเข้ารหัส ซึ่งอาจจะทำให้เข้าใจหลักการของออคแคมผิดได้ (ว่าโมเดลที่มีคำอธิบายสั้นคือโมเดลที่เรียบง่าย) == แหล่งข้อมูลอื่น == มีดโกนของออคคัม โดย สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ โปรแกรมจำลองการเคลื่อนไหวของโลกเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ในโมเดลแบบดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางและโลกเป็นศูนย์กลาง http://www.hyle.org/journal/issues/3/hoffman.htm What is Occam's Razor? Skeptic's Dictionary: Occam's Razor Ockham's Razor , an essay at The Galilean Library on the historical and philosophical implications by Paul Newall. NIPS 2001 Workshop "Foundations of Occam's Razor and parsimony in learning" "We Must Choose The Simplest Physical Theory: Levin-Li-Vitányi Theorem And Its Potential Physical Applications" "Sharpening Ockham's razor on a Bayesian strop" (pdf), by William H. Jefferys and James O. Berger; gives an objective quantification of Occam's razor within Bayesian statistics (with scientific applications) Information Theory, Inference, and Learning Algorithms, by David J.C. MacKay, includes an introductory chapter on the automatic Occam's razor that is embodied by Bayesian model comparison. "Message Length as an Effective Ockham's Razor in Decision Tree Induction" , by S. Needham and D. Dowe, Proc. 8th International Workshop on AI and Statistics (2001), pp253-260. (Shows how Ockham's razor works fine when interpreted as MML.) Lloyd's MML pages describe how Minimum Message Length induction extends Ockham's razor for differing hypotheses. (MML is a scale-invariant Bayesian model selection method.) (An extensive bibliography of publications related to Occam's Razor) Occam's sword at wikinfo Simplicity at Stanford Encyclopedia of Philosophy ปรัชญาวิทยาศาสตร์
thaiwikipedia
984
สโตนโอเชียน
สโตนโอเชียน (; Stone Ocean) เป็นภาคที่หกของซีรีส์มังงะญี่ปุ่นเรื่องโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ เรื่องและภาพโดยฮิโรฮิโกะ อารากิ ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2543 ถึงวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2546 และได้รับการรวบรวมเป็นหนังสือการ์ตูนรวมเล่ม (ทังโกบง) รวม 17 เล่ม เป็นภาคถัดจากสายลมทองคำและก่อนหน้าสตีลบอลรัน อนิเมะดัดแปลง 38 ตอน สโตนโอเชียน ฉายทางเน็ตฟลิกซ์ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 ถึงธันวาคม พ.ศ. 2565 == เนื้อเรื่อง == ปี 2011 ที่อเมริกา โจลีนกับโรมีโอแฟนหนุ่ม(ในครั้งแรกเป็นตัวละครสาวแต่สังคมในสมัยนั้นอาจารย์อารากิจึงเปลี่ยนจากหญิงเป็นชาย) ออกไปเที่ยวเล่นตามประสาคู่รัก แต่เกิดอุบัติเหตุขับรถชนคน ทั้งคู่กลัวความผิดที่จะตามมาในภายหลังจึงได้นำผู้เคราะห์ร้ายนั้นไปซ่อนและหลบหนีไป ต่อมาตำรวจและ FBI ได้ตามไปจับโจลีนถึงบ้านเนื่องจากมีเบาะแสว่าเธอคือหนึ่งในผู้ต้องหาที่ขับรถชน ในขณะที่รอขึ้นศาลนั้นโจลีนได้รับจี้ห้อยคอที่มีเศษหินประหลาดอยู่ในนั้น โดยที่ของชิ้นนั้นเป็นของโจทาโร่ซึ่งเป็นพ่อของเธอมอบให้กับแม่ที่หย่าขาดกันแล้ว โจลีนถูกหินนั้นบาดมือทำให้เธอได้รับพลังบางอย่าง เมื่อถึงการตัดสินคดี โจลีนหลงกลของทนายที่ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายและถูกโรมีโอหักหลังอีกทีทำให้เธอต้องโทษ 15 ปีและถูกจองจำในเรือนจำ กรีน ดอลฟิน สตรีท ชีวิตคนคุกของโจลีนได้เริ่มต้นขึ้น เธอต้องอยู่ร่วมกับนักโทษที่ก่อคดีอุกฉกรรจ์มากมายและจ้องจะโดนทำร้าย แต่พลังพิเศษที่เธอได้รับหลังจากที่โดนจี้บาดทำให้เธอสามารถผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้ายไปได้ นั่นคือพลังสแตนด์และเธอได้ตั้งชื่อมันว่า "สโตน ฟรี" ต่อมาโจทาโร่ได้มาเยี่ยมโจลีนถึงในคุกและต้องการให้โจลีนออกไปจากคุกพร้อมกับตน แต่ยังไม่ได้จะได้ทำอะไรทั้ง 2 พ่อลูกถูกนักโทษชายใช้สแตนด์มาเล่นงานคือ ฌองการี่ A ซึ่งในอดีตฌองการี่ A เป็นลูกน้องของดีโอ ซึ่งแผนการที่ให้โจลีนเข้าคุกนั้นต้นเหตุทุกอย่างมาจากฌองการี่ A เพื่อให้ตัวเองมาฆ่าโจลีนในคุก ทั้ง 2 พ่อลูกสามารถจัดการฌองการี่ A ได้แต่ทว่าโจทาโร่ถูกสแตนด์ "ไวท์สเน็ค" เปลี่ยนสภาพสแตนด์ "สตาร์แพล็ตตินั่ม" ของตนและ "ความทรงจำ" ให้เป็นแผ่น DISC แล้วก็ถูกชิงไปทำให้โจทาโร่อยู่ในสภาพกึ่งตาย เจ้าหนูเอ็มโพริโอ้ เด็กที่มาเตือนโจลีนบอกให้โจลีนหนีไปจากคุก แต่โจลีนไม่ออกจากคุกแต่จะตามล่าหาแผ่น DISC ของพ่อซึ่งเธอคิดว่ามันยังอยู่ในคุก โจลีนไม่ได้ตามล่าสแตนด์นั้นอย่างโดดเดี่ยวแต่ยังมีพรรคพวกได้แก่ แอร์เมส คอสเตลโล่, ฟู ไฟเตอร์ส, เวเธอร์ รีพอร์ท และ นาร์ซีโซ่ อนาซุย พวกเขาจัดการกับผู้ใช้สแตนด์ที่ไวท์สเน็คส่งมาเล่นงานโจลีน ภายหลังโจลีนได้แผ่น DISC "สตาร์แพล็ตตินั่ม" คืนมาและส่งไปให้มูลนิธิสปีดวาก้อนที่ดูแลรักษาร่างกายของโจทาโร่อยู่ ความจริงแล้วสแตนด์ไวท์สเน็คนั้นร่างต้นก็คือบาทหลวง เอ็นริโก้ ปุชชี่ ในอดีตเขาเคยเป็นสหายของดิโอ บาทหลวงปุชชี่มีกระดูกของดิโอที่ทีเพียงชิ้นเดียวที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ เขาต้องการให้กระดูกของดีโอคืนชีพเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการไป "สวรรค์" ที่ดิโอเคยบอกกับตนไว้ในอดีต โดยที่กระดูกชิ้นนั้นได้รับพลังจากสแตนด์ของสมุนของปุชชี่ ทำให้มีพลัง และทำปฏิกิริยาบางอย่างกับนักโทษในคุกเพื่อเริ่มที่จะให้กำเนิดชีวิตใหม่เป็นทารกสีเขียว พวกโจลีนได้พบกับทารกสีเขียวที่กระดูกของดีโอสร้างขึ้น และก็ได้ปะทะกับบาทหลวงปุชชี่ แต่พวกโจลีนได้สูญเสียพรรคพวกไปคือ ฟู ไฟเตอร์ส ต่อมาบาทหลวงปุชชี่ได้รวมร่างกับทารกนั้น จนแสตนด์ของเขาเปลี่ยนร่างใหม่ ต่อมาก็ได้ออกไปจากเรือนจำ โจลีนรับรู้เรื่องราวต่างๆของโจทาโร่กับดีโอและตระกูลโจสตาร์จากแผ่น DISC "ความทรงจำ" ของโจทาโร่และตั้งใจจะไล่ล่าบาทหลวงเพื่อไม่ให้เป้าหมายในการไปสวรรค์ของมันสำเร็จ ในขณะที่บาทหลวงพุซซี่นั้นได้รวบรวมเหล่าลูกชายของดีโอเพื่อจะมาสู้กับพวกโจลีน แต่พวกโจลีนก็สามารถเอาชนะมาได้ทั้งหมดแต่ก็ต้องสูญเสียเวธเธอร์ รีพอร์ทไป หลังจากที่ได้นำส่ง DISC ของโจทาโร่ให้มูลนิธิสปีดวาก้อนแล้ว พวกโจลีนก็ตามล่าบาทหลวงปุชชี่จนพบ ทว่าปุชชี่นั้นได้พัฒนาสแตนด์ของตนจนกลายเป็น "C-MOON" สแตนด์ที่ควบคุมแรงดึงดูด พวกโจลีนรับมือกับสแตนด์ใหม่ของปุชชี่ได้ยากลำบาก แต่ว่าโจทาโร่ก็ได้มาช่วยพวกโจลีนและสามารถเอาชนะบาทหลวงปุชชี่ได้ อย่างไรก็ตาม ปุชชี่ได้ทำตามเงื่อนไขของการไปสวรรค์ของดีโอจนได้พลังสแตนด์ใหม่นั่นคือ "เมด อิน เฮฟเว่น" สแตนด์ที่สามารถเร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้ พวกโจลีนไม่สามารถรับมือกับสแตนด์ของบาทหลวงปุชชี่ได้ จนกระทั่งเสียท่าและถูกฆ่าตายไปทั้งหมด เหลือเพียงแต่เจ้าหนูเอ็มโพริโอ้คนเดียวเท่านั้น บาทหลวงปุชชี่ทำการเร่งเวลาของจักรวาลจนไปสู่จักรวาลใหม่ การมาสู่จักรวาลใหม่นั้น "ชะตากรรม" ของจักรวาลเดิมจะยังคงเกิดขึ้น ทว่าพวกโจลีนที่ถูกฆ่าตายในจักรวาลเดิมจะไม่กลับมา เพราะปุชชี่ได้ทิ้งชะตากรรมนั้นไว้หมดสิ้นแล้ว แต่ว่าเอ็มโพริโอ้ได้ใช้พลังสแตนด์ของเวเธอร์ รีพอร์ทจัดการบาทหลวงปุชชี่ได้ก่อนที่จะเร่งเวลาใหม่ ทำให้เอ็มโพริโอ้ได้ไปยังมิติใหม่ที่พวกโจลีนกลับมาเกิดใหม่ (แต่ชื่อเปลี่ยนไป) อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะจำเอ็มโพริโอ้ไม่ได้ แต่เอ็มโพริโอ้ก็รู้ดีว่าเป็นพวกเขาที่กลับมาเกิดใหม่และออกเดินทางไปกับพวกเขาด้วยความปลื้มปิติ == สแตนด์ == นับตั้งแต่โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษภาค 3 (Stardust Crusader) เป็นต้นมา มีการนำแนวคิดของพลังพิเศษที่เรียกว่า "สแตนด์" มาใช้ คำจำกัดความที่ง่ายที่สุดของสแตนด์ก็คือ การทำพลังจิตให้ออกมาเป็นรูปร่าง พลังสแตนด์แต่ละตัวจะมีพลังและความสามารถแตกต่างกัน และจะอยู่เคียงข้างกับเจ้าของไปตลอด ดั่งเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ ในภาค 6 (Stone Ocean) นี้ก็ยังคงแนวคิดเดิมไว้ คือตัวละครที่มีพลังสแตนด์ (ซึ่งถูกเรียกว่า"ผู้ใช้สแตนด์") จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆเพื่อกำจัดศัตรูตัวร้ายที่สุดของเรื่องให้ได้ == ตัวละคร== คูโจ โจลีน ลูกสาวของคูโจ โจทาโร่ ตัวเอกจากภาค 3 ถูกอุบายของแฟนหนุ่มหลอกใช้จนต้องมาเข้าคุก แม้จะดูเป็นสาวซ่าส์แต่จริงๆก็อ่อนแอตามแบบฉบับของเด็กสาวทั่วไป จนกระทั่งเหตุการณ์ต่างๆผ่านเข้ามาทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น สแตนด์ของโจลีนมีชื่อว่า "สโตน ฟรี" เป็นกลุ่มด้ายที่มารวมกันกลายเป็นร่างกายที่แข็งแกร่ง มีพลังทำลายสูง และยังแยกออกเป็นเส้นด้ายเพื่อระยะใช้งานที่กว้างไกลขึ้นด้วย แต่พลังทำลายจะลดน้อยลงเมื่ออยู่ในรูปร่างของด้าย เฮอร์เมส คอสเตลโล่ สาวห้าวที่เคยผ่านคุกมาแล้วสองสามครั้ง เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีจึงเห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็รักเพื่อนพ้องมาก คอยช่วยเหลือกันอยู่ทุกเวลา สแตนด์ของเฮอร์เมสมีชื่อว่า "คิส" เป็นสแตนด์ที่ดูเหมือนนางแบบแคตวอล์ค ในมือของคิสจะปล่อยสติ๊กเกอร์ชิ้นเล็กๆออกมา สติ๊กเกอร์นี้เมื่อติดไปที่ของสิ่งใดจะทำให้ของนั้นเพิ่มจำนวนเป็นสองชิ้น และเมื่อดึงสติ๊กเกอร์ออกก็จะมารวมเป็นชิ้นเดียวเหมือนเดิม แต่จะเกิดความเสียหายขึ้น คูโจ โจทาโร่ พ่อของโจลีน อดีตเคยร่วมเดินทางผจญภัยไปกับพวกพ้องเพื่อกำจัดดีโอ ศัตรูตัวฉกาจของตระกูล และได้รู้ความลับอะไรบางอย่างกลับมา โจทาโร่ปิดผนึกความลับนั้นไว้ในหัวตัวเองตลอดกาล จนกระทั่งบัดนี้มีผู้ต้องการมัน และทำให้โจทาโร่อยู่ในอันตราย สแตนด์ของโจทาโร่เป็นสแตนด์ที่ไร้เทียมทานที่สุด นั่นคือ "สตาร์ แพล็ตตินั่ม" มีพลังทำลายสูง ความเร็วไวปานแสง อีกทั้งความแม่นยำก็ราวกับเครื่องจักร และเหนืออื่นใดสตาร์แพล็ตตินั่มสามารถหยุดไว้ลาได้ถึง 5 วินาที ในช่วงเวลาที่ถูกหยุดนี้มีเพียงโจทาโร่และสแตนด์ของตัวเองเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้ ฟูไฟเตอร์ เป็นแพลงตอนที่ได้รับการวิวัฒนาการจากแผ่น ดิสก์ของไวท์สเน็คจนกลายพันธุ์เป็นสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ เดิมทีอยู่ฝ่ายศัตรู แต่เมื่อสู้กันคราวหนึ่งก็กลับใจมาอยู่ฝ่ายโจลีน และอาศัยอยู่ในร่างเดิมของนักโทษที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง แสตนด์ของฟูไฟเตอร์คือตัวของฟูไฟเตอร์เอง มีความสามารถในการแยกร่างออกได้หลายร่างพร้อมกับแปลงกายเป็นมนุษย์ได้และยิงกระสุนแพลงตอนออกจากนิ้วมือ และร่างกายของฟูไฟเตอร์ก็สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ขอเพียงได้รับน้ำอยู่เรื่อยๆ แต่หากขาดน้ำไปก็จะทำให้อ่อนแอและตายในที่สุด ฟูไฟเตอร์มีอีกชื่อที่เรียกกันย่อๆว่า FF (เอฟเอฟ) เอมโพริโอ้ อัลนีโย่ เจ้าหนูในชุดเบสบอล ที่แอบอาศัยอยู่ในเรือนจำมานานแล้ว เจ้าหนูมีแม่ซึ่งถูกบาทหลวงขโมยความทรงจำไปทำให้ตาย เอมโพริโอ้มักจะค้นคว้าหาความรู้จากการอ่านหนังสืออยู่เสมอ ทำให้ช่วยเหลือพวกโจลีนในการเอาตัวรอดได้บ่อยๆ สแตนด์ของเอมโพริโอ้คือ "เบิร์นนิ่ง ดาวน์ เดอะ เฮาส์" ไม่มีพลังในการโจมตีหรือทำลาย แต่สามารถนำเอา"วิญญาณสิ่งของ" ในอดีตมาใช้ได้ตามใจชอบ ห้องที่เอมโพริโอ้อาศัยอยู่ก็เป็นวิญญาณเหมิอนกัน จึงไม่มีผู้ใดพบเห็น เวเธอร์ รีพอร์ต ชายหนุ่มลึกลับที่อยู่กับเอมโพริโอ้ใน"ห้องวิญญาณ" ไม่ค่อยพูดจา เนื่องจากตนเองสูญเสียความทรงจำไป จำไม่ได้แม้แต่ชื่อตนเอง จึงถูกเรียกว่า เวเธอร์ รีพอร์ต ตามชื่อสแตนด์ สแตนด์ของเวธเธอร์รีพอร์ตคือ "เวเธอร์ รีพอร์ต" สามารถควบคุมลมฟ้าอากาศได้ตามใจนึก อีกทั้งยังควบคุมให้เกิดสภาพอากาศในวงแคบๆอย่าง 1 ตารางเมตรหรือกว้างขนาดบนฟ้าบริเวณหนึ่งก็ได้เช่นกัน อนาซุย นาร์ซิสโซ่ หรือแอนนาซุยตามชื่อของแฟชั่นแบรนด์จริง บุคคลอีกคนหนึ่งที่อยู่กับเวธเธอร์รีพอร์ต เป็นคนลึกลับไม่พูดไม่จาอีกเช่นกัน แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว อนาซุยมีความลับบางอย่างเก็บซ่อนอยู่ สแตนด์ของอนาซุยมีชื่อว่า "ไดฟเวอร์ ดาวน์" สามารถมุดเข้าไปในวัตถุ แล้วประกอบโครงสร้างภายในใหม่ได้ตามใจชอบ บาทหลวงเอนริโก้ ปุชชี่ บาทหลวงลึกลับ ผู้เป็นอดีตสหายของดิโอ เขานับถือพระเจ้าอย่างภักดี และต้องการจะไปสวรรค์ตามวิธีที่ดิโอได้ค้นพบ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาตามล่าตัวโจทาโร่ ผู้เป็นคนสุดท้ายที่รู้วิธีไปถึงดินแดนสวรรค์ เนื่องจากโจทาโร่คือคนเดียวและคนสุดท้ายที่ได้อ่านบันทึกของดิโอก่อนจะนำไปเผาทำลาย พุซซี่เป็นคนเด็ดเดี่ยวที่ทำได้ทุกอย่างตามความต้องการของตนเอง สแตนด์ของพุซซี่มีชื่อว่า "ไวท์ สเนค" มีพลังทำลายเท่ากับคนธรรมดา แต่สามารถดึงเอาความทรงจำและ"ความสามารถสแตนด์" ของคนอื่นๆมาเก็บไว้ในรูปแบบของแผ่นดิสก์ได้ ผู้ที่ถูกดึงเอาความทรงจำไปจะเหลือแต่เพียงร่างกายที่ไร้จิตวิญญาณ ==อ้างอิง== == ดูเพิ่ม == โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ สตีล บอล รัน โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ
thaiwikipedia
985
ทเวนตี้เซนจูรี่บอย
20th Century Boys แก๊งนี้มีป่วน เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่องราวแนวสืบสวนลึกลับ เขียนโดย นาโอกิ อุราซาว่า เจ้าของผลงานเรื่องมอนสเตอร์ เปิดตัวครั้งแรกในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ Big Comic Spirit ปี 1999 ชื่อของเรื่องนี้ มาจากชื่อเพลง "20th Century Boy" ของวงดนตรีร็อกอังกฤษ T. Rex ต่อมาได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ออกฉายในปี 2008 == เนื้อเรื่อง == ในอดีต เคนจิและเพื่อนสมัยเด็ก ๆ ของเขาได้รวมตัวกันตั้งฐานทัพลับขึ้นกลางทุ่งหญ้า พวกเขาใช้มันเป็นที่เก็บซ่อนสมบัติส่วนตัว และมักจะนัดประชุมเพื่อคุยกันอย่างสนุกสนาน วันหนึ่งเคนจิได้เขียนเรื่องของ "คำทำนาย" ขึ้นมา มันเป็นเรื่องขององค์กรร้ายที่พยายามจะทำลายโลกด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งเชื้อโรคร้าย หุ่นยนต์ยักษ์ แต่ในวันที่โลกจะถูกทำลาย "เคนจิและเพื่อน" จะปรากฏตัวออกมาเพื่อหยุดยั้งการกระทำอันเลวร้ายนั้นลง และนำสันติสุขกลับคืนมา เรื่องราวเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ใน"บันทึกคำทำนาย" และเก็บใส่กล่องฝังไว้ใต้ดิน รอวันเวลาที่โลกเกิดความระส่ำระสายขึ้น พวกเขาจะเปิดมันออกมาอีกครั้ง วันเวลาผ่านไป เคนจิและเพื่อน ๆ ต่างก็โตเป็นผู้ใหญ่ ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่การงานที่ต้องทำ เรื่องราวของบันทึกคำทำนายคงถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา หากไม่บังเอิญวันหนึ่งที่เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มคือ ดองกี้ เสียชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย การตายของดองกี้ทำให้เคนจิสงสัยอย่างมาก เนื่องจากดองกี้เป็นคนที่ไม่มีวันฆ่าตัวตายแน่นอน ประจวบกับของสิ่งหนึ่งที่ดองกี้ทิ้งไว้ นั่นคือสัญลักษณ์ประหลาดที่คุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออกว่าคืออะไร ทำให้เคนจิตัดสินใจออกตามหาความลับของเครื่องหมายปริศนา และรวบรวมเพื่อนๆสมัยเด็กที่ยังเหลืออยู่มาช่วยกันกอบกู้โลกจากองค์กรชั่วร้าย แต่พวกเขายังไม่ตระหนักเลยว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะเผชิญหน้านั้นร้ายกาจเกินกว่าที่คาดนัก เนื้อเรื่องของทเวนตี้เซนจูรี่บอยมีหลายส่วนหลายช่วงเวลา เรื่องราวเล่าตั้งแต่วัยเด็กของเคนจิ ในปีโชวะที่ 40 หรือประมาณปี 1969-1971 "เพื่อน" เริ่มต้นที่นั่น ช่วงเวลาที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงของเคนจิคือปี 1997-2000 เคนจิรวบรวมเพื่อนๆในวัยเด็ก เพื่อต่อสู้กับเหล่าองค์กรชั่วร้ายที่เรียกตัวเองว่า "เพื่อน" แต่ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร "เพื่อน"กลับกลายเป็นฮีโร่ ในขณะที่เคนจิกลับกลายเป็นอาชญากร ช่วงเวลาที่ 3 ปี 2014-2015 เป็นช่วงเวลาของคันนะ ลูกสาวของพี่สาวของเคนจิที่เคนจิดูแลแต่เด็ก เธอต้องการฉีกหน้ากากของเพื่อนออกมาให้ได้ เธอจะทำสำเร็จหรือไม่ ในขณะที่ "เพื่อน" ควบคุมอำนาจทั่วญี่ปุ่นแล้ว เขารอเวลาที่จะครองโลกเท่านั้น == รายชื่อตัวละคร == === ตัวละครหลัก === เอ็นโด เคนจิ วัยเด็กเขาได้แต่งเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างฮีโร่กับผู้ร้ายร่วมกับเพื่อนๆ โดยเรียกมันว่าบันทึกคำทำนาย "เพื่อน" บุคคลปริศนา เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนในวัยเด็กของเคนจิผู้ซึ่งรู้เรื่องบันทึกคำทำนาย และในปี 1997 เขาวางแผนอันแยบยลให้เคนจิทำตามบันทึกคำทำนายโดยให้เคนจิเป็นฝ่ายฮีโร่ ในขณะที่เขาเล่นเป็นบทผู้ร้าย เอ็นโด คันนะ ลูกสาวของเอ็นโด คิริโกะ (พี่สาวของเคนจิ) กับ "เพื่อน" เอ็นโด คิริโกะ พี่สาวของเคนจิ เธอเป็นนักบัคเตรีวิทยา โอตโจะ เพื่อนซี้เคนจิ หลังจากที่ลูกชายตาย เขาก็ไม่เป็นผู้เป็นคน ลาออกจากงาน ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย จนกระทั่งเคนจิขอร้องให้เขามาร่วมกันสู้กับ "เพื่อน" เขาเป็นคนที่พึ่งพาได้ ชัค มันโจเมะ ส.ส.พรรคยูมินที่ร่วมมือกับ "เพื่อน" เขาเป็นคนที่ "เพื่อน" ไว้ใจมากที่สุด ยูคิจิ เพื่อนสาวของเคนจิอยู่ในขบวนการด้วยกัน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น ก็รับหน้าที่ดูแลคันนะเวลาที่เคนจิไม่อยู่ === ตัวละครอื่นๆ === พระเจ้า ชายชราไร้บ้านผู้มีพลังวิเศษล่วงรู้อนาคต คาคุตะ นักเขียนการ์ตูนที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำอุมิโฮตารุ และได้แหกคุกกับโอตโจะ ฟุคุเบ เพื่อนสมัยเด็กของเคนจิ ร่วมกับเคนจิต่อสู้กับ "เพื่อน" ใน "วันส่งท้ายปีเก่านองเลือด" จนตัวตาย ซาดาคิโยะ เพื่อนสมัยเด็กของเคนจิ ชอบใส่หน้ากาก ชอบติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวบนดาดฟ้า รร. โดนเพื่อนรังแกเป็นประจำ มาไรห์ ดอกไม้แห่งชินจูกุ เป็นเพื่อนคันนะ นิตานิ อดีตยากูซ่า เป็นบาทหลวงที่โบสถ์ในคาบูกิ โคอิซุมิ เคียวโกะ เพื่อนร่วมห้องของคันนะ ได้รับรู้ความจริงของเหตุการณ์ "วันส่งท้ายปีเก่านองเลือด" == รายชื่อตอน == == รางวัลที่ได้รับ == รางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยมครั้งที่ 48 จาก โชงะกุกัง รางวัลชนะเลิศในงาน Media Arts ครั้งที่ 6 ของทบวงวัฒนธรรมญี่ปุ่น รางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยมครั้งที่ 25 จาก โคดันฉะ == อิทธิพลของสตีเฟ่น คิง == เนื้อเรื่องของทเวนตี้เซนจูรี่บอย ได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากนวนิยายสองเรื่องของนักเขียนนิยายสยองขวัญชาวอเมริกันชื่อดัง สตีเฟ่น คิง คือ It และ The Stand นาโอกิ อุราซาว่าเองถึงกับเขียนให้ตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องเอ่ยว่า สมัยเด็กๆเคยอ่านเรื่องของสตีเฟ่น คิงในวัยเด็กด้วยและเป็น 'หนังสือที่ยาวมากจนต้องแบ่งเป็น 2 เล่ม แต่กลับไม่ได้อ่านเล่ม 2' It เป็นเรื่องของ สมาคมคนขี้แพ้ ซึ่งประกอบด้วยเด็กผู้ชาย 6 คนและเด็กผู้หญิงอีก 1 คน ทั้ง 7 ตั้งสมาคมกันเองขึ้นบริเวณริมแม่น้ำ พวกเขาค้นพบว่าในเมืองเดอร์รี่ที่พวกเขาอาศัยอยู่มีปีศาจอาศัยอย่างลับๆ 'มัน'จะออกล่าเหยื่ออย่างเหี้ยมโหดเป็นวงจรทุกๆ 27 ปี ปี 1958 ทั้ง 7 ได้ต่อสู้กับปีศาจจนมันบาดเจ็บสาหัส ทั้ง 7 สัญญาว่าเมื่อถึงเวลาที่ 'มัน'จะกลับมาอีกครั้ง พวกเขาจะกลับมารวมตัวต่อสู้กับ 'มัน'อีก แต่เมื่อถึงปี 1985 ครบวงจร 27 ปี ปรากฏว่าสมาชิกคนหนึ่งฆ่าตัวตายไป และเหลือเพียง 6 คนเท่านั้นที่กลับมารวมตัวกันรื้อฟื้นความทรงจำเพื่อต่อสู้กับ 'มัน' * เนื้อเรื่องของ It และทเวนตี้เซนจูรี่บอย คล้ายคลึงกัน คือการกลับมารวมตัวของกลุ่มเพื่อนวัยเด็กเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำและร่วมต่อสู้ด้วยกันอีก * สมาชิกสมาคมคนขี้แพ้มีอยู่ 7 คน คือชาย 6 คน และหญิง 1 คน ซึ่งคล้ายคลึงกับสมาชิกของฐานทัพลับในทุ่งหญ้าของเคนจิซึ่งมี ชาย 8 คน หญิง 1 คน * ลักษณะการเล่าเรื่องของทั้ง 2 เรื่องเป็นการตัดสลับอดีต และปัจจุบัน กลับไปกลับมาอย่างละเอียด และซับซ้อน * ทั้ง 2 เรื่องมีบรรยากาศของเนื้อเรื่องแบบ nostalgia และมีเนื้อหาในลักษณะการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ (coming-of-age) The Stand เป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่วในโลกซึ่งล่มสลายเพราะไวรัสที่ถูกพัฒนาเป็นอาวุธชีวภาพรั่วไหลออกมา * ในทเวนตี้เซนจูรี่บอย 'เพื่อน'ใช้ไวรัสมรณะเพื่อทำลายมนุษยชาติ ขณะที่ The Stand มนุษย์ล้มตายลงด้วยไวรัสอาวุธชีวภาพเช่นเดียวกัน แต่ว่าหลุดออกมาระบาดโดยอุบัติเหตุ * ทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมมีการใช้ฉายาบางอย่างเพื่อเรียกผู้นำกลุ่ม ใน The Stand เป็นการต่อสู้ระหว่าง 'แม่เฒ่าอบาเกล' และ 'บุรุษมืด'ขณะที่ในทเวนตี้เซนจูรี่บอย เป็นการต่อสู้ระหว่าง 'ราชินีน้ำแข็ง' และ 'เพื่อน' รวมถึงคิริโกะ แม่ของคันนะเองก็มีฉายาว่า 'พระแม่ศักดิ์สิทธิ์' == แหล่งข้อมูลอื่น == 20th Century Boys movie 's official site Classic Manga: 20th Century Boys การ์ตูนญี่ปุ่น การ์ตูนญี่ปุ่นแนวเซเน็ง‎ ภาพยนตร์ญี่ปุ่น การ์ตูนญี่ปุ่นแนวก้าวผ่านวัย
thaiwikipedia
986
ราชันย์แห่งภูต
ราชันย์แห่งภูต (Shaman King) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ ฮิโรยูกิ ทาเคอิ เรื่องราวเกี่ยวกับ อาซาคุระ โย ผู้มีพลังมองเห็นวิญญาณ และเกิดในตระกูลชาแมน ซึ่งมีหน้าที่ติดต่อกับวิญญาณ และความฝันของโยก็เพื่อที่จะสร้างโลกที่มีแต่ความสุข ทุกคนมีเวลาที่จะผ่อนคลายได้มองสายลม สูดกลิ่นธรรมชาติได้อย่างไม่เร่งร้อนเหมือนโลกปัจจุบัน และสิ่งที่จะช่วย อาซาคุระโยได้ก็คือ การประลองราชันแห่งภูตที่จะได้รับพรจากเกรทสปิริตหากเป็นผู้ชนะ ซีรีส์อนิเมะสร้างโดยความร่วมมือของ TV Tokyo, NAS และ Xebec ออกอากาศทั้งหมด 64 ตอนทางช่อง TV Tokyo ของญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2544 ถึงกันยายน พ.ศ. 2545 ซีรีส์อนิเมะโทรทัศน์ภาครีบูตสร้างโดยสตูดิโอบริดจ์ เริ่มออกอากาศทางช่อง TV Tokyo และช่องอื่น ๆ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2546 ในประเทศไทย ราชันย์แห่งภูต ได้ลิขสิทธิ์จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ซึ่งตีพิมพ์เป็นตอนๆ ลงในนิตยสารซีคิดส์ ส่วนภาคอนิเมะ ได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายโดยอามีโก้ และเคยออกอากาศทางไอทีวี ในรายการ ไอทีวีการ์ตูนคลับ ทุกวันสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.30-9.00 น. ตั้งแต่ 1 มกราคม - กลางเดือนสิงหาคม 2548 = เนื้อเรื่อง = เรื่องราชันย์แห่งภูตได้เริ่มจาก การที่มีการจัดชาแมนไฟท์ขึ้นทุกๆ 500 ปี และปีนี้ชาแมนไฟท์ได้จัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเมืองโตเกียว เป็นเวลาที่ตระกูลอาซาคุระรอคอยเพื่อให้โยได้ลงแข่งขั้นครั้งนี้ ความปรารถนาของตระกูลอาซาคุระไมได้ต้องการให้โยได้ครอบครองโลกแต่เหตุผลคือ ต้องการให้โยยับยั้งการกลับมาของฮาโอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของโยเมื่อ 1,000 ปีก่อน ฮาโอ ได้เป็นราชันแห่งภูต และครั้งนี้ฮาโอก็ต้องการกลับมาเป็นอีกครั้ง แต่ที่ต้องยับยั้งไว้เพราะว่า วัตถุประสงค์ของฮาโอเมื่อได้เป็นราชันแห่งภูต และได้เกรตสปิริตมาครอบครองแล้วก็คือ ฆ่าทุกคนที่ไม่ใช่ชาแมนบนโลกนี้ทิ้งให้หมดเพื่อสร้างโลกที่มีแต่ชาแมน และตั้งตัวเป็นใหญ่เพื่อครอบครองโลกนี้ โยไม่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้เลย เขารู้เพียงแต่ว่าปู่ของเขาต้องการให้เขาต่อสู้เพื่อให้ได้ตำแหน่งราชันแห่งภูตมา เขาคิดเสมอว่า ถ้าเขาได้ตำแหน่งนี้มา สิ่งที่เขาอยากจะทำคือ การที่ให้ทุกคนได้อยู่อย่างมีความสุข โยมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อมันตะ เขาเป็นเพื่อนคนแรกที่ยอมรับโยได้ในสิ่งที่โยเป็น เขาไม่รู้สึกว่าโยเป็นตัวประหลาด และสองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันมาก เพื่อที่โยจะได้มาซึ่งตำแหน่งราชันแห่งภูตนั้น เค้าได้รับการฝึกฝนมากมายจากตัวเขาเอง ประสบการณ์ที่ต้องสู้กับคนอื่น ปู่ของเขา และแอนนา คู่หมั้นของโย โยได้ทำให้ริวดาบไม้ซึ่งเป็นคนมีปัญหา และทำตัวเป็นอันธพาลเพื่อหาที่พักใจของตัวเอง ได้กลับใจและมาเป็นเพื่อนกับโย ซึ่งหลังจากนั้นโยก็ได้ทำให้ดวงวิญญาณที่ชั่วร้ายดวงหนึ่งได้กลับใจ ดวงวิญญาณดวงนี้ชื่อ โทคาเงโร่ ซึ่งเป็นดวงวิญญาณที่เคียดแค้นอาบิดามารุเป็นอย่างมาก เพราะว่าอาบิดามารุเป็นผู้สังหารเขาเมื่อ 600 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความจริงใจของโยที่ต้องการจะช่วยผู้อื่น โยจึงเอาชนะใจโคทาเงโร่ได้สำเร็จ โทคาเงโร่ จึงได้กลายเป็น วิญญาณประจำตัวของริวดาบไม้ เมื่อการคัดเลือกชาแมนได้เริ่มขึ้น เขาก็ได้เจอกับหนึ่งในผู้คุมกฎของเผ่าปัจชื่อ ซิลเวอร์ และได้ต่อสู้กัน จนโยได้เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันชาแมนครั้งนี้ และยังได้เรียนรู้การโอเวอร์โซลอันแข็งแกร่งจากซิลเวอร์อีกด้วย ก่อนหน้านั้นเค้าได้รู้จักกับวิญญาณดวงหนึ่ง ชื่อ อาบิดามารุ ซึ่งเป็นวิญญาณ ซามูไรเมื่อ 600 ปีก่อน และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน โยได้รับแจ้งให้ต่อสู้กับชาแมนหลายคน ได้แก่ โฮโรโฮโร่ เฮาส์ที่ 8 และเร็น จนในที่สุดทุกคนก็กลายเป็นเพื่อนกัน และได้ผ่านเข้ารอบต่อไปของชาแมนไฟท์ได้ ต่อจากนี้คือสิ่งที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้า เพื่อไปถึงจุดมุ่งหมายคือ การได้เป็นราชันแห่งภูต โยได้รู้ความต้องการของเพื่อนๆ ของเขาว่าเมื่อพวกเขาได้เป็นราชันแห่งภูต พวกเขาต้องการอะไร โยได้สัญญากับทุกคนไว้ว่าถ้าเขาได้เป็นราชันแห่งภูต เขาจะทำความฝันของทุกคนให้เป็นจริง และทำให้โลกนี้สงบสุข และพวกเขาก็ต้องไปกินเหล้ากันอย่างเมามัน = เกร็ดเนื้อเรื้อง = ตอนจบในการ์ตูนยังไม่สมบูรณ์ใช้ภาพที่มีการถือส้มยูสุที่มีความหมายว่าปาหมอนนั้นเอง เรื่องนี้เป็นที่มาของคำว่า ปาหมอน หรือ ยูสุ ซึ่งค้างคาใจของผู้อ่านเป็นอย่างมากโดยสาเหตุที่ทางผู้เขียนมีปัญหาบางอย่างกับทางต้นสังกัด จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางต้นสังกัดโดนฟ้องร้องและได้มีการเปลี่ยนผู้จัดการใหม่ทั้งหมดและมีเสียงร้องเรียนตลอด จึงขอร้องให้เขียนเพิ่มหรือตัดจบให้ดีกว่าเดิม แต่ทางอาจารย์ได้รับโอกาสใหม่จึงยอมรับและเขียนตัดจบและขึ้นเรื่องใหม่ทันที จากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบภาพใหม่โดยตีพิมพ์เพิ่มตั้งแต่ 1-20 และเริ่มตีพิมพ์ตอนใหม่อีกครั้ง ซึ่งโอกาสนี้ของอ.ฮิโรยูกิ ทำให้ชาแมนคิงที่มีตอนจบใหม่นี้ มีชื่อภาคว่า シャーマンキング完全版 (ShamanKing Kang Zeng-Bang หรือ ShamanKing Perfect Edition (Complete) หรือชาแมนคิง ฉบับสมบูรณ์) โดยมีทั้งหมด 27 เล่มจบ จำนวน 300 ตอน และลายเส้นของเนื้อเรื่องก็ถูกแก้ไขใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่ 1 อีกด้วย ณ ปัจจุบันได้ออกมาจนจบพร้อมต่อไปถึงภาคสอง (flower) ที่เป็นภาคของฮานะลูกของโยกับแอนนาแล้ว =ตัวละคร= อาซาคุระ โย ตัวเอกของเรื่อง ชายหนุ่มนิสัยเรื่อยเปื่อย ทายาทของตระกูลอาซาคุระ มาโตเกียวเพื่อหาผีคู่หู จนได้พบมันตะเป็นเพื่อนกับ กับได้อามิดามารุเป็นผีคู่หู รับการฝึกจากแอนนา กับผ่านการทดสอบของซิลวาจนมีสิทธิ์เข้าแข่ง รู้การใช้ O.S ชาแมนไฟท์ที่จัดในโตเกียว ชนะโฮโรโฮโร แพ้ เฟาส์ที่ 8 กลับอิสึโมะฝึกจนใน O.S แบบใหม่ เสมอกับเรน ผ่านเข้ารอบ 2 ช่วงพัก 1 เดือนนำทีมไปช่วยเรนที่บ้านตระกูลเต๋า ตอนไปอเมริกา นำทีมไปหาหมู่บ้านปัจจ์ นำทีม ริวกับเฟาส์ที่ 8 แข่งรอบ 2 แต่ทีมฮาโอ กับ X-Laws มาป่วน กับตายฝึก O.S ใหม่ คืนชีพจนในที่สุดเข้ารอบ 3 ที่เหลือ 12 คน ตนนำพวกขอยอมแพ้ เพื่อให้ฮาโอชนะเป็นชาแมนคิงก่อน ส่วนพวกตนบุก plant สู้ 10 ผู้คุมกฏเฝ้าอยู่ชนะ แต่ตายกันหมด เพราะฮาโอเป็นชาแมนคิงที่แท้จริง แต่พวกตนกับทุกคนที่เกี่ยวข้องมาเตือนสติฮาโอ ให้เป็นราชาที่ดีสำเร็จ จึงกลับมาใช้ชีวิตตามเดิม ตนแต่งงานกับแอนนามีลูกกันชื่อฮานะ แต่ตนกับแอนนาเดินทางรอบโลกเพื่อหาทางยับยั้งสงครามกับช่วยโลกในแบบของตนตามที่สัญญาไว้กับฮาโอก่อนบอกลา (ร่างทรงอามิดามารุ ร่างทรงเฮาต์ o.s. ในดาบฮารุซาเมะ สปิริตออฟซอร์ด สปิริตออฟซอร์ดเบียกโค มุมุเมียวยาคุมุ สปิริตออฟเอริทร์) อามิดามารุ ผีซามูไร 600 ปีก่อน อดีตคือเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ถูกโจรฆ่าตาย อยู่ร่วมกับเด็กกำพร้า มีโมสุเกะคือพี่ใหญ่ของกลุ่มกับเพื่อนสนิท พอทำงานให้ไดเมียวตามหวัง แต่ไดเมียวสั่งตนฆ่าโมสุเกะ แต่ตนจึงไปบอกโมสุเกะให้หนีไปก่อน ส่วนตนอยู่รับโทษฐานะซามูไรเอง ทั้ง 2 สัญญาว่า พบเจอวันถัดมา(โมสุเกะจะตีฮารุซาเมะใหม่ คือสัญญาว่าไว้พบกันใหม่) แต่คนของไดเมียวแอบตามมารู้ฆ่าโมสุเกะไป วันนัดตนพอรู้ว่าเพื่อนตายทำใจไม่ได้ จึงอยู่สู้ที่นั่นเป็นตำนานฆ่าคนไป 1 พันคนจนหมดแรงตายเป็นผี ในยุคปัจจุบัน ริวมาใช้สุสานคือที่พัก พังป้ายหลุมศพตน โยจึงตนจัดการให้ ถูกโยขอเป็นผีคู่หู แต่ตนปฏิเสธ เพราะยังรอโมสุเกะอยู่ แต่โยนำฮารุซาเมะที่โมสุเกะ(สิงโย)ซ่อมมามอบให้จนรู้ว่าโมสุเกะยังรอตนเหมือนกัน แต่เขินหนีไปโลกหน้าก่อนแล้ว จึงยอมเป็นผีคู่หูของโย ตอนโทคาเงโรสิงริว จำใจพังฮารุซาเมะ เพื่อช่วยมันตะกับริว แอนนาเรียกโมสุเกะมาได้พบกันอีกทีเพื่อซ่อมฮารุซาเมะก่อนบอกลากัน กับติดตามโยจนจบเรื่อง กับสืบทอดคือผีคู่หูให้ฮานะ(ลูกของโยกับแอนนา) กับเป็นพี่เลี้ยงไปในตัว เคียวยามะ แอนนา เป็นคนทรงแต่โบราณ (เธอเป็นคนทรงที่ไม่ได้ตาบอด) และเป็นคู่หมั้นของโย แอนนาสูง150ซม.หนัก25กก. ทามาโอะ : ลูกศิษตระกูลอาซากุระ มีวิญญานคู่ชีพเป็นทานูกิกับสุนัขจิ้งจอก ปอนจิและคอนจิ :วิญญาณคู่ชีพของทามาโอะ มันตะ หรือ โอมายามาดะ มันตะ เพื่อนสนิทของโย และเป็นลูกของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น เป็นคนตัวเล็กและมักถูกแอนนาจิกหัวใช้บ่อยๆ สูง130หนัก22กก. เต๋า เร็น ชาแมนจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ มีบาซอนเป็นวิญญาณคู่ชีพ เร็นสูง157ซม.หนัก35กก.มีม้าซาแมนชื้อฮาคุโอ บาชอน:วิญญาณนักรบจีนเมื่อ 1,800 ปี ฮาคุโอ :ม้าซาแมนของเต่า เร็น โคคุโท :วิญญาณม้าที่ร่วมสู้กับบาซอนเมื่อ 1,800 ปีก่อน เต๋า จุน : พี่สาวของเร็น มี ลี ไป่หลง เป็นศพคู่ชีพ จุนสูง170ซม.หนัก40กก. ลี ไป่ หลง ไป่หลง (มังกรขาว) มีอายุ 30 ปี เป็นยอดนักกังฟู แห่งอนาคตไกล และเป็นดาราภาพยนตร์ของเรื่อง เขาเกิดเมื่อ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) แล้วภายหลังก็โดนพวกตระกูลเต๋าฆ่าตายไป มีเต๋าจุนเป็นผู้พิทักษ์ ไป่หลงมีความสามารถ ในการรวม 3 มวยต่างๆด้วยกัน เช่น มวย (มวยสากล มวยธรรมดา) มวยไทย และ คาราเต้รวมเป็น เต๋าดันโด วิชาแห่งอาวุท ชามอน :อาจารย์ของ ลี ไป่ หลง ริวดาบไม้ หรือ อุเอะมิยะ ริวโนะซึเกะ ชาแมนผู้แสวงหาเบสเพลส วิญญานคู่ชีพคือโทคาเงโร่ โทคาโงโร :วิญญานโจรที่ถูก อามิดามารุ ฆ่าเมื่อ 600 ปีก่อน เฮาส์ที่ 8 : มีวิชาบังคับโครงกระดูก มีดวงวิญญาณชื่อ เอลิซ่า เอลิซ่า :เป็นภรรยาของเฮาส์ ถูกโจรฆ่าตาย โฮโรโฮโร่ : เด็กหนุ่มจากฮอกไกโด มีดวงวิญญาณเป็นภูตโคโรโร่ โฮโรโฮโร่สูง156ซม.หนัก29กก. ปิริกะ : น้องสาวของโฮโรโฮโร่ ปิริกะสูง146ซม.หนัก35กก. ชอคโก้เลิฟ หรือ ชอคโก้เลิฟ แมคโดนัล ชาแมนจากนิวยอกส์มีมิกส์วิญาณเสือจากั้วส์เป็นคู่หู เขาเป็นชาแมนคิงที่เป็นลูกครึ่ง แอฟริกัน-อเมริกัน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า โจโก้ (Joco) เพราะดูแล้วว่า เหมือน ชอคโก้ เขาเล่นเรื่องตลก แต่คนอื่นๆไม่ชอบ เพราะเรื่องของเขาไม่ตลกเลย แต่มีการต่อสู่ฝีมือดีอย่างยิ่ง มีวิญญาณเสือจากัวส์มีนามว่า มิกซ์ mic เขาเกิดเมื่อ 2 ตุลาคม 1985 มิกซ์ : วิญาณคู่ชีพของ ชอคโก้เลิฟ ไอ ออน เมเดิ้น ชาญ (แจนนู) : หญิงสาวผู้นำกลุ่ม X-LAWS ปรารถณาให้โลกมีแต่ความสุข หญิงสาววัย 18 ปี เธอมาจากประเทศฝรั่งเศส และ มีพลังมหาศาลมากที่สุด วันเกิด 2 มีนาคม ค.ศ. 1990 (2533) กรุ๊ปเลือด AB มีวิญญานคู่ชีพชื่อชามมัล ไอออนสูง175ซม.หนัก45กก.โดนฮาโอฆ่าตาย รีเซริก ไดเทล : เป็นชาแมนที่ใช้ " ดาวซิล " เป็นอาวุธมีความแค้นกับฮาโอซึ่งฆ่าพ่อและแม่ของเขามีวิญญาณคู่ใจชื่อ "มอฟีน" และ เซลเอล (ไอออน เมเด้นให้มา) หลังจากที่ออกจากกลุ่มพวกโยแล้ว จึงได้สวามิภักดิ์กับกลุ่ม X-LAWS อาซากุระ ฮานะ : ลูกของโยและแอนนา มีให้เห็นอยู่2เล่ม (31-32) ในฉากพิเศษ ฮานะสูง140ซม.หนัก40กก. มาตามุเนะ : ภูตตนแรกของโย เป็นแมว มีอายุกว่า1000ปี เคยเป็นพวกของฮาโอแต่ตอนหลังมาอยู่กับ อาซากุระ โยเคน เพื่อกำจัดฮาโอ ซิลเวอร์ : ซิลเวอร์ หรือ ซิลวา (Silva) (シルバ Shiruba ชุริบะ) - 1 ใน 10 ผู้คุมกฎเผ่าปัจ คอยดูแลโยมาตลอด สืบเชื้อสายจากฮาโอ มีสัตว์ 5 ตระกูล ได้แก่ silver horn (ควายไบซัน) silver rod (งู) silver shield (เต่า) silver wing (อินทรี) คาลิม :1 ใน 10 ผู้คุมกฎเผ่าปัจ โคลม:1ใน 10 ผู้คุมกฎเผ่าปัจ โกรุบะ :หัวหน้าเผ่าปัจ อาซาคุระ โยเม : ปู่ของโย พ่อของ อาซาคุระ เคโกะ สามารถเรียกวิญญาณภูตภูเขา อาซาคุระ คิโนะ : ย่า ของโย แม่ของ อาซาคุระ เคโกะ เป็นอาจารย์ของแอนนา เป็นคนทรง อาซากุระ มิกกี้ : พ่อของโย ชื่อจริงว่า มิกิฮิสะ ลงแข่งชาแมนไฟต์เพื่อเอาชนะฮาโอ มีวิญญาณทานุกิและหมาป่า รุดเซป เซราม : 2พี่น้องเจ้าของ โกเลม ลงแข่ง Shaman Fight ร่วมกับมิกกี้ เสียชีวิตเล่ม 32ทั้งคู่ อาซาคุระ เคโกะ : แม่ของโยเป็นคนส่งข่าวในศาล (มิโกะ) เคโกะสูง165ซม.หนัก39กก. เต๋า เอ็น : พ่อของเต๋า เร็น และเต๋า จุน มีวิญญานของพรรบุรษตัวเองเป็นวิญญานคู่ชีพ (ไม่ทราบจำนวน) สปริตออฟไฟ: วิณญาณคู่ชีพของฮาโอกำเนิดมาจากเกรทสปริต เบญจดาราแปลง อิจิโจโท :คือศพที่ดัดแปลงพิเศษ ตัวจริงคือ ซามอน เบญจดาราแปลง นิโจโท :คือศพที่ดัดแปลงพิเศษ เบญจดาราแปลง ซันโจโท: คือศพที่ดัดแปลงพิเศษ เบญจดาราแปลง ยงโจโท :คือศพที่ดัดแปลงพิเศษ เบญจดาราแปลง โกโจโท :คือศพที่ดัดแปลงพิเศษ พี่น้องโคมอนหรืออันบาสึ โจโทและไทบาสึ โจโท:2พี่น้องที่จัดการ ลี ไป่ หลง โมสุเกะ:เพื่อนของอามิดามารุ มันสุมิ หรือ โอยามาดะ มันสุมิ: พ่อของมันตะ เคโกะ หรือ โอยามาดะ เคโกะ :แม่ของมันตะ มันโนโกะ หรือ โอยามาดะ มันโนโกะ :น้องสาวของมันตะ ==ทีมฮาโอ== ชาแมนที่เข้าร่วมกับฮาโอ ===ทีมโฮชิกุมิ=== อาซาคุระ ฮาโอ ผู้นำทีม พลังชาแมน 1.25ล้าน ผีคู่หูคือ S.O.F นิสัยใจเย็นเอื่อยเฉื่อยเหมือนโย พันปีก่อนคือเด็กกำพร้าที่ฝึกเป็นชาแมนไต่เต้าเป็นองเมียวจิ แต่เกลียดชังมนุษย์ ได้เขียนบันทึกในคัมภีร์มหาเวทให้คนรุ่นหลัง รู้เรื่องชาแมนไฟท์จึงเกิดอยากร่วมแต่ขาดผีคู่หู กับเสียชีวิต 500 ปีก่อนเกิดใหม่เป็น 1 ใน 10 ผู้คุมกฏของเผ่าปัจ ชิง S.O.F กับไปทั่วโลกเพื่อให้คนยุคนั้นเรียนรู้เรื่องชาแมน ให้ลูกหลานมาเป็นสาวก ก่อนถูกโยเคนฆ่าตาย ยุคปัจจุบันกลับมาเกิดใหม่ในตระกูลอาซาคุระ คือพี่ชายฝาแฝดของโย หนีไปตอนเกิดรวบรวมสาวกฝึกฝนรวมทีมกัน เข้าร่วมชาแมนไฟท์ในฐานะนักกีฬา ในรอบ 3 ทุกคนถอนตัว ตนคือชาแมนคิง กับหลอมรวมกับ G.S หวังฆ่าทุกคน แต่ใมน G.S ทุกคนมาเตือนสติ กับพาแม่มาหา ตนกลับตัวจึงเป็นราชาที่ดี คอยเฝ้าดู G.S ตามหน้าที่ ลาคิส ลัซโซ บาทหลวง ผู้ก่อตั้งX-Laws ผู้รับเลี้ยงมัลโก้รักเหมือนลูก แต่ผันตัวไปเข้าร่วมกับฮาโอ คือรองผู้นำ โอปาโจ เด็กสาวชาวเผ่าที่ร่วมกับฮาโอ ===ฮานะกุมิ=== ทีมผู้หญิง หลังจบเรื่องคือสาวใช้ทำงานให้ฟุนบาริออนเซ็น คันนะ บิสมาร์ส สาวผมยาวสีฟ้า สูบบุหรี่ คือพี่ใหญ่นิสัยใจเย็น ผีคู่หูคือ แอชคอร์ฟ(ผีอัศวินชุดเกราะ) มาริออน ฟาวน่า สาวโกธิค บลอนด์ยาว อดีตลูกสาวมเฟียที่ครอบคัวถูกฆ่าตายยกบ้าน มาทิลด้า มาทิส หญิงสาวที่ถูกแม่มดรับเลี้ยง = รายชื่อตอน= ตอนที่ 1 นักเรียนใหม่ผู้มีพลังวิญญาณ ตอนที่ 2 ซามูไรปีศาจในตำนาน ตอนที่ 3 การปรากฏกายของชาแมนคนใหม่ ตอนที่ 4 การรวมร่าง 100% ตอนที่ 5 ชาแมนสาวแกร่งเกินร้อย ตอนที่ 6 กังฟูมาสเตอร์ ตอนที่ 7 หมัดโทสะของไป่หลง ตอนที่ 8 ชีวิตของชาแมน ตอนที่ 9 เด็กหนุ่มผู้มาจากทางเหนือ ตอนที่ 10 ความแค้นเมื่อ 600 ปีก่อน ตอนที่ 11 ฮารุซาเมะฝนฤดูใบไม้ผลิ ตอนที่ 12 ดวงดาวแห่งการเริ่มต้น ตอนที่ 13 โอเวอร์โซล ตอนที่ 14 ชาแมนไฟท์ ตอนที่ 15 โบนคิลเลอร์ ตอนที่ 16 ความรักของเฟาสท์ ตอนที่ 17 เบสเพลสของสองนักเดินทาง ตอนที่ 18 โย ตอนที่ 19 บิ๊คโซลของทั้งสอง ตอนที่ 20 การต่อสู้และมิตรภาพ ตอนที่ 21 เชื่อมั่น ตอนที่ 22 ท่าไม้ตายของพวกเรา ตอนที่ 23 นักสู้สาวคืนชีพ ตอนที่ 24 ร่างอมตะของเต๋าเอ็น ตอนที่ 25 การเดินทางของเหล่าชาแมน ตอนที่ 26 บิ๊กอเมริกา ตอนที่ 27 ดาวน์ซิ่งเรโวลูชัน ตอนที่ 28 ภาพซ้อนของฮาโอ ตอนที่ 29 ต่อสู้กับธรรมชาติ ตอนที่ 30 ออราเคิลเบลล์ที่ถูกแย่งชิงไป ตอนที่ 31ป่าแห่งวิญญาณ ตอนที่ 32 เพื่อนผู้รักธรรมชาติของโฮโรโฮโร่ ตอนที่ 33 ความลับของตระกูลอาซาคุระ ตอนที่ 34 น้ำพุร้อนที่อเมริกา ตอนที่ 35 ตำนานผีดูดเลือด ตอนที่ 36 ทัณฑ์นางฟ้า ตอนที่ 37 ราชันย์แห่งมุกตลก ตอนที่ 38 ตำนานของเผ่าเซมินัวร์ ตอนที่ 39 ทีมฮานะ ตอนที่ 40 คัมภีร์มหาเวทย์ ตอนที่ 41 รวมพลังโอเวอร์โซล ตอนที่ 42 สปิริตออฟซอร์ด ตอนที่ 43 การต่อสู้กับพระเจ้า ตอนที่ 44 ชีวิตที่แสนสนุก ตอนที่ 45 เกรทสปิริต ตอนที่ 46 จิตวิญญาณแห่งเต๋า ตอนที่ 47 หลงรักอาราเบียน ตอนที่ 48 ปรมาจารย์มังกร ตอนที่ 49 ด็อกเตอร์ ด็อกเตอร์ ตอนที่ 50 ความมืดในจิตใจของฉัน ตอนที่ 51 ชาแมนฮันท์ ตอนที่ 52 ฝึกภาคพิเศษ!? ทุกคนรวมพลัง ตอนที่ 53 บ๊ายบาย ตอนที่ 54 เทพธิดาองค์ที่ 8 ตอนที่ 55 เกตออฟบาบิลอน ตอนที่ 56 ประตูบาบิลอน ตอนที่ 57 ชาแมนไฟท์สิ้นสุดแล้วเหรอ? ตอนที่ 58 เทพธิดาเปลวเพลิง ตอนที่ 59 แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ตอนที่ 60 คำว่าเพื่อน ตอนที่ 61 ลาก่อนชั่วนิรันดร์ ตอนที่ 62 แมตซ์แห่งคววามตาย ตอนที่ 63 ที่ที่ควรอยู่ ตอนที่ 64 เพลงสั่งลา =วิดีโอเกม= Shaman King Master of Spirit เกมราชันแห่งภูตที่ถูกผลิตโดยประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู่เล่นจะเล่นเป็นอาซาคุระ โย ซึ่งสามารถผ่านด่านไปทั่วดินแดน ซึ่ง ดินแดนนี้จะมีไปด้วย เมือง ป่า เทือกเขา ประเทศจีน ทะเลทรายในประเทศสหรัฐอเมริกา โรงงาน หิมะ Shaman King Card Game 3 :เป็นเวอร์ชันที่ 3 เกมไพ่ชาแมนที่ผลิตเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2002 ซึ่งผลิตโดยประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะการเล่น เป็น การต่อสู้ 1 เทิร์น จะถูกแบ่งไว้เป็นช่วงๆ ซึ่งในช่วงนั้นๆ เราจะสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ตามที่เงื่อนไขกำหนดไว้เท่านั้น และถ้าไม่มีตามเงื่อนไขก็จะผ่านช่วงนั้นๆ ทันที เช่น ช่วงส่งวิญญาณสู่ฟิลด์เตียมพร้อมต่อสู้ ถ้าเราไม่มีการ์ดวิญญาณอยู่บนฟิลด์ก็จะผ่านช่วงการต่อสู้นั้นทันที (ถ้าคุณเล่นจนการ์ดหมดแล้วหรือโดนคู่ต้อสู้ทำร้ายเอาเราจะเป็นฝ่ายแพ้) =เชิงอรรถ= ก. ที่ถูกต้องสะกดว่า "ราชัน" = แหล่งข้อมูลอื่น= เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ราชันย์แห่งภูตแฟนคลับ การ์ตูนไอแฟนคลับของคนรักการ์ตูนในไทย ชาแมนคิงไทยแฟนคลับ การ์ตูนญี่ปุ่น การ์ตูนญี่ปุ่นแนวโชเน็ง‎ อนิเมะที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2544 อนิเมะที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2564 อนิเมะออริจินอลของเน็ตฟลิกซ์ ตัวละครที่เป็นเชมัน สยามอินเตอร์คอมิกส์
thaiwikipedia
987
โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ
โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ เป็นซีรีส์มังงะญี่ปุ่น แต่งเรื่องและวาดภาพโดยฮิโรฮิโกะ อารากิ เริ่มตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ นิตยสารมังงะแนวโชเน็งของสำนักพิมพ์ชูเอชะ ตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ถึง พ.ศ. 2547 และย้ายไปตีพิมพ์ในอัลตราจัมป์ นิตยสารมังงะแนวเซเน็งรายเดือนในปี พ.ศ. 2548 ซีรีส์แบ่งออกเป็๋นภาค แต่ละภาคเป็นเรื่องราวของตัวละครเอกประจำในแต่ละภาคที่ต่างก็มีชื่อเล่นว่า "โจโจ้" โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษเป็นซีรีส์มังงะต่อเนื่องที่ยังดำเนินเรื่องอยู่ในปัจจุบันที่มีจำนวนหนังสือมังงะรวมเล่ม (ทังโกบง) มากที่สุดของสำนักพิมพ์ชูเอชะ โดยรวบรวมตีพิมพ์ถึงเล่มที่ 131 เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 มังงะมีลิขสิทธิ์ในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ซีรีส์ออริจินอลวิดีโอแอนิเมชัน 13 ตอนดัดแปลงจากภาคที่ 3 ของมังงะ นักรบประกายดาว ผลิตโดยสตูดิโอเอพีพีพีและวางจำหน่ายตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ถึง พ.ศ. 2545 ภายหลังสตูดิโอเอพีพีพีผลิต ภาพยนตร์อนิเมะดัดแปลงจากภาคแรก แฟนธอม บลัด ออกฉายในโรงภาพยนตร์ในญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2545 ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 ซีรีส์อนิเมะโทรทัศน์ผลิตโดยสตูดิโอเดวิดโปรดักชันดัดแปลงจาก แฟนธอม บลัด และ กระแสสงคราม เริ่มออกอากาศทางช่องโตเกียวเอ็กเอ็กซ์ จนถึงเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 สตูดิโอเดวิดโปรดักชันได้ผลิตซีรีส์อนิเมะทั้งหมด 5 ฤดูกาล รวม 190 ตอนที่ดัดแปลงจนถึงมังงะภาคที่ 6 สโตนโอเชียน ภาพยนตร์คนแสดงอิงจากเนื้อเรื่องภาค 4 เพชรแท้ไม่มีวันสลาย ออกฉายในญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2560 โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษมีชื่อเสียงในเรื่องลักษณะงานภาพและท่าทางตัวละคร การอ้างอิงถึงเพลงสมัยนิยมและแฟชั่นตะวันอยู่บ่อยครั้ง และการต่อสู้ที่ใช้สแตนด์เป็นหลัก ซึ่งสแตนด์เป็นพลังพิเศษทางจิตที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ซีรีส์มังงะมียอดจำหน่ายมากกว่า 120 ล้านเล่มในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 ทำให้กลายเป็นหนึ่งในซีรีส์มังงะขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และขยายเป็นแฟรนไชส์สื่อจำนวนมาก ได้แก่ มังงะเรื่องสั้น ไลต์โนเวล และวิดีโอเกม ==เนื้อเรื่อง == === ภาค 1 : Phantom Blood : สายเลือดปีศาจ (1880 - Jonathan Joestar) === เนื้อเรื่องกล่าวถึง โจนาธาน โจสตาร์ โจโจ้ คนแรกในซีรีส์ เป็นลูกโทนในตระกูลโจสตาร์ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีอังกฤษ และ ดิโอ บรันโด (Dio Brando) ระหว่าที่ดาริโอ บรันโดกำลังรูดทรัพย์รถม้าของจอร์จ โจสตาร์ ที่ได้ตกหน้าผา เมื่อจอร์จได้คืนสติจึงคิดว่าดาริโอเป็นผู้ช่วยตนและได้มอบแหวนของภรรยาที่ตายให้กับดาริโอเพื่อไปประกอบอาชีพ แต่เมื่อดาริโอป่วยใกล้ตายอย่างมีเงื่อนงำจึงอ้างสิทธิ์ของผู้มีพระคุณให้ดิโอ บรันโด ลูกชายเข้ามายังตระกูลโจสตาร์เพื่อครอบครองสมบัติของตระกูลโจสตาร์และสืบทอดตระกูลบรันโดต่อไป และจอร์จยินดีรับดิโอเข้ามาเป็นบุตรบุญธรรม รวมถึงรับเลี้ยงดิโออย่างเท่าเทียมเสมอโจนาธาน(โจโจ้) ลูกของตน ทั้งคู่ต่างมีความคล้ายคลึงกันในบุคลิกและความสามารถ แต่ลักษณะของความคิดและนิสัยกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดิโอมักจะหาโอกาสกลั่นแกล้งโจโจ้เสมอทันทีที่มีโอกาสทุกครั้ง แม้แต่เอริน่า เพนเดิลตันหญิงสาวที่ที่โจโจ้รักก็ตาม เมื่อโตขึ้น โจนาธาน โจสตาร์ได้ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับอารยธรรมโบราณ และสนใจในหน้ากากศิลา จนกระทั่งเมื่อโจโจ้รู้ความลับอันดำมืดของดิโอที่พยายามฆาตกรรมพ่อของตนเหมือนที่ทำกับพ่อของเขา โจโจ้จึงออกตามหาพ่อค้าชาวจีนผู้ขายยาให้ดิโอ และได้พบกับสปีดวาก้อน ดิโอสูญสิ้นโอกาสและความหวังที่ตั้งใจไว้ ต่อมาดิโอได้แอบเข้าไปค้นหาหน้ากากศิลา และค้นพบความลับของหน้ากากศิลาด้วยความบังเอิญ แต่ก็ยังไม่ได้ใช้หน้ากากนั้น เมื่อโจโจ้ได้ตัวพ่อค้าชาวจีนจึงเดินทางกลับพร้อมสปีดวาก้อน ทุกคนรู้ความลับและเข้าจับกุมดิโอ ดิโอจึงตัดสินใจสวมหน้ากากศิลา และได้รับพลังจากหน้ากากศิลา ทำให้กลายเป็นผีดิบ โจโจ้จึงเข้าต่อสู้ และชนะอย่างหวุดหวิด ได้พบกับเอริน่า แพดเดิลตัน คนรักเก่า และได้พบกับวิล แอนโทนิโอ เซเปลี่ ผู้รู้ความลับหน้ากากศิลา และได้สอนพลังคลื่นมนตราให้เพื่อต่อสู้กับผีดิบ จนกระทั่งรู้ว่าดิโอยังไม่ตาย พวกโจโจ้จึงออกเดินทางไปยังเมืองวินไนส์ และได้เข้าต่อสู้กับผีดิบ เช่น แจ็ค เดอะริปเปอร์ ทัลกัสและบรูฟอร์ด บรูฟอร์ดเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าต่อสู้กับโจโจ้ แต่เขาก็สามารถรับมือได้ด้วยไหวพริบ และพลังคลื่นมนตรา บรูฟอร์ดชื่นชมในความกล้าของโจโจ้ จึงมอบดาบไว้ให้ก่อนสิ้นใจตาย ในการต่อสู้กับทัลกัส เซเปลี่พลาดท่า ถูกฆ่าตาย ก่อนตายได้ให้พลังสุดท้ายกับโจโจ้ จึงสามารถล้มทัลกัสได้ ระหว่างได้พบกับอาจาร์ยทอนเปตี้ผู้สอนพลังคลื่นมนตราให้เซเปลี่และลูกศิษย์ ไดเออร์และสเตรโซ ทั้งหมดได้เดินทางไปที่ปราสาทเพื่อปราบดิโอพร้อมกับช่วยชีวิตพี่สาวของเด็กคนนึงเอาไว้ แต่ระหว่างต่อสู้กัน ไดเออร์ถูกดิโอฆ่าตาย แต่โจโจ้ก็กำจัดดิโอได้สำเร็จ หลายวันต่อมาโจโจ้ได้แต่งงานกับเอริน่าแล้วทั้งคู่ก็ได้เดินทางไปอเมริกาเพื่อฮันนีมูน แต่การเดินทางนั้นก็สิ้นสุดลง เมื่อดิโอปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับฆ่าโจโจ้เพื่อเอาร่างกายของโจโจ้มาใช้ ก่อนตายโจโจ้ให้เอริน่าหนีไปพร้อมกับเด็กทารกที่ยังมีชีวิตอยู่และลูกที่อยู่ในครรภ์ของเธอ หลังเอริน่าหนีไป โจโจ้ก็จากไปอย่างสงบพร้อมกับกอดหัวของดิโอเอาไว้เพื่อให้ตายพร้อมกัน === ภาค 2 : Battle Tendency : กระแสสงคราม (1938 - Joseph Joestar) === เนื้อเรื่องต่อจากภาคสายเลือดปีศาจ ตัวเอกของเรื่องคือโจเซฟ โจสตาร์ โจโจ้คนที่ 2 หลานชายของโจนาธาน โจสตาร์ โจโจ้คนแรกและเอริน่า โจสตาร์ เหตุการณ์ 49 ปีผ่านไปหลังเหตุการณ์ภาคสายเลือดปีศาจ สปีดวาก้อนได้เดินทางไปประเทศเม็กซิโกกับสเตรโซเพื่อสืบเรื่องราวเกี่ยวกับหน้ากากศิลาและระหว่างนั้นพวกเขาทั้งหมดได้พบกับมนุษย์เสาหินชื่อซานทาน่าที่หลับไหลมาเป็นเวลาหลายพันปี ซึ่งเมื่อได้พบกับหน้ากากศิลา สเตรโซกลับทรยศพวกพ้องโดยการฆ่าผู้ร่วมเดินทางกันหลายคนรวมไปถึงฆ่าสปีดวาก้อนด้วย สเตรโซจึงสวมหน้ากากศิลาจนกลายเป็นผีดิบและกลับมามีร่างกายที่เป็นวัยหนุ่มอีกครั้งเพื่อความแข็งแกร่ง และได้ไปนิวยอร์กเพื่อมาฆ่าโจเซฟ แต่โจเซฟกลับรู้ทันว่ามีคนจะมาฆ่าจึงเกิดการต่อสู้กัน ระหว่างการต่อสู้สเตรโซได้บอกกับโจเซฟว่าสปีดวาก้อนได้ถูกตนฆ่าตายแล้วพร้อมกับบอกเรื่องมนุษย์เสาหินซานทาน่า ทำให้โจเซฟโกรธมากจึงใช้พลังคลื่นมนตราที่ได้ถูกส่งทอดมาจากโจนาธานผู้เป็นปู่โจมตีใส่สเตรโซ จนสเตรโซถึงกับพ่ายแพ้และทำการใช้พลังคลื่นมนตราฆ่าตัวตาย โจเซฟจึงออกเดินทางไปยังเม็กซิโกเพื่อสืบเรื่องซานทาน่าและตามหาสปีดวาก้อน ในระหว่างทางได้พบกับชายคนนึงและนั่นทำให้โจเซฟรู้ว่าสปีดวาก้อนยังมีชีวิตอยู่และบุกไปที่หน่วยงานทดลองของกองทัพนาซีที่นำโดยสโตกไฮลม์เพื่อช่วยสปีดวาก้อน โดยสโตกไฮลม์ได้เข้ามาจับตาดูซานทาน่าและจับตัวสปีดวาก้อนไว้ จนเวลาผ่านไปซานทาน่ากลับฟื้นคืนชีพและพร้อมกับฆ่าผู้คนที่อยู่ในหน่วยงานเกือบหมด จนโจเซฟมาช่วยสปีดวาก้อนและสโตกไฮลม์ได้ทันและได้สู้กับซานทาน่า แต่ระหว่างต่อสู้กัน สโตกไฮลม์ได้รับบาดเจ็บจนปางตาย ถึงแม้ว่าโจเซฟยังควบคุมพลังคลื่นมนตราไม่ได้แต่สามารถกำจัดซานทาน่าได้จนซานทาน่ากลายเป็นหิน สโตกไฮลม์ได้บอกกับโจเซฟว่าพบบุรุษเสาหินตัวอื่นที่โรม และให้ตามหาซีซาร์ เซเปลี่ หลานของวิล เอ เซเปลี่ ด้วยความช่วยเหลือของซีซาร์ทำให้พบบุรุษเสาหิน แต่เหล่าบุรุษเสาหินในตำนานทั้งสาม ได้แก่ เอซิดิส วามูและคาร์ซ ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งเพื่อตามหาศิลาแดงเอเจอร์ที่เมื่อฝังไปยังหน้ากากศิลาแล้วจะมาอนุภาคทำลายล้างสูงและเป็นอมตะ ต่อมาได้ไปต่อกรกับโจเซฟและซีซาร์ ซีซาร์พ่ายแพ้ โจเซฟก็พ่ายแพ้เช่นกัน เพราะไม่ได้รับการฝึก โจเซฟได้ป่าวประกาศว่าจะขอเวลาไปฝึกแล้วจะมาสู้อีกครั้ง เอซิดิสได้ฝังแหวนยาพิษเข้าไปที่คอของโจเซฟส่วนวามูฝังแหวนไปที่หัวใจ โดยมีเวลา1เดือนก่อนยาออกฤกษ์ จากนั้นลิซ่าลิซ่า ได้มาเป็นครูฝึกพลังคลื่นมนตราให้กับ ซีซาร์และโจเซฟ ทำให้ทั้งสองมีวิชาด้านเฉพาะของตัวเองเพิ่มขึ้น จึงสามารถกำจัดเอซิดิสได้ จากนั้นต่อมามีการต่อสู้ของซีซาร์กับวามู ทำให้ซีซาร์ได้พ่ายแพ้และสิ้นชีพเพียงแค่วัย 20ปี ทำให้โจเซฟแค้นมาก จึงจัดการท้าประลองเกิดขึ้น โดยการให้ลิซ่าลิซ่า ต่อสู้กับคารซ์ แล้วตนเองต่อสู้กับวามู เพื่อแลกกับศิลาแดงเอเจอร์ การต่อสู้ของวามูทำให้โจเซฟได้ชัยชนะไป ส่วนการต่อสู้ของลิซ่าลิซ่า กับคาร์ซ ลิซ่าลิซ่าได้พ่ายแพ้แต่ไม่ถึงขั้นตาย ทำให้โจเซฟเกิดความโมโห จึงหาวิธีกำจัดคาร์ซ แต่คาร์ซได้พลังอมตะจากหน้ากากศิลาแดงเอเจอร์ไปซะก่อนทำให้คาร์ซกลายเป็นสุดยอดสิ่งมีชีวิตแต่ภายหลังโจเซฟสามารถเอาชนะได้โดยการใช้แรงดีดของภูเขาไฟดีดตัวเองพร้อมกลับคาร์ซออกไปสู่เกลือบๆชั้นสุญยากาศแต่คาร์ซที่พยายามจะหนีกลับถูกเหล่าหินที่ติดมาด้วยดึงตัวเองออกนอกโลกก่อนจะถูกแช่แข็งตลอดการในที่สุด การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้โจเซฟเสียแขนไปหนึ่งข้าง ต่อมาความลับถูกเปิดเผยก็คือ ลิซ่าลิซ่า ที่แท้จริงแล้วเป็นมารดาของโจเซฟ เป็นลูกเลี้ยงของเอริน่าที่เอริน่าเจอบนเรือวันที่ดิโอฆ่าโจนาธาน และหลังจากนั้นโจเซฟก็ได้แต่งงาน กับซูซี่ Q สาวรับใช้ของลิซ่าลิซ่า ซึ่งเกิดความผูกพันขึ้นในช่วงที่เธอเฝ้าพยาบาลเขาในช่วงที่เอาชนะคาร์ซได้แล้ว === ภาค 3 : Stardust Crusaders : นักรบประกายดาว (1988 - Kujo Jotaro) === ตัวเอกคือคูโจ โจทาโร่ ต้องเดินทางจากญี่ปุ่นไปยังอียิปต์เพื่อต่อสู้กับดิโอ บรันโด ศัตรูของบรรพบุรุษในภาคแรกที่ฟื้นกลับมาอีกครั้ง โดยในภาคที่ 3 นี้ถือว่าเป็นภาคที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด โจทาโร่ได้พบพลังอันลึกลับของตน นั่นก็คือสแตนด์ เพื่อนร่วมในการเดินทางตั้งชื่อสแตนด์จากการทำนายไพ่มีชื่อว่า "สตาร์แพลตตินั่ม" ภาคนี้โจเซฟกลับมามีบทบาทอีกครั้งก็คือ เป็นคุณตาของโจทาโร่ถึงจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังมีแสตนด์(เฮอร์มิท เพอเพิล:แสตนด์หนามกุหลาบสามารถถ่ายภาพระยะไกลได้) เริ่มเรื่องจากที่ โฮลี่ ลูกสาวของโจเซฟ หรือคุณแม่ของโจทาโร่ได้มีอาการทรุดหนักเนื่องจากมีสแตนด์เกิดขึ้นมาภายในตัว ซึ่งสแตนด์นี้มีการส่งผลในทางที่เลวร้าย ทำร้ายร่างกายของตนเพราะว่า ดีโอ บรันโดได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา โจเซฟและโจทาโร่กับพรรคพวก ร่วมกันออกเดินทางเพื่อตามล่าหาทางกำจัดดีโอ เพื่อแก้คำสาปที่กำลังทำร้ายแม่และลูกสาวของตน ภายหลังเมื่อต่อสู้กับดีโอ โจเซฟได้ตายไปเพราะถูกดีโอดูดเลือดจนหมดตัว ดีโอมีความสามารถในการหยุดเวลาทำให้โจทาโร่นั้นเฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง ต่อมาการต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้นโจทาโร่ก็ได้พบกับความสามารถของตัวเองที่เพิ่มขึ้นมา นั่นคือ"หยุดเวลา" ได้เช่นเดียวกับดีโอ พอดีโอได้รู้จึงรีบหาทางกำจัดโจทาโร่โดยการหยุดเวลาให้เร็วกว่า แล้วยกรถบดถนนมาทับร่างโจทาโร่แต่ ช่วงที่การหยุดเวลาของดีโอจะหมดลง โจทาโร่ก็ได้หยุดเวลาต่อจากนั้นทำให้ดีโอถูกกำจัดลง แล้วโจเซฟก็ได้คืนชีพเพราะเลือดจากซากของดีโอ จากนั้นพรรคพวกก็แยกย้ายกันออกเดินทางกลับบ้านเกิด แล้วโจเซฟกับโจทาโร่ก็ได้กลับบ้านไปหาลูกสาวและแม่ของตนที่นั่งรออยู่ที่บ้านอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส่ === ภาค 4 : Diamond is Unbreakable : เพชรแท้ไม่มีวันสลาย (1999 - Higashikata Josuke) === เรื่องราวเกิดขึ้นในญี่ปุ่น ที่เมืองโมริโอ ปี ค.ศ. 1999 ตัวเอกคือ ฮิงาชิคาตะ โจสุเกะ ชื่อสแตนด์คือ:เครซี่ ไดมอนด์(โจทาโร่ตั้งให้) ลูกชายอีกคนหนึ่งของ โจเซฟ โจสตาร์ กับหญิงสาวชาวญี่ปุ่น ความสามารถสแตนด์ของโจสุเกะก็คือสามารถรักษาอาการบาดแผลของคน ซ่อมแซมสิ่งของได้ทุกอย่าง เนื้อหาจะเกี่ยวกับผู้ใช้สแตนด์ที่เพิ่มมากขึ้นจากการที่ใครบางคนใช้ธนูกับคันศรยิงคนทั่วไป ทำให้เกิดผู้ใช้สแตนด์ทั้งดีและร้าย โดยมีผู้ที่ธนูและกับคันศรอยู่กับชายสองคนได้แก่ นิจิมูระ เคโจ ชื่อแสตนคือ:แบด คอมปานี เป็นแสตนที่มีรูปร่างเป็นกองทัพทหาร มีความสามารถในโจมตีโดยใช้ระเบิดและปืนของแสตน ชึ่งเขาต้องการผู้ใช้แสตนที่แกร่งพอที่จะฆ่าพ่อของเขาได้เพราะพ่อของเขาได้ทำงานร่วมกับชายที่ชื่อว่า ดิโอ เมื่อดิโอตายเนื้องอกที่ฝังอยู่ในสมองพ่อของเคโจได้กัดกินสมองของพ่อเคโจ จนทำให้พ่อเขาเป็นสัตว์ประหลาด แต่เขาได้ถูกจัดการโดยโจสุเกะและโคอิจิ แต่เขาได้ถูกแย่งชิงธนูและคันศรไปโดยโอโตอิชิ อากิระชื่อแสตนคือ:เรด ฮ้อท ชิลิ เปปเปอร์ มีพลังในการควบคุมไฟฟ้าและจะมีพลังเพิ่มเมอมีไฟฟ้ามาก อากิระต้องการขับไล่โจทาโร่ออกไปจากเมือง แต่อากิระได้ถูกจัดการโดยโอคุยาสึในขณะที่ปลอมตัวเป็นคนของ มูลนิธิสปีดวากอน เพื่อไปฆ่าโจเชฟ ชึ่งธนูและคันศรที่อากิระขโมยมาได้ถูกเก็บไว้ที่ มูลนิธิสปีดวากอน และศัตรูสุดท้ายที่ร้ายกาจทีสุดก็คอ คิระ โยชิคาเงะ ฆาตกรโรคจิตที่ได้รับพลังสแตนด์สำหรับฆ่าคนมา และคิระใช้พลังนี้ฆ่าหญิงสาวหลายสิบราย หลังจากที่ได้สืบหาข้อมูลของคิระแล้ว โจสุเกะและพรรคพวกได้พยายามตามล่าหาคิระ ภายหลังได้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้นโจทาโร่เกือบตายเพราะพลังสแตนด์ของคิระ (คิลเลอร์ควีนร่าง 2หรือเชียร์ฮาร์ทแอคแท๊กซ์:พลังระเบิดที่สามารถกดชนวนระเบิดได้อัตโนมัติและสามารถปล่อยระเบิดล่องหนได้) แต่ก็มีพรรคพวกมาช่วยนั่นก็คือ ฮิโรเสะ โคอิจิ(สแตนด์:เอคโคส์ act3 ความสามารถในการถ่ายเทน้ำหนัก) และนิจิมูระ โอคุยาสึ (สแตนด์:เดอะแฮนด์ มือข้างขวาสามารถลบทุกสิ่งทุกอย่าง) ทำให้รอดพ้นนาทีวิกฤตมาได้ === ภาค 5 : Golden Wind : สายลมทองคำ (2001 - Giorno Giovanna ) === ตัวเอกคือ โจรูโน่ โจบาน่า ชื่อสแตนด์คือ:โกลด์ เอ๊กซ์พีเรียนซ์ (Gold Experience) เด็กหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายของ ดีโอ บรันโด ที่ได้ตัดหัวของตัวเองมาต่อและใช้ร่างของ โจนาธาน โจสตาร์ ทำให้โจรูโน่เป็นผู้มีสายเลือดของโจสตาร์ เป็นผู้ที่รักความยุติธรรมและมีเมตตา แต่ก็เด็ดเดี่ยวในตัวเช่นเดียวกับคนตระกูลโจสตาร์ และยังเป็นคนที่ตัดสินใจเรื่องต่างๆได้อย่างเฉลียวฉลาดสมกับที่สืบเชื้อสายของดีโอมาเต็มที่ด้วย ชื่อภาษาญี่ปุ่นของโจรูโน่คือ ชิโอบานะ ฮารุโนะ ความสามารถสแตนด์ของโจรูโน่ก็คือเพิ่มพลังทายกายภาพให้เทียบเท่าแสตนต์ เปลี่ยนวัตถุให้มีชีวิตและควบคุมได้ เมื่อโจมตีเข้าที่วัตถุเหล่านั้นความเสียหายจะสะท้อนกลับไปยังผู้โจมตี เมื่อถูกชกด้วยแสตนต์ ประสาทสัมผัสของคนที่โดนชกจะถูกเร่งจนควบคุมไม่ได้และทำให้อ่อนแอ สามารถใช้พลังฟื้นฟูตนเองและผู้อื่น ลบล้างการโจมตีทุกอย่างโดยอัตโนมัติและตลอดเวลา รวมถึงผู้โจมตี ผู้ที่ถูกสังหารด้วยแสตนต์จะได้รับความตายซ้ำแล้วซ้ำอีกไปตลอดกาล ควบคุมเวลา มิติ ความเป็นจริง กฎแห่งกรรม การเกิด การตาย ยัดหูเข้าไปในหัว แสตนต์มีความคิดเป็นของตัวเอง พลังทำลาย ทำลายตึก | ทำลายเอกภพ (ไม่หายไปเมื่อจักรวาลถูกรีเซ็ตโดยเมด อิน เฮฟเว่น บิดเบือนเวลาของจักรวาลที่ถูกลบไปโดย คิง คริมสัน) ความเร็วเทียบเท่ามนุษย์ | ไร้ขีดจำกัด === ภาค 6 : Stone Ocean : สมุทรศิลา (2011 - Kujo Jolyne) === ตัวเอกคือ คูโจ โจลีน ลูกสาวของ คูโจ โจทาโร่ ที่ถูกอุบายทำให้ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำกรีน ดอลฟิน สตรีท ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ในภาคนี้ได้แนะนำแนวคิดของ ดิสก์ ที่ตัวร้ายคือบาทหลวงเอ็นริโก้ พุซซี่ ใช้ในการมอบความสามารถสแตนด์ให้กับมนุษย์คนใดก็ได้ Stone Ocean ยังเป็นภาคที่มีการแยกชื่อภาคออกมาอย่างชัดเจน และในการตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มก็ได้เริ่มนับเล่มใหม่ตั้งแต่เล่ม 1 ด้วย (ถึงแม้จะมีตัวเลขที่นับต่อจากภาค 5 กำกับไว้ด้วย) บทสรุปของภาค Stone Ocean ถือเป็นบทสรุปของจักรวาลโจโจ้ที่สมบูรณ์ === ภาค 7 : STEEL BALL RUN : สตีล บอล รัน (1890 - Gyro Zeppeli, Johnny Joestar) === ภาคนี้เป็นภาคต่อของโจโจ้ ภาค 6 ภาคก่อนหน้านี้ (หรือจะเรียกว่า Reboot ก็ได้) เนื้อเรื่องย้อนกลับไปในปี 1890 มหาเศรษฐีสตีเฟ่น สตีลได้จัดการแข่ง สตีล บอล รัน ขึ้น เป็นการแข่งม้าข้ามทวีปอเมริกาเหนือ เริ่มตั้งแต่เมืองซานดิเอโก้ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย จนถึงนครนิวยอร์ก โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 50 ล้านดอลลาร์ แต่แท้ที่จริงแล้ว การแข่งขันขึ้นเพื่อตามหาสิ่งที่เรียกว่าซากศพศักดิ์สิทธิ์ โดยมีผู้อยู่เบื้องหลังคือฟันนี่ วาเลนไทน์ ประธานาธิบดีคนที่ 23 ของอเมริกา === ภาค 8 : Jojolion (2011- Higashikata Josuke, Yasuho Hirose ) === เหตุการณ์ในเรื่องอยู่ในปี 2011 (ยังคงเป็นโลกคู่ขนานเหมือนภาค 7) ณ เมืองโมริโอ้ ประเทศญี่ปุ่น หลายเดือนก่อนได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นทำให้ญี่ปุ่นเจอกับภัยของคลื่นยักษ์ ซึ่งหลังจากคลื่นสงบลง เมืองโมริโอ้กัลพบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อถนนหนทางของเมืองเสียรูปร่างจากคลื่นและกลายเป็นสิ่งปลูกสร้างประหลาดทีชาวเมืองเรียกว่า "ตากำแพง" ทำให้การจราจรในเมืองเสียหายไปครึ่งเมือง "ฮิโรเสะ ยาสุโฮะ" เด็กสาวที่ต้องการพื้นที่สงบ ๆ นั่งคิดคนเดียวถึงชีวิตที่ตนเองต้องการ จึงมานั่งหลบมุมอยู่คนเดียวที่ตากำแพงเพื่อหลีกเลี่ยงเพื่อนฝูง จนกระทั่งเธอได้พบกับชายคนหนึ่งที่ร่างกายเปลือยเปล่านอนอยู่ในดินใกล้ ๆ เธอ ในสภาพที่จำไม่ได้ว่าตัวเองคือใคร? เมื่อสองคนนี้พบกัน ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ก็คอยปกป้องยาสุโฮะ และค้นหาตัวตนของตัวเอง พร้อมกับต่อสู้กับศัตรูที่คิดร้ายกับตนเองด้วยพลังพิเศษที่เขาเรียกมันว่า "สแตนด์" ...หลังจากนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้รับอุปการะจากครอบครัวใหญ่ในเมือง "ครอบครัวฮิงาชิคาตะ" ที่รับเลี้ยงเขาด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่คลุมเคลือ และตั้งชื่อเขาว่า "ฮิงาชิคาตะ โจสุเกะ" ตามชื่อหมาของยาสุโฮะ และอยู่อาศัยในบ้านฮิงาชิคาตะในฐานะลูกชายคนหนึ่ง ...แต่ทุกอย่างมันไม่ได้สงบสุขง่าย ๆ แบบนั้น เพราะโจสุเกะและยาสุโฮะต้องเจอกับเรื่องแปลกประหลาดและปริศนาลึกลับมากมายที่ทยอยกันเข้ามาหาพวกเขา ทั้งพลังสแตนด์ที่ตื่นขึ้นหลังจากเข้าไปในตากำแพง ปริศนาของตระกูลฮิงาชิคาตะที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโจสตาร์ในอดีต, ผู้ใช้แสตนด์ศัตรูที่คอยเล่นงานพวกเขาตลอดเวลา, จุดประสงค์ที่แท้จริงของตระกูลฮิงาชิคาตะ, ร่างของชายที่มี DNA เหมือนกับโจสุเกะทุกประการ ..และที่สำคัญ เบาะแสของตัวตนที่แท้จริงของโจสุเกะ ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่? == ภาพยนตร์การ์ตูน == ได้นำภาค 3 มาทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน ในรูปแบบโอวีเอ ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 ความยาว 13 ตอน (ตอนสุดท้ายเล่ม 12 ตามหนังสือการ์ตูน) ปลายปี 2012 ได้ทำ anime ตั้งแต่ภาค 1 จนถึงภาคล่าสุดกำลังออกอากาศ คือ ภาค 5 และจบไปแล้วในต้นเดือนสิงหาคม 2019 ส่วนภาค 6 (Stone Ocean) ตอนนี้ ณ วันที่ 11/12/64 ยังมีมาแค่12ตอนเท่านั้นส่วนตอนอื่นๆคาดว่าน่าจะมาภายในปี2022 === รายชื่อตอน === == วิดีโอเกม == ภาค 3: -ถูกนำมาทำเป็นวิดีโอเกมแบบ RPG ลงในเครื่องซูเปอร์ฟามิคอมในชื่อ JoJo's Bizarre Adventureโดย Cobra Teamค.ศ. 1993 -ถูกนำมาทำเป็นวิดีโอเกมอีกครั้งในเครื่องเพลย์สเตชัน รูปแบบเกมต่อสู้ โดยบริษัทแคปคอมในชื่อJoJo's Bizarre Adventure เช่นกันค.ศ. 1999ซึ่งภาคนี้ได้ถูกพอร์ดลง Dreamcast และเกมตู้ด้วย และได้ทำในรูปแบบHDให้โหลดในPlaystation NetworkและXbox Live Arcadeด้วย ภาค 5: -ลงเครื่องเพลย์สเตชัน 2ในชื่อLe Bizzarre Avventure di GioGio: Vento Aureo ในปี ค.ศ. 2002 ภาค 1: -ในชื่อ JoJo's Bizarre Adventure: Phantom Blood เพลย์สเตชัน 2ในปีค.ศ. 2006โดยค่ายบันได JoJo's Bizarre Adventure: All Star Battle (ASB): ซึ่งเป็นการรวมตัวละครของโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ในรูปแบบเกมต่อสู่ อนิ่ง เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 25ปี จำหน่ายในปี ค.ศ. 2013 JoJo's Bizarre Adventure: Eyes Of Heaven (EOH): เป็นเกมที่ลงในเครื่องเพลย์สเตชัน 3และ เพลย์สเตชัน 4เป็นเกมที่มีลักษณะคล้าย All Star Battleโดยที่ EOH จะเป็นระบบ Open map มากกว่า == ส่วนเกี่ยวข้อง == ชื่อตัวเอกทุกคนมี โจ นำหน้าเสมอ ทุกคนมีชื่อเล่นว่าโจโจ้ ภาค 3 เป็นภาคที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จัก โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ === ภาคที่ 1-8 === สายเลือดของตระกูลโจสตาร์ ทุกคนมีปานรูปดาวบนหลังคอ (ประมาณหลังคอเยื้องมาหลังบ่าด้านซ้าย ถ้าตามต้นฉบับญี่ปุ่น) (Star = ดาว) === ภาคที่ 3 === ภาคนี้เป็นภาคแรกที่มี Stand และความสามารถดังกล่าวไม่ได้พบในมนุษย์เท่านั้น สามารถพบได้ในสัตว์ เช่น ลิง สุนัข นก รวมถึงสิ่งไม่มีชีวิต เช่น ดาบ ด้วย ชื่อสแตนด์ของภาคนี้ มาจากชื่อของไพ่ทาโร่ต์หรือไพ่ยิปซี (เช่น Star Plattinum มาจากชื่อไพ่ The Star ,Hermit Purple มาจากไพ่ Hermit เป็นต้น) และบางส่วนจากเทพเจ้าอียิปต์โบราณ (เช่น Anubis เทพผู้ควบคุมความตาย) ฉากที่ อเลสซี่ เจ้าของแสตนด์เทพเจ้าเซธัน พังประตูด้วยขวานเพื่อจะเข้าไปหาโปลนาเรฟ และยื่นหน้าเข้าไปในรอยแตกของประตูที่พัง คล้ายกับฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง The Shining ของ Stanley Kubrick === ภาคที่ 4 === สัญลักษณ์ในภาคนี้คือ ความรัก (Love) และ สันติภาพ (Peace) สื่อถึงความสงบสุขและความรักในเมืองเกิดของตน ตั้งแต่ภาค 4 เป็นต้นไปผู้เขียนมักจะนำมาจากชื่อวงดนตรีทางฝั่งยุโรปและอเมริกาและชื่อเพลงของวงดนตรีต่าง ๆ อาทิเช่น Killerqueen, The hand(ซึ่งล้อมาจากวง The band ) , Echo , Red hot chili peppers มาเป็นชื่อสแตนด์ สแตนด์ เครซี่ ไดมอนด์ ของโจสุเกะ ดัดแปลงมาจากสแตนด์ THE WORLD ของ DIO (เช่น ดีไซน์หัวทรงกระบอก หรือหัวใจ) หลาย ๆ ฉากในภาคนี้ นำมาจากภาพยนตร์ของสตีเฟ่น คิง เช่นฉาก อวคอ เนคเลซ ในท่อระบายน้ำ จากเรื่อง The Shining หรือฉากกองทหาร จากเรื่อง แบด คัมพานี *ชื่อสแตนด์ อะตอม ฮาร์ท ฟาเธอร์ ดัดแปลงมาจากชื่ออัลบั้ม Atom Heart Mother โดย Pink Floyd เป็นภาคที่ชื่อแสตนด์ถูกดัดแปลงเพื่อเลี่ยงลิขสิทธ์ในตัวอนิเมะที่นำฉายในสหรัฐฯ และเกม เช่น Crazy diamond เป็น Snining diamond , Killer queen เป็น Deadly queen === ภาคที่ 5 === ชื่อตัวละครในภาคนี้ส่วนใหญ่จะนำมาจากชื่อของอาหารต่าง ๆ ในภาษาอิตาลีเช่น รีส็อตโต (Resotto) แพนนาก็อตตา (Pannacotta) ในเนื้อเรื่องมีการกล่าวถึงตัวละครคนหนึ่ง ถูกฆ่าโดยการหั่นเป็นชิ้น ๆ และใส่กรอบไว้ มีลักษณะคล้ายกับงาน Some Comfort Gained from the Acceptance of the Inherent Lies in Everything โดยศิลปินแนวป๊อบอาร์ตชาวอังกฤษที่ชื่อ Damien Hirst ที่นำวัวทั้งตัวมาหั่นเป็นชิ้นแล้วใส่กรอบไว้ ซึ่งผลงานลักษณะนี้มีให้เห็นในภาพยนตร์เรื่อง The Cell ด้วย แม้ในเรื่องจะไม่กล่าวถึง แต่เต่าที่มีกุญแจติดอยู่ข้างหลัง ถูกระบุชื่ออย่างเป็นทางการไว้ว่า Coco Jumbo และชื่อสแตนด์ของมันก็คือ Mr. President สัญลักษณ์ในภาคนี้คือเต่าทอง สื่อความหมายถึงชีวิตและความเป็นอมตะ ชื่อสแตนด์ในภาคนี้มาจากชื่อวงดนตรีต่าง ๆ เช่น Sticky fingers,Aerosmith,Purple hazeและสแตนด์ตัวอื่น ๆ === ภาคที่ 6 === ชื่อสแตนด์ สโตน ฟรี ของ โจลีน มาจากชื่อเพลงเพลงหนึ่งของ จิมมี่ เฮนดริกซ์ (ชื่อนี้เป็นชื่อ albumของ jimi hendrix ด้วย) นอกจากคูโจ โจลีน แล้ว ตัวละครอื่นทุกตัวที่ปรากฏชื่อออกมาล้วนแต่นำมาจากชื่อสินค้า Brand ต่าง ๆ ทั้งสิ้น เรียงตามการปรากฏตัวดังนี้ แอเมส (Hermes) เอมโพริโอ้ (Emporio) เกส (Guess) ปุชชี่ (Emilio Pucci) ฌองการี อาโน่ (John Galliano) อเล็กแซนเดอร์ แมคควีน (Alexander McQueen) มิราชั่น (Mirashon) แรงเลอร์ (Wrangler) สปอร์ต แม็กซ์ (Sports Max) แอนนาซุย (Anna Sui) กุชชี่ (Gucci) โซนี่ (Sony) วิเวียน เวสต์วู้ด (Vivian Westwood) เคนโซ (Kenzo) ดีแอนด์จี โดลเช่ แอนด์ กับบาน่า (D&G - Dolce&Gabbana) มิวมิว (Miumiu) อุงกาโร่ (Emanuel Ungaro) ริคิเอล (Sonia Rikiel) โดนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ (Donatella Versace) ในตอนของเวธเธอร์รีพอร์ตตอนแรก ฉากฝนกบ เหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง Magnolia ในตอนของมิวมิว อาการความจำสั้นจนต้องสักข้อความต่าง ๆ ไว้บนร่างกาย เหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง Memento สัญลักษณ์ของภาคนี้คือผีเสื้อติดไยแมงมุม ผีเสื้อสื่อถึงอิสรภาพและการเจริญเติบโต ส่วนไยแมงมุมสื่อถึงการติดกับดัก ==อ้างอิง== == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ฉบับ OVA หนังสือการ์ตูน JOJO ครบทุกภาคในประเทศไทย รวมทั้งภาคพิเศษเล่มอื่นๆ (บางเล่ม บางตอน ไม่ถูกพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แบบมีลิขสิทธิ์) โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ การ์ตูนญี่ปุ่น การ์ตูนญี่ปุ่นแนวโชเน็ง การ์ตูนญี่ปุ่นแนวผจญภัย แวมไพร์ในการ์ตูนญี่ปุ่น
thaiwikipedia
988
มัตสึโอะ บาโช
มัตสึโอะ บาโช (ญี่ปุ่น: 松尾芭蕉 Matsuo Bashō, ค.ศ. 1644 – 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1694) หรือ บาโช เป็นนามแฝงของ มัตสึโอะ มูเนฟูซะ (松尾宗房, Matsuo Munefusa) เป็นกวีชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งได้รับสมญานามเป็นปรมาจารย์ทางด้านบทกวีไฮกุ ในงานกวีที่เขาได้แต่งขึ้นเขียนเพียงชื่อ 芭蕉 (はせを, ฮาเซโอะ) เขาเป็นหนึ่งในกวีที่อยู่ในช่วงยุคสมัยเอโดะ บาโช เกิดในอิงะ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดมิเอะ ในตระกูลซามูไร ภายหลังจากการใช้ชีวิตหลายปีภายใต้วิถีชีวิตซามูไร เข้าได้ค้นพบว่าการเป็นนักประพันธ์นั้นเหมาะกับเขามากกว่า เขาจึงได้ละทิ้งวิถีชีวิตซามูไร บาโชได้เริ่มใช้ชีวิตแบบกวีเมื่อได้รับใช้เจ้านายในฐานะซามูไร ในตอนแรกเขาได้ตั้งชื่อตนเองว่า โทเซ (桃青, Tosei) ตามบทกวีโทเซ ซึ่งหมายถึงผลพีชเล็ก ๆ ด้วยบาโชมีความยกย่องนับถือในตัวกวีจีนชื่อหลี่ ไป๋ (李白, Lǐ Bái) ซึ่งหมายถึงลูกพลัมสีขาว ในปี ค.ศ. 1666 เมื่อเจ้านายเก่าได้สิ้นชีวิตลง และมีเจ้านายใหม่ซึ่งเป็นพี่น้องของเจ้านายเดิมขึ้นมาปกครอง เขาได้เลือกกลับไปบ้าน แทนที่จะรับตำแหน่งต่อในฐานะซามูไร และย้ายไปเอโดะในปี ค.ศ. 1675 (ปัจจุบันคือโตเกียว) ต่อมาในปี ค.ศ. 1678 ที่เอโดะ เขาได้รับตำแหน่งให้เป็นปรมาจารย์ไฮกุ หรือ โซโช (宗匠, sōshō) และเริ่มชีวิตของกวีอาชีพ ในปี ค.ศ. 1680 ได้ย้ายไปยังฟูกูงาวะ (ส่วนหนึ่งของเอโดะ) และได้เริ่มปลูกต้นบาโช (芭蕉, Bashō, แปลว่า: ต้นกล้วย) ที่เขาชื่นชอบในบริเวณสวน ภายหลังจากเขาที่ได้ใช้ชื่อตัวเองว่าบาโช ในช่วงชีวิต บาโชได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปหลายแห่ง สถานที่ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น และสถานที่ที่ปรากฏในงานประพันธ์ การท่องเที่ยวเหล่านี้มีส่วนสำคัญในงานเขียนของเขา สถานที่บางแห่งได้ส่งเสริมให้มีจินตนาการที่ยิ่งใหญ่ ในการเดินทางบะโชได้พบสานุศิษย์ และสอนพวกเขาด้วยเร็งงะ (連歌, renga) บทประพันธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของชาโชคือ โอกุ โนะ โฮโซมิจิ (奥おくの細道ほそみち, Oku no Hosomichi, แปลว่า: เส้นทางสายเล็ก ๆ ลึกเข้าไป) เขียนขึ้นภายหลังจากการเดินทางของบาโชและลูกศิษย์ ซึ่งเริ่มจากเอโดะในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1689 และพวกเขาเดินทางไปโทโฮกุและโฮกูริกุ จากนั้นจึงกลับสู่เอโดะในปี ค.ศ. 1691 การเดินทางในหนังสือนี้จบลงที่โองากิและมิโนะ (ปัจจุบันคือจังหวัดกิฟุ) ด้วยบทหนึ่งในไฮกุที่เขาแสดงความหมายโดยนัยว่า จะเดินทางไปศาลเจ้าอิเซะต่อ ภายหลังจากการพักอยู่ที่โองากิ บาโชเสียชีวิตเพราะโรคภัยไข้เจ็บในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิในปี ค.ศ. 1694 ที่โอซากะ ภายในบ้านของลูกศิษย์ที่เขาร่วมเดินทางไปด้วย ก่อนสิ้นใจ บาโชได้เขียนไฮกุสุดท้าย ในการเดินทางฉันล้มป่วย ความฝันวิ่งอยู่รอบกาย ในทุ่งที่ปกคลุมด้วยหญ้าแห้ง 旅に病んで夢は枯野をかけ廻る Tabini yande Yume ha kareno wo Kake meguru == บทกวีที่มีชื่อเสียงของบะโช == "สระเก่าเอ๋ย" สระเก่าเอ๋ย กบกระโดดลงไป เสียงของน้ำ 古池や蛙飛びこむ水の音 Furuike ya Kawazu tobikomu Mizu no oto == เกร็ด == เกี่ยวกับ บาโช (Bashō, 芭蕉) หรือ ต้นกล้วย เนื่องจากสภาพอากาศนั้นหนาวเย็นเกินกว่าที่กล้วยจะมีผลได้ ว่ากันว่า เขาตั้งใจว่าจะสื่อความหมายของบทกวีที่มิอาจมีผล หรือไร้ผล และเนื่องจากบาโชได้ศึกษาเซน เช่นนี้ เป็นไปตามแนวคิดของเซน == บทความและลิงก์ที่เกี่ยวข้อง == ไฮกุ มัตสึโอะ บาโช เร็งงะ [http://www.anoca.org/stanza/verse/renga.html มัตสึโอะ บาโช มัตสึโอะ บาโช [http://www.wwu.edu/japanweek/bashoenglish.html ไฮกุ เส้นทางสายเล็ก ๆ ไปสู่ทางเหนือ [http://www.uoregon.edu/~kohl/basho/index.html Oku no Hosomichi ในภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ Bosque de Bambú, camino del haiku - Bashô - Oku no Hosomichi Japones - Español == อ้างอิง == บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2187 กวีชาวญี่ปุ่น พุทธศาสนิกชนชาวญี่ปุ่น
thaiwikipedia
989
ไฮกุ
thumb ไฮกุ (俳句, haiku) เป็นบทกวีญี่ปุ่น มีบทบาทมากในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ไฮกุเป็นบทกวี โดยที่กวีอื่นมีความยาวมากน้อยต่างกันและมีบังคับสัมผัสตามหลักฉันทลักษณ์ ทำให้บทกวีดังกล่าวไม่เหมาะกับการแสดงออกถึงปรากฏการณ์ทางจิต-วิญญาณและความลึกซึ้งออกมาได้ เนื่องจากบทกวีได้ถูกบังคับยึดติดกับรูปแบบและข้อจำกัดตายตัว แต่บทกวีไฮกุได้ตัดทอนลงให้เหลือเพียงตัวอักษร 3 วรรค ยาว 5-7-5 รวมเป็นตัวอักษรเพียง 17 ตัวเท่านั้น ไฮกุ มีพื้นฐานคือ เรียบง่าย และ ดั้งเดิม จึงไม่ยึดติดกับแบบแผน ไม่มีข้อจำกัด ไหลเรื่อยตามธรรมชาติ สั้นกระชับที่สุด ตรงที่สุด และเป็นไปอย่างฉับพลัน ตามสภาวะสัจจะล้วนๆ เรียบง่ายและตรงความรู้สึก ออกมาจากใจของกวี โดยปราศจากอุปสรรคขวางกั้น แสดงความงาม ความเศร้า ความสงบ ความปิติ ความเก่าแก่ เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น ในวินาทีแห่งการสร้างสรรค์สิ่งอัศจรรย์ที่ไฮกุได้ถือกำเนิดขึ้น 「朝顔に釣瓶とられてもらひ水」 อา เจ้าดอกบานเช้า ถังน้ำถูกเถาของเจ้าพัวพัน ฉันวอนขอน้ำน้อยหนึ่งได้ไหม ::--ชิโย ในครั้งกระนั้นกวีหญิงชิโยมาตักน้ำในบ่อน้ำเธอได้พบว่าที่ตักน้ำได้ถูกเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยเถาของดอกบานเช้า (มอร์นิงกลอรี เธอได้ตะลึงงันด้วยความงามของมันจนลืมนึกถึงงานที่จะต้องทำ เมื่อมีสติ จึงนึกถึงภาระที่ต้องทำขึ้นมาได้ แต่เธอก็ไม่อยากจะไปรบกวนดอกไม้นั้น เธอจึงไปตักน้ำที่บ่อของเพื่อนบ้านแทน 「艸の葉を遊びありけよ露の玉」 เริงรำจากใบหญ้าใบนี้ สู่ใบโน้น หยกหยาดน้ำค้าง ::--รานเชตสุ บทกวีรานเชตสุแสดงออกถึงความปิติรื่นเริงเบิกบานอย่างแท้จริง เมื่อชีวิตได้รับการหล่อเลี้ยงจากความงาม ย่อมเต็มเปี่ยมด้วยปิติสุข น้ำค้างเป็นตัวแทนของความปิตินี้ ไหลหยดย้อยด้วยลีลาของธรรมชาติ ดั่งการร่ายรำของหยาดน้ำค้าง จากใบหญ้าใบนี้สู่ใบโน้น น้ำค้างที่บริสุทธิสะอาดและประกายแวววับดุจหยกเมื่อต้องแสงอาทิตย์ จิตวิญญาณของกวีไฮกุ ได้ถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมาและมีความเกี่ยวข้องกับลัทธิเต๋าและนิกายเซนอย่างที่สุด == ประวัติไฮกุ == ไฮกุมาจากบทกวีดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ไฮไค (Haikai) หรือ เร็งกุ (Renku) ต่อมาในสมัยเอโดะ ท่านปรมาจารย์ มะสึโอะ บะโช(ค.ศ. 1644-1694) ได้ขัดเกลาและสร้างแบบแผน ซึ่งต่อมาในสมัยเมจิได้มีการเรียกการประพันธ์ในแบบนี้ว่าไฮกุ ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นที่นิยมแต่งไฮกุถึง 10 ล้านคน และชาวต่างประเทศที่รักการแต่งไฮกุก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งในหมู่ชาวไทย == รายชื่อนักกวีไฮกุที่สำคัญ == มะสึโอะ บะโช (Matsuo Bashō - 松尾芭蕉) == อ้างอิง == พจนา จันทรสันติ, "วิถีแห่งเต๋า" Bosque de bambú Camino del Haiku นิตยสาร j.spy กวีนิพนธ์ญี่ปุ่น กวีนิพนธ์ ภาษาญี่ปุ่น กลอน ฉันทลักษณ์
thaiwikipedia
990
การสังเกต
การสังเกต โดยพื้นฐานหมายถึงการเฝ้าดูและจดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น การสังเกตท่วงท่าการบินของนกโดยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด การสังเกตการเคลื่อนไหวของกระต่าย ชีววิทยาและดาราศาสตร์จัดเป็นศาสตร์ที่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์จากการสังเกตโดยนักสมัครเล่น เราอาจมีความสุขกับการสังเกตโดยทำเป็นงานอดิเรกก็ได้ เช่น นักดูนก และนักดาราศาสตร์สมัครเล่น เป็นต้น == บทบาทของการสังเกตในระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ == ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ มีขั้นตอนดังนี้ การสังเกต ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น การตั้งสมมุติฐาน ในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น การทดสอบ การทำนาย และ ทบทวน เพื่อหาข้อบกพร่อง การสังเกตเกิดขึ้นในขั้นตอนแรกและขั้นตอนที่ 4 ประชาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
thaiwikipedia
991
ดาวแปรแสง
ดาวแปรแสง (Variable Star) คือดาวฤกษ์ ที่มีความสว่างเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แตกต่างจากดาวฤกษ์ส่วนใหญ่ในท้องฟ้าที่มีกำลังส่องสว่างเกือบคงที่ ดวงอาทิตย์ของเรา เป็นตัวอย่างที่ดีของดาวฤกษ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของความสว่างน้อยมาก (โดยปกติเปลี่ยนแปลงประมาณ 0.1% ในวัฏจักรสุริยะ 11 ปี) ดาวแปรแสงมีทั้งที่เปลี่ยนแปลงความสว่างจาก ปัจจัยภายใน และ ปัจจัยภายนอก ตัวอย่างดาวฤกษ์ดวงที่เห็นได้ชัดเจนคือ "ดาวบีเทลจุส" ในกลุ่มดาวนายพราน == การสังเกตดาวคู่ == ดาวคู่ เป็นดาวสองดวงที่โคจรรอบกันและกัน เมื่อเกิดการบังกันทำให้ความสว่างโดยรวมเปลี่ยนแปลงเป็นคาบ เราสามารถวิเคราะห์ดาวคู่ได้โดยการวัดแสงและสเปกโทรโฟโตเมตรี การสังเกตความสว่างของดาวคู่เทียบกับดาวฤกษ์ที่มีความสว่างคงที่ ทำให้สามารถวาดกราฟความสว่างออกมาได้ ดาวแปรแสงที่มีลักษณะการเปลี่ยนแปลงความสว่างอย่างสม่ำเสมอจะมีคาบและแอมพลิจูดแน่นอน อย่างไรก็ตาม ค่าที่วัดได้อาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ เมื่อเวลาผ่านไป จุดในกราฟที่ดาวมีความสว่างสูงสุด เรียกว่า จุดสูงสุด (maxima) อีกจุดที่มีความสว่างน้อยที่สุดเรียกว่า จุดต่ำสุด (minima) == การจัดประเภท == ดาวแปรแสงสามารถแบ่งได้เป็น 2 พวกคือ intrinsic หรือ extrinsic ดาวแปรแสงชนิด Intrinsic : คือดาวฤกษ์ที่มีการแปรแสงเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติทางกายภาพภายในของดาวเอง สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อยได้แก่ * Pulsating variables, คือดาวฤกษ์ที่มีการขยายขนาดรัศมีใหญ่ขึ้นอันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวิวัฒนาการตามอายุของดาว * Eruptive variables, คือดาวฤกษ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่พื้นผิวของดาว เช่น การเกิด flare หรือการพวยพุ่งของมวลดาว * Cataclysmic หรือ explosive variables, คือดาวฤกษ์ที่กำลังเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลง cataclysmic เช่น การเกิดโนวา หรือ ซูเปอร์โนวา ดาวแปรแสงชนิด Extrinsic : คือดาวฤกษ์ที่มีการแปรแสงเกิดจากคุณสมบัติภายนอกของดาว เช่น การหมุน การเกิดคราส แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มย่อย ได้แก่ * การเกิดคราสของดาวคู่หรือดาวแฝด ซึ่งจากมุมมองบนโลกจะมองเห็นดาวฤกษ์บังกันและกันเป็นบางครั้งตามรอบของการโคจร * ดาวแปรแสงจากการหมุน คือดาวฤกษ์ที่มีการแปรแสงอันเกิดการปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการหมุนของดาว ตัวอย่างเช่น ดาวฤกษ์ที่มีจุดมืดขนาดใหญ่มาก ๆ จะส่งผลต่อความสว่างที่ปรากฏออกมา หรือดาวฤกษ์ที่มีอัตราการหมุนรอบตัวเองเร็วมากก็สามารถมองเห็นเป็นรูปทรงอย่างไข่ได้ == ดาวแปรแสงชนิด Intrinsic == ดาวแปรแสงชนิดเซเฟอิด ดาวแปรแสงชนิดอาร์อาร์ พิณ ดาวแปรแสงชนิดดับเบิลยูหญิงสาว ดาวแปรแสงคาบยาว ดาวแปรแสงมิรา ดาวแปรแสงชนิดอาร์วี วัว ดาวแปรแสงกลุ่มดาวนายพราน ดาวฤกษ์ ดาวแปรแสง
thaiwikipedia
992
มหาวิทยาลัยอาร์สดิจิตา
มหาวิทยาลัยอาร์สดิจิตา (ArsDigita University; ADU) เป็นมหาวิทยาลัยที่ให้การศึกษาอย่างเสรีออนไลน์ โดยเอกสารทั้งหมดสามารถใช้ได้ตามสัญญา Open Content License เปิดสอนเมื่อ กันยายน พ.ศ. 2543 ก่อตั้งโดยองค์กรอาร์สดิจิตา ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลประโยชน์แห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาถูกฟ้องล้มละลาย และ ฟิลิป กรีนสปัน ได้ลาออกจากการเป็นผู้บริหารองค์กร มหาวิทยาลัยได้ปิดตัวลงเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2544 มหาวิทยาลัยอาร์สดิจิตาเปิดสอนฟรีทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ระดับเทียบเท่าปริญญาตรี โดยใช้ระยะเวลา 1 ปีในการเรียนจบการศึกษา โดยผู้สอนเป็นศิษย์เก่าจาก สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) และ สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (CalTech) หลักสูตรการเรียนอ้างอิงตามการสอนวิทยาการคอมพิวเตอร์ในสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ == แหล่งข้อมูลอื่น == ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย อาร์สดิจิตา
thaiwikipedia
993
20 มีนาคม
วันที่ 20 มีนาคม เป็นวันที่ 79 ของปี (วันที่ 80 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 286 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 1955 (ค.ศ. 1413) - พระเจ้าเฮนรีที่ 5 ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษ พ.ศ. 2347 (ค.ศ. 1804) - นโปเลียน โบนาปาร์ต สถาปนาตนขึ้นเป็น จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส พ.ศ. 2375 (ค.ศ. 1833) - ประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา ตกลงทำสัญญาค้าขายกัน โดยเอ็ดมันด์ โรเบิร์ต (คนไทยเรียก "เอมินราบัด") เป็นทูตเข้ามาเซ็นสัญญา พ.ศ. 2394 (ค.ศ. 1852) - วรรณกรรมเรื่อง กระท่อมน้อยของลุงทอม โดย แฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทาสในสหรัฐอเมริกาก่อนสงครามกลางเมือง วางจำหน่ายเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2425 (ค.ศ. 1883) - มีการลงนามอนุสัญญาปารีสว่าด้วยการปกป้องทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Paris Convention for the Protection of Industrial Property) เป็นหนึ่งในสนธิสัญญาด้านทรัพย์สินทางปัญญาฉบับแรก ๆ พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1933) - ดาเคา ค่ายกักกันแห่งแรกของนาซีเยอรมัน ก่อสร้างเสร็จ พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - เอแซดที (AZT) เป็นยาต้านไวรัสชนิดแรก ที่ได้รับการรับรองให้ใช้กับเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - สาวกลัทธิโอมชินริเกียวก่อวินาศกรรมโดยการปล่อยแก๊สพิษซารินในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน บาดเจ็บมากกว่า 6,000 คน พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - เรือหลวงจักรีนฤเบศร ขึ้นระวางประจำการ พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - สหรัฐอเมริกากับพันธมิตร เริ่มปฏิบัติการทางทหารกับอิรัก == วันเกิด == พ.ศ. 2279 (ค.ศ. 1736) - พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (สวรรคต 7 กันยายน พ.ศ. 2352) พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) - วีรา ลินน์ นักร้องและนักแสดงชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 18 มิถุนายน พ.ศ. 2563) พ.ศ. 2471 (ค.ศ. 1928) - เฟร็ด โรเจอร์ส นักจัดรายการโทรทัศน์, นักดนตรี, นักเชิดหุ่น, นักเขียน, ผู้กำกับชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546) พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - อำนาจ ลูกจันทร์ อดีตมือกลองวงคาราบาว (ถึงแก่กรรม 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560) พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - วิลเลียม เฮิร์ต นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) - เอมี อะคีโน นักแสดงโทรทัศน์, ภาพยนตร์ และละครเวทีชาวอเมริกัน พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - ฮอลลี ฮันเตอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - สติง นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - ดำรง วงศ์ทอง นักร้องลูกทุ่งชาวไทย พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - หนึ่งอุบล ศิษย์เลิศชัย นักมวยชาวไทย พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - เชสเตอร์ เบนนิงตัน นักตนตรีชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2560) พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - พัชรี แสงเมือง นักวอลเลย์บอลหญิงชาวไทย พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - วุฒิศักดิ์ มูลมณี นักฟุตบอล สัญชาติไทย พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) * ตอมัช กุชต์ชัก นักฟุตบอลชาวโปแลนด์ * นิก บลัด นักแสดงชาวอังกฤษ พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - เอจิ คาวาชิมะ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) * เฟร์นันโด ตอร์เรส นักฟุตบอลชาวสเปน * โรแบร์ท อัลเมอร์ นักฟุตบอลชาวออสเตรีย พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล นักแสดงชายชาวไทย พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - มาร์โกส โรโค นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - *จิณภัค เปียกลิ่น นักร้องชาวไทย * ซานดึล นักร้องชาวเกาหลี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - ดิเอโก บาร์ดังกา นักฟุตบอลชาวสเปน พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - เดคลัน วินน์ นักฟุตบอลชาวนิวซีแลนด์ พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - รชยา ทัพพ์คุณานนต์ สมาชิกวง BNK48 พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - พัค จีวอน นักร้องชาวเกาหลีใต้ สมาชิกวง Fromis_9 พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - ฮวัง ฮยอนจิน นักร้องชาวเกาหลีใต้ สมาชิกวง Stray Kids พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร นักแสดงชายชาวไทย == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2269 (ค.ศ. 1727) - ไอแซก นิวตัน นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ (เกิด 25 ธันวาคม พ.ศ. 2185) (ปฏิทินจูเลียน) พ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913) - เจ้าอุตรการโกศล (ศุขเกษม ณ เชียงใหม่) (เกิด พ.ศ. 2423) พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ (ประสูติ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2427) พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - เลฟ ยาชิน (เกิด 22 ตุลาคม พ.ศ. 2472) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == ประมาณวันที่ 20-21 มีนาคมของทุกปี เป็นวันวสันตวิษุวัต วันชาติตูนีเซีย International Day of Happiness 20 March วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันแห่งความสุขสากล ที่ประกาศโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day Today in History: March 20 มีนาคม 20 มีนาคม
thaiwikipedia
994
21 มีนาคม
วันที่ 21 มีนาคม เป็นวันที่ 80 ของปี (วันที่ 81 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 285 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2346 (ค.ศ. 1804) - ฝรั่งเศสกำหนดให้ใช้ ประมวลกฎหมายนโปเลียน เป็นกฎหมายแพ่งของประเทศ พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1933) - ค่ายกักกันดาเคา ซึ่งเป็นค่ายกักกันแห่งแรกของนาซีเยอรมนี ก่อสร้างเสร็จ พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1935) - เปอร์เซียประกาศให้ประชาคมโลกเรียกชื่อประเทศของตนอย่างเป็นทางการว่าอิหร่าน พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - สหรัฐอเมริกาปิดใช้งานทัณฑสถานบนเกาะอัลคาทราซ ที่ตั้งอยู่ในอ่าวซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - นามิเบียได้รับเอกราชจากแอฟริกาใต้ พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - *ทวิตเตอร์ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก *ชายนิรนามบุกทุบพระพรหมเอราวัณ ศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ แยกราชประสงค์พังทั้งองค์ ก่อนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต == วันเกิด == พ.ศ. 2228 (ค.ศ. 1685) - โยฮันน์ เซบาสเทียน บาค คีตกวีชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2293) พ.ศ.2462 (ค.ศ. 1919) - ประเสริฐ ณ นคร นักประวัติศาสตร์ชาวไทย (ถึงแก่กรรม 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562) พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) - โฟนส์ ฟัน วิสเซิน นักฟุตบอลชาวดัตช์ (ถึงแก่กรรม 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558) พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) - ไบรอัน คลัฟ ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 20 กันยายน พ.ศ. 2547) พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - ทิโมธี ดาลตัน นักแสดงชายชาวอังกฤษ พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - อนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจชาวไทย พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - เด๋อ ดอกสะเดา นักแสดงตลกชาวไทย พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทหารและนายกรัฐมนตรีไทยในปัจจุบัน พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - * แกรี โอลด์แมน นักแสดงชายชาวอังกฤษ * ไมเคิล โบเวนส์ นักปรัชญาชาวเบลเยียม พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ไอร์ตัน เซนน่า นักแข่งรถสูตรหนึ่ง (ถึงแก่กรรม 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2537) พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - แมททิว บรอเดริก นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - โรนัลด์ กุมัน นักฟุตบอลชาวดัตช์ พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) - นวลพรรณ ล่ำซำ นักธุรกิจ นักการเมือง และผู้จัดการฟุตบอลชาวไทย พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - มาร์ก วิลเลียมส์ นักสนุกเกอร์อาชีพชาวเวลส์ พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - เควิน เฟเดอร์ไลน์ นักเต้น แร็ปเปอร์ นายแบบ ชาวอเมริกัน พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - รอนัลดีนโย นักฟุตบอลชาวบราซิล พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - มิชู นักฟุตบอลอาชีพชาวสเปน พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ลี แคตเทอร์โมล นักฟุตบอลชาวอังกฤษ พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - * ฌอร์ดี อัลบา นักฟุตบอลชาวสเปน * ยูตะ วากิโมโตะ นักกีฬาจักรยานลู่และจักรยานถนนชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - * ซาร์ดอร์ มีร์ซาเยฟ นักฟุตบอลอาชีพชาวอุซเบกิสถาน * อ็องตวน กรีแยซมาน นักฟุตบอลอาชีพชาวฝรั่งเศส พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - * เจด โจนส์ นักกีฬาเทควันโดชาวเวลส์ * จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - ฮัน จี-ฮย็อน เป็นนักแสดง และนางแบบชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - * นาธาเนียล ฟิลลิปส์ นักฟุตบอลชาวอังกฤษ * ไวโอเลตต้า นักแสดง นักร้อง นักแต่งเพลง นักเต้นและนางแบบชาวอาร์เจนตินา พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - อู ฮา-รัม นักกีฬากระโดดน้ำชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - ยุน ซาน-ฮา นักร้อง, นักแสดง และนายแบบชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - เคานต์เคลาส์-คาร์ซีมีร์แห่งออเรนจ์-นัสเซา == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) - ชินัว อาเชเบ นักเขียนและกวีชาวไนจีเรีย (เกิด 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2473) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == ประมาณวันที่ 20-21 มีนาคมของทุกปี เป็นวันวสันตวิษุวัต วันที่ 21 มีนาคม เป็นวันกวีนิพนธ์สากล วันที่ 21 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันป่าไม้โลก (World forestry day) ==วันในบันเทิงคดี== พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - วันล้างบาปซึ่งอนุญาตให้กระทำอาชญากรรมได้ทุกประเภท เช่น ฆาตกรรม เป็นเวลา 12 ชั่วโมง จากภาพยนตร์เรื่อง The Purge == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day Today in History: March 21 มีนาคม 21 มีนาคม
thaiwikipedia
995
22 มีนาคม
วันที่ 22 มีนาคม เป็นวันที่ 81 ของปี (วันที่ 82 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 284 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2327 (ค.ศ. 1784) - พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงทำพิธีอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) - สโมสรฟุตบอลเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - สันนิบาตอาหรับ ก่อตั้งขึ้น ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - ศาลฎีกามีคำพิพากษาใน "คดีระหว่างพนักงานอัยการ กับพิมล กาฬสีห์ และนภาพันธ์ กาฬสีห์" หรือที่รู้จักกันว่า "คดีตุ๊กตา" ซึ่ง พิมล กาฬสีห์ นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง นามปากกว่า "ตุ๊กตา" เป็นจำเลยที่ 1 และภริยาของเขา เป็นจำเลยที่ 2 โดยวินิจฉัยว่า หญิงก็เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานข่มขืนหญิงได้ พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ : ประเทศไทยจัดการเลือกตั้งทั่วไป ผลปรากฏว่าพรรคการเมือง 5 พรรค ซึ่งมีพรรคสามัคคีธรรมของนายณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นแกนนำ ได้คะแนนเสียงเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล แต่นายณรงค์มีข้อกล่าวหาพัวพันค้ายาเสพติดจนสหรัฐฯ งดออกหนังสือเดินทาง พลเอก สุจินดา คราประยูร จึงเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - อินเทลวางจำหน่ายเพนเทียม (80586) ซึ่งเป็นไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นแรกในตระกูลนี้ พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - พระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2554ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลให้ จังหวัดบึงกาฬ ได้รับการจัดตั้งขึ้นในวันรุ่งขึ้น (23 มีนาคม 2554) พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) - แอ็งกรีเบิดส์สเปซ ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ == วันเกิด == พ.ศ. 2277 (ค.ศ. 1732) - สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (สวรรคต 6 เมษายน พ.ศ. 2325) พ.ศ. 2474 (ค.ศ. 1931) - วิลเลียม แชตเนอร์ นักแสดงชาวแคนาดา ผู้แสดงเป็น Captain James T. Kirk แห่งยาน USS Enterprise ใน Star Trek, The Original Series พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - ท่านหญิงภุมรีภิรมย์ เชลล์ พระธิดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (ถึงแก่กรรม 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556) พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - จอร์จ เบนสัน นักกีตาร์แจ๊สชาวอเมริกัน พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - จอห์น ทอแช็ก อดีตนักฟุตบอลชาวเวลส์ พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - แกรนด์ดัชเชสมาเรีย เตเรซาแห่งลักเซมเบิร์ก แกรนด์ดัชเชสแห่งประเทศลักเซมเบิร์ก พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - รีส วิเธอร์สปูน นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ นักร้อง นักแสดง พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - บรูโน คอร์เรีย นักฟุตบอลชาวบราซิล พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงศ์ นักร้อง นักแสดง พิธีกรชาวไทย พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - ฮา ซองอุน นักร้องชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - นิก รอบินสัน นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - แอแวร์ตง ซูวาริส นักฟุตบอลชาวบราซิล พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - แฮร์รี่ วิลสัน (นักฟุตบอลเกิด พ.ศ. 2540) นักฟุตบอลอาชีพชาวเวลส์ พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - ภวัต จิตต์สว่างดี นักแสดงชายชาวไทย พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - ฑิชากร บุญเลิศ นักวอลเลย์บอลหญิงชาวไทย พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) - เมอร์ริค ฮันนา นักร้องชาวอเมริกัน == วันถึงแก่กรรม มรณภาพ == พ.ศ. 2375 (ค.ศ. 1832) - โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเท นักเขียน นักสิทธิมนุษยชน นักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา จิตรกรชาวเยอรมัน (เกิด 28 สิงหาคม พ.ศ. 2292) พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - ครูบาศรีวิชัย (เกิด 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421) พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - ต่วน สุวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรี (เกิด 1 เมษายน พ.ศ. 2432) พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - พระครูสังวรสมณกิจ (ทิม อตฺตสนฺโต) เจ้าอาวาสวัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา (เกิด10 มีนาคม พ.ศ. 2456) พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022 ) - วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนชาวไทย (เกิด 12 มกราคม พ.ศ. 2498) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == วันน้ำของโลก == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day มีนาคม 22 มีนาคม
thaiwikipedia
996
19 มีนาคม
วันที่ 19 มีนาคม เป็นวันที่ 78 ของปี (วันที่ 79 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 287 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 1821 (ค.ศ. 1279) - ราชวงศ์ซ่งของจีนสิ้นสุดลง หลังจากการรุกรานของจักรวรรดิมองโกล พ.ศ. 2457 (ค.ศ. 1915) - ดาวพลูโต ดาวเคราะห์แคระที่เคยถูกจัดเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ของระบบสุริยะ ปรากฏในภาพถ่ายเป็นครั้งแรก นับเป็นเวลา 15 ปีก่อนการค้นพบโดย ไคลด์ ทอมบอ พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) - สะพานฮาร์เบอร์ สิ่งก่อสร้างสำคัญแห่งหนึ่งของซิดนีย์ ออสเตรเลีย เปิดใช้อย่างเป็นทางการ พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - ถ่ายทอดสดการประกาศผลรางวัลออสการ์ทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - ก่อตั้งห้องสมุดคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด เป็นห้องสมุดสำหรับคนตาบอดในประเทศไทย พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - กองกำลังอาร์เจนตินา นำโดย อัลเฟรโด แอสทิซ เข้ายึดครองเซาท์จอร์เจียในตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นชนวนสงครามระหว่างอาร์เจนตินากับสหราชอาณาจักร ในสงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - วันสถาปนาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ลำดับที่ 9 ของประเทศไทย == วันเกิด == พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1813) - เดวิด ลิฟวิงสโตน มิชชันนารีและนักสำรวจชาวสกอต (ถึงแก่กรรม 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2416) พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - หวัง ซูฉี นักแสดงภาพยนตร์ชาวจีน พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - เกลนน์ โคลส นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) * บรูซ วิลลิส นักแสดงชาวอเมริกัน * เหริน ต๋าหัว นักแสดงชาวจีน พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - ถัน เหย้าเหวิน นักแสดงและนักร้องชาวฮ่องกง พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ฆิลเบร์โต เซร์ราโน นักมวยสากลชาวเวเนซุเอลา พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - ดีน สมิท (นักฟุตบอลเกิด พ.ศ. 2514) อดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวอังกฤษ พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - วิเวียน ซู นักร้องและนักแสดงชาวไต้หวัน พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - อาเลสซันโดร เนสตา นักฟุตบอลชาวอิตาลี พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - อีบอน มอสส์-บาครัค นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - เล็งกา นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวออสเตรเลีย พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - มิคุนิ ชิโมคาวะ นักร้องเพลงป๊อปและนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - โกโล ตูเร นักฟุตบอลทีมชาติโกตดิวัวร์ พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - แบรด โจนส์ นักฟุตบอลทีมชาติออสเตรเลีย พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - เดนิส โซโคลอฟ นักกีฬายิงปืนชาวรัสเซีย พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - หมาก ปริญ นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - ฮะกีม ซิยาช นักฟุตบอลชาวโมร็อกโก พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - เอกตอร์ เบเยริน นักฟุตบอลทีมชาติสเปน พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - ควัก ดง-ย็อน นักแสดงและนักดนตรีชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - ทิว โชติทิวัตถ์ นักแสดงภาพยนตร์ชาวไทย พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - ซามี่ อูตัลบาลิ นักแสดงชาวฝรั่งเศส == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 1781 (ค.ศ. 1238) - พระเจ้าเฮนรีที่ 1 แห่งโปแลนด์ พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - ไหล ศิริโสตร์ วีรสตรีชาวอุบลราชธานี (เกิด 3 เมษายน พ.ศ. 2436) พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - หม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช พระธิดาในกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (ประสูติ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2440) พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - จารุบุตร เรืองสุวรรณ อดีตประธานวุฒิสภา (เกิด 15 มิถุนายน พ.ศ. 2463) พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - ไสล ไกรเลิศ นักไวโอลิน และนักแต่งเพลงชาวไทย (เกิด 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2457) พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - บุญชู โรจนเสถียร อดีตรองนายกรัฐมนตรี (เกิด 20 มกราคม พ.ศ. 2464) พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) - อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ (เกิด 16 ธันวาคม พ.ศ. 2460) พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) - กานท์ การุณวงศ์ นักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง (เกิด 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476) พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) - ลินดา เบเมนต์ นางแบบ นางงามชาวอเมริกัน (เกิด 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2484) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == คริสตจักรโรมันคาทอลิก - วันสมโภชนักบุญโยเซฟ ภัสดาของพระนางมารีย์พรหมจารี == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day มีนาคม 19 มีนาคม
thaiwikipedia
997
18 มีนาคม
วันที่ 18 มีนาคม เป็นวันที่ 77 ของปี (วันที่ 78 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 288 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 1772 (ค.ศ. 1229) - สงครามครูเสดครั้งที่ 6: จักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งเยรูซาเลม พ.ศ. 1981 (ค.ศ. 1438) - พระเจ้าอัลเบิร์ชท์ที่ 2 แห่งฮับส์บูร์ก ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งเยอรมนี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) - สโมสรฟุตบอลอายักซ์ ก่อตั้งขึ้น พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - สโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย ก่อตั้งขึ้น พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) - มหาตมา คานธีถูกตัดสินจำคุก 6 ปี ในอินเดีย จากการขัดขืนอย่างสงบ พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - สวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดินวนา เปิดเป็นวันแรก พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - อเล็กซี ลีโอนอฟ นักบินอวกาศรัสเซีย ออกเดินในอวกาศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย นาน 9 ชั่วโมง 20 นาที == วันเกิด == พ.ศ. 2325 (ค.ศ. 1782) - จอห์น ซี. แคลฮูน รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 7 (ถึงแก่กรรม 31 มีนาคม พ.ศ. 2393) พ.ศ. 2380 (ค.ศ. 1837) - โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 22 และ 24 (ถึงแก่กรรม 24 มิถุนายน พ.ศ. 2451) พ.ศ. 2401 (ค.ศ. 1858) - รูด็อล์ฟ ดีเซิล นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม 30 กันยายน พ.ศ. 2456) พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) - * รอเบิร์ต ดอแนต นักแสดงละครเวทีและภาพยนตร์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 9 มิถุนายน พ.ศ. 2501) * หม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินท์ นักเขียนชาวไทย (ถึงแก่กรรม 17 มกราคม พ.ศ. 2506) พ.ศ. 2474 (ค.ศ. 1931) - ฉลอง ภักดีวิจิตร ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้กำกับละครโทรทัศน์ พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - อเล็กซ์ ฮิกกินส์ นักสนุกเกอร์ชาวไอร์แลนด์เหนือ (ถึงแก่กรรม 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553) พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - วาเนสซา แอล. วิลเลียมส์ นักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - โยะริโกะ โดกุชิ นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ผู้ฝึกสอนฟุตบอลชาวไทย พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - หู จุน นักแสดงชาวจีน พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - สายเชีย วงศ์วิโรจน์ นักแสดง นักร้องและสตั๊นท์แมนชาวไทย พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ควีน ลาติฟาห์ แร็ปเปอร์ นักร้อง นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - * แอดัม เลอวีน นักร้องชาวอเมริกัน * ณิชา ดารินทร์ นักร้องลูกทุ่งหญิง และนักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - * โซเฟีย ไมลส์ นักแสดงชาวอังกฤษ * พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร พิธีกร นักแสดงชายชาวไทย พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - * จัง นารา นักแสดงหญิงชาวเกาหลีใต้ * ทอม ชทาร์เคอ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม นักแสดงตลกหญิงชาวไทย พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - * จิระ ด่านบวรเกียรติ นักร้อง และนักแสดงชาวไทย * ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาใน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - กาบริเอล เมร์กาโด นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - โลเซมี การาบูเอ นักฟุตบอลชาวโกตดิวัวร์ พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - * คะนะ นิชิโนะ นักร้องหญิงชาวญี่ปุ่น * ลิลี คอลลินส์ นักแสดงชาวอังกฤษอเมริกัน พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - * โซโล ซีกัว นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน * อุรัสยา เสปอร์บันด์ (ญาญ่า) นักแสดงหญิงชาวไทย พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - จู เจิ้งถิง นักร้องและนักแสดงชาวจีน พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - เกรซ เอลิซาเบธ นางแบบชาวอเมริกัน พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - * กฤษดา กาแมน นักฟุตบอลชาวไทย * ดีโยกู ดาโล นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) * อชิรญา นิติพน (แอลลี่) นักร้องและนักแสดงหญิงชาวไทย * ณปภัช ฐิตะกวิน (มุก) นักแสดงหญิงชาวไทย พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) - แมร์ซิ แคร์ นักแสดงและนักเต้นชาวอเมริกัน == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) – เจ้าหลวงอินทยงยศโชติ เจ้าผู้ครองนครลำพูน พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) – พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี (ประสูติ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2408) พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) – บุญเรือง บัวจันทร์ นักแสดงงู (เกิด พ.ศ. 2512) พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) – เจ้าหญิงอองตัวแนตแห่งโมนาโก (ประสูติ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2463) พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) – * สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จ ตูปูที่ 5 แห่งตองงา (ประสูติ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2491) * นวรัต ไกรฤกษ์ นักเขียนบทความตอบปัญหาเพศศึกษา คอลัมน์ "เสพสมบ่มิสม" (เกิด 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459) พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) – ชัค เบอร์รี นักร้องและนักดนตรีชาวอเมริกัน (เกิด 18 ตุลาคม พ.ศ. 2469) พ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023) – ภาคินัย เจ้าพ่อนิยายสยองขวัญของไทย == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == ==อ้างอิง== == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day Today in History: March 18 มีนาคม 18 มีนาคม
thaiwikipedia
998
กาแฟ
กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดซึ่งได้จาก ต้นกาแฟ หรือมักเรียกว่า เมล็ดกาแฟ คั่ว มีการปลูกต้นกาแฟในมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก กาแฟเขียว (กาแฟซึ่งยังไม่ผ่านการคั่ว) เป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตรซึ่งมีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก กาแฟมีส่วนประกอบของคาเฟอีน ทำให้มีสรรพคุณชูกำลังในมนุษย์ ปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เป็นที่เชื่อกันว่าสรรพคุณชูกำลังจากเมล็ดของต้นกาแฟนั้นถูกพบเป็นครั้งแรกใน เยเมน แถบอาระเบีย และทางตะวันออกเฉียงเหนือของ เอธิโอเปีย และการปลูกต้นกาแฟในสมัยแรกได้แพร่ขยายในโลกอาหรับ หลักฐานบันทึกว่าการดื่มกาแฟได้ปรากฏขึ้นราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 อันเป็นหลักฐานซึ่งเชื่อถือได้และเก่าแก่ที่สุด ถูกพบในวิหาร ซูฟี ในเยเมน แถบอาระเบีย จาก โลกมุสลิม กาแฟได้แพร่ขยายไปยังทวีปยุโรป อินโดนีเซีย และทวีปอเมริกา ในระหว่างที่กาแฟเริ่มเดินทางจากทวีปอเมริกาเหนือและตะวันออกกลางสู่ทวีปยุโรป กาแฟได้ถูกส่งผ่านไปยังซิซิลีและอิตาลีในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากนั้นผ่านตุรกีไปยังกรีซ ฮังการี และออสเตรียในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากอิตาลีและออสเตรีย กาแฟได้แพร่ขยายไปยังส่วนที่เหลือของทวีปยุโรป กาแฟได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในสังคมหลายแห่งตลอดประวัติศาสตร์ ในแอฟริกาและเยเมน มันถูกใช้ร่วมกับพิธีกรรมทางศาสนา ผลที่ตามมาคือ ศาสนจักรเอธิโอเปีย ได้สั่งห้ามการบริโภคกาแฟตลอดกาล จนกระทั่งถึงรัชสมัยของ จักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 มันยังได้ถูกห้ามใน จักรวรรดิออตโตมันระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 17 เนื่องจากสาเหตุทางการเมือง และมีส่วนเกี่ยวพันกับกิจกรรมทางการเมืองหัวรุนแรงในทวีปยุโรป ผลกาแฟ ซึ่งบรรจุเมล็ดกาแฟ เป็นผลผลิตจากไม้พุ่มไม่ผลัดใบขนาดเล็กใน จีนัส Coffea หลายสปีชีส์ โดยสายพันธุ์ที่มีการปลูกโดยทั่วไปมากที่สุด ได้แก่ Coffea arabica และกาแฟ "โรบัสต้า" ที่ได้จากชนิด Coffea canephora ซึ่งมีรสเข้มกว่า สายพันธุ์ดังกล่าวมีความทนทานต่อราสนิมใบกาแฟ (Hemileia vastatrix) ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง สายพันธุ์กาแฟทั้งคู่มีการปลูกในละตินอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปแอฟริกา เมื่อสุกแล้ว ผลดังกล่าวจะถูกเก็บรวบรวม นำไปผ่านกรรมวิธีและทำให้แห้ง หลังจากนั้น เมล็ดจะถูกคั่วในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ต้องการ และจะถูกบดและบ่มเพื่อผลิตกาแฟ กาแฟสามารถตระเตรียมและนำเสนอได้ในหลายวิธี กาแฟเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของโลก โดยในปี คริสต์ศักราช 2004 กาแฟเป็นสินค้าการเกษตรส่งออกที่ทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งในจำนวน 12 ประเทศ และเป็นพืชที่มีการส่งออกอย่างถูกต้องตามกฎหมายซึ่งมีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก ในปี คริสต์ศักราช 2005 กาแฟได้รับการโต้เถียงบางส่วนในด้านการเพาะปลูกต้นกาแฟและผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และมีการศึกษาจำนวนมากที่ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคกาแฟกับข้อจำกัดทางยาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่ากาแฟให้คุณหรือให้โทษกันแน่ == เกี่ยวกับชื่อ == การอ้างอิงคำว่าcoffee ในภาษาอังกฤษ อยู่ในรูปของ chaoua ซึ่งสามารถสืบย้อนไปได้ถึง คริสต์ศักราช 1598 ในภาษาอังกฤษและในภาษายุโรปอื่น ๆ coffee ได้ถูกดัดแปลงมาจากภาษาตุรกีออตโตมัน kahve ผ่านทางภาษาอิตาลี caffè ในขณะเดียวกัน คำดังกล่าวในภาษาตุรกีออตโตมันถูกยืมมาจาก เกาะหฺวะหฺ ในภาษาอาหรับ (قهوة; qahwah) ผู้เขียนพจนานุกรมชาวอาหรับ ยืนยันว่า เดิม เกาะหฺวะหฺ ไปคำที่หมายถึงไวน์ประเภทหนึ่ง และได้ให้นิรุกติศาสตร์กับคำกริยา qahiya ในความหมายว่า "ไม่มีความอยากอาหาร" เนื่องจากเครื่องดื่มดังกล่าวถูกใช้เพื่อดับความหิวของผู้ที่ดื่มเข้าไป นิรุกติศาสตร์ทางอื่นอีกเป็นจำนวนมากกล่าวว่า คำดังกล่าวในภาษาอาหรับอาจเป็นการบิดเบือนคำยืมมาจากหลักฐานเอธิโอเปียหรือแอฟริกัน โดยเสนอว่าคำดังกล่าวมาจาก คัฟฟา ที่ราบสูงทางตะวันออกเฉียงใต้ของเอธิโอเปีย เนื่องจากต้นกาแฟเป็นพืชท้องถิ่นในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คำว่า qahwah ไม่ได้ถูกใช้กับเบอร์รี่หรือพืชซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นในบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะถูกเรียกว่า bunn หรือมีชื่อพื้นเมืองในชีวา ว่า būn == ประวัติ == เป็นที่เชื่อกันว่าบรรพบุรุษชาวเอธิโอเปียของชาวโอโรโมในปัจจุบัน เป็นคนกลุ่มแรกซึ่งรู้จักผลกระทบกระตุ้นประสาทของเมล็ดจากต้นกาแฟ อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานโดยตรงซึ่งชี้ชัดว่าต้นกาแฟมีการปลูกอยู่ที่ใดในทวีปแอฟริกา หรือผู้ใดในกลุ่มชาวพื้นเมืองซึ่งอาจใช้มันเป็นสารกระตุ้น หรือแม้แต่รู้ถึงผลกระทบนั้น ก่อนหน้าคริสต์ศตวรรษที่ 17 เรื่องราวของ คาลดี เด็กเลี้ยงแกะชาวเอธิโอเปียในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 ผู้ซึ่งค้นพบต้นกาแฟนั้น มิได้ปรากฏชื่อในงานเขียนจนกระทั่งถึง คริสต์ศักราช 1671 หรืออาจเป็นเพียงเรื่องปลอมเท่านั้น จากเอธิโอเปีย สันนิษฐานว่ากาแฟได้แพร่กระจายไปยังเยเมน ที่ซึ่งมีการดื่มและผลิตขึ้นเป็นครั้งแรก จากนั้นได้แพร่ไปยังอียิปต์ ในขณะที่ หลักฐานซึ่งเชื่อถือได้สามารถสืบย้อนไปได้ไกลที่สุด ถึงการดื่มกาแฟในวิหารซูฟีในม็อคค่าในเยเมน ที่ซึ่งในอาระเบีย ได้มีการคั่วและชงเมล็ดกาแฟเป็นครั้งแรก อันเป็นวิธีที่คล้ายคลึงกับการเตรียมกาแฟ ภายในคริสต์ศตวรรษที่ 16 กาแฟได้แพร่ขยายไปทั่วถึงตะวันออกกลาง เปอร์เซีย ตุรกี และแอฟริกาเหนือ ในปี คริสต์ศักราช 1583 เลโอนาร์ด เราวอล์ฟ แพทย์ชาวเยอรมัน ได้บรรยายถึงกาแฟหลังจากท่องเที่ยวในดินแดนตะวันออกใกล้เป็นเวลากว่าสิบปีไว้ว่าดังนี้: จากโลกมุสลิม กาแฟได้แพร่ขยายไปยังอิตาลี การค้าขายระหว่างเวนิซกับแอฟริกาเหนือ อียิปต์และตะวันออกกลางที่เจริญขึ้น ทำให้อิตาลีได้รับสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมไปถึงกาแฟด้วย หลังจากนั้น กาแฟก็ได้แพร่กระจายจากเมืองท่าเวนิซไปทั่วยุโรป กาแฟได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้น หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 8 ลงความเห็นว่ามันเป็นเครื่องดื่มสำหรับคริสเตียน ในปี คริสต์ศักราช 1600 แม้ว่าจะมีการร้องเรียนให้ยกเลิก "เครื่องดื่มมุสลิม" ก็ตาม ร้านกาแฟแห่งแรกในทวีปยุโรปเปิดในอิตาลีในปี คริสต์ศักราช 1645 ชาว ดัตช์เป็นชนชาติแรกที่นำเข้ากาแฟเป็นจำนวนมาก และฝ่าฝืนข้อห้ามของอาหรับเกี่ยวกับการส่งออกพืชและเมล็ดที่ยังไม่ได้คั่ว เมื่อ Pieter van den Broeck ลักลอบนำเข้ากาแฟจากเอเดนไปยังยุโรปในปี คริสต์ศักราช 1616 ซึ่งผลผลิตกาแฟจากเกาะชวาสามารถส่งไปยังเนเธอร์แลนด์ได้ในปี คริสต์ศักราช 1711 และด้วยความพยายามของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ทำให้กาแฟได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษเช่นเดียวกัน กาแฟเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส ในปี คริสต์ศักราช 1657 และเข้าสู่ออสเตรียและโปแลนด์ หลังจากยุทธการเวียนนา เมื่อปี คริสต์ศักราช 1683 ซึ่งทหารสามารถยึดเสบียงของทหารออตโตมานเติร์กที่พ่ายแพ้ในการรบครั้งนั้น หลังจากนั้น กาแฟได้เข้าสู่ทวีปอเมริกาเหนือในช่วงยุคอาณานิคม แต่ว่าไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับในทวีปยุโรป อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงครามปฏิวัติอเมริกัน ปริมาณความต้องการกาแฟได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนพวกพ่อค้ากักตุนสินค้าเอาไว้และปั่นราคาขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งบางส่วนเป็นผลมาจากการที่พ่อค้าชาวอังกฤษไม่สามารถนำเข้าชาได้มากนัก หลังจากสงครามปี 1812 ในช่วงที่อังกฤษงดการนำเข้าชาเป็นการชั่วคราว ชาวอเมริกันจึงหันมาดื่มกาแฟแทน และมีปริมาณความต้องการสูงมากในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกัน ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาของเทคโนโลยีการต้มเหล้าทำให้กาแฟกลายเป็นสินค้ายอดนิยมในสหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบัน แต่ในอังกฤษ ปริมาณการบริโภคกาแฟกลับลดลง และชาวอังกฤษหันไปบริโภคชาแทนระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 18 เครื่องดื่มชาเป็นเครื่องดื่มซึ่งเตรียมขึ้นได้ง่ายกว่า และหาซื้อได้ในราคาถูกจากการยึดครองอินเดียและอุตสาหกรรมชาในอินเดียของอังกฤษ == ชีววิทยา == ต้นกาแฟเป็นพืชพื้นเมืองเขตร้อนแถบแอฟริกาและเอเชียใต้ กาแฟถูกจัดให้อยู่รวมกับพืชมีดอก ของวงศ์ Rubiaceae ถูกจัดเป็นต้นไม้ประเภทไม่ผลัดใบ ต้นกาแฟสามารถสูงได้ถึง 5 เมตรถ้าไม่เล็มออก ใบของต้นกาแฟมีสีเขียวเข้มและเป็นมัน ขนาดโดยเฉลี่ยยาว 10-15 เซนติเมตร และกว้าง 6 เซนติเมตร ดอกของต้นกาแฟมีสีขาว มีกลิ่นหอม และจะบานพร้อมกันทั้งต้น ผลกาแฟมีลักษณะรียาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ผลกาแฟอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อสุก สีของเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และเมื่อนำไปผึ่งให้แห้ง สีของเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและสีดำในที่สุด ผลกาแฟแต่ละผลจะมีเมล็ดอยู่สองเมล็ด แต่ผลกาแฟประมาณ 5–10% จะมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว เมล็ดจำพวกนี้จะเรียกว่า พีเบอร์รี่ โดยปกติแล้ว ผลกาแฟจะสุกภายในเจ็ดถึงเก้าเดือน == การเพาะปลูก == กาแฟมักจะได้รับการขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด วิธีดั้งเดิมในการปลูกกาแฟคือการใส่เมล็ดกาแฟจำนวน 20 เมล็ดในแต่ละหลุม เมื่อย่างเข้าฤดูฝน เมล็ดกาแฟครึ่งหนึ่งจะถูกกำจัดตามธรรมชาติ เกษตรกรมักจะปลูกต้นกาแฟร่วมกับพืชผลประเภทอื่น ๆ อย่างเช่น ข้าวโพด ถั่วหรือข้าว ในช่วงปีแรก ๆ ของการเพาะปลูก กาแฟสายพันธุ์หลักที่ปลูกกันทั่วโลกมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ Coffea canephora และ Coffea arabica กาแฟอาราบิกา (ผลผลิตจาก Coffea arabica) ถูกพิจารณาว่าเหมาะแก่การดื่มมากกว่ากาแฟโรบัสตา (ผลผลิตจาก Coffea canephora) เพราะกาแฟโรบัสตามักจะมีรสชาติขมกว่าและมีรสชาติน้อยกว่ากาแฟอาราบิกา ด้วยเหตุผลดังกล่าว กาแฟที่เพาะปลูกกันจำนวนกว่าสามในสี่ของโลกจึงเป็น Coffea arabica อย่างไรก็ตาม Coffea canephora สามารถพิสูจน์ได้ว่าสามารถก่อให้เกิดโรคได้น้อยกว่า Coffea arabica และสามารถปลูกได้ในสภาพแวดล้อมที่ Coffea arabica ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ กาแฟโรบัสตามีปริมาณคาเฟอีนผสมอยู่มากกว่ากาแฟอาราบิกาอยู่ประมาณ 40-50% ดังนั้น ธุรกิจกาแฟจึงมักใช้กาแฟโรบัสตาทดแทนกาแฟอาราบิกาเนื่องจากมีราคาถูกกว่า กาแฟโรบัสตาคุณภาพดีมักจะใช้ผสมในเอสเพรสโซเพื่อให้เกิดฟองและลดค่าวัตถุดิบลง นอกจากกาแฟทั้งสองสายพันธุ์นี้แล้ว ยังมี Coffea liberica และ Coffea esliaca ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพืชท้องถิ่นของประเทศไลบีเรียและทางตอนใต้ของประเทศซูดานตามลำดับ เมล็ดกาแฟอาราบิกาส่วนใหญ่ปลูกในละตินอเมริกา แอฟริกาตะวันออก อาราเบียหรือเอเชีย ส่วนเมล็ดกาแฟโรบัสตาปลูกในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ไปจนถึง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบางส่วนของประเทศบราซิล เมล็ดกาแฟที่ปลูกในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันส่งผลให้เมล็ดกาแฟของแต่ละท้องถิ่น ทำให้เกิดลักษณะเฉพาะตัว อย่างเช่น รสชาติ กลิ่น สัมผัสและความเป็นกรด ลักษณะรสชาติของกาแฟนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ปลูกเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์กำเนิดและกระบวนการผลิตด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว ความแตกต่างนี้จะสามารถรับรู้กันในท้องถิ่นเท่านั้น === ปริมาณการผลิต === {| border="1" cellspacing="0" class="wikitable" align = left style="clear:left" ! colspan = "4"| ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ 10 อันดับของโลก – 11 มิถุนายน 2008 |- ! bgcolor="#DDDDFF" | ประเทศ ! bgcolor="#DDDDFF" | ปริมาณการผลิต (เมตริกตัน) ! bgcolor="#DDDDFF" | ปริมาณการผลิต (ถุง) ! bgcolor="#DDDDFF" | หมายเหตุ |- | || align = center |17,000,000 || align = center |36,070 || |- | || align = center |15,580,000 || align = center |18,000 || | * |- | || align = center |9,400,000 || align = center |12,400 || | F |- | || align = center |2,770,554 || align = center |6,446 || | * |- | || align = center |1,705,446 || align = center |5,733 || | * |- | || align = center |962,000 || align = center |4,500 || | F |- | || align = center |954,000 || align = center |4,367 || | F |- | || align = center |677,000 || align = center |4,250 || | ประมาณการ ปี 2008 |- | || align = center |568,000 || align = center |4,000 || | F |- | || align = center |370,000 || align = center |3,833 || | F |- | bgcolor=#cccccc| | bgcolor=#cccccc align = center | 7,742,675 | bgcolor=#cccccc align = center | 118,920 | bgcolor=#cccccc| A |- | colspan = "4" style="font-size:.7em"|ไม่มีสัญลักษณ์ = ตัวเลขอย่างเป็นทางการ, F = ประมาณการขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ, * = ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ กึ่งทางการ, A = สถิติรวม |} === ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม === ในอดีต การปลูกต้นกาแฟจะทำในร่มเงาของต้นไม้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และแมลงทั้งหลาย ทฤษฎีนี้มักจะเป็นไปตามทฤษฎีเงาดั้งเดิม ในปัจจุบัน เกษตรกรจำนวนมากได้เปลี่ยนไปใช้วิธีการปลูกต้นกาแฟแบบทันสมัย โดยการใช้แสงอาทิตย์ในการปลูกต้นกาแฟ ซึ่งต้นกาแฟจะถูกปลูกเรียงกันเป็นแถวอยู่ใต้แสงอาทิตย์โดยมีปะรำป่าเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย การปลูกแบบใหม่นี้ทำให้เมล็ดกาแฟสุกเร็วขึ้นและให้ผลผลิตมากขึ้น แต่การปลูกแบบดังกล่าวจำเป็นต้องตัดต้นไม้ ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงจำนวนมาก อีกด้านหนึ่ง การปลูกต้นกาแฟแบบดั้งเดิมจะทำให้เมล็ดกาแฟสุกช้ากว่าการปลูกต้นกาแฟแบบใหม่และให้ผลผลิตน้อยกว่า แต่จะให้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงกว่า นอกเหนือจากนั้น ทฤษฎีเงาดั้งเดิมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในกับสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก นักวิจารณ์การปลูกกาแฟแบบใหม่กล่าวว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น การตัดไม้ทำลายป่า มลภาวะที่เกิดจากยาฆ่าแมลง การทำลายที่อยอาศัยของสัตว์ป่า การเสื่อมคุณภาพของดินและน้ำ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลข้างเคียงมาจากการปลูกต้นกาแฟแบบใหม่นี้ สมาคมดูนกอเมริกันเป็นผู้นำการรณรงค์ "การปลูกในร่มเงา" และ กาแฟอินทรีย์ ซึ่งพวกเขาสนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกกาแฟให้เป็นแบบดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะที่การปลูกต้นกาแฟในร่มหลายแบบแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางชีวภาพมากกว่าระบบการปลูกต้นกาแฟกลางแจ้ง มันก็ยังเทียบไม่ได้กับป่าท้องถิ่นในแง่ของที่อยู่อาศัยของสัตว์ อีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือ การใช้น้ำในการผลิตกาแฟ ตามที่นิตยสาร New Scientist ระบุว่า ต้องใช้น้ำจำนวนถึง 140 ลิตรในกระบวนการปลูกต้นกาแฟไปจนถึงผลผลิตกาแฟหนึ่งถ้วย และกาแฟมักจะถูกปลูกในประเทศที่มีการขาดแคลนน้ำ อย่างเช่น เอธิโอเปีย === เศรษฐกิจ === บราซิลเป็นประเทศที่ส่งออกกาแฟสูงที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เวียดนามกลายมาเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสตารายใหญ่ของโลก อินโดนีเซียเป็นประเทศส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสาม และเป็นผู้ผลิตกาแฟอาราบิกาละลาย ราคาซื้อขายกาแฟโรบัสตาในลอนดอนมีราคาถูกกว่าในนิวยอร์ก ซึ่งทำให้ลูกค้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรม อย่างเช่น บริษัทข้ามชาติและผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูป โอนเอียงไปทางกาแฟในลอนดอนมากกว่า เพราะว่ามีราคาถูกกว่า บริษัทข้ามชาติสี่แห่ง (ประกอบด้วย ครอฟท์ เนสเล่ พร็อกเตอร์แอนด์แกมเบิลและซาร่า ลี) ได้ซื้อกาแฟคิดเป็นปริมาณ 50% ของผลผลิตต่อปี การเลือกซื้อกาแฟโรบัสตาราคาถูกของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสี่ของตลาดกาแฟทำให้เกิดความเชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคากาแฟตกต่ำ และปริมาณความต้องการเมล็ดกาแฟอาราบิกาคุณภาพสูงกระเตื้องขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการเข้ามาล้นตลาดของกาแฟเขียวราคาถูกอย่างมหาศาล หลังจากการล่มสลายของข้อตกลงกาแฟสากลแห่งปี 1975-1989 ได้ส่งผลกระทบยืดเยื้อต่อวิกฤตการณ์ราคากาแฟตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช 1989 ถึงปี คริสต์ศักราช 2004 ในปี คริสต์ศักราช 1997 ราคาของกาแฟในนิวยอร์กแตะระดับที่ 3 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ แต่เมื่อถึงปลายปี คริสต์ศักราช 2001 ราคาของกาแฟเหลือเพียง 0.43 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ ในปี คริสต์ศักราช 2007 ราคากาแฟขายส่งอยู่ที่ประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ (จาก 69 เซนต์ในลอนดอน เมื่อเดือนมีนาคม มาเป็น 134 เซนต์ในนิวยอร์ก เมื่อเดือนตุลาคม) และราคาของกาแฟโรบัสตาคิดเป็น 70% ของกาแฟอาราบิกา ราคาซื้อขายกาแฟผันผวนอย่างมากจากราคาโดยเฉลี่ย 3 ดอลลาร์สหรัฐในโปแลนด์ 3.5 ดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกาและ 17 ดอลลาร์สหรัฐในสหราชอาณาจักร แนวคิดของการค้าโดยชอบธรรมให้การรับรองว่าเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนตามจำนวนราคาที่เจรจาไว้ก่อนการเพาะปลูก เริ่มจากมูลนิธิแมกซ์ ฮาเวลลาร์ ที่เริ่มต้นโครงการดังกล่าวในเนเธอร์แลนด์ ในปี คริสต์ศักราช 2004 ผลผลิตกาแฟ 24,222 เมตริกตันจากผลผลิตกาแฟทั้งหมด 7,050,000 เมตริกตันทั่วโลกเป็นไปตามแนวคิดการค้าโดยชอบธรรม ปีต่อมา ผลผลิตกาแฟ 33,991 เมตริกตันจากทั้งหมด 6,685,000 เมตริกตันเป็นไปตามแนวคิดการค้าโดยชอบธรรม ปริมาณผลผลิตกาแฟที่ค้าอย่างชอบธรรมคิดเป็น 0.34% ในปี 2004 และ 0.51% ในปี 2005 จากการศึกษาจำนวนมากได้แสดงให้เห็นว่าผลผลิตกาแฟที่ค้าอย่างชอบธรรมมีผลกระทบในด้านบวกต่อชุมชนที่ปลูกกาแฟ การศึกษาครั้งหนึ่งในปี 2002 แสดงให้เห็นว่าการค้าอย่างชอบธรรมจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทผู้ผลิต เพิ่มผลตอบแทนในการผู้ผลิตรายย่อย และส่งผลให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น การศึกษาครั้งหนึ่งในปี 2003 สรุปว่าการค้าโดยชอบธรรมนั้น "ได้พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรปลูกกาแฟรายย่อยและครอบครัวอย่างมาก" ด้วยการเข้าถึงความน่าเชื่อถือและเงินทุนการพัฒนาจากภายนอก และการเข้าถึงการฝึกฝนได้มากขึ้น ทำให้มีโอกาสพัฒนาคุณภาพของกาแฟที่ปลูก ครอบครัวของเกษตรกรปลูกต้นกาแฟยังมีความมั่นคงมากกว่าผู้ที่ไม่อยู่ในการค้าโดยชอบธรรม และลูกของพวกเขาก็สามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดีขึ้น จากการศึกษาของบริษัทผู้ผลิตกาแฟแห่งหนึ่งในโบลิเวียในปี 2005 สรุปว่าการรับรองการค้าโดยชอบธรรมจะส่งผลกระทบในด้านบวกต่อราคากาแฟในท้องถิ่น และให้ผลประโยชน์ทางธุรกิจแก่ผู้ผลิตกาแฟทุกราย การผลิตและการบริโภค กาแฟที่ค้าอย่างชอบธรรม ได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบกากาแฟท้องถิ่นและกาแฟระดับชาติได้เริ่มมอบข้อเสนอทางเลือกการค้าโดยชอบธรรมให้แก่เกษตรกร === การซื้อขายกาแฟ === กาแฟยังได้ซื้อขายกันโดยนักลงทุนและผู้แสวงหากำไรเนื่องจากเป็นสินค้าซื้อขายกัน สัญญาซื้อขายกาแฟล่วงหน้าได้รับการลงนามใน New York Mercantile Exchange ภายใต้สัญลักษณ์การค้าขาย KT และการส่งสัญญาจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม กันยายนและธันวาคม เมล็ดกาแฟนั้นถูกวางขายทั่วไปในท้องตลอด ลักษณะการคั่วแบ่งออกเป็น คั่วอ่อน คั่วกลาง และ คั่วเข้ม ถูกใช้ในคาเฟ่และร้านกาแฟอย่างแพร่หลาย มีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 200 จนถึง หลัก พันบาท ทำให้ตลาดกาแฟเป็นที่น่าสนใจของตลาดมากๆ เพราะผู้เล่นที่เป็นคนขายนั้น สนุกกับการำนเสนอสินค้าที่มีความแปลกใหม่และหลากหลาย รวมถึงมูลค่าเพิ่มที่ได้ตามมาจากการจำหน่าย == การผลิตเมล็ดกาแฟ == === การคั่ว === ผลกาแฟและเมล็ดกาแฟต้องผ่านกระบวนการมากมายก่อนที่จะกลายมาเป็นเมล็ดกาแฟคั่ว ขั้นแรก กาแฟจะถูกเลือกสรร โดยใช้มือเป็นส่วนใหญ่ จากนั้น นำมาจัดเรียงตามความสุก สี จากนั้นเนื้อกาแฟจะถูกนำออกโดยเครื่องจักร ส่วนเมล็ดกาแฟจะถูกหมักเพื่อกำจัดชั้นเมือกบาง ๆ ที่เกาะอยู่ตามเมล็ด เมื่อกระบวนการหมักเสร็จสิ้น เมล็ดกาแฟจะถูกล้างทำความสะอาดโดยใช้น้ำบริสุทธิ์คุณภาพสูงเพื่อกำจัดกากที่เกิดจากการหมัก ซึ่งก่อให้เกิดน้ำเสียที่มีการปนเปื้อนสูงปริมาณมาก หลังจากนั้น เมล็ดกาแฟจะถูกนำไปตากแห้ง จัดเรียงและระบุว่าเป็นเมล็ดกาแฟเขียว ขั้นตอนต่อไปคือการคั่วเมล็ดกาแฟเขียว โดยปกติแล้ว กาแฟมักจะถูกจำหน่ายหลังจากคั่วแล้ว และกาแฟทุกรูปแบบจำเป็นต้องคั่วก่อนที่จะบริโภค กาแฟสามารถคั่วได้โดยผู้ประกอบการหรือคั่วเองได้ที่บ้าน กระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟจะส่งผลต่อรสชาติของเมล็ดกาแฟ เนื่องจากเมล็ดกาแฟมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและทางเคมี เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วจะมีมวลลดลงเพราะสูญเสียความชื้นไป แต่จะมีปริมาตรมากขึ้น ทำให้มันมีความหนาแน่นลดลง ความหนาแน่นของเมล็ดกาแฟเองก็ส่งผลต่อความเข้มของกาแฟและความจำเป็นในการบรรจุ กระบวนการคั่วจะเริ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิภายในเมล็ดกาแฟสูงถึง 200 °C แม้ว่าเมล็ดกาแฟแต่ละประเภทจะมีความชื้นและความหนาแน่นที่แตกต่างกัน และยังคั่วด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกัน ระหว่างการคั่ว ปฏิกิริยารีดอกซ์ของน้ำตาลจะเกิดขึ้นภายในเมล็ดกาแฟ หลังจากที่ความร้อนมหาศาลได้เผาแป้งที่อยู่ในเมล็ดกาแฟ และเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวซึ่งจะเริ่มเกรียม และเปลี่ยนสีของเมล็ดกาแฟ ระหว่างกระบวนการคั่ว เมล็ดกาแฟจะสูญเสียซูโครสอย่างรวดเร็วและอาจสูญเสียไปทั้งหมดหากคั่วติดต่อกันเป็นเวลานาน ระหว่างการคั่ว น้ำมันหอม กรดและคาเฟอีนจะอ่อนลง ทำให้รสชาติของกาแฟเปลี่ยนไป ที่อุณหภูมิ 205 °C น้ำมันชนิดอื่นจะขยายขึ้น หนึ่งในนั้นคือ caffeol ซึ่งเกิดขึ้นที่อุณหภูมิ 200 °C ซึ่งทำให้กาแฟมีกลิ่นและรสชาติ สีของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่ว สามารถแบ่งได้ด้วยสายตามนุษย์ออกเป็น อ่อน อ่อนปานกลาง ปานกลาง เข้มปานกลาง เข้มและเข้มมาก วิธีตรวจสอบที่มีความแน่นอนกว่าในการตรวจหาระดับของการคั่ว คือ การตรวจวัดแสงสะท้อนจากเมล็ดกาแฟหลังจากการคั่วแล้ว โดยอาศัยแสงจากแหล่งกำเนิดแสงที่ใกล้กับอินฟราเรดสเปคตรัม เครื่องวัดแสงอย่างประณีตใช้กระบวนการที่เรียกว่า สเปคโตรสโกปี เพื่อคืนจำนวนที่ไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งจะบ่งบอกถึงความสัมพันธ์กับระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟหรือการพัฒนารสชาติของมัน เครื่องมือดังกล่าวจะถูกใช้ในการรับประกันคุณภาพของกาแฟในธุรกิจคั่วกาแฟเท่านั้น การคั่วให้เมล็ดกาแฟมีสีเข้มมักจะทำให้เมล็ดกาแฟมีผิวเรียบขึ้น เพราะว่าเมล็ดกาแฟเหลือใยอาหารอยู่น้อยและจะมีความหวานมากขึ้น การคั่วอ่อน ๆ เมล็ดกาแฟจะเหลือคาเฟอีนสะสมอยู่มาก ทำให้กาแฟมีรสชาติขมอ่อน ๆ และมีรสชาติเข้มขึ้นจากน้ำมันหอมและกรด ซึ่งจะสูญเสียไปหากคั่วเมล็ดกาแฟเป็นเวลานาน ระหว่างการคั่วเมล็ดกาแฟ จะก่อให้เกิดกากเล็กน้อยจากผิวของเมล็ดกาแฟภายหลังการคั่วแล้ว กากจะถูกกำจัดโดยการเคลื่อนไหวของอากาศ แม้ว่าในเมล็ดกาแฟคั่วที่มีสีเข้มกว่าจะมีการเติมกากเพื่อให้เมล็ดกาแฟมีน้ำมันชุ่ม นอกจากนี้ ระหว่างกระบวนการอาจมีการกำจัดคาเฟอีนด้วย เมล็ดกาแฟจะถูกกำจัดคาเฟอีนขณะยังเขียวอยู่ มีหลากหลายวิธีในการกำจัดคาเฟอีนออกจากกาแฟ เช่น การแช่เมล็ดกาแฟในน้ำร้อนหรือการอบเมล็ดกาแฟ จากนั้นใช้ตัวทำละลายในการละลายน้ำมันที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วย การกำจัดคาเฟอีนมักจะทำโดยบริษัทผู้ประกอบการ จากนั้นคาเฟอีนที่ถูกแยกออกมามักจะถูกจำหน่ายให้กับภาคอุตสาหกรรมทางยา === การเก็บรักษา === เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วแล้วจำเป็นต้องได้รับการเก็บรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อคงความสดของรสชาติเอาไว้ เงื่อนไขในการคงความสด คือ ความกดอากาศและความเย็น อากาศ ความชื้น ความร้อนและแสงสว่างถือว่าเป็นปัจจัยทางธรรมชาติที่สำคัญในการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ ถุงที่พับขึ้นนับว่าเป็นวิธีการทั่วไปที่ลูกค้ามักจะใช้ในการซื้อกาแฟนั้นไม่เหมาะสำหรับการเก็บรักษาในเวลานาน เนื่องจากอากาศสามารถเข้าไปในถุงได้ บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมควรจะเป็นบรรจุภัณฑ์ประเภทมีลิ้นทางเดียวเพื่อป้องกันอากาศไม่ให้เข้าไปในบรรจุภัณฑ์นั้น === การเตรียมการ === เมล็ดกาแฟจะต้องถูกบดและชงเพื่อที่จะทำเป็นเครื่องดื่ม การบดเมล็ดกาแฟคั่วสามารถทำได้ที่เตาอบกาแฟ ในร้านขายของชำ หรือในบ้านก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่เตาอบกาแฟจากนั้นจะบรรจุและจัดจำหน่ายให้แก่ลูกค้า เมล็ดกาแฟสามารถบดได้หลายวิธี เครื่องบดเลื่อยใช้การหมุนในการตัดเมล็ดให้ขาดออกจากกัน เครื่องบดไฟฟ้าใช้การอัดกระแทกของใบมีดทื่อที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ไปจนถึงการใช้โกร่งบดยา ประเภทของการบดจะตั้งชื่อตามวิธีของการชงกาแฟที่ใช้กันโดยทั่วไป อย่างเช่น กาแฟตุรกีเป็นการบดที่ดีที่สุด ในขณะที่เครื่องต้มกาแฟหรือหม้อต้มกาแฟเป็นการบดที่ลื่นไหลที่สุด ส่วนการบดแบบธรรมดาจะอยู่กึ่งกลางระหว่างการบดที่ดีที่สุดกับการบดที่ลื่นไหลที่สุดนี้ การบดแบบปานกลางมักจะใช้กับเครื่องชงกาแฟทั่วไปตามบ้าน กาแฟสามารถชงได้หลายวิธี การต้ม การจุ่มน้ำหรือการใช้ความดัน การต้มการแฟโดยใช้วิธีการต้มเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ยกตัวอย่าง กาแฟต้ม คือ กาแฟตุรกี โดยการตำเมล็ดกาแฟด้วยโกร่งบดยา จากนั้นนำผงกาแฟไปต้มกับน้ำจนเดือดในหม้อที่เรียกว่าเซสฟ์ หรือบริกิ ในภาษากรีก ซึ่งจะทำให้เกิดกาแฟที่มีรสเข้มและมีฟองเกาะอยู่บนผิวหน้าของกาแฟ เครื่องจักรอย่างเช่น เครื่องต้มกาแฟ หรือ เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ ต้มกาแฟโดยใช้แรงโน้มถ่วง น้ำร้อนจะหยดสู่ผงกาแฟซึ่งถูกยึดใว้ในที่กรองกาแฟที่ทำจากกระดาษหรือโลหะที่เจาะรู เพื่อให้น้ำค่อย ๆ ไหลซึมไปยังเมล็ดกาแฟ ขณะที่ดูดซึมน้ำมันไป แรงโน้มถ่วงทำให้ของเหลวสามารถผ่านขวดใส่น้ำหรือหม้อ ขณะที่ผงกาแฟยังคงเก็บไว้ในที่กรองกาแฟอยู่ ด้วยวิธีการดังกล่าว น้ำต้มเดือดจะถูกดันเข้าสู่ที่ว่างเหนือที่กรองกาแฟด้วยแรงดันไอน้ำที่เกิดจากการต้มน้ำ จากนั้นน้ำจะผ่านลงไปด้านล่างผ่านผงกาแฟโดยแรงโน้มถ่วง และกระบวนการจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะถูกหยุดโดยตัวจับเวลาภายใน หรือถ้าโดยทั่วไปแล้วเครื่องบังคับความร้อนในการตัดตัวทำความร้อนเมื่ออุณหภูมิภายในหม้อสูงตามที่กำหนดแล้วแทน เครื่องบังคับความร้อนสามารถควบคุมอุณหภูมิของกาแฟให้คงที่ได้ เนื่องจากเมื่อกาแฟเย็นลง เครื่องบังคับความร้อนจะเปิดให้ตัวทำความร้อนทำงานอีกครั้ง แต่วิธีนี้จำเป็นต้องนำถาดรองผงกาแฟออกหลังจากการต้มครั้งแรกเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันมิให้เกิดการต้มเพิ่มอีก ผู้ที่มีความพิถีพิถันจะรู้สึกว่าการต้มหลาย ๆ ครั้งจะทำให้กาแฟไม่ได้รสชาติที่ดีที่สุดของมัน กาแฟยังสามารถต้มได้ด้วยวิธีการจุ้มในเครื่องต้มกาแฟ ผงกาแฟและน้ำร้อนจะถูกผสมรวมกันในเครื่องต้ม และใช้เวลาไม่กี่นาทีในการต้ม เครื่องแทงจะลดระดับลงเพื่อใช้แยกผงกาแฟ ซึ่งจะเหลืออยู่ที่ก้นของเครื่องต้ม เนื่องจากผงกาแฟสัมผัสกับน้ำโดยตรง น้ำมันกาแฟทั้งหมดจึงยังเหลืออยู่ในกาแฟนั้น ทำให้กาแฟมีรสชาติเข้มขึ้น และพบว่ามีตะกอนอยู่มากกว่ากาแฟซึ่งผลิตในเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ ส่วนกาแฟเอสเพรสโซ่ใช้วิธีการพาสเจอร์ไรซ์ร้อน แต่ไม่ถึงกับเดือด โดยให้น้ำไหลผ่านผงกาแฟ ผลจากการต้มภายใต้แรงดันสูงประมาณ 9–10 หน่วยบรรยากาศ ทำให้เครื่องดื่มเอสเพรสโซ่มีรสแรงมาก คิดเป็น 10-15 เท่าของกาแฟที่ใช้วิธีแรงโน้มถ่วง และมีองค์ประกอบทางกายภาพและทางเคมีที่ซับซ้อน กาแฟเอสเพรสโซ่ชั้นดีจะมีครีมสีน้ำตาลแดงลอยอยู่บนผิวหน้า ที่เรียกว่า "ครีมา" ส่วนเครื่องดื่ม "อเมริกาโน" ซึ่งได้ชื่อมาจากทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่ทหารเหล่านั้นคิดว่ากาแฟเอสเพรสโซ่ในแบบของชาวยุโรปนั้นมีรสชาติแรงเกินไป จึงมีการทำให้เจือจางโดยใส่น้ำมากขึ้นกว่ากาแฟเอสเพรสโซ่ === การนำเสนอ === เมื่อผ่านการต้มแล้ว กาแฟสามารถนำเสนอได้ในหลายรูปแบบ การต้มหยด ซึม หรือกาแฟที่ทำมาจากเครื่องต้มกาแฟสามารถดื่มได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสารปรุงแต่งเพิ่มเติม หรืออาจจะใส่น้ำตาล นม ครีมหรือทั้งคู่ และยังสามารถเสิร์ฟในน้ำแข็งได้อีกด้วย กาแฟประเภทเอสเพรสโซมีวิธีการนำเสนอหลากหลายรูปแบบ ในรูปแบบที่ง่ายที่สุด กาแฟเอสเพรสโซสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งเพิ่มเติม หรือในรูปแบบที่มีการเจือจางด้วยน้ำมากขึ้น เรียกว่า "อเมริกาโน" ซึ่งประกอบด้วยเอสเพรสโซหนึ่งหรือสองช็อตผสมกับน้ำร้อน กาแฟอเมริกาโนควรจะเสิร์ฟพร้อมกับเอสพรสโซช็อตเพื่อรักษาครีมาเอาไว้ กาแฟเอสเพรสโซหลายรูปแบบสามารถใส่นมเพื่อปรุงแต่งได้ เมื่อเพิ่มนมร้อนในกาแฟเอสเพรสโซแล้ว จะเรียกว่า "ลาเต" กาแฟเอสเพรสโซและนมในปริมาณที่เท่า ๆ กัน จะได้ "คาปูชิโน" และยังมีการใช้นมร้อนในการวาดลวดลายบนผิวหน้าของกาแฟ ซึ่งเรียกว่า ศิลปะลาเต้ กาแฟจำนวนมากถูกจำหน่ายให้แก่ลูกค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ไม่มีเวลาที่จะทำกาแฟของตนเอง กาแฟประเภทนี้ ได้แก่ กาแฟสำเร็จรูป ซึ่งถูกทำให้แห้งจนกลายเป็นผงแป้งที่สามารถละลายน้ำได้ หรือการทำให้แห้งจนเป็นเกล็ดขนาดเล็กซึ่งสามารถละลายได้อย่างรวดเร็วในน้ำ กาแฟกระป๋องเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในชาวเอเชียเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ผู้ผลิตได้ใช้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติในการจำหน่ายกาแฟกระป๋องหลายรูปแบบ อย่างเช่น กาแฟต้มหรือกาแฟซึม และมีทั้งกาแฟร้อนและเย็น ร้านสะดวกซื้อและร้านขายของชำในประเทศญี่ปุ่นยังมีการจำหน่ายกาแฟบรรจุขวดหลายรูปแบบ โดยมักจะมีรสหวานอ่อน ๆ และผสมกับนมเล็กน้อย กาแฟบรรจุขวดยังได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา ในบางครั้ง กาแฟเหลวข้นถูกผลิตออกมาเพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้คนนับพันในเวลาเดียวกัน รสชาติของมันเทียบได้กับกาแฟโรบัสตาชั้นเลว และใช้ต้นทุนการผลิต 10 เซนต์ เครื่องจักรสามารถผลิตกาแฟได้ 500 ถ้วยต่อชั่วโมง หรืออาจมากถึง 1,000 ถ้วยต่อชั่วโมงถ้าใช้น้ำร้อนในการผลิต === กาแฟแต่ละรูปลักษณ์ === == กาแฟกับสังคม == กาแฟนั้นแต่เดิมใช้เพื่อเหตุผลทางด้านจิตวิญญาณ เมื่อ 1,000 ปีที่ผ่านมา พ่อค้าได้นำกาแฟข้ามทะเลแดงมายังดินแดนอาระเบีย (ปัจจุบัน คือ ประเทศเยเมน) ที่ซึ่งนักบวชชาวมุสลิมได้ปลูกไม้พุ่มในสวนของตน ในตอนแรก ชาวอาหรับได้ผลิตไวน์จากเนื้อของเมล็ดกาแฟหมัก เครื่องดื่มดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันว่า qishr (ปัจจุบัน คือ kisher) และเป็นส่วนประกอบของพิธีการทางศาสนาอีกด้วย หลังจากนั้น กาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ทำหน้าที่แทนไวน์ในพิธีกรรมทางศาสนา หลังจากที่ได้มีการห้ามดื่มไวน์ การดื่มกาแฟถูกห้ามโดยชาวมุสลิมตามฮะรอม ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 แต่ว่าข้อห้ามดังกล่าวได้ถูกล้มล้างในเวลาไม่นาน การนำไปใช้ในพิธีกรรมทางศานาทำให้กาแฟถูกส่งไปยังนครเมกกะ กาแฟถูกกล่าวว่าเป็นต้นเหตุของการประพฤติตนนอกคอก การผลิตและการบริโภคกาแฟถูกปราบปราม ต่อมา กาแฟถูกห้ามอย่างเด็ดขาดในจักรวรรดิออตโตมาน กาแฟซึ่งเป็นเครื่องดื่มของชาวมุสลิม ถูกห้ามในหมู่ชาวเอธิโอเปียซึ่งนับถือคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์ จนกระทั่งถึงปี คริสต์ศักราช 1889 ซึ่งได้เป็นเครื่องดื่มประจำชาติของเอธิโอเปีย ที่ไม่ว่าคนที่นับถือความเชื่อใดก็สามารถดื่มได้ทั้งสิ้น การใช้กาแฟในกิจกรรมก่อการกบฏทางการเมืองทำให้กาแฟถูกห้ามในสหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ ในยุคเดียวกับที่มีการห้ามดื่มกาแฟในจักรวรรดิออตโตมานนั้น การห้ามกาแฟยังสามารถพบเห็นได้ในวิหารคริสต์ศาสนานิกายมอมะนิสม์แห่งพระเยซูคริสต์เจ้า ซึ่งได้กล่าวอ้างว่าการดื่มกาแฟจะส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตวิญญาณ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวมาจากทฤษฎีทางด้านสุขภาพของชาวคริสต์นิกายมอมะนิสม์ในปี คริสต์ศักราช 1833 โดยผู้ก่อตั้งนิกาย โจเซฟ สมิธ ในพระวจนะที่เรียกว่า ถ้อยคำแห่งปัญญา แต่ถ้อยคำแห่งปัญญานี้ไม่ได้หมายความตามชื่อ แต่ยังรวมไปถึงข้อกำหนดที่ว่า "เครื่องดื่มร้อนไม่ใช่ของสำหรับดื่ม" จึงมีการตีความว่า ห้ามการดื่มกาแฟและชาด้วย นอกจากนี้ สมาชิกของคริสต์ศาสนาแอดเวนทิสต์วันที่เจ็ดยังได้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน เนื่องจากคริสตจักรได้สอนให้พวกเขาละเว้นจากการดื่มชาและกาแฟ รวมไปถึงเครื่องดื่มบำรุงกำลังอื่น ๆ การศึกษาวิจัยของนิกายแอดเวนทิสต์ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เล็กแต่ว่าส่งผลอย่างมากในทางสถิติระหว่างการดื่มกาแฟกับอัตราการตายจากการเป็นโรคหัวใจ และอีกหลายสาเหตุของการเสียชีวิต == ผลกระทบต่อสุขภาพ == จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคกาแฟกับคุณสมบัติทางยา ผลที่ได้จากการศึกษานั้นมีความขัดแย้งกันในเรื่องของประโยชน์ต่อสุขภาพของกาแฟ และยังมีความขัดแย้งกันในด้านผลกระทบที่เกิดจากการบริโภคกาแฟอีกด้วย การดื่มกาแฟดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดขนาดของหน้าอก และการได้รับปริมาณคาเฟอีนในระดับหนึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งเต้านม กาแฟดูเหมือนว่าจะลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคหัวใจ โรคเบาหวานประเภทที่ 2 โรคตับแข็ง และโรคเกาต์ จากผลของการศึกษาระยะยาวในปี คริสต์ศักราช 2009 พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม (ได้แก่ 3–5 ถ้วยต่อวัน) จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะไหลย้อนกลับและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผลกระทบที่เกิดจากการดื่มกาแฟบางอย่างเป็นเพราะคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟ แต่ก็ใช่ว่าส่วนประกอบอย่างอื่นไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเสียทีเดียว อย่างเช่น สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันอนุมูลอิสระภายในร่างกาย กาแฟช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวระงับความเจ็บปวด โดยเฉพาะในการรักษาไมเกรน และยังสามารถกำจัดโรคหืดในผู้ป่วยบางคนได้ด้วย คุณประโยชน์บางอย่างอาจส่งผลต่อเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการฆ่าตัวตายในผู้หญิง และช่วยป้องกันนิ่วและโรคถุงน้ำดีในผู้ชาย นอกจากนี้มันยังช่วยลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานในทั้งสองเพศ และลดเพียงประมาณ 30% ในผู้หญิง แต่ลดมากกว่า 50% ในผู้ชาย กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็งและป้องกันมะเร็งในปลายลำไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะ กาแฟสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในเซลล์ตับ ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของมะเร็งตับ (Inoue, 2005) และสุดท้ายกาแฟช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจอีกด้วย ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกาแฟ เช่น กาแฟมีส่วนช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น และเพิ่มไอคิว นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนระบบเมตาบอลิซึมให้มีสัดส่วนของลิพิดต่อคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเผาผลาญสูงขึ้น ซึ่งช่วยลดอาการล้ากล้ามเนื้อของนักกีฬา ทีมวิจัยของ University of Bari ประเทศอิตาลี พบว่าการดื่มกาแฟ 1–2 แก้วต่อวัน ช่วยป้องกันโรคหนังตากระตุกได้ และยังช่วยลดอัตราการกระตุกให้ช้าลงได้สำหรับผู้ป่วย นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน เยเซอร์ ดอร์รี ได้เสนอว่ากลิ่นของกาแฟสามารถลดอาการอยากอาหารและสามารถฟื้นฟูประสาทรับกลิ่นได้ เขายังเสนอว่าผู้คนสามารถลดอาการอยากอาหารได้เมื่อพวกเขาได้สูดดมกลิ่นเมล็ดกาแฟเข้าไป และทฤษฎีดังกล่าวยังสามารถใช้ได้กับสัตว์ทดลองอีกด้วย แต่ว่าคาเฟอีนก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ที่ดื่มกาแฟมากเกินไป อย่างเช่น อาการ "ใจสั่น" ซึ่งเป็นอาการกระวนกระวายที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับคาเฟอีนมากเกินไป กาแฟยังเพิ่มความดันโลหิตให้กับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่ผลการศึกษาเพิ่มเติมก็ยังแสดงให้เห็นว่ามันช่วยลดอัตราเสี่ยงโดยรวมในการเกิดโรคหัวใจด้วย กาแฟยังทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับในบางคน แต่ในทางกลับกันก็ช่วยให้บางคนหลับได้ดีขึ้น นอกจากนี้มันยังอาจทำให้เกิดความกังวลและอาการหงุดหงิดง่ายให้กับบางคนที่ดื่มมากเกินไป และบางคนก็เกิดอาการทางประสาท ผลกระทบบางอย่างของกาแฟก็เกิดขึ้นกับเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น มันทำให้อาการป่วยเลวร้ายลงในกรณีของผู้ป่วยประเภท PMS และยังลดความสามารถในการมีบุตรของสตรี และยังอาจเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเกิดภาวะกระดูกพรุนของผู้หญิงหลังวัยหมดระดู และยังอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์หากแม่ดื่มตั้งแต่ 8 ถ้วยต่อวันขึ้นไป (48 ออนซ์ขึ้นไป) ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ในประเทศเดนมาร์กได้มีการศึกษาสตรีจำนวน 18,478 คนซึ่งดื่มกาแฟเป็นปริมาณมากระหว่างตั้งครรภ์ พบว่ามันส่งผลให้อัตราเสี่ยงของการตายของทารกหลังคลอดเพิ่มขึ้นอย่างมาก (แต่ไม่มีผลกระทบต่ออัตราการตายในปีแรกของทารก) ในรายงานระบุว่า "ผลการศึกษาบ่งชี้ถึงผลกระทบจากการดื่มตั้งแต่ 4 ถึง 7 ถ้วยต่อวัน" คนที่ดื่ม 8 ถ้วยต่อวันขึ้นไป (48 ออนซ์ขึ้นไป) จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 220% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่ม การศึกษานี้ยังไม่ได้มีการทำซ้ำให้แน่ใจ แต่ก็ทำให้แพทย์หลาย ๆ คนเพิ่มความระมัดระวังต่อการดื่มกาแฟมากเกินไปของสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ ผลการศึกษาตีพิมพ์ปี พ.ศ. 2547 ใน American Journal of Clinical Nutrition พยายามค้นหาว่าทำไมประโยชน์และโทษของกาแฟจึงได้ดูขัดกันเอง และได้ค้นพบว่าการดื่มกาแฟมีความเกี่ยวข้องกับการปรากฏชัดทางชีวเคมีของอาการอักเสบและเป็นผลกระทบที่รุนแรงของกาแฟต่อระบบหัวใจร่วมหลอดเลือด ซึ่งเป็นตัวอธิบายว่าทำไมกาแฟจึงได้มีผลดีต่อหัวใจเมื่อดื่มไม่เกินวันละ 4 ถ้วยเท่านั้น (ไม่เกิน 20 ออนซ์) คาเฟอีนจึงเปรียบเสมือนยาพิษหากเสพมากเกินไป การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณเข้มข้นอย่างยิ่ง อย่างเช่น เป็นเม็ดหรือเป็นผง ในปริมาณมาก ก็อาจทำให้ร่างกายอาเจียน หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ จากผลของการสำรวจพบว่า 10% ของผู้ตอบที่ดื่มกาแฟในปริมาณ 235 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป รายงานว่าตนมีความทุกข์มากขึ้นเมื่อตนขาดคาเฟอีน ในขณะที่ผู้ตอบ 15% บอกว่าตนได้เลิกการบริโภคคาเฟอีนอย่างเด็ดขาด เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสุขภาพของตน == เชิงอรรถ == === อ้างอิง === === ผลงานที่อ้างถึง === == แหล่งข้อมูลอื่น == กาแฟ เครื่องดื่ม พืชไร่ พืชและเห็ดราที่มีสารกระตุ้น
thaiwikipedia
999
17 มีนาคม
วันที่ 17 มีนาคม เป็นวันที่ 76 ของปี (วันที่ 77 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 289 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - เทนซิน เกียโซ ดาไลลามะองค์ที่ 14 ทรงลี้ภัยการเมือง จากทิเบตไปอยู่อินเดีย พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - กอลดา ไมเออร์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของอิสราเอล == วันเกิด == พ.ศ. 2425 (ค.ศ. 1882) - สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ (สิ้นพระชนม์ 8 เมษายน พ.ศ. 2475) พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - แนท คิง โคล นักเปียโน, นักแต่งเพลงและนักร้องเพลงแจ๊ซชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508) พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - คะโยะ มะสึโอะ นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - โกมล โลกะกะลิน นักร้องดาวรุ่งสุนทราภรณ์ (เสียชีวิต 5 เมษายน พ.ศ. 2562) พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - เคิร์ต รัสเซลล์ นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) * วิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจและนักเขียนชาวไทยเชื้อสายจีน * วิคเตอร์ เฮอร์มันส์ อดีตนักฟุตซอลชาวดัตช์ พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) - สรจักร ศิริบริรักษ์ นักเขียนเรื่องสั้นแนวเขย่าขวัญ (ถึงแก่กรรม 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556) พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - วิโรจน์ แซ่โล้ว นักแสดงสตั๊นแมนชาวไทยเชื้อสายจีน พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - ชาตรี คงสุวรรณ นักดนตรี นักแต่งเพลง พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - ฟาง จงซิ่น นักแสดงชาวฮ่องกง พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - ร็อบ โลว์ นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - คิท โค้พ นักมวยไทย, นักสู้ป้องกันตัวแบบผสมชาวอเมริกัน พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) * ธัญญ์ ธนากร นักแสดงชาวไทย * บัวชมพู ฟอร์ด นักแสดงและนักร้องชาวไทย พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - อาร์ซู (นักฟุตบอล) นักฟุตบอลชาวสเปน พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - สตีเวน พีนาร์ นักฟุตบอลอาชีพชาวแอฟริกาใต้ พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) * ทีโมที แทตเชอร์ นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน * ราอุล ไมแรลึช นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - เอดิน เจโก นักฟุตบอลชาวบอสเนีย พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) *เฟเดริโก ฟาซิโอ นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา *โอไวน์ โวน วิลเลียมส์ นักฟุตบอลชาวเวลส์ พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ นักฟุตบอลชาวอังกฤษ พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ชินจิ คางาวะ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - มรุต แสนสุข นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - ชนานันท์ ป้อมบุปผา นักฟุตบอลชาวไทย พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - มาร์เซ็ล ซาบิทเซอร์ นักฟุตบอลชาวออสเตรีย พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - ชิน จิน-ซอ นักหมากล้อมระดับอาชีพชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - จักรภัทร อังศุธนมาลี นักแสดงชาวไทย == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - ทองมาก จันทะลือ ศิลปินแห่งชาติ ปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในวงการหมอลำ (เกิด 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2472) พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) - เฉลียว อยู่วิทยา นักธุรกิจชาวไทย (เกิด พ.ศ. 2475) พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) *ระวี ภาวิไล นักวิชาการด้านดาราศาสตร์ และนักปรัชญา (เกิด 17 ตุลาคม 2468) *ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเยาวชนสิทธิมนุษยชนชาวลาหู่ (เกิด พ.ศ. 2543) พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - จอห์น มากูฟูลี ประธานาธิบดีแทนซาเนียคนที่ 5 (เกิด 29 ตุลาคม พ.ศ. 2502) == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day Today in History: March 17 มีนาคม 17 มีนาคม
thaiwikipedia
1,000
16 มีนาคม
วันที่ 16 มีนาคม เป็นวันที่ 75 ของปี (วันที่ 76 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 290 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2063 (ค.ศ. 1521) - เฟอร์ดินานด์ แมกเจลแลน เดินทางถึงประเทศฟิลิปปินส์โดยมาทอดสมอเรือตรินิแดดที่อ่าวเลย์เต ถือว่าเป็นผู้ค้นพบหมู่เกาะวิซายา พ.ศ. 2203 (ค.ศ. 1660) - รัฐสภายาวถูกยุบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรัฐสภาคอนเว็นท์ชั่นใหม่ พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 แห่งสวีเดน ถูกลอบปลงพระชนม์โดยการยิง; พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2442 (ค.ศ. 1900) - เซอร์อาร์เธอร์ อีแวนส์ ซื้อซากเมืองนอสซัสบนเกาะครีต เพื่อการขุดค้นทางโบราณคดี พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - ฮิตเลอร์ประกาศให้ดินแดนโบฮีเมียและโมราเวียอยู่ภายใต้การอารักขาของเยอรมนี พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - นิวซีแลนด์ประกาศสงครามกับไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 พ.ศ. 2488 - ฝ่ายสัมพันธมิตรยึดเกาะอิโวจิมาสำเร็จ พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - สงครามเวียดนาม: ทหารอเมริกันสังหารพลเรือน 347 คน ที่เมืองมีลาย ในเวียดนาม พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - นาย อัลโด โมโร นายกรัฐมนตรีอิตาลีถูกกองทัพแดงอิตาลีลักพาตัวและถูกสังหารในเวลาต่อมา == วันเกิด == พ.ศ. 2294 ( ค.ศ. 1751 ) - เจมส์ แมดิสัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 4 (ถึงแก่กรรม 28 มิถุนายน พ.ศ. 2379) พ.ศ. 2330 (ค.ศ. 1787) - จอร์จ ไซมอน โอห์ม นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน (เสียชีวิต 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2397) พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) - พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร (สิ้นพระชนม์ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546) พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) - จิตติ ติงศภัทิย์ อดีตองคมนตรี (เสียชีวิต 3 มีนาคม พ.ศ. 2538) พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - แพต นิกสัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา (ถึงแก่กรรม 22 มิถุนายน พ.ศ. 2536) พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) - สมเด็จพระราชาธิบดีฟะฮัด บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (สวรรคต 1 สิงหาคม พ.ศ. 2548) พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - สินีนาฏ โพธิเวส นักแสดงชาวไทย (เสียชีวิต 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560) พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - ริชาร์ด สตอลแมน ผู้ก่อตั้งโครงการกนู พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - นาคร ศิลาชัย นักแสดง/พิธีกร/นักกีฬาชาวไทย พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - สุนารี ราชสีมา นักร้องลูกทุ่งหญิงชาวไทย พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ฮิเดกิ โทดากะ แชมป์โลกมวยสากลชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - โชคทวี พรหมรัตน์ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - ดักกลาส โรดริเกวซ นักฟุตบอลชาวบราซิล พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ทีโอ วอลคอตต์ นักฟุตบอลชาวอังกฤษ พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) * ภัทรานิษฐ์ วิริยะบำรุงกิจ นักแสดงหญิงชาวไทย * แอนเทรอัส คอร์เนลีอัส นักฟุตบอลชาวเดนมาร์ก พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - ดอมินิก แคลเวิร์ต-ลูอิน นักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ผู้มีบทบาทสำคัญทางการทูตของไทยในช่วงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - ขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) นายทหารหัวหน้าคณะผู้ก่อการกบฏ ร.ศ. 130 พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (เกิด 2 เมษายน พ.ศ. 2471) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day Today in History: March 16 มีนาคม 16 มีนาคม
thaiwikipedia
1,001